ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Whisperer เนตรสะกดวิญญาณ [จบ]

    ลำดับตอนที่ #1 : ลำนำสู่ห้วงรัตติกาล Symphony of the Night

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 55


    บทนำ

    Symphony of the Night

    ลำนำสู่ห้วงรัตติกาล

     

                เมื่อความมืดเป็นดั่งอาภรณ์แห่งผืนฟ้า เมื่อผืนดินไร้ซึ่งแสงสาดส่อง ยามนั้นผู้เร้นกายในห้วงรัตติกาล โลดแล่นผ่านขอบเขตแห่งการรับรู้ ละอองแห่งราตรีปกคลุมทั่วพื้นที่ โสตสัมผัสแว่วเสียงจังหวะของระลอกคลื่น และมวลน้ำที่ซัดเข้าหาฝั่ง เสียงนั้นส่งมาจากระยะไม่ไกลเท่าใดนัก มันเป็นเสียงที่ย้ำเตือนถึงเวลาที่กำลังไหลผ่าน เท้าที่ย่ำลงรับรู้ได้ถึงมวลที่หนาแน่นของพื้นหิน รอยเท้าหลายคู่กำลังเหยียบย่างลงไปในหมอกแห่งราตรี เงาร่างทั้งห้ามุ่งสู่ความมืดเบื้องหน้า มุ่งสู่รัตติกาลที่แฝงตัวท่ามกลางแสงส่องสว่างของมหานคร หลังสิ้นเสียงสุดท้ายจากโรงละครโอเปราที่นิ่งสงบ โรงอุปรากรซึ่งตั้งอยู่ริมอ่าวซิดนีย์ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย ชายชุดดำห้าคนกำลังมุ่งหน้าสู่จุดหมายเพื่อภารกิจที่ได้รับมอบหมายมา

     

                เมื่อเข้าใกล้ระยะที่มองเห็นโรงละครโอเปรา สิ่งก่อนสร้างที่มีลักษณะคล้ายเปลือกหอยที่ซ้อนทับกันสามชั้น อันเป็นผลงานการออกแบบของสถาปนิกชาวเดนมาร์กนามยอร์น อุตซอน ซึ่งอยู่ไม่ไกลเกินไปนัก จังหวะของฝีเท้าที่เร่งเร้าหยุดชะงักลง เนื่องจากสัญญาณที่ส่งมาจากผู้นำที่เคลื่อนตัวอยู่ด้านหน้า มือขวาของชายในชุดดำถูกยกขึ้นตั้งฉากกับท่อนแขน อันเป็นสัญญาณของการหยุดการเคลื่อนไหว แล้วจึงตามมาด้วยเสียงสั่งการสั้นๆ หากแต่เปี่ยมไปด้วยพลัง

                ไนท์เปิดมิติ หลังสิ้นเสียงลงชายชุดดำด้านหลังคนหนึ่งเดินออกมาด้านหน้า หยิบผลึกออกมายื่นไปด้านหน้าพร้อมกับเสียงประโยคที่ฟังแล้วเหมือนมีพลังประหลาดแฝงอยู่ดังออกมา

     

    จิตแห่งบรรพกาล ดวงเนตรแห่งพื้นพิภพ โปรดเบิกทางแห่งห้วงมิติ

     

                อากาศด้านหน้าเขาบิดตัว บีบรัดและปั่นป่วนก่อนจะปรากฏรอยแยกแห่งมิติออกที่เบื้องหน้าของทั้งห้า เมื่อสิ่งที่ต้องการปรากฏออกมาเบื้องหน้าเสียงผู้สร้างมันขึ้นมาหันมารายงานกับผู้ที่สั่งการ

    หัวหน้าเรย์ครับเอจ (Eadge) ปรากฏขึ้นอย่างเสถียรแล้วครับ เมื่อเขาได้รับการยืนยันในความสำเร็จคำสั่งต่อมาจึงถูกสั่งออกมาจากชายคนเดิม

                หน่วยนิกซ์ (N.Y.X) เตรียมพร้อมเข้าสู่รอยแยกมิติ เอจปรากฏแล้ว เขาสั่งให้เตรียมพร้อมเพื่อเข้าสู่รอยแยกของมิติที่มีขนาดไม่ถึงสามเมตรที่ปรากฏตรงหน้าซึ่งพวกเขาเรียกรอยแยกของมิตินี้ว่า เอจ

                ชายชุดดำที่อยู่ด้านหลังเมื่อได้รับคำสั่งก็รีบพุ่งตัวเข้าสู่รอยแยกนั้น เหลือไว้เพียงผู้เปิดมิติและชายหนุ่มซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วย

                พวกเราจะเข้าไปจัดการกับมันให้เสร็จเร็วที่สุด นายอยู่ที่นี่จัดการประตูเพื่อพาพวกเรากลับ  เขาสั่งขณะที่ตัวเขาเข้าไปสู่มิติเบื้องหลังที่เปิดออก

                ครับหัวหน้า ชายผู้ถูกสั่งมองหน้าของหัวหน้าหน่วยที่กำลังหันหน้ากลับไปสู่มิติ เผยให้เห็นดวงตาสีเหลืองที่ส่องประกายประหลาดของเขา มันเป็นสีนัยน์ตาที่ผิดเพี้ยนจากธรรมชาติของมนุษย์ที่พึ่งมี นัยน์ตาสีเหลืองส่องประกายในความมืดก่อนจะหันกลับไปปล่อยให้ผู้ที่เปิดมิติซึ่งใช้รหัสเรียกขานกันว่าไนท์ทำได้เพียงรับหน้าที่ในการดูแลเอจที่เปรียบเสมือนกับเป็นประตูของมิติแห่งนี้ และเมื่อร่างของทั้งสี่หายไปในมิติที่ถูกเปิดขึ้นเสียงของเขารายงานผ่านวิทยุสื่อสารเพื่อรายงานความคืบหน้าของสถานการณ์ก็ดังขึ้น

                หน่วยนิกซ์เข้าสู่มิติขนานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายแล้ว กำลังมุ่งหน้าสู่โอเปราเฮ้าส์เพื่อจัดการกับเนเมซิส เสียงเขารายงานก่อนที่จะทำหน้าที่เฝ้าประตูมิติอันเป็นหน้าที่หลักของเขาต่อไป

                ในมิติคู่ขนานอันไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต ปราศจากต้นไม้ใบหญ้าและผู้คนที่เมื่อครู่ยังมองเห็นอยู่อย่างชัดเจน ทั้งนักท่องเที่ยวที่มาเพื่อเก็บภาพในยามค่ำคืนคู่กับสิ่งก่อสร้างแห่งนี้ หรือคู่รักที่มองออกสู่ทะเลในยามค่ำคืน แต่เมื่อหน่วยนิกซ์ซึ่งเป็นหน่วยที่ใช้นามแห่งเทพรัตติกาล ผู้เป็นมารดาของเทพนิทราและเทพแห่งความตายมาใช้เป็นชื่อ เหยียบย่างเข้าสู่มิติคู่ขนานแล้วนั้น สิ่งที่ว่าก็หายไปจากสายตา เหลือเพียงความเงียบสงัดและทิวทัศน์ที่ปราศจากชีวิตใดๆ

                พวกเขามุ่งตรงสู่โรงละครโอเปราจากด้านหลัง ประตูที่ปิดลงอย่างแน่นหนาถูกเปิดออกโดยฝีมือของลูกทีมคนหนึ่ง ทำให้ทั้งสี่ย่างกรายเข้าสู่โรงละครอันใหญ่โตมโหฬารแห่งนี้ได้สำเร็จ มันประกอบไปด้วยห้องต่างๆ มากมาย อันประกอบไปด้วย โรงละคร โรงอุปรากร โรงภาพยนตร์ ร้านอาหารหลายแห่ง รวมกระทั่งบาร์และห้องซ้อมอีกหลายห้อง หากแต่เป้าหมายของคนทั้งสี่ในครั้งนี้ อยู่ที่ห้องแสดงคอนเสิร์ตที่ใหญ่ขนาดสองพันกว่าที่นั่ง และเป็นที่ตั้งของเม้าท์ออแกนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งขณะนี้ได้รับการยืนยันว่า กำลังถูกเตรียมการเพื่องานแสดงของศิลปินชื่อดังนาม บาร์เดน คอลเนลี ที่ขณะนี้ตัวเขาเองนั้น กำลังควบคุมการตกแต่งสถานที่เพื่อการแสดงของเขาอยู่ ณ ที่นั่น

                แสงจากหลอดไฟที่ยาวเรียวส่องกระทบใบหน้าของชายชุดดำทั้งสี่ แต่ที่ดึงดูดสายตามากที่สุดคงจะเป็นผู้ที่ถูกเรียกว่าหัวหน้า ซึ่งอยู่ในชุดดำที่มีขลิบสีแดงที่บริเวณไหล่ ต่างกับอีกสามคนที่กำลังตามมา ใบหน้าเรียวยาวมองดูคมคายกับผมสั้นสีน้ำตาลเข้มเป็นลอน พร้อมด้วยริมฝีปากบางกับจมูกที่เป็นสันรับกับส่วนอื่นๆ และดวงตาสีเหลืองส่องประกายที่วางตัวอยู่ใต้คิ้วสีน้ำตาลเข้ม ที่แสดงออกถึงความแข็งกล้าวอย่างเห็นได้ชัด          

                เสียงของสถานที่นี้ ซึ่งในมิติปกติจะมีผู้คนที่เตรียมงานต่างๆ และพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่เกือบทั่วทุกพื้นที่ หากแต่ในมิติคู่ขนานแห่งนี้ ในบริเวณเดียวกันกับโลกเบื้องหน้านั้น กลับปราศจากสิ่งเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง เหลือเพียงตัวอาคารอันยิ่งใหญ่ และความว่างเปล่าที่วางตัวนิ่งสงบอยู่ตลอดเวลา เสียงฝีเท้าของทั้งสี่ที่เมื่อสักครู่เร่งรีบกลับหยุดชะงักลงในทันที เมื่อเสียงของเม้าท์ออแกนดังออกมาจากห้องแสดงคอนเสิร์ตที่อยู่อีกไม่ไกล ในเมื่อโลกคู่ขนานนี้ปราศจากสิ่งมีชีวิตแล้วนั้น เสียงที่ส่งออกมาคงเกิดจากสิ่งอื่นใดไปไม่ได้ นอกเสียจากเป้าหมายในครั้งนี้ เนเมซิส’ (Nemesis) วิญญาณแห่งปีศาจร้ายที่สิ่งสถิตในร่างมนุษย์ เพื่อสะสมพลังด้วยการคร่าชีวิตมนุษย์และดูดกลืนไอวิญญาณ เพื่อที่จะสร้างร่างที่แท้จริงของพวกมันให้เกิดขึ้นในโลกแห่งนี้

                บาร์เดน คอลเนลีเบื้องหน้านั้นคือศิลปินชื่อก้อง หากแต่เบื้องหลังนั้น คือผู้นำกลุ่มก่อการร้ายที่เป็นผู้ระเบิดทางรถไฟในเมืองมิวนิกประเทศเยอร มันทำให้ผู้บริสุทธิ์ถึงแก่งความตายกว่าสามร้อยชีวิตเมื่อครึ่งเดือนก่อน

                เมื่อฝีเท้าของทั้งสี่หยุดลง เรย์ซึ่งกำลังประเมินสถานการณ์ หันมาบอกกับลูกน้องอีกสามคนที่ตามมาด้านหลังด้วยเสียงเข้ม

                ทุกคนเตรียมพร้อม เนเมซิสครั้งนี้ไม่ใช่ระดับธรรมดาขอให้ระวังด้วย เอาล่ะเตรียม โซลไนฟ์ (Soul Knife)ให้เรียบร้อย เรย์สั่งขณะที่เขาเองนั้น หยิบแท่งเหล็กทรงกลมขนาดยาวประมาณห้าถึงหกนิ้วขึ้นมากำไว้ในมือ ทันใดนั้นแสงสีขาวก็ก่อตัวขึ้นด้านบนของเจ้าแท่งเหล็กที่เขาถืออยู่ มันเป็นแสงที่เข้มข้นจนก่อตัวเป็นรูปใบมีดขนาดยาวประมาณหนึ่งฟุต ซ่งมันส่องแสงสีขาวหม่นออกมาตลอดเวลา ซึ่งอีกสามคนด้านหลังก็ถือเจ้าสิ่งนี้อยู่ในมือแล้วเช่นกัน แต่ความเข้มข้นของแสงนั้นดูจะเจือจางกว่าของเรย์อยู่ไม่น้อย

                โซลไนฟ์ของหัวหน้าเรย์นี่เห็นที่ไรก็รู้สึกถึงพลังได้ทุกครั้งที่ถูกชักออกมาเลยนะ ชายคนหนึ่งพูดขึ้น

                นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ ห้องคอนเสิร์ตอยู่ด้านหน้าแล้วเตรียมตัวให้พร้อม เขาสั่งเสียงแข็งก่อนที่จะยื่นมือซ้ายไปดึงประตูของห้องคอนเสิร์ตให้เปิดออก

                เสียงดนตรีบรรเลงจากเม้าท์ออแกนขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ทุกคนเคยเห็นมา เสียงที่ทรงพลังแผ่ออกมาพร้อมบทเพลงแห่งความมืด โดยวาทยกรผู้บรรเลงนั้นเป็นชายร่างไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก แต่เมื่อประตูเปิดออกก็เกิดรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา พร้อมกับคำกล่าวทักทายอย่างมีมารยาท

                ผมไม่ได้มีแขกมาพบในมิติเบื้องหลังแห่งนี้นานมากแล้วนะ พวกคุณสนใจที่จะรับฟังบทเพลงของผมสักเพลงไหม?” ชายร่างเล็กอายุราวห้าสิบปีกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม มันทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นสัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายที่แผ่ออกมา

                อย่าให้เสียเวลาเลยเหล่านีเมซิสเอ๋ย สิ่งที่แกทำไว้ที่มิวนิกนั้นทำให้เราไม่สามารถอภัยให้ได้ แกจงสิ้นสูญเพื่อไปขอขมาดวงวิญญาณที่แกพรากไปจากโลกนี้เถอะ เรย์พูดเสียงกร้าว พร้อมกับใช้ดวงตาสีเหลืองจับจ้องไปยังร่างของมนุษย์ผู้อยู่เบื้องหน้า ที่บัดนี้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปจนไม่หลงเหลือสภาพเดิม ร่างที่เป็นมนุษย์กลับกลายเป็นสีน้ำตาลไหม้และเป็นปล้องคล้ายแมลง ขาที่เคยมีอยู่เพียงสองข้างกลับงอกเพิ่มมาตามลำตัวจนกลายเป็นหก ส่วนหางยื่นยาวโค้งงอและพองออกคล้ายส่วนท้ายของมด ใบหน้าที่เคยเป็นมนุษย์นั้นบัดนี้กรามฉีกกว้างออกจนถึงส่วนหู ดวงตาเป็นร่างแหเหมือนตาของแมลง ร่างเบื้องหน้าในเวลานี้กลับกลายเป็นแมลงขนาดกว่าสามเมตรพร้อมดวงตาที่จับจ้องมายังคนทั้งสี่

                มีดแห่งจิตถูกกระชับไว้ในมือ แสงสีขาวที่มันแผ่พุ่งออกมาแสดงถึงพลังได้อย่างชัดเจน ส่วนปีศาจแมลงวิ่งเข้าสู่มุมเวทีพาตัวของมันไต่ขึ้นสู่เพดานโดยใช้กำลังจากขาทั้งหกข้างยึดเกาะ มันกระโจนจากเสาสู่ฝาผนังไต่เข้ามาด้วยความเร็วก่อนที่มันจะหยุดนิ่งแล้วพ่นของเหลวเข้าใส่ผู้มาเยือนในยามราตรี กระสุนของเหลวผ่านร่างเรย์ที่เอี้ยวตัวหลบได้หวุดหวิดแต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลับไม่สามารถขยับหลบได้ทัน ของเหลวนั้นโดนเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างจัง เสียงร้องโหยหวนดังมาจากชายคนนั้นอย่างเจ็บปวด เนื้อจากใบหน้าค่อยๆ ละลายออกจนถึงกระดูกเขาร้องทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ลมหายใจจะหยุดลงพร้อมกับกลิ่นฉุนที่อบอวลตลบอยู่ในอากาศ

                กรดซัลฟูริก เรย์พูดเมื่อได้กลิ่น ก่อนจะพูดเสียงเข้มสั่งอีกสองคนที่เหลือ อย่าเพิ่งคิดอย่างอื่นจับตาเจ้าปีศาจไว้หากคลาดสายตาเพียงวินาทีเดียวพวกนายตายแน่ ซึ่งเมื่อคนทั้งสองได้ยินก็ข่มใจและจับจ้องเป้าหมายอย่างไม่วางตา

                ขืนรวมกลุ่มกันอยู่มีแต่จะเป็นเป้าใหญ่ ทุกคนกระจายตัวออก คำสั่งต่อไปถูกสั่งออกมา

                ทั้งสามกระจายตัวออกไปที่คนละจุด เสียงขู่ของเจ้าแมลงร้ายดังอยู่บนเพดานมันมุ่งความสนใจไปที่ผู้ที่มันคิดว่าอ่อนแอที่สุดก่อนในทันทีกระสุนกรดกำลังจะถูกพ่นใส่จากเพดาน เรย์ซึ่งขณะนี้อยู่ทางด้านหลังของมัน มือของเขากระชับมันไว้ก่อนที่จ้องไปที่เป้าหมายที่เจ้าปีศาจบนเพดานจนความสงบเข้าควบคุมจิตใจ เมื่อนั้นมีดถูกขว้างออกจากมือขวาของเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี มีดพลังวิญญาณสีขาวพุ่งตรงไปที่ส่วนหัวของเจ้าปีศาจโดยมันยังไม่ทันรู้ตัว แสงสีขาวหม่นจากปลายมีดที่ขว้างออกไปด้วยความเร็วสูงพุ่งเสียบทะลุส่วนหัวของเจ้าปีศาจในทันใด ตามมาด้วยเสียงร้องเหมือนหนูที่กำลังจะสิ้นชีวิต มันร่วงหล่นสู่พื้นอย่างแรงร่างอันแสนแปลกประหลาดนั้นดิ้นทุรนทุรายก่อนที่จะหยุดลงในที่สุด

                เรย์เดินตรงเข้ามาแต่ก่อนที่จะถึงร่างเจ้าปีศาจเขาคว้าเอาโซลไนฟ์ที่อยู่ข้างร่างลูกน้องที่เสียชีวิตขึ้นมาด้วย เมื่อเขามาถึงร่างของปีศาจร้าย ปลายมีดถูกเสียบลงไปบนร่างที่แน่นิ่งอีกหลายครั้งซึ่งทำให้ร่างนั้นดิ้นไปมาด้วยพลังชีวิตที่เหนือกว่าสามัญสำนึกของปุถุชน เมื่อเขามั่นใจว่าร่างนั้นหยุดสนิทลงเขาจึงพูดว่า

                พาร่างพวกเขากลับออกไปด้วย เขาพูดสั้นๆ ก่อนที่จะเดินนำเพื่อมุ่งหน้าออกจากโรงละครโอเปราสู่จุดที่มิติถูกเปิดอยู่ เวลาไม่นานนักพวกเขาก็ถึงจุดนัดหมายเมื่อทั้งหมดออกสู่โลกเบื้องหน้าเสียงปิดมิติก็ดังขึ้น

     

     ขอวิงวอนพลังแห่งผืนดิน ดวงจิตไร้ขอบเขต เส้นทางแห่งมิติจงปิด

     

    ปะตูของมิติปิดลงพร้อมกับเสียงของเรย์รายงานไปที่ศูนย์บัญชาการ

    ภารกิจเรียบร้อยเราเสียคนในหน่วยหนึ่งนาย เสียงเรย์พูด

    รับทราบถอนตัวออกจากที่นั่นได้ คำสั่งดังมาจากวิทยุสื่อสาร

    ความเงียบสงบเข้าปกคลุมสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง ก่อนที่เสียงไซเรนของรถตำรวจจะดังขึ้น เนื่องจากการตายของผู้มีชื่อเสียงทางดนตรีในโลกเบื้องหน้า สภาพศพของบาร์เดน คอลเนลีนั้นไม่มีบาดแผลใดๆ บนร่างกาย เขาเสียชีวิตอย่างฉับพลันเหมือนวิญญาณออกจากร่างไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น ร่างที่ถูกนีเมซิสสิงสู่คือร่างที่ตายไปแล้ว เมื่อวิญญาณของสิ่งที่สิงสู่อยู่จากไป ร่างนั้นก็ไร้ชีวิตในทันที ข่าวการตายของเขานั้นเป็นข่าวพาดหัวในหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับในวันรุ่งขึ้น ด้วยข้อความที่มีความหมายว่าต่างอาลัยกับการจากไปของศิลปินเอก มีเพียงผู้คนจำนวนเพียงน้อยนิดที่รู้ว่าเขาคืออะไร และเหตุใดจึงจากโลกนี้ไปอย่างกะทันหัน

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×