คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : -5-
-5-
แม้นิทานกล่อมเด็กนั่นจะสนุกน่าติดตามเพียงใด คุณหนูเบก็ยังคงนั่งนิ่งด้วยความประหม่าโดยมิได้สนใจเนื้อหาเรียงความแก่นสำคัญของมันแม้แต่น้อย ก็ในเมื่อบุคคลที่อยู่เคียงข้างนางมิใช่นักเล่านิทานธรรมดา หากแต่เป็นถึงองค์หญิงรัชทายาทแห่งแคว้นโนรัน…
“ถึงแม้อีกาจะบอกว่าเสือกับอินทรีย์อยู่ด้วยกันไม่ได้ อันที่จริงข้าว่าอยู่ได้นะ แล้วเจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร”
“อ…เอ่อ เพคะ”
“จูฮยอน… เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่”
“เอ่อ…เปล่าเพคะ”
“โกหกองค์หญิงน่ะมีโทษหนักนะ…บอกมาเถอะ เจ้าไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า หากเป็นเช่นนั้นข้าจะได้ปล่อยเจ้าไป”
“มิได้เพคะ หม่อมฉันมิได้…”
“เช่นนั้นแล้วเจ้าควรพิสูจน์”
“พิสูจน์ยังไงเพคะ”
“เงามืดของจันทรา… เจ้าเคยอ่านไหม บทประพันธ์ชิ้นเอกของคิมยองชิน”
“ค…เคยเพคะ”
“ดี”
องค์หญิงเพียงยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก จูฮยอนรู้ดียิ่งกว่าดีเสียอีก เงามืดของจันทราคือเรื่องราวของ นามี หญิงสาวผู้ถูกส่งตัวเข้าไปในพระราชวังเพื่อถวายตัวแด่พระราชาซ็อก ในความคิดของใครหลายคนนางอาจดูน่าอิจฉา แต่ในความจริงนั้นนางช่างน่าสงสารเพราะต้องจากกับชายหนุ่มอันเป็นที่รัก และก่อนที่พวกเขาจะจากกัน “การเต้นรำใต้แสงจันทร์” ครั้งสุดท้ายของนางกับชายหนุ่มก็เกิดขึ้น แต่หลังจากคืนนั้น ชายหนุ่มก็ถูกประหารด้วยฝีมือขององครักษ์หนุ่มผู้ซึ่งรับหน้าที่คุ้มครองนามี โดยไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าองค์รักษ์ผู้นั้นแอบหลงรักนามีตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ ด้วยความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเช่นนี้ ในการอ่านจึงจำเป็นต้องใช้การตีความแทบทุกตัวอักษร อันที่จริงจูฮยอนได้อ่านเรื่องนี้ตอนยังเล็กจึงไม่รู้สึกอะไรมากนัก หากแต่พอโตขึ้นเด็กสาวก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของตัวละครทุกตัว นางจำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่าหยิบหนังสือเล่มนั้นมาอ่านบ่อยเพียงใด รู้เพียงแค่ว่าวรรณกรรมเรื่องนี้ถูกยกขึ้นหิ้งไปเสียแล้ว
องค์หญิงรัชทายาทปิดหนังสือนิทานเล่มบางลงก่อนที่พระองค์จะเอื้อมไปหยิบ ‘เงามืดของจันทรา’ ขึ้นมาเปิดกางแทน ใบหน้ากลมแป้นยิ้มน้อยๆด้วยความพึงพอใจอะไรบางอย่างที่คุณหนูเบก็กะการณ์คาดเดาไม่ได้
“ข้าชอบบทนี้ วานเจ้าอ่านให้ฟังหน่อย”
นิ้วเรียวยาวชี้ลงไปที่ตัวอักษรเรียงติดกันเป็นพรืด ดวงเนตรน้อยๆเบิกกว้างขึ้นราวกับต้องการความเห็นใจ ซ้ำยังเม้มพระโอษฐ์เข้าหากันจนดูเหมือนเด็กน้อยที่ร้องขอการเล่านิทานก่อนนอน ใช่ว่านางไม่เคยเป็น จูฮยอนออดอ้อนบิดาอยู่บ่อยครั้งเมื่อเยาว์วัย เวลาที่นางนอนไม่หลับ นิทาน นี่แหละเป็นหนทางแห่ง นิทรา ได้เป็นอย่างดี เด็กสาวยกยิ้มขึ้นด้วยนึกเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงหวานหูอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวลที่สุด
“ถึงแม้สองขาจะก้าวเดินอย่างผิดๆถูกๆแต่นามีก็หาสนใจไม่ นางส่งยิ้มให้ชายหนุ่มผู้เป็นที่รักด้วยหัวใจที่ชุ่มชื้น ถึงแม้ลำคอจะแห้งผาก หากแต่นางรู้สึกได้ถึงความสุขที่กำลังเต้นระบำใต้แสงจันทร์อยู่รอบๆตัวนาง เหล่าผีเสื้อกำลังโบยบิน เฉลิมฉลองแด่ความรักของนางอันเป็นนิรันดร์ แม้แต่สายลมก็ยังคอยโอบกอดนางไว้ด้วยความอบอุ่น”
คุณหนูเบหยุดเล่าพักหนึ่ง นางหันมองดูปฏิกิริยาของผู้ฟัง องค์หญิงคังยังไม่คลายยิ้มออก นัยน์ตาหวานช่ำนั่นทำเอานางไปไม่เป็นไปพักใหญ่ หัวใจของจูฮยอนกำลังเต้นไม่เป็นระส่ำ ไม่ใช่เพราะบทประพันธ์ในมือ หากแต่เป็นแววตาที่ดูสนอกสนใจนั่นต่างหาก… องค์หญิงให้ความสำคัญกับนางมากเกินไป…
“ก่อนจะจากกัน มีเพียงสัมผัสจากปลายนิ้วของชายหนุ่ม เขาบรรจงปัดกระโปรงสวยของนางที่ถูกลากไปมาจนเลอะดินเมื่อครู่ และรอยยิ้มที่แสนเศร้านั้น เหมือนเขาจะรู้ชะตากรรมของตนดี แต่ก็ยอมจากไปโดยไม่ปริปากพูดอะไรให้นามีลำบากใจ ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกันครู่หนึ่ง ก่อนจะ…”
“พอๆ หลังจากนี้ข้าไม่ชอบแล้ว มันเศร้าเกินไป”
“เพคะ อันที่จริงหม่อมฉันก็ไม่ชอบ มักจะอ่านๆแล้วหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้เสมอ ตอนยังเด็กยังเคยฝันเลยว่าอยากเต้นรำแบบนามีบ้าง”
“เจ้าเต้นรำเป็นด้วยหรือ”
“ไม่เพคะ หม่อมฉันเพียงแค่วาดฝันไว้เท่านั้น”
“งั้นมากับข้า”
องค์หญิงคว้ามือของเด็กสาวไว้ก่อนจะเสด็จนำไปยังลานกว้างที่อยู่ไม่ไกลจากห้องหนังสือนัก ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสตั้งแต่ครั้งเมื่อสิบปีก่อนหวนคืนกลับมาเรื่อยๆเพียงเพราะได้อยู่กับคุณหนูเบ… ช่างเป็นเรื่องน่าขัน ในเวลาปกติช่วงนี้พระองค์ควรนั่งอ่านหนังสือเพียงลำพังในห้องหนังสือ มิใช่ออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกแบบนี้…
ร่างสูงจูงมือเล็กมาหยุดที่กลางลานพอดิบพอดี ซึ่งสถานที่นั้นก็ดันละม้ายคล้ายคลึงกับในบทประพันธ์ไม่มีผิดเพี้ยน ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในรั้ววังหลวงตั้งหลายวันแต่แปลกนักที่จูฮยอนไม่เคยมาที่นี่ ดวงตากลมโตจ้องมองไปรอบๆอย่างอัศจรรย์ใจ ราวกับว่าวรรณกรรมเรื่องนั้นถูกแต่งขึ้นโดยอิงจากสถานที่จริง ซึ่งก็คือที่ที่นางยืนอยู่
“เหมือน…เหมือนมากเลยเพคะ”
“เจ้าชอบมั้ย”
“ชอบเพคะ”
“ได้ยินอย่างนั้นข้าก็ดีใจ”
สิ้นเสียงขององค์หญิงสาว พระองค์ค่อยๆขยับขาก้าวไปอย่างเป็นระเบียบ ทั้งยังดูงดงามในเวลาเดียวกัน ท่อนแขนเรียวโอบไหล่บางของเด็กสาวไว้ก่อนจะพาร่างกายนางขยับไปพร้อมกัน
ยามเมื่ออยู่ภายใต้อ้อมแขนอันแสนบอุ่น… จูฮยอนยังคงนิ่งอึ้งมิหาย นางเพียงแค่เล่าให้พระองค์ฟังไปเรื่อยๆเพียงเท่านั้น มิได้มีเจตนาจะให้พระองค์ทำความฝันของนางให้เป็นจริงหรือเรียกร้องความสนใจแต่อย่างใด แต่สิ่งที่องค์หญิงคังประทานให้เกินกว่านั้นมามากนัก แค่เพียงพระองค์ใช้จิตใจที่อ่อนโยนของพระองค์รับฟังความปรารถนาของเด็กสาวอย่างเต็มใจ แค่นั้นก็ดีมากพอแล้ว
“ข้าไม่รู้ว่าจะยินดีหรือเสียใจดี ที่กระโปรงของเจ้าไม่เปื้อนดินเลย”
“…ทำไมต้องเสียใจเพคะ”
“ข้าปัดกระโปรงให้เจ้าเหมือนดั่งชายผู้นั้นมิได้”
“แต่พระองค์ทำได้มากกว่านั้น… เหตุใดพระองค์ถึงได้อยากเป็นดั่งชายหนุ่มผู้นั้นนัก ทั้งๆที่ท้ายที่สุดแล้วนามีก็ไม่ได้ครองคู่กับเขา”
“เพราะเขาคือคนที่นามีรัก”
น้ำเสียงจริงจังที่นานๆทีจะหลุดจากปากองค์หญิงขี้เล่นผู้นี้ทำเอาหัวใจจูฮยอนหยุดเต้นไปอีกระลอก นางไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์พูดเท่าใดนัก เพียงแต่แววตาที่ฉายแววกล้าหาญเด็ดเดี่ยว แต่ยังสุภาพอ่อนน้อมนั่นทำให้คำพูดเหล่านั้นมิใช่เรื่องธรรมดา นี่มิใช่การนั่งวิเคราะห์บทประพันธ์ หากแต่เหมือนกับการสื่อสารอะไรบางอย่างมากกว่า
อะไรบางอย่างที่นางก็ยังไม่รู้…และยังไม่เข้าใจ…
“ช…ชเวซังกุง แย่แล้วค่ะ! แย่แล้ว!”
นางกำนัลสาววิ่งกระหืดกระหอบมาแต่ไกล เป็นเหตุให้ชเวซังกุงต้องหัวหมุนอีกคราว นางเดาไม่ออกแล้วว่าคราวนี้จะได้เจอกับปัญหาอะไรอีก ตั้งแต่เรื่องหนูตัวเล็กๆไปจนถึงจระเข้ตัวใหญ่นางก็เคยผ่านมาหมดแล้ว ทีนี้ยังจะเหลือปัญหาอะไรให้พวกนางกำนัลสาวพวกนี้ตื่นเต้นตกใจอีกเล่า
“มีอะไรกัน… เจ้าก็ใจเย็นๆ ค่อยๆพูด”
เสียงขรึมกล่าวอย่างสุขุม ชเวซังกุงขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะหันไปมองตามที่เด็กสาวชี้ เมื่อเห็นต้นเหตุของความโกลาหลนี่หญิงชราก็ต้องอ้าปากตะลึงงันด้วยความตกใจ กลุ่มหมอกควันสีขาวดังอาชาพยศกำลังลุกท่วมพระตำหนัก
“เย็นไม่ได้แล้วล่ะค่ะ! ตอนนี้ไฟไหม้ที่ตำหนักจางซอนดัง จนลามไปที่ห้องหนังสือแล้วค่ะ!”
“…แล้วองค์หญิงอยู่ที่ไหน”
“ม…ไม่ทราบค่ะ…”
“ไปสิ!! ไปตามหาตัวองค์หญิงให้พบ! อย่าให้พระองค์เป็นอะไรไปเป็นอันขาด!”
หญิงชรากล่าวเสียงแข็งก่อนที่นางจะรีบรุดไปหาพระราชาคังเพื่อทูลข่าวร้ายนี้ให้ทราบ พวกทหารทุกฝ่ายต่างพากันตักน้ำมาสาดใส่ไฟสีแดงฉานที่กำลังลุกโหมอย่างรุนแรงและไม่มีท่าทีจะดับลงได้ง่ายๆ แม้ในตอนนี้จะเป็นสภาวะคับขัน แต่ทุกคนย่อมรู้กันว่าบุคคลที่ทุกคนกำลังเป็นห่วงที่สุดตอนนี้ก็คงไม่พ้นองค์หญิงคังซึลกิ…
“งานสำเร็จดีใช่มั้ย”
เสียงกล่าวจากเด็กสาวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ถามเรียบๆ ใบหน้าสวยปรายตามองเหล่าทหารหนุ่ม และด้วยสายตาที่เฉียบคมนั่นไม่แปลกเลยที่เหล่าทหารจะยอมอยู่ในโอวาทแต่โดยดี… คงจะด้วยเหตุผลนี้กระมัง แคว้นกามันจึงได้ชื่อว่าแม่นยำนักเรื่องการรบการทหาร
“พะยะค่ะ…องค์หญิงซนซึงวาน”
สิ้นเสียงจากนายทหารหนุ่ม องค์หญิงซนจุดยิ้มที่มุมปาก แผนการขั้นแรกของพระองค์กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ผิดแล้ว… องค์หญิงคังซึลกิมิใช่เป้าหมาย หากแต่เป็น…
เบจูฮยอน ต่างหากที่พระองค์ต้องการ คุณหนูเบผู้นั้น…
“ดี งั้นเริ่มส่งคนเข้าไปหาจูฮยอนได้เลย” องค์หญิงซนกล่าว “อย่าให้นางมีรอยขีดข่วนแม้แต่ปลายเล็บ มิเช่นนั้นพวกเจ้าได้ไปนอนในตารางแน่”
--------------------------------------------------------------
โอยยยยยยยยยยยยยย ดองนานมากกกกกกกกกกค่าาาาาาาาา 5555555555555 แต่แบบ ตอนนี้สั้นอ่ะเนอะ... แต่ดูจะมีอะไรๆนะคะ ถถถถถถถถ
ภาษาแปร่งๆไปบ้างก็ขอโทษค่ะ เพราะดองนานนี่แหละ ลืมฟีลหมด 555555555
เรื่องเงามืดของจันทราไรเนี่ยเค้ามโนเอานะคะ 5555555 จริงๆก็มโนขึ้นทุกอย่างอ่ะ ถึงมันจะเป็นฟิคย้อนยุคแต่ก็ไม่ได้มีสาระมาเต็มขนาดนั้น... แฮะๆ เค้าจะพยายามใส่สาระลงไปด้วยก็แล้วกันนะคะ... ' v '...
คำถามประจำสัปดาห์ : จำได้มั้ยคะว่าคนแต่งเรื่องเงามืดในจันทรานี่คือใคร ใครเอ่ย ใครคะ ถถถถถถถถถถถถ
ความคิดเห็น