ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Period}[Fic-Red Velvet] The Princess' Pearl

    ลำดับตอนที่ #3 : -2-

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 57


    -2-

     

                “ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าอย่าตะกละตะกลามให้มากนัก”

                เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่งดงามของเจ้าตัว เด็กสาวส่ายหัวเบาๆพลางเดินไปหยิบยาสมุนไพรที่ชั้นวางของเก่าๆ หากแต่เต็มไปด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิด แบบที่ว่าคนที่ไม่ชำนาญจริงๆจะหยิบผิดก็ไม่แปลกเลย

     

                “โถ่พี่เบข้าก็อยู่ของข้าเฉยๆ ไม่ได้ตะกละอะไรเลย”

                เด็กหนุ่มพูดพร้อมเอามือกุมท้อง นิ่วหน้าน้อยๆให้ดูน่าสงสารขึ้นแหงล่ะ เขาไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ ซ้ำด้วยว่าไม่ได้ปวดท้องหรือมีอะไรผิดปกติกับร่างกายทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องหัวใจล่ะก็คงป่วยหนักนัก

                ป่วยถึงขั้นอาจตายได้ง่ายๆหากไม่ได้เห็นหน้านางอันเป็นที่รัก

     

                “ยาบ้านข้าจะหมดอยู่แล้ว เพราะเจ้าป่วยได้ทุกวี่ทุกวัน”

                เบจูฮยอนกล่าวพลางมองค้อนให้เด็กหนุ่มตรงหน้าที่นางรู้จักในฐานะเด็กที่ชอบมาวิ่งเล่นแถวๆบ้านและมีเรื่องเจ็บตัวทุกวัน อันที่จริงเป็นเรื่องดีคือได้หาเงินเข้าบ้าน แต่บางทีนางก็เริ่มสงสัยว่าจะเจ็บป่วยอะไรนักหนา โดยไม่ทันนึกคิดว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นอยากมาหานางทุกวันโดยไม่มีข้ออ้างอื่นใดต่างหาก

     

                “ดอกไม้นี่แทนค่ายาได้ไหม”

                คิมจุนฮยอกกล่าวยิ้มๆก่อนจะยื่นดอกไม้ที่เขาเพิ่งเก็บมาจากยอดเขาให้ แน่นอนว่าจุนฮยอกรู้ดีว่าถึงอย่างไรจูฮยอนก็ไม่ยอมแลกยากับดอกไม้เพียงแค่นี้หรอก อันที่จริงแค่อยากหาเรื่องคุยไปเรื่อยๆเพียงเท่านั้นเอง

                “เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือจุนฮยอก ข้าไม่เล่นด้วยนะ”

     

                “โถ่พี่เบล่ะก็ ข้าแค่อยากหยอกล้อด้วยนิดหน่อยเท่านั้น”

     

                “สรุปจะจ่ายหรือไม่จ่าย”

                ใบหน้าหวานที่ภายแรกยิ้มแย้มสดใส เวลานี้กลับกลายเป็นบึ้งตึงดูน่าขันพร้อมๆกับน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้างก่อนจะยื่นเงินค่ายาไปให้ แต่มิวายยังตอบกลัวแบบกวนๆ

     

                “ข้าไม่เคยเบี้ยวค่ายาพี่หรอก พี่ก็รู้”

     

                “ครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกก็ได้ ใครจะไปรู้”

     

                “พี่โกรธข้าหรือ?

     

              “เปล่า”

     

                “ข้าไม่เชื่อ ถ้าจะให้ข้าเชื่อ พี่ต้องไปเที่ยวงานปีใหม่กับข้า”

     

                “งั้นเจ้าก็ไม่ต้องเชื่อหรอก”

               

     

                “เดี๋ยวสิพี่! งั้นถือว่าไปเที่ยวเป็นเพื่อนน้องชายคนนี้แล้วกันนะ

     

                “ก็ได้ แต่ไปได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น เพราะข้าต้องกลับมาช่วยท่านพ่อจัดของอีก”

     

                “ขอบคุณพี่สาว! แล้วข้าจะรอ!

                จุนฮยอกพูดพร้อมกระโดดโลดเต้นไปมา เป็นจุดสนใจแก่ชาวบ้านที่เดินขวักไขว่อยู่หน้าร้าน จนจูฮยอนต้องห้ามปรามเอาไว้ก่อนที่จะไม่มีใครกล้าเข้าร้านของนาง

                บ้านตระกูลเบคือร้านขายยา ถึงแม้จะไม่ได้ดีเด่อะไรแต่ก็ซื้อขายทำกินอย่างสุจริต พ่อของนางก็เป็นหมอที่มีคุณธรรม จึงทำให้ชาวบ้านในละแวกรู้จักดี ส่วนตัวนางนั้นได้ยกขึ้นให้เรียกกันว่าคุณหนูเบ ก็เพราะแม่ของนางเป็นลูกของขุนนางเก่า ส่วนพ่อเป็นหมอนั่นแหละ นางจึงถือได้ว่าเป็นสตรีมีศักดิ์คนหนึ่ง

                แน่นอนว่ามีชายหนุ่มมากหน้าหลายตาเข้ามาขยันขายขนมจีบกันอยู่เสมอๆ ทั้งๆที่พ่อของนางก็หวงเสียยิ่งกว่าอะไรดี แต่คุณหนูก็ดันเป็นพวกไม่ค่อยรู้ตัวเอง นางไม่เคยรู้เลยว่าพวกที่เข้ามาคุยน่ะมีความรักความชอบในตัวนาง คิดเพียงแต่ว่าทำการค้าขายต้องพูดคุยกับคนเยอะๆ หารู้ไม่ว่ายามที่นางยิ้ม นั่นยิ่งเป็นการเพิ่มสเน่ห์ในตัวนางเข้าไปอีก

     

                เรื่องนั้นจุนฮยอกรู้ดี แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรเหมือนกัน

               

               

     

                นานกว่าสิบปีที่คำว่ารัชทายาทเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์หญิงคังซึลกิ มีทั้งเรื่องดีเรื่องร้ายปนกันจนแยกไม่ออก ความสุขความทุกข์รวมเข้าเป็นหนึ่งจนพระองค์เองเริ่มชินชากับความรู้สึกพวกนั้นไปเสียหมดสิ้นแล้ว

              ใบหน้ายิ้มแย้มและเอกลักษณ์คือดวงตาเรียวเล็กที่โดดเด่นมิได้หายไปจากองค์หญิงรัชทายาทแต่อย่างใด หากแต่กลับปรากฏน้อยลงเพียงเท่านั้น นิสัยขี้เล่นติดแกล้งก็มิได้หายไปจนหมดสิ้น เพียงแต่น้อยลงตามกาลเวลาที่พระองค์ต้องเติบโตขึ้น

     

                องค์หญิงคังปรายตามองตัวอักษรบนกระดาษผืนสีน้ำตาลคร่าวๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผู้มีศักดิ์คืออาจารย์ของพระองค์ อาจารย์คิมผู้ที่อยู่เคียงข้างตลอดมา แน่นอนว่าการเป็นองค์หญิงรัชทายาทมิใช่เรื่องง่าย แต่กระนั้นอาจารย์คิมยังสามารถฉุดพระหัตถ์ให้ยืนหยัดมาได้จนทุกวันนี้

                หลายครั้งที่อยากจะร้องไห้ แต่เพราะคำว่ารัชทายาทมันทบอกอยู่ ทำให้พระองค์จะแสดงให้ใครเห็นว่าอ่อนแอมิได้

               

    “เป็นอย่างไรบ้าง”

     

                “ยากกว่าที่ข้าคิดเยอะเลยอาจารย์ ท่านคิดข้อสอบแบบนี้ออกมาได้ยังไงกันนะ”

     

                “แต่พระองค์ก็ทำถูกต้องทั้งหมด”

                อาจารย์คิมยิ้มกริ่มพลางโค้งศีรษะลงทำความเคารพเด็กหญิงที่ในภายภาคหน้าจะได้ปกครองแคว้นโนรัน เป็นอีกครั้งที่เขาเดาไม่ผิด องค์หญิงซึลกิปรีชาสามารถนัก ข้อสอบยากๆที่แม้แต่ราชาบางองค์ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

                แต่องค์หญิงคังผู้นี้ ทำได้ ทำได้ถูกต้องทั้งหมดเสียด้วย เมื่อคิมยองชินเงยหน้าขึ้นก็พบว่าชเวซังกุงมายืนรออยู่ที่หน้าประตูพอดี จึงตัดสินใจกล่าวอำลาก่อนจะขอตัวไปทำธุระส่วนตัวเสียที

     

                “ชเวซังกุง เข้ามาได้”

                สิ้นเสียงใสขององค์หญิง ชเวซังกุงค่อยๆย่างก้าวเข้ามาก่อนจะฉีกยิ้มด้วยความดีใจ องค์หญิงคังมองกลับอย่างยิ้มๆ ชเวซังกุงแก่มากแล้ว และนางเป็นคนที่เฝ้าดูพระองค์อยู่ไม่ห่างไม่ต่างจากอาจารย์คิมเลย นางคือคนที่คอยให้กำลังใจในยามทุกข์ยากไม่ต่างจากแม่แท้ๆ

               

                “เสวยอะไรไปหรือยังเพคะ หม่อมฉันทำคิมบับมาฝาก”

     

                “อืมวางเอาไว้ก่อนแล้วกัน ขอบใจมากนะ”

     

                “องค์หญิงดูหน้าตาเคร่งเครียดนะเพคะ มีอะไรไม่สบายพระทัยบอกหม่อมฉันได้นะเพคะ”

     

              “บทเรียนยากไปหน่อย หวังว่าท่านจะเห็นใจข้าบ้างกับการเรียนในวันนี้”

     

                “งั้นวันนี้หม่อมฉันให้พระองค์ได้พักผ่อน ดีไหมเพคะ”

     

                “ท่านพูดจริงรึ”

              ทันทีที่ได้ยินคำพูดของชเวซังกุงก็เหมือนสวรรค์เปิดทาง แววตาซุกซนเริ่มฉายแววอีกครั้ง ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเริ่มคลี่ยิ้มออก จนซังกุงสูดสุดถึงกับแอบหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความเอ็นดู

     

                “จริงเพคะ หม่อมฉันไม่อยากเห็นพระองค์ทรงเครียด”

              มองดูก็รู้ว่าองค์หญิงคังอยากลุกขึ้นเต้นแล้วตะโกนสุดเสียงด้วยความดีใจจนเต็มแก่ หากแต่ก็ทำไม่ได้เพราะสถานะที่พระองค์ยืนอยู่ จึงได้แต่เก็บรอยยิ้มไว้ที่มุมปาก ก่อนที่ร่างเล็กจะคีบคิมบับเข้าปาก

               

                “ขอบใจท่านมากจริงๆชเวซังกุง แค่นี้ข้าก็หายเครียดไปเยอะ ฮ่าๆ”

              องค์หญิงกล่าวก่อนจะตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะแบบขาดๆเกินๆ

     

                คงเป็นเพราะพระองค์ไม่ได้หัวเราะด้วยจิตใจที่แท้จริงมานานมาก มากจนตัวพระองค์เองก็จำไม่ได้ ว่าหัวเราะแบบจริงๆจังๆครั้งสุดท้ายเมื่อใด

                รู้เพียงก็แต่ว่าตอนนี้พระองค์เริ่มจะลืมวิธีการหัวเราะจากก้นบึ้งของจิตใจไปทีละนิดก็เท่านั้น

     

     

     

               

                และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง เด็กหนุ่มที่ยืนยิ้มร่าอยู่หน้าร้านขายยาตระกูลเบ ชะโงกหน้าไปมาเสียคอแทบหัก พลางก้มลงสำรวจชุดของตนว่าดูดีที่สุดหรือยัง มีรอยเปื้อนอะไรตรงไหนหรือไม่ นั่นก็เป็นเพราะเขาทราบดีว่าวันปีใหม่นี้สำคัญเพียงไร

                มันเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เที่ยวกับพี่สาวที่จุนฮยอกแอบหลงรักมาสองปีเต็ม ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้และไม่มีทีท่าจะมอบใจกลับมาให้แม้แต่น้อย

     

                ไม่นานนักจูฮยอนก็เดินออกมาพร้อมกับชุดที่นางคิดว่าใส่สบายที่สุด ไม่ได้คำนึงถึงความสวยงามอะไรมากมาย แต่ถึงกระนั้นจุนฮยอกยังคงมองว่านางงดงามยิ่งนัก ยิ่งตอนที่นางเดินเข้ามาหาเขานั้น จุนฮยอกเกือบเป็นบ้าและอดใจรอคอยเวลาที่จะได้เดินเคียงข้างนางแทบไม่ไหว

     

                “พี่เบช่างงามนัก”

     

                “งามเงิมอะไรกันจู่ๆก็มาชม เจ้ามันบ้าไปแล้วจริงๆรึไงจุนฮยอก”

              ไร้ซึ่งคำตอบของเด็กหนุ่ม มีเพียงแววตาปลื้มปริ่มที่คนตัวสูงส่งมาให้นางอย่างไม่ขาด ใครๆก็ดูรู้ว่าจุนฮยอกหลงรักเบจูฮยอนคนนี้เข้าเต็มเปา คนที่ไม่รู้ก็คงมีเพียงเจ้าตัว เพราะตอนนี้หมอเบก็แอบชะเง้อมองทางหน้าต่างพลางส่งสายตาพิฆาตให้เด็กหนุ่มอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

     

                “เรารีบไปกันเถอะ พี่มีเวลาไม่มากใช่ไหม ถ้าอยากกินอะไรบอกข้าได้เลย ข้าเลี้ยงเต็มที่”

     

                “เจ้าพูดแล้วนะจุนฮยอก!

                จูฮยอนว่าพลางชี้หน้าจุนฮยอกอย่างขี้เล่น รอยยิ้มหวานที่ถูกส่งมาเจ้าตัวไม่เคยรู้เลยว่าทำให้หัวใจใครต่อใครเต้นดังสนั่นหวั่นไหวยิ่งกว่ากลองศึก เร็วระรัวยิ่งกว่าฝีเท้าของม้าแข่งเสียอีก

              เบจูฮยอนในตอนนี้น่ารักมากมากจนคนโดนชี้หน้ายิ้มแก้มแทบแตกด้วยความเขินอาย

     

     

                ตอนนี้จุนฮยอกคงเป็นบุคคลที่ผู้ชายเกือบทั้งงานอิจฉาที่สุด เพราะเขาเดินมาพร้อมกับคุณหนูตระกูลเบผู้โด่งดัง เขาเองยังแอบได้ยินเสียงซุบซิบที่ทำให้หัวใจพองโต เจ้านั้นเป็นใคร คนรักของคุณหนูอย่างนั้นหรือ บ้างล่ะ ผู้ชายคนนั้นน่าอิจฉาจริงๆที่ได้ใจคุณหนูไปครอง บ้างล่ะ แต่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวอีกตามเคย ยังเดินเล่นยิ้มระรื่นไปตามประสา ส่วนทางด้านเด็กหนุ่ม สาบานได้ว่าเขาไม่ได้สนใจบรรยากาศรอบข้างแม้แต่น้อย เว้นแต่พี่สาวคนสวยที่เดินนำหน้าไปไม่ไกลนัก

               

    พรึ่บ!

    จูฮยอนสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นเงาในพุ่มไม้เมื่อครู่ มันผ่านไปเร็วมาก และนี่เป็นอีกครั้งที่คุณหนูเบไม่เข้าใจตัวเอง

    ความสงสัยเริ่มเกาะกินหัวใจไปกว่าครึ่ง งานวันนี้จะไม่สนุกอีกต่อไปหากนางไม่ได้รู้ว่าสาเหตุของเงานั่นคืออะไร เบจูฮยอนตัดสินใจวิ่งเข้าไปหาพุ่มไม้นั่น ด้วยว่าอยู่ท่ามกลางฝูงชนนางจึงเหมือนหายตัวไปภายในพริบตาเดียว และนั่นทำให้จุนฮยอกแทบเป็นบ้าอีกครั้งเมื่อมองหาพี่สาวที่เดินนำตัวเองอยู่เมื่อครู่ไม่พบ

    “พี่เบ!? พี่อยู่ไหน พี่เบ!

     

     

    จูฮยอนหลุดเข้ามาในพุ่มไม้ในทันทีที่นางเข้าใกล้ หูยังได้ยินเสียงจุนฮยอกเรียกหาอยู่รางๆ แต่จะตะโกนร้องให้ช่วยเหลือก็จนปัญญา เพราะตอนนี้ริมฝีปากบางถูกปิดไว้ด้วยมือนุ่มของใครบางคน

    กลิ่นหอมอ่อนโชยเข้าจมูกอยู่เนืองๆ เนื้อผ้าอย่างดีที่ห่มคลุมตัวนางไว้ให้ความสัมผัสนิ่มนวลยากที่จะอธิบาย ก่อนที่เสียงใสจะเอ่ยขึ้นโดยที่จูฮยอนไม่ทันได้ตั้งตัว

     

    “ชู่ว! เงียบไว้”

     

    เงียบ จูฮยอนคิดว่าเงียบมากพอแล้ว เพราะตอนนี้นางได้ยินเสียงหัวใจตัวเองกลบเสียงรอบข้างไปหมด ทั้งเสียงคนเฮฮาเมื่อครู่ เสียงเรียกของจุนฮยอก ไม่ได้ยินเลย

    ตึกตักตึกตัก

               

                เกิดมาก็เพิ่งจะเคยพบว่าตนเองจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ จูฮยอนยังคงตื่นเต้นไม่หายเมื่อคนที่โอบกอดนางอยู่เมื่อครู่รีบพานางวิ่งไปไกล ดวงตากลมโตยังคงจ้องมองแผ่นหลังเล็กของคนที่กุมมือตนเอาไว้ มันดูเปราะบางหากแต่ก็ดูเข้มแข็งภายในเวลาเดียวกัน

                วินาทีที่เท้าทั้งสองหยุดกึก จูฮยอนหอบเสียงดังก่อนจะเงยหน้ามองคนที่พานางวิ่งหนีมาชัดๆ และนั่นทำให้นางอึ้งเงียบไปสักพัก ดวงตาเรียวเล็ก จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง เป็นองค์ประกอบรวมๆที่คุณหนูเบพอจะพูดได้เต็มปากแค่สองคำ คือสวย หรือไม่ก็น่ารัก

                แต่แปลกที่เด็กสาวตรงหน้าไม่ได้แสดงอาการเหนื่อยแม้แต่น้อย ซ้ำยังมองมาที่จูฮยอนด้วยสายตาเป็นห่วงระคนรู้สึกผิด แหงล่ะสิ ก็เล่นพานางวิ่งมาซะไกลทั้งๆที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยเนี่ย

     

                “เจ้าเหนื่อยมากหรือ”

     

                “เหนื่อยสิ เจ้าน่ะแปลกคน วิ่งมาไกลขนาดนี้แท้ๆ ไม่เหนื่อยเลยได้ยังไง”

     

                “ขอโทษนะ เดี๋ยวข้าจะพาเจ้ากลับไปส่งที่หน้างานแล้วกัน”

     

                “แล้วนี่เจ้าเป็นใคร จู่ๆมาพาข้าวิ่งหนีทำไม เอ๊ะ หรือว่าเจ้าทำความผิดอะไรหรือเปล่า”

     

                “ปเปล่า ลืมๆมันไปเถอะ มากับข้า ข้าจะพาเจ้าไปส่ง”

                ไม่พูดเปล่า เด็กสาวยังถือวิสาสะจูงมืออีกคนให้เดินตามมาซะงั้น จูฮยอนที่เห็นอย่างนั้นก็ไม่ค่อยพอใจนัก เหตุใดผู้หญิงหน้าตาดีแต่งตัวดีคนนี้ถึงได้ทำตัวมีพิรุธนัก

                จูฮยอนยังคงไม่ละสายตาจากเด็กสาวนิรนามตรงหน้า ชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่คิดจะบอกกล่าว ฮึ! ถ้าเป็นเช่นนั้นนางเองก็จะไม่บอกเช่นกัน กลัวเพียงอย่างเดียวก็เรื่องความผิดนี่แหละ หากเด็กสาวคนนี้มีความผิดจริง นางมิโดนลูกหลงไปด้วยรึ ครั้นจะปล่อยให้มันจบไปแบบนี้ก็จะดูแปลกๆ เพราะนางยังไม่หายข้องใจสิ่งใด มีแต่จะเพิ่มปมปัญหาให้ขบคิดมากขึ้น

               

                “สรุปเจ้าคือใครกันแน่”

     

                “เจ้านี่เรื่องมากจริง ไม่ต้องรู้หรอก”

     

                “เอ้า ก็แค่ชื่อ บอกมาแค่ชื่อก็ได้”

     

                “ซึลกิ ข้าชื่อคังซึลกิ พอใจหรือยัง”

                พอพูดจบ องค์หญิงในคราบสามัญชนซึลกิก็ผายมือไปยังในงาน เป็นสัญญาณว่าพระองค์ได้พาผู้หญิงคนหนึ่งที่พระองค์ไม่รู้จักมาส่งถึงที่แล้ว

               

                “ก็แค่นั้น”

                หญิงสาวพูดพร้อมเดินจากไป องค์หญิงมองไม่เห็นหรอกว่านางเดินไปทางไหน หรือเดินไปหาใคร เพราะตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องรีบกลับวังก่อนที่จะมีใครรู้เรื่องเสียก่อน แต่มันก็คงไม่ทันแล้วล่ะ

                พวกทหารพวกนั้น ต้องมาตามตัวพระองค์ไปแน่ๆ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นยิ่งต้องรีบใหญ่ ทำไมเล่า องค์หญิงรัชทายาทก็อยากออกมาเที่ยวงานปีใหม่เหมือนกับใครเขานะ

     

     

              ฉึก!

     

                แต่ทันใดนั้นเอง วัตถุมีปลายแหลมพุ่งเข้าชนที่กลางลำตัวพระองค์อย่างจัง พระเนตรเบิกกว้างขึ้นก่อนจะก้มลงมองวัตถุประหลาด

     

                ธนูอาบยาพิษ!

             

                ความเจ็บแปลแล่นปลาบไปทั่วร่าง องค์หญิงซึลกิขบกรามแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวด พร้อมกับออกตัวรีบวิ่งไปให้เร็วที่สุด มีคนลอบปองร้ายพระองค์ คราวนี้มิใช่เพียงแค่รีบกลับวังเพื่อมิให้ถูกจับได้แน่

                แต่มันเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายขององค์หญิงรัชทายาทแห่งแคว้นโนรัน!   











     

    ----------------------------------

    ค่ะ ถถถถถถถถ อย่าเพิ่งคาดหวังอะไรมากนะคะ ส่วนตัวยังมองว่าตัวเองใช้ภาษาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ถถถถ เนื้อเรื่องนี่ส่วนตัวชอบมากค่ะ ขนาดที่ว่าไปโรงเรียนแล้วไปคุยกับเพื่อนแต่เรื่องฟิค อันนี้หมกมุ่นละ ถถถถถถ

    อาจารย์คิม ในเรื่องเป็นชายชราอ่ะค่ะ จะมโนเป็นพี่แท... ก็ได้นะ ถ้าไม่ขัดกับอารมณ์ก็โอเคแล้วค่ะ 5555555555





    อีกเรื่องจะอัพในไม่ช้าค่ะ อิอิ ถถถถถถ
           

                

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×