ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยัยสุดซ่ากับตาสุดแสบ

    ลำดับตอนที่ #2 : มันอะไรก๊านนนนน ฮึ! ชีวิตช้าน...T_T

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 48


         “มาแล้ว มาแล้ว…เป็นยังไงบ้างลูก” จินตหราออกมาทักทายลูกชายลูกสาวที่เพิ่งกลับมาจากเรียนพิเศษ



         “ขับรถเป็นยังไงบ้างลูก” จินตหราเงยหน้าถามลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เนื่องจากเป็นห่วงเพราะเจลเพิ่งจะขับรถยนต์คล่องเมื่อไม่นานมานี้เอง



         “หึหึ..” จิลหัวเราะด้วยอารมณ์เซ็งจัด



         “อะไรกันลูก..” จินตหราประหลาดใจ นางก็ช่างไม่รู้เสียนี่กระไรว่าลูกสาวสุดที่รักได้พบกับอะไรที่ป่วนอารมณ์มาบ้าง



         “โฮะ! โฮะ! ” จิลยังหัวเราะแบบสีหน้าบ่งบอกถึงความไร้อารมณ์ จิตใจก็คิดไปเรื่อยเปื่อย ปล่อยให้มารดาเดินตามไปจนถึงห้องนั่งเล่น



         “อ๊ะ..สวัสดีค่ะแม่” เธอทำเหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัว



         “สวัสดีครับแม่..” เจลก็ลืมทักทายมารดา เขาลืมแม้กระทั่งจะตอบคำถามที่มารดาถาม



         “จ้ะจ้ะ..มามา..มากินขนมกันก่อนเร็ว แม่เห็นในทีวีเค้าทำน่ากินมากๆ แม่ก็เลย..”



         “ลองทำเองดูใช่ไหมคะ..จะกินได้มั้ยเนี่ย...” จิลพูดต่อให้ พลางหยิบคุกกี้เข้าปาก



         “อร่อยมั้ย..” จินตหราลุ้น



         “อืม..ใช้ได้ค่ะ ดีๆ กำลังหิวพอดีเลย แล้วลงมือเองเลยเหรอคะ”



         “อันที่จริงมันก็เปล่าหรอก แม่เห็นเค้าทำน่ากิน เกิดอยากกินขึ้นมา แม่ก็เลยรีบออกไปซื้อมาเนี่ยแหละจ้ะ..”



         แป่ว!..



         “อ้าว..ไอ้เราก็นึกว่าจะทำเอง หลงชม..” จิลว่า



         “เอ่อ..นี่! แล้วเรียนพิเศษเป็นยังไงบ้างฮึลูก..” จินตหราเปลี่ยนเรื่องเฉยเลย



         “??….ก็ดีค่ะ อาจารย์ก็สอนรู้เรื่องดี แต่หนูก็อุตส่าห์สอบเข้าศูนย์วิทย์เหมือนกับพี่เจลได้แล้วนี่ ไม่เรียนไม่ได้เหรอคะ”



         “มันก็ได้อยู่หรอก..แต่ลูกจะตามเพื่อนคนอื่นๆ ทันเหรอ..นี่ก็ม.ปลายแล้วนะ ไม่ใช่ม.ต้นเหมือนแต่ก่อน ต้องตั้งใจมากขึ้นสิลูก..”



         “แม่อ่ะ…นี่ยังไม่เปิดเทอมเลยนะคะ”



         “แต่ลูกก็จบม.3 แล้วนะ พี่เจลเค้าอยู่ศูนย์วิทย์มาสองปีละ  แม่ก็ว่าดีนะ ทำไมไม่สนใจล่ะฮึ…”



         “โอ๊ย! พี่เจลเก่งคนเดียวก็จะครองโลกได้อยู่แล้ว.. จิลไม่ต้องเก่งก็ได้มั้งคะ เดี๋ยวโลกจะวุ่นวายเปล่าๆ ”



         “หึ..ว่าไงนะ! ” เจลที่เงียบอยู่นานก็หันมามองหน้าน้อง



         “ว้าย!..ตายแล้ว ไปโดนอะไรมาลูก” ผู้เป็นมารดาร้องด้วยความตกใจ



         “มันจะอะไร้…ก็โดนต่อยมาน่ะสิ” จิลพูดแบบเหยียดๆ



         สายตาเจลเริ่มจิกไปยังน้องสาว



         “..เอ่อ…แต่เราไม่ผิดนะคะ เค้ามาทำเราก่อน..” จิลเริ่มเปลี่ยนอารมณ์มาเข้าข้างพี่ชาย ด้วยเหตุผลบางอย่างที่สัญชาตญาณของเธอบอก



         “ไม่มีอะไรครับแม่ อย่าห่วง แค่นิดหน่อยเองครับ แหะๆ ” เจลพูดแบบไม่ดูหน้าตาตัวเองที่เริ่มช้ำบวมเลย



         “มันยังไงกัน…เล่ามาเลยจ้ะ” จินตหราไม่สนใจคำแก้ตัว หันไปมองหน้าลูกสาวที่อ้าปากเตรียมเล่า



         “อะแฮ่ม! อ้อ..มันก็มีอยู่ว่า ที่แม่ให้พี่เจลขับรถไปกับจิลไปเรียนพิเศษ แล้วให้พี่ก้อยที่บ้านอยู่ข้างหน้าเนี่ย..ติดรถไปด้วย คืออย่างงี้.....พอขากลับ มีใครก็ไม่รู้นิสัยเลวมาก..มาหาเรื่องพี่เจล ไปๆ มาๆ ปรากฏว่ายัยพี่ก้อยนั่นแหละที่เป็นตัวการ พี่ก้อยเค้ามาเกาะแกะพี่เจล หลายครั้งแล้วด้วย จิลไม่อยากจะพูด แต่คราวนี้มันบังเอิญว่านายบ้านั่นเกิดเห็นเข้าน่ะค่ะ แล้วพอดี..ว่าท่านเป็นเพื่อนกับแฟนพี่ก้อย ก็เลยใส่กันดังตุบตับตุบตับ ทั้งๆ ที่พี่เจลก็ไม่ได้ชอบพี่ก้อยเลย หรือว่าไม่ใช่...”



         ขวับ…สายตาทั้งสองคู่จ้องไปที่เจลอย่างจะเอาคำตอบ



         “..ผมไม่เคยคิดอะไรกับก้อยเลยนะ..อะไรกันเนี่ย” เจลตอบเสียงอ่อย



         “ดีแล้ว เอ้อ..พอดีจิลเห็นก็เลยไปห้ามไว้ เรื่องก็จบ หน้าพี่เจลก็อย่างที่เห็น เยินซะ..”



         “จริงเหรอ…โถ! คราวหน้าแม่จะไม่ให้ใครติดรถไปอีกแล้วนะ..”



         “ดีมากเลยค่ะ  แต่จะทำได้ยังไงกัน บ้านก็เล่นอยู่เยื้องกันแค่นี้..”



         “ก็รถเราเสียไง ไม่รู้หรอกเหรอ..” จินตหราว่าอย่างมีเลศนัย ไม่ได้ต่างจากลูกสาวเลย..





         จากการบรรยายของจิล เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้พูดแม้แต่เสี้ยวเดียวว่าเธอทำอะไรบ้าง ไม่ว่าจะตะโกนด่าก้อยและโน้ตท่ามกลางคนหมู่มากหรืออะไรก็ตาม แต่เจลก็ไม่อยากว่าอะไร ด้วยกลัวว่าน้องสาวจะเริ่มพูดอะไรต่อมิอะไร ที่ไม่น่าฟังอีก..



         “เอาอย่างนี้ มากินกันก่อนดีกว่า” จินตหราชวน



         กรุบกรับ..กรุบกรับ



         “อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมนะลูก”



         “ครับ”

        

         “ค้า…คุณแม่”



         “หื้อ…พี่เจลน่ะ แม่ไม่ห่วงเรื่องเอนทรานส์หรอกนะ  แต่จิล..ลูกเนี่ยต้องขยันๆ นะ สภาพแวดล้อมใหม่ๆ ต้องปรับตัวนะ”



         “ได้ค่ะแม่..”



         “มีอะไรก็ถามพี่เจลนะลูก เจลลูกก็บอกน้องด้วยนะ”



         “โอ๊ย! จิลก็ใช่ว่าจะไม่เก่งนะแม่..” จิลว่า



         “จ้า..เก่ง อื้อ..แล้วเจลตั้งใจจะเรียนอะไรล่ะ อยู่ศูนย์วิทย์ฯ ก็เรียนทางนั้นเถอะนะถ้าลูกชอบ”



         “ผมจะเรียนแพทย์ครับ ว่าจะไปสอบตรงเลย”



         “อ๊า!..ไม่เอา! จิลไม่อยากมีพี่เป็นหมอนะ ขืนพี่เจลเป็นหมอ..กว่าจะได้แต่งงานพี่เจลก็แก่ตายพอดี แล้วพี่สะใภ้จิลล่ะ หลานจิลอีกล่ะ..”



         “ยัยจิลนี่ พูดอะไรกัน เรียนยังไม่ทันจบม.ปลายเลยนะ” จินตหราดุลูก



         “..งั้นเมื่อไหร่ พ่อ แม่ แล้วก็จิลจะได้อุ้มหลานล่ะคะ”



         “ก็แม่คนเมื่อเช้าน่ะ..เรายังไม่รับเค้าเป็นศรีภรรยาพี่ชายเราอีกเหรอ..” จินตหราประชด



         “โห่..แม่ยังจะให้จิลรับยั..”



         “แล้วเราล่ะ จะเรียนอะไร” เจลตัดบท



         “ไม่รู้..แต่ไม่เป็นหมออะไรทำนองนั้นแน่ๆ ขอคิดดูก่อนว่าจะเรียนอะไร”



         “แล้วเข้าศูนย์วิทย์ไปทำมั้ย..ถ้ารู้ว่าเรียนไม่ได้” เจลว่า



         “ดูถูก!!..ฮึ! ”



         “พี่ว่าเราเป็นพวกทนายปากเอกก็ดีนะ.. เหมาะกับปากเราดีนี่”



         เอ๊ะ! มันยังไง..ตกลงจะชมหรือมีอะไรแฝงเนี่ย..



         “ไม่รู้สิ..โฮ้ย! อย่าเพิ่งถามได้มั้ย บอกว่าขอคิดดูก่อนไง..”



         “ก็แล้วแต่ลูกจะสนใจเถอะนะ แต่แม่ขอให้ตั้งใจจริงๆ ก็พอ แล้วแม่ขออีกอย่างนะลูก… ไอ้ที่ไปเที่ยวว่าใครๆให้เจ็บแสบน่ะหยุดเถอะ เดี๋ยวระวัง! มันจะขึ้นคานก็อย่างนี้แหละ ว่าพี่เค้าแก่ขึ้นคานเพราะเรียน แต่เราน่ะจะขึ้นคานเพราะปากเนี่ยมันแย่กว่านะลูก...” จินตหรารัวใส่ลูก



         อึ้ก!…เสียงกลืนน้ำลายจากเด็กสาว



         ‘เข้าเนื้อเลยอ่ะ เล่นรุมหั่นเนื้อเราไปขายนี่นา ได้หลายกิโลแล้วนะเนี่ย…ชิ่งดีกว่า’ จิลคิดในใจ



         “เอ่อ..จิลอิ่มพอดี ไปก่อนนะคะ” ว่าแล้วก็แว็บหายขึ้นข้างบนไปเลย





         ฟึ่บ..จิลทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยหน่าย



         “วันนี้มันเหนื่อยอะไรอย่างงี้…ไหนจะยัยก้อย ไหนจะพี่เจล ไหนจะไอ้บ้านั่น แล้วไหนจะแม่อีก โว้ย…”



         “มันอะไรก๊านนนนน…ฮึ! ชีวิตช้าน…” จิลพึมพำ



         ในขณะที่สมองของเธอก็กำลังรีเพลย์ภาพเหตุการณ์ในวันนี้ ทุกๆ ภาพ ทุกๆ ความทรงจำ ล้วนแต่ทำให้เธอหงุดหงิด โดยเฉพาะเรื่องที่เธอต้องลุยไปห้ามทัพพี่ชาย และยิ่งการที่เธอต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นเมียของพี่ชายตัวเองอีก ยิ่งนึกก็ยิ่งฉุน



         ในที่สุดเธอก็คิดตก แล้วจึงหยิบหมอนข้างขึ้นมา…ไม่ใช่จะกอด แต่จะเอามาเตะต่างหาก เตะไม่เตะเปล่า ยังเพิ่มหมัด! เข่า! ศอก! ลงไปอีก ยิ่งระบายลงหมอนข้างก็ยิ่งมันเลยจัดการเจ้าหมอนข้างวายร้ายเสียงดังตุบตับ มีรึ..คนที่อยู่ด้านล่างจะไม่ได้ยิน



         “อะไรกันจิล” เจลตะโกนว่ามาจากด้านล่าง



         “ซ้อมป้องกันตัวอยู่น่ะ  แฮ่กๆ ” เหตุผลดีนี่..



         “เบาๆ สิ เกรงใจชาวบ้านเค้าบ้าง..นี่ๆ พี่ว่ามันจะเกินป้องกันตัวแล้วนะ โอ๊ย!..” เจลพูดไปทายาที่หน้าของตนเองไป แน่นอนว่าก็ต้องเจ็บไปด้วย



         ปึ้ก..ปั้ก..ป้าบ!!



         “เฮ้อ..เหนื่อยดีจัง เรียกเหงื่อได้เยอะเลยแฮะ”



         จิลเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วออกมาจัดห้องอีกเล็กน้อย เนื่องจากเมื่อกี้ของในห้องนั้นถูกรบกวนไปส่วนหนึ่ง ซึ่งก็มากอยู่..



         และแล้ว…



         “อะ..อะไรเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ..” จิลถึงกับตาค้าง เมื่อเธอมองจากหน้าต่างห้องนอนชั้นบนลงไปด้านนอกบ้าน เธอก็ตาไวตามประสา แล้วสิ่งที่เธอเห็นก็คือสิ่งที่ทำให้ตาเธอโตเท่าไข่ห่าน แถมมีทีท่าว่าจะฟักเป็นลูกตาขาวและลูกตาดำในเวลาต่อมาอีกด้วย



         อารมณ์ที่เกือบ..นะเกือบ..เกือบสงบก็เริ่มพุ่งปรี๊ดขึ้นอีกแล้วเช่นกัน



         ริมฝีปากที่พูดสื่อสารกันระหว่างก้อยและชายคนหนึ่ง ถูกจิลจับจ้องอยู่ตลอดเวลา ก้อยแต้มรอยยิ้มอย่างหน้าสะอิดสะเอียน



         สำหรับจิลแล้ว ก้อยเป็นสิ่งน่ารังเกียจ ทั้งสีหน้า ท่าทางของก้อย ที่แม้บางคนอาจมองว่าเธอสวย แต่จิลคิดว่าก้อยน่าเกลียดที่สุด และที่เธอเห็นก้อยคุยกับชายที่ยืนพิงกระโปรงหลังของรถเก๋ง โดยชายคนนั้นหันหลังให้เธอก็ยิ่งทำให้เธอยิ่งหมั่นไส้เข้าไปใหญ่



         “..เชอะ! ท่าทางจะมาส่งกันแฮะ นี่น่ะเร้อ..นายโจ้ที่น่าสงสาร”



         “ยังยิ้มได้อีกน้า…ทำตัวไม่หน้าให้อภัยที่สุดแล้ว ผัวนังนี้ยังใจกว้างกว่ามหาสมุทรอีก  หยึย! สงสัยจะเอาตาตุ่มมอง สักวันจะแฉให้หมดเลย ยัยก้อยนี่คงแก้ตัวสุดฤทธิ์สิท่า…” จิลก็ยังคิดตามที่เธอเห็น



         บทสนทนาของชายหญิงท่ามกลางสายตาของจิลดูเหมือนจะจบลงแล้ว เพราะก้อยก็เดินเข้าบ้านไปแล้ว ส่วนชายหนุ่มนั้นก็กำลังกลับหลังหันมา..



         แล้วก็…



         “หา!!!!  O_O”



         เมื่อจิลมองเห็นว่าบุรุษเพศผู้นั้นเป็นไอ้บ้า… ไอ้บ้าคนที่เธอเพิ่งจะโมโหเขาอยู่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เธอก็ทำอะไรไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก อึ้งและค้างอยู่อย่างนั้น ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเห็นใบหน้าของเขายามที่ไม่ทำหน้าถมึงทึงอีกด้วย



         คิดอะไรไม่คิด..เธอยังคิดว่ามันดูดีอีกต่างหาก



         “หึย..มีความสุขเข้าไป๊..”



         “ไหนว่าไม่ใช่แฟนตัวเอง เป็นแฟนเพื่อน แต่กลับทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างนี้มันหักหลังเพื่อนแน่ๆ โห่เอ๊ย!...ไม่ค่อยจะเลวเลย เฮอะ..มันก็เหมาะกันดีแล้วกับนังก้อยนั่น สนับสนุนอย่างแรงเลย! ”





         ทันใดนั้น..



         สายตาทั้งสองคู่ก็มาบรรจบ มาสบตากันเพียงแวบเดียว…แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้นก็ทำให้จิลรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ แล้ว ฝ่ายชายก็ทำหน้าเหลอเพราะเห็นหน้าเห็นตาอีกฝ่ายไม่ชัด ส่วนจิลที่มองหน้าโน้ตมาเต็มๆ อยู่แล้ว เมื่อได้สบตาอีกอย่างนี้ก็ต้องหลบเข้าไปที่กรอบหน้าต่างทันที



         “อ๊าย!..” จิลร้องด้วยความรู้สึกปนดีปนร้าย ออกจะค่อนไปทางร้ายด้วยซ้ำ



         ส่วนโน้ตก็ออกรถไปพร้อมกับรอยยิ้ม หลงคิดว่าตัวเขาเองคงจะหล่อมากจนทำให้มีคนแอบมอง ซึ่งอันที่จริงมันก็เป็นอย่างนี้ประจำ...เขาน่าจะชินได้แล้ว แต่หลงก็คือหลง คิดไปตามที่เห็น ส่วนความจริงจะเป็นเช่นไรก็เป็นอีกเรื่อง



         “ยัง…ยังจะมาทำหน้าใสซื่อบริสุทธิ์อีก ไอ้….” เธอกำลังคิดหาคำด่า



         “ทำไม้..ทำไมวันนี้มันซวยมหาประลัยอย่างนี้ มีเรื่องปวดหัวเป็นแสนเรื่อง โว้ยยย!!!.. จะบ้าตาย”



         และแล้ว..ข้าวของที่เพิ่งจัดเสร็จไม่นานก็ถูกรื้อออกมาอย่างใจเย็น เย็นจริงๆ นะ…



         อันดับแรกก็คงจะเป็นหมอน ตามมาด้วยหมอนข้าง หมอนอิง ผ้าห่ม หรืออะไรที่เธอจะสัมผัสมันอย่างรุนแรงแล้วไม่ทำให้เจ็บเสียเองก็ถูกนำมาวางที่กลางเตียงอย่างพิถีพิถัน



         “พร้อมแล้ว…เริ่ม”



         ตุ้บ!!..พลั่ก!..ผัวะ!!..ฟุบ!!…ปึก!!..ตั้บ! ตุ้บ!



         “อะไร! อะไร! ยัยจิล!! ” เสียงเจลจากห้องนั่งเล่นด้านล่างแผดมา ฟังจากน้ำเสียงแล้วก็ท่าจะตกใจและรำคาญ



         “ระบายอารมณ์! ” เสียงของจิลแน่นอน



         “อะไร เมื่อกี๊ก็เห็นหยุดไปแล้ว มันจะอะไรนักหนา”



         “เมื่อกี๊ซ้อมป้องกันตัว แต่ตอนนี้ระบายอารมณ์”



         “เกรงใจบ้านข้างๆ เค้าบ้างสิ”



         “โว้ย! ไปเกรงใจมันมากนัก ทีบ้านนั้นเปิดเพลงเสียงดังน่ารำคาญทั้งวันทั้งคืน จิลไม่เห็นว่า ไหนจะวันดีคืนดีมาตอกตะปูโป๊กๆ อีก จิลก็ไม่ได้บ่นซักคำ จิลรู้น่า..แค่ 5 นาที เดี๋ยวหยุดเอง อื้อ!!..แล้วก็อย่าบ่นด้วย! ”



         “ตึก..ตึก..ตึก..ตึก..” เสียงเดินขึ้นบันไดมาแล้ว



         เมื่อจิลได้ยินก็รี่ไปที่ประตู..ไม่ใช่จะไปเปิด แต่ไปล็อกให้สนิทที่สุด เนื่องจากเธอคงจะรู้ชะตาดี



         ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!



         “เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ! ” เสียงของเจลที่ตะโกนจากอีกฟากของผนัง



         ปัง! ปัง! ปัง!…..



         “อีกห้านาทีน่า..” จิลพูด ว่าแล้วก็คว้าหมอนอิงใบเบ้อเริ่ม และเขวี้ยงไปที่ประตู



         ผลัวะ! ตามด้วยหมอนอิงอีกใบ ตุ้บ!



         คนที่เอาหน้าตาแนบประตูถึงกับตกใจ รัวทุบใส่ประตูจนเหนื่อยแล้วก็ลงไปด้านล่างตามเดิม เขาก็ยังไม่ชนะน้องซักทีเถอะน่า นี่ถ้าแม่ของเขาอยู่ก็สักคนคงจะได้ขอแรงหน่อย เผื่อจะได้ลองรสชาติการชนะบ้าง



         ฟึ่บ!..



         จิลทิ้งร่างอันเหนื่อยอ่อนเต็มไปด้วยเหงื่อลงบนเตียง โดยที่หัวหนุนอยู่ที่มุมของหมอนอิงเพียงเสี้ยว แขนก็พาดอยู่ที่หมอนหนุน อีกข้างก็วางทับผ้าปูยับยู่ยี่ ส่วนขาข้างหนึ่งก็ก่ายผ้าห่ม อีกข้างก็พาดเท้าไว้บนหมอนข้าง



         บรรดาของที่เธอทำทารุณกรรมก็มีเพียงสิ่งที่กองอยู่บนเตียงเธอในขณะนี้เท่านั้น สิ่งอื่นๆ นอกเหนือจากนี้เธอไม่เคยแตะต้องเพราะเธอเสียดายของ



         จิลค่อยๆ เคลื่อนย้าย ‘ซากศพ’ ที่ถูกฆาตกรรมด้วยน้ำมือของเธอ ไม่ว่าจะเป็นหมอนที่ถูกจับเหวี่ยงไปมา แล้วทุ่มลงบนเตียงด้วยเสียงอันดัง หมอนข้างที่ถูกฟาดหลายต่อหลายครั้ง ผ้าห่มที่ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ถูกกระทืบมันบนเตียงทั้งอย่างนั้น สิ่งของที่น่าสงสารเหล่านี้ถ้าหากว่ามันมีชีวิตเหมือนคนแล้วโดนอย่างนี้ มันก็คงอยากตายตั้งแต่ตุ้บแรกแล้ว ช่างน่าอนาจแท้…



         แล้วจิลก็เริ่มเก็บกวาดห้อง ‘อีกครั้ง’ จนทุกอย่างเรียบร้อยและกลับมาอยู่ในสภาพ..เกือบ..เหมือน…เดิม..จากนั้นเธอก็ไปชำระร่างกายและลงไปชั้นล่าง เพื่อพบกับสายตาหลายคู่ที่ต่างก็จ้องมองมายังเธอ (อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ)…









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×