ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : chapter 3
    ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อยอ่อนอย่างบอกไม่ถูก เจ็บแปลบที่ขาขวาเป็นระยะๆ  มองไปรอบๆตัวมีข้าวของเครื่องใช้หรูหราตั้งอยู่รอบห้อง ความรู้สึกนุ่มสบายจากเตียงที่นอนอยู่ ทำให้ฉันฉุกคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ฉันใช้ความพยายามอย่างมากในการลุกขึ้นนั่งบนเตียง ก่อนจะเลิกผ้าห่มออกเพื่อหาสาเหตุของความเจ็บปวดนั้น  ผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่รอบข้อเท้า โดยมีตะขอทำจากไม้กลัดอยู่  ฉันรีบแกะผ้าพันแผลนั้นออก เห็นรอยเขี้ยว 2 รอยอยู่บนขาของฉัน  งูกัดงั้นหรอ? แล้วรอดมาได้ไงเนี่ย   
ฉันถามตัวเองอย่างไม่แน่ใจ ก็ในยุคโบราณนี่ยังไม่มีเซรุ่มในการรักษานี่นา
แล้วจู่ๆประตูก็ถูกเปิดออก ร่างของคนที่ฉันเคยตวาดไว้เดินเข้ามาช้าๆ ด้วยใบหน้าอิดโรย  ฉันรีบเอนตัวลงนอนและแสร้งทำเป็นหลับทันที
“รู้อะไรบ้างรึเปล่า เจ้าเป็นคนแรกที่กล้าตวาดเรา และเจ้าก็เป็นคนแรกที่กล้าหาว่าเราไม่มี ทศพิธราชธรรม” ฉันรู้สึกถึงน้ำเสียงของเขาที่ฟังดูแล้วหดหู่พิลึก นี่คำพูดเดียวของฉันส่งผลขนาดนี้เลยหรือไงนะ
“ความจริงเรามีนะ เรามีไม่ครบ หลังจากคำพูดเจ้าไม่กี่ชั่วโมง ชาวบ้านในหมู่บ้านทางเหนือก็ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านการเป็นกษัตริย์ของเรา เราคงไม่มีคุณสมบัติพอในการปกครองล่ะสิเนี่ย” หลังจากที่ฉันทนฟังมานาน ความอดทนนั้นก็หมดลง ฉันพลิกตัวไปหาคนที่นั่งพูดอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียง
“ไม่หรอก ท่านมีคุณสมบัติครบเลยนะ” คนที่นั่งอยู่คงจะตกใจมากทำตาโตใส่ฉันอย่างลืมตัว
“ท่านมีความเมตตา”
“ไหนเจ้าว่าเราไม่มี”
“ก็เพิ่งมีหลังจากที่โดนว่าน่ะสิ”ฉันพูดพึมพำกับตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย
“เจ้านี่มัน” ฉันยิ้มรับคำพูดที่เขาจะพูดต่อไปแต่เขาก็ไม่พูดกลับก้มหน้าเงียบ  ทำให้ฉันสงสัยจน ต้องพยายามที่จะยันตัวขึ้นนั่ง แล้วถามเขาดีๆ
“เป็นอะไรไปอีกล่ะ โดนว่าครั้งเดียวเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย”
“เราไม่รู้จะแก้ปัญหาที่ตรงไหน”
“.....”หลังจากได้คำ สิ่งที่ทำให้คนตรงหน้าเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้ว ฉันเลือกที่จะเงียบแทนที่จะถามต่อมากกว่า ไม้รู้ว่าจะมาไม้ไหน และไม่รู้ว่า ระเบิดอารมณ์ของคนเอาแต่ใจตรงหน้าจะลงอีกเมื่อไหร่ 
“เรากำลังถามเจ้าอยู่นะ”
“ปัญหาเริ่มที่จุดไหน เราก็ต้องแก้ที่จุดนั้น” ฉันพูดลอยๆขึ้นมา ก่อนจะเอนตัวลงนอนเหมือนเดิม
ทำไมนะ ทำไมเขาดูเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ไม่น่าจะปกครองดินแดนใหญ่ขนาดนี้ได้ แต่ในความเป็นจริง  เขาที่นั่งตรงหน้าฉันนี่แหละ คือกษัตริย์แห่งดินแดนอนาโตเลียที่ยิ่งใหญ่
“ปัญหาก็คือ อะไรคือปัญหา”จู่ๆ เขาก็เงยหน้าแล้วพูดขึ้นมา
“เฮ้อ นี่ล่ะเรื่องสำคัญ  แล้วปัญหานี่เกิดขึ้นจากอะไร พวกเขาไม่พอใจในเรื่องไหน”
“ข้าไม่รู้” พอได้ฟังคำตอบแบบนั้นทำเอาคนช่วยแก้อย่างฉันหมดทางออก คนที่มีหน้าที่ต้องแก้ปัญหา กลับจนทางอกเสียเอง แล้วอย่างนี้ใครจะรู้
“นี่ แล้วปม ของปัญหาอยู่ที่ไหนล่ะ พวกเขาเรียกร้องที่จะได้อะไรจากคุณ”
“เขาขอน้ำสะอาด ช่วงนี้ไม่มีฝน น้ำในแม่น้ำสายหลักต่างก็เหือดแห้งไปเกือบหมด ชาวบ้านทางเหนือไม่มีน้ำสะอาดใช้ดื่มกิน”
“แล้วน้ำบาดาลล่ะ” ฉันย้อนถามขึ้นมาหลังจากนึกขึ้นได้
“มันไม่สะอาด”
“ก็ให้เขาใช้น้ำบาดาลนั่นแหละ แล้วเราก็ทำถังกรองน้ำไปให้เขา ก็แค่นั้น” ฉับพลัน คนที่นั่งคอตกอยู่ข้างๆก็ผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไป พร้อมกับตะโกนสั่งเสียงดัง ทำเอาฉันตั้งตัวไม่ทัน  อะไรจะอารมณ์เปลี่ยนเร็วขนาดนี้ สักพักเสียงเอะอะโวยวายก็เงียบหายไป เหลือแต่เพียงความเงียบสงัดอันยาวนานของเวลากลางคืนในอาณาจักรอนาโตเลียที่แสนยิ่งใหญ่นี้
แสงแดดยามเช้าลอดผ่านผ้าม่านสีขาวโปร่งเข้ามายังห้องนอนหรูหราภายในวังหลวงแห่งนี้  แสงสีทองส่องกระทบกับวัตถุผิวเรียบสีเดียวกัน ทำให้เกิด ความแวววาวส่องออกไป เละนั่นก็ทำให้ฉันรู้ว่า เครื่องใช้ทั้งหมดนี่ ทำด้วยทอง  ทองคำแท้ๆน่ะ!!!
ฉันยันตัวลุกขึ้นนั่งได้ดีขึ้นกว่าเมื่อคืนนี้ ตรงที่อาการปวดระบม นั้นทุเลาลง  แผลที่ข้อเท้าของฉันก็หายไปอย่างไร้รอย เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ดูเหมือนว่าการรักษาแบบโบราณนี้จะดีกว่าการใช้เซรุ่มเสียอีก เพราะ นอกจากคนจะรอดตายแล้ว แผลยังหายไปด้วย  พอนึกถึงเรื่องการหายไปอย่างไร้ร่องรอย สมองของฉันก็นึกย้อนได้ถึงอะไรบางอย่าง 
ทองคำแท้.....ร้านหนังสือ .....ร้านทอง
การสับเปลี่ยนอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครรู้เห็น  นอกจาก .....ฉัน !!!
ร้านหนังสือนั่น  ......
พอนึกมาได้สักพัก อาการปวดหัวอย่างรุนแรงก็เกิดขึ้น ฉันเอามือกุมขมับ พยายามใช้หัวแม่มือนวดที่บริเวณขมับ แต่ไม่ได้ผล เหมือนสมองถูกบีบจากภายนอก  เหมือนกับว่าเราดำน้ำลงไปลึกมากๆแล้วความกดดันของน้ำจะดันแรกเข้าไปในหูของเรา และนั่นก็จะก่อไห้เกิดอาการปวดที่หู และศีรษะ อย่างรุนแรง  และยิ่งดำลงไปลึกเท่าไร อาการนั้นก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือ ว่ายขึ้นมา  ใช่แล้ว!!! ว่ายขึ้นมา เพราะฉะนั้น ต้องไม่นึกถึงมัน 
พอคิดได้แบบนั้น ฉันจึงพยายามเลิกคิดถึงร้านหนังสือ หนังสือ และร้านทอง มันได้ผล อาการปวดหัวหายไปอย่างลึกลับ  ทำไมโลกนี้ถึงมีอะไรแปลกประหลาดเยอะจริงเชียว
สายลมร้อนของฤดูแล้งพัดเอื่อยๆ แม้ว่านะจะเป็นฤดูแล้ง แต่ในสวนดอกไม้ ก็ยังมีดอกไม้บานสะพรั่งอยู่เต็มไปหมด ทางเดินทำจากหินที่สกัดจากเทือกเขาใกล้ๆ ต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางสวน  รอบๆต้นไม้ใหญ่เป็นพื้นหญ้าสีเขียวขจี ถัดจากนั้นจึงเป็นแปลงดอกไม้ที่ ปลูกเรียงตัวกันเหมือนเป็นกรอบ ล้อมรอบต้นไม้ใหญ่  น่าแปลกที่ว่า นี่คือฤดูแล้ง ฝนตกน้อย แต่ต้นไม้ ใบไม้ ยังคงเขียวขจี อยู่อย่างนี้ 
“หาตัวตั้งนาน มาอยู่นี่เอง ทำไม ชอบดอกไม้รึ”
“ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ถึงกับไม่ชอบ”ฉันตอบก่อนจะหันหน้าไปหาเขา กษัตริย์แห่งอนาโตเลีย
“เรื่องถังกรองน้ำนั่น”
“ทำไม”
“เอาเป็นว่าข้าขอบใจเจ้าแล้วกันที่มีส่วนช่วยเป็นอย่างมากในการแก้ปัญหาครั้งนี้” พอพูดจบ คนที่มาขอบใจก็ยิ้มที่มุมปาก
“ไม่เป็นไร” ฉันตอบอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเดินลงไปยังสวนดอกไม้  ให้ตายสิ คนที่ไม่อยากเจอกลับเจอ  แต่คนที่ฉันอยากช่วย กลับไม่มีโอกาสได้เจอ
“เจ้าเป็นอะไรไป” ซาลาเลนถามพลางวิ่งขึ้นมาดักหน้า
“เปล่า แค่เบื่อ”
“เบื่อ?”คนได้คำตอบทวนคำของฉัน พลางเลิกคิ้ว
“ใช่ เบื่อ เบื่อการนั่งกินนอนกิน เบื่อในการที่ไม่ได้ทำอะไรเลย”
“แล้วเจ้าอยากทำอะไร ข้าจะให้ทำตอบแทนกับที่ช่วยข้า”
พอได้ยินแบบนั้น หัวสมองของฉันก็ทำการประมวลผลทันที ตอนนี้ฉันอยากทำอะไรมากที่สุด
“ฉันอยากช่วยเหลือคน”
“ช่วยเหลือคน เจ้าจะช่วยเหลือคนได้ยังไง”
“ได้สิ ถ้ามีท่าน” จบจากคำตอบ คนฟังเลิกคิ้วขึ้นเหมือนที่เขาชอบทำ ฉันไม่แก้ข้อสงสัยของเขา แต่ให้ยิ้มหวานกลับไปแทน 
.......ในเมื่ออยากจะให้ ฉันก็จะรับ.....
ฉันใช้ความพยายามอย่างมากในการลุกขึ้นนั่งบนเตียง ก่อนจะเลิกผ้าห่มออกเพื่อหาสาเหตุของความเจ็บปวดนั้น  ผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่รอบข้อเท้า โดยมีตะขอทำจากไม้กลัดอยู่  ฉันรีบแกะผ้าพันแผลนั้นออก เห็นรอยเขี้ยว 2 รอยอยู่บนขาของฉัน  งูกัดงั้นหรอ? แล้วรอดมาได้ไงเนี่ย   
ฉันถามตัวเองอย่างไม่แน่ใจ ก็ในยุคโบราณนี่ยังไม่มีเซรุ่มในการรักษานี่นา
แล้วจู่ๆประตูก็ถูกเปิดออก ร่างของคนที่ฉันเคยตวาดไว้เดินเข้ามาช้าๆ ด้วยใบหน้าอิดโรย  ฉันรีบเอนตัวลงนอนและแสร้งทำเป็นหลับทันที
“รู้อะไรบ้างรึเปล่า เจ้าเป็นคนแรกที่กล้าตวาดเรา และเจ้าก็เป็นคนแรกที่กล้าหาว่าเราไม่มี ทศพิธราชธรรม” ฉันรู้สึกถึงน้ำเสียงของเขาที่ฟังดูแล้วหดหู่พิลึก นี่คำพูดเดียวของฉันส่งผลขนาดนี้เลยหรือไงนะ
“ความจริงเรามีนะ เรามีไม่ครบ หลังจากคำพูดเจ้าไม่กี่ชั่วโมง ชาวบ้านในหมู่บ้านทางเหนือก็ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านการเป็นกษัตริย์ของเรา เราคงไม่มีคุณสมบัติพอในการปกครองล่ะสิเนี่ย” หลังจากที่ฉันทนฟังมานาน ความอดทนนั้นก็หมดลง ฉันพลิกตัวไปหาคนที่นั่งพูดอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียง
“ไม่หรอก ท่านมีคุณสมบัติครบเลยนะ” คนที่นั่งอยู่คงจะตกใจมากทำตาโตใส่ฉันอย่างลืมตัว
“ท่านมีความเมตตา”
“ไหนเจ้าว่าเราไม่มี”
“ก็เพิ่งมีหลังจากที่โดนว่าน่ะสิ”ฉันพูดพึมพำกับตัวเองอย่างเหนื่อยหน่าย
“เจ้านี่มัน” ฉันยิ้มรับคำพูดที่เขาจะพูดต่อไปแต่เขาก็ไม่พูดกลับก้มหน้าเงียบ  ทำให้ฉันสงสัยจน ต้องพยายามที่จะยันตัวขึ้นนั่ง แล้วถามเขาดีๆ
“เป็นอะไรไปอีกล่ะ โดนว่าครั้งเดียวเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย”
“เราไม่รู้จะแก้ปัญหาที่ตรงไหน”
“.....”หลังจากได้คำ สิ่งที่ทำให้คนตรงหน้าเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้ว ฉันเลือกที่จะเงียบแทนที่จะถามต่อมากกว่า ไม้รู้ว่าจะมาไม้ไหน และไม่รู้ว่า ระเบิดอารมณ์ของคนเอาแต่ใจตรงหน้าจะลงอีกเมื่อไหร่ 
“เรากำลังถามเจ้าอยู่นะ”
“ปัญหาเริ่มที่จุดไหน เราก็ต้องแก้ที่จุดนั้น” ฉันพูดลอยๆขึ้นมา ก่อนจะเอนตัวลงนอนเหมือนเดิม
ทำไมนะ ทำไมเขาดูเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ไม่น่าจะปกครองดินแดนใหญ่ขนาดนี้ได้ แต่ในความเป็นจริง  เขาที่นั่งตรงหน้าฉันนี่แหละ คือกษัตริย์แห่งดินแดนอนาโตเลียที่ยิ่งใหญ่
“ปัญหาก็คือ อะไรคือปัญหา”จู่ๆ เขาก็เงยหน้าแล้วพูดขึ้นมา
“เฮ้อ นี่ล่ะเรื่องสำคัญ  แล้วปัญหานี่เกิดขึ้นจากอะไร พวกเขาไม่พอใจในเรื่องไหน”
“ข้าไม่รู้” พอได้ฟังคำตอบแบบนั้นทำเอาคนช่วยแก้อย่างฉันหมดทางออก คนที่มีหน้าที่ต้องแก้ปัญหา กลับจนทางอกเสียเอง แล้วอย่างนี้ใครจะรู้
“นี่ แล้วปม ของปัญหาอยู่ที่ไหนล่ะ พวกเขาเรียกร้องที่จะได้อะไรจากคุณ”
“เขาขอน้ำสะอาด ช่วงนี้ไม่มีฝน น้ำในแม่น้ำสายหลักต่างก็เหือดแห้งไปเกือบหมด ชาวบ้านทางเหนือไม่มีน้ำสะอาดใช้ดื่มกิน”
“แล้วน้ำบาดาลล่ะ” ฉันย้อนถามขึ้นมาหลังจากนึกขึ้นได้
“มันไม่สะอาด”
“ก็ให้เขาใช้น้ำบาดาลนั่นแหละ แล้วเราก็ทำถังกรองน้ำไปให้เขา ก็แค่นั้น” ฉับพลัน คนที่นั่งคอตกอยู่ข้างๆก็ผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไป พร้อมกับตะโกนสั่งเสียงดัง ทำเอาฉันตั้งตัวไม่ทัน  อะไรจะอารมณ์เปลี่ยนเร็วขนาดนี้ สักพักเสียงเอะอะโวยวายก็เงียบหายไป เหลือแต่เพียงความเงียบสงัดอันยาวนานของเวลากลางคืนในอาณาจักรอนาโตเลียที่แสนยิ่งใหญ่นี้
แสงแดดยามเช้าลอดผ่านผ้าม่านสีขาวโปร่งเข้ามายังห้องนอนหรูหราภายในวังหลวงแห่งนี้  แสงสีทองส่องกระทบกับวัตถุผิวเรียบสีเดียวกัน ทำให้เกิด ความแวววาวส่องออกไป เละนั่นก็ทำให้ฉันรู้ว่า เครื่องใช้ทั้งหมดนี่ ทำด้วยทอง  ทองคำแท้ๆน่ะ!!!
ฉันยันตัวลุกขึ้นนั่งได้ดีขึ้นกว่าเมื่อคืนนี้ ตรงที่อาการปวดระบม นั้นทุเลาลง  แผลที่ข้อเท้าของฉันก็หายไปอย่างไร้รอย เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ดูเหมือนว่าการรักษาแบบโบราณนี้จะดีกว่าการใช้เซรุ่มเสียอีก เพราะ นอกจากคนจะรอดตายแล้ว แผลยังหายไปด้วย  พอนึกถึงเรื่องการหายไปอย่างไร้ร่องรอย สมองของฉันก็นึกย้อนได้ถึงอะไรบางอย่าง 
ทองคำแท้.....ร้านหนังสือ .....ร้านทอง
การสับเปลี่ยนอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครรู้เห็น  นอกจาก .....ฉัน !!!
ร้านหนังสือนั่น  ......
พอนึกมาได้สักพัก อาการปวดหัวอย่างรุนแรงก็เกิดขึ้น ฉันเอามือกุมขมับ พยายามใช้หัวแม่มือนวดที่บริเวณขมับ แต่ไม่ได้ผล เหมือนสมองถูกบีบจากภายนอก  เหมือนกับว่าเราดำน้ำลงไปลึกมากๆแล้วความกดดันของน้ำจะดันแรกเข้าไปในหูของเรา และนั่นก็จะก่อไห้เกิดอาการปวดที่หู และศีรษะ อย่างรุนแรง  และยิ่งดำลงไปลึกเท่าไร อาการนั้นก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือ ว่ายขึ้นมา  ใช่แล้ว!!! ว่ายขึ้นมา เพราะฉะนั้น ต้องไม่นึกถึงมัน 
พอคิดได้แบบนั้น ฉันจึงพยายามเลิกคิดถึงร้านหนังสือ หนังสือ และร้านทอง มันได้ผล อาการปวดหัวหายไปอย่างลึกลับ  ทำไมโลกนี้ถึงมีอะไรแปลกประหลาดเยอะจริงเชียว
สายลมร้อนของฤดูแล้งพัดเอื่อยๆ แม้ว่านะจะเป็นฤดูแล้ง แต่ในสวนดอกไม้ ก็ยังมีดอกไม้บานสะพรั่งอยู่เต็มไปหมด ทางเดินทำจากหินที่สกัดจากเทือกเขาใกล้ๆ ต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางสวน  รอบๆต้นไม้ใหญ่เป็นพื้นหญ้าสีเขียวขจี ถัดจากนั้นจึงเป็นแปลงดอกไม้ที่ ปลูกเรียงตัวกันเหมือนเป็นกรอบ ล้อมรอบต้นไม้ใหญ่  น่าแปลกที่ว่า นี่คือฤดูแล้ง ฝนตกน้อย แต่ต้นไม้ ใบไม้ ยังคงเขียวขจี อยู่อย่างนี้ 
“หาตัวตั้งนาน มาอยู่นี่เอง ทำไม ชอบดอกไม้รึ”
“ไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ถึงกับไม่ชอบ”ฉันตอบก่อนจะหันหน้าไปหาเขา กษัตริย์แห่งอนาโตเลีย
“เรื่องถังกรองน้ำนั่น”
“ทำไม”
“เอาเป็นว่าข้าขอบใจเจ้าแล้วกันที่มีส่วนช่วยเป็นอย่างมากในการแก้ปัญหาครั้งนี้” พอพูดจบ คนที่มาขอบใจก็ยิ้มที่มุมปาก
“ไม่เป็นไร” ฉันตอบอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเดินลงไปยังสวนดอกไม้  ให้ตายสิ คนที่ไม่อยากเจอกลับเจอ  แต่คนที่ฉันอยากช่วย กลับไม่มีโอกาสได้เจอ
“เจ้าเป็นอะไรไป” ซาลาเลนถามพลางวิ่งขึ้นมาดักหน้า
“เปล่า แค่เบื่อ”
“เบื่อ?”คนได้คำตอบทวนคำของฉัน พลางเลิกคิ้ว
“ใช่ เบื่อ เบื่อการนั่งกินนอนกิน เบื่อในการที่ไม่ได้ทำอะไรเลย”
“แล้วเจ้าอยากทำอะไร ข้าจะให้ทำตอบแทนกับที่ช่วยข้า”
พอได้ยินแบบนั้น หัวสมองของฉันก็ทำการประมวลผลทันที ตอนนี้ฉันอยากทำอะไรมากที่สุด
“ฉันอยากช่วยเหลือคน”
“ช่วยเหลือคน เจ้าจะช่วยเหลือคนได้ยังไง”
“ได้สิ ถ้ามีท่าน” จบจากคำตอบ คนฟังเลิกคิ้วขึ้นเหมือนที่เขาชอบทำ ฉันไม่แก้ข้อสงสัยของเขา แต่ให้ยิ้มหวานกลับไปแทน 
.......ในเมื่ออยากจะให้ ฉันก็จะรับ.....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น