ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Destiny Love] ย้อนเวลาหารัก

    ลำดับตอนที่ #2 : chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 48


      เสียงจ้อกแจ้กจอแจทำให้ฉันตื่นขึ้นมาท่ามกลางอาการมึนงง  ผู้คนในชุดโบราณมากมายเดินขวักไขว่ไปมา ฉันก้มลงมองดูตัวเอง แล้วก็พบว่า ตัวฉันอยู่ในชุด ผ้าลินินเนื้อดีที่สวมเป็นชุดกระโปรง มีผ้าเส้นเล็กกว้างประมาณนิ้วครึ่ง เย็บติดกับเนื้อผ้าส่วนที่ถัดจากหน้าอกลงมา แล้วปล่อยสายไว้ข้างหลัง แขนเสื้อยาวฟองลงมาจนถึงข้อมือแล้วค่อยจีบตัวติดกับข้อมือของฉัน เหมือนกับชุดนักเรียนคอนแวนต์ ที่ฉันเคยเห็น แต่พองกว่า ผมที่เคยเป็นสีดำสนิทของฉันกลายเป็นสีเหลืองบรอนด์ หยักศกฉันสะบัดศรีษะสองสามที เผื่อว่า ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่เปล่าเลย เพราะมันก็ยังเป็นเหมือนยุคโบราณอยู่



    “นี่ คือที่ไหนเนี่ย” ฉันพึมพำกับตัวเองอย่างหัวเสีย ก่อนจะเริ่มนึกย้อนกลับไป แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่ามาที่นี่ได้อย่างไร เหมือนว่าความทรงจำบางส่วนจะหายไป ยิ่งนึกยิ่งปวดหัว  และทุกอย่างก็พร่ามัวลงอีกครั้ง เหมือนสติจะหายไปสุดท้ายความมืดก็เข้ามาครอบงำ







    “ตื่นแล้วๆ”เสียงร้องเรียกของใครบางคนดังขึ้นขณะที่ฉันพยายามกระพริบตาถี่ๆ เพื่อที่จะได้ชินกับแสงที่เข้ามาในตา



    “ไง แม่หนู เป็นอย่างไรบ้าง” หญิงวัยกลางคน ในชุดผ้ากระสอบถามฉัน อย่างใจดี พร้อมทั้งรินน้ำจากวัตถุที่ทำจากดิน ฉันคิดว่าคงเป็นเหยือก ใส่ใน ถ้วยน้ำที่เป็นโลหะ แล้วยื่นถ้วยให้ฉัน



    “ขอบคุณค่ะ”



    “ฉันชื่อ โทนาเนีย แล้วหนูชื่ออะไรล่ะ”  โทนาเนีย เริ่มต้นคำถามด้วยการถามชื่อซึ่งฉันก็ตอบไปอย่างแผ่วเบา ก่อนจะดื่มน้ำจากถ้วยทรงกระบอกที่เธอยื่นให้



    “มาจากไหนเนี่ยหนู  ดูท่าหนูคงไม่ใช่คนที่นี่”



    “ค่ะ หนูมาจาก ประเทศไทยค่ะ”



    “ไทย?” โทนาเนียทวนคำอย่างไม่เข้าใจก่อนจะถอนหายใจ “ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรนะ นี่ถ้าไม่มีที่ไปอยนู่กับฉันก็ได้” แล้วเธอก็ลุกเดินออกไป  ทิ้งให้ฉันไม่เข้าใจกับคำพูดของเธอ ก็ฉันบอกไปแล้ว ว่ามาจากประเทศไทย แล้วทำไมถึงไม่อยากบอก  





    สักพักโทนาเนียก็กลับมาพร้อมกับผ้าคลุมผม และชุดผ้าที่ทำจากกระสอบ



    “เปลี่ยนเสียนะ ใส่ชุดแบบนั้นไปทำงานหาบน้ำคงจะถูกคนสงสัยแย่ แล้วก็นี่ ผ้าคลุมผม ฉันคิดว่า หากใครมาเห็นผมสีทองของเธอเข้า คงจะไม่ดี”



    ฉันพยักหน้ารับแล้วรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า  ชุดที่โทนาเนียนำมาให้นั้นเป็นชุด กระโปรงสั้นเท่าเข่า คอกลม ไม่มีแขนเสื้อ  ส่วนผ้าคลุมผมเป็นผ้าชนิดเดียวกับเสื้อ คือผ้าทำจากกระสอบ ซึ่งมันคงเป็นผ้าที่คนธรรมดาใส่กัน ฉันสวมที่คลุมผม แล้วเก็บผมให้เรียบร้อยไม่ให้หลุดลุ่ยออกมา ก่อนจะเดินออกมาหาโทนาเนีย



    “งานที่เราต้องทำคือ หาบน้ำไปเติมในอ่างอาบน้ำของ กษัตริย์ซาลาเลน”โทนาเนีย อธิบายถึง งานที่ต้องทำขณะที่อาศัยอยู่กับเธอ  ระหว่างที่เรากำลังเดินไป หาบน้ำ



    โทนาเนียเป็นนางกำลังชั้นล่างที่คอยดูแลเรื่องเกี่ยวกับ การชำระร่างกายของกษัตริย์เป็นงานหลัก ง่ายๆก็คือดูแลห้องอาบน้ำ  ในการเปลี่ยนน้ำอาบ ทุกครั้งจะต้องหาบน้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ไกลออกไปไม่มากนัก มาเปลี่ยนให้กับน้ำเก่าที่กษัตริย์ใช้แล้ว ซึ่งต้องเปลี่ยนทุกครั้ง ดังนั้น ในแต่ละวัน ต้องเปลี่ยนน้ำ สองครั้ง คือ เช้าและเย็น เป็นเวลาประจำ  และงานรองของโทนาเนียที่เธอไม่ต้องทำแล้วเพราะอายุเกินจากกำหนด และฉันต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบก็คือ งานถวายการรับใช้แก่กษัตริย์ซาลาเลนโดยตรง ซึ่ง เป็นงานที่สาวๆหลายคนในเมืองนี้ อยากทำ  และฉันก็ไม่เข้าใจว่า ทำไม  เพราะการถวายการรับใช้ที่โทนาเนียพูดถึง นั่นคือ เรื่องบนเตียงน่ะสิ!!!





    ไม่นาน น้ำก็เต็มอ่างอาบน้ำ  เป็นอันว่า หน้าที่ช่วงเย็นนี้เสร็จสิ้น เหล่านางกำนัลที่ทำงานนี้ต่างพากันเดินออกจากห้องอาบน้ำ ทิ้งฉันไว้ให้ทำความสะอาด น้ำที่หก ตามพื้นจากการขนน้ำมาเติม



    “ทำไมไม่ช่วยกันเลยนะ ให้ตาย” ฉันบ่นงึมงำเหมือนหมีแก่ๆ ในขณะที่สองมือก็ยังจับผ้าถูพื้นถูไปเรื่อยๆ  ในจินตนาการของฉันก็คิดไว้แล้ว ว่า ห้องอาบน้ำของกษัตริย์เนี่ย คงต้องใหญ่ แต่ไม่นึกว่ามันจะใหญ่มากขนาดที่ว่า เอาบ้านของโทนาเนียมาวางเรียงกัน 3 หลัง คือความกว้าง และ  5 หลังคือความยาวน่ะสิ  พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องชัดเงาเป็นมันวาว  มีอ่างน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง และมีรูปปั้นเป็นรูปงู ปล่อยน้ำออกจากปาก อยู่ทั้งสี่มุมสระ  





    “ให้ตายสิทำไมร้อนแบบนี้นะ” เสียงทุ้มของผู้ชายดังออกมาจากม่านหน้าประตูทำเอาฉันสะดุ้งเฮือก ไม่นานนัก ร่างสูงใหญ่กำยำก็เดินเข้ามา พร้อมกับผู้หญิงในชุดวาบหวิว สาม คนที่นัวเนียอยู่ข้างๆไม่ห่าง   ฉันรีบลุกขึ้น แล้วเดินสวนออกไป เพราะกลัวว่าถ้าอยู่ต่อไปคงได้เห็นอะไรต่อมิอะไรที่ไม่อยากเห็นแน่



    “ เจ้า  นั่นจะไปไหนน่ะ” แต่แล้ว เสียงทุ้มก็ทักฉันไว้ ก่อนจะตามมาด้วยการคว้าหมับเข้าที่แขนของฉัน  



    “เราถามว่า เจ้าจะไปไหน”



    “ฉันจะกลับบ้าน” สิ้นคำตอบของฉัน อีกฝ่ายก็เลิกคิ้วสูงขึ้น แล้วบีบข้อมือของฉันแรงขึ้นอีก



    “รู้มั๊ย เราเป็นใคร”



    “อ้าว แล้วท่านไม่รู้หรือว่าท่านเป็นใคร ถึงต้องมาถามฉัน”



    “เราเป็น กษัตริย์ ของอนาโตเลีย ทำไมเจ้าไม่ให้ความเคารพกับเรา”



    “ก็รู้นิ ว่าตัวเองเป็นใคร แล้วยังจะมาถามคนอื่นอีก”ฉันตอบกลับไปโดยไม่ได้ใส่ใจถึงคำถามต่อมา ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ คอของฉันก็ถูกบีบไว้



    “กล้านักนะ” คนที่บอกว่าตัวเองเป็นกษัตริย์ พูดกับฉันด้วยน้ำเสียงเอาจริง ก่อนจะบีบคอฉันแรงขึ้นอีก “ไปนอนในคุกสักคืนดูสิจะเป็นไง”แล้วตัวของฉันก็ถูกโยนลงกับพื้น และเข้ามานอนในคุกในเวลาต่อมาตามคำสั่งของกษัตริย์บ้าบอนั่น





    ในคุกนี้มีนักโทษถูกขังรวมอยู่มากมายทั้งหญิงและชาย พื้นเป็นหินที่เปียกชื้นเต็มไปด้วยดินโคลนและแมลง  ส่วนกลาง มีสายน้ำเล็กๆไหลผ่านกลาง ร่องหิน แต่น้ำนั้นก็ไม่สามารถจะนำมาดื่มได้ เพราะเต็มไปด้วยตะกอนกรวดดินสกปรก  แสงแดส่องลอดช่องหินลงมาได้รำไร เป็นดวงๆ ทำให้คุกนี้ สว่างเพียงสลัวๆเท่านั้นไนเวลากลางวัน แล้วมือสนิทในเวลากลางคืน เพราะในนี้ไม่มีแม้แต่เทียนสักเล่มเดียว



    “น้ำ  ขอน้ำ”เสียงนักโทษชายคนหนึ่ง ที่ตามตัวเต็มไปด้วยรอยแผลถลอก บางแห่งก็เน่าเฟะร้องขึ้น แต่ก็ไม่มีใครจะให้ความสนใจ  



    ฉันพยายามคิดหาทางที่จะทำน้ำสะอาดไว้ดื่มได้จากสายน้ำเล็กๆนั่น เพราะหากว่าจะต้องอยู่ในนี้หลายๆวันแล้วขาดน้ำแบบนี้ล่ะก็ ไม่ตายก็คงจะเป็นไปไม่ได้   สายตาของฉันกวาดมองไปทั่ว เผื่อว่าจะมีอะไรที่จะทำนึกออกได้บ้าง และ ก็ไปสะดุดกับถังไม่ใบใหญ่ ที่ตั้งอยู่ข้างๆ ชายผู้นั้น นั่นทำให้ฉันนึกถึงวิธีการกรองน้ำได้  



    ฉันขอให้ นักโทษหลายๆคนช่วย แต่ก็ได้รับความสนใจจากไม่กี่คนเท่านั้น เพราบางคนคิดว่า ฉันบ้า  เรื่องแบบนี้ไมมีทางเกิดขึ้นได้  งั้นฉันก็จะทำให้พวกเขาดูว่า มันเกิดขึ้นได้  ไม่นานเครื่องกรองน้ำก็เสร็จสมบูรณ์เหลือแต่เพียงทดสอบกรองน้ำดูเท่านั้น



    “ฉันจะเทน้ำแล้วนะ เอาถ้วยรอรับด้วย” พอฉันพูดจบ ฉันก็ลงมือเทน้ำจากถ้วยขนาดเดียวกับถ้วยข้างล่างที่เอาไว้รอรับน้ำลงไปในถังกรอง ไม่ช้า น้ำที่เต็มไปฝุ่นตะกอนเล็กๆ ก็กลายเป็นน้ำสะอาดลงมาสู่ ด้วยรองน้ำข้างล่าง



    “เก่งจริง หนูน้อย”จบคำของนักโทษที่มาช่วย นักโทษคนอื่นๆก็ต่างพากันกรูเข้ามาจะมาเอาน้ำสะอาดไปดื่ม  เหลือแต่ชายคนที่ร้องขอน้ำที่ได้แต่มองดูด้วยความกระหาย เพราะเขาไม่สามารถเดินได้  ฉันจึงคว้าถ้วยน้ำที่ทำการทดลองกรอง เดินไปให้เขา  ชายผู้นั้นยิ้มขอบคุณก่อนรับไปดื่มอย่างกระหาย



    “ขอบใจนะหนูน้อย”



    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุง” ฉันพูดตอบแล้วยิ้มให้ชายที่นอนอยู่ตรงหน้าอย่างจริงใจ



    เสียงเอะอะโวยวายของเหล่านักโทษที่ต่างก็แย่งน้ำกันดังสนั่นและ ฉันคิดว่าคงไม่จบลงง่ายๆ เพราะต่างคนก็จะเอา ทำให้ฉันที่นั่งอยู่ ต้องลุกขึ้นอีกครั้ง



    “เข้าแถวกันหน่อยได้มั๊ยคะ”ฉันตะโกนเสียงดัง หวังว่าทุกคนคงจะได้ยินและทำตาม แต่มันกลับไม่เป็นผล



    ฉันบอกว่า ให้เข้าแถวรอเอาทีละคนไง



    ด้วยเสียงของฉันที่ตะโกนออกไปเป็นครั้งที่สองทำให้หลายคนถึงกับหยุดชะงักและมองมาด้วยความสงสัย แต่ก็ยังมีบางคนที่ จ้องแต่จะกรองน้ำดื่มกิน



    “ถ้าไม่หยุด ฉันจะพังเครื่องกรองน้ำทิ้งไปแล้วก็ไม่มีน้ำกินเหมือนเดิม” เพียงประโยคเดียวเท่านั้นเหล่านักโทษต่างก็หยุดการกรองน้ำและหันมามองฉัน  



    “เข้าแถวกันหน่อยสิ อย่าจ้องแต่จะเอา ถ้าเกิดยังเสียงดังอยู่แบบนี้ พวกทหารคงจะลงมาพังเครื่องกรองน้ำไปและเราก็จะไม่มีน้ำดื่มเหมือนกับที่ผ่านๆมา” นักโทษหลายคนที่เชื่อฉัน รีบเดินเข้าไปต่อกันเป็นแถวยาว แต่อีกหลายคนก็ยังมองมาด้วยสายตาท้าทายอยู่



    “แล้วรู้ได้อย่างไร”หนึ่งในพวกที่ไม่ไว้วางใจฉันเอ่ยถามขึ้นเสียงดัง หลังจากที่ไม่มีเสียงพูดระยะหนึ่ง



    “คิดถึงเหตุและผลก็น่าจะรู้แล้วรวมถึงความน่าจะเป็นด้วย”



    “อะไรคือความน่าจะเป็น”พอจบคำถาม เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นอีก ทำให้ฉันนึกขึ้นได้ว่า นี่คือยุคโบราณ คนพวกนี้ยังไม่รู้จักทฤษฏีของนักคณิตศาสตร์ชาวกรีก



    “ความน่าจะเป็นก็คือ ค่าที่ใช้ประเมินสถานการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น โดยพิจารณาว่า เมื่อถึงเวลาเกิดเหตุการณ์แล้ว จะเกิดในลักษณะใด มีโอกาสที่จะเกิดมากน้อยเพียงใด ทีนี้ ไปเข้าแถวรอเอาน้ำสักที ฉันยังไม่อยากไม่มีน้ำกินเพราะเครื่องกรองน้ำพังหรอกนะ”







    แสงแดดส่องเข้ามาตามร่องหินได้รำไร ทำให้มองเห็นกันได้ดีขึ้นกว่าเมื่อคืนนี้ ที่นี่ทำฉันแทบบ้า แสงของพรจันทร์สว่างไม่เพียงพอในการมองเห็น แล้วยิ่งแสงส่องเข้ามาได้เพียงนิดเดียวเท่านั้นด้วยแล้ว เลิกพูดถึงคำว่า สว่างไปได้เลย  เสียงเปิดประตูกรงดังออกมาจากด้านนอก เสียงที่ได้ยินต่อมาคือ เสียงโหวกเหวกให้เตรียมตัวของเหล่าทหารผู้คุมนักโทษ สักพัก ร่างสูงใหญ่ของคนที่สั่งให้ฉันมาเข้าคุกก็ปรากฏต่อหน้าฉัน คนที่เป็นกษัตริย์ของอนาโตเลีย



    “เป็นไงล่ะ แม่คนอวดดี สบายดีมั๊ย”ฉันแทบระงับประสาทไม่อยู่กับคำถามที่ถามด้วยเสียงยียวนนั่น



    “ก็ดีนะ ทุกคนเป็นมิตรดี”



    “เหรอ แต่อีกไม่นานเธอคงตายนะ เพราะหน้านี้ อนาโตเลียไม่มีฝน สายน้ำเล็กๆนี่ก็ไม่สามารถที่จะตักน้ำขึ้นมาดื่มได้” ฉันได้แต่ยิ้มรับกับคำพูดของคนตรงหน้า  ภาวนาขอให้เขาไม่เห็น ถังกรองน้ำที่ฉันสร้างขึ้นแล้วกัน



    “นั่นอะไร” เอาแล้วไง เมื่อสิ่งที่ภาวนาไม่ให้สังเกตเห็นกลับถูกเห็นขึ้นมาจนได้



    “ถังกรองน้ำ พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” เสียงนักโทษชายผู้หนึ่งที่คงหวังจะหลุดออกไปจากคุกนี้ ตอบขึ้นมา  “มันใช้สำหรับทำให้น้ำสกปรกกลายเป็นน้ำสะอาด”



    จากคำอธิบาย คนฟังพยักหน้าหงึกหงัก พลาง ครางในลำคอเหมือนกับส่อให้รู้ว่าเข้าใจ  “งั้น ทำลายมันซะ” สิ้นสุดคำสั่ง เหล่าทหารก็เข้าไปทำลายที่กรองน้ำ เสียงฮือฮาดังระงมแต่ไม่มีใครลุกขึ้นต่อสู้หรือขัดขืนเลย คนสั่งยิ้มมุมปากเหมือนการประกาศชัยชนะ



    “คุณเป็นกษัตริย์”



    “ใช่  ยอมรับแล้วรึไง”



    “คุณมีอำนาจในการปกครองผู้คนที่อยู่ภายใต้การปกครองของคุณ” ฉันเงยหน้าขึ้นมาจ้องตาเขาอย่างเดือดดาล “แต่คุณใช้อำนาจในการปกครองของคุณนั้น ฆ่าคนของคุณเอง”



    คนเป็นกษัตริย์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “เรามีอำนาจในการปกครอง และเราก็เป็นเจ้าชีวิตของคนทุกคน”



    “ถึงคุณจะเป็นเจ้าของชีวิตของทุกคน แต่ คุณก็เป็นเจ้าของชีวิตที่เหี้ยมโหด”ฉันกลืนน้ำลายก่อนจะพูดต่อ “ทุกคนย่อมรักชีวิตของตัวเอง ไม่อยากให้ใครมาทำลาย คุณสั่งให้เอาคนผิดมาขังคุกเพื่อชดใช้ความผิด แต่ในคุกนั้นกลับไม่มีปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต นั่นคือน้ำ”



    “แต่มันก็มีสายน้ำและร่องหินเมื่อเวลาฝนตก”



    “แล้วสายน้ำนั่น น้ำในนั้นดื่มได้มั๊ย คุณบอกว่า มีร่องหินไว้เวลาฝนตก แล้วฝนตก เดือนละกี่ครั้งกัน คนเราขาดน้ำ สามวันก็ตายแล้ว สถานที่แห่งนี้เหมือนกับเป็นสุสานชั้นดีในการฆ่าคนชดใช้ผิดของคน บางคนยังไม่ได้ทำผิดไม่มีอะไรต้องชดใช้ก็ต้องมาตายแบบนี้ มันยุติธรรมนักหรือไง”ฉันพูดด้วยเสียงหนักแน่น ก่อนจะจ้องหน้าเขาต่อ รอคำพูดที่เขาจะเถียงขึ้นมา



    “แล้วมันเรื่องอะไรของเจ้ากัน จะเรียกร้องหาความยุติธรรม เจ้ามีอะไรสมควรในการเรียกร้องบ้าง”



    “สิทธิ ในความเป็นมนุษย์ และในความเป็นคนใต้การปกครองของคุณไง”



    “กล้าขึ้นเสียงงั้นหรือ” คนที่เป็นเจ้าชีวิตตวาดฉันเสียงดัง ทำท่าจะชักดาบออกจากฝัก แต่นั่นก็หยุดด้วยเสียงของฉัน



    ใช่สิ กับกษัตริย์ที่ไม่มีทศพิธราชธรรมอย่างคุณ ฉันไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ต้องนับถือ” ดาบในฝักที่เกือบจะถูกชักออกมาไม่ได้ถูกชัก คนเป็นกษัตริย์หันหลังกลับไปก่อนสั่งด้วยเสียงเฉียบขาด



    “เอาตัวเธอออกไปจากคุกนี่ ให้ เวร่าดูแล ส่วนเรื่องที่กรองน้ำนั่น สร้างมันใหม่” ฉันฟังคำสั่งด้วยอาหารหอบหายใจจากการตะโกนเสียงดัง  ส่วนนักโทษคนอื่นๆ ได้แต่นั่งนิ่ง อาจจะเป็นเพราะ ตกใจ หรือไม่ก็ดีใจ ฉันไม่รู้แต่ที่รู้ตอนนี้คือ ฉันรู้สึกเจ็บที่ขาข้างขวาอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่สติของฉันจะหายไปกับความเจ็บปวด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×