คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 3 ออกนอกฟาร์ม
3
ออกนอกฟาร์ม
ในทุกๆหน้าร้อนของแต่ละปี เมื่อผ่านฤดูการเก็บเกี่ยวของชาวนาจะมีลูกข้าวอ่อนๆ ขึ้นเป็นจำนวนมาก นั่นเป็นสวรรค์อย่างแท้จริงสำหรับหนุุ่มๆ The KINGS
ทันทีที่ถูกปล่อยออกจากอาณาเขตฟาร์ม พวกเขาก็เดินไปยังจุดหมายอันคุ้นเคย โดยมีลูกพี่คิงส์เดินนำอยู่หัวแถว เมมเบอร์เดินสับเท้าตามไวๆ อย่างตื่นเต้น
นี่เป็นครั้งแรกของปีที่ถูกปล่อยออกจากบ้านที่น่าเบื่ออันมีแต่หญ้าซ้ำซากอาหารจำเจ พวกเขาย่อมดีใจอยู่แล้ว
"เดินช้าๆ ดิค๊าบบบบ รอขิงด้วย เหวอ.. แอ็ก!"
ปล่อยให้คุณขิงถือเชือกวิ่งล้มลุกคลุกคลานอยู่ด้านหลัง
ขืนชักช้าก็กินมะม่วงไม่ทันเพื่อนกันพอดี
คิงส์ผู้เป็นลีดเดอร์นั้นไม่รักษาภาพลักษณ์อีกต่อไป ร่างสูงออกตัววิ่งตะบึงไปยังมะม่วงต้นใหญ่ด้านหน้า พวกที่เหลือเห็นดังนั้นก็ใส่เกียร์หมาวิ่งตามแบบไม่ยอมใคร
มะม่วงของข้า มะม่วงงงงง
"เฮ๊ยๆ อย่าวิ่งสิ"
ปล่อยให้คุณขิงคร่ำครวญต่อไป
ควายสาวที่เดินกินมะม่วงเพลินๆ อยู่นั้นพลันเงยหน้าขึ้นมาอย่างตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงตึงๆเข้ามาใกล้ ดวงตากลมโตเบิกโพลง
"จองๆ ลูกหน้าสุด"
"จองก่อนโว๊ย"
"ใครได้ใครดีสิวะ"
"หยุดแหกปากก่อนนะครับ!"
"..."
เมมเบอร์วิ่งมาหยุดยืนข้างหลังลีดเดอร์คิงส์ แต่ละตัวทำหน้าเหลอหลาอย่างไม่เข้าใจ ได้แต่สูดกลิ่นหวานหอมแล้วกลืนน้ำลายดังเอือกๆ
ไม่ทันมองว่ามีควายตัวหนึ่งยืนตัวเกร็งหางชี้หูตั้งอยู่ด้านหน้า
คิงส์ก้าวออกมาอย่างสง่า แสดงความเป็นผู้นำอันมีอยู่ในสายเลือด หน้าดุขึงขัง ตามองตรงแน่วแน่แลดูสูงส่ง ควายสาวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ไม่ลืมเขี่ยมะม่วงสุกลูกเล็กๆ กลับมาด้วย
"นั่นมัน" ครีมเพ่งที่บริเวณข้อเท้าของอีกฝ่ายเป็นพิเศษ "น้องหนูเล็ก?"
"อ่ะอ๊าา... ใช่ค่ะ" หนูเล็กที่ตอนนี้ตัวไม่เล็กแล้วพยักหน้าอายๆ รู้สึกกระดากใจกับชื่อของตัวเองจัง "โปรดเรียกดิฉันว่า'อิโนะอุเอะ' ด้วยค่ะ"
"หา!?"
"อิ-โนะ-อุ-เอะ ค่ะ" อาศัยจังหวะที่ผู้บุกรุกสับสนมึนงงเขี่่ยมะม่วงข้างๆ มาอีก 2 ผล
"..." นอกจากคิงส์ที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าแล้ว วัวที่เหลือต่างหันหน้ามองกัน
อะไรนะ โอะๆ เอะๆ เกิดมาเจ็ดแปดปีเพิ่งจะเคยได้ยิน
"เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกันอีกครั้งค่ะ วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ขอให้ทุกท่านดูแลสุขภาพ แล้วก็ทานอาหารอย่างมีความสุขนะคะ"
"อิโนะอุเอะจ๊ะ ร้อนๆ แบบนี้พวกเรารีบไปแช่ออนเซ็นกันเถอะจ้ะ" ควายตัวหนึ่งร้องเรียกอยู่ไกลๆ หนุ่มๆ The KINGS หันไปมองอย่างพร้อมเพรียง
ทุ่งนาในประเทศนี้มีออนเซ็นด้วยเหรอวะ นึกว่ามีแต่ในโรงแรมที่ญี่ปุ่นเสียอีก โอ้โห ประเทศไทยของเราพัฒนามาไกลมาก
"ค่ะคุณซาวาตาริ ดิฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ"
ควายสาวร้องตอบอีกฝ่ายอย่างร่าเริง เธอหันมาฉีกยิ้มให้ผองเพื่อนต่างสายพันธุ์ ก่อนไปยังไม่ลืมก้มสวาปามมะม่วงด้วยความเสียดาย
"ดิฉันต้องขอตัวก่อนนะคะ เชิญทุกท่านตามสะบายค่ะ ซาโยนาระ!"
ว่าแล้วก็หันหลังวิ่งหลุนๆ ออกไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าตนมีร่างผอมเพรียว ทิ้งไว้เพียงวัวหนุ่มทั้ง 11 ตัวที่ยืนเอ๋อคิดสิ่งใดไม่ออก
ครีมยกเท้าขวาขึ้นมาโบกลา "ซาโยนาระ"
"อาริกาโตะโกไซมัส"
"อายิโนโมะโตะ"
“โตโยต้า ยามาฮ่า มาม่า ไวไว”
คิงส์หลุดขำ เขาด่าพวกลูกน้องไม่เต็มเต่งเสียงดัง "พวกบ้า!"
วัวพ่อพันธุ์หัวเราะฮ่าๆ ออกตัววิ่งแย่งมะม่วงกันอุตลุด พอกินมะม่วงเสร็จจึงแยกย้ายเลาะเล็มลูกข้าวอ่อนๆ หอมๆ หวานๆ ตกเที่ยงคิงส์ก็เดินนำลูกน้องไปดื่มน้ำในห้วย ซึ่งเป็นห้วยสายเดียวกันกับห้วยท้ายไร่นั่นแหละ
"ซู๊ดดดด เย็นชื่นใจ"
"เฮ๊ยๆ อย่าเอาตีนลงสิวะ น้ำมันขุ่นเห็นไหม"
"ก็น้ำฝั่งผมมันตื้นอ่ะ อีกนิดก็จะจูบดินแล้วเนี่ย"
"ลูกพี่คิงส์ดูสิครับ"
"ขี้ฟ้องว่ะ"
"ทำไม?"
คิงส์ถอนหายใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้ เขาดุคู่กรณีทั้งสองอย่างจริงจัง "ถ้ามีปัญหานักก็ไม่ต้องกิน"
"โหย แรงอ่ะ ม้ออออ"
คิงส์หันตูดเดินออกมา หางตาเหลือบไปเองฝูงควายอยู่ไม่ไกล ส่วนใหญ่ต่างนอนพักผ่อนใต้ร่มไม้ มีบางตัวที่นอนแช่ปลักท้าแดดอยู่ริมน้ำ
"โนวๆ คำพื้นๆ แบบนั้นเก็บใส่กรุไว้เลยค่ะ สายคาวาอี้อย่างเรารับไม่ได้อย่างแรง" ควายสาวตัวหนึ่งที่นอนแช่ปลักอยู่นั้นจีบปากจีบคอพูดกับหนุ่มๆ ต่างพันธุ์
"นี่ไม่เรียกว่าแช่ปลักแล้วนะคะ มันคือการแช่ออนเซ็นค่ะ" น้องหนูเล็กอิโนะอุเอะบอก เธอเอนกายเสียดสีขอบบ่อไปมาอย่างมีความสุข อา... น่าสงสารพวกวัวเหล่านี้ที่ไม่รู้จักของดี
"ถ้าเป็นสายฝ." นางควายตัวเดิมยกหางเปื้อนโคลนที่เจ้าหล่อนอวดอ้างว่าอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินหลากชนิดไปยังกลุ่มควายสาวรุ่นที่อยู่ไม่ไกล
อ่อ นั่นคือสายฝ.สินะ
"พี่ไคๆ สายฝ.คือไรอ่ะ" คานส์กระซิบถามรุ่นพี่ แล้วก็ได้คำตอบกลับมาว่า
"ฝ.ฝาวางตั้ง"
"อ้าวนั่นไม่ใช่พ.พานเหรอ"
"เชื่อพี่สิวะ"
คานส์พยักหน้าแบบงงๆ หันมาตั้งใจฟังนางควายตัวถึกผู้มีใจคาวาอี้พูดต่อ
"พวกนางจะเรียกว่าการแช่จากุชชี่จ้ะ" ว่าแล้วก็เอี้ยวคอกัดยอดบึงอ่อนริมบ่อเคี้ยวดังกร้วมๆ
อื้อหือ ดูหรูหราไม่เบา
"สนใจอยากลองแช่ด้วยกันไหมคะ" ยังคงเป็นน้องหนูเล็กผู้น่ารักใจดีอีกเช่นเคยที่เอ่ยชวน ครีมยิ้มปลื้มปริ่มแต่ก็แทบเก็บรอยยิ้มไว้ไม่ทันเมื่อน้องหนูขวัญใจยอดวัวถึกเอ่ยประโยคต่อมา "สุดยอดนวัตกรรมออนเซ็นจากญี่ปุ่น อุดมไปด้วยแร่ธาตุขัดผิว หากท่านตอบตกลงใน 5 นาทีนี้ทางเรามีโปรโมชั่นซื้อ 1 ฟรี 1 ค่ะ"
"...เอ่อ"
แต่ละตัวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
"พวกเราชอบอาบแดดมากกว่าน่ะ" ลีดเดอร์เป็นผู้ให้คำตอบในที่สุด เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังขึ้นอยู่ด้านหลัง
จากนั้นหนุ่มๆ The KINGS ก็แยกย้ายกันไปนอนพักผ่อนกลางแดดทั้งที่ร้อนแทบตาย
แต่ยังไงก็ดีกว่านอนแช่โคลนล่ะมั้งนะ
บางทีแดดประเทศไทยก็โหดร้ายกับสัตว์โลกหล่อๆ ล่ำๆ แบบพวกเขาเกินไปนะ คิงส์นอนเคี้ยวเอื้องตามความเคยชินอยู่ใต้ร่มไม้โดยมีสมุนนอนกระจายอยู่รอบๆ
ได้โปรดลืมเรื่องอาบแดดไปเสียเถอะ เพราะเขาพาพวกมันวิ่งแจ้นเข้าร่มตั้งแต่สิบนาทีแรกแล้ว แต่ถึงยังไงอากาศก็ร้อนอยู่ดีนั่นแหละ หันไปมองฝูงควายที่ยังนอนแช่ออนเซ็นอยู่ริมบึงก็อดอิจฉาไม่ได้ ทำไมฟ้าต้องสร้างมาให้พวกเขาไม่ถูกกับน้ำด้วยนะ
คิงส์หลับตาลง ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงร้องเพลงงุ้งงิ้งของสมุนรอบกายที่นับวันทำตัวเหมือนเด็กอ่อนเข้าไปทุกที
"ก้าบๆๆ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมองเพราะในคลองมีหอยปลาปู..." เคนผู้เป็นนักร้องนำกำลังวาดลวดลายบ๊องๆ อย่างเต็มที่ ร้องกี่ทีๆ ก็เพลงเดิมๆ เคยเพี้ยนยังไงก็ยังคงเพี้ยนอย่างงั้น ส่วนพวกที่เหลือก็ครางให้จังหวะกันสนุกสนาน บางตัวกระทืบเท้าเลียนแบบมือกลอง บางตัวก็ส่ายเอวยึกยักไปมา
"ก้าบๆๆ เป็ดอาบน้ำในคู ตาก็จ้องแลดูเพราะในคูมีหอยปูปลา*"
อยู่รวมกลุ่มกันทีไรก็เหมือนเด็กไม่ยอมโตสักที
"แคว่ก แคว่ก แคว๊กๆ แคว่ก"
"มอๆ อืมมออออ ฮู้ๆๆ"
คิงส์ลูู่ใบหูแนบใบหน้าของตน ปิดหูปิดตาจากทุกสรรพสิ่งอันแสนชวนปวดกระบาลนั่น
เขาขอลาออกจาก The KINGS!
นานเท่าไรไม่รู้ที่คิงส์ทอดถอนใจกับบรรดาลูกน้องในปกครองที่ไม่เต็มบาทสักตัวของเขา ลืมตาขึ้นมาอีกทีเมื่อได้ยินเสียงลมหวีดหวิวข้างหู ตาคู่คมเหลือบขึ้นไปบนฟ้า จ้องมองก้อนเมฆสีทะมึนก้อนหนึ่งค่อยๆ ลอยมา
ไอ้ฉิบหาย ก้อนใหญ่เสียด้วย
“รำระบำชาวเกาะ ไพเราะเสนาะจับใจ เสียงน้ำหลั่งไหล เสียงน้ำหลั่งไหล กระทบหาดทรายดังครืนๆ”
“กระทบหาดทรายดังครืนๆ**”
คอนเสิร์ตยังไม่จบอีกหรือไง โอ๊ยกูจะบ้า ตอนนี้วิถีบอยแบนด์เปลี่ยนจากยืนเต้นเป็นนอนกลิ้งถูไถกอข้าวจนโล้นเตียนไปหมดแล้ว มันไม่ได้เซ็กซี่เลยนะพวก
คิงส์พ่นลมอย่างหงุดหงิด รู้สึกนับถือตัวเองที่อดทนพวกมันได้ขนาดนี้ เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ร้องมอ 1 ครั้งเรียกความสนใจ
"ไรอ่า" คานส์ถาม พอเห็นลูกพี่คิงส์ลุก ที่เหลือก็ลุกตามแม้จะไม่รู้ว่าลุกทำไมก็ตามที
"ฝนจะตกแล้ว" คิงส์บอกแล้วเดินออกจากร่มไม้ใหญ่ ลูกน้องเดินตามเป็นแถวอย่างคุ้นเคยแนวปฏิบัติกันดี แต่ก็ยังไม่วายฮึมฮัมเพลงกันตลอดทาง
"ฝนเทลงมา เทลงมา เทลงมา ให้นาข่อยห่ง นาข่อยห่ง นาข่อยห่ง ให้ซ่งค่อยเปียก ซ่งข่อยเปียก ซ่งข่อยเปียก ให้เสื้อข่อยเปียก เสื้อข่อยเปียก เสื้อข่อยเปียก แมงตับเต่า... ออกลูกข้างหลัง จั๊กแมงอีหยัง...."
"โอ้แมงจีนูน แมงจีนูน แมงจีนูน ใต้ต้นบักเขียบ ต้นบักเขียก ต้นบักเขียบ เจ้าเป็ดตัวน้อย เป็ดตัวน้อย เป็ดตัวน้อย มาเต้นกับข่อย เต้นกับข่อย เต้นกับข่อย***"
“วู๊ๆๆ อำม้อออออ...”
"ทำไมเราไม่หลบใต้ต้นไม้นี้ล่ะจ๊ะ" คานส์กระโดดวิ่งมาหาลีดเดอร์ด้วยความสงสัย ฝนตกก็ต้องหลบฝนสิเอ้อ เดินออกไปตากฝนทำไมกัน
"เอ็งจะอยู่รอให้กิ่งไม้ตกใส่หัวเรอะ ไม่เห็นเหรอว่าลมแรงขนาดนี้ ดีไม่ดีต้นไม้ถูกฟ้าผ่าเราจะได้ตายกันทั้งฝูง" ไคเป็นผู้ตอบ
คานส์อ้าปากเหวอกับข้อเท็จจริงที่เพิ่งได้รู้ เด็กหนุ่มพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินกลับไปต่อแถวตำแหน่งเดิม
(* เพลงเป็ดอาบน้ำในคลอง, ** เพลงระบำชาวเกาะ, ***เพลงแมงจีนูน)
ท่ามกลางลมที่เริ่มแรงขึ้นทุกขณะ คุณขิงวิ่งมาใส่เชือกไนลอนผูกพวกเขาไว้ทีละตัวๆ จนครบ จากนั้นก็เดินกลับเถียงนาหลังเล็กที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
สักพักฝนก็เริ่มลงเม็ด ลมก็ยิ่งแรงขึ้นๆ ฟ้าแลบฟ้าร้องหนักเข้าๆ เป็นพายุฤดูร้อนที่น่ากลัวจริงๆ
ปุ๊กๆๆๆ
"ว๊าย! ใครมีอารมณ์มาปาน้ำแข็งเล่นเนี่ย"
"ไหนคะคุณซาวาตาริ"
"นี่ไง โอ๊ยๆ มันโดนฉันค่ะ"
"อ่ะ! นี่มันลูกเห็บนะคะ"
เสียงโวยวายจากฝูงควายที่อยู่ผืนนาข้างๆ กันนั้นเรียกความสนใจจากหนุุ่มๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ละตัวชันหูขึ้น ชะโงกไปมองอย่างสงสัยใคร่รู้แกมตื่นเต้น เกิดมาทั้งทีก็อยากจะเห็นลูกเห็บบ้าง
ไม่นานก็โอดครวญเสียงดังเพราะลูกเห็บก้อนเล็กสีขาวตกใส่พวกเขาจนแสบผิวไปหมด โดยเฉพาะเจ้าเด็กคานส์ที่ร้องดังกว่าใคร
"ฮึก หนูเจ็บ หนูหนาว อยากกลับคอกแล้วอ่ะ ฮือ.."
เห็นดังนั้นหนุ่มปากร้ายขี้ใจอ่อนอย่างไคเลยอยู่ไม่สุข เขาเดินไปหาคุณชายน้อยคานส์แต่ก็ไปไม่ถึงเพราะเชือกสั้นเกินไป ได้แต่เหน็บแนมตามความเคยชิน
"เป็นลูกผู้ชายจะร้องไห้ทำไมฮะ"
"ฮืออออ"
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นฟ้าก็ผ่าต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป คราวนี้ไม่มีแค่คานส์ที่ร้องตัวเดียวแล้ว ฝั่งควายสาวนั้นร้องกรี๊ดกร๊าดแตกตื่นกันยกใหญ่ หนูเล็กที่กำลังเล็มๆ เลียๆ ลิ้มรสชาติก้อนน้ำแข็งสีขาวนั้นถึงกับวิ่่งเตลิดไม่รู้ทิศด้วยความตกใจ
ไม่รู้ว่าเป็นความโชคดีหรือโชคร้ายที่ควายสาววิ่งขาขวิดมาทางฝูงวัวเพื่อนบ้านที่กำลังแตกตื่นอลม่านพอกันแต่ก็ไปไหนไม่ได้เพราะถูกผูกไว้อย่างดี
พี่ตัวสูงๆ สีดำเหมือนกับตนนั้นเป็นความอุ่นใจหนึ่งเดียวของหนูเล็กในยามนี้ จู่ๆ ภาพๆ หนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในความคิด
มันเป็นวันที่มีพายุฝนฟ้าคะนองอย่างวันนี้ ควายตัวเล็กอายุราว 2 เดือนวิ่งเตลิดพลัดหลงกับแม่เพราะกลัวเสียงฟ้าร้อง เธอวิ่งวนไม่ยอมหยุดด้วยความหวาดกลัว ไม่รู้เพื่อนตัวอื่นๆ ไปไหนกันหมด ทำไมไม่มีใครเลย เธอวิ่งจนกระทั่งมาเจอลำห้วยที่จำได้ดีว่ามันห่างจากคอกแค่ไหน แต่มันแย่มากที่จำทางกลับไม่ได้
เธอร้องไห้จนตัวสั่นท่ามกลางลมฝนที่โหมกระหน่ำ จนกระทั่งมีพี่ตัวสูงเดินข้ามน้ำมาหา หนูเล็กยังไม่รู้จักความแตกต่างระหว่างเผ่าพันธุ์ เห็นเพียงมีรูปร่างเหมือนกันและสีแบบเดียวกันก็ดีใจจะวิ่่งลงไป
แต่พี่เขาบอกให้รออยู่ด้านบน หนูเล็กจึงรอเขาอย่างกระวนกระวาย ทันทีที่พี่ขึ้นมาบนฝั่งเธอก็วิ่งเข้าไปซุกซบอยู่ใต้ท้องอีกฝ่ายทันที
'ไม่เป็นไรนะครับ'
'ฮือๆ แงงง'
'ไม่ร้องนะ'
'หนูเล็กกลัว หนูเล็กจะหาแม่'
'เดี๋ยวแม่ก็มา ไหนดูซิ หน้างอหมดแล้วนะ' พี่เขาก้มลงมาพูดด้วยอย่างใจดี ลิ้นสากๆ นั้นเลียสัมผัสใบหน้าเล็กอย่างเอ็นดู ขจัดเม็ดน้ำฝนให้อย่างไม่รังเกียจ
เจอกันอีกแล้วเจ้าตัวเล็ก
ไม่นานแม่ของหนูเล็กก็มา สองแม่ลูกโผเข้าหากันและกันด้วยความดีใจ นางพาลูกมาขอบคุณเขาซ้ำๆ แล้วจากไป
เหลือเพียงจ่าฝููููููงควายผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาหาคิงส์อย่างดุดัน เขาโค้งยาวงามสง่านั้นน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย
'ขอบใจ'
'อืม'
ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่คุยเรื่องอะไรกัน แต่หนูเล็กก็ได้ยินบทสนทนาสิ้นสุดลงที่ตรงนี้
ความทรงจำที่ลางเลือนนั้นผุดขึ้นมาเพราะเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน วินาทีนั้นหนูเล็กก็ฉุกคิดว่าเขาอาจเป็นพี่สีดำตัวนั้นที่เธอไม่เจอมานานจนเกือบลืมไปแล้ว มิน่าล่ะเขาถึงถามว่าเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า มาถึงตอนนี้ก็เข้าใจแล้วล่ะ
"พี่คะ" หนูเล็กวิ่งไปร้องไป "ดิฉันจำได้แล้วค่ะ"
พี่เขาหันมาทำหน้างุนงงในทีแรก ก่อนจะเบิกตากว้าง
"เราเคยเจอ...เหวอออ"
ปั่ก!!!
"อึก!" คิงส์จุกจนหน้าซีดเมื่อโดนควายสาวอวบอ้วนชนเข้าอย่างจัง ร่างใหญ่ผงะเซขาสั่น วิ่งมาไม่ดูเลยแม่คุณ โอ๊ยถลอกๆ เขาของเธอมันขูดผิวพี่แล้ว
"ขอโทษค่ะ" หนูเล็กทำหน้าสำนึกผิด เหลือบมองหน้าท้องเพรียวที่ตนเคยซบอย่างเสียดายว่าคงทำเช่นนั้นไม่ได้อีก
"ลูกพี่คิงส์!" เมมเบอร์ทำได้เพียงเรียกด้วยความเป็นห่วง คิงส์ส่ายหน้าแรงๆ บอกว่าตนสบายดี แล้วหันมาหาคู่กรณีสาว
"คือ..." หนูเล็กไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรดี ชำเลืองมองเขาอย่างขัดเขิน ไม่กล้าบอกว่าตนคือควายเด็กตัวนั้นเพราะเพิ่งทำตัวน่าขายหน้าไป
"ไม่ต้องกลัวหรอก"
"คะ?"
"มาใกล้ๆสิ"
"อะ..อื้ม"
ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้อย่างเกรงๆ แกมใจเต้น สองข้างยืนข้างกันเงียบๆ ท่ามกลางสายฝนที่เริ่มซาลง
หนูเล็กเหล่ตามองเขา อยากเห็นหน้าใกล้ๆ ก็ทำไม่ได้ ขนาดยืนท้องชิดขนาดนี้ยังดูเหมือนห่างไกล ทำไมต้องเกิดมาอ้วนด้วยหา!!!
ฝนหยุดตกในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ช่างเป็นพายุที่มาไวไปไวแต่สร้างความเสียหายไว้ไม่น้อย เห็นได้จากกิ่งไม้ที่ยังคงเอนลูู่ไปตามทิศทางลม บางต้นหักโค่นอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ยังมีสิ่งดีๆ อยู่เช่นกันเพราะตอนนี้มีมะม่วงสุกหล่นกระจัดกระจายเต็มใต้ต้น หนูเล็กที่ยืนทนหิวไม่ไหวรีบออกวิ่งไปสวาปามอยู่ตัวเดียว ไม่สนใจหนุ่มๆ ต่างพันธุ์ที่ได้แต่ยืนมองและกลืนน้ำลายอึกๆ อย่างอิจฉา
อยากกินเหมือนกันนะครับผม
"อาหย่อย" ยังไม่วายหันมายิ้มยิงฟันให้กันอีก
หนูเล็กก็ไม่ใช่พวกตะกละหรือขี้หวงอะไรหรอก แต่เวลาหิวแล้วมันลืมตัวทุกที พอกินได้ครึ่งท้องก็นึกถึงพี่ตัวสีดำแสนใจดีขึ้นมา ใบหน้าดำสนิทนั้นร้อนผ่าว รู้สึกอับอายจริงๆ ที่เผลอแสดงทาสแท้ออกมาเร็วเกินไป
พี่เขาจะคิดว่าเราเห็นแก่กินหรือเปล่าอ่ะ
ดังนั้นเพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์เสียหายไปยิ่งกว่านี้ หนููเล็กจึงเก็บมะม่วงไปฝากอย่างมีน้ำใจ เธอเดินดมหามะม่วงที่สุกและหอมที่สุด ลูกสมบูรณ์ดีที่สุด แล้วคาบใส่ปากฉ่ำน้ำลาย เดินกระมิดกระเมี้ยนกลับที่เดิมที่เคยยืนเคียงกัน
ตุ๊บ!
มะม่วงลูกหนึ่งหล่นลงมาในระยะสายตา เขาเงยหน้าขึ้นมองต้นเหตุ พบควายสาวเหล่มองกันอยู่ข้างๆ พอได้สบตาเขาเธอก็สะดุ้ง ปัดพวงหางอย่างแรงๆ กระทบผิวปั๊กๆ อย่างไม่กลัวเจ็บ
หรืออาจจะเจ็บแต่ยังไม่รู้ตัว
"กะ..กินสิคะ"
เธอเริ่มขยับเท้าแบบอยู่ไม่สุข คิงส์ก้มลงดมมะม่วงที่มีแต่กลิ่นน้ำลาย และยังมีคราบน้ำเหลวใสเคลือบเปลือกผลอยู่เกือบทั้งลูก
น่าแปลกที่เขาไม่นึกรังเกียจ
ตัดสินใจอ้าปากกัดกินของฝากทั้งลูกอย่างช้าๆ ความหอมหวานชนิดหนึ่งเติมเต็มในหัวใจ
หนูเล็กเหล่ตามองแล้วอมยิ้ม ค่อยๆ ก้าวไปใกล้ๆ พี่ตัวสีดำ
สูงเพรียวกล้ามแน่นสุดๆ ไปเลยพี่จ๋า
"ชอบไหมคะ"
คิงส์หันมาสบตาแล้วพยักหน้าให้ รู้สึกถึงช่องว่างระหว่างเราที่ลดลงเลยขยับถอยออกนิดหน่อย หางตาเห็นสมุนยิ้มล้ออยู่ไกลๆ
หนูเล็กขยับเข้าใกล้อีกก้าว ลอบมองเส้นขนดกดำมันเลื่อมอย่างชอบใจ สวยสุขภาพดีจนน่าอิจฉา
"พ..พี่ชื่ออะไรเหรอ ดิฉันชื่ออิโนะ..."
"หนูเล็ก" คิงส์ตัดบท "พี่จะเรียกเธอว่าหนูเล็ก และเธอเรียกพี่ว่าพี่คิงส์" เขาก้มลงเล็มยอดหญ้าอีกครั้งทั้งที่ตัวเองก็ไม่อยากกิน ไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองเหมือนกัน
"ก็ได้ค่ะ" พูดแล้วเขินชื่อตัวเองจัง ตัวก็ไม่ได้เล็กเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ เอ๋... แต่เดี๋ยวนะ เธอก้มลงสบตากับเขาผ่านยอดหญ้าสูง "พี่จำได้?"
คิงส์ชะงัก หันหน้าหนีสายตาคาดคั้นนั้น เท่านี้ก็เป็นคำตอบให้หนูเล็กได้เป็นอย่างดี เธอหน้าแดงทำตัวไม่ถูก เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เลยจริงๆ เมื่อได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากห่างหายกันนาน แถมตัวเองยังไม่เหลือเค้าเดิมเลย
เกิดมาอ้วนด้วยสภาพเผ่าพันธุ์ก็ได้แต่ทำใจ
หนุ่มสาวต่างสายพันธุ์ก้มเล็มหญ้าข้างกันอย่างเงียบๆ น่าแปลกที่หนูเล็กก็ไม่ได้ช่างพูดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
บางทีถ้าได้ยินพี่จ๊ะพี่จ๋าแบบเมื่อก่อน... ก็คงจะดี
ดูสิ ไปกินหญ้าต้นเล็กๆ แบบนั่นจะไปพออิ่มได้ยังไง คิงส์ก้มมองกอหญ้าฝั่งตัวเองที่กำลังผลิยอดอ่อนเขียวสวยแล้วหันกลับไปมองสิ่งมีชีวิตอวบอ้วนที่อยู่ข้างๆ
"อะแฮ่ม" แสร้งกระแอมไอ
หนูเล็กเหลียวมา เดินกัดหญ้าไปด้วยไม่หยุด อยากรู้ก็อยากรู้ หิวก็หิว
เกิดเป็นหนูเล็กต้องทำใจจริงๆ พ่อทนบอกว่าควายอย่างเราต้องกินเยอะให้เต็มพุงถึงจะดูสวยสุขภาพดี และหนูเล็กก็เชื่อฟังพ่อทนมากๆ ด้วยสิ
"มาตรงนี้สิ"
"คะ?"
"หญ้าเยอะ" เห็นเธอขมวดคิ้วจึงรีบเอ่ยต่อ "พี่อิ่มแล้ว"
"อ่อ" หนูเล็กพยักหน้า ค่อยๆ เดินไปหาเขา ดวงตากลมโตลุกวาวเมื่อเจอกอหญ้าสดๆ งามๆ เพราะอย่างนี้สินะพี่เขาถึงอิ่มไว ไอ้เราก็เล็มหญ้าเหี้ยนๆ ตั้งนาน
ควายสาวกัดยอดหญ้ากร้วมๆ รู้สึกมีความสุขกับการกินเหลือเกิน พี่คิงส์ก็ใจดีมากๆ เห็นทีหนูเล็กต้องมาหาบ่อยๆ แล้วล่ะ
หนูเล็กคงจะกินอิ่มท้องอ้วนท้วนสมบูรณ์ทุกวัน สวยงามตามสไตล์ควายไทย
หญ้ากอนี้สดอร่อยมากเลย ฟินที่สุด
คิงส์ยืนมองเงียบๆ อยู่นาน นึกอยากให้อีกฝ่ายกินให้เยอะๆ จึงเดินหากอหญ้าสวยๆ พอเจอก็กระแอมเรียก จากนั้นก็ยืนมองท่าทางการกินที่มีความสุขอยู่สักพักจึงเริ่มมองหาหญ้ากอใหม่
"กินให้เยอะๆ ล่ะ"
หญ้ากลุ่มหนึ่งถูกวางไว้ข้างๆ
หนูเล็กชะงักมองยอดหญ้าอ่อนชั่วครู่ เงยขึ้นมองพี่คิงส์ เห็นเขาหันหลังเดินจากไป
หมายความว่าเอามาฝากเธอใช่ไหมนะ
เธอร้องขอบคุณเขาเสียงดังแล้วกินหญ้าที่เขาเอามาฝากอย่างมีความสุข ไม่นานเขาก็เดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับหญ้าล็อตใหม่
พี่คิงส์ใจดีที่สุดในโลกเลย
ถ้ารู้ว่าเอามะม่วงมาฝากแค่ผลเดียวแล้วจะได้กินดีอยู่ดีแบบนี้หนูเล็กเอามาฝากตั้งนานแล้ว แต่เสียดายที่เราเพิ่งได้มาเจอกัน
"อิ่มหรือยัง" คิงส์ถาม เขามองช่วงเอวแน่นตึงของอีกฝ่ายอย่างพอใจ เลี้ยงควายสักตัวมันก็ไม่ได้ยากอะไร
หนูเล็กยิ้มอายๆ พออิ่มแล้วถึงรู้จักอายนะยัยหนูเล็ก เป็นแบบนี้ทุกทีเลย
"ดีแล้ว" จากนั้นพี่เขาก็นอนลงเคี้ยวเอื้องแบบหล่อๆ โอ๊ยดิฉันแพ้เลยค่ะ
หนูเล็กนอนลง เคี้ยวเอื้องข้างๆกัน อยากให้ทุกๆ วันเป็นแบบนี้จัง ชอบใจที่มีคนหาให้กิน อิอิ
"อิโนะอุเอะ ได้เวลากลับคอกแล้วจ้ะ"
เสียงพี่สาวตะโกนมาแต่ไกล หนูเล็กหน้ามุ่ยอย่างขัดใจ "วันนี้กลับเร็วจัง"
"ไปเถอะ" คิงส์บอก ลุกขึ้นเหยียดกาย หนูเล็กจำต้องลุกตาม
"หนูต้องไปแล้วนะคะ"
"อืม"
"ไปแล้วจริงๆ นะ"
"อืม"
เธอเดินคอตกจากมา จะล่ำลากันหน่อยก็ไม่ได้ เสียใจนะเนี่ย
"ฝันดีนะ"
หนูเล็กชะงัก หันกลับไปหาต้นเสียง เห็นเขาเดินไวๆ ไปหาเพื่อนในฝูง ปลายเชือกเห็นตอไม้ถูกถอนลากตามไป?
อ้าว หลุดตั้งแต่ตอนไหนนะ เจ้าของพี่คิงส์ทุบหลักผูกไม่ดีเหมือนเจ้าของของหนูเล็กเลย หนูเล็กถูกผูกเมื่อไรก็ติดแหงกอยู่กับที่อย่างน่าเบื่อ
อิจฉาวัวฝั่งนี้้จังเลย
หนูเล็กหันหลังกลับ ออกตัววิ่งให้ทันเพื่อนร่วมฝูง ไม่ทันสังเกตว่าคิงส์หันกลับมามองด้วยสายตาอ่อนโยนชนิดหนึ่ง
ทำไงดีล่ะ หาเลี้ยงเจ้าตัวอ้วนน่ารักจนหลักตอหลุดแล้วเนี่ย
"อ้าวพี่คิงส์ มาได้ไงเนี่ย" คุณขิมร้องแตกตื่นเมื่อเห็นเขาเดินไปกินมะม่วงใกล้เถียงนา ปล่อยให้เมมเบอร์โวยวายเรียกร้องอย่างหิวโหย
ถอนหลักมาไม่ได้ก็อย่ามาร้องให้หนวกหูเลยพวกมึง ก้มกินหญ้าไปเงียบๆ ซะ
คุณขิงวิ่งมาหาเขาแล้วสำรวจเชือก "วันนี้ทำไมดื้อครับ เป็นแบบนี้อีกพี่จะฟ้องพ่อครามแล้วนะ"
"ลูกพี่คิงส์กำลังทำคะแนนไงครับคุณขิง"
"อย่าดุพี่คิงส์นะครับ ห้ามฟ้องนายพ่อด้วย"
"ฟ้องเลยๆ นายพ่อไม่ทำอะไรพี่คิงส์หรอก มีแต่จะพาสาวน้อยอิโนะอุเอะมาหาน่ะสิ"
ฮ่าๆๆๆ
คิงส์พ่นลมหายใจเนือยๆ เอาอีกแล้วนะพวกติ๊งต๊อง คุณเขาคงจะเข้าใจภาษาวัวหรอก
"ผมกำลังจะมีพี่สะใภ้เหรอเนี่ย"
"อีกหน่อยก็คงจะได้เลี้ยงหลานแล้วอ่ะพวกมึง กูตื่นเต้นมาก"
"กูก็ตื่นเต้น"
"งื้อออ เห็นเงียบๆ แบบนี้ที่แท้ก็เป็นเสือนี่นา ไอ้เราก็คิดว่าขี้อายมาตั้งนาน"
"เขารอน้องหนูเล็กไง รักเดียวใจเดียวโว๊ยลูกพี่กู"
คิงส์ส่ายหัวและเดินหนี
"พี่คิงส์หยุดก๊อนนน รอเพื่อนด้วยสิ" คุณขิงวิ่งปล่อยวัวในสังกัด The KING ที่เหลืออย่างเร่งรีบสุดชีวิต วันนี้พี่เขาดูเกรี้ยวกราดไปนะครับ
ความคิดเห็น