คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : 12 เกลียด
12
ตัด NC คู่รองตามอ่านได้ที่เดิมจ้ะ
“เป็นไง” ธีรกฤษเอ่ยขึ้นก่อน เขาเกลี่ยไรชื้นเหงื่อที่ตกมาระใบหน้าเธอเบาๆ
“เหนื่อยค่ะ” พูดเสียงงัวเงียคล้ายพร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อ คนถามหัวเราะเบาๆ ก่อนก้มลงจูบหน้าผากมน “นอนซะนะ” เขาว่า
“หนาวเป็นเมียพี่แล้วนะ..คะ” แม้จะง่วงแสนง่วงแต่ก็พยายามจะเอ่ย ก่อนจะคล้อยหลับไปแบบคนสิ้นฤทธิ์เพราะโดนคนตัวโตสูบพลังไปหมด
“ขอบคุณนะครับ” ธีรกฤษยิ้มกริ่ม เขากอดก่ายร่างบางด้วยความหวงแหนและหลับตามไปติดๆ
เช้าวันต่อมา ธารธารารู้สึกตัวตื่นพร้อมกับอาการปวดเนื้อปวดตัวและเจ็บแปลบๆ ในกายสาวจนไม่อยากขยับไปไหน หญิงสาวเหลียวมองรอบกาย ไม่มีแม้แต่เงาของ ‘สามี’ ขณะที่กำลังว้าวุ่นใจเธอก็เหลือบไปเห็นโพสต์อิทแปะไว้บนหัวเตียง
‘ไปทำงานก่อนนะ’
อาการน้อยใจพุ่งเข้าใส่เธอจนเกือบต้านไม่ไหว ธารธารานิ่งงัน ตกอยู่ในอาการพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เธอกับเขาเพิ่งผ่านความสัมพันธ์ทางกายมาเมื่อคืนแท้ๆ เขายังกล้าทอดทิ้งเธอไว้แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร ธารธาราร้องไห้ฮือๆ ทั้งเจ็บกายทั้งเจ็บใจ หญิงสาวสะบัดผ้าห่มออกจากตัวเผยให้เห็นร่องรอยที่เขาเป็นคนทำแล้วน้ำตายิ่งไหล
ได้กันแล้วอย่างไร สุดท้ายเขาก็เป็นเหมือนเดิม
อรุโณทัยนั่งถักไหมพรมด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า หลายวันที่ผ่านมาต้นตระกูลช่างดีกับเธอจนน่าประหลาดใจ ทุกเย็นหลังเลิกงานเขามักจะแวะมาที่นี่เสมอเพื่อทานอาหารเย็นกับเธอ หลังจากนั้นเขามักจะพาเธอออกไปเปิดหูเปิดตาในยามค่ำคืนและจบลงด้วยการปรนเปรอความสุขจนแทบสำลักก่อนนอน
“คุณปรายคะ คุณท่านโทรมาค่ะ” กัลยายอบตัวเข้ามาแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ ก่อนจะถอยออกไปนั่งข้างๆ
“ขอบใจจ๊ะ” อรุโณทัยรับมาแนบหู ฟังเสียงคนปลายทางด้วยใจจดจ่อ “เจ้าคุณพ่อขา เมื่อไรจะกลับมาคะ ลูกคิดถึงจะแย่” ว่าแล้วก็หันไปยิ้มกับกัลยา หญิงชราอดยิ้มตามไม่ได้ นางรู้สึกอิ่มใจยิ่งนักเมื่อเห็นนายสาวมีความสุข ได้แต่หวังว่าเด็กต้นตระกูลเจ้าคนผีเข้าผีออกนั่นจะไม่สร้างเรื่องให้คุณปรายทุกข์ใจอีก
สามสิบนาทีผ่านไป อรุโณทัยยื่นเครื่องมือสื่อสารให้กับกัลยาอีกครั้ง “เจ้าคุณพ่อบอกจะกลับวันพรุ่งนี้แล้ว”
“อิฉันรู้สึกไม่ดีเลยค่ะคุณปราย” หญิงชราบอกตามตรง มือเหี่ยวลูบแขนเรียวไปมา “มันแปลกที่ตรงนี้” มืออีกข้างยกขึ้นแนบทรวงอกข้างซ้าย
“คิดมากไปหรือเปล่า ต้นตระกูลเขาเป็นคนดี ลึกๆ เขายังเป็นไผ่คนเดิมของฉัน” อรุโณทัยเอ่ยอย่างมั่นใจ
“เอาเถอะค่ะ” กัลยาไม่แย้งอะไรอีก หญิงชราลุกขึ้นยืน “อิฉันไปกวาดใบไม้หน้าบ้านก่อนนะคะ ถ้าคุณปรายมีอะไรก็เรียกใช้ได้”
“ไปเถอะ”
เมื่อนายสาวไม่ว่าอะไรอีก กัลยาจึงล่าถอยออกมา หญิงชราเดินช้าๆ ลงบันได อดจะหยุดนิ่งและหันกลับไปมองร่างบางที่กำลังถักไหมพรมไม่ได้ อรุโณทัยกำลังมีความสุขแต่ทำไมนางรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย
“อุ๊ย!” ร่างบางสะดุ้งเมื่อโดนโอบรัดจากด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว สองมือที่โอบเอวเธออยู่นั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจ
“ทำอะไรอยู่หืม” แก้มนวลถูกเขาหอมหนักๆ ไปหนึ่งที
“เห็นอยู่ยังจะมาถาม” อรุโณทัยวางไหมพรมลงกับพื้น ส่วนที่ถักแล้วเห็นเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นผ้าพันคอ
“ถามดีๆ ตอบดีๆ ไม่ได้เหรอ”
“ทำผ้าพันคอค่ะ”
“ให้ใคร”
“ไม่ใช่คนแถวนี้หรอก”
“จริงเหรอ ผัวอยู่ตรงนี้คิดถึงใครหืม อย่างนี้ต้องโดนทำโทษ” ว่าแล้วเขาก็จี้เอวบางอย่างไม่ออมแรง อรุโณทัยดิ้นพล่านด้วยความจั๊กจี้จนต้องร้องขอให้เขาหยุดมือ
“ว่ามา ให้ใคร”
“ให้คุณกัลป์ก็ได้ค่ะ” อรุโณทัยหายใจหอบ เธอจับมือเขาไว้แน่นกลัวจะโดนทำโทษอีก
“ไม่เต็มใจก็ไม่ต้องให้” ชายหนุ่มทำหน้าบึ้ง เขาลุกขึ้นหันหลังเตรียมเดินหนี เดือดร้อนคนอยากแกล้งต้องตามไปง้อแทบไม่ทัน
“ใครบอก ฉันตั้งใจจะทำให้คุณกัลป์นั่นล่ะ จะได้ใส่ตอนหน้าหนาว แกล้งนิดหน่อยเองทำเป็นโกรธ” ประโยคหลังแอบพึมพำอยู่คนเดียวแต่คนหูดียังอุตส่าห์ได้ยิน
“ไม่ได้โกรธ”
“จริงเหรอ”
“อืม”
“ถ้าอย่างนั้นยิ้มหน่อยสิ”
“ไร้สาระ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินตัวปลิวลงบันไดทิ้งให้คนข้างหลังยืนพะว้าพะวังอยู่คนเดียว
ต้นตระกูลปิดประตูรถคู่ใจดังโครมใหญ่ สองมือกำพวงมาลัยแน่นด้วยความรู้สึกคุกรุ่นที่อัดอยู่ข้างใน ทำไมเขาต้องรู้สึกไม่พอใจที่เห็นเธอคิดถึงคนอื่น เธอจะทำอะไรมันก็เรื่องของเธอสิ เขาจะไปรู้สึกอะไรด้วยทำไม ที่ผ่านมาก็แค่การแสดงไม่ใช่เหรอ ชายหนุ่มเตือนตัวเองด้วยความว้าวุ่นใจ เขาโกรธที่อรุโณทัยหยอกล้อเขาแบบนั้น แต่เขาโกรธตัวเองมากกว่าที่ดันไปรู้สึก..
ชายหนุ่มสะบัดศีรษะแรงๆ เขาจะต้องไม่ตกหลุมของตัวเอง
ล้อรถคันงามบดถนนจนเกิดรอยครูดเป็นทางยาว เสียงดังเอียดเสียดแก้วหูจนลูกน้องที่ยืนอารักขารอบบ้านอดประหวั่นใจไม่ได้ นานแล้วที่เจ้านายไม่แสดงอารมณ์ร้ายแบบนี้ เห็นทีงานนี้คงต้องมีผู้รับกรรมอีกกระมัง
เดชาเดินเข้าบ้านหลังใหญ่อย่างกระฉับกระเฉงผิดกับใบหน้าอิดโรยอย่างคนอดหลับอดนอน กรองแก้วเดินมารับกระเป๋าโน๊ตบุ๊คจากสามีมาถือไว้เอง สองร่างโอบกอดกันแน่นแสดงถึงความรักที่ไม่เคยเสื่อมคลาย
“คิดถึงจัง” ผู้เป็นสามีหอมแก้มภรรยาเบาๆ การเดินทางครั้งนี้ยืดเยื้อกว่าที่คิด เดชายอมรับว่าเขาเป็นคนติดบ้าน ไม่เห็นหน้าภรรยาวันเดียวใจก็จะขาดรอนๆ กรองแก้วเป็นแม่ที่ดีเป็นเมียที่ดีจนเขาอดละอายใจไม่ได้เมื่อคิดถึงความเจ้าชู้ของตนในสมัยก่อน
“คุณคงเหนื่อยแย่ ไปพักก่อนไหมคะ” กรองแก้วผละออกจากอ้อมกอดของสามี นางคลายปมเนกไทให้เขาและรับเสื้อสูทมาถือไว้เอง
“ผมน่าจะให้คุณไปด้วย กลับไปเป็นเลขาของผมอย่างเมื่อก่อนได้ไหม”
“ก็ดีนะคะ”
“ไม่ดี”
สิ้นคำตอบของสามี กรองแก้วหัวเราะเบาๆ สามีของเธอไม่อยากให้เธอกลับไปปวดหัวกับงานเหมือนเมื่อก่อน เขาไม่อยากให้เธอเครียดเพราะกลัวไมเกรนจะกำเริบ
“แล้วลูกเป็นไงบ้าง”
“ช่วงนี้ไม่ค่อยกลับบ้านเลยค่ะ ได้ยินว่าไปหลงสาวสักคนเนี่ยแหละ” กรองแก้วพูดราวกับเป็นเรื่องตลก มันก็ตลกจริงนั่นแหละเพราะแต่ไหนแต่ไรมาต้นตระกูลไม่เคยคบใครนานขนาดนี้
“ใคร” เดชาขมวดคิ้วไม่อยากจะเชื่อเท่าใดนัก
“แก้วกำลังสืบอยู่ค่ะ ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องไม่ยอมเปิดปาก ถ้าเจ้ากฤษไม่เผลอพูดวันนั้นแก้วก็คงไม่รู้”
“อ่อ”
“วันนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ”
“ไม่ล่ะแก้ว ผมมีนัด” เดชานั่งลงบนโซฟาตัวยาว เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “พรุ่งนี้เช้าขอข้าวต้มอร่อยๆ สักถ้วยนะครับสุดสวย”
กรองแก้วไม่เอ่ยอะไร นางมองสามีด้วยความแปลกใจ อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะไปไหนทั้งๆ ที่ เพิ่งเดินทางกลับมาเหนื่อยๆ
อรุโณทัยนั่งกอดเข่ามองประตูอัลลอยหน้าบ้านอย่างรอคอย ตั้งแต่เมื่อวานต้นตระกูลยังไม่กลับมาเลย เธอคิดถึงเขา กลัวว่าเขาจะโกรธจะเกลียดเธอ หญิงสาวให้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ล้อเขาอีก
รถคันหนึ่งแล่นเข้ามาหยุดอยู่หน้าประตู อรุโณทัยมองไม่เห็นว่าเป็นรถของใคร เธอลุกขึ้นยืนชะเง้อมอง เมื่อพบว่ามันไม่ใช่รถของต้นตระกูลเธอจึงนั่งลงอีกครั้งด้วยความว้าวุ่นใจ
“เปิดประตู” เดชาสั่งพนักงานที่ประจำอยู่หน้าประตูด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ เขาหัวเสียไม่น้อยเมื่อทุกอย่างที่ทำมันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดเลย
“ขอประทานโทษครับท่านประธาน ผมขออนุญาตรายงานเจ้านายสักครู่” การ์ดร่างใหญ่เอ่ยอย่างนอบน้อม เขากดมือถือพูดคุยกับเจ้านายของตนครู่หนึ่งก่อนจะกดรีโมทให้ประตูเลื่อนออกไป
เดชาขับรถเข้าไปอย่างรวดเร็ว เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของอรุโณทัยเหนือกว่าสิ่งอื่นใด แม้ว่ากัลยาจะรายงานความคืบหน้าเสมอว่าตอนนี้นายสาวของตนมีความสุขดี แต่เดชาไม่ได้นิ่งนอนใจ คนอย่างต้นตระกูลหรือจะเปลี่ยนความคิดได้ง่ายๆ แบบนั้น ไม่มีทาง..
“ปราย” ร่างเล็กนั่งก้มหน้าอยู่กลางชานบ้าน
“เจ้าคุณพ่อ” อรุโณทัยเด้งตัวขึ้นยืน หญิงสาวยิ้มดีใจ สองมือโอบกอดชายสูงวัยด้วยความคิดถึง “ไม่นึกว่าจะมา ไหนว่าเพิ่งลงเครื่องไงคะ”
“ก็พ่อคิดถึง” เดชาโล่งใจไม่น้อยที่เห็นว่าหญิงสาวยังคงปลอดภัยดี
หญิงชายต่างวัยนั่งพูดคุยถามไถ่สารทุกข์กันนานพอสมควรจนกระทั่งกัลยายกสำรับอาหารขึ้นมา จึงตระหนักได้ว่าคุยกันจนมืดค่ำ
“เธอไปเอาอาหารพวกนี้มาจากไหน เพิ่งซื้อมาเหรอ” อรุโณทัยอดถามไม่ได้เมื่ออาหารวันนี้ดูแปลกกว่าทุกวัน
“พวกคุณๆ เขาซื้อมาให้ค่ะคุณปราย” กัลยาหมายถึงบรรดาบอดิการ์ดที่อารักขาอยู่รอบบ้าน “เห็นว่าคุณท่านมาเลยซื้อมาต้อนรับค่ะ”
“ดี” หญิงสาวยิ้มละไม “เธอมากินด้วยกันสิ เยอะแยะขนาดนี้ฉันกับเจ้าคุณพ่อคงกินไม่หมด”
“เอ่อ..”
“นั่นสิ มากินด้วยกันเถอะ”
สายตาสองคู่ที่มองมาทำให้กัลยาปฏิเสธไม่ไหว นางเลยต้องนั่งรับประทานอาหารเย็นร่วมกับเจ้านายทั้งสองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สามชีวิตไม่รู้เลยว่าความโชคร้ายกำลังคืบคลานมาหา
จังหวะก้าวเท้าหนักแน่นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เดชาฝืนเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมองผู้มาใหม่ สองร่างที่นั่งร่วมโต๊ะต่างฟุบหน้าสลบหลับใหล ชายสูงวัยรับรู้ในทันทีว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติ ใครคนนั้นเดินเข้ามาใกล้แล้วย่อตัวลง ภาพสุดท้ายที่เดชาเห็นคือ ใบหน้าเย็นชาของบุตรชาย
“อร่อยดีไหมครับ ยานอนหลับของผม”
ชายหนุ่มหันไปหาลูกน้องของตน พวกเขารู้ในทันทีว่าจะต้องทำอะไร การ์ดชุดดำประคองร่างของสองเจ้านายเข้าไปในห้องนอน เปลื้องเสื้อผ้าของทั้งสองออกจากกาย โดยมีต้นตระกูลยืนดูอยู่หน้าประตู
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเขาก็ไล่ลูกน้องออกไป ชายหนุ่มพาร่างสูงของตนเองเข้ามานั่งบนเตียงที่เป็นวิมานรักในหลายๆ วันที่ผ่านมา
เหลือก็แค่รอเวลาเท่านั้น
“ที่ผ่านมามันก็แค่ละครหรอกยัยโง่ ของจริงมันต่อจากนี้ต่างหาก”
“แม่ครับ” เมื่อคิดว่ายานอนหลับใกล้หมดฤทธิ์ เขาจึงโทรหามารดา “สิ่งที่ผมสงสัยมาตลอด มันเป็นอย่างที่คิดจริงๆ”
‘อะไรกัลป์ มีเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอ’
ต้นตระกูลเหลือบมองสองหญิงชายบนเตียงแวบหนึ่ง “ผมว่าแม่มาดูเองดีกว่า ถ้าหากผมพูดอะไรไปแม่ก็คงจะไม่เชื่อ” เขาบอกที่อยู่เพื่อให้มารดามาหา ครึ่งชั่วโมงผ่านไป สมาร์ตโฟนก็สั่นอีกครั้ง
“ถึงแล้วเหรอครับ เดี๋ยวผมออกไปรับ” ว่าแล้วเขาก็กดตัดสาย ต้นตระกูลเดินออกจากห้อง ในใจเริ่มรู้สึกอึดอัดแปลกๆ เมื่ออีกเสียงร้องแย้งอยู่ตลอดเวลาว่ามันผิด
กรองแก้วในชุดนอนตัวยาวเดินมาหาบุตรชายอย่างเร่งรีบ นางอยากรู้เต็มแก่ว่ามันเป็นเรื่องอะไร แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักหรอก “มีอะไรเหรอกัลป์ ลูกทำให้แม่ใจหายใจคว่ำ”
“ทำใจดีๆ นะครับแม่”
“อะไร”
“ผม..” ต้นตระกูลมองไปยังบันไดเรือนไทยที่เพิ่งลงมา เพียงเท่านี้กรองแก้วก็พอจะเข้าใจ นางรีบเดินขึ้นไปโดยมีต้นตระกูลคอยนำทาง
ผ่าง!!!
ประตูไม้เก่าถูกเปิดออก สองร่างด้านในสะดุ้งเฮือก เดชาหน้าซีดเหงื่อตก เขาเพิ่งตื่นและอรุโณทัยก็ยังคงไม่ได้สติเท่าไร มือเล็กขยี้ตางัวเงียขึ้นมาติดๆ
“คุณ” กรองแก้วพูดไม่ออก หญิงสูงวัยเดินเข้ามายังเตียงที่สองร่างกำลังกอดซบกันอยู่ เดชามองมือของอรุโณทัย เขาพยายามแกะมือเธอออก
“ไม่ใช่นะแก้ว มันไม่มีอะไรนะแก้ว” เขาละล่ำละลักแก้ตัว
“คุณจะให้แก้วเชื่อได้ยังไงคะ” กรองแก้วพูดเสียงสั่น นางจ้องลึกลงไปในดวงตาของสามี เขากำลังอ้อนวอนเธออยู่ในใจ “นี่เหรอคะ นัดที่คุณว่า”
“คุณรู้จักผมดีนะแก้ว เชื่อผมสักครั้ง”
“ที่ผ่านมาฉันคิดว่าฉันรู้จักคุณดี แต่ตอนนี้ฉันกลับคิดว่าฉันไม่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณเลย”
“แก้ว..”
“เราเลิกกันเถอะ”
เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจ เดชานิ่งงัน ในใจเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“ไปเถอะครับแม่ ปล่อยให้คนเลวๆ เขาอยู่ด้วยกัน”
ชายสูงวัยเลื่อนสายตาแห้งแล้งไปยังบุตรชาย เดชาส่ายศีรษะด้วยความผิดหวังอย่างรุนแรง “ทำไมกัลป์ ทำไม” คู่ชีวิตของตนเดินออกไปแล้วเหลือเพียงบุตรชายที่หยุดยืนอยู่หน้าประตู
“ผม--เกลียด--คุณ” ต้นตระกูลหันเสี้ยวหน้ากลับมา “ผม--เกลียด--เธอ”
อรุโณทัยนิ่งงัน น้ำตาไหลอาบลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ เดชาอยากไปปรับความเข้าใจกับภรรยา เขาเชื่อว่ากรองแก้วจะต้องยอมรับฟัง แต่เขาก็เป็นห่วงความรู้สึกของอรุโณทัยไม่แพ้กัน
“ปราย”
“ฮือ..” หญิงสาวร้องไห้ดุจคนใจสลาย เธอโดนเขาหลอกอีกแล้ว ทำไมต้นตระกูลถึงใจร้ายกับเธอแบบนี้
“พ่อขอโทษ” เดชากอดร่างอวบอิ่มที่มีผ้าห่มพันรอบกายด้วยความรู้สึกผิด
“คุณปราย!!” กัลยาในชุดเมื่อตอนกลางวันวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามา หญิงชราน้ำตาร่วงเผาะเมื่อปะติดปะต่อเรื่องเข้ากัน นางเดินเข้ามาหานายสาว สงสารเธอจับใจ
“กัลยา” อรุโณทัยผละออกจากอ้อมอกบิดามาหากัลยา หญิงชราโอบร่างน้อยไว้แน่น
“ไม่เป็นไรนะคะ คุณปรายยังมีอิฉัน”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ นอกจากเสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้ เดชานั่งซบหน้าลงกับฝ่ามือ เขาหนักอึ้งในใจจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก ความแค้นของต้นตระกูลมันรุนแรงจนน่ากลัว เขาควรจะทำอย่างไรดี
บรรยากาศในวันต่อมาดูหดหู่กว่าเคย เดชาเท้ามือลงบนระเบียงบ้าน ที่เดิมที่เขาเคยทำแบบเดียวกันนี้เมื่อหลายร้อยปีก่อนยามมีเรื่องหนักใจ
“หนูปรายเป็นยังไงบ้าง” ชายสูงวัยเอ่ยขึ้นเมื่อรับรู้ว่ามีคนเดินเข้ามา
“ยังไม่ตื่นเลยค่ะ” กัลยาหยุดอยู่ด้านหลัง “คุณท่านจะรับอะไรทานไหมคะ”
“ไม่ล่ะ ขอบใจมาก ดูแลอรุโณทัยให้ดี ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลโทรรายงานฉันได้ตลอดนะ”
“ค่ะ”
“ขอบใจมากจริงๆ ถ้าไม่มีเธอฉันคงแย่”
กัลยายิ้มจางๆ ก่อนหันหลังเดินจากไป เดชามองทิวทัศน์เบื้องหน้าอีกครั้ง
“กัลป์.. พ่อควรจะทำยังไงดี” เขาถอนหายใจแผ่วเบาเมื่อนึกถึงใบหน้าภรรยาและบุตรชาย เรื่องทุกอย่างมันควรจะจบในชาตินี้ เขาจะไม่ยอมให้ต้นตระกูลผูกพยาบาทไปถึงชาติหน้าเป็นอันขาด
รถหกล้อแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน ร่างชายฉกรรจ์หลายคนลงจากรถ บ้างถือค้อน บ้างถือเลื่อย บ้างถือถือเชือกเส้นใหญ่ เดชาวิ่งลงเรือนไปหาคนพวกนั้น
“พวกนายจะทำอะไร”
“เราได้รับการว่าจ้างให้มารื้อบ้านหลังนี้ครับ” หนึ่งในนั้นตอบกลับมา พวกเขากระจายตัวกันไปรื้อบ้านอย่างที่ว่าไว้ หลายคนขึ้นไปบนเรือน เริ่มงัดแงะฝาบ้าน
“หยุดนะ ฉันบอกให้หยุด ใครสั่งแกมา” เดชาโกรธจนตัวสั่นเทิม
“คุณต้นตระกูลครับ ท่านสั่งให้รื้อทิ้งให้หมด”
ว่าแล้ว ชายร่างเล็กก็เดินจากไป เพื่อทำหน้าที่ของตน
ต้นตระกูลคงเอาจริงเสียแล้ว เดชาทนเห็นบ้านที่ตนเคยสร้างถูกทำลายต่อหน้าต่อตาไม่ไหว เขาวิ่งขึ้นไปบนบ้านร้องสั่งให้ทุกคนหยุด คนงานบางคนยืนรีๆ รอๆ หันมองกัน ส่วนบางคนยังคงทำหน้าที่ของตนต่อไป กัลยายืนหน้าซีดน้ำตาไหล นางอยากจะด่า อยากสาปแช่ง แต่ก็พูดไม่ออก
“ยืนทำอะไร ฉันจ้างพวกแกมารื้อ ไม่ได้ให้มายืนหายใจทิ้ง” น้ำเสียงทรงอำนาจสั่งอย่างเผด็จการ เหล่าชายฉกรรจ์รีบทำหน้าที่ของตนโดยไม่ต้องให้สั่งซ้ำ ต้นตระกูลเดินกร่างเข้ามาหยุดหน้าบิดาของตน
“ออกไปจากที่นี่ซะ”
“นี่แกทำบ้าอะไรอยู่”
“โครงการของผมจะต้องเดินหน้าต่อไปคุณก็รู้ อ้อ!” เขาทำเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้ “อย่าลืมพาชู้ของคุณไปด้วยนะ จะพากันไปขึ้นสวรรค์ลงนรกที่ไหนก็เชิญ”
“แกทำเกินไปแล้วนะ”
“แล้วจะทำไมในเมื่อผมทำแล้วมันสนุก ผมมีความสุข”
“เจ้านายครับ คุณท่านครับ ออกไปก่อนดีไหม ผมเกรงว่าอาจจะเกิดอันตราย” ธีรกฤษเอ่ยขึ้น เสียงคนงานตอกไม้ดังเคร้งคร้าง แผ่นไม้เก่าแก่แผ่นแล้วแผ่นเล่าถูกโยนออกไป
“แกบอกให้คนของแกหยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่!!! พวกแกรีบๆ รื้อเร็วเข้า”
“เจ้านายครับ”
พลั้ก!
ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดตามแรงชก ต้นตระกูลลิ้มรสเลือดเค็มปะแล่มๆ ในปาก ชายหนุ่มเจ็บจนชา เขาค่อยๆ หันมาหาบิดาอย่างเย้ยหยัน
“หยุด ฉันบอกให้หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ เข้าใจไหม” ใบหน้าของชายสูงวัยแดงก่ำด้วยความโกรธ
หางตาเห็นอรุโณทัยยืนพิงผนังร้องไห้อยู่เงียบๆ เขาหายใจติดขัดขึ้นมาเสียเฉยๆ ชายหนุ่มกำหมัดแน่น เขาควรจะดีใจไม่ใช่เหรอที่เห็นคนพวกนี้เจ็บปวด แต่ทำไมหัวใจมันเจ็บแปลบๆ แบบนี้
ต้นตระกูลตัดสินใจหันหลังวิ่งลงจากเรือนอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะใจอ่อน
“ทุกคนหยุด!” ธีรกฤษร้องสั่ง พลันนั้นทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหว เหล่าคนงานหันมองตากัน เพราะคนที่สั่งให้หยุดเป็นผู้ว่าจ้าง “วันนี้พอแค่นี้ก่อน”
เสือใหญ่แห่งอัศวเมฆินทร์กรุ๊ปยืนหายใจหอบ ไม่เหลือซึ่งคราบผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ ธีรกฤษเดินเข้าไปหาชายสูงวัยอย่างนอบน้อม กำลังจะประคองให้ไปนั่งบนเก้าอี้ก็โดนปัดมือออก
“จะไปไหนก็ไป”
“ครับท่าน”
เดชานั่งก้มหน้ากัดฟันกรอดเนื้อตัวสั่นสะท้านด้วยความโกรธเกรี้ยว เลขาหนุ่มรู้ดี ที่ผ่านมาเสือใหญ่ตนนี้แค่ยอมอ่อนข้อให้บุตรชายเพียงเท่านั้น หากไม่แข็งแกร่งพอ มีหรือจะกุมบังเหียนบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของประเทศได้ เรื่องความขัดแย้งภายในครอบครัวเจ้านายเป็นมาอย่างไรนั้นเขาไม่รู้ เขารู้แต่เพียงว่าจะไม่ยอมให้ครอบครัวของตนเป็นแบบนี้เด็ดขาด
ธีรกฤษคิดเห็นใบหน้าเมียสาว ริมฝีปากเกิดรอยโค้งขึ้นน้อยๆ นับเป็นยิ้มแรกของวัน หากเขามีลูกกับน้ำหนาว เขาจะสอนให้แกเรียกพ่อเป็นคำแรก ลูกจะต้องเคารพพ่อแม่ ครอบครัวเราจะต้องอบอุ่น เลขาหนุ่มหันหลังเดินกลับ ทิ้งไว้เพียงเรือนไทยหลังเดิมที่ไม่สง่างามเหมือนเดิมอีกต่อไป
ตั้งชื่อตอนว่าเกลียด ก็คือ เกลียดตัวโกงค่ะ เรื่องนี้ไม่มีพระเอกอีกต่อไป T^T
ความคิดเห็น