ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์พยาบาท

    ลำดับตอนที่ #11 : 11 เราเป็นอะไรกัน

    • อัปเดตล่าสุด 1 ส.ค. 64


    11

    “เมื่อคืนพี่ไอเขาบอกรักฉัน” พราว หรือพราวพิชชากอบกุมมือเพื่อนสาวด้วยสายตาเคลิบเคลิ้มเมื่อคิดไปถึงภาพเหตุการณ์แสนหวานของเธอกับแฟนหนุ่มที่เพิ่งตกลงคบกันสดๆ ร้อนๆ “เขาให้ฉันขนกระเป๋าย้ายไปอยู่กับเขาด้วยอ่ะแก” พูดแล้วก็กรี๊ดเบาๆ โดยไม่สนใจโต๊ะข้างๆ จนธารธาราต้องจุ๊ปากปรามเพื่อน

    “อิจฉานะเนี่ย” ธารธาราพูดยิ้มๆ แม้ข้างในจะเจ็บแปลบ

    “แก.. แกว่าฉันควรย้ายไปอยู่กับเขาไหม”

    “อยากไปไหมล่ะ ไหนๆ ก็เสร็จเขาไปแล้วนี่” ธารธาราแซว วันก่อนพราวพิชชาเล่าให้ฟังว่าเธอเสียสาวให้ไอเรียบร้อยแล้วหลังจากที่คุยเซ็กส์โฟนกันมานาน เรื่องราวความรักของพราวพิชชาอาจจะดูแปลกประหลาดไปสักหน่อยเพราะทั้งคู่บังเอิญเจอกันในเว็บแชทชื่อดัง และเริ่มต้นด้วยการคุยเสียว

    คล้ายๆ กันกับเธอและธีรกฤษ ซึ่งพบกันผ่านเว็บเกมออนไลน์ แต่ต่างกันตรงที่แฟนของพราวพิชชานั้นรักและหวงพราวพิชชาจนน่าอิจฉา ธารธาราถอนหายใจน้อยๆ เมื่อคิดถึงคนที่เป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ได้อยู่ในสถานะแฟน มันจะดีแค่ไหนนะถ้าเขาเป็นแบบนี้บ้าง

    “บ้า เสร็จแค่ไม่กี่ครั้งเอง” พราวพิชชาทำท่าเขินอายเกินจริต

    “แน่ใจ”

    คนโดนล้อหัวเราะแฮะๆ ถ้าหากว่านับเสร็จแบบเซ็กโฟนก็คงมีลูกเป็นโหลแล้วล่ะ

    ครืด..

    ธารธาราหันขวับไปหาโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ แสงบนหน้าจอสว่างเตือนขึ้นมาวาบหนึ่ง หัวใจที่กำลังเต้นรัวด้วยความหวังกลับปวดหนึบเมื่อมันไม่ใช่เครื่องของเธอ พราวพิชชาเอื้อมมือมาหยิบไปด้วยสีหน้าอิ่มเอิบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นแฟนหนุ่มสุดที่รัก

    “แปปนะ”

    “อืม...” ธารธารารับคำและยิ้มบางให้กับเพื่อน เธอดีใจแทนพราวพิชชาที่เจอคนที่รักและเอาใจใส่อย่างไอ หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง กดพิมพ์ลงไป..

    -ทำอะไรอยู่ หายปวดหัวหรือยัง อย่าลืมกินยานะคะ-

    รอไม่นานข้อความก็ขึ้นว่าอ่านแล้ว ธารธาราจ้องมองโทรศัพท์อย่างรอคอย

    หนึ่งนาทีผ่านไป..

    สองนาทีผ่านไป....

    ห้านาทีผ่านไป...

    ธารธารายิ้มขืนๆ กำลังจะวางโทรศัพท์ลง ข้อความก็ถูกส่งมา

    -vn,-

    หญิงสาวนิ่งงัน จ้องมองข้อความที่เขาส่งมาด้วยความผิดหวัง แค่คำว่า ‘อืม’ คำเดียวนับว่าเจ็บแล้ว แต่พอเจอ ‘vn,’ กลับเจ็บยิ่งกว่า มือบางกำโทรศัพท์ในมือแน่น น้ำตาก็ปริ่มๆ จะไหล

    “จะไปไหน” พราวพิชชาเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์ มองคนที่กำลังเก็บข้าวของด้วยความฉงน

    “ลืมว่ามีนัดน่ะ ไปก่อนนะ”

    “ฮั่นแน่.. นัดกับใครเอ่ย กับเฮียกฤษใช่ม๊ะ”

    “ไม่หรอก ไปนะ”

    ธารธาราปาดน้ำตาเร็วๆ ทีหนึ่งขณะซอยเท้าออกมาจากร้านเบเกอร์รี่ข้างบริษัท เธอทำงานในแผนกการบัญชีมาปีกว่าแล้ว นานพอๆ กับที่รู้จักกับธีรกฤษ ในช่วงที่กำลังหางานทำหลังจบปริญญาตรีใหม่ๆ เธอได้เข้าไปเล่นเกมออนไลน์เกมหนึ่งและได้พบกับธีรกฤษ เขาขอเธอแต่งงานเป็นคู่รักกันในเกมและเริ่มทำความรู้จักกัน มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกมากเมื่อได้รู้ว่าเขาเป็นพนักงานระดับสูงในบริษัทเดียวกันกับที่เธอทำงานอยู่

    แรกๆ เธอมีความสุขมาก เขาเอาใจใส่เธอดี แต่หลังๆ มานี้เธอเริ่มรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป คุยกับเธอน้อยลง อ่านแล้วไม่ตอบ และหงุดหงิดได้ง่ายๆ

    ดูเหมือนว่ายิ่งนานไปก็ยิ่งจืดจาง..

    ธารธาราเคาะนิ้วลงกับโต๊ะทำงานอย่างเลื่อนลอยจนโดนหัวหน้าเขม่น หล่อนชื่อสมศรี อายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของเธอ สมศรีเป็นคนละเอียดในการทำงานสมกับเป็นหัวหน้าแผนกบัญชี ถึงแม้จะดูเคร่งครัดแต่ลึกๆ แล้วสมศรีเป็นคนใจดีมากคนหนึ่ง ข้อนี้ธารธาราประจักษ์ได้ด้วยตนเองในวันที่หล่อนอาสาขับรถไปส่งเธอที่ห้องพักในวันฝนตกหนัก

    “เป็นอะไรไปน้ำหนาว ฉันเห็นเธอนั่งเหม่อไม่เป็นอันทำงานอยู่ทั้งวัน” พอลูกน้องเหม่อบ่อยๆ สมศรีเลยเข้ามาถาม เสียงเข้มดุดันอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอพลอยทำให้เพื่อนร่วมงานโต๊ะข้างๆ ก้มทำงานด้วยความกลัว แต่ธารธารารู้ดีว่าหัวหน้าถามเธอเพราะเป็นห่วง หญิงสาวยิ้มแหยๆ กล่าวขอโทษ

    “ไม่สบายหรือเปล่า” สมศรีถามต่อ รู้สึกผิดปกติที่ลูกน้องคนขยันเปลี่ยนไป

    “หนาวสบายดีค่ะ”

    สมศรีขยับแว่นที่สวมอยู่ เพ่งมองใบหน้าจืดชืดไร้สีสันเครื่องสำอางของลูกน้องอย่างพินิจ “ตามมาคุยที่ห้องฉันหน่อยสิ” ว่าแล้วหล่อนก็เดินเข้าห้องประจำตำแหน่งโดยมีธารธาราเดินตามเข้าไป ทันทีที่ผู้เป็นหัวหน้าลับตาไปแล้ว ลูกน้องที่เหลือต่างหันมองตากันแล้วถอนหายใจเบาๆ ที่พวกตนรอด

    “นั่งสิ” สมศรีบอกคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ ใบหน้าฉาบความดุเมื่อสักครู่แลดูอ่อนโยนลง

    ธารธาราขยับเก้าอี้และนั่งลงเงียบๆ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบพักใหญ่ก่อนที่สมศรีจะพูดขึ้น

    “มีปัญหาอะไรหรือน้ำหนาว เล่าให้ฉันฟังได้หรือเปล่า”

    ผู้อ่อนวัยกว่านั่งเงียบ เรื่องของเธอใครก็ช่วยไม่ได้นอกจากตัวเธอเอง “ไม่มีจริงๆ ค่ะหัวหน้า”

    “อืม.. ถ้าเธอไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร แต่ฉันไม่ชอบที่เธอจะมานั่งเหม่อในเวลางานแบบนี้ เวลาทำงานก็ต้องทำให้สมกับค่าแรงที่เจ้านายเขาจ้างเธอ”

    “หนาวขอโทษค่ะ” ธารธาราพูดเสียงเครือ น้ำเสียงเมตตาที่เอ่ยตักเตือนเธอนั้นทำให้เธอรู้สึกผิด

    “เราร่วมงานกันมาเป็นปีแล้วฉันรู้ว่าเธอเป็นคนยังไง ...ถ้าหากเธอรับมือไม่ไหวจริงๆ บอกฉัน ในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง ฉันยินดีจะช่วยเหลือเธอเต็มที่” สมศรีหมายความตามที่บอกจริงๆ

    ธารธารานิ่งฟังทั้งซาบซึ้งทั้งรู้สึกผิดจนน้ำตาร่วง หญิงสาวนั่งร้องไห้เงียบๆ เธอพยายามจะเข้มแข็งขึ้นแต่มันยากเหลือเกิน สมศรีถอนหายใจน้อยๆ รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลยที่ลูกน้องเป็นแบบนี้ หล่อนลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมโต๊ะมากอดธารธาราไว้หลวมๆ อย่างปลอบใจ

    “ร้องออกมาเถอะ ฉันให้โอกาสเธอร้องได้วันหนึ่ง ถ้าวันหน้าฉันเห็นน้ำตาเธออีกฉันไล่เธอออกจากงานแน่”

    “ค่ะหัวหน้า” ธารธาราสวมกอดหญิงสูงวัยเช่นกัน

    “เป็นผู้หญิงต้องเข้มแข็ง”

    ธารธาราร้องไห้จนพอใจโดยมีหัวหน้าลูบหลังปลอบอยู่ไม่ห่าง พอได้ระบายจนดีขึ้นเธอก็รู้สึกอายหัวหน้าจนอยากหายไปไกลๆ เธอทำชุดสวยของหัวหน้าเปียกเป็นด่างดวงเพราะคราบเรื่องน้ำตา เห็นทีคงจะถูกไล่ออกจากงานจริงๆ ก็คราวนี้แหละ

    “ดีขึ้นยัง” สมศรีลูบหัวลูกน้องด้วยความเอ็นดู ธารธารายิ้มจืด รีบขอโทษขอโพยหัวหน้าเป็นการใหญ่

    “ฉันว่าเรื่องที่ทำให้เด็กอย่างเธอฟูมฟายคงไม่พ้นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ หรอกมั้ง” สมศรีเดาถูก ลูกน้องอย่างเธอเลยหน้าจืดเข้าไปอีก สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจเล่าเรื่องของเธอให้ฟังโดยไม่บอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นธีรกฤษ

    ไม่มีใครรู้ว่าพนักงานระดับล่างอย่างเธอชอบพอกับคนระดับเลขาท่านประธาน เธอปกปิดเป็นความลับและไม่ยอมบอกใครยกเว้นพราวพิชชาเพื่อนสนิทซึ่งทำงานอยู่อีกบริษัท และเขาก็คงไม่อยากเปิดเผยเช่นกัน

    “ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ล่ะ” พอเล่าจบหัวหน้าก็ทำหน้าดำคร่ำเครียด ด่ากราดเพศชายทุกคนจนธารธาราหน้าเหวอ เธอพอจะรู้จากวงซุบซิบมาบ้างว่าสมศรีเป็นโสดเพราะถูกแฟนสวมเขา เธอเลยไม่ขอข้องแวะกับผู้ชายอีกเลย แต่ไม่นึกว่าจะเป็นหนักขนาดนี้

    “เขาทำถึงขนาดนี้แล้วก็ออกมาจากชีวิตเขาเถอะน้ำหนาว เธออย่าทนสิ ทนให้มันได้อะไรขึ้นมา”

    “หนาวไม่รู้” ธารธาราพูดเสียงอ่อย “หนาว.. หนาวชอบเขา”

    “แล้วเขาชอบเธอไหมล่ะ” สมศรียืมมือสะเอวสีหน้าขรึม

    “แต่เขาเคยบอกรักหนาวนะคะ”

    “บอกรักแค่ตอนเมาเหรอ ฟังดีๆ นะน้ำหนาว ยังมีผู้ชายอีกเยอะที่ดีกว่านี้”

    “แต่หนาว”

    สมศรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แล้วเธอจะทนอยู่แบบนี้เหรอหนาว”

    “หนาวไม่อยากเป็นแบบนี้”

    “เอาล่ะๆ ถ้ารักเขามากล่ะก็” สมศรีทำหน้าครุ่นคิด “เอาแบบนี้ไหม” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่ริมฝีปาก หญิงสูงวัยยื่นหน้ามากระซิบอะไรบางอย่าง ธารธาราทำตาโตอย่างนึกไม่ถึง

    “จะดีเหรอคะหัวหน้า”

    “ดีสิ ได้ผลชัวร์ ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าอยู่ในฐานะอะไรใช่ไหม ถ้าทำแบบนี้นะ รู้แน่”

    “แต่.. เอาจริงเหรอคะ”

    “เชื่อฉันเถอะ ฉันเคยทำมาก่อนเธอ” สมศรีพูดแล้วหัวเราะหึๆ

    และแล้วปฏิบัติการปล้ำผู้ชายก็เริ่มขึ้น..

    เย็นวันนั้นธารธารารวบรวมความกล้าเป็นฝ่ายโทรหาธีรกฤษและนัดออกมาเจอกันที่ร้านอาหารบนห้างดัง โชคดีที่พ่อหนุ่มคิวทองของเธอว่างทั้งๆ ที่ปกติตัวติดกับเจ้านายตลอด หญิงสาวตื่นเต้นจนต้องคอยระงับใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา ใกล้จะถึงเวลานัดเธอก็เห็นเขาในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนเดินเข้ามา

    ธีรกฤษยิ้มให้เธอ หญิงสาวนั่งนิ่งใจเต้น เจอกันหลายครั้งแต่เธอก็ไม่เคยชินสักที มันให้ความรู้สึกเหมือนย้อนเวลาไปเมื่อครั้งนัดเจอกันครั้งแรกไม่มีผิด

    “ส..สวัสดีค่ะ”

    “ดีจ๊ะ” ชายหนุ่มออกแรงขยับก้าวอี้ออกแล้วแทรกตัวลงไปนั่ง เขาดูสบายๆ แต่เธอกลับนั่งเกร็งตื่นเต้นจนเหงื่อแตกพลั่กทั้งที่ร้านเปิดแอร์เย็นเฉียบ ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบจนน่าอึดอัด

    “สั่งอะไรหรือยัง” ธีรกฤษถามขึ้นก่อน ธารธาราสะดุ้งเฮือก แผนการปลุกปล้ำในหัวแตกกระเจิง หญิงสาวลนลานหยิบเมนูมาเปิด แถมยังทำหลุดมือหล่นลงข้างโต๊ะเสียงดังจนคนรอบข้างหันมามอง

    “ขอโทษค่ะ” ธารธารายกมือไหว้รอบทิศเร็วๆ เธออยากจะร้องไห้ ถ้าไม่มีเขาอยู่ตรงหน้าเธอคงเผ่นออกจากร้านไปแล้ว

    “เป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงนุ่ม แต่มันกลับสร้างความอับอายให้เธอยิ่งนัก

    “ไม่ค่ะ พี่กฤษจะทานอะไรคะ”

    ธีรกฤษยื่นหน้ามาอ่านเมนูที่อยู่ในมือในระยะกระชั้นชิด เขาบอกรายการอาหารอยู่สองสามอย่างแล้วกลับไปนั่งตัวตรงชิวๆ แบบเดิม ธารธาราตั้งใจมองเมนูแต่ก็แอบมองเขาบ่อยๆ จนชายหนุ่มหัวเราะ

    รอไม่นานอาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ธารธาราเป็นพูดไม่ค่อยเก่ง ส่วนใหญ่เธอจะฟังธีรกฤษคุยอยู่ฝ่ายเดียว เขาพูดเรื่องทั่วไป เรื่องงาน เรื่องครอบครัว และอีกหลายเรื่อง พอกินอิ่มเขาก็อาสาไปส่งเธอที่หอเนื่องจากธารธาราไม่มีรถใช้ ความแตกต่างในด้านฐานะทำให้เธอตะขิดตะขวงใจอยู่ไม่น้อย เธอกลัวว่าเขาจะรังเกียจที่เธอจนกว่า แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อรักไปแล้ว แผนการก็ต้องเดินหน้าต่อไป

    ธีรกฤษเปิดประตูรถให้เธออย่างเอาใจ ธารธาราเอ่ยขอบคุณเบาๆ แล้วรีบแทรกตัวเข้าไปนั่ง ภายในรถยังคงร้อนอบอ้าว เธอได้กลิ่นน้ำยาปรับอากาศเจือจางผสมกับกลิ่นอับเล็กน้อย แต่สิ่งที่ทำให้เธอเหงื่อตกไม่ใช่พวกนี้หรอกเธอรู้ดีอยู่แก่ใจ หญิงสาวบีบมือตัวเองอย่างตื่นเต้น ประตูอีกฝั่งถูกเปิด รถไหวยวบเมื่อร่างสูงก้าวเข้ามานั่งประจำที่ของตน เขาหันมายิ้มให้เธอเล็กน้อยก่อนจะตั้งสมาธิอยู่กับการขับรถโดยไม่พูดอะไรอีก

    ดวงตากลมโตแอบเหล่มองเขาเป็นระยะๆ ภายในรถตกอยู่ในความเงียบ หญิงสาวแสร้งหันออกนอกหน้าต่างทำเป็นสนใจกับร้านรวงข้างทาง ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง มันเป็นความคิดที่ดีที่เธอจะแกล้งหลับในตอนนี้ อย่างน้อยมันก็ไม่น่าอึดอัดเท่าไร ริมฝีปากอิ่มวาดรอยยิ้มจางๆ ก้าวเข้าสู่ห้วงนิทราจริงๆ

    ทางด้านธีรกฤษ แม้เขาจะตั้งสมาธิกับระยะทางและการขับรถแต่แท้จริงแล้วก็แอบจับสังเกตคนข้างตัวอยู่เหมือนกัน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวหลับไป ชายหนุ่มเลยแวะจอดรถข้างทางและเอื้อมมือมาปรับเบาะให้เธอนอนได้สบายๆ เขาสูดหายใจลึกๆ ในยามเพ่งพิจใบหน้ารูปไข่ กว่าจะรู้ตัวอีกทีริมฝีปากหนาก็ประทับจูบแผ่วเบาบนแก้มนวลเสียแล้ว ธีรกฤษชะงัก รีบผละออกมาเหมือนเจอของร้อน แต่อดใจไม่ไหวชะโงกใบหน้าเข้าไปจุ๊บปากอิ่มเร็วๆ อีกที เขากลับมาตั้งสมาธิกับการขับรถอีกครั้งด้วยระดับความเร็วที่มากกว่าเดิม รีบพาเธอไปส่งก่อนที่จะเกิดการกินกำไรไปยิ่งกว่านี้

    “หนาว ถึงแล้ว น้ำหนาว”

    “อือ..” น้ำหนาวบิดตัวน้อยๆ เธอลืมตาขึ้นมาเห็นเขายิ้มให้อยู่ตรงหน้า น้ำหนาวอึ้งงัน กระพริบตาอยู่ปริบๆ ทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่

    “เป็นอะไรไป” ธรีกฤษถามอีกครั้งพลางเอื้อมมือมาปลดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ ธารธารานั่งตัวเกร็งแทบจะกลั้นหายใจในยามที่เขาเอนกายเข้าหา

    “มะ..ไม่เป็นอะไร ขอบคุณมากค่ะ หนาวไปนะคะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็ลนลานเปิดประตูรถวิ่งเผ่นไปทันที ได้ยินธีรกฤษหัวเราะหึๆ ไล่หลัง

    “หนาว ลืมกระเป๋าหรือเปล่า”

    ธารธาราเบรกร่างเอียด หญิงสาวกลืนน้ำลายแล้วค่อยๆ เดินกลับมายังรถคันงาม พนักงานเงินเดือนที่อยู่ในละแวกนั้นต่างชะโงกหน้ามามองและหันไปซุบซิบกัน เพราะรถหรูของธีรกฤษใช่ว่าจะมีให้เห็นกันเกลื่อนกลาด

    ธีรกฤษก้าวลงจากรถ ในมือเขาถือกระเป๋าสะพายแบบเด็กมัธยมของเธอติดมาด้วย

    “ขอบคุณค่ะ” น้ำหนาวรับไว้และยืนรีๆ รอๆ เขาก็ไม่ไปไหน “หนาว. เอ่อ.. พี่กฤษเหนื่อยไหมคะ ขึ้นไปดื่มน้ำบนห้องหนาวก่อนไหม” อ่อยแล้วจริงๆ นะ

    “จะดีเหรอครับ”

    “ค่ะ” ธารธาราพยักหน้าหงึกๆ

    “งั้นไปกันเถอะ” มือหนาเอื้อมมาจับเรียวแขนเธอ กลับกลายเป็นว่าชายหนุ่มเป็นฝ่ายเดินนำเธอเสียอย่างนั้น ธารธาราออกอาการงุนงงเล็กน้อยแต่เธอคิดว่าก็ดีแล้วที่เขายอมขึ้นไปง่ายๆ

    ภายในห้องเช่าขนาดเล็กสำหรับอยู่คนเดียวอย่างเธอนับว่าไม่ได้เป็นปัญหาอะไร แต่ในสายตาธีรกฤษมันกลับทำให้เขานึกสงสารคนตัวเล็กขึ้นมาจับใจ หญิงสาวเปิดตู้เย็นและรินน้ำใส่แก้วส่งให้เขา เตียงเดี่ยวขนาด 3.5 ฟุตวางอยู่มุมหนึ่งของห้อง ถัดไปเป็นตู้เสื้อผ้าและของใช้ทำครัวอยู่ในห้องเดียวกัน เขาไม่เคยเข้าห้องของเธอมาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้ ที่ตัวเธอผอมมันเป็นเพราะกินอาหารไม่มีคุณภาพด้วยหรือเปล่า ชายหนุ่มเดินไปนั่งบนเตียงเพราะอยู่ใกล้สุด

    “ทำงานเหนื่อยไหม”

    “ก็เหนื่อยบ้างค่ะ” ธารธารานึกเสียใจที่เห็นเขามองรอบห้องไปทีละส่วนอย่างไม่ปิดบัง หญิงสาวกำมือแน่น ถ้าหากวันนี้เขาจะเลิกคบเธอเพียงเพราะรังเกียจความจนเธอจะไม่เรียกร้องอะไรสักคำ

    “อืม” ชายหนุ่มครางรับเพียงแค่นั้น มือหนาลูบไล้ไปบนผ้าปูเตียงลายการ์ตูนแผ่วเบา

    “หนาวง่วงแล้ว พี่กลับไปเถอะ” ช่างเป็นความคิดที่งี่เง่าสิ้นดีที่เธอคิดจะเสียตัวให้เขาเพื่อความสัมพันธ์ที่แนบแน่นยิ่งขึ้น คิดไปได้ยังไงนะน้ำหนาว ธารธาราให้นึกอดสูกับความคิดและสถานะของตน เธอไม่คิดจะหาสามีรวยเพราะกลัวการถูกดูหมิ่น ที่สำคัญ ผู้ชายอย่างเขาคงเลือกผู้หญิงที่ดีกว่านี้เป็นแม่ของลูกได้อย่างง่ายดาย

    “เป็นอะไรหรือเปล่า”

    “เปล่าค่ะ”

    “หนาว หันมาคุยกับพี่”

    “หนาวง่วง พี่กลับไปเถอะ”

    “น้ำหนาว” ธีรกฤษลุกขึ้นก้าวเข้าหาหญิงสาว “บอกพี่มา”

    “ไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ”

    “แล้วทำไมต้องหลบตาพี่” มือหนาเชยคางเธอขึ้นสบตา “เป็นอะไร”

    “พี่กลับไปเถอะ พี่ไม่สมควรมาที่นี่”

    “ทำไม”

    “ห้องมันแคบ อึดอัด” ธารธาราอยากตะโกนออกไปดังๆ เพราะเธอจนอย่างไรเล่า เธอไม่คู่ควรกับเขาเลย

    “แล้วทำไมหนาวถึงอยู่ได้ล่ะ ถ้าหนาวอยู่ได้พี่ก็ต้องอยู่ได้สิ เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าพี่ไม่ได้รักคนที่ฐานะหรือหน้าตา ถ้าหากว่ารักก็คือรัก”

    “แล้ว.. พี่รักหนาวไหม”

    “เคยบอกไปแล้วนี่” ธีรกฤษถอนหายใจเฮือกใหญ่

    “แล้วตอนนี้เราเป็นอะไรกัน”

    “แล้วหนาวคิดว่าเป็นอะไรล่ะ มาเป็นเมียพี่ไหม”

    “....” น้ำหนาวนิ่งงัน

    “พี่พูดเล่น อย่าถือสาเลย” ธีรกฤษเหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป ชายหนุ่มขยับออกห่างร่างเล็ก เขาถอนหายใจอย่างอึดอัด

    “จริงเหรอ” ธารธาราเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ “ถ้าอย่างนั้น ให้หนาวเป็นเมียพี่นะ”

    “อะไรนะ” ชายหนุ่มถามย้ำ เขาไม่คิดว่าเธอจะเป็นฝ่ายรุกได้ขนาดนี้

    ธารธาราเดินเข้ามาหาร่างสูงด้วยสีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความมั่นใจ “หนาวอยากเป็นเมียพี่กฤษ” ร่างเล็กก้าวขึ้นคร่อมชายหนุ่มซึ่งถูกผลักลงบนเตียงก่อนหน้านี้

    “แน่ใจแล้วเหรอ”

    “ค่ะ” นางแมวยั่วสวาทมือใหม่ตอบอย่างไม่หวั่น หญิงสาวมองใบหน้าเขา สบตาสีนิลชั่วครู่ก่อนจะเลื่อนลงมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากสวย ธารธารากัดริมฝีปากตัวเอง เธอค่อยๆ ก้มต่ำลงมาอีก

    “จะจูบพี่อ่อ”

    “อือ”

    มัวแต่จ้องอยู่แบบนั้นคงได้จูบหรอกแม่คุณ ธีรกฤษคิดแต่ก็ยอมเผยอปากออกอย่างรอคอย “รออะไรอยู่ จูบสักทีสิ จูบไม่เป็นเหรอ” เขาเร่งเร้าเพราะอยากโดนปล้ำเต็มแก่ แต่คนไม่เคยก็ยังคงรีๆ รอๆ เมื่ออดรนทนไม่ไหวเลยจับใบหน้าของหญิงสาวแล้วชะโงกหน้าเข้าไปจูบเสียเอง

    ริมฝีปากทั้งคู่สัมผัสกันแผ่วๆ ธารธาราพอจะรู้วิธีจูบอยู่บ้างจากการศึกษาผ่านอินเทอร์เน็ตเลยเผยอปากออกให้เขารุกเร้าอย่างเต็มที่ จูบครั้งแรกของเธอช่างอบอุ่นอ่อนโยนจน...

    “หายใจบ้างสิ ใจคอคิดจะกลั้นจนตายเลยเหรอ”

    “ก็...” มันน่าอายจะตายที่ต้องมาหายใจรดกัน

    “หายใจตามปกติ โอเคไหม ลองดู” ว่าแล้วริมฝีปากเขาก็ฉกวูบเข้ามาจูบเธออีกครั้ง เรียวลิ้นเริ่มแทรกซอนผ่านไรฟันเข้ามา ธารธาราอ้าปากกว้างขึ้นอีกเพื่อให้เขาแทรกลิ้นเข้ามาได้มากขึ้น แรกๆ เธอกลั้นหายใจแต่เมื่อพบว่ามันไม่ไหวจริงๆ เลยหายใจตามปกติแต่มันก็เขินเหลือเกิน

     

     

    ตัด NC ตามได้ที่เดิมจ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×