ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบ) [Fic Tom x Hermione] My demon รักชั่วนิรันดร์...ปีศาจของฉัน

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 เธอเป็นใครกันแน่

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.48K
      143
      23 เม.ย. 64

    ตอนที่ 6 เธอเป็นใครกันแน่


    “ถอยไป!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกน ไม้กายสิทธิ์จิ้มหน้าอกเด็กหนุ่มตรงหน้าก่อนออกแรงกดน้อยๆ


    ทอมแทบผงะเมื่อเห็นสีหน้านั้นสีหน้าที่เหมือนเขาอีกแล้ว เขาไม่อยากเห็น! ทอมจึงเลือกที่จะก้าวหลบไปให้พ้นทางของเพเนโลพี ร่างนั้นพุ่งผ่านเขาตรงกลับเข้าปราสาทอย่างรวดเร็ว ส่วนเขานั้นได้แต่ถอนหายใจเฮือกเมื่อภาพความทรงจำพวกนั้นกำลังเลือนหายไปอย่างช้าๆ และเงาสะท้อนเมื่อสักครู่ด้วย


    ไม่รู้ว่าหัวใจตนเต้นรัวราวกับกำลังกลัวตั้งแต่เมื่อไร ทอมเพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ก่อนหัวใจจะเต้นอยู่ในระดับคงที่ก่อนเดินตรงกลับเข้าปราสาทด้วยความรู้สึกที่สับสนกำลังถูกฝังลึกลงใต้จิตสำนึกแม้แต่ตอนนี้ทอมก็ลืมความรู้สึกยามเผชิญหน้ากับเพเนโลพีเมื่อสักครู่ไปเสียสิ้น


    +---+

     

    เฮอร์ไมโอนี่วิ่งตรงกลับเข้าปราสาทโดยไม่สนสายตาสอดรู้สอดเห็นจากนักเรียนคนอื่นเลยแม้แต่น้อยก่อนหยุดตรงมุมอับ เส้นทางที่ไม่ค่อยมีนักเรียนพลุกพล่านนัก เธอหอบหายใจ ไม่รู้ว่าตนวิ่งมาหยุดที่ไหนทว่ามันเป็นทางเดินที่เปล่าเปลี่ยวและเงียบงันมีแต่ห้องเรียนร้างๆ เก่าๆ ถูกทิ้งให้ผุพังตามกาลเวลา เฮอร์ไมโอนี่ยืนพิงกำแพงหินพลางคิดถึงท่าทางและสีหน้าของทอม ริดเดิ้ลเมื่อสักครู่นี้


    สีหน้าในแบบที่ประหลาดใจระคนสงสัยพร้อมฟันที่ขบแน่น ในดวงตาก็ดูราวกับกำลังควานหาคำตอบจากคำถามอะไรบางอย่างในตัวเธอ เขาดูไม่เหมือนกับโวลเดอมอร์จากคำบอกเล่าของแฮร์รี่เลยแม้แต่น้อย เธอนึกว่าเขาเป็นพ่อมดที่ชั่วร้ายและไร้ความรู้สึกเสียอีก


    ทำไมเขาถึงทำสีหน้าแบบนั้นนะ เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่คิดในใจ


    จู่ๆ เธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงความร้อนลวกมือซึ่งกำลังซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุม เธอชักมือออกจากกระเป๋าก่อนล้วงมือกลับเข้าไปหยิบต้นตอของสิ่งที่พยายามลวกมือ ทันทีที่หยิบออกมา แสงสีแดงจากนาฬิกาย้อนเวลาสะท้อนเข้าตาจนต้องหรี่ตา


    แสงสีแดงส่องสว่างวาบก่อนกะพริบอีกสองสามครั้งแล้วแสงพวกนั้นก็ย้อนกลับรวมตัวกันเป็นก้อนกลมๆ พลางดีดตัวพุ่งออกมาจากแก้วใสๆ ทะลุผ่านประตูห้องเรียนห้องหนึ่งในทางเดินหายลับเข้าไปพร้อมแสงเรืองรองๆ สีแดงสลับทองส่องลอดช่องประตูออกมา


    ด้วยความสับสนและอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติ เฮอร์ไมโอนี่เลือกเดินไปหยุดตรงหน้าประตูห้องเรียนห้องนั้นพร้อมแสงนั่นเลือนหายลับ เธอลองเขย่าที่จับประตู มันถูกล็อกเอาไว้ เธอจึงล้วงไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วหย่อนนาฬิกาย้อนเวลากลับเข้ากระเป๋าเสื้อคลุม


    อาโลโฮโมรา เฮอร์ไมโอนี่ท่องคาถาโดยไม่ออกเสียง ประตูส่งเสียงเบาๆ ก่อนค่อยๆ แง้มเปิดโดยไม่ได้ออกแรงเลยแม้แต่น้อย เธอผลักประตูเปิดกว้างอีกครั้งก่อนลำแสงสายหนึ่งพุ่งตรงดิ่งมาทางเธอ เฮอร์ไมโอนี่ก้มหลบ ลำแสงสีฟ้านั่นปะทะกับกำแพงหินแตกกระจาย เศษร่วงกรูลงบนพื้น เธอมองเห็นขาสวมกางเกงสีดำสนิทพร้อมรองเท้าหนังสีดำมันวับ


    เฮอร์ไมโอนี่สูดหายใจเข้าก่อนลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพร้อมชี้ไม้กายสิทธิ์ไปยังเป้าหมาย ลำแสงพุ่งตรงเข้าเป้าหมายอย่างแม่นยำ ร่างนั้นล้มหงายตึงไปนอนคลุกฝุ่นหนาเตอะบนพื้น


    เธอค่อยๆ ย่างกรายเดินไปมองร่างนั้นเป็นเด็กหนุ่มผิวขาวซีดเซียวผมบลอนด์อ่อน นอนตัวแข็งทื่อ มือข้างหนึ่งกำไม้กายสิทธิ์เอาไว้แน่น ปากเผยอพร้อมตาเบิกกว้าง ดวงตามองตรงมาที่เธอด้วยความประหลาดใจ


    “เดรโกหรือ?!” เฮอร์ไมโอนี่อุทานอย่างแปลกใจ “นายมาทำอะไรที่นี่?


    ดวงตาสีเทาอ่อนกลอกกลิ้งแทนคำตอบ


    “อ้อจริงด้วย” เธอลืมไปว่าเธอเสกคาถาตัวแข็งใส่เขา ไม้กายสิทธิ์ในมือตวัดพร้อมเสียงถอนหายใจของเด็กหนุ่มจากบ้านคู่อริและตามมาด้วยคำถากถางจากเสียงยานๆ


    “เธอกล้าสาปฉันหรือเกรนเจอร์?!” เดรโกถามพลางค่อยๆ ลุกขึ้นยืน


    เฮอร์ไมโอนี่ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ฉันไม่นึกว่าเป็นนาย อีกอย่างไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ฉันไม่กล้าสาปนายแม้แต่เปลี่ยนเป็นตัวเฟเร็ต” เธอพูดเน้นย้ำคำสุดท้ายพร้อมรอยยิ้มหวานปนเปื้อนด้วยความเย็นชาจนเด็กหนุ่มผมบลอนด์ซีดขนลุกชันเบาๆ ทว่าเขากลับกลบเกลื่อนท่าทางนั้นด้วยการแสยะยิ้มตอบพร้อมเอามือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงสีดำสนิท


    “เธอมาทำอะไรที่นี่ในปี 1943 หรือเกรนเจอร์” เดรโก มัลฟอยถาม สีหน้าบ่งบอกว่าเขามีคำถามมากมายเหลือเกิน เฮอร์ไมโอนี่เห็นแบบนั้นแล้วจึงหันกลับไปเสกคาถาล็อกประตู


    “ฉันเองก็อยากจะถามนายเหมือนกัน” เธอพูดพลางหันมาเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มหนึ่งเดียวในห้องเรียนร้างๆ นี่


    “เห็นแก่ความสงสัยของฉันนะเกรนเจอร์ ฉันจะยอมตอบคำถามเธอก่อน” เด็กหนุ่มสกุลมัลฟอยเอ่ยเสียงยานคางพร้อมมุมปากกระดกขึ้นบ่งบอกถึงนิสัยทระนงตนและความภูมิใจในสายเลือดบริสุทธิ์ซึ่งคิดว่าสูงส่งกว่าผู้เกิดจากมักเกิ้ลอย่างเธอ เฮอร์ไมโอนีแค่นเสียง ยิ้มเยาะในใจถึงท่าทางที่ไม่เคยเปลี่ยนของศัตรูคู่อริ


    “ฉันใช้นาฬิกาย้อนเวลาสมบัติที่ตระกูลมัลฟอยเฝ้าสั่งสมมาตลอดพันปี” เขาพูดโดยไม่ลืมหยิบนิสัยโอ้อวดมาสนับสนุนคำพูดตน “มาที่นี่ ห้าสิบปีก่อนและก่อนจอมมารจะเรืองอำนาจ ฉันต้องการจะหยุดผู้ไม่ควรเอ่ยนามก่อนจะทำให้โลกเวทมนต์ต้องตกอยู่ในเงามืด”


    เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะพรืดทันทีที่มัลฟอยพูดจบ “นายน่ะหรือผู้อยากจะหยุดโวลเดอมอร์ในวัยเรียน?!


    เดรโกขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์ เลือดสีโคลนกำลังดูถูกว่าเขาไม่มีความสามารถมากพอจะทำลายจอมมารก่อนเรืองอำนาจได้หรือ


    “เธอมันเป็นคนใจแคบมากเกรนเจอร์” เดรโกเหน็บแหนม “เธอคิดว่าตนเองฉลาดที่สุดหรือไง การที่เธอได้ที่หนึ่งของชั้นเรียนไม่ได้หมายความว่าเธอจะเป็นแม่มดที่ฉลาดที่สุดในโรงเรียนเกรนเจอร์ เทียบกับเจ้าหัวแผลเป็นนั่น เธอเทียบชั้นมันไม่ได้หรอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจอมมาร เธอจะเอาหนังสือเรียนตีหัวผู้ไม่ควรเอ่ยนามหรือ น่าขันนัก!


    เมื่อเด็กหนุ่มผู้เป็นศัตรูของโกลเด้น ทรีโอพูดจบ เฮอร์ไมโอนี่กำมือสองข้างแน่น เล็บจิกลงบนฝ่ามือ ริมฝีปากเม้นแน่น เธอไม่เข้าใจว่าเธอใจแคบตรงไหน ทำไมทั้งเจ้าตัวเฟเร็ตนี่กับเซโนฟิเลียส เลิฟกู้ดก็ว่าเธอแบบนี้


    “ฉันใจแคบตรงไหน” เธอพูดอย่างดื้อรั้นพร้อมเชิดหน้า “ฉันแค่นึกว่าพวกสลิธีรินเป็นทาสรับใช้โวลเดอมอร์กันทุกคนเสียอีก ใครหน้าไหนในสลิธีรินอย่างนายจะกล้าต่อกรกับโวลเดอมอร์ล่ะ”


    เดรโกยืนนิ่งงันด้วยโทสะพุ่งพรวดแผดเผาเขาไปทั่วร่าง จากใบหน้าที่ขาวซีดเสมอมาตอนนี้มันกลับมีสีเลือดวิ่งวนไปทั่วๆ มือสองข้างในกระเป๋ากางเกงกำแน่นพร้อมกรามขบกันจนเกิดเสียงกึกๆ


    “เกรนเจอร์” เขาเอ่ยช้าๆ “เธอใจแคบตรงไหนก็ตรงที่ไม่เคยยอมรับว่าจะมีใครมาเทียบชั้นเธอได้ คิดว่าตัวเองฉลาดที่สุดในโลกเวทมนต์ คิดว่าตัวเองยืนอยู่บนยอดพีระมิดสูงสุดในขณะที่คนอื่นได้แต่ยืนใต้เท้าเธองั้นหรือ แบบนี้เขาไม่เรียกว่าใจแคบเหรอ ด้านวิชาการเธอคงเก่งเกรนเจอร์ทว่าด้านศีลธรรมเธอก็ไม่ได้ดีเด่กว่าฉันหรือพวกสลิธีรินคนอื่นเลยแม้แต่น้อย!” เดรโกตะโกนใส่หน้าเลือดสีโคลนตรงหน้าแทบจะเปลี่ยนเป็นคำราม


    เฮอร์ไมโอนี่ตัวแข็งทื่ออย่างตกตะลึงที่ใครมาพูดข้อเสียของเธอแบบนี้ “นะ นาย กล้าดียังไง?!


    เดรโกคลี่รอยยิ้มเย้ยหยัน “ทำไมฉันจะไม่กล้าเกรนเจอร์ เธอก็เป็นแค่เลือดสีโคลนคนนึง”


    เพียงเสี้ยววินาทีต่อมาที่เด็กหนุ่มผมบลอนด์ซีดเอ่ยจบ ร่างสูงเพรียวทั้งร่างของเขาก็กระเด็นไปชนกับกำแพงด้านหลังที่อีกฟากหนึ่งของห้องเรียนร้างก่อนร่างจะหล่นลงมาบนพื้นจนฝุ่นกระจายท่ามกลางแสงสีส้มยามสนธยา เดรโกไอค่อกแค่กเพราะฝุ่นผงเข้าปากและตา เขายันตัวเองขึ้นจากพื้น ประจันหน้ากับเด็กสาวจากบ้านกริฟฟินดอร์กำลังชี้ไม้กายสิทธิ์ของตนเองมาทางเขาพร้อมมือที่สั่นระริก


    “อย่าได้อย่าได้เอ่ยคำว่าเลือดสีโคลนต่อหน้าฉันเด็ดขาดมัลฟอย!” เธอพูดลอดไรฟันพร้อมดวงตาลุกโชนด้วยความโกรธเกรี้ยวและเธอก็ไม่รอฟังคำทักท้วงหรือคำถางถางอะไรอื่นอีกจากมัลฟอย เธอฟังมามากพอแล้ว!


    +---+

     

    ภายในหอนอนกริฟฟินดอร์ของนักเรียนหญิงปีหก สองสาวผมแดงและดำกำลังช่วยเด็กสาวอีกสองคนผมบลอนด์และน้ำตาลอ่อนแต่งหน้าบางๆ เพื่อลูเซียน่าและเพเนโลพีไปงานเลี้ยงน้ำชาครั้งแรกของปีการศึกษาใหม่สำหรับสโมสรซลักซึ่งจะได้รับเชิญเฉพาะสมาชิกเท่านั้น


    “สวยแล้วล่ะ” เอมิเลียพูดพร้อมหมุนตัวเฮอร์ไมโอนี่ไปมา “เธอว่าไงโคล” เด็กสาวผมดำหันไปถามความเห็นจากเพื่อนสาวผมแดงผู้กำลังปัดแก้มสีขาวซีดให้เป็นสีแดงเปล่งปลั่งของลูเซียน่า เชฟีคค์


    ดาโกต้าหันมาตามเสียงก่อนพยักหน้ายืนยันผลงานของเพื่อนสาวแล้วจึงหันไปทาลิปสติกสีแดงสดให้เพื่อนสาวผมบลอนด์ต่อ ไม่กี่นาทีสองสาวปีหกบ้านกริฟฟินดอร์ก็พร้อมไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชาเล็กๆ ของฮอเรซ ซลักฮอร์นเรียบร้อย ลูเซียน่าและเฮอร์ไมโอนี่หันไปโบกมือลาก่อนออกจากห้องนั่งเล่นรวมกริฟฟินดอร์


    ลูเซียน่าจับแขนเฮอร์ไมโอนี่เอาไว้แทบจะตลอดทางไปยังห้องพักของศาสตราจารย์สอนวิชาปรุงยาในยุคสมัยนี้และหล่อนเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอีกเมื่อดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว หากไปไม่ทันตามเวลานัดหมายนั้นถือว่าเป็นเรื่องเสียมารยาทเพราะฉะนั้นลูเซียน่าจะแทบจะวิ่งไปให้ถึงห้องให้ทันเวลาหกโมงเย็น เฮอร์ไมโอนี่ตามไปติดๆ ตามแรงดึงจากแขน


    จนกระทั่งทั้งคู่มาหยุดหน้าประตูไม้บานหนึ่ง เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังผ่านลอดประตูออกมา ลูเซียน่าเคาะประตูก่อนเปิดประตูเข้ามาไม่ลืมลากเฮอร์ไมโอนี่ตามมาด้วย ภาพตรงหน้าคือผู้คนนั่งล้อมรอบโต๊ะกลมโดยมีซลักฮอร์นนั่งอยู่หัวโต๊ะพร้อมนักเรียนจากบ้านทั้งสี่และส่วนใหญ่มากจากปีหกหรือเจ็ด ทุกคนล้วนใส่ชุดสูทไม่ก็ชุดราตรีหรูหรา เมื่อเฮอร์ไมโอนี่หันกลับมามองชุดของตนเอง มันเป็นเพียงชุดสีแดงเรียบๆ ไม่มีลวดลายหรืออะไรประดับเลยแม้แต่น้อย ทีนี้เธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมลูเซียน่าจึงเลือกชุดที่ดูค่อนข้างหรูหราเพราะเพื่อไม่ให้น้อยหน้านักเรียนบ้านอื่นนี่เอง โดยเฉพาะจากพวกสลิธีริน


    “อ้า! มาทันเวลาเสิร์ฟน้ำชาพอดี เข้ามานั่งสิคุณเชฟีคค์ คุณเคลียร์วอเตอร์ ข้างหนุ่มๆ สลิธีรินนั่นล่ะ” ฮอเรซพูดพร้อมผายมือไปทางที่นั่งสองที่กำลังว่างอยู่ซึ่งอยู่ติดกับทอม ริดเดิ้ลในขณะที่พวกที่นั่งตรงข้ามคือพวกผู้เสพความตายในอนาคต นักเรียนชายบ้านกริฟฟินดอร์มีเพียงเอไรออน วีสลี่ย์เท่านั้นที่เป็นสมาชิก เขานั่งตรงข้ามสองสาวเยื้องไปทางขวา ข้างนักเรียนชายบ้านเรเวนคลอซึ่งคั่นระหว่างวีสลี่ย์กับเลสแตรงค์เอาไว้


    ลูเซียน่าเข้านั่งคั่นระหว่างเธอกับทอม นั่นทำให้เฮอร์ไมโอนี่ต้องขอบคุณหล่อนในใจ เพื่อนสาวคนนี้ดูจะรู้ใจเธอเสมอ เวลานี้เธอยังไม่พร้อมจะนั่งใกล้โวลเดอมอร์แต่อย่างใด ทั้งยังไม่ลืมเรื่องการเผชิญหน้าระหว่างเธอกับเขา ภาพความทรงจำพวกนั้นผุดขึ้นมาราวดอกเห็ดเพียงแค่เห็นหน้าตัวต้นเหตุและหัวใจเธอรู้สึกเดือดดาลแปลกๆ เมื่อเห็นว่าว่าที่โวลเดอมอร์แสดงสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่แยแสเลยว่าเขาทำให้เธอต้องปวดใจแค่ไหนเมื่อยามบ่ายที่ผ่านของวันนี้


    เฮอร์ไมโอนี่เก็บสายตาที่เหลือบมองเด็กหนุ่มผมสีดำสนิทๆ เพียงส่งยิ้มให้ซลักฮอร์นอย่างประจบประแจงก่อนเลื่อนสายตามองผู้ที่นั่งตรงข้าม เด็กหนุ่มผมบลอนด์ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับลูเซียน่าส่งยิ้มเย็นชาพร้อมดวงตาที่มีแต่คำว่ารังเกียจในนั้นมาให้ เธอยิ้มหวานตอบไม่ยอมแพ้


    ฮอเรซ ซลักฮอร์นยืนขึ้น คนอื่นๆ ลุกตาม ลูเซียน่าฉุดมือเฮอร์ไมโอนี่ลุกด้วย ชายวัยกลางคนยกแก้วบรรจุน้ำชาขาวสูงเหนือศีรษะตนเองก่อนกล่าวเปิดงานเลี้ยงเล็กๆ ร่ายยาวไปเรื่อยๆ กล่าวคำอวยพรนู่นนี่นั่นจนนักเรียนเริ่มกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย หลายนาทีต่อมาอาจารย์สอนวิชาปรุงยาในห้าสิบปีก่อนกล่าวเปิดงานจนจบแล้วจึงนั่งลง นักเรียนทุกคนนั่งลงตาม


    ก่อนจะมีบริกรซึ่งนั่นก็คือนักเรียนภายในฮอกวอตผู้ไม่ได้เป็นสมาชิกมาคอยเสิร์ฟอาหารคาวและน้ำชาขาวให้ ระหว่างทานอาหารฮอเรซชวนคนนั้นคนนี้คุยถึงเรื่องมากมายและงานในกระทรวงของผู้ปกครองของนักเรียนในนี้ เฮอร์ไมโอนี่เพียงนั่งทานอาหารเงียบๆ ฟังบ้างไม่ฟังบ้างเวลานักเรียนคนใดโดนถามและเล่าเรื่องราวต่างๆ


    ขณะเขี่ยอาหารในจานไปมาโดยไม่รู้ตัว จู่ๆ ลูเซียน่าก็ใช้ศอกถองเข้าที่เอวเธอเบาๆ เรียกความสนใจจากเฮอร์ไมโอนี่ เมื่อเธอหันมองเพื่อนสาวผมบลอนด์ก็ต้องพบกับสายตาอีกหลายคู่กำลังมองมาทางเธอไม่เว้นแม้แต่ทอม ริดเดิ้ลซึ่งใช้ดวงตาสีดำสนิทปรายตาใส่อย่างเย็นชา


    “แหม คุณเหม่อลอยอีกแล้วคุณเคลียร์วอเตอร์กำลังคิดถึงใครอยู่หรือ” ซลักฮอร์นกล่าวล้อเลียนพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย


    เฮอร์ไมโอนี่กำลังอ้าปากตอบทว่าเสียงยังไม่ทันได้เปล่งออกไป เสียงยานคางคล้ายเสียงเดรโกกลับเอ่ยแทรกเสียก่อน “คงกำลังคิดถึงครอบครัวมักเกิ้ลของตนเองอยู่ล่ะมั้ง!” คอว์ริส มัลฟอยถากถางตามด้วยเสียงหัวเราะเย้ยหยันจากนักเรียนบ้านสลิธีรินทุกคนยกเว้นทอมผู้เพียงแต่เก็บสายตาตนเองกลับไปมองอาหารในจานตรงหน้า


    “ไม่เอาน่าคุณมัลฟอย” ซลักฮอร์นเตือนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล นี่ล่ะคือข้อดีของฮอเรซแม้ว่าเขาจะมาจากครอบครัวเลือดบริสุทธิ์ทว่าเขากลับไม่ได้คลั่งไคล้จนบ้าเลือดเหมือนเลือดบริสุทธิ์บางคนในนี้ “เอาล่ะ เมื่อสักครู่ผมเพิ่งถามคุณไปว่าเรื่องราวของคุณมีความเป็นมาอย่างไรบ้าง ทำไมคุณถึงย้ายโรงเรียนมาจากโบซ์บาตงมาเรียนที่ฮอกวอตหรือ คุณเป็นนักเรียนใหม่ หลายคนในนี้คงอยากฟังเรื่องราวของคุณ”


    “ไม่รวมพวกเราแน่!” มัลฟอยพูดแทรกอีกครั้งก่อนส่งสายตารังเกียจให้เธอพร้อมรอยยิ้มสนับสนุนจากคนอื่นๆ ในกลุ่มของเขา


    “คุณมัลฟอย” ซลักฮอร์นเอ่ย ส่ายหน้าช้าๆ ไปมาอย่างไม่เห็นด้วย “อย่าทำลายบรรยากาศยามค่ำคืนดีๆ เช่นนี้” เอไรออน วีสลี่ย์ยิ้มเยาะรวมถึงลูเซียน่าด้วย


    เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกว้างให้ศาสตราจารย์ปรุงยาก่อนเอ่ยเล่าเรื่องราวของตนเองซึ่งปั้นแต่งขึ้นมาโดยเธอเริ่มเรื่องแบบเดียวกันกับที่เคยเล่าให้ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ฟังประมาณว่าปู่ของเธอเคยเรียนที่ฮอกวอตมาก่อน พอเรียนจบจึงจะย้ายไปอาศัยอยู่ที่ฝรั่งเศสแต่งงานกับแม่มดผู้เกิดจากมักเกิ้ลชาวฝรั่งเศสที่นั่นต่อมาพ่อของเธอก็อาศัยและเรียนอยู่ที่นั่นเลยและได้กลับมาเที่ยวประเทศอังกฤษบ้านเกิดของปู่เธอแล้วได้พบรักกับแม่ของเธอซึ่งเป็นมักเกิ้ลก่อนทั้งคู่จะย้ายไปอาศัยอยู่ที่ฝรั่งเศสด้วยกันและมีเธอ


    เพเนโลพี เคลียร์วอเตอร์ซึ่งเกิดและเติบโตที่นั่นมาตลอดหลายปี เพิ่งย้ายกลับมาที่อังกฤษก่อนฮอกวอตเปิดการศึกษาใหม่เพียงสามวันหลังจากแม่เสียชีวิตไปด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลันของมักเกิ้ลก่อนจะเล่าต่อนักเรียนหญิงบ้านเรเวนคลอคนหนึ่งถามถึงโรคนี้อย่างสนอกสนใจเพราะหล่อนคือเลือดบริสุทธิ์


    “แล้วฝรั่งเศสเป็นอย่างไรบ้างสวยงามเหมือนกับอังกฤษไหม” ซลักฮอร์นถามต่อท่าทางตื่นเต้น


    เธอพยักหน้า “เหมือนกันเลยค่ะแม้ว่าฉันจะไม่เคยอาศัยอยู่ที่อังกฤษมาก่อนทว่าที่นี่ก็เหมือนบ้านของฉันมากค่ะ ยกเว้นเรื่องที่นี่ฝนตกบ่อยมาก” ในประโยคสุดท้ายของเธอสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากอาจารย์สอนวิชาปรุงยาและเพื่อนนักเรียนคนอื่นแน่นอนยกเว้นบ้านสลิธีรินเหมือนเดิมซึ่งส่วนใหญ่นั่งเท้าคางเหม่อลอยหรือไม่ก็มองเล็บตนเอง ไม่ใส่ใจเธอสักนิดซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่สนใจอยู่แล้ว


    “ฉันเห็นด้วยเพเนโลพี” นักเรียนหญิงบ้านฮัฟเฟิลพัฟปีหกคนหนึ่งผู้เรียนวิชาอักษรูณโบราณชั้นเดียวกับเธอพูดสนับสนุน “ถ้าใครไม่พกร่มล่ะก็คงเปียกกันทุกวันเลยล่ะ” หล่อนกล่าวต่อก่อนส่งยิ้มเป็นมิตรให้


    ซลักฮอร์นหัวเราะอีกหลังจากได้ฟังประโยคนั้นจากนักเรียนคนนั้น “คุณมอร์แกนพูดถูก”


    ต่อจากนั้นซลักฮอร์นไม่ลืมชวนคนอื่นคุยอีกโดยคราวนี้หันความสนใจไปหาพวกบ้านสลิธีรินจากทั้งชายและหญิงไม่ลืมถามเอเวอรี่กับลูเซียน่าด้วยถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลซึ่งเกี่ยวดองกัน เพราะเหตุนี้เฮอร์ไมโอนี่จึงได้รู้ว่าพ่อของลูเซียน่าหรือผู้สืบสกุลเชฟีคค์เป็นน้องชายของแม่ผู้แต่งงานเข้าตระกูลเอเวอรี่ของเด็กหนุ่มผมบลอนด์คนนี้


    สองหนุ่มสาวตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง สายตาที่ประสานกันก็มีสายฟ้าที่มองไม่เห็นคั่นระหว่างทั้งคู่ ฮอเรซถามถึงงานในกระทรวงปริศนาซึ่งพ่อของลูเซียน่าทำงานอยู่ที่นั่นทว่าลูกลับไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับงานของพ่อตนเองเสียเท่าไร ซลักฮอร์นจึงหมดความสนใจในตัวหล่อนทันที เขาหันไปหานักเรียนคนโปรดแทน


    “แล้วเธอล่ะทอม วันปิดเทอมฤดูร้อนเป็นอย่างไรบ้าง” เขาถามเด็กหนุ่มผมดำสนิทผู้เงียบงันมาตลอดทุกบทสนทนาต่างๆ นั่นก็เพราะเขากำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดเกี่ยวกับเพเนโลพี เคลียร์วอเตอร์อยู่น่ะสิ


    ทอมระบายยิ้มทรงเสน่ห์ “มีเวลาว่างมากมายให้ผมอ่านหนังสือครับศาสตราจารย์” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและราบเรียบไร้ความรู้สึก อาจารย์สอนวิชาปรุงยาพยักหน้าหงึกหงักตามคำเล่าของนักเรียนคนโปรด


    “ทอมเธอเป็นที่หนึ่งของชั้นเรียนทุกวิชามาเสมอ ฉันไม่คิดว่าเธอควรหักโหมอ่านหนังสือเรียนมากเกินไปนะ” ชายวัยกลางคนพูดด้วยความหวังดี


    “ขอบคุณครับศาสตราจารย์ ผมจะจดจำเอาไว้” ว่าที่โวลเดอมอร์เอ่ยโดยไม่ลืมรอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่สามารถพิชิตใจนักเรียนหญิงมากมายในนี้ได้เป็นอย่างดี เอไรออน ลูเซียน่าและกริฟฟินดอร์คนอื่นๆ ในที่นี้ย่นจมูกไม่พอใจที่คนอื่นๆ มองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของทอม ริดเดิ้ลซึ่งซ่อนอยู่ใต้รอยยิ้มจอมปลอมนั่น


    ซลักฮอร์นยิ้มก่อนหันความสนใจไปหาคนอื่นๆ บ้างๆ ที่ยังไม่ได้ถาม บทสนทนาก็เริ่มวนซ้ำแบบเดิมๆ ไปเรื่อยๆ แต่ล่ะคนก็เล่าเรื่องของตนเอง ส่วนทอมนั้นตอนนี้ในสมองของเขากลับไม่มีที่ว่างให้เรื่องอื่นเลยแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้เขากำลังคิดถึงเรื่องที่เคลียร์วอเตอร์เล่าเมื่อไม่นานมานี้


    หล่อนเพิ่งย้ายกลับมาประเทศอังกฤษแค่สามวันก่อนฮอกวอตเปิดการศึกษา ถ้าอย่างนั้นแล้ว ทำไมเพเนโลพีจึงพูดภาษาอังกฤษได้โดยไม่ติดสำเนียงเลยแม้แต่น้อย ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ตาม ถ้าหากเรื่องที่เล่าออกมาเป็นความจริงเพเนโลพีไม่มีวันพูดภาษาอังกฤษได้ชัดเจนคล่องแคล่วแบบนั้นแน่นอน


    หึ! ทอมแค่นเสียงในใจ แท้จริงแล้วเธอเป็นใครกันแน่เพเนโลพี เคลียร์วอเตอร์!


    *Talking*

    ในที่สุดพระรองของเราก็ได้มีบทบาทกับเขาซะทีหลังจากผ่านมาห้าตอน 555 เราอยากชี้แจงว่าที่เราเขียนให้เดรโกพูดถึงข้อเสียของหนูเฮอร์เพราะไม่อยากให้นางเอกของเราดูสมบูรณ์แบบเกินไปค่ะเพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย อีกอย่างเราเคยอ่านหนังสือเล่มหกและรู้ได้ว่าตอนนั้นเราไม่ชอบเฮอร์ไมโอนี่แบบนั้นเลยก็เลยคิดว่าเอาข้อเสียมาเขียนบ้างคงดี นางเอกของเราจะได้ไม่เพอร์เฟ็คเกิ๊น

    ขอบคุณทุกคอมเม้น กำลังใจและนักอ่านทุกท่านค่ะ ขอให้สนุกกับนิยาย ช่วงนี้อาจหายไปนานเพราะใกล้สอบมิดเทอมแล้วจ้า อยากจิร้องไห้จริงๆ 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×