ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (จบ) [Fic Tom x Hermione] My demon รักชั่วนิรันดร์...ปีศาจของฉัน

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นเรื่องราวความรัก

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 63



    ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรัก


    เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ รอนและแฮร์รี่ถูกพวกนักต้อนจับแล้วยังถูกพาไปยังคฤหาสน์มัลฟอย เธอถูกเบลลาทริกส์ เลสแตรงจ์ หญิงผู้เสพความตาย ผู้ที่ฆ่าพ่อทูนหัวของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ทรมานด้วยคำสาปกรีดแทง เธอพยายามกลั้นเอาไว้ทุกครั้งไม่ให้กรีดร้องขณะถูกทรมาน เดรโก มัลฟอยเพื่อนรุ่นเดียวกันเพียงเบือนหน้าหนีราวกับไม่ต้องการเห็นเลือดสีโคลนที่เกลียดนักเกลียดหนาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างที่ตนมักจะทำเสมอเมื่อสมัยยังเด็ก


    ขณะที่นอนอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรง เธอเห็นเพื่อนรักทั้งสองพุ่งตัวออกมาจากบันไดชั้นใต้ดินเข้าแย่งไม้กายสิทธิ์มาจากเดรโกและปะทะกันกับเดรโกและนาร์ซิลซา เมื่อฝ่ายสองแม่ลูกกำลังเสียท่าให้เพื่อนรักของเธอ เบลลาทริกซ์ได้โอกาสดึงร่างของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นพร้อมกับจ่อมีดทีลำคอขาวระหง ทั้งแฮร์รี่และรอนต่างพากันหยุดต่อสู้


    “ลูเซียส เรียกนายท่านมา!” เบลลาทริกซ์ตะโกน “ถ้าพวกแกกล้าทำอะไร ฉันจะฆ่ายัยเลือดสีโคลนคนนี้ทิ้งทันที ได้ยินไหม!”


    “พวกคุณจะต้องไม่ทำร้ายแฮร์รี่ พอตเตอร์และเพื่อนๆ ด๊อบบี้ยอมไม่ได้” เสียงแหลมเล็กของเอลฟ์ผู้เป็นไทดังขึ้นก่อนจะที่ร่างเล็กๆ ตาโต หูกางจะโผล่ขึ้นมาตรงหน้าแฮร์รี่และรอน พร้อมกับดีดนิ้ว ทุกร่างของผู้เสพความตายในบริเวณนั้นกระเด็นออกไปจากตำแหน่งเดิมทันที แม้แต่ร่างของเบลลาทริกซ์เองก็ยังผละออกจากตัวเฮอร์ไมโอนี่ไปกระแทกผนังด้านหลัง


    เฮอร์ไมโอนี่ได้โอกาส พยายามใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่ตนเองมีในตอนนี้ พาร่างของตนเองไปหาเพื่อนรักทั้งสอง ทั้งรอนและแฮร์รี่ต่างเอื้อมมือออกมากันคนละข้างคว้าแขนของเฮอร์ไมโอนี่เอาไว้     ด๊อบบี้จ้องมองผลงานของตนเองอย่างพึงพอใจเพียงชั่วครู่ ก่อนจะรีบวิ่งมาหาผู้ที่ปลดตนเป็นไท ด๊อบบี้จับมือของแฮร์รี่เอาไว้ข้างหนึ่งพร้อมกับหายไปตัวอย่างรวดเร็วแต่ไม่เร็วพอจนทันได้ยินเสียงเยือกเย็นและทรงอำนาจของโวลเดอมอร์ พร้อมกับลำแสงสีเขียวของคำสาปพิฆาตตรงมายังกลุ่มพวกเขา แล้วพวกเขาทั้งหมดก็หายตัวไปพร้อมกับลำแสงสีเขียว


    คนฉลาดอย่างลอร์ดโวลเดอมอร์รู้ว่าการเสกคาถาพิฆาตเข้าไปด้วยเวลากะทันหัน พร้อมกับที่พวกมันหายตัวไปด้วยไม่อาจเข้าตรงตามเป้าหมายได้ อย่างมากอาจจะโดนแค่หนึ่งในเพื่อนของพอตเตอร์เท่านั้น เขาจ้องมองตรงจุดที่เคยมีเป้าหมายของเขายืนอยู่ด้วยสายตาเรียบเฉยก่อนจะตวัดสายตาดุดันมายังลูกน้องของตน พร้อมกับพูดเสียงเยือกเย็น


    “พวกแกปล่อยพอตเตอร์หนีไป! ไอ้พวกไร้น้ำยา!”


    “นายท่าน โปรดอภัย นายท่าน” ลูเซียสร้องวิงวอน ขณะพยายามพยุงร่างของตนขึ้นจากพื้น


    “โธ่ ลูเซียสข้าให้อภัยเจ้า” โวลเดอมอร์หยุด ลูเซียสเริ่มเผยรอยยิ้มโล่งอกบนใบหน้า “ข้าจะให้อภัยเจ้าก็ต่อเมื่อ เจ้าไปลากคอเจ้าพอตเตอร์กับเพื่อนของมันอีกสองคนมาให้ข้าได้เท่านั้น! ถ้าลากคอมันมาไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้า ถ้ากลับมามือเปล่า ข้าจะฆ่าเจ้า!!”


    ลูเซียส นาร์ซิลซาและเบลลาทริกส์ ต่างคนต่างรีบตาหลีตาเหลือกหายตัวออกไปจากคฤหาสน์มัลฟอยเพื่อตามล่าพอตเตอร์กับเพื่อน เพราะความกลัวตายของตน ส่วนเดรโก มัลฟอยซึ่งหลบหน้าออกไปตั้งแต่ลอร์ดโวลเดอมอร์กำลังวุ่นอยู่กับเสกคำสาปพิฆาตใส่พวกพอตเตอร์เพียงจ้องมองตรงจุดที่เลือดสีโคลนเกรนเจอร์เคยนอนอยู่บนพื้นก่อนจะเลื่อนสายตาไปจุดที่พวกพอตเตอร์หายตัวไป


    เขาอาศัยจังหวะที่ลอร์ดโวลเดอมอร์ตามตัวผู้เสพความตายคนอื่นมาที่นี่ ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์คุกเข่าสั่นงันหงกอยู่ตรงหน้าเจ้าแห่งศาสตร์มืด เดรโกวิ่งไปยังห้องลับของคฤหาสน์เพื่อไปเอาของสิ่งหนึ่งมาจากห้องนั้น ของที่หลายคนหรือพวกกระทรวงคิดว่าไม่มีพ่อมดแม่มดคนไหนได้ครอบครองมันอีกแล้ว


    +---+

     

    เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่และรอนถูกด๊อบบี้พามาที่กระท่อมเปลือกหอยของบิลกับเฟลอร์แล้ว แฮร์รี่ต้องเจอกับความสูญเสียของเอลฟ์ด๊อบบี้ ผู้ที่เขาเคยปล่อยให้เป็นไทโดยการให้ถุงเท้าข้างหนึ่งใส่ไว้ในสมุดบันทึกของทอม ริดเดิ้ลแล้วให้มัลฟอยส่งมอบให้เอลฟ์ เขากอดร่างของเอลฟ์ซึ่งไร้สัญญาณชีวิตเอาไว้นิ่งพร้อมสะอื้นไห้ ดวงตาของเอลฟ์เบิกโพลงไร้ความรู้สึกมีแต่ความว่างเปล่าสะท้อนออกมาจากดวงตาคู่โต


    เฮอร์ไมโอนี่และรอนต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญาที่จะช่วย เธอไม่อาจทนเห็นเพื่อนรักของเธอสูญเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว เธอคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยให้คนบริสุทธิ์ไม่ต้องตาย ในหัวของเธอคิดถึงแผนการมากมายและคิดได้อย่างเดียวคือการย้อนเวลากลับไปขัดขวางทอม ทำแบบนั้นจะสามารถช่วยผู้บริสุทธิ์ได้มากกว่าที่คิดแต่เธอต้องวางแผนเสียก่อนจะย้อนเวลา


    เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นจากพื้นตรงไปหาเพื่อนรัก มือกดลงบ่าของแฮร์รี่ “เรามาช่วยกันฝังเขาเถอะ”


    “ไม่ใช้เวทมนต์นะ” เขาพูดเสียงหม่น


    เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า “ได้เลย เราจะช่วยกันฝังเขา ไม่ใช้เวทมนต์”


    +---+

     

    เมื่อสามเกลอช่วยกันฝังด๊อบบี้แล้ว เวลาก็ล่วงเลยไปยามสายัณห์ ดวงอาทิตย์ยังทอแสงเล็กๆ ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนตัวลับไป สามเกลอเดินกลับเข้าบ้านเปลือกหอยพร้อมกันด้วยอารมณ์หม่นหมอง



    เฟลอร์ เดอลากูร์ยกข้าวต้มร้อนๆ สามถ้วยให้สามสหายและส่งจานเนื้อแกะกึ่งดิบกึ่งสุกให้บิล เธอนั่งลงข้างสามีตนเอง


    “กินหน่อยเถอะนะ ทุกคน” เธอว่าติดสำเนียงฝรั่งเศส “เราทั้งคู่เสียใจด้วยนะ แอร์รี่*


    เฮอร์ไมโอนี่เหลือบมองแฮร์รี่ขณะเหลือบมองเฟลอร์ ผู้หญิงคนนี้เธอเคยไม่ชอบหน้ามาก่อนแต่ตอนนี้ดูท่าแล้วอาจจะขอความช่วยเหลือจากเธอเสียแล้วเพราะว่าตอนนี้เธอมีแผนบางอย่างอยู่ในใจแล้วล่ะ ถึงแม้จะไม่ใช่แผนในระยะยาวแต่ก็อาจเป็นวิธีที่จะเข้าไปในฮอกวอตโดยที่ไม่มีใครติดใจสงสัยอะไร อีกอย่างเท่าที่เคยฟังจากแฮร์รี่เล่า ศาสตราจารย์ดิพพิทผู้ที่เคยเป็นอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตเมื่อห้าสิบปีก่อนนั้นมักจะถูกทอมหลอกใช้มาตลอด


    แผนที่เธอคิดเอาไว้เองก็น่าจะหลอกอมานโดได้เช่นกัน


    ทั้แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่นั้นแทบไม่แตะอาหาร ส่วนรอนแม้จะรู้แย่แต่ก็ยังทานจนหมดชาม สามเกลอแยกกันพักผ่อนในที่ๆ เฟลอร์จัดเตรียมเอาไว้ให้ แฮร์รี่เข้าไปคุยกับโอลิแวนเดอร์ถึงเรื่องไม้กายสิทธิ์ของเบลลาทริกซ์และเดรโก


    ชายชรากล่าวว่ารู้สึกถึงความภักดีที่เปลี่ยนไปจากไม้ของเดรโกและบอกว่าไม้กายสิทธ์เลือกพ่อมด เฮอร์ไมโอนี่นึกสงสัยอยู่อย่างคือ ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ ถ้าหากมันมีจริงล่ะก็ ตอนนี้มันกำลังรับใช้ใครนะ แฮร์รี่ถามต่ออีกสองสามคำถามก่อนลาออกมาให้ชายชราได้พักผ่อน สามเกลอยืนคุยกันอยู่หน้าห้องของก๊อบลิน


    “เธอเอาอันนี้ไปเถอะ” แฮร์รี่ว่าพลางยื่นไม้กายสิทธิ์ของเดรโกให้เธอ


    “ทำไมล่ะ เธอต้องการมันมากกว่าฉันนะ”


    “ฉันไม่อยากให้มันภักดีกับฉับ ถึงยังไงมันก็เป็นไม้ของเดรโก ฉันไม่อยากให้มันรับใช้ฉัน”


    “แฮร์รี่ เธอคิดดีแล้วหรือไง”


    “ฉันจะใช้อันนี้” เขาว่าพลางชูไม้กายสิทธิ์ของพวกนักต้อนที่รอนยึดไว้ขึ้นมา


    เธอชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจรับไม้นั้นมาอยู่ในมือพร้อมสัมผัสอย่างหนึ่งที่แปลกไป มันดูเบาราวกับขนนก จับค่อนข้างถนัดมือ ดูเหมือนกำลังดีใจอะไรสักอย่าง ดวงตาสีน้ำตาลของเฮอร์ไมโอนี่สบกับดวงตาสีดำสนิทของเพื่อนรัก ทั้งสองเข้าใจความหมายที่สื่อสารผ่านสายตา


    “พวกเธอสองคนเข้าไปดูเจ้าก๊อบลินนั่นก่อนเถอะ ฉันมีเรื่องบางอย่างอยากคุยกับเฟลอร์น่ะ”


    “นึกว่าเธอไม่ชอบเขาซะอีก” รอนโพล่ง


    “แบบผู้หญิง” เธอตอบ สองหนุ่มมองตากันแล้วพากันเข้าไปในห้อง


    ส่วนอีกหนึ่งสาวเดินลงไปยังชั้นล่างสุด พบเฟลอร์กำลังเช็ดจานแต่ล่ะใบอย่างช้าๆ ดวงตาเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าสีเทาพร้อมสายฟ้าแลบแปลบปลาบ


    เฮอร์ไมโอนี่กระแอม หล่อนสะดุ้ง ผมสีบลอนด์สะบัดไปอีกทางขณะหมุนศีรษะมาทางเธอพร้อมยิ้ม


    “ไง เออร์ไมโอนี่” เฟลอร์ทักทายยังคงติดสำเนียงบ้านเกิด


    “ขอบคุณนะคะ” เธอว่า “เรื่องที่ให้เราพักอยู่ที่นี่พร้อมคนที่พวกผู้เสพความตายต้องการตัว มันทำให้พวกคุณกลายเป็นเป้าจากคนพวกนั้น ทำให้พวกคุณเป็นอันตราย”


    สาวผมบลอนด์ตรงหน้ายังยิ้มอยู่ หล่อนหยุดงานในมือ เข้ามาจับมือเธอพามานั่งลงบนโซฟา เธอส่ายหน้าๆ เบาๆ


    “ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกนะ ฉันกับบิลยินดีช่วยพวกเธอ” น่าแปลกทุกคำที่หล่อนพูดออกมากลับทำให้หัวใจดูอบอุ่นขึ้นมาบ้างราวกับว่าครอบครัววีสลี่ย์คือครอบครัวของเธอเช่นเดียวกันกับพ่อแม่ในโลกมักเกิ้ลที่เธอลบความทรงจำพวกเขา


    น้ำใสๆ เอ่อล้นขอบตาเฮอร์ไมโอนี่ เฟลอร์เห็นเช่นนั้นจึงยื่นมือออกไปปาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนเหมือนแม่ นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เจอกับพวกเขา บางทีเธออาจไม่ได้พบพวกเขาอีก พวกเขาอาจลืมว่าบนโลกใบนี้ เธอเคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา  


    เฮอร์ไมโอนี่กุมมือบางๆ ทว่าหยาบกระด้างของเฟลอร์แน่นขึ้นพลางเอ่ย


    “ฉันต้องการให้คุณช่วยและเรื่องนี้ฉันไม่อยากให้คนอื่นรู้นอกจากคุณ”


    สีหน้าของเฟลอร์เปลี่ยนไป “ฉันหรือ” เธอถามอย่างไม่แน่ใจนัก


    เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าอีกครั้ง “ใช่แล้ว ฉันอยากได้ตราโรงเรียนโบซ์บาตงค่ะ คุณช่วยหาให้หน่อยได้ไหมคะ ขอร้องล่ะ”


    “ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเธอต้องการไปทำอะไรแต่ว่าโชคดีนะ ฉันยังเก็บจดหมายจากน้องสาวฉันเอาไว้เกเบรียลน่ะ เธอยังจำได้ไหม” หล่อนถามพร้อมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ๊กแก็ตสีน้ำเงินไร้ลวดลายที่สวมอยู่


    “จำได้สิ คนที่แฮร์รี่ช่วยขึ้นมาจากน้ำพร้อมรอน” เธอตอบขณะระลึกย้อนไปขณะเรียนอยู่ปีสี่ที่ฮอกวอต อะไรหลายๆ อย่างดูสนุกสนานมาก ชีวิตในวันเก่าๆ ภาพที่ทะเลาะกับรอน เต้นรำกับวิคเตอร์ ครัม เสียงสาวๆ กรี๊ดใส่ครัมในห้องสมุดที่เธอกำลังอ่านหนังสืออยู่หรือเรื่องเศร้าๆ ตอนที่เซดริก ดิกกอรี่ตายเพราะโวลเดอมอร์ แม้เขาจะมาจากบ้านฮัฟเพิลพัฟที่หลายคนบอกว่าเป็นแหล่งรวมของเด็กที่ไม่ได้โดดเด่นทว่าจากที่แฮร์รี่เล่าให้ฟังในวันนั้นก่อนปิดภาคเรียน 


    เฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นว่าแม้จะมาจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟแต่จิตใจเขากลับกล้าหาญได้พอกันกับนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ หากเธอหยุดโวลเดอมอร์ได้ บางที...เซดริกอาจยังมีชีวิตอยู่ต่อจากอายุสิบเจ็ดหรืออาจจะจนแก่เฒ่า เธอจะหยุดเรื่องนี้ให้ได้


    “เขาแนบจดหมายจากมาดามมักซีมมาด้วย ถึงฉันจะจบจากโรงเรียนมาได้สามปีแล้วแต่ช่วงหลังๆ ยังคงติดต่อกับมาดามมักซีมอยู่บ้าง เขามาจะส่งจดหมายพร้อมด้วยตราโรงเรียนบนจดหมายมาด้วยน่ะ” เฟลอร์กล่าวพร้อมฉีกกระดาษเหลืองๆ ส่วนของตรายื่นให้เฮอร์ไมโอนี่


    เธอยื่นมือไปรับเอาไว้แต่ทว่ายังทำท่ามีเรื่องจะพูด เฟลอร์สังเกตเห็นท่าทางจึงต้องเอ่ยปากถามอีกครั้ง “อยากได้อะไรอีกงั้นหรือ”


    “ถ้าไม่รบกวนมากกว่านี้ ฉันอยากได้ลายเซ็นของมาดามมักซีมด้วยน่ะค่ะ”


    เฟลอร์พินิจพิเคราะห์คำขอของเฮอร์ไมโอนี่ หล่อนฉีกกระดาษส่วนนั้นออกมาด้วยพลางยื่นให้ทว่าไม่ได้กล่าวว่าอะไรแต่อย่างใด


    “ขอบคุณมากค่ะ” เธอว่า


    เฟลอร์ยิ้มให้อีกครั้ง “ฉันสงสัยจริงๆ ว่าเธอจะอยากได้พวกมันไปทำไมแต่ไม่เป็นไร เธอไม่จำเป็นต้องตอบฉันหรอก”


    เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นยืน สาวผมบลอนด์ลุกขึ้นตาม ท่าทางอยากจะสวมกอดเธอทว่าไม่แน่ใจในเรื่องนั้นสักเท่าใดนัก เธอจึงเป็นฝ่ายก้าวไปหาและสวมกอดหล่อนเอาไว้ หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่มีวันทำเช่นนี้ทว่าเธอได้รับความช่วยเหลือมากมายจากผู้หญิงคนนี้ ไม่มีสาเหตุใดจะต้องเกลียดหล่อน ที่ผ่านมาเธอช่างอคติเกินไปเสียจริงๆ แค่เพียงเพราะจินนี่บ่นกรอกใส่หู เธอจึงพาลไม่ชอบเฟลอร์มาด้วย


    วันนี้เธอรู้แล้วว่าเธอนิสัยเสียอย่างไรและพลาดอะไรไปบ้าง


    สองสาวผละออกจากกัน เฮอร์ไมโอนี่กล่าวขอบคุณเฟลอร์อีกครั้งก่อนกลับเข้าห้องที่เฟลอร์เตรียมเอาไว้ให้ เธอนั่งลงบนเตียงเล็กๆ หลังหนึ่งซึ่งดูเหมือนเป็นเตียงสำหรับเด็ก หยิบกระดาษสองสามแผ่นออกมาลงมือจุ่มน้ำหมึกเขียนตัวอักษรแล้วอักษรเล่าลงบนกระดาษ เขียนเรื่องราวทั้งหมดในใจหากเธอไม่ได้กลับมา


    ทันทีที่เขียนเสร็จ เธอปิดผนึกจดหมายเอาไว้ค่อยๆ ย่องเดินเข้าไปในห้องที่เพื่อนรักทั้งสองนอนอยู่ วางจดหมายนั่นลงบนโต๊ะเตี้ยข้างเตียง กล่าวลาทั้งสองคนในใจก่อนจะกลับเข้าห้องตนเอง ตระเตรียมอย่างอื่นให้แน่ใจว่า ของทุกอย่างที่ต้องใช้ยังอยู่ครบอย่างปลอดภัย


    เมื่อแน่ใจทุกอย่างเรียบร้อย จึงจัดการหยิบนาฬิกาย้อนเวลาที่ศาสตราจารย์มักกอลนากัลให้เอาไว้ตอนปีสาม เธอหมุนมันไว้ในมือ พินิจดูอย่างละเอียด สงสัยมาตลอดว่าอะไรคือกลไกของมัน ทรายในนั้นดูลดลงไปมากหลังที่เธอใช้ตอนล่าสุดเพื่อเข้าเรียนให้ครบทุกวิชาในปีสาม


    เธอลุกขึ้นไม่ลืมหยิบกระเป๋าสะพายสีแดงคล้องเอาไว้กับตัว เริ่มไขนาฬิกาไปทีละรอบอย่างเชื่องช้า

     

    *TALKING* 

    *อันนี้เผื่อใครสงสัยค่ะ (และไม่เคยอ่านฉบับนิยาย) เฟลอร์เป็นคนฝรั่งเศสค่ะ ในตัว H ภาษาอังกฤษ คนฝรั่งเศสมักจะออกเสียงเป็นตัว A ค่ะหรือจาก แฮร์รี่เป็นแอร์รี่ค่ะ

     สวัสดีค่ะนักอ่านทุกท่าน เรากลับมาแล้วนะคะกับนิยายเรื่องเดิมแต่เนื้อหาใหม่ แหะๆ ขอโทษนะคะที่หายไปนานมากๆ ต้องขอยอมรับจริงๆ ว่าพลอตตัน ไม่รู้จะไปยังไงต่อเลยหยุดเขียนโดยไม่แจ้งด้วยแต่ด้วยความอาลัยไม่อยากทิ้งเรื่องนี้ไปเฉยๆ เลยกลับมาแต่งต่อแต่เรื่องราวคงต้องเปลี่ยนไป ด้วยความไม่ได้วางพลอตเอาไว้ชัดเจนอย่างที่เคยกล่าวเอาไว้แล้วนั่นเองค่ะ 

    ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามและยังรออยู่นะคะ เราซึ้งใจมากจริงๆ ค่ะ รู้สึกผิดต่อพวกคุณเลย เราจะพยายามแต่งให้จบนะคะ ส่วนตอนจบก็ต้องขอแอบสปอยว่ายังไงก็ต้องเศร้าค่ะ เพราะแฟนฟิคคู่นี้คงรู้ดีอยู่แล้วนะคะว่ามันไม่มีทางจะจบอย่างสวยงามได้(คนอื่นอาจคิดได้แต่เราคิดว่าไม่ได้) แต่หากแต่งเรื่องนี้จบเมื่อไรก็วางแพลนเอาไว้ว่าจะเขียนตอนพิเศษค่ะแต่จะเป็นเรื่องราวยังไงก็คงต้องขอเก็บเป็นความลับก่อนนะคะ

    ปล. แต่ล่ะตอนอาจจะมาห่างกันมากๆ เลยค่ะเพราะพลอตที่เขียนไว้ตอนนี้ยังเป็นเพียงบทต้นค่ะหรืออาจจะไม่มีเวลาเขียนจริงๆ เรื่องนี้คงต้องขออภัยแต่หากยังพอมีเวลาเจียดมาได้อยู่บ้างอาจจะแปลฟิคคู่นี้ที่เป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งจากเรื่องที่เราเคยแปลเอาไว้น่ะค่ะมาให้ทุกคนอ่านแทนแก้เซ็งนะคะ 5555

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×