ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสาปรักหมัศจรรย์ของยัยนักสำรวจ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 สมาชิกทีม

    • อัปเดตล่าสุด 13 ส.ค. 53


    2

    สมาชิกทีม

    วันนี้ ฉันตื่นเช้าเป็นพิเศษ เพราะต้องเริ่มงานสำรวจครั้งที่สองของฉัน ฉันตื่นเต้นมาก วันนี้ฉันก็เลยตื่นมาตอนหกโมงเช้าแล้วรีบดั้นด้นไปยังพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของด็อกเตอร์วิลสัน แต่เพราะมาเช้าไปทำให้ฉันต้องมานั่งแกล่วรอรถที่จะมาพาฉันไปยังสนามบิน เฮ้อ นี่ก็แปดโมงแล้วนะ ทำไมยังไม่มีใครมาสักคน คนอื่นหายไปไหนกันหมดนะ

    จริงสิ ทุกคนคงจะสงสัยสินะว่า “คนอื่น” ที่ฉันพูดถึงคือใครกัน จะขอตอบคำถามนั้นให้ คนอื่นที่ฉันพูดถึงก็คือพวกเพื่อนในทีมสำรวจที่ฉันเป็นคนดูแลอยู่ มีสมาชิกทั้งหมด 9 คน รวมฉันด้วย ความจริงพวกเราทั้งเก้าเป็นเหมือนแกนนำ ความจริงแล้วยังมีลูกทีมอีกหลายสิบคน ซึ่งพวกนั้นจะนั่งเครื่องบินแยกกับพวกเรา

    “นายนั่นแหล่ะผิด”

    “เธอต่างหาก...” เอ๋ เสียงใครทะเลาะกันอยู่ล่ะเนี่ย ทำไมมันดูคุ้นๆจังเลย หรือว่า...

    “เปิ้ล!/เปิ้ล!”เสียงสองเสียงที่ผสานกัน ทำให้ฉีนต้องหันไปมอง

    “นา เนเจอร์” พอฉันหันไปก็พบว่าเป็นหนึ่งในทีมนักสำรวจและยังเป็นเพื่อนรักตั้งแต่สมัยเด็กของฉันอีกด้วย ไม่แปลกเลยที่ได้ยินเสียงคนสองคนทะเลาะกัน ก็เพราะสองคนนี้มักจะเป็นแบบนี้อยู่เสมอ

    นาหรือหนูนา เป็นคนที่คอยดูแลฉันเวลาที่ฉันซุ่มซ่าม มีนิสัยใจร้อน ขี้บ่น ชอบชวนทะเลาะ แต่ก็เป็นคนนิสัยดีและรักเพื่อนมาก เพราะงั้นฉันถึงได้รักนาเหมือนกัน มีทักษะทางกีฬาสูง ชอบผู้ชายหล่อๆแต่ก็ไม่ถึงกับกรี๊ดกร๊าด งานอดิเรกคือการทะเลาะกับเนเจอร์ -_-

    ส่วนเนเจอร์ เพื่อนสมัยเด็กอีกคนของฉัน มีนิสัย ใจร้อน ขี้โมโห แต่รักเพื่อน กวนประสาทและเป็นคนตลกจึงชอบตั้งปัญหาตลกๆมาให้ฉันและนาคลายเครียด มีทักษะทางกีฬาสูง พอๆกับนา งานอดิเรกคือการกวนประสาทและล้อนา ทำให้ทั้งสองคนทะเลาะกันอยู่แทบทุกวัน -_-^^^

    “วันนี้ทั้งสองคนทะเลาะกันเรื่องอะไรอีกล่ะ” ฉันถามทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วว่ามันคงเป็นเรื่องที่ไร้สาระแน่ๆ

    “ก็ หมอนี่/ยัยนี่ น่ะสิ” อีกแล้ว เวลาสองคนนี้ทะเลาะกันทีไรเป็นต้องพูดพร้อมเพรียงกันทุกทีเลย

    “แหม พูดพร้อมเพรียงกันเลยนะ จะไปร้องผสานเสียงที่ไหนกันเหรอจ๊ะ^^” ฉันแกล้งแหย่

    “เมเปิ้ล!!!” โหย ใจร้ายอ่ะ อุตสาห์จะทำให้บรยากาศดีขึ้น ตวาดใส่เลยเหรอT^T

    “จ้าๆ เข้าใจแล้วจ๊ะ ไม่ล้อก็ได้นะ”

                    “ก็เท่านั้น/ก็เท่านั้น” เพราะสองคนนี้พูดพร้อมกันอีก ทั้งนาและเนเจอร์เลยหันมาแยกเขี้ยวใส่กัน ยังกะว่าจะกลายร่างเป็นปีศาจเลยอ่ะ น่ากลัวจางง T^T

    “เชอะ/เฮอะ” เฮ้อ... เอาอีกแล้วเหรอ -_-^^ และแล้วสองคนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะงอนจนไม่มีใครอยยากมองหน้าใครซะแล้วสิ เป็นอย่างนี้ประจำเลย แต่ช่างเหอะ เพราะบางทีมันก็สนุกดีเหมือนกัน ^o^

    ผ่านไปครึ่งชั่วโมงไม่มีใครพูดอะไรกันเลยสักอย่าง ฉันล่ะเกลียดบรรยากาศเงียบๆที่อึกอัดแบบนี้ที่สุดเลย แงๆๆ เมื่อไรเพื่อนคนอื่นๆของฉันจะมาสักที บรรยากาศบ้าๆนี่จะได้หายไป ก่อนที่ฉันจะบ้าไปด้วยเพราะทนความเงียบไม่ไหวT_T

    “เมเปิ้ล หนูนา เนเจอร์ ทั้งสามคนมาเร็วกันจังเลยนะ” เสียงหวานๆอันน่ารักสดใสของฟาเร หนึ่งในทีมนักสำรวจ ดังขึ้น ทำให้ฉันอยากจะกระโดดไปกอดขอบคุณเธอจริงๆที่มาสักที แต่เมื่อได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งทำให้ฉันต้องถอนคำพูดนั้นทันที

    “นั่นสิ แต่ดูถ้าว่าพวกเธอคงจะทะเลาะกันอีกล่ะสิ ไม่ไหวเลยจริงๆนะ ทะเลาะกันเป็นเด็กไปได้” เสียงหวานๆของมิลลี่หรือมิลดังขึ้น เธอเองก็เป็นหนึ่งในทีมนักสำรวจเช่นกัน  ซึ่งเสียงที่หวานใสของเธอนั้นดูจะไม่เข้ากับนิสัยของเธอเลยแม้แต่น้อย

    ฟาเร เป็นสาวน้อยน่ารัก อ่อนหวาน แต่ก็มีความมุ่งมั่นและกล้าหาญ ซึ่งทำให้ทุกคนในทีมนักสำรวจชอบเธอกันทั้งนั้น แต่ก็ในแบบเพื่อนล่ะนะ อ๊ะ นอกจากบางคนที่แอบชอบฟาเรอยู่ เรื่องที่ว่าเป็ฯใครเนี่ย ขออุบไว้ไม่บอกละกัน

    ส่วนมิลลี่ หรือที่พวกเราเรียกว่า มิล เป็นเพื่อนสนิทของฟาเรแต่นิสัยของเธอกับต่างจากฟาเรอย่างสิ้นเชิง เธอเป็นสาวน้อยหน้าตาน่ารักก็จริง แต่ความจริงแล้วเธอค่อนข้างเป็นสาวห้าว และโหดสุดๆ กล้าหาญและแข็งแกล่งสามารถล้มพวกผู้ชายตัวใหญ่ๆได้ ด้วยความสามารถทางด้านคาราเต้ของเธอ

    “มิลอ่ะ เนเจอร์มันผิดนะ ฉันไม่ผิดสักหน่อย อย่าว่าฉันเป็นเด็กนะ -^-“ นาพูดขึ้น

    “เธอนั่นแหล่ะผิด ยัยบ้า!

    “หนอย ว่าใครบ้ายะ!!! “ และแล้วการทะเลาะกันอันน่าปวดหัวก็เลยขึ้นอีกครั้ง ฉันว่าฉันเลิกสนใจสองคนนี้ดีกว่าไปคุยกับฟาเลและมิลท่าจะดีกว่าเยอะ -3-

    “เปิ้ล อยู่กับเจ้าพวกนี้ไม่เบื่อหรือไงนะ” มิลถามด้วยท่างทางเซ็งสุดๆ ถึงจะชินแล้วกับเรื่องพวกนี้ แต่มิลก็คงจะไม่ชอบใจอยู่ดีละนะ ก็เวลาสองคนนี้ทะเลาะกันทีไรมันดูน่ารำคาญยังไงก็ไม่รู้แฮะ

    “ไม่เบื่อหรอก ฉันว่าแบบนี้มันก็มีสีสันดีนะ^^” ถึงบางทีมันจะน่ารำคาญไปหน่อยก็เถอะ ฉันคิดต่อในใจ

    “เฮ้อ...คำตอบสมกับเป็นเธอจริงๆ ถ้าเป็นฉันนะ คงรำคาญตาย” มิลลี่พูดขึ้น ถึงคำพูดของเธอจะดูแรงๆไปหน่อย แต่ความจริงแล้วเธอก็รักนากับเนอเจอร์ในฐานะเพื่อนมาก

    “เอาน่าๆ เราควรคิดในแง่ดีเอาไว้นะ” ฟาเรพูด พร้อมกัยส่งรอยยิ้มหวาน ตามแบบฉบับของเธอ

    แอด~ เสียงประตูพิพิธภัณฑ์ดังขึ้น ทำให้พวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่หันไปมอง พร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กสาวร่างเล็กซึ่งข้างเธอมีเด็กหนุ่มตัวขนาดพอๆกัน เกาะติดอยู่ เด็กสาวแสดงสีหน้ารำคาญผสมกับความอายเล็กน้อย ส่วนใบหน้าที่น่ารักของเด็กชายก็แสดงความขี้อ้อนของเจ้าตัวออกมา

    “อรุณสัวสดิ์จ๊ะ โอปอล ซันเดย์” ฉันทักเพื่อนร่วมทีมอีกสองคนทีเพิ่งเข้ามา

    คนแรกเป็นเด็กสาวร่างเล็ก ผูกแกละสองข้าง ใบหน้าของเธอประดับด้วยแว่นตาบางอันเล็ก ซึ่งพอใส่แล้วก็ช่วยเสริมความน่ารักบนตัวเธอขึ้นอีกหลายขุม ชื่อของเธอคือ โอปอล เธอเป็นคนที่ฉลาดมาก และเธอยังเป็นนักหาข้อมูลที่ยอดเยี่ยมของทีมสำรวจเรา

    ส่วนอีกคนเป็นหนุ่มน้อยน่ารักและหน้าหวานซึ่งมีขนาดตัวพอๆกับโอปอล ชื่อของเขาคือซันเดย์ ซันเดย์มีนิสัยขี้อ้อนเอามากๆ เขาเป็นคนที่มีความเป็นเด็กสุดๆ แต่เพราะอย่างนั้นทำให้เขาน่ารักน่าเอ็นดูสุด เขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่รักเพื่อนมาก แลชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ

    โอปอลและซันเดย์เป็นแฟนกัน ทั้งสองคนเริ่มคบกันเมื่อปีที่แล้ว โดยที่ซันเดย์เป็นฝ่ายสภาพรักกับโอปอล ซึ่งด้วยความที่ซันเดย์เป็นคนขี้ออ้อนอยู่แล้ว พอเริ่มคบกับโอปอล ซันเดย์ก็เกาะติดโอปอลแจเลย

    แต่ก็เพราะความขี้อ้อนของซันเดย์เนี่ยล่ะนะ ที่ทำให้โอปอลหน้าตาน่ารักขึ้นเป็นกอง เนื่องมาจากเมื่อก่อนเธอชอบใส่แว่นตาหนาเตอะแฃ้วยังปล่อยผมสั้นๆให้ยาวมาปรกหน้าอีก ดูแล้วกลายเป็นสาวเฉิ่มไปเลย แต่พอทั้งสองคนคบกัน ซันเดย์ก็อ้อนให้โอปอลไปเปลี่ยนแว่น ส่วนทรงผมแกละก็ได้มาจากฉัน ตอนนี้ทีมสำรวจของเราเลยมีสาวน้อยน่ารักเพิ่มอีกคน(!?)

    “อรุณสวัสดิ์ฮะ พี่เมเปิ้ล” ซันเดย์ทักตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มสุดน่ารัก

    อ๊ายยย รอยยิ้มของซันเดย์เนี่ยน่ารักที่สุดเลย >< ฉันล่ะอยากได้น้องชายน่ารักๆแบบนี้จัง

    “ยังมากันไม่ครบอีกเหรอ” โอปอลถามเมื่อลองมองสังเกตไปรอบๆ

    “ยังเลย”

    “นี่มันจะเก้าโมงแล้วนะ” โอปอลพูด หลังจากที่ก้มดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง

    “นั่นสินะ ทำไมพวกนั้นถึงได้มาช้านัก เสียเวลาจริงๆ” มิลลี่บ่น

    ตึก ตึก ตึก! ปัง! เสียงฝีเท้าของคนกำลังมางเข้ามา พร้อมกับเปิดประตูเสียงดังปัง

    “แฮกๆ ทันด้วยแฮะ” เด็กหนุ่มผู้มาใหม่หอบแฮกๆ เขาใช้มือของเขาเกาะประตูเอาไว้ ด้วยความเหนื่อย

    “ฉันก็บอกแล้วว่าทัน ไม่ต้องรีบมาก” เด็กหนุ่มอีกคนเดินเข้ามาด้วยท่าทีสบายๆ

    “เลโอ ฟิล” ฉันเรียดชื่อผู้มาใหม่ทั้งสอง

    คนแรกเลโอ เป็นเด็กหนุ่มที่ใจร้อนและขี้โมโหมาก ใจกล้าบ้าบิ่น แถมยังชอบทำอะไรเกินกำลังตัวเอง

    คนที่สอง ฟิล เป็นเด็กหนุ่มที่ใจเย็น คิดอะไรรอบคอบมากๆ อ้อใช่ฟิลเองก็เป็ฯคนที่ฉลาดมากๆด้วยเช่นกัน

    ทั้งเลโอและฟิลเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก พอเรียนจบมหาลัยก็อาศัยอยู่ที่ห้องในคอนโดเดียวกัน แล้วฟิลก็มักจะมาสายตามเลโอเสมอเพราะเลโอเป็นคนที่ตื่นได้ยากมาก กว่าฟิลจะขุดออกมาจากเตียงได้นี่เป็นอะไรที่ยากลำบากมาก

    “ไง อรุณสวัสดิ์” เลโอทักเสียงใส หลังจากหายจากอาการเหนื่อยหอบแล้ว

    “ไม่ต้องมาอรุณสวัสดิ์เลย พวกนายนี่ช้าจริง!” มิลลี่ตะคอกใส่หน้าเลโอ

    “อย่างน้อยก็มาทันแล้ว เธอยังจะเอาอะไรอีก”

    “ฮึ้ย!” มิลลี่สะบัดหน้าด้วยความอารมณ์เสีย

    “เอาล่ะ ทีนี้ก็มากันครบละ” ฉันสรุป

    “ยังๆ” โอปอลตอบ

    “เอ๋” ทุกคนที่อยู่ที่นี่แสดงออกถึงความสงสัย แม้กระทั่งนากับเนเจอร์ก็ยังสงสัยเช่นกันว่ายังขาดใครอีก

    “หมายความว่ายังไงน่ะโอปอล” ฟาเรถาม

    “ด็อคเตอร์ฝากมาบอกว่า...มีสมาชิกใหม่” โอปอลพูดด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย

    “หา!” ทุกคนตะโกนด้วยความตกใจ ยกเว้นซันเดย์ที่ยังเกาะโอปอลอยู่แล้วก็ยกเว้นฟิลที่เป็นคนสุขุมและใจเย็น

    “สมาชิกใหม่เหรอ เป็นไปได้ไง ทำไมฉันที่เป็นหัวหน้าถึงไม่รู้ล่ะ” ฉันถามโอปอลด้วยสีหน้าอึ้งๆ

    “ด็อกเตอร์บอกว่าลืมบอก พอดีเจอฉันเข้า เขาก็เลยฝากให้มาบอกทุกคน” จากสีหน้าอึ้งๆงงๆของทุกคนปรับเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เข้าใจแจ่มแจ้งทันที ทุกคนรู้ดีว่าด็อกเตอร์วิลสันเป็นคนขี้ลืม ที่เขาจะลืมก็คงไม่แปลก

    “แล้วสมาชิกใหม่ที่ว่าเนี่ย เมื่อไหร่จะมาถึ...”

    แอด~

    ฉันยังพูดไม่ทันจบคำ เสียงประตูที่เปิดออกก็เรียกสายตาของทุกคนให้หันไปมอง ที่ประตูปรากฏร่างของชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน ใบหน้าที่คมเข้มบวกกับผมสีดำแซมม่วง ทำให้เขาดูลึกลับและน่าหลงใหล นัยน์ตาสีแอเมทิตย์ที่แสนเย็นชาดุจน้ำแข็งของเขากวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยคำว่า...

    “ขอโทษ ที่มาสาย”

    “นะ...นายเป็นสมาชิกใหม่เหรอ” ฉันที่ตั้งสติได้ เอ่ยถาม

    “ใช่”

    เอี๊ยด~ เสียงรถเบรกกะทันหัน พวกเราจึงเบนสายตาจากสมาชิกใหม่ไปที่หน้าประตูพิพิธภัณฑ์ ปรากฏรถลีมูซีนสีดำจอมอยู่ ทันดันนั้นก็มีคนออกมากจากรถ คนนั้นก็คือ...ด็อกเตอร์วิลสันของเรานั่นเอง -_-

    ไม่น่าเชื่อว่าเงินที่ได้จากการค้นพบวิหารทองคำจะทำให้ด็อกเตอร์ได้ลีมูซีนมาหนึ่งคัน นี่ลุงเขากะว่าจะเอามาอวดใช่ไหม ถึงได้ขับรถนี้มาเนี่ย -_-^^^

    “รถมาแล้ว ตอนนี้คงไม่มีเวลามาแนะนำตัว เพราะฉะนั้นนายค่อยมาแนะนำตัวให้พวกเราอีกทีแล้วกัน” ฉันบอกกับสมาชิกใหม่ ก่อนจะบอกให้เพื่อนๆสมาชิกคนอื่นๆไปขึ้นรถลีมูซีนคันใหม่ของด็อกเตอร์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×