ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic บารามอส] ถ้าพวกเขามาเจอกัน

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอน 1

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ค. 49


    พระราชวังทริสทอร์

                "เจ้าไปเรียกลูกหญิงมาให้ข้าที" สุรเสียงของกษัตริย์ทริสทอร์ตรัสขึ้นอย่างน่าเกรงขาม

                "เพค่ะ ฝ่าบาท" แล้วนางกำนัลจึงไปตามเจ้าหญิงที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนเจ้าหญิงเลยซักนิดเดียว  น่าจะเป็นเจ้าชายเสียมากกว่า  เพราะเจ้าหญิงของเธอนั้นโดยเวทย์อาคมตั้งแต่เยาว์วัย  ให้แปลงเป็นเจ้าชายที่มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา นัยน์ตาสีออกน้ำตาลเข้มจนถึงสีดำที่ดูมีแววตาขี้เล่นและสนุกสนานมีผมที่ซอยสั้นสีดำ  แล้วจะกลับมาเป็นผู้หญิงได้เฉพาะตอนพระจันทร์เต็มดวงหรืออยู่ต่อหน้าราชินีลูน่าเท่านั้น

                "ไม่ทราบว่าเสด็จพ่อมีเรื่องอะไรกับหม่อมฉันหรือพระเจ้าค่ะ" เสียงที่หนักทุ้มของเจ้าหญิงแห่งทริสทอร์ในร่างผู้ชายปรากฏขึ้น

                "ตอนนี้เจ้าอายุครบ 15 ปีแล้ว  เจ้าต้องไปเรียนที่โรงเรียนพระราชาที่เอดินเบิร์ก"

                "แต่หม่อมฉันโดนเวทย์อาคมให้กลายร่างเป็นผู้ชายอยู่  แถมพอพระจันทร์เต็มดวงหม่อมฉันต้องกลายร่างกลับมาเป็นผู้หญิงอีก"  เสียงแย้งของเจ้าหญิงแห่งทริสทอร์ปรากฏขึ้นทันควัน

                "ก็ไม่เป็นไรหนิ  เพราะแม่คุยกับพ่อแล้วว่าจะส่งลูกไปเรียนในฐานะผู้วิเศษหรือซาตานแห่งทริสทอร์ชื่อว่า  ลูคัส ซาโดเรีย  ส่วนเรื่องที่ลูกต้องคืนร่างเมื่อพระจันทร์เต็มดวง  ลูกก็แค่ใช้เวทย์ม่านบังตาก็เท่านั้น"  คำพูดของราชินีแห่งทริสทอร์พูดขึ้นมาแทนที่พระราชา  เพราะเห็นว่าลูกสาวตัวดีไม่ยอมไปเรียนง่ายๆโดยแน่แท้

                "แต่ไม่รู้ว่าเสด็จแม่ลูน่าจะยอมให้หม่อมฉันไปหรือป่าว"  น้ำเสียงที่แฝงความเจ้าเล่ห์พร้อมกับนัยน์ตาที่ออกแววระยับพูดขึ้น  เพราะเธอคิดว่ายังไงแม่บุญธรรมของเธอหรือราชินีลูน่าไม่ยอมให้ไปโดยแน่แท้  เพราะความที่ไม่เชื่อใจมนุษย์แต่เธอก็ไม่รู้ว่าแม่บุญธรรมของเธอไม่เชื่อใจมนุษย์ด้วยเรื่องอันใด  ทั้งๆที่แม่บุญธรรมของเธอสามารถพยากรณ์เหตุการณ์ได้ล่วงหน้าแท้ๆ

                "เจ้าไม่ต้องเอาลูน่ามาอ้าง  เพราะยังไงซะพ่อก็เชื่อว่าลูน่าน่าจะรู้ตั้งนานแล้วว่าลูกต้องไปเรียนโรงเรียนพระราชา  และยังไงซะอีกไม่นานเฟลิโอน่าก็ต้องไปเรียนในฐานะรัชทายาทแห่งบารามอสเหมือนกัน"

                และแล้วเสียงถอนหายใจของว่าที่ผู้วิเศษหรือซาตานแห่งทริสทอร์ก็ดังขึ้น  "เฮ่อ...  เปลี่ยนจากเจ้าหญิงเป็นเจ้าชายแล้วยังต้องมาเปลี่ยนจากเจ้าชายเป็นซาตานอีก  ชีวิตหนอชีวิตทำไมมันถึงยุ่งยากอย่างนี้น้าาาา..."

                "แม่ว่าลูกไปเก็บของแล้วเตรียมตัวออกเดินทางดีกว่า  เพราะลูกต้องไปที่เดมอสเพื่อที่จะให้ลูน่าล้างอาคมให้ก่อนที่จะไปเอดินเบิร์ก  เดี๋ยวจะไม่ทันเอา"  เมื่อฟังคำพูดที่อ่อนหวานของราชินีแห่งทริสทอร์พูดแล้วทำให้เธอไม่อยากขัดใจ  เพราะเธอรู้ว่าถึงแม้แม่เธอจะใจดีแค่ไหน  ตอนถ้าแม่เธอโกรธแล้วเธอแทบอยากจะฆ่าตัวตายซะตอนนั้นเลยทีเดียว

                "พระเจ้าค่ะ  แต่ถ้าไม่ทันเดี๋ยวหม่อมฉันเรียกโกโดมมารับก็ได้"  แล้วเธอก็เดินออกจากห้องไปพร้อมด้วยนางกำนัลอีกสองสามคนเพื่อไปช่วยเธอเก็บของ

    ที่ห้องของเจ้าหญิงแห่งทริสทอร์

                ห้องสีขาวที่มีเครื่องตบแต่งที่มีราคาแพง  พร้อมด้วยม่านสีฟ้าที่ตัดกับสีของห้องทำให้ห้องนั้นดูหวานและสดใสยิ่งนัก  เพราะถึงแม้เธอจะเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง  แต่เธอก็ถูกเลี้ยงมาอย่างผู้หญิงทำให้เธอมีความอ่อนหวานอยู่ในตัว  แล้วเธอก็รู้ว่าถ้าเธอมีอายุครบ 18 ปีเมื่อไหร่  เธอก็จะต้องกลายร่างเป็นผู้หญิงอย่างถาวร

                เสียงที่บ่งบอกถึงความเศร้าหมองของเจ้าหญิงดังขึ้นว่า  "พี่ซาร่า  ฉันไม่อยากไปเลย  ไม่รู้ว่าที่นั่นจะเป็นยังไง  แล้วถ้าฉันมีเพื่อนฉันก็ไม่อยากปิดบังเพื่อนเพราะไม่รู้ว่าเค้าจะรู้สึกอย่างไรถ้าโดนเพื่อนหลอก"

                พี่ซาร่าหรือนางกำนัลที่สนิทที่สุดยิ้มให้กับเธอแล้วพูดขั้นว่า  "เจ้าหญิงไม่ได้หลอกเพื่อนของพระองค์หนิเพค่ะ  เพราะที่เจ้าหญิงเป็นแบบนี้เพราะเจ้าหญิงโดนอาคมตั้งแต่วัยเด็ก  หม่อนฉันเชื่อว่าเพื่อนของเจ้าหญิงต้องเข้าใจเพค่ะ"

                "ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิ"  เมื่อเธอพูดเสร็จ  เธอก็เรียกโกโดม "โกโดมๆ ออกมาหาฉันหน่อย" 

    สักพักก็มีตัวประหลาดร่างเล็กที่สูงไม่เกินฝ่ามือ  ตัวดูป้อมๆน่ารักน่าชังโดนเฉพาะเขาที่ใหญ่กว่าตัว  พูดขึ้นว่า  "เจ้าหญิงมีอะไรให้กระหม่อมรับใช้หรือพระเจ้าค่ะ"

    "เจ้าพาเราไปหาเสร็จแม่หน่อยสิโกโดม"

    "พระเจ้าค่ะ  เจ้าหญิง"  สักพักร่างของเจ้าหญิงแห่งทริสทอร์และร่างของโกโดมตัวน้อยก็ได้หายไป

    พระราชวังจันทรา

                ร่างของเจ้าหญิงแห่งทริสทอร์ที่มีใบหน้าขาวนวลและอ่อนหวาน  ดวงตาสีออกน้ำตาลเข้มจนถึงสีดำ  ผมสีดำที่ยาวสลวยจนถึงกลางหลังขับกับผิวที่ขาวนวลชวนมอง  ขึ้นมาแทนที่บุรุษผิวขาวที่แววตาดูขี้เล่น  แล้วปากรูปกระจับสีชมพูก็แย้มขึ้นมาว่า

                "ถวายพระพรเพค่ะ  เสด็จแม่ลูน่า"

                "แม่รู้แล้วหล่ะ  ลูกจะมาบอกแม่ว่าลูกจะเข้าเรียนที่โรงเรียนพระราชาที่เอดินเบิร์กสินะ"  เสียงของราชินีลูน่าพูดขึ้นมาอย่างอ่อนโยน  เพราะว่าเธอเองก็ไม่มีลูกแล้วนี่ก็ลูกบุญธรรมของเธอ  ถึงแม้เธอจะได้เจอบ้างไม่ได้เจอบ้างแต่ลูกของเธอก็มาหาเธอตลอดเวลา  และจะต้องให้เธอรักษาอาคมให้ทุกๆสองปีด้วย  ความผูกพันที่เกิดขึ้นทำให้เธอทั้งรักทั้งหวง  กลายเป็นคุณแม่หวงลูกสาวไปเลยทีเดียว  ดังนั้นคนที่จะมาเป็นลูกเขยของเธอจะต้องเจอศึกหนักอย่างแน่แท้

                หญิงแห่งทริสทอร์วิ่งเข้าไปกอดราชินีจันทราแล้วก็พูดขึ้นว่า  "เพค่ะเสด็จแม่  แต่ว่าลูกไม่อยากไปนี่เพค่ะ  เสด็จแม่ลูน่าช่วยทูลกับเสด็จพ่อให้หน่อยได้ไหมเพค่ะ"

                "ไม่ได้หรอกจ๊ะลูเคียน่า  เพราะมันเป็นพันธสัญญาของเอเดน  เดมอส  เอดินเบิร์ก  แล้วก็สโนแลนด์  ที่เจ้าชายเจ้าหญิงทุกพระองค์ต้องไปเรียนที่โรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก"  เธอพูดพร้อมกับลูบผมลูกสาวของเธอ

                "แต่"

                "ไม่มีแต่ลูเคียน่า  การไปเรียนของเจ้าในครั้งนี้จะทำให้ชีวิตของลูกเปลี่ยนแปลง  แม่เองก็ไม่อยากให้ลูกไปแต่ยังไงเราก็ไม่สามารถขืนชะตาของเราได้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด  แม่ก็ได้แต่เตือนลูกอยู่ห่างๆเท่านั้น  เพราะชิวิตเป็นของลูกเองลูกจะต้องทำให้มันดีที่สุด"  เสียงที่เศร้าหมองของราชินีลูน่าทำให้ลูเคียน่าอดแปลกใจไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่บุญธรรมของเธอ

                "แล้วเราจะทำพิธีล้างอาคมเลยหรือป่าวเพค่ะ"  ลูเคียน่าถามด้วยความกังวล  เพราะพิธีล้างอาคมมันทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดมาก  จนเธอรู้สึกว่าตัวเองจะอยู่ในโลกนี้ทำไม

                "ยังไม่ใช่วันนี้จ้า  พรุ่งนี้แม่จะทำให้พิธีล้างอาคมให้ตอนนี้แม่อยากให้ลูกเตรียมใจไว้ก่อน  เจ็บยังไงก็ต้องทนเพื่อตัวลูกเอง"  ราชินีลูน่ารู้ว่าตอนนี้ลูกของเธอคิดอะไรอยู่เธอจึงพูดเช่นนั้น  เพราะตอนแรกเธอก็กะจะทำพิธีล้างอาคมวันนี้เลย

                "เพค่ะ  เสด็จแม่"

    เช้าวันต่อมา  พิธีล้างอาคมที่ห้องนอนของเจ้าหญิงลูเคียน่า

                เจ้าหญิงลูเคียน่านอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียงนอนเตียงใหญ่พร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียวและเนื้อตัวที่เย็นเฉียบ  เพราะต้องกินยาพิษจากจากชาแสงจันทร์เข้าไปก่อนจึงสามารถทำพิธีได้  จากนั้นราชินีลูน่าได้เอามือวางทาบอยู่เหนือร่างของเจ้าหญิงลูเคียน่า  ทันใดนั้นก็มีแสงเจิดจ้าพุ่งมาจากมือของราชินีลูน่า  แล้วก็มีแสงสีดำพุ่งออกจากร่างของเจ้าหญิงลูเคียน่า  แล้วเจ้าหญิงลูเคียน่าก็ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้า  พร้อมกับพูดคำพูดทีแสนเบาว่า  "ขอบคุณเพค่ะเสด็จแม่"  จากนั้นหนังตาที่อ่อนล้าของเจ้าหญิงลูเคียน่าก็ถูกปิดลงอีกครั้ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×