ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฉันก็แค่...ผู้หญิงคนหนึ่ง yuri

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ ๓

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 56


     

    บทที่ ๓

     

     

    ฉันมารู้สึกตัวอีกครั้งไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน สมองของฉันมีแต่เสียงของเกลือที่บอกฉันว่า สุชาดาโดนรถสิบล้อชน

    ฉันลืมตามองเพดานห้อง แสงสว่างทำให้ฉันแสบตาจนต้องหลับตาลงอีกครั้ง

    ฟื้นแล้วครับจารย์ เสียงเกลือบอกกับใครสักคน

    พยาบาลประจำห้องพยาบาลเดินมาที่เตียงของฉัน เธอนั่งลงข้างๆ เตียง จับข้อมือของฉันเอาไว้ในมือเธอ

    ฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง มองหน้าเกลือ น้ำตาของฉันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

    ไอ้เกลือ แกโกหกฉันใช่ไหม

    เกลือทำหน้ากระอักกระอ่วน จ้องหน้าฉัน  ไอ้สุมันอยู่ห้องไอซียู เมื่อวานมันโดนรถสิล้อชนก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยบ้านมัน เกลือพูดเสียงแหบๆ ฉันเห็นน้ำตาของเกลือคลออยู่ที่ดวงตาของเขา

    แกพาฉันไปหามันหน่อยได้ไหมไอ้เกลือ ฉันรีบลุกจากเตียง ใจของฉันเป็นห่วงเพื่อนรักเป็นที่สุด

    เกลือพยุงฉันให้ลุกขึ้น เราสองคนรีบออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อไปยังโรงพยาบาลที่สุชาดากำลังรักษาตัวอยู่

    ในรถของเกลือมีเพียงเสียงแอร์ที่กำลังทำหน้าที่ให้ความเย็นกับเสียงถอนหายใจหนัก ของฉันกับเกลือเป็นระยะๆ เท่านั้น เราสองคนไม่ได้พูดคุยกันตั้งแต่ออกมาจากมหาวิทยาลัย

    เกลือขับรถไปหาที่จอด ส่วนฉันเข้าไปถามประชาสัมพันธ์ว่าสุชาดาอยู่ที่ห้องไหน เมื่อรู้ว่ายังอยู่ที่ห้องไอซียู ฉันเข่าอ่อนอีกครั้ง

    ฉันรอเกลืออยู่ตรงนั้น ไม่มีแรงที่จะขยับขาเดินไปไหน เกลือเดินมาหาฉัน เราสองคนจึงขึ้นไปเยี่ยมอาการของสุชาดา

    หมอยังไม่ปล่อยให้สุชาดาออกจากห้องไอซียู อาการของสุชาดายังทรงตัว ไม่ฟื้นคืนสติ ฉันเห็นร่างของสุชาดาโดนพันรอบตัว กระดูกขาหักเป็นท่อนๆ ยังโชคดีที่สมองไม่ได้รับความกระทบกระเทือนมากนัก สุชาดาคาดเข็มขัดนิรภัย จึงทำให้เธอปลอดภัยไม่หลุดออกไปนอกตัวรถ

    แรงอัดกระแทกจากการพุ่งชนของรถสิบล้อทำให้รถของสุชาดาพุ่งไปชนต้นไม้ข้างทาง ขาทั้งสองข้างหัก แขนหัก กระดูกซี่โครงหัก และสลบไป

    หมอคะ เพื่อนหนูเป็นยังไงบ้างคะ

    อาการอื่นคงที่ครับ รอแค่เธอฟื้นขึ้นมาเท่านั้น

    ไม่เป็นอันตรายใช่ไหมคะ

    ครับ

    ได้ฟังอย่างนั้น ฉันโล่งอก ฉันว่าเกลือคงไม่แตกต่างไปจากฉัน ฉันเห็นเกลือถอนหายใจออกมาแรงๆ สีหน้าของเขาดูดีขึ้นจากเดิม

    พรุ่งนี้ถ้าอาการดีขึ้นผมจะย้ายเธอออกจากไอซียูครับหมอพูดอะไรอีกสักสองสามประโยคกับพยาบาล ฉันดีใจที่สุชาดาจะหาย จึงไม่ทันได้ฟังคำพูดของหมอ

    ขอบคุณนะคะหมอ ฉันเดินไปยืนข้างๆ เตียงคนไข้ ฉันมองใบหน้าของสุชาดา มันซีดเผือด ไม่เหมือนใบหน้าเดิมที่เคยเป็น

    ไอ้สุ แกต้องรีบๆ ตื่นนะเพื่อน ฉันเป็นห่วงแก ฉันบอกเบาๆ กับร่างไร้สติของสุชาดา

    จะหมดเวลาเยี่ยมแล้วไอ้ผึ้ง แกจะอยู่จนหมดเวลาเลยหรือเปล่า เกลือเตือนฉันเมื่อเราทั้งสองคนอยู่เฝ้าสุชาดาจนใกล้เวลาที่จะต้องออกจากห้องไอซียูแห่งนี้

    กลับเลยดีกว่า แกจะได้ไม่กลับบ้านดึก ฉันชักเริ่มขยาดกับการที่เพื่อนจะต้องไปส่งฉัน ฉันกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิม กลัวเกลือจะเกิดอันตรายอะไรอีก หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ฉันคงไม่กล้านั่งรถของใครอีก

     

    สองวันหลังจากนั้นสุชาดาจึงได้ออกจากห้องไอซียู ฉันลืมไปด้วยซ้ำว่าน้องผีดิบเข้าโรงพยาบาลเหมือนกัน ฉันไม่ได้สนใจข่าวของน้องผีดิบอีกเลย ฉันสนใจแต่สุชาดาเพื่อนของฉันเท่านั้น

    สุชาดามีอาการดีขึ้น หมอบอกว่าอีกไม่กี่วันก็กลับบ้านได้ แต่คงจะไปเรียนไม่ได้ เพราะสุชาดาเดินไม่ได้ มีเฝือกที่ขา และแขน ต้องนั่งรถเข็นไปพลางๆ ก่อน จนกว่าอาการจะหายดี

    ฉันจะเอาสมุดจดมาให้แกอ่านก็แล้วกัน ฉันเสนอเมื่อรู้ว่าสุชาดายังไปเรียนไม่ได้

    ขอบใจนะผึ้ง

    ไม่ต้องขอบใจหรอก กันเองเพื่อน สามสิบ

    ไอ้งก

    ล้อเล่นน่า

    น้องผีดิบของแกเป็นไงบ้างล่ะ ออกจากโรงบาลหรือยัง

    ไม่รู้สิ ไม่ได้สนใจ

    อ้าวไอ้นี่ ไหนว่าห่วงนักห่วงหนา

    แกเข้าโรงบาลแบบนี้จะให้ฉันไปสนใจคนอื่นได้ยังไงวะไอ้สุ ฉันหันไปบอกสุชาดามองเธอด้วยสายตาแห่งความห่วงใย

    แกจะทิ้งให้คนที่แกชอบนอนอยู่โรงพยาบาลแบบเหงาๆ อย่างนั้นเหรอไอ้ผึ้ง

    แกจะให้ฉันทิ้งเพื่อนที่คบกันมาก่อนหน้านั้นไปหาอีกคนที่เพิ่งจะรู้จักกันอย่างนั้นเหรอได้สุ ฉันเถียงกลับ   

    ตามใจแก นี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวที่แกจะได้ทำคะแนนกับน้องผีดิบของแกก็ได้ใครจะรู้

    ช่างเถอะ ฉันไม่ได้จริงจังอะไรกับน้องเค้ามากนักหรอกนะ แค่ชอบที่นิสัยแปลกๆ เท่านั้นแหละ ว่าแต่แกเถอะวันนี้อาการเป็นยังไงบ้าง

    คันว่ะ

    คันอะไรของแกวะ

    คันในเฝือก โคตรคันเลยสุชาดาขยับแขนในเฝือกด้วยความยากเย็น

    หมอห้ามเกา แกห้ามเอาอะไรแยงเข้าไปเลยนะ แผลติดเชื้อมาแกจะลำบาก

    เออน่ารู้แล้ว ไม่ต้องบ่นเหมือนแม่ฉันได้ปะ

    ไม่บ่นก็ได้วะ หิวหรือยังล่ะแก

    เพราะแกพูดนี่แหละ เลยอยากกินพิซซ่า

    เอาปะจะโทรสั่งให้

    ได้ก็ดี เบื่ออาหารโรงบาลจะแย่แล้วแกเอ๊ย สุชาดาบ่นกลายๆ ทำให้ฉันต้องควักโทรศัพท์ออกมาโทรสั่งพิซซ่าให้กับเธอ

    ระหว่างรอคนส่งพิซซ่าเกลือเปิดประตูเข้ามาหาพวกเราพอดี

    เฮ้ยเป็นไงบ้างไอ้สุเกลือทักสุชาดาทันทีที่เปิดประตูเข้ามา

    อ้าวไอ้ผึ้ง แกก็มาเหมือนกันเหรอ นึกว่าไปเยี่ยมน้องผีดิบของแกซะอีกเหมือนเกลือจะเพิ่งเห็นฉันที่ยืนอยู่ปลายเตียงของสุชาดา จึงเอ่ยทักขึ้นตามมารยาท

    ทำไมวะ น้องผีดิบเป็นอะไรไปอีก

    เมื่อเช้าไอ้ตังรุ่นน้องมันบอกว่า น้องผีดิบเกิดอาการช็อก นี่แกไม่รู้เลยหรือวะ

    ฮึ ไม่รู้ ทำไมช็อกได้วะ ฉันเริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมาตะหงิดๆ

    ไม่แน่ใจว่ะ เลือดเป็นอะไรสักอย่าง จำไม่ได้ นี่แกกินอะไรหรือยัง

    สั่งพิซซ่า เดี๋ยวคงมาฉันยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นดูนาฬิกาบนหน้าจอ คงอีกไม่ถึงสิบนาทีคนส่งพิซซ่าคงจะมาถึง

    กินอย่างอื่นก่อนไหม ฉันจะลงไปซื้อมาให้ เกลือถามสุชาดา

    กว่าแกจะมาพิซซ่าพวกฉันมาถึงพอดี แกอย่าหนีเลยไอ้เกลือ วันนี้แกต้องเป็นคนจ่ายค่าพิซซ่าให้พวกฉัน

    ทำไมวะ เกลือชักงงที่อยู่ๆ สุชาดาบอกกับเขาอย่างนั้น

    เพราะแกเป็นผู้ชายคนเดียวในห้องนี้ไง พ่อสุภาพบุรุษ ฉันช่วยสุชาดาผสมโรงด้วย เผื่อเกลือจะสลัดความเค็มออกจากตัวได้บ้าง

    เออ..พอดีฉันหิวน้ำ ขอลงไปซื้อน้ำกินก่อนนะ เกลือรีบผลุบออกไปจากห้อง

    ฉันกับสุชาดามองหน้ากันเราสองคนยิ้มให้กัน เป็นอันรู้กันว่าความเค็มของเกลือยังคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง สักพักมีเสียงเคาะประตูห้อง

    เข้ามาเลยค่ะ

    พิซซ่ามาส่งครับ ฉันได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งบอกอย่างนั้น ฉันจึงรีบเดินไปเปิดประตูรับ

    เท่าไหร่คะ

    สามร้อยเก้าสิบเก้าบาทครับ คนส่งพิซซ่าบอกรายละเอียดการสั่งของพวกฉันอีกครั้ง เพื่อให้รู้ว่าของที่มาส่งกับของที่สั่งได้ครบหรือไม่ ฉันส่งเงินให้กับเขา ถือถุงเดินมันนำมาวางไว้ที่โต๊ะเล็กๆ สำหรับวางถาดอาหารคนป่วย

    จะกินเลยไหม

    อยากกินอยู่แต่กินเองไม่ได้ สุชาดามองเฝือกที่แขนของเธอ

    จริงของแก งั้นฉันป้อนก็แล้วกันจะได้ถนัดๆ หน่อย ฉันเสนอตัวรับใช้สุชาดาเต็มที่

    เมื่อวานใครป้อนแกวะ

    แม่ฉัน แต่วันนี้แม่ลางานไม่ได้ เห็นว่ามีประชุม

    ถ้าแม่แกไม่มาใครจะป้อนแกกินข้าววะ ฉันถามด้วยความข้องใจ

    ไม่รู้ดิ พยาบาลมั๊ง สุชาดาส่ายหน้า

    แกเข้าห้องน้ำยังไง

    ต้องนั่งกระโถน ลุกไม่ได้

    แย่จัง อย่างนี้แกก็ต้องนอนติดเตียงเลยสิวะ

    คิดอยู่จะกลับไปเรียนหรือเปล่า หมอบอกว่าต้องเข้าเฝือกเป็นเดือน

    ไม่เป็นไร ฉันจะจดมาให้แกเอง

    แกจะมาได้ยังไงทุกวัน ลำบากตาย

    เออน่า มาได้ก็แล้วกัน ฉันพูดไปพลางแกะกล่องพิซซ่าไปพลาง เอาซอสเยอะไหม

    ไม่ต้องก็ได้ มันจะเลอะมือแกเปล่าๆ

    ไม่ใส่ซอสจะอร่อยเหรอแก เอานิดหน่อยแล้วกันเนอะ ฉันฉีกถุงซอสบีบใส่หน้าพิซซ่าและป้อนให้กับสุชาดา

    สุชาดายิ้ม เมื่อเห็นฉันทำท่ากลัวว่าเธอจะทำพิซซ่าหก

    ฮ่าๆ แถมยังขำฉันอีกด้วย

    อะไรวะ หน้าฉันมีอะไรติดหรือไงแก

    หน้าแกไม่มีอะไรติดหรอก ท่าแกที่ป้อนฉันต่างหากมันตลกชะมัด

    ตลกยังไงวะ

    สุชาดาทำหน้าเลียนแบบฉัน ปากของเธออ้าและเบี้ยวๆ เลียนแบบท่าทางการป้อนของฉันออกมาจนเหมือน

    ฉันหัวเราะกับท่าทางนั้น ฉันทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ

    เออสิ นี่แหละท่าแก

    เอาใหม่ดีกว่า ฉันพยายามไม่ทำท่าอะไร ป้อนสุชาดาอีกคำ เธออ้าปากงับเข้าไปจนหมด

    อร่อยไหม

    อืม สุชาดาเคี้ยวจนหมดปากแล้วจึงพูดต่อ ดีกว่าอาหารโรงบาลเยอะเลยแก

    ดีแล้วกินเยอะๆ จะได้หายเร็วๆ ฉันจะได้มีเพื่อนคุย

    ทุกวันนี้แกไม่มีเพื่อนเลยหรือไงไอ้ผึ้ง

    มี แกไง ฉันบอกไปตามที่คิด

    ถ้าไม่มีฉันแกจะเหงาไหม

    เหงาดิ แกก็รู้ ฉันไม่ค่อยคบกับใคร มีแกนี่แหละที่สนิทกับฉันที่สุด

    ดีนะที่ฉันยังไม่ตาย สุชาดาบอกทีเล่นทีจริง

    แกห้ามตาย ต่อให้ตายก็ต้องฟิ้นเข้าใจปะไอ้สุ  

    ของแบบนี้ห้ามกันได้ทีไหน ทำอย่างกับพี่มากบอกแม่นาคอย่างนั้นแหละ ถ้าฉันเป็นอะไรไปจริงๆ ฉันจะกลับมาหาแกแบบแม่นาคดีไหมไอ้ผึ้ง

    นี่แน่ะ ฉันจับพิซซ่าอุดปากสุชาดาไปคำโต เพื่อไม่ให้พูดเรื่องไม่เป็นมงคลกับตัวเองอีก

    ไอ้บ้า สุชาดารีบเคี้ยวและกลืนของที่อยู่ในปากอย่างรวดเร็วเพื่อที่ปากจะได้ว่างและบ่นฉัน

    แกจะให้ฉันตายคาพิซซ่าเลยหรือไง ยัดมาได้คำเท่ายักษ์ เลอะหมดเลยเห็นไหม เช็ดด้วย สุชาดาสั่ง

    ฉันหยิบกระดาษเช็ดปากจากกล่องบนโต๊ะหัวเตียงคนไข้มาเช็ดปากที่เลอะซอสมะเขือเทศของสุชาดาออก

    นั่งนิ่งๆ ดิ กระดุกกระดิกแบบนั้นใครจะไปเช็ดได้ ฉันบ่น สุชาดาเอียงหน้าไปมา ทำให้ฉันเช็ดปากของเธอได้ไม่ถนัดนัก

    ไอ้เกลือมันไปซื้อน้ำถึงสุไหงโกลกหรือไงวะไอ้ผึ้ง ไปตั้งนานยังไม่กลับ สุชาดาบ่นถึงเกลือ นับเวลาที่เกลือบอกว่าจะออกไปซื้อน้ำจนกระทั่งถึงตอนนี้ผ่านไปเกือบชั่วโมง

    นั่นดิ ไม่เป็นไรหรอกแกกินน้ำโรงบาลไปก่อนก็ได้นี่หว่า ฉันเดินไปหยิบแก้วน้ำรินน้ำจากเหยือกใส่แก้วให้กับสุชาดา และนำมาป้อนเธอ

    สุชาดาดื่มน้ำจนเกือบหมดแก้ว เธอเบี่ยงหน้าหนีจึงทำให้ฉันรู้ว่าเธอไม่ต้องการดื่มอีก

    ไม่กินอีกหน่อยล่ะ กินน้ำเยอะๆ ดีนะแก

    ไอ้ตอนกินมันก็ดีหรอกแก แต่ตอนเอาออกนี่ดิ ลำบากว่ะผึ้ง ฉันขี้เกียจนั่งกระโถน มันเลอะๆ ไงไม่รู้

    ฉันเทให้แกก็ได้นะ

    จะบ้าเหรอ เรียกพยาบาลดีกว่า

    แกกลัวฉันเห็นของแกอะดิ ใช่ปะ

    ไอ้เวร ฉันป่วยขนาดนี้แกยังทะลึ่งได้อีกหรือไง ของมันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ จะดูไปหาสวรรค์อะไรวะ

    ว่าได้เหรอ ของฉันมันพวกผ่านแดดผ่านลมมาเยอะ ชอบดูอะไรที่มันขาวๆ อวบๆ

    ไอ้ทุเรศ นี่ถ้าฉันแขนไม่เข้าเฝือกแกตายแน่ๆ ไอ้ผึ้งสุชาดาหน้าแดงจนฉันสังเกตเห็น

    อ๊ะๆ เดี๋ยวก่อน แกจะทำอะไรนึกให้ดีก่อน ถ้าไม่มีฉันแกจะกินยังไง

    ไอ้นี่ป้อนข้าวแค่มื้อเดียวทำเป็นมีบุญคุณกับฉันตั้งแต่ชาติปางก่อน

    หรือไม่จริง ฉันแกล้งยั่วสุชาดาเล่น เห็นเพื่อนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้วอยากจะแกล้งอีกสักพัก

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ฉันเดาว่าคงเป็นเกลือจึงเดินไปนั่งที่โซฟาติดผนังห้องน้ำ เผื่อจะได้แกล้งจ๊ะเอ๋กับเกลือให้ตกใจเล่น

    สุเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่มีใครบอกพี่ เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นก่อนที่เธอคนนั้นจะเดินเข้ามาในห้องด้วยซ้ำ

     ท่าทางของผู้หญิงคนนั้นดูจะเป็นห่วงเป็นใยสุชาดามาก ฉันจึงนั่งนิ่งๆ มองดูผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปหาสุชาดาถึงเตียงคนไข้

    พี่เป็นห่วงเรามากรู้ไหม ขับรถยังไงถึงได้โดนชนได้ ไอ้สิบล้อคันนั้นมันโดนจับหรือเปล่า

    สุไม่รู้ค่ะพี่เอื้อ สุชาดาตอบเสียงเย็นชา ผิดกับเวลาที่พูดกับฉัน

    สุยังโกรธพี่อยู่หรือคะ

    สุมีสิทธิ์อะไรไปโกรธพี่ล่ะคะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย

    โถ..สุ ผู้หญิงคนนั้นยกมือขึ้นลูบผมสุชาดา ส่วนเพื่อนของฉันเบี่ยงตัวหลบมือของผู้หญิงคนนั้นทันทีเช่นกัน

    พี่กลับไปเถอะค่ะ เราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก

    สุจ๋า พี่รักสุนะคะ เรารักกันไม่ใช่เหรอ

    ค่ะ สุชาดาพูดออกมาสั้นๆ ทำให้ผู้หญิงคนนั้นมีท่าทางดีขึ้น

    เราเคยรักกัน แต่ตอนนี้สุไม่ได้รักพี่อีกแล้ว ถ้าไม่มีอะไรสุขอตัวพักผ่อนนะคะ ฮันนี่ ปรับเตียงให้สุด้วย สุชาดาหันมาบอกกับฉันน้ำเสียงหวานหยดย้อย ทำให้ฉันต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปปรับเตียงคนไข้ให้ลดระดับลง

    เพราะเด็กคนนี้ใช่ไหม ที่ทำให้สุเปลี่ยนไป ผู้หญิงคนนั้นหันมามองหน้าฉันเต็มๆ ตา ฉันเห็นความสวยงามจากใบหน้านั้น เธอดูเป็นผู้หญิงทุกกระเบียดนิ้ว ไม่มีอะไรบ่งบอกเลยว่าจะเป็นหญิงรักหญิง นี่หรือเปล่าที่ใครเขาเรียกกว่าเลส

    เปล่าค่ะ สุไม่รักพี่ตั้งแต่วันที่พี่บอกสุว่าพี่จะไปแต่งงานต่างหาก ความรักของสุมันหมดไปตั้งแต่วันนั้น มันเรียกกลับคืนมาไม่ได้อีกแล้วค่ะ สุชาดาบอกเสียงเรียบราวกับน้ำนิ่งๆ ในบึงกว้าง

    พี่คงต้องขอตัวก่อน ขอให้สุหายเร็วๆ ความรักของพี่คงไม่ทำให้สุดีขึ้น ผู้หญิงคนนั้นหันหลังเดินออกจากห้องไปทันทีที่พูดจบ เสียงปิดประตูดังๆ ตามหลังทำให้ฉันถึงกับสะดุ้ง

    ไอ้ผึ้ง สุชาดาหันมามองหน้าฉัน ดวงตาทั้งสองข้างของเธอในตอนนี้แดก่ำ ฉันเดินเข้าไปยืนข้างเตียงโอบกอดเพื่อนเอาไว้ในอ้อมแขนของฉัน

    สุชาดาซบใบหน้าบนไหล่ของฉัน เธอร้องไห้ออกมา แต่ไม่มีเสียงร้องให้ฉันได้ยิน

    ร้องออกมาเถอะแก ฉันอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหนจนกว่าแกจะสบายใจขึ้น ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะปลอบสุชาดาได้หรือเปล่า

    สักพักสุชาดาจึงหยุดร้อง ฉันหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมาซับน้ำตาให้กับเธอ

    พี่เอื้อเป็นแฟนเก่าฉัน สุชาดาบอกน้ำเสียงปนสะอื้น พี่เอื้อขอเลิกกับฉันเพราะเธอจะแต่งงาน ตอนนั้นฉันทำอะไรไม่ถูก ฉันไม่เคยมีคนรักมาก่อน ฉันกำลังจะสอบเอ็น กำลังใจทั้งหมดที่มีมันหายไปจนไม่เหลือ ฉันเกือบเอ็นไม่ติด ทำให้พ่อกับแม่เสียใจ

    อืม ฉันพยักหน้ารับรู้และเข้าใจความรู้สึกของสุชาดาเป็นอย่างดี

    พี่เอื้อบอกว่าจะหย่ากับสามีเธอ กลับมาคบกับฉัน เธอโทรมาหาฉันวันที่ฉันโดนรถชน ฉันสับสนไปหมด จนทำให้มองไม่เห็นรถบรรทุก มันก็เลยเกิดอุบัติเหตุแบบนี้

    เอาเถอะไอ้สุ มันผ่านไปแล้วแก อย่าไปคิดอะไรอีกเลย ฉันบอกแกแล้วไง ฉันจะเป็นเพื่อนแก

    แกเป็นแฟนฉันทีได้ไหมไอ้ผึ้ง

    ฉันแทบหงายหลังหากไม่ได้กอดสุชาดาเอาไว้ เฮ้ย...

    ไม่ต้องตกใจ แกช่วยเป็นแฟนหลอกๆ ให้ฉันทีได้ไหม ฉันไม่อยากให้พี่เอื้อกลับมาคบกับฉันอีก บอกตามตรงฉันเจ็บจนจะบ้า

    แกแน่ใจนะที่ตัดสินใจแบบนี้

    แน่ใจ

    ฉันว่าแกยังรักเขาอยู่ ถ้าแกไม่รักแกคงไม่มานั่งร้องไห้แบบนี้หรอกเพื่อน

    แกไม่มีวันเข้าใจฉันหรอก แกไม่เคยรักใคร

    ทำไมจะไม่เคย

    น้องผีดิบของแกน่ะเหรอ ถามหน่อยดิตอนนี้น้องเขาอาการเป็นยังไงแกตอบได้หรือเปล่า

    ฉันส่ายหน้าเป็นคำตอบ

    เห็นปะ แกตอบไม่ได้ ถ้าแกรักน้องผีดิบจริงๆ แกต้องตอบฉันได้ว่าน้องอาการเป็นยังไง แกต้องไปดูแลน้องเพราะแกรักเธอ แต่นี่แกไม่ทำอะไรนอกจากมายืนเฝ้าฉัน

    แกไม่มีคนดูแลนี่หว่า อีกอย่างฉันรู้จักแกมาก่อนน้องเขา จะปล่อยแกทิ้งเอาไว้ไม่ดูดำดูดีเพื่อนของตัวเองได้ยังไง ฉันไม่ใช่พวกเพื่อนกินนี่หว่า ซี้กันไม่ใช่เหรอวะไอ้สุ

    เออซี้ แต่ว่าตอนนี้ฉันปวดฉี่

    เอากระโถนไหม

    กดเรียกพยาบาลให้ฉันหน่อยดิ สุชาดาบอกอย่างนั้นฉันจึงกดปุ่มเรียกพยาบาลตามที่เธอสั่ง

    เราสองคนรออยู่นานพยาบาลไม่มาสักที สุชาดาทำท่าว่าจะอั้นไม่ไหว ฉันจึงเดินไปหากระโถนแบบนอนในห้องเผื่อว่าจะมีวางเอาไว้ตรงไหนสักแห่งในห้องนี้ ฉันเจอมันในห้องน้ำ และหยิบมันมาวางบนเตียงให้กับสุชาดา

    แล้วไงต่อ

    เอาไงดี ฉันพยุงตัวเองลุกไปนั่งบนนั้นไม่ได้ ทำไงดี สุชาดาบอก เธอพยายามลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล ขาของสุชาดาใส่เฝือกทั้งสองข้างตั้งแต่ต้นขาจนถึงข้อเท้า ส่วนแขนนั้นก็มีเฝือกทั้งสองข้างเช่นกัน ไม่รวมถึงคอที่ต้องใส่ปลอกคอกันกระดูกเคลื่อนอีก ครั้งแรกที่ฉันเห็น ฉันว่าสุชาดามองดูเหมือนมัมมี่

    ฉันเข้าไปประคองสุชาดาให้นั่งบนกระโถน จากนั้นจึงดึงผ้าม่านปิดบังคนที่อาจจะบังเอิญเดินเข้ามาตอนที่สุชาดาทำธุระพอดิบพอดี

    ไอ้ผึ้งแกมายืนตรงนี้หน่อยดิ สุชาดาเรียกฉัน

    แกฉี่ไปดิ

    ไอ้เวร มันนั่งไม่ได้โว้ย มันจะหกหมดดิช่วยหน่อย

    เออๆ ฉันจำยอมเข้าไปยืนให้สุชาดาใช้เฝือกที่แขนของเธอวางบนบ่าของฉัน เราสองคนเผชิญหน้ากันโดยไม่ได้ตั้งใจ

    ลมหายใจอุ่นๆ ของสุชาดารินรดต้นคอของฉัน จนฉันขนลุก แถมเธอยังถอนหายใจราวกับโล่งอกที่ได้ปลดปล่อยบางอย่างออกมาจากร่างกาย

    เรียบร้อย นึกว่าไม่รอดแล้ว

    ฉันจัดแจงหยิบกระโถนออกจากตัวของสุชาดา และยื่นกระดาษชำระให้กับเธอ

    ขอบใจนะไอ้ผึ้ง ไม่มีแกฉันตายแน่ๆ

    ไม่เป็นไร ฉันเคยอั้นมาก่อนรู้ว่ามันทรมาน งี้แกก็นอนได้แล้วดิ กินเสร็จฉี่เสร็จ

    ว่างั้นแหละ เริ่มปวดแผลตะหงิดๆ

    หมอมียาให้กินไหม

    มีวางอยู่บนโต๊ะ

    เดี๋ยวฉันเอาไปเทก่อนนะแก ฉันบอกพร้อมกับเดินเอาสิ่งที่อยู่ในมือไปเททิ้งในห้องน้ำและทำความสะอาดกระโถนจนเรียบร้อย จากนั้นจึงเดินกลับมาเปิดผ้าม่านและหยิบยาในแก้วเล็กๆ ส่งให้กับสุชาดา

    กินซะจะได้หายเร็วๆ ฉันป้อนยาใส่ปากสุชาดา พร้อมกับให้เธอดื่มน้ำตาม

    แกจะไปเรียนกี่โมง

    วันนี้คงไม่ไปแล้วล่ะ ขี้เกียจ

    ไหนว่าจะเรียนแทนฉันไง

    ไว้ขอยืมไอ้ยุกก็ได้ ลายมือมันสวยอ่านง่าย

    เป็นซะอย่างนี้ แกจะกลับไปก่อนก็ได้นะ ขอนอนจริงๆ แล้วล่ะ สุชาดาบอกพร้อมกับเอนตัวลงนอนกับเตียง และหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย

    ฉันนั่งอยู่สักพักจึงเดินออกมาจากห้องคนไข้ หน้าห้องนั้นฉันเห็นพี่เอื้อของสุชาดานั่งอยู่ที่ระเบียง ราวกับจะรอพบกับฉัน

    ขอคุยด้วยหน่อยสิ พี่เอื้อเรียกฉัน พี่ชื่อเอื้อ เป็นแฟนสุ

    ค่ะ ฉันรับรู้

    เพิ่งคบกันล่ะสิ

    ค่ะ เกือบสองปี

    รักกันมากสินะ

    ค่ะ

    ฝากดูแลสุด้วย สุคือลมหายใจของพี่ พี่รักสุมาก พี่คงดูแลสุไม่ได้ ถ้าเราทำแทนพี่ได้พี่จะขอบคุณมาก พี่เอื้อบอกกับฉันแบบนั้น เธอพูดจบจึงหันหลังเดินจากไป ทำให้ฉันต้องยืนนิ่งๆ อยู่ที่เดิม ตกลงฉันต้องตกกระไดพลอยโจนไปกับสุชาดาจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าฉันจะเป็นแฟนกำมะลอของสุชาดาแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×