คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ ๒
บทที่ ๒
ออรดาขี่ม้าควบตามยอดชีวันไปจนสุดแนวเขตไร่ของเธอและไร่ผู้การ มองไปทางใดดูเหมือนจะไร้เงาของยอดชีวันจนเธอรู้สึกเป็นห่วง
“หายไปไหนของเค้านะ อย่าบอกนะว่าไปสุดแผ่นดิน ขืนตกลงไปแย่เลยนะไอ้เด็กแสบ”
ออรดาคิดถึงบริเวณหวงห้ามของไร่ทั้งสอง ที่ดินแถบนั้นเป็นเขตหวงห้ามเลี้ยงสัตว์ทุกชนิด เนื่องจากปลายอีกฝั่งหนึ่งเป็นหุบเหวลึกราวๆ ยี่สิบเมตร ทุกครั้งที่สัตว์หลงฝูงเข้าไปในบริเวณนั้น มักจะตกลงไปจากหน้าผานั้นเสมอ บริเวณนั้นไม่ไม่รั้วรอบขอบชิด เนื่องจากทั้งสองไร่เคยทำแล้ว แต่พอฝนตกดินชะเสารั้วจนร่วงลงไปตามกระแสน้ำ
เธอมักชอบไปนั่งเล่นที่แถวนั้นบ่อยๆ แต่เด็กยอดคนนั้นไม่คุ้นพื้นที่ อาจจะเดินไถลลื่นตกลงไปยังผืนดินข้างล่างได้ง่ายๆ
เธอรีบควบม้าไปตามที่เธอคิด ปลายสุดทางของเขตหวงห้ามมีอะไรบางอย่างเคลื่อนตัวอยู่ท่ามกลางพงหญ้าที่สูงท่วมหัว
“อย่าไปทางนั้น” ออรดาตะโกนบอก ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ไกลจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอตะโกน
“อย่าไปทางนั้น” ออรดาตะโกนบอกอีกครั้ง
เธอรีบควบม้าของเธอตามไปติดๆ สุดพงหญ้าแห่งนี้จะเป็นหุบเหว หากเด็กยอดแสบตกลงไป ร่างคงแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี
ยอดชีวันได้ยินเสียงม้าวิ่งจึงหยุดวิ่งและหันไปมอง
“อย่าไปทางนั้น” อรดายังคงตะโกนบอกเช่นเดิม
“เวรเอ๊ย...” ออรดาสบทออกมาดังๆ เธอดูจากท่าทางการวิ่งของยอดชีวัน เด็กคนนั้นคงไม่เชื่อคำทักท้วงของเธอเป็นแน่
“ฉันจะไป” ยอดชีวันไม่ยอมฟังคำทักท้วง เธอรีบก้าวขาออกวิ่งไปเรื่อยๆ แถมยังเพิ่มความเร็วให้มากขึ้นกว่าเดิม
“มันเป็นเหว อย่าวิ่งอย่างนั้น” ออรดารู้ดีว่า ถึงเธอห้ามไปยอดชีวันคงไม่ฟังเธอ เด็กคนนี้ดื้อสุดๆ ต่อให้บอกว่าหนทางข้างหน้ามีอันตราย เธอเดาว่ายอดชีวันคงไม่มีวันเชื่อเธอแน่นอน
“ฉันไม่เชื่อ” เป็นไปตามคาด ยอดชีวันเริ่มต้นวิ่งต่อไป ไม่นานนัก เธอลื่นไถลเพราะหินกรวดที่พื้นทำให้การหยั่งขาของเธอยากขึ้น
“เฮ้ย.....” ยอดชีวันร้องเสียงดัง ออรดารีบลงจากหลังม้า ถอดเชือกที่แขวนเอาไว้ตรงอานม้าออก เธอรัดเอาไว้กับเชือกบังเหียนอีกทีหนึ่ง
“ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย เตือนแล้วไม่ฟัง ดื้อฉิบ” ออรดาบ่นออกมาดังๆ ความดื้อรั้นของยอดชีวันทำให้เรื่องง่ายๆ ต้องกลายเป็นเรื่องยาก
เธอโยนเชือกไปคล้องข้อมือของยอดชีวันเอาไว้
“จับแน่นๆ ไอ้น้อง” ออรดาสั่ง “ถ้าไม่เชื่อตายแน่ๆ”
“จับแล้ว” ยอดชีวันตะโกนกลับมาเสียงดังไม่แพ้กัน
“ไปเจ้าสมายล์ ค่อยๆ ลากไป” เธอตีบั้นท้ายม้าคู่ใจไปเบาๆ เธอช่วยเจ้าม้าแสนรู้ลากยอดชีวันที่กำลังจะตกลงไปเบื้องล่างให้ค่อยๆ ขยับขึ้นมาทีละนิดๆ และสุดท้าย ยอดชีวันจึงอยู่ในสถานที่ซึ่งเธอคิดว่าปลอดภัยจากการร่วงหล่นลงไปด้านล่าง
“เป็นไง หายซ่าไปเลยดิ เจ็บแผลมากไหม”
ออรดาจับแขนของยอดชีวันดูแผลถลอกที่ข้อศอก
“เจ็บสิ ลองดูบ้างปะล่ะ” ยอดชีวันยังทำเก่ง
“กลับไปบ้านไปทำแผลดีกว่า ปล่อยเอาไว้จะอักเสบ”
ไม่กลับ ที่บ้านมีแต่คนใจร้าย ไม่ยอมฟังเรา”
“เป็นเด็กเป็นเล็กพูดจากับผู้ใหญ่ดีๆ หน่อยได้ไหม”
“ตัวเป็นผู้ใหญ่แล้วเหรอ อายุต่างกับเรากี่ปีกันเชียว”
“อย่างน้อยๆ เราก็เรียนมหาวิทยาลัยก็แล้วกัน เรามันแค่เด็กมอต้น อย่าทำรู้ดีไปหน่อยเลย”
“รู้ได้ไงว่าเราเรียนมอต้น เราขึ้นมอปลายแล้ว”
“นี่นะเด็กมอปลาย ทำตัวเหมือนเด็กประถมสี่”
“อย่ามาดูถูกเรานะ”
ยอดชีวันหน้าบูดบึ้ง เมื่ออีกคนกำลังพูดดูถูกเธอเข้าให้
“หรือไม่จริงล่ะ ไอ้สามคนที่เธอไปต่อยกับพวกมัน นั่นมันแค่เด็กประถมเท่านั้น เท่ากับเธอรังแกเด็กใช่ไหม”
“พวกมันรังแกเด็กของเราก่อน” ยอดชีวันยังเถียงคอเป็นเอ็น
“เราเป็นผู้ใหญ่กว่าแทนที่จะห้ามเด็กตีกัน กลับไปร่วมวงต่อยตีด้วย น่าโดนตีนักนะเรา”
“หรือตัวไม่ร่วมวงด้วยเล่า ตัวก็เหมือนกันนั่นแหละ มาทำลายสนามเล่นเกมของพวกเราพังหมด ตัวนั่นแหละน่าโดนตีที่สุด”
“ขอโทษก็แล้วกัน”
ออรดารู้สึกว่าเธอผิดจริงออย่างที่ยอดชีวันพูด เธอฟังความข้างเดียว ไม่ฟังคำอธิบายของพวกยอดชีวันก่อน ถึงได้เกิดเรื่องขึ้นกับเธอทั้งสองคน
“ก็ได้ เราไม่ใช่พวกเจ้าคิดเจ้าแค้นหรอกนะ ไหนๆ ตัวก็ช่วยเราเอาไว้ ถือว่าหายกัน”
“เราเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม”
“ได้สิ เราเป็นเพื่อนกัน” ยอดชีวันยกนิ้วก้อยของเธอขึ้นมา รอให้นิ้วก้อยของออรดามาเกี่ยวกับนิ้วของเธอ
“เราชื่อยอด ตัวล่ะชื่ออะไร”
“เราชื่อออ”
“ชื่อแปลกจัง”
“ย่อมาจากชื่อจริงว่าออรดา คนที่บ้านเรียกสั้นๆ ว่าออทั้งนั้นแหละ”
“เราชื่อยอดชีวัน แต่ทุกคนเรียกเราว่าไอ้ยอด มีแต่แม่นั่นแหละเรียกเราว่าลูกยอด”
“คงจะซนล่ะสิ ถึงได้มีสรรพนามนำหน้า”
“ไม่รู้สิ อย่างที่เห็นนี่แหละ ว่าแต่ขี่ม้าสนุกไหมล่ะ”
“ดีกว่าเดิน”
“จริงดิ นึกว่าน่าสนุก ตัวขี่มานานหรือยัง”
“นานแล้ว ตั้งแต่เรายังเรียนประถม”
“น่าอิจฉาจัง วันหลังสอนเราบ้างดิ เราอยากขี่ม้าเป็น”
“ได้เลย เราสอนให้ แต่ก่อนจะขี่ต้องทำความรู้จักกับม้าก่อน”
“ทำยังไง ต้องไปลูบหัว ลูบตัวมัน ให้มันได้กลิ่นของเราก่อน แล้วก็ค่อยๆ เริ่มจูงมันเดินไปรอบๆ สนาม จากนั้นถึงจะขึ้นขี่”
“ต้องทำทุกครั้งเลยเหรอ”
“เปล่าหรอก ทำกับม้าที่มันยังไม่คุ้นเคยกับเราเท่านั้น ถ้ามันคุ้นแล้วมันก็ให้เราขี่ได้สบายๆ”
“พรุ่งนี้สอนเราได้ปะ เราจะไปหัดแต่เช้าเลย”
ยอดชีวันนึกสนุก เธอคงมีอะไรทำระหว่างอยู่ที่ไร่ หากเธอสามารถขี่ม้าเป็น การไปไหนต่อไหนในไร่จะง่ายกว่าการปั่นจักรยาน
“ได้สิ แต่วันนี้ต้องกลับไปอาบน้ำทำแผลก่อนนะ จะได้ไม่อักเสบเป็นหนอง ถ้าไม่สบายจะขี่ม้าไม่ไหวจะว่าเราไม่บอกไม่ได้หรอกนะ”
ออรดารีบหาเหตุผลขึ้นมาอ้าง เพื่อทำให้ยอดชีวันทำตามที่เธอบอกแบบง่ายๆ ไม่ดื้อรั้นอย่างที่เคยเป็น เด็กอย่างยอดชีวันคงต้องมีอะไรมาเป็นสิ่งล่อใจจึงจะยินยอมคล้อยตามคำสั่งของคนอื่น
“ได้ๆ ว่าแต่เราจะกลับยังไงล่ะ ฟ้าเริ่มมืดแล้วด้วย”
“นั่งบนหลังม้าไปด้วยกัน”
“จริงดิ สุดยอดเลย ได้นั่งหลังม้าด้วย” ยอดชีวันตาโต เธอไม่เคยขึ้นหลังม้ามาก่อน แม้ที่ไร่ของคุณปู่จะมีคอกม้าอยู่ แต่มีคำสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคอกม้านั้น ม้าแต่ละตัวมีราคาแพงแสนแพง แถมยังเป็นม้าแข่งที่กำลังทำเงินอย่างงามให้กับนายพลกิตติ อดีตนายพลทหารม้าผู้ลือชื่อ
“แต่ตัวต้องขึ้นก่อนนะ เราจะคร่อมตัวอีกที”
“ไม่มีปัญหา” ยอดชีวันรีบเดินไปหาเจ้าสมายล์ เฮทำตามที่ออรดาบอกเธอลูบไปที่หัวของมัน จากนั้นจึงพูดกับมันว่า “ขอขี่หน่อยนะเจ้าม้า”
ออรดาขำกับท่าทางของคนอยากขี่ม้า
“เอาเท้าใส่เข้าไปในนั้นสิตัว” ออรดาบอก
ยอดชีวันเสือกเท้าของเธอเข้าไปในโกลน “อึ๊บ” ยอดชีวันพยายามโหนตัวขึ้นไปบนหลังม้าแต่ไม่เป็นผล ทำให้เจ้าสมายล์เริ่มอยู่ไม่ติดที่
“ทำไมขึ้นยากจัง” ยอดชีวันเคยเห็นคนขึ้นขี่บนหลังม้าจากในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ เวลาดูคนอื่นทำเหมือนมันจะง่าย แต่เมื่อเธอต้องมาโหนตัวขึ้นบนหลังม้าแบบนั้นบ้าง เธอกลับทำไม่เป็น แถมยังจะทำให้ม้าตัวที่เธอจะขึ้นไปขี่กำลังจะพยศ
ความขลาดกลัวเกิดขึ้นในใจของยอดชีวันอีกครั้ง จึงทำให้เธอละล้าละลังที่จะโหนตัวขึ้นไปขี่บนหลังม้าอีกรอบ
“มาเราช่วย” ออรดาช่วยดันสะโพกของยอดชีวันให้ขึ้นไปบนหลังม้าจนสำเร็จจากนั้นเธอจึงโหนตัวขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่ด้านหลังของยอดชีวันอีกที
“ทำไมตัวขึ้นง่ายนักล่ะออ” ยอดชีวันถามด้วยความอยากรู้
“เราคงขี่มานานแล้วมั๊ง นั่งถนัดหรือเปล่า กระเถิบมาด้านหลังก็ได้นะ” ออรดาขยับตัวถอยห่างไปนั่งจนสุดอานม้า
“ไม่ต้องขยับหรอก เรานั่งถนัด ไปกันได้เลย”
ออรดาค่อยๆ บังคับให้ม้าเดินไปเรื่อยๆ เธอไม่อยากให้ม้าควบเร็วนัก กลัวว่าคนไม่เคยขึ้นหลังมาจะตกลงไปจนหลังเดาะ หากเป็นแบบนั้นคงเป็นคราวซวยของยอดชีวัน รอดชีวิตจากการตกจากเขา แต่ต้องมาตกม้าหลังหัก น่าตลกและขำไม่ออก
รุ่งขึ้นยอดชีวันตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นของฟ้า เธอปั่นจักรยานมาที่ไร่ของออรดาแถมยังมายืนรอออรดาตื่น
“อ้าวหนูยอดมาทำอะไรแต่เช้าจะ” แม่เลี้ยงต้องเดินออกมาจากบ้านพัก เห็นยอดชีวันเดินไปเดินมาอยู่ที่บันไดบ้านของเธอจึงเอ่ยทัก
“มารอออ”
“รอยัยออ รอทำไม”
“ออบอกว่าจะสอนขี่ม้า” ยอดชีวันตอบด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม แถมยังเป็นยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงอีกต่างหาก
“อ้าวเหรอ เดี๋ยวน้าไปตามยัยออให้นะ สงสัยจะยังไม่ตื่น”
แม่เลี้ยงต้องเดินกลับเข้าไปในบ้าน พักใหญ่จึงเดินออกมาหายอดชีวัน
“ทานอะไรมาหรือยังหนูยอด ทานข้าวต้มกับน้าก่อนไหม”
“ไม่ค่ะ” สอดชีวันส่ายหน้าเร็วๆ เป็นการปฏิเสธ เธอกลัวว่าหากเธอกินข้าวเข้าไป จะทำให้เธอน้ำหนักตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ เมื่อคืนเธอเปิดอินเตอร์เน็ตดูมีคนบอกว่า จ๊อกกี้ที่ดีต้องตัวเล็กๆ การบังคับม้าจะได้ง่ายๆ เพราะม้าไม่ต้องรับน้ำหนักของคนขี่
“ระวังน้า ขี่ม้ามันเหนื่อย ทานมีอะไรรองท้องสักหน่อย ไปเป็นลมเป็นแล้งบนหลังม้าจะลำบาก”
“ขี่ม้าเหนื่อยมากเลยหรือคะ” ยอดชีวันชักลังเล
“หัดใหม่ๆ เหนื่อยนะ น้าเคยลองหัดแต่ตกม้าลงมาซะก่อน ก็เลยไม่กล้าหัดอีก”
“ตกม้าเจ็บไหมคะ”
“ถ้าตกตอนมันเดินไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าตกตอนมันกำลังวิ่งนี่เจ็บยิ่งกว่าจักรยานล้มอีกนะ” แม่เลี้ยงต้องมองที่แขนของยอดชีวัน แขนนั้นเป็นแผลถลอกเหมือนๆ กับยอดชีวันไปล้มครูดกับพื้น เธอจึงเตือนด้วยความหวังดี ตัวเธอนั้นจนป่านนี้ยังขี่ม้าไม่เป็น แม้ในไร่จะมีม้าอยู่หลายตัว
“ว้า แย่จังเจ็บกว่าขี่จักรยาน แต่ไม่เป็นไร คุณปู่บอกยอดว่า หัดขี่จักรยาน ถ้าไม่ตกลงมาถือว่าไม่เคยหัด ยอดเคยตกนะคะคุณน้า ตกปุ๊บ ขึ้นปั๊บ ขี่เป็นเลย” ยอดชีวันโอ่
“อย่าไปเชื่อน้าต้องเลยตัว ขี่ม้าง่ายออกจะตายไป เราขี่มาตั้งหลายปีไม่เคยตกสักที” ออรดาเดินเข้ามาร่วมโต๊ะอาหารด้วย
“จริงดิ ง่ายแบบนั้นจริงๆ เหรอ”
“อือ กินข้าวด้วยกันก่อนสิ อิ่มแล้วนั่งพักสักเดี๋ยวแล้วค่อยไปหัดขี่ม้ากัน” ออรดาบอก
ยอดชีวันทำตามอย่างว่าง่าย จนแม่เลี้ยงต้องหันไปมองหน้าของออรดาเป็นเชิงถาม ออรดาไม่มีคำตอบอะไรออกมาจากปากเธอเพียงแค่ยิ้มๆ แล้วหันไปใส่ใจกับข้าวต้มตรงหน้าแทน
“ยัยออต้องเอาอะไรมาล่อหนูยอดแน่ๆ เลยพี่จอย” แม่เลี้ยงตาลบอกกับแม่เลี้ยงจอยคนรักของเธอ เธอรู้สึกตงิดๆ เมื่อเห็นหลานสาวของเธอกำราบยอดชีวันจนอยู่หมัด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งเกิดเรื่องทะเลาะกันอยู่หลัดๆ
“พี่ก็ว่างั้นแหละ”
แม่เลี้ยงจอยตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาจากการอ่านหนังสือพิมพ์ในมือ
“นี่พี่จอย สนใจกันหน่อยไม่ได้หรือไง ต้องเป็นห่วงเด็กสองคนนั้นอยู่นะ” ต้องยกมือของเธอกดหนังสือพิมพ์ในมือคนรักลงมาเพื่อให้เห็นหน้าได้ชัดๆ
“เอาน่า พี่เชื่อว่ายัยออต้องมีวิธี” จอยจ้องหน้าคนรัก สีหน้าของต้องดูมีความกังวลอยู่ไม่น้อย เธอจึงกุมมือของคนรักเอาไว้
“ออเป็นหลานของต้อง ลูกของตาล พี่เชื่อว่าต้องมีความฉลาดเหมือนแม่เหมือนน้าบ้างล่ะนะ”
“พี่จอยพูดเกินไป”
“จริงนะ ดูสิ สองคนนั้นเข้าขากันได้ดีจะตายไป หนูยอดคงอยากขี่ม้าเป็นเร็วๆ แปลกเนอะทำไมท่านผู้การไม่สอนหลานขี่ม้าทั้งๆ ที่ไร่นั้นมีม้าดีๆ สวยๆ ฝีเท้าเลิศตั้งหลายตัว ม้าของเราเสียอีกสู้ไม่ได้”
“นั่นแหละพี่จอย ต้องถึงได้กังวลอยู่นี่ไง ถ้าท่านอยากให้หลานขี่เป็นคงสอนหนูยอดไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้ยัยออของเรามีโอกาสสอนแบบนี้หรอก”
“เอาเถอะ อย่าไปคิดมากเรื่องของเด็กๆ ดีกว่า สองคนนั้นเข้ากันได้มันก็ดี อีกอย่างหากเด็กสองคนเป็นเพื่อนกัน เราก็จะได้สนิทกับไร่นั้นไปด้วย ผูกไมตรีกันเอาไว้ดีกว่าสร้างศัตรูกันนะต้อง ไม่เอาแล้วพี่ไปทำงานต่อดีกว่า เดี๋ยวจะเก็บส้มไม่ทันรถมารับจากในเมือง” จอยรีบลุกขึ้นเดินออกไปจากบ้าน มีสายตาของต้องมองตามไปด้วยความเป็นห่วงระคนความกังวลอยู่ในที
“ใครเห็นยอดบ้าง หายไปไหนตั้งแต่เช้า” กิตติเอ่ยถามคนของเขาเมื่อไม่เห็นยอดชีวันอยู่ร่วมรับประทานอาหารเช้าพร้อมกับเขาเช่นทุกวัน
“คุณยอดขี่จักรยานไปไร่แม่เลี้ยงแต่เช้าแล้วค่ะ”
แม่บ้านคนสนิทของกิตติบอกกับเขา
“ไปกวนอะไรไร่นั้นตั้งแต่เช้า กลับมาคงต้องอบรมสักหน่อย”
“คงได้หรอกค่ะท่าน คุณยอดเธอคงจะฟัง”
“นี่แม่สอางค์ ทำรู้ดีนักนะเรา”
“อางอยู่กับท่านมากี่ปีแล้วคะ ไม่รู้ก็เกินไปค่ะ”
“นั่นสิเราอยู่กับฉันมากี่ปีแล้วแม่อาง”
“ก่อนคุณหนูเกิดนั่นแหละค่ะ จนคุณหนูมีลูกโตจะเป็นสาว”
“สี่สิบกว่าปีแล้วสินะ”
“ค่ะอางว่าจะออกๆ ไปแต่งงานตั้งหลานที ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นก่อน”
“พอๆ แม่อาง ไม่ต้องพูด” กิตติมีแววตาสลดลงเมื่อสอางค์แม่บ้านคนสนิทกำลังจะพูดถึงสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะได้ยิน
“อางไปก็ได้ ท่านก็ทานให้หมดด้วยนะคะ อย่าลืมทานยาหลังอาหาร อางวางเอาไว้ข้างแก้วนั้น อย่าให้อางรู้นะว่าท่านเอายาไปทิ้งอีก ถ้าท่านล้มอีกรอบอางอุ้มไปโรงบาลไม่ไหวนะคะ” สอางค์พูดเสร็จเธอจึงก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องอาหาร ปล่อยให้เจ้านายของเธอนั่งอยู่ในห้องนั้นเพียงลำพัง
ยอดชีวันปาดเหงื่อออกจากใบหน้าของเธอหลังจากที่เธอต้องเดินจูงเจ้าสมายล์ตามที่ออรดาบอกอยู่หลายรอบสนาม
“เมื่อไหร่จะได้ขึ้นขี่สักทีล่ะ”
ยอดชีวันชักเซ็งเธอตั้งใจจะมาหัดขี่ม้าไม่ได้มาหัดเดินจูงม้าอยู่แบบนี้
“ต้องสร้างความคุ้นชินกับม้าก่อน ขืนปล่อยให้ตัวขึ้นขี่มันพยศขึ้นมาจะทำไง ตกลงมาหลังหักตาพอดี”
“อีกกี่รอบเล่า” ยอดชีวันชักถอดใจ
“รอบนี้แหละสุดท้ายแล้ว รอบหน้าขึ้นขี่ได้” ออรดาตอบ
คำตอบนั้นทำให้ยอดชีวันยิ้มออก เธอรีบจูงเจ้าสมายล์ให้ครบรอบเพื่อที่จะได้ขึ้นขี่มันเร็วๆ
“เดินช้าๆ สิ จูงแบบนั้นมันเจ็บ” ออรดาตะโกนบอก
“มันจะเจ็บได้ยังไง ไม่ได้ตีมันสักหน่อย” ยอดชีวันเถียง
“มันเจ็บปากมันไง ไม่เห็นเหรอ เชือกอยู่ที่ปากมัน มันจะบาดปาก”
“อ้าวเหรอ” ยอดชีวันมองไปที่ปากของเจ้าสมายล์ เธอเห็นเชือกในปากของเจ้าสมายล์อย่างที่ออรดาบอก เธอจึงค่อยๆ ลดความเร็วในการจูงมันลง
ออรดายิ้มที่มุมปากนิดๆ “ให้ได้อย่างนี้สิไอ้น้อง เฮ้อ...”
ยอชีวันจูงจนครบรอบมาหยุดอยู่ตรงที่ออรดายินรออยู่
“ลองหัดขึ้นมันสิ”
ออรดาจับเจ้าสมายล์เอาไว้แน่น เพื่อให้ยอดชีวันลองขึ้นหลังของมัน
ยอดชีวันพยายามโหนตัวจนสุดแรง เธอยังไม่สามารถขึ้นไปบนหลังม้าได้ เมื่อวานก็แบบนี้ วันนี้ยังเป็นแบบเดิมอีก แถมเจ้าสมายล์ยังทำท่าว่าจะวิ่งหนีเธอจนออรดาต้องตบไปที่ข้างลำตัวของมันเบาๆ
“ใจเย็นๆ ไอ้มาย ใจเย็นๆ เข้าไว้ลูก” ออรดาพูดกับม้าตัวโปรดของเธอ
“ลองใหม่ ไม่ต้องโหนจนสุดตัว เอามือกดไปบนอาน อย่ากระชากมัน ทำเหมือนตอนจะกระโดดปีนข้ามกำแพง แล้วก็ส่งแรงไปที่ขา พยุงตัวขึ้นไปนั่งบนอานให้ได้ลองดูอีกที”
ยอดชีวันทำตามที่ออรดาบอก ครั้งนี้เธอทำสำเร็จ เธอขึ้นนั่งบนหลังม้าได้อย่างง่ายดาย
“โอ้ว...เยส...” ยอดชีวันตะโกนลั่น
“เบาๆ หน่อย เดี๋ยวมันก็ตกใจหรอก”
“ขอโทษ ลืมตัวไปหน่อย”
“เราจะช่วยจูงให้ก่อนสักรอบสองรอบ แล้วจะปล่อยให้ขี่เอง”
ออรดาบอกอย่างนั้นเธอจูงเจ้าสมายล์ให้ยอดชีวันไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่ายอดชีวันสามารถทรงตัวบนหลังม้าได้แล้วจึงปล่อยให้ยอดชีวันหัดขี่เอง
เสียงโทรศัพท์ของใครสักคนดังขึ้น เจ้าสมายล์ตดใจจนวิ่งเตลิดไปรอบๆ สนามซ้อม
“เฮ้ย...” เสียงของยอดชีวันร้องลั่น เธอบังคับเจ้าสมายล์ไม่อยู่ มันพยศทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไร ไม่นานนัก เธอร่วงตกลงมาจากหลังของมัน
“ปั๊ก...” ยอดชีวันรู้สึกเหมือนตัวเองถูกปล่อยให้ร่วงลงมาจากตึกราวๆ สักสามชั้น สะโพกของเธอเจ็บไปหมด
ออรดาตกใจที่อยู่ๆ ม้าของเธอเกิดพยศจนทำให้ยอดชีวันร่วงตกลงมา เธอรีบวิ่งเข้าไปหายอดชีวันทันที
“เจ็บมากไหม” ออรดาเอ่ยถาม
“เจ็บสิถามได้ กระดูกจะหักไหมเนี่ย” ยอดชีวันพยายามลุกขึ้นด้วยตัวเองแต่ความเจ็บทำให้เธอจุกจนลุกไม่ขึ้น
“มะ ลุกขึ้นมา เก่งนักนี่” ออรดายื่นมือฉุดยอดชีวันให้ลุกขึ้นจากพื้น
“ทำไมมันถึงได้พยศล่ะไหนว่ามันเชื่อง”
“เสียงโทรศัพท์น่ะสิ”
“เสียงโทรศัพท์เหรอ”
“นั่นแหละ เราเอาโทรศัพท์ไว้ที่ตัวหรือเปล่า”
“อือ” ยอดชีวันรับคำเสียงอ่อย
“มันคงตกใจสัญญาณโทรศัพท์ก็เลยพยศ”
“มันตกใจง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ”
“มันคงไม่เคยได้ยินว่าแต่ใครโทรมาล่ะ”
“ไม่รู้สิ” ยอดชีวันรีบล้วงกระเป๋ากางเกงของเธอหยิบโทรศัพท์ออกมาดู
“ตายแล้วคุณปู่โทรมา”
“โทรกลับไปสิ”
“อือ...” ยอดชีวันรับคำ เธอรีบกดโทรศัพท์กลับไปหากิตติทันที
“คุณปู่มีอะไรกับยอดหรือฮะ”
ยอดชีวันรีบพูดกับเครื่องโทรศัพท์ของเธอ
“ไปทำอะไรไร่โน้นเจ้ายอด”
“มาเล่นกับพี่ออ”
“อย่าไปซนจนแม่เลี้ยงกลับมาฟ้องปู่ล่ะ”
“ฮะ ยอดไม่ซนหรอกฮะ”
“จะกลับมากินข้าวเที่ยงกับปู่หรือเปล่า”
“ไม่กลับฮะ ยอดจะกินที่ไร่นี้”
“เกรงใจแม่เลี้ยงบ้างนะเจ้ายอด ห้ามก่อเรื่องวุ่นๆ อีกเข้าใจไหม”
“เข้าใจฮะ ยอดจะกลับไร่ตอนเย็นๆ นะฮะ พี่ออจะไปส่ง”
“ตามใจ”
“ขอบคุณฮะคุณปู่ แค่นี้นะฮะยอดจะไปเล่นต่อ” ยอดชีวันรีบกดวางสายทันทีเธอกลัวว่ากิตติจะซักถามอะไรเธอต่อ จนเธอจนมุม
“ยังจะต่ออีกเหรอ”
“ฮะ ยอดจะขี่มันจนกว่าจะเป็น” ยอดชีวันมุ่งมั่นจนออรดาอ่อนใจ
“ตามใจ ตกลงมาอีกอย่ามาโทษเราก็แล้วกัน” ออรดาปล่อยให้ยอดชีวันขึ้นขี่หลังเจ้าสมายล์อีกครั้งหลังจากที่มันสงบลงได้สักพัก
ท่าทางยอดชีวันคงไม่ล้มเลิกความตั้งใจ จนกว่าจะขี่ม้าคล่องเป็นแน่
ความคิดเห็น