ผจญภัยในอบารัต version 1 (ได้รับรางวัลชมเชยจาก บ.อมริทร์)
“โอ้โฮ! จัตุรัสแดง”  ฉันอุทานเสียงดัง
ฉันมาที่มอสโคเป็นครั้งแรกเพราะต้องมาซ้อมดนตรีสำหรับคอนเสิร์ต แต่ตอนนี้ฉันจะเที่ยวให้เต็มคราบก่อนการฝึกซ้อมอันหนักหน่วงในช่วงบ่าย อ้อ! ลืมบอกไปฉันชื่อปุ้ย ฉันเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลไทยมาเรียนที่วิทยาลัยดนตรีในวลาดิวอทสต็อก  และฉันมีพี่สาวฝาแฝดอีกคนหนึ่ง ตอนนี้เธอไปเรียนที่ฝรั่งเศส เธอเป็นอัจฉริยะ เธอมีไอคิวตั้ง 150 ซึ่งผิดกับฉันลิบลับ เฮ้! นั่นผู้หญิงแก่เธอมีปีกเครื่องหมายทหารอยู่ด้วย ดูเหมือนว่าเธอขายมันนะ  ฉันเก็บสะสมเจ้าพวกนี้จึงเดินเข้าไปซื้อมันในราคา 5 รูเบิ้ล ตอนแรกเธอมองรอยสักรูปมังกรที่หลังมือซ้ายของฉันเหมือนจะหยั่งเชิงว่าสมควรขายให้ฉันหรือไม่ แต่แล้วเธอก็ขายให้ฉันและเดินจากไปพร้อมกับทิ้งรอยยิ้มที่ฉันเห็นแล้วรู้สึกสยอง
ก่อนถึงเวลาซ้อมฉันรู้สึกร้อนที่ต้นขาเหมือนโดนน้ำร้อนลวก ฉันล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก็พบปีกทหารที่ซื้อมาเมื่อเช้า มันเปล่งแสงออกมาพร้อมๆกันความร้อนที่พวยพุ่ง มันร้อนขึ้นเรื่อยๆแล้วมันก็ขยายใหญ่ขึ้นๆราวกับว่ามันจะระเบิดออก ทันใดนั้น ตู้ม! มันระเบิดเสียงดังลั่น แล้วสติของฉันก็ดับวูบลง
รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าได้มาโผล่อยู่ในสถานที่ที่แปลกๆ ตัวฉันอยู่กึ่งกลางระหว่างความมืดมิดที่อยู่ทางด้านขวากับแสงสว่างที่อยู่ทางด้านซ้ายซึ่งเมื่อมองออกไปก็จะเห็นป่าและชายหาด ฉันลุกขึ้นยืนและออกเดินไปตามแสงที่ส่องออกมาได้แค่ไม่ก้าวก็มีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาจากพุ่มไม้แล้วชนฉันเข้าโครมใหญ่พร้อมๆกับเสียงดังไล่หลังได้ความว่า “ขโมย” กับ “ผู้บุกรุก” แล้วร่างที่ชนฉันก็ฉุดฉันให้วิ่งมาที่ชายหาด  ร่างนั้นเป็นผู้หญิงเธอมีผมยาวสีเงิน ใบหูแหลม และมีเท้าเหมือนครีบปลา เธอคนนั้นดึงมือฉันลงไปในทะเล
“เดี๋ยวก่อน! ฉันว่ายน้ำไม่เป็น” ฉันร้องเสียงหลงพร้อมกับชักมือกลับ
เธอหันมาทำหน้าหงุดหงิดใส่ฉันแล้วพูดว่า “ก็ได้ๆ”
จากนั้นเธอก็ออกเดินเป็นวงกลมอยู่ 2-3 รอบ ปากก็พูดพึมพำ ในวงกลมนั้นก็เริ่มมีตัวประหลาดที่มีส่วนผสมระหว่าง นก อูฐและช้าง โผล่ขึ้นมา
“ขึ้นมา เร็ว!” เธอสั่ง
ฉันทำตามอย่างว่าง่าย ผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มบังคับเจ้าตัวประหลาดให้ออกบิน เมื่อบินไปได้สักพักหนึ่งอากาศก็เริ่มปั่นป่วน ฝนตกลงมาห่าใหญ่ ฟ้าผ่าลงมาที่หัวของสัตว์นั้นอย่างเต็มเปาทำให้ฉันกับผู้หญิงคนนั้นตกลงในทะเลที่กำลังบ้าคลั่ง ฉันกระเสือกกระสนให้ตัวเองรอดโดยกอดคอผู้หญิงคนนั้นไว้แน่น
“ช่วยฉันด้วย ยายบ้า” ฉันละล่ำละลัก
“ฉันชื่อเฮลก้าย่ะยายบ๊อง เอามือออกไปจากคอฉัน”
แล้วก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้น “เฮ้! รู้สึกว่ามีคนอยากให้ฉันช่วยนะ” เจ้าของเสียงนั้นคือปูยักษ์ ฉันสาบานได้ว่าฉันไม่เคยเห็นปูที่ตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย ขนาดของมันเท่ากับรถแทรกเตอร์ 2 คันได้และที่สำคัญมันพูดได้!
“ใช่ ฉันอยากให้นายช่วย เอาแม่นี่ออกไปจากฉันที” เฮลก้าตอบ
“ฉันชื่อปุ้ยย่ะ ฉันมาจากรัสเซีย ที่นี่ที่ไหน?” ฉันถามขึ้นหลังจากสำลักน้ำ
“ดูเหมือนว่าเธอต้องการทั้งความช่วยเหลือและคำตอบ” ปูพูด “ได้ฉันจะช่วยแต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ฉันอยากได้รูปมังกรที่มือของเธอ” ปูพูดพลางใช้ก้ามอันใหญ่โตชี้มาที่รอยสักของฉัน
ฉันลังเลที่จะตอบ ถ้าฉันบอกว่าได้แสดงว่าฉันต้องถูกตัดมือแต่ว่าฉันกำลังจะจมน้ำตาย ฉันต้องเลือกระหว่างชีวิตกับมือ แล้วฉันก็เลือกชีวิตของฉัน
“ได้สิ” ฉันตอบ ใจฉันเต้นระรัว มือฉันคงถูกตัดแหงๆ
ปูใช้ปากของมันดูดรอยสักจากมือของฉัน แล้วรอยสักก็ไปปรากฎอยู่บนกระดองของมัน เฮลก้ากับฉันได้ขึ้นไปนั่งอยู่บนกระดองของปูยักษ์ ฉันดีใจมากที่รอดตายจากการจมน้ำและไม่ต้องถูกตัดมือ
“ทีนี้ตอบได้หรือยังว่าที่นี่ที่ไหน” ฉันถามต่อ
“เธออยู่ในอบารัต เกาะที่เราออกมาเมื่อกี้คือเกาะโอดอมสไปร์หรือเกาะ 25.00น. ตอนนี้เราอยู่ในทะเลอิซาเบลลา” เฮลก้าตอบ ฉันงงเป็นไก่ตาแตก
เฮลก้าเห็นฉันทำหน้างงจึงพูดต่อว่า “เธอไม่รู้! งั้นแสดงว่าเธอมาจากโลกหน้าน่ะสิ”
จากนั้นเฮลก้ากับปูก็อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างในอบารัตให้ฉันฟังและเรื่องที่เธอเข้าไปในเกาะที่ 25.00น. เพื่อขโมยต้นฉบับคัมภีร์หกลูเมริกที่ดาโด ลูเมริกเขียนไว้ก่อนจะตีพิมพ์และเล่าให้ฉันฟังอีกว่าเธอเป็นลูกครึ่งเอลฟ์กับเงือก เธอสามารถใช้เวทมนต์ได้เล็กน้อยและสามารถหายใจในน้ำได้ ส่วนปูยักษ์ก็พาพวกเรามุ่งหน้าไปยังเกาะ03.00น.หรือเกาะไพออนที่ตั้งของเมืองคอมเมกโซด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นเกาะที่ใกล้และปลอดภัยที่สุดในละแวกนี้ รวมทั้งความเหน็ดเหนื่อยของปูที่ต้องฝ่าคลื่นพายุที่รุนแรง ไม่นานนักฉันและเฮลก้าก็ได้มาอยู่ที่ท่าเรือบนเกาะไพออนด้วยความทุลักทุเล
พวกเราตกตะลึงกับความสว่างไสวด้วยแสงไฟจากอนุสาวรีย์เด็กผู้ชายขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าประตูทางเข้าเมือง เมื่อเราเดินไปถึงประตูเมืองยามรักษาการณ์ของเมือง 2 คน เข้ามาขอดูวีซ่าเข้าเมือง (มียามคนหนึ่งมองหน้าฉันแปลกๆด้วยล่ะ) ฉันยืนตัวแข็งเพราะทำอะไรไม่ถูกส่วนเฮลก้าแกล้งทำเป็นหาวีซ่า พอพวกยามเผลอเฮลก้าก็ฉุดมือฉันวิ่งฝ่าด่านเข้าไปข้างในเมืองโดยมีพวกยามวิ่งตามมาอย่างกระชั้นชิดพร้อมตะโกนว่า “คนหนีเข้าเมือง จับมันให้ได้” เฮลก้าพาฉันวิ่งลัดเลาะไปตามซอยต่างๆอย่างทุลักทุเล ไม่นานนักพวกเราก็จนมุม เราวิ่งมาเจอทางตันมีกำแพงสูงลิบลิ่วล้อมเราไว้พร้อมมีป้ายบอกว่า ”ศูนย์บัญชาการ เขตหวงห้าม” เฮลก้าเหลือบเห็นโพรงระบายอากาศเล็กๆพอที่คนตัวผอมๆจะลอดเข้าไปได้ เราจึงลอดเข้าไปข้างในแล้วก็เจอทางเดินอันมืดมิด เราเดินจนมาถึงทางสองแพร่ง เฮลก้าเลือกไปทางขวาเพราะเธอเห็นแสงสว่างอยู่ลิบๆซึ่งทางนั้นนำไปสู่ห้องโถงใหญ่ เมื่อถึงห้องโถงเราแอบอยู่ในเงามืด เห็นชายคนหนึ่งที่มีผมหน้ามาสีส้มกำลังสั่งการกับชายชุดขาวอีก 2 คนซึ่งดูคล้ายนักวิทยาศาสตร์ ให้ทำอะไรบางอย่างกับเด็กที่นอนอยู่บนเตียงสแตนเลส
“นั่นมันโรโจ พิกซเลอร์กับเจ้าหนูคอมเมกโซนี่!” เฮลก้าอุทาน
ทันใดนั้นเจ้าหนูคอมเมกโซก็ลืมตาขึ้นแล้วตะโกนว่า “มีผู้บุกรุก!”
เฮลก้ารีบดึงมือฉันวิ่งย้อนกลับไปทางเดิมโดยมีเสียงฝีเท้าอีกนับสิบวิ่งตามมา เราวิ่งมาถึงทางแยก  ฉันวิ่งนำเฮลก้าไปทางซ้าย เราวิ่งมาถึงสุดทาง ทางตัน! เฮลก้าจึงเอามือคลำไปตามผนังท่ามกลางความมืด
“ฉันคิดว่าน่าจะมีประตูลับอยู่แถวนี้” เฮลก้าพูดพลางเอามือคลำผนังไปเรื่อยๆจนเธออุทานว่า
“เจอแล้ว!” เธอท่องมนต์สะเดาะกลอนทันทีพร้อมกับผลักฉันให้เข้าไปในประตู
เมื่อออกมาได้ เราพบว่าได้เข้ามาอยู่ในสวนสนุกของเกาะไพออนแต่ยามก็เห็นเราพร้อมกับวิ่งเข้ามาหา  ฉันกับเฮลก้าวิ่งไปที่มุมตึกอย่างรวดเร็วแต่ยามก็ตามมาติดๆ ขณะที่กำลังอับสิ้นหนทางจู่ๆก็มีมือเข้ามาฉุดฉันให้เข้าไปในทางเดินเล็กๆ จนถึงกระท่อมเล็กๆหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเศษเหล็กกองมหึมา เราเดินเข้าไปในกระท่อมแล้วก็พบผู้ที่ช่วยชีวิตเราไว้ เป็นผู้หญิงเอเชียอายุพอๆกับฉัน เธอมีร่างสูง ผมซอยสั้นสีดำ สวมแว่นตาและที่สำคัญเธอหน้าตาเหมือนฉันเปี๊ยบเลย
“ปุ้ม ! เอ่อ ขอบใจนะที่ช่วย เอ่อ
แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้ไง!” ฉันพูดด้วยความรู้สึกไม่เชื่อตาตัวเองปนเขิน ฉันมาเจอพี่สาวฝาแฝดของตัวเองในสถานที่แปลกประหลาดอย่างนี้ได้ไงเนี้ยะ!
ปุ้มจ้องหน้าอย่างไม่น่าเชื่อฉันแล้วถามว่า “ปุ้ยเธอมาได้ไงเนี้ยะ!”
“เฮ้ ! ฉันถามเธอก่อนนะ” ฉันแหวใส่พี่สาวฝาแฝดของฉัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่ด้วย
ปุ้มเล่าให้ฉันฟังว่า มาที่นี่ได้เพราะซื้อปิรมิดแก้วย่อส่วนจากชายตาบอดที่หน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ ฝรั่งเศส ปิรมิดพามาที่นี่ และอยู่ที่นี่ได้ 3 เดือนแล้วโดยอาศัยอยู่กับหญิงชราที่เป็นพนักงานทำความสะอาด เมื่อหญิงชราตายเธอก็ทำหน้าที่นี้แทน มิน่าล่ะยามถึงมองหน้าฉันแปลกๆ แล้วฉันก็แนะนำเฮลก้าให้เธอรู้จัก
“แล้วเจ้าหนูคอมเมกโซกับโรโจ พิกซเลอร์ล่ะ” เฮลก้าถามพลางมองหน้าฉันกับปุ้มสลับกันไป
ปุ้มบอกว่าเจ้าหนูคอมเมกโซเป็นA.I.หรือหุ่นยนต์ที่มีความคิดที่พิกซเลอร์สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ครอบครองอบารัตโดยใช้เทคโนโลยีและปัจจัยต่างๆที่ชาวอบารัตต้องการครอบงำพวกเขาซึ่งตอนนี้เจ้าหนูนั่นยังอยู่ในช่วงทดลอง
“น่ากลัวชะมัดเลย! แต่ฉันขอพักเรื่องนี้ไว้ก่อนเถอะ ฉันอยากกลับบ้านเต็มทีแล้ว ปุ้มเธออยู่ที่นี่มาตั้ง 3 เดือนแล้วน่าจะมีวิธีกลับสิ” ฉันพูด ฉันรู้ว่าพี่สาวของฉันเธอมักจะมีความคิดเจ๋งๆเสมอ ก็เธอเป็นอัจฉริยะนี่
“วิธีน่ะมี แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะสำเร็จ” ปุ้มตอบพลางยิ้มยิงฟัน
“มันจะต้องสำเร็จสิ เพราะเราจะช่วยใช่มั้ยเฮลก้า” ฉันบอกพลางหันไปหาเฮลก้า
“เอาไงก็เอา” เฮลก้าตอบอย่างไม่เต็มใจนัก
ปุ้มบอกว่าพิกซเลอร์มีคริสตัลอยู่แท่งหนึ่งซึ่งสามารถจะไปยังที่ใดก็ได้ถ้าคนที่ใช้มีเวทมนต์
“ฉันทำเลียนแบบมันได้” ปุ้มบอกพร้อมกับชูเศษแก้วที่ทำเลียนแบบขึ้นให้ดู (เจ๋งเลย! แม่สาวอัจฉริยะ)
แล้วปุ้มก็วางแผนโดยให้เฮลก้าเสกกลิฟ (เป็นยานพาหนะชนิดหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นด้วยเวทมนต์) ซ่อนเอาไว้หลังกองเศษเหล็ก (เธอดีใจมากเมื่อรู้ว่าเฮลก้าสามารถใช้เวทมนต์ได้แม้จะนิดหน่อยก็ตาม) เฮลก้ากับฉันจะคอยอยู่ที่นั่น ปุ้มจะเป็นคนเข้าไปเอาคริสตัลออกมาโดยแกล้งเข้าไปทำความสะอาดในห้องของพิกซเลอร์แล้วกลับมายังจุดนัดพบเพราะสามารถเข้าออกได้อย่างไม่ผิดสังเกต จากนั้นเราก็จะขึ้นกลิฟไปลงที่เกาะใกล้ๆแล้วใช้เวทมนต์ของเฮลก้าทำให้ฉันกับปุ้มกลับบ้าน
เราดำเนินการทันทีในวันต่อมาเมื่อเฮลก้าเสกกลิฟเสร็จแล้ว ปุ้มออกไปที่ศูนย์บัญชาการ ไม่นานนักเธอก็วิ่งจ้ำอ้าวมายังจุดนัดพบที่เฮลก้าและฉันรออยู่ก่อนแล้ว พวกเราจึงขึ้นกลิฟแล้วรีบบินออกมาจากเกาะโดยมีเฮลก้าเป็นผู้ควบคุมกลิฟ
“ฉันรู้สึกแปลกๆ มันง่ายเกินไป” ปุ้มบอกกับพวกเรา เธอมักจะมีลางสังหรณ์เสมอ
ทันใดนั้นบอลลูนความเร็วสูง 3 ลำก็ไล่ตามพวกเรามาแล้วกระหน่ำยิงใส่เราทันทีที่อยู่ภายในรัศมี
“จับพวกมันให้ได้ เอาเด็ก 2 คนจากโลกหน้ามาให้ฉัน” พิกซเลอร์คำราม
“เขารู้ๆ เขาวางแผนให้เราติดกับ”ฉันร้องลั่น ลนลานทำอะไรไม่ถูก
เฮลก้าพยายามบังคับกลิฟให้บินหลบหลีกกระสุนจากบอลลูนของพิกซเลอร์  แต่ด้วยแรงกระแทกของปืนที่ยิงใส่เข้ามาทำให้เฮลก้ากระเด็นออกจากกลิฟแล้วตกลงไปในทะเลอิซาเบลลา
“เฮลก้า!...................เราจะทำไงดี” ฉันตะโกน ฉันควบคุมอารมณ์กลัวของตัวเองไว้ไม่อยู่
“ฉันกำลังคิดอยู่ แต่ฉันไม่มีเวทมนต์ ฉันควบคุมกลิฟไม่ได้” ปุ้มตะโกนกลับมาขณะที่พยายามควบคุมกลิฟอยู่
ทันใดนั้นเองกลิฟก็ถูกยิงที่จุดสำคัญทำให้มันดิ่งลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่พุ่งดิ่งลงมานั้นคริสตัลก็เปล่งแสงจ้าแล้วดูดเอาฉันกับปุ้มเข้าไปในคริสตัลก่อนที่เราจะกระทบกับพื้นน้ำ ฉันเห็นแสงจ้าพร้อมๆกับอาการหายใจไม่ออก รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในน้ำ นี่ฉันกำลังจะจมน้ำตาย! ฉันคิด แต่แล้วก็มีมือกระตุกฉันขึ้นมาจากน้ำอย่างรุนแรง ปุ้มนั่นเอง เธอดึงฉันให้ขึ้นมาบนโป๊ะที่อยู่ใกล้ๆอย่างทุลักทุเล
“ที่นี่ที่ไหน?” ฉันถามพร้อมกับสำลักน้ำอย่างแรง
ปุ้มหัวเราะร่าแล้วตอบว่า “เรากลับบ้านแล้ว! เราอยู่ในประเทศไทย เราโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาล่ะ”
ฉันมองไปรอบๆเห็นเรือหางยาว สะพานพระราม 8  ตึกรางบ้านช่องที่ดูคุ้นเคย “ใช่จริงๆด้วย”
ฉันสวมกอดปุ้มด้วยความดีใจ จนแว่นตาเธอเอียงกระเท่เร่
“เรากลับมาแล้ว เอ่อ
แล้วเฮลก้าล่ะ?” ฉันถามต่อ
“ฉันไม่รู้ เธอตกลงไปในทะเลอิซาเบลลาแต่ฉันว่าเธอปลอดภัยก็เธอเป็นลูกครึ่งเงือกนี่ แล้วฉันคิดว่าเธอคงใช้เวทมนต์ทำให้เรากลับมาที่นี่ก่อนที่เธอจะตกลงไปในทะเล” ปุ้มตอบพลางขยับแว่นให้เข้าที่หลังจากการกอดที่รุนแรงของฉัน
จากนั้นพวกเราก็กลับไปบ้าน เราทั้งคู่ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอบารัตหลังจากที่เราจากมา เฮลก้าจะเป็นอย่างไรบ้าง โรโจ พิกซเลอร์จะครอบครองอบารัตโดยใช้เจ้าหนูคอมเมกโซเป็นเครื่องมือได้หรือไม่นั้นเราไม่รู้ แต่ว่าการผจญภัยของพวกเราใน อบารัตคงจะตราตรึงในความทรงจำของพวกเราตลอดไป (แต่ฉันไม่อยากกลับไปที่นั่นอีกแล้วเพราะฉันรู้สึกแย่ที่ต้องวิ่งหนีเจ้าพวกตัวประหลาดอยู่ตลอดเวลา)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มี version 2 ด้วย ลองติดตามอ่านกันดูนะ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น