01/01/2XXX
เสียงพูดคุยสนุกสนานดังลั่นไปทั่วบริเวณห้องโถงของบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง วันนี้เป็นวันปีใหม่ซึ่งถือเป็นวันรวมญาติ เพราะญาติพี่น้องของตระกูล ‘ฉัตรมงคลชัย’ จากทั่วสารทิศมาพบปะสังสรรค์กันเหมือนทุกปีที่ผ่านมา ลูกพี่ลูกน้องที่ไม่เคยเจอหน้ากันเลยตลอดทั้งปีก็จะได้สานสัมพันธ์อันดี เจ้าของบ้านและภรรยาทำหน้าที่ต้อนรับขับสู้อย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง
ในขณะที่ทั้งบ้านเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะครื้นเครง ไม่มีใครทันสังเกตว่าในบริเวณนี้ขาดคนคนหนึ่งไป แม้แต่ผู้เป็นพ่อแม่ของคนคนนั้น
“เอ... แล้วนี่หลานมินิหายไปไหน?” คงจะมีแค่พี่ชายของเจ้าของบ้านเท่านั้นที่สังเกตเห็นว่าสาวน้อยคนหนึ่งได้หายไปจากกลุ่มเด็กๆ ที่นั่งล้อมวงเล่นเกมฝึกสมองกันอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง
ดาบชัยและภรรยามองหน้ากันอย่างนึกสงสัยว่าลูกสาวคนเดียวของทั้งคู่หายไปไหน เมื่อกี้ยังเล่นอยู่กับพี่ๆ น้องๆ อยู่เลย เมื่อรู้แบบนั้นดาบชัยจึงขอตัวไปตามหา ‘มินิรินทร์’ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของตัวเองทันที พอดาบชัยเดินมาถึงบันไดก็เจอกับมินิรินทร์ที่กำลังวิ่งลงมาจากชั้นบนด้วยท่าทางรีบเร่ง
ผู้เป็นพ่อขมวดคิ้วยุ่ง “นั่นลูกจะไปไหน?”
มินิรินทร์เบรกเท้าอย่างกะทันหันจนเกือบจะตกบันได เธอมองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยความตกใจ
“ว่าไง จะไปไหน?” มินิรินทร์มองซ้ายมองขวาอย่างลนลานทำให้ดาบชัยสรุปได้ทันทีกับท่าทางแบบนี้ “ลูกอย่าบอกนะว่าจะไปกับ...”
“ค่ะพ่อ!” ยังไม่ทันที่ดาบชัยจะได้เอ่ยชื่อของเพื่อนสนิทข้างบ้านของมินิรินทร์ เธอก็ชิ่งตอบรับด้วยความรวดเร็ว ทำเอาดาบชัยอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้
“แล้วทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ รอให้ญาติๆ กลับไปก่อนไม่ได้หรือไง”
“ไม่ได้หรอกค่ะพ่อ วันนี้มีนัดสำคัญ มินิจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด”
วันนี้เป็นวันปีใหม่ ที่ไหนก็จัดงานฉลองกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ที่สนามแข่งรถที่มินิรินทร์ชอบไปบ่อยๆ นัดสำคัญที่ว่าก็คือการอนุญาตให้นักแข่งที่ไม่มีใบอนุญาตขับแข่งลงแข่งขันได้ ซึ่งเธอก็คือหนึ่งในนั้น ถือว่าเป็นการชิมลาง ก่อนจะเดินหน้าเข้าสู่วงการเรซซิ่งอย่างเต็มตัว
พอรู้แบบนี้ดาบชัยก็อดเป็นห่วงลูกสาวไม่ได้
“ลูกยังเด็ก พ่อไม่อยากให้ลูกเอาชีวิตไปเสี่ยงกับการแข่งรถ”
มินิรินทร์ในวัย16ปีหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ เธอไม่คิดว่าการทำเช่นนี้เป็นการเอาชีวิตไปเสี่ยง มันคือกำไรชีวิต คือความสุขของเธอต่างหาก
“โธ่!” มินิรินทร์ก้าวลงมายืนข้างผู้เป็นพ่อแล้วเกาะแขนอย่างออดอ้อนประจบเอาใจ “พ่อคะ มินิจะดูแลตัวเองค่ะ”
ดาบชัยลูบหัวลูกสาวตัวเองด้วยความเอ็นดูและชิงชังในเวลาเดียวกัน เอ็นดูใบหน้าสวยหวาน เอ็นดูเส้นผมสีน้ำตาลเข้มยาวสลวยนุ่มมือ เอ็นดูคิ้วโก่งสวยโดยไม่ต้องตกแต่ง เอ็นดูดวงตากลมโตบ๊องแบ๊วสีน้ำตาลสุกใส เอ็นดูจมูกโด่งเชิดรั้น เอ็นดูริมฝีปากบางสีส้มอ่อน แต่ก็ชิงชังความดื้อรั้น ชิงชังความเอาแต่ใจ ชิงชังความแก่นซ่าไม่กลัวใคร ชิงชังที่ไม่เชื่อฟังคำที่พ่อแม่คอยพร่ำบอก และชิงชังความใจอ่อนของตัวเอง
เด็กคนนี้ไม่รู้เลยหรือไงว่าพ่อแม่รักเธอมากแค่ไหน ในสายตาของพ่อแม่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ลูกก็ยังเป็นเด็กน้อยเสมอ
แล้วทำไมเธอถึงได้ชอบความเร็วนักนะ
ดาบชัยได้แต่เอ่ยถามตัวเองในใจ หรือส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาเปิดร้านดูแลรถยนต์ที่ครบครันทุกเรื่อง ทำให้มินิรินทร์ได้มีโอกาสคลุกคลีกับรถมาตั้งแต่เด็ก และยังได้เพื่อนข้างบ้านที่ชอบความเร็วเหมือนกันด้วยแล้ว ความชอบยิ่งทวีคูณเลยล่ะทีนี้
“เด็กดื้อ! บอกเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักฟัง”
“พ่ออ่า!!!” มินิรินทร์โผเข้ากอดพ่ออย่างเอาใจไม่ยอมหยุด “ให้มินิไปนะคะ นะคะๆ”
เมื่อเจอลูกอ้อนเข้าให้ก็ถึงกับใจละลายเลยทีเดียว
“เฮ้อ... อย่ากลับค่ำนักนะ”
“อ๊า~” มินิรินทร์ผละออกมา ก่อนจะหอมแก้มพ่อด้วยความดีใจ “พ่อใจดีที่สุดเลย! มินิรักพ่อนะคะ รักม๊ากมาก มากๆๆๆ”
หลังจากที่ผ่านด่านพ่อมาได้มินิรินทร์ก็วิ่งออกจากบ้านตรงไปที่ประตูรั้ว พอมองเห็นรถสปอร์ตคันหรูสีดำขลับที่จอดเยื้องหน้าบ้านไปเล็กน้อยเธอก็วิ่งไปยังรถคันนั้นทันที ก่อนจะเคาะกระจกด้านข้างคนขับรัวๆ ด้วยความตื่นเต้น
กระจกเลื่อนลงเผยให้เห็นเจ้าของรถที่เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ ถึงแม้อายุจะน้อยแต่ฝีมือการแข่งรถของเขาขั้นเทพ นั่นทำให้ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนกล้าห้ามไม่ให้เขาขับรถแม้ว่ายังไม่มีใบขับขี่ เด็กหนุ่มเคยโดนจับมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ไม่เข็ด แถมยังตั้งหน้าตั้งตารอเวลาไปทำใบขับขี่อย่างใจจดใจจ่อ
“ฉันกำลังจะไปหานายที่บ้านพอดีเลย” มินิรินทร์เอ่ยขึ้นทำให้เจ้าของผมสีดำสนิทสไลด์ระต้นคอส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“ถ้าฉันมัวแต่รอให้เธอไปหาคงไม่ทันแข่งหรอก กว่าจะออกมาได้ ช้าโคตร ทำบ้าอะไรอยู่ ฮะ! ขี้อยู่หรือไง” ใบหน้าเรียวยาวหล่อเหลาบูดบึ้งแสดงอารมณ์โกรธเคือง
“พูดจาน่าเกลียด!” มินิรินทร์ปรามก่อนจะเปิดประตูรถด้านข้างคนขับแล้วขึ้นไปนั่ง “ฉันขออนุญาตพ่ออยู่น่ะ”
“แล้วนายคิดว่าพ่อห้ามฉันได้ไหมล่ะ”
“เหอะ! แน่ล่ะ ก็เธอน่ะเอาแต่ใจ ดื้อ และก็ไม่ฟังใคร!” ริมฝีปากหยักลึกสีแดงระเรื่อแสยะยิ้มเยาะ
“นายจะกลายเป็นพ่อคนที่สองของฉันแล้วนะ”
“เลิกพูดมากแล้วคาดเข็มขัด รีบๆ หน่อย เดี๋ยวจะไม่ทัน”
มินิรินทร์รีบหันไปคาดเข็มขัดนิรภัย แต่ยังไม่ทันจะเสร็จคนขับก็เหยียบคันเร่งไปซะแล้ว
“กรี๊ด! นาย! ไอ้บ้า!” คนโดนแกล้งหันไปเอาเรื่องตาเขียวปั๊ด
“ฮ่ะๆ” เด็กหนุ่มหัวเราะออกมา ดวงตาทรงเสน่ห์สีดำขลับฉายแววมีความสุข
ความสุขที่กำลังจะหมดไป... อย่างยาวนาน...
“มินิ! ระวัง!!!” เด็กหนุ่มได้แต่ตะโกนบอกโดยไม่สามารถเข้าไปช่วยอะไรเธอได้
มินิรินทร์กะระยะพลาดทำให้ช่วงทางโค้งรถที่เธอขับลงแข่งในสนามไม่เคลื่อนไปตามทางโค้ง มันพุ่งทะลุกองยางล้อรถเข้าชนกำแพงที่กั้นป้องกันเจ้าหน้าที่ของสนาม เจ้าหน้าที่บริเวณนั้นรีบวิ่งหนีด้วยความแตกตื่น โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่โชคร้ายที่มินิรินทร์อาการหนัก กำแพงบางส่วนแตกหักและพุ่งทะลุกระจกรถเข้าไปกระแทกศีรษะของเธออย่างแรง พิธีกรภาคสนามรีบรายงานสภาพรถและคนขับ เจ้าของร่างสูงที่เป็นเพื่อนสนิทของมินิรินทร์รีบวิ่งออกมาจากเต้นท์ประจำทีมแล้วทำท่าจะกระโจนเข้าไปช่วยเธอออกมาแต่ถูกเจ้าหน้าที่ดึงตัวเอาไว้พร้อมกับตะโกนห้าม
“ปล่อยผม! ผมจะไปช่วยเธอ!” เขาบอกเสียงดัง ใบหน้าเป็นกังวลอย่างมาก
“อย่าครับ เราต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทีมแพทย์ อาการคนขับร้ายแรงขนาดนี้เราไม่ควรเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเองเพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้ครับ”
พอได้ฟังเหตุผลเขาก็หยุดดิ้น เพียงเสี้ยววินาทีทีมแพทย์ประจำสนามที่คอยประจำอยู่แต่ละจุดก็วิ่งเข้ามาช่วยเหลือมินิรินทร์โดยมีเขาคอยดูอยู่ไม่ห่างด้วยความเป็นห่วง เขาทำได้แต่มองคนที่สำคัญในชีวิตของเขาอีกคนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด ใบหน้าซีดเผือดเต็มไปด้วยรอยพกช้ำดำเขียวบีบหัวใจของเขาเหลือเกิน เขาไม่น่าตามใจเธอเลย
“เธออย่าเป็นอะไรไปนะมินิ”
ถ้ามินิรินทร์เป็นอะไรไปเขาจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย!
“เป็นเพราะนาย!” ดาบชัยชี้หน้าลูกชายของเพื่อนบ้านด้วยความโกรธจัด ร่างสั่นเทาไปหมด ความดันพุ่งสูงจนหายใจติดขัด
สิ่งที่กลัวที่สุดเกิดขึ้นแล้ว
“...” คนโดนว่าไม่ปริปากพูดอะไรราวกับยอมจำนนต่อข้อกล่าวหา
“ฉันมีลูกสาวอยู่แค่คนเดียว มินิคือทุกอย่างของฉัน เป็นเพราะนายคนเดียว ลูกสาวฉันถึงต้องมีสภาพแบบนี้!” ดาบชัยคว้าคอเสื้อของเด็กหนุ่มไว้แน่นด้วยมือข้างซ้าย ส่วนมือข้างขวากำลังจะซัดหมัดใส่ให้สาสมกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ทำไม่ได้ “ถ้านายไม่พามินิไป มันคงไม่เป็นแบบนี้ มันเป็นเพราะนาย!”
เด็กหนุ่มก้มหน้าอย่างสำนึกผิด เขาเองก็เอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุทำให้มินิรินทร์ต้องบาดเจ็บ ถ้าเขาห้ามเธอสักนิด... บ้าเอ้ย!
“คุณคะ! นี่ไม่ใช่เวลามาโทษใครนะคะ” สถานการณ์เริ่มเลวร้ายลง เดือดร้อนภรรยาที่ต้องรีบเข้ามาแยกดาบชัยออกไปให้ห่างจากเพื่อนของลูกสาว
มินิรินทร์ถูกนำตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉินนานแล้วแต่หมอยังไม่ออกมาสักที อาการยังน่าเป็นห่วง ดาบชัยกลัวว่าจะสูญเสียมินิรินทร์ไป ถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงอยู่ต่อไปไม่ได้ มันโหดร้ายกับหัวใจของคนเป็นพ่อเหลือเกิน
ดาบชัยจ้องหน้าเด็กหนุ่มข้างบ้านด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะสะบัดหน้าหนีมองไปที่ประตูห้องฉุกเฉิน
“มินิ... อย่าเป็นอะไรไปนะลูก” ดาบชัยหันไปกอดภรรยาแน่น น้ำตาของคนเป็นพ่อเป็นแม่ไหลอาบแก้ม เด็กหนุ่มได้แต่มองภาพนั้นด้วยความเจ็บปวด
น้ำใสๆ ไหลลงมาจากดวงตาของลูกผู้ชายคนนี้ มันคือน้ำตาที่ไม่มีง่ายๆ เขาเสียมันเพื่อเธอ
“ขอโทษ...” เขาได้แต่พร่ำบอกอยู่ตรงนี้ เพียงหวังว่าความสำนึกของเขาจะช่วยทำให้เธอฟื้นคืนมา

ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
จัดมา ก็รับค่ะ
อั๊ยยะ
มินิอย่าเป็นไรนะ
เศร้า
ดูจะดราม่าซะเหลือเกิน