ตอนที่ 10 : พระพายใส่เอี๊ยม : CHAPTER 09 ความรู้สึกอยู่เหนือเหตุผล [100%] รีไรท์
9
ความรู้สึกอยู่เหนือเหตุผล
เช้านี้ฉันอาบน้ำแต่งตัวด้วยความเอื่อยเฉื่อย ไม่สดชื่น เพราะแทบไม่ได้นอนทั้งคืน วันก่อนอาจแค่ระแวงคิดมากเรื่องของพี่พระพาย แต่เมื่อคืนนี้... ตาค้างอย่างกับกรอกกาแฟไปสิบแกนลอน ฉันสวมกระโปรงนักศึกษาทรงเอสั้นเหนือเข่าประมาณหนึ่งคืบแล้วรัดเข็มขัดตรามหาวิทยาลัย เสร็จแล้วก็ปลุกลูกชายไปล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นพาเดินลงมาข้างล่างเพื่อเตรียมอาหารเช้า
วันที่มีเรียนฉันจะฝากอาร์คไว้กับเอช แล้วก็มีชีวิตเหมือนนักศึกษาทั่วไป เรียน เล่น เที่ยวกับเพื่อน แต่เวลาส่วนใหญ่ก็ใช้กับอาร์ค
พอเตรียมอาหารเสร็จพี่ชายและแขกที่ไม่อยากเชิญก็เดินเข้ามาในบ้านอย่างกับมีญาณวิเศษ หรือรักยมคอยกระซิบ ดูท่าคงเพิ่งไปวิ่งออกกำลังกายกันมา อาร์คนั่งระบายสีไดโนเสาร์รออยู่ที่โต๊ะกินข้าว ฉันมองผลงานของลูกชายแล้วแอบหัวเราะ ไดโนเสาร์หรือตัวตลกเนี่ย สีสันแสบตาชะมัด นี่ถ้าไปโผล่ที่ทุ่งนาคงโดนควายขวิดแน่ๆ แถมระบายออกขอบไปถึงหน้าบ้านแล้ว
ฉันบีบปากลูกชายเล่น อาร์คย่นจมูกใส่แล้วระบายสีต่อ
“กูล่ะพลาด ไม่น่าไปทักเลยไอ้ห่า ใครจะไปคิดล่ะ เห็นสวยๆ แบบนั้นแม่งมาเป็นท่อนซุง!” เอชเปิดประเด็นอย่างออกรส พี่พระพายเดินมาดื่มน้ำข้างฉัน โดยถือโอกาสเสียดสีท่อนแขนที่มีเหงื่อกับแขนฉันด้วย ฉันรีบขยับหนีและก่นด่าเขาในใจ นี่ขนาดเอชอยู่ด้วยนะยังกล้า!!! ไม่กลัวตายแล้วใช่ไหม
เอชทิ้งตัวลงบนที่นั่งประจำแรงๆ แล้วกระดิกนิ้วให้ฉัน
“เอาน้ำเย็นๆ มาสิไอ้เอี๊ยม” ฉันกลอกตามองบนแล้วหยิบขวดน้ำกับแก้วไปวางกระแทกแรงๆ ตรงหน้าเขา เอชมองอย่างจิกกัด ก่อนเทน้ำดื่มเองท่าทางหงุดหงิด “อย่าวอนๆ คนยิ่งอารมณ์เสียอยู่”
“อดขุดทองน่ะเหรอ”
พรวด!!!
ฉันหัวเราะเยาะพี่ชายตัวเอง ทั้งสะใจทั้งสมเพช โอ้โห! รับไม่ได้ขนาดสำลักเชียว เอชพ่นน้ำไปทางหน้าต่าง แล้วไอแค่กๆ ยังดีที่หันไปทัน ไม่อย่างนั้นพี่พระพายได้เป็นเป้านิ่งแน่ แต่แบบนั้นก็น่าดูนะ หึ!
“แค่กๆ แกจะพูดทำไมว้า แค่กๆ โว้ย! น่าโมโห แม่งเป็นกระเทยได้ไงวะ ไอ้ห่านี่ก็ไม่ยอมเตือนกู ปล่อยให้กูไปคุยด้วยตั้งนาน ถ้าเจ้าหล่อนไม่บังเอิญเกิดอารมณ์ขึ้นตอนนั้นจนเก็บอาวุธไม่ทัน กูคง...”
“กูจะเตือนมึงแล้ว แต่มึงกลัวกูตัดหน้านักนี่ เป็นไง?” พี่พระพายนั่งลงที่เดิมเหมือนหลายวันก่อน ฉันรีบหันไปใส่ใจอาร์ค แต่หูขยายเป็นดาวเทียมรอฟังอย่างสนใจ “แต่มึงนี่ก็ใช้ได้นะ แค่คุยก็เล้าโลมจนหล่อนของขึ้นได้ วาทสิทธิ์เลิศขนาดนี้”
“วาทศิลป์ไอ้ห่า ภาษาไทยไม่กระดิกเสือกอยากใช้”
“คัมมอน! อย่างน้อยกูก็ไม่โง่หันหลังให้อนาคอนด้าชอนไช ดูไซส์ใหญ่เวอร์!”
ฟังมากเข้าก็พบว่าเป็นเรื่องสัปดน แล้วเด็กกับสตรีสองคนจะทำยังไง
“โอ้โห! โลงเจออานาคอนด้าด้วยเหลอ อ๊ากอยากเห็นๆ มันอยู่หนายฮะ?”
นั่นไง ลูกชายฉันอยากเรียนรู้ขึ้นมาจนได้ เอชกับเพื่อนคงเพิ่งรู้ตัวว่ามีเด็กอยู่ด้วย สองใบหน้าหล่อเหลาปรากฏความกระดากอาย เจ้าของปากจิ้มลิ้มยังพูดต่อไม่หยุดด้วยความตื่นเต้น
“โลงเอ็ดๆ อ๊ากอยากโดนอานาคอนด้าชอนชายด้วย อยากโดนๆ”
“ตายแล้วอาร์ค อนาคอนด้ามันเป็นงูยักษ์นะลูก น่ากลัว ไม่เอาๆ อย่าคิดอะไรพิเรนทร์เด็ดขาด ถ้าเจอให้วิ่งหนีเลย เข้าใจไหมครับ” ฉันจับใบหน้าเล็กให้หันมาสบตาแน่วแน่ อาร์คพยักหน้ารับช้าๆ
“ฮะ”
พอลูกเข้าใจฉันก็หันไปจิกตาใส่สองเพื่อนซี้จอมก่อเรื่องทันที เอชยิ้มแหยๆ ขณะที่พี่พระพายทำไม่รู้ไม่ชี้ก้มหน้ากินอาหารเช้า
“คือว่า...”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลยเอช คราวหน้าอย่าให้มีอีก คำพูดคำจาส่อจริงๆ รู้ใช่ไหมว่าหลานกำลังอยู่ในวัยเรียนรู้” ฉันบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง เอชพยักหน้ารับ
“รู้ดิ”
“แล้วไม่รู้จักคิด คอยดูนะ จะฟ้องพี่เฟย์”
“โหย! ไม่ได้นะ ไม่เอา อย่าทำร้ายพี่ชายแสนดีของแกแบบนี้สิ ไม่อยากได้พี่สะใภ้เหรอ อย่านะเว้ย!”
“ทีงี้มาสนใจ ทีไอ้ตอนไปม่อสาวไม่เห็นคิดบ้าง ยังดีที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นสาวประเภทสอง ถ้าเป็นผู้หญิงจริงๆ นายก็คงจะสานต่อใช่ไหม”
“ดุอย่างกับแม่ว่ะ มึงว่ามะ?” แทนที่จะสำนึก ยังมีหน้าไปหาแนวร่วมอีก พี่พระพายพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน ฉันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วหันไปเอาเรื่องเขาด้วย
“พี่ก็เหมือนกัน ว่างมากหรือไงถึงไม่กลับบ้านกลับช่องสักที”
“เฮ้ยไอ้เอี๊ยม อย่ามาพาลเพื่อนฉันนะเว้ย” เอชออกหน้าปกป้องเพื่อนรัก เหอะ! อยากรู้จริงๆ ถ้ารู้ว่าพี่พระพายเป็น... อืม นั่นแหละ ยังจะรักกันไหวไหม
“ฉันก็แค่สงสัย เพื่อนๆ นายทำงานยุ่งแทบไม่มีเวลากันหมด มีแต่เขาเนี่ย ที่ว่างมากกก” ฉันตั้งใจประชดประชันเต็มที่ พี่พระพายไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจ กลับยิ้มแย้มแจ่มใสได้ซะนี่ เป็นเอชเสียอีกที่เดือดร้อนแทน
“เห็นแบบนี้ฉันก็เหงานะเว้ย มีเพื่อนมาอยู่ด้วยออกจะดี แกนี่เป็นมารขัดความสุขจริงๆ เดือดร้อนอะไรนักหนาก็ไม่รู้ หรือถ้าแกงกเรื่องค่าอาหาร นี่ไอ้พระพาย เอาตังมาดิ มึงรวยนักนี่ ออกค่ากินค่าอยู่ด้วย” เอชแบมือไปทางเพื่อนตัวเอง พี่พระพายที่กำลังยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่มชะงักแล้วหรี่ตาลง
“เอาจริง?”
“อ่าวไอ้นี่ เอาจริงดิวะ ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี และกูก็กำลังเก็บเงินแต่งเมียเว้ยเฮ้ย ฮ่าๆ”
พี่พระพายวางแก้วน้ำส้มแล้วเท้าคางเหล่มองเอชอย่างเกียจคร้าน ท่าทางแบบนั้น... จะสบายเกินไปแล้วนะ! ฉันกัดฟันอย่างหมั่นไส้
“นึกว่ามึงอยากจะเปิดเหมืองทอง”
“แหวะ! กูแทบอ้วก จะพูดอีกเพื่อ!” เอชทำท่าพะอืดพะอมซึ่งคงแสดงขำๆ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินข้าว อาร์คเองก็กินเกือบหมดแล้ว ที่เงียบๆ ก็เพราะตั้งใจรังสรรค์ผลงานอยู่
“อิ่มหรือยังครับ?” ฉันถามเมื่อเจ้าตัวเล็กวางช้อนแล้ว
“อื้อ”
ฉันลุกเอาจานของตัวเองกับลูกไปล้างแล้วดื่มน้ำเปล่าอีกแก้ว สะพายกระเป๋าเสร็จก็เตรียมไปเรียน
“ดูแลอาร์คให้ดีนะเอช ฉันไปละ” ฉันกำชับพี่ชายอย่างที่ทำทุกวัน ซึ่งเจ้าตัวไม่ยักจะทำตามอย่างเคร่งครัด ดูแลดีซะที่ไหนล่ะ เฮ้อ อย่างน้อยลูกได้กินอิ่มนอนหลับก็พอหยวนๆ กันไป
“แกจะไปขึ้นรถหน้าปากซอยใช่ไหม รอออกไปพร้อมไอ้พระพายสิ มันจะกลับบ้านพอดี” เอชบอกขณะที่ฉันกำลังนั่งใส่รองเท้าผ้าใบอยู่ตรงประตู
“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวสาย”
“แป๊บเดียวน่า ฉันอาบน้ำไม่นานหรอก” พี่พระพายลุกเดินขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว ฉันรีบตะโกนบอกเพราะไม่อยากออกไปกับเขา
“ฉันรีบค่ะ!”
“รอก่อน! เวท! เวท!” เสียงเข้มตะโกนกลับมา
ฉันแอบเบะปากก่อนจะตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเอชจ้องมองอยู่
“มองอะไร?”
“ดูท่าแกจะไม่ชอบหน้าไอ้พระพายเอามากๆ ทำไมวะ มันทำอะไรให้แกไม่สบายใจบอกมา เดี๋ยวจัดการให้”
“ไม่มีอะไร”
“แกไม่เคยเสียมารยาทกับเพื่อนฉันขนาดนี้ เมื่อคืนก่อนฉันกลับมามีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?” เอชหรี่ตามองอย่างคาดคั้น แต่ฉันปิดปากเงียบ ซึ่งเป็นวิธีที่จะรักษาความลับไว้ได้ตลอดกาล เอชมองอยู่นาน ฉันจึงแสร้งยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
“สายแล้ว ไปนะ ฝากขอโทษเพื่อนนายด้วยก็แล้วกัน” ฉันบอกแล้ววิ่งออกไป
“อะไรของมันวะ”
ฉันนั่งรอรถเมล์อยู่ที่ป้าย หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาคุยไลน์กับเพื่อนฆ่าเวลา ก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อแขนถูกดึงรั้งให้ลุกขึ้นยืน ฉันลุกตามงงๆ ก่อนจะตั้งสติได้เลื่อนสายตาไปมองเจ้าของร่างสูง แล้วขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
“ฉันบอกให้รอไง ทำไมดื้อจังนะแม่คุณ ด้อนท์แอคไลค์กะเบบี้”
ดูท่าเขาจะชอบคำนี้จังนะ เรียกอยู่นั่นแหละ แม่คุณๆๆๆๆ แล้วยังมีหน้ามาหาว่าฉันเหมือนเด็กน้อยอีก ฮึ้ยๆ
“ฉันก็บอกแล้วไงคะว่าไม่รอ ฉันสาย”
“อ๋อ รีบมาก แต่นั่งอยู่นี่ไม่ไปไหนเนี่ยนะ”
“รถยังไม่มาค่ะ”
“ฉันไปส่งดีกว่า” พี่พระพายบอกแล้วลากฉันไปยังรถของเขา ฉันกำลังจะโวยวายแต่มองไปเห็นสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนอื่นจึงปิดปากเงียบ นี่มันปากซอยแถวบ้านด้วย ขืนโวยวายก็เป็นเรื่องน่ะสิ ฉันเม้มปากแน่น ยอมโดนจับยัดเข้ารถคันหรูแต่โดยดี ไม่กี่อึดใจต่อมาเจ้าของมันก็ขับออกไปด้วยความเร็วสูง
ฉันถอนหายใจแรงๆ เหนื่อยทั้งกายและใจกับผู้ชายข้างๆ
“ผู้หญิงคนอื่นไม่มีแล้วหรือไงคะถึงได้มาตามตอแยฉันอยู่ได้”
พี่พระพายหัวเราะในลำคอ
“มีเยอะแยะ แต่ไม่อยากได้ นี่คุณเมีย ฉันอุตส่าห์มาตามตื้อ เมื่อไหร่จะเลิกเล่นตัวสักทีหา เพลอิ่งฮาร์ดทูเก็ตอยู่นั่น”
ฉันเลิกคิ้วสูง อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง
“อะไรนะ? เล่นตัว ฉันไม่ได้เล่นตัว แต่ไม่อยากยุ่ง”
“ตรงกันข้าม ฉันโคตรอยากยุ่งกับเธอเลย อยากจะอะไรๆ ต่อมิอะไร โอ้เกิร์ล!”
“หมายความว่ายังไง อะไรๆ ต่อมิอะไร”
เขาหันมายิ้มพราย “คิดว่าไงล่ะ?”
แล้วสายตาของเขาก็เลื่อนลงไปจากใบหน้าของฉัน ลงไปเรื่อยๆ ทำเอาขนฉันลุกเกรียวหมดทั้งตัว รีบผลักใบหน้าคนหื่นกามให้หันไปมองถนน
“มองถนนสิ อยากตายคนเดียวก็เชิญไปตายที่อื่นเข้าใจไหมคะ อย่าลากฉันไปด้วยเพราะยังมีลูกต้องเลี้ยง”
พี่พระพายหัวเราะลั่นรถ มีอะไรน่าขำ?
“ฉันเองก็ตายไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้เมียคืน”
ฟังสิ! ฟังเขาพูด น่าเกลียด!!!
“ขอเถอะค่ะ ฉันไปเป็นเมียพี่ตอนไหน เลิกโมเมได้แล้วน่า ยุคนี้ยุคไหนแล้ว เขาไม่มาซีเรียสกับเรื่องแบบนี้หรอก ทำอย่างกับไม่เคยเจอ” ฉันอดประชดไม่ได้
“ก็ไม่เคยเจอจริงๆ นี่ผู้หญิงแบบเธอน่ะ รู้ไหมยิ่งเธอทำแบบนี้ฉันยิ่งอยากได้มาก~”
“ประหลาด นี่ถ้าฉันยอมพี่จะเลิกตามตื้อหรือไงคะ”
“เลิก” ฉันอดเบะปากไม่ได้ ผู้ชายก็แบบนี้แหละ ทำได้ทุกอย่างเพื่อความต้องการ ถ้าได้สมใจแล้วก็สะบัดตูดหนีหายเข้ากลีบเมฆ “...จะตามตื้อทำไมให้เมื่อย ในเมื่อเธออยู่ในกำมือแล้ว มีแต่จะทำอย่างอื่นน่ะสิ”
พูดอย่างเดียวก็พอ สายตาแพรวพราวไม่ต้องมา
“ถ้าอยากมากก็ไปหาคนอื่นที่เขายอมเถอะค่ะ”
“ไม่เอา จะเอาเมีย”
“หยาบคาย”
“โอ๊ย! กับเธอสุภาพไม่ไหวหรอก เด็กดื้อ!”
“พูดอย่างกับฉันเป็นเด็กอายุสิบสอง” ฉันอดทำหน้าบึ้งตึงใส่ไม่ได้ เขาทำอย่างกับตัวเองเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่ดูยังไงก็เด็กอนุบาลชัดๆ
“เธอไม่ใช่เด็กอายุสิบสองหรอก ไอโนว์ ฉันรู้น่า” เขายิ้มอย่างมีเลศนัย ฉันจึงหุบปากไม่ต่อล้อต่อเถียงอีกจนกระทั่งมาถึงมหาวิทยาลัยของฉันที่เอชเป็นศิษย์เก่า ส่วนคนข้างฉันก็คงเคยเรียนที่นี่เหมือนกัน เขาบอกจะไปส่งให้ถึงคณะ ขี้เกียจพูดด้วยจึงปล่อยเลยตามเลย
ฉันเปิดประตูลงไปทันทีที่รถจอด แต่โดนมือหนาใหญ่คว้าแขนเอาไว้แล้วดึงให้หันกลับไปหา ฉันกลอกตามองฟ้าทักทายเซย์ฮัลโหล วันนี้วันซวยอะไรของฉัน อ้อ! จริงๆ ก็ซวยมาตั้งหลายวันแล้วล่ะ
“เลิกกี่โมง?”
“ถามทำไม” ฉันหันไปมองด้วยความไม่พอใจ ลืมมารยาทที่ดีไปเลย ขอเถอะ! เลิกยุ่งกับฉันสักที จะอะไรนักหนาก็แค่มีลูกด้วยกัน
“ถามเอาไปทำข้อสอบมั้งแม่คุณทูนหัว ก็จะมารับน่ะสิ อะ อะ อย่าปฏิเสธ เธอไม่มีข้อต่อรองหรอกน่า” เขาบอกเมื่อเห็นปากฉันขยับทำท่าจะโต้แย้ง ฉันเรียนรู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้ดื้อด้านแค่ไหน เอาเถอะ
“บ่ายสามค่ะ” ฉันบอกแล้วลงไปจากรถซึ่งอีกคนยอมปล่อยแต่โดยดี
“ซียู!”
พอปิดประตูรถก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินมาทางนี้ ฉันรีบยกมือไหว้ด้วยความเคารพ
“สวัสดีค่ะพี่ธาม”
พี่ธามเป็นรุ่นพี่ปีสี่ที่คณะ ซึ่งเป็นเพื่อนกับลุงรหัสของฉันอีกที
เขารับไหว้แล้วมองไปยังรถของพี่พระพาย
“หวัดดีเอี๊ยม วันนี้มาเร็วนะเนี่ย ใครมาส่งล่ะ?”
“พี่ชายค่ะ” ฉันบอกอ้อมๆ พี่ธามรู้ว่าฉันมีพี่ชาย เขาพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าตึกคณะไปพร้อมกัน
“วันนี้เรียนวิชาอะไรตอนเช้าล่ะ”
“วิชา...”
เราสองคนเดินคุยกันไปด้วยความคุ้นเคยกันดี โดยไม่รู้สึกถึงความไม่พอใจของใครอีกคน ซึ่งยังนั่งอยู่บนรถ ไม่ได้เคลื่อนไปไหนนานหลายนาที
อ่านเรื่องของป๊าม๊าได้ที่เรื่อง FERVID EROTIC กักหัวใจใส่ไฟรัก
ตามลิ้งค์ข้างล่างค่ะ
V
V
https://my.dek-d.com/pimzapa/writer/view.php?id=1303304
![]() |
|
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ต้อนรับเจ้าบ่าวด้วยยำทีนพี่ชาย55
รออออ