ตอนที่ 13 : DAZZLING POISON : 6 : So cute...50%
6
So cute!
“อะ!” ฉันยื่นซองสีน้ำตาลที่ถูกพับหลายรอบให้ผู้ชายตรงหน้าก่อนที่เขาจะรับไปแล้วเปิดดู เขาพยักหน้าทีหนึ่งแล้วรีบยัดเข้ากระเป๋าสะพาย “นี่ฉันเห็นแก่นมแก้วหรอกนะถึงยอมให้นายน่ะ”
“ยืมปะล่ะ”
“แล้วเงินตั้งเยอะตั้งแยะแบบนี้นายจะไปหาที่ไหนมาใช้ฉันได้” ฉันกอดอกเหยียดปากมองเนตั้น เขาทำหน้าไม่พอใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเหมือนกำลังจะส่งข้อความไปหาใครสักคน
“เย็นนี้ฉันมีนัดกับเจ๊ใหญ่ น่าจะได้สักครึ่งหนึ่งแหละ ไม่น่าจะเกินอาทิตย์หน้าฉันได้เงินมาใช้เธอแน่” เนตั้นบอกด้วยสีหน้าธรรมดามากไม่มีความรู้สึกใดๆ เลย
“นายชอบไหม”
“ชอบเธอเหรอ?” เขาเลิกคิ้วมองฉันแล้วพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ฉันรีบขยับเท้าหนีทันที
“จะบ้าหรือไง ฉันไม่ได้พูดถึงฉันสักคำ ฉันหมายถึงนายชอบในสิ่งที่ตัวเองทำไหม?”
“เธอคิดว่าฉันมีทางเลือกหรือไง” เนตั้นบอกพร้อมกับทำหน้าตึงจนฉันรู้สึกไม่ดีที่ไปพูดจี้ใจอะไรเขา “คนเรามันมีต้นทุนชีวิตไม่เหมือนกัน ขั้นบันไดของฉันมันไม่มีอะไรเลย แต่สำหรับเธอ... มันมีกองเงินกองทองมากองเป็นทางเดินให้แล้ว ถ้าฉันเลือกเกิดได้น่ะนะ ฉันก็อยากจะเกิดเป็นเธอ”
ฉันถึงกับพูดไม่ออกก่อนที่เขาจะหมุนตัว แต่ก่อนไปเขาก็เหลือบมามองฉันแวบหนึ่ง
“ขอบใจนะ”
“อะ...อื้อ”
เนตั้นเดินเข้าไปในห้องซ้อมทิ้งให้ฉันยืนนิ่งอยู่กับที่ ตั้งแต่ฉันเกิดมาฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้เลยแหะ ยังมีคนอีกมากมายที่ลำบากกว่าฉัน ฉันคิดว่าฉันไม่รวยเท่านายก ไม่มีเท่าคนอื่น แต่ฉันกลับสุขสบายกว่าใครอีกหลายๆ คน ยังจะเอาอะไรอีกในชีวิตนี้ กินข้าวอิ่มนอนหลับฝันดี มันก็ถือว่าดีแล้ว
“จ๊ะเอ๋!”
“!” ฉันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจจนเผลอทำกระเป๋าตกลงบนพื้น พระพายหัวเราะเยาะฉันดังลั่นก่อนจะก้มลงไปเก็บให้ ฉันพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ให้ตาย! ตกใจหมด
“ขวัญอ่อนจริงน้าแม่นางฟ้า”
“นายนี่มัน...”
“น่ารัก” พระพายยกมือทั้งสองข้างขึ้นทำเป็นรูปตัววีไว้ใต้คาง กรี๊ด! น่ารักจริง!
“เอาเถอะ ตามสบาย” ฉันส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะยกมือขึ้นดูนาฬิกาที่ข้อมือ
“วันนี้ว่างใช่ปะ” พระพายามด้วยรอยยิ้มสดใส ทำให้บรรยากาศรอบข้างของเราดูสดชื่อขึ้นทันตาเห็น แต่ทำไมหัวใจของฉันถึงได้ไม่ค่อยเต้นแรงเหมือนครั้งก่อนๆ แล้วล่ะ
“ไม่ว่าง”
“อ่าว แล้วมาได้ไงอ่ะ”
“ฉันมาทำธุระแถวนี้”
“ทำเสร็จแล้ว?”
“อื้อ”
“งั้นก็แสดงว่าว่าง” พระพายพยักหน้าอย่างรับรู้ก่อนจะคว้าแขนฉันแล้วออกแรงลาก ฉันตาโตเล็กน้อยด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวสิ นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย”
“ก็มาทั้งที ดูฉันซ้อมเต้นก่อนสิ” พระพายบอกแล้วผลักประตูเข้าไปในห้องซ้อมก่อนที่คนอื่นๆ อีกหกคนจะหันมามอง “อ่าวมากันครบแล้วเหรอ”
“เออ เหลือมึงคนเดียวเลย” ไทเกอร์บอกแล้วมองฉันน้อยๆ อย่างสงสัย ฉันไล่มองที่เขา เนตั้น วิณณ์ ผู้ชายที่ฉันเจอครั้งก่อน ส่วนอีกสามคนที่ฉันไม่เคยเห็นมองฉันกันใหญ่
“นึกว่าหายไปไหนถึงได้มาช้า นี่แอบไป ‘ทิ่ม’ กันมาก่อนใช่ไหม” ผู้ชายที่ดูท่าทางเป็นผู้ใหญ่สุดกอดอกมองพระพายอย่างไม่ค่อยชอบใจ ใบหน้าโหดๆ กับดวงตาคมชั้นเดียวเรียวยาวของเขาทำให้ฉันกลัว ถึงจะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ก็แอ๊บกลัวเอาไว้ก่อน ในห้องนี้มีแต่ผู้ชายอ่ะ
แล้วก็นะ... อะไร ‘ทิ่ม’?
“ทิ่มตามึงสิไอ้เจค นี่พิมมี่ เพื่อนกู” พระพายแนะนำเสร็จก็ดึงไหล่ฉันเข้าไปกอดแน่น
“เพื่อนแน่หรือวะ” ผู้ชายผมสีแดงอีกคนแซวขึ้น
“ณ บัดนาวน่ะนะ เน๊อะ!” เขาหันมาขอความร่วมมือจากฉันแต่ฉันทำได้แค่กลอกตาเซ็งๆ พอเห็นแบบนั้นทุกคนก็หัวเราะใหญ่ เนตั้นที่เพิ่งกินน้ำเสร็จก็พยักหน้าให้ฉัน ฉันจึงพยักหน้ากลับ วิณณ์ที่วอร์มร่างกายอยู่เดินมาหาฉันยิ้มๆ
“มาได้ไงเนี่ย”
“อ่าว มึงก็รู้จักเหรอ?” ผู้ชายผมสีเทาจางๆ คล้ายสีควันบุหรี่ที่ตอนนี้กำลังนิยมถามขึ้น
“เพื่อนกูเอง”
“นายนี่ลากมา” ฉันชี้นิ้วไปยังคนข้างๆ วิณณ์มองตามก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ แล้วเดินไปเปิดเพลง
“ไอ้วิณณ์ ทำหน้างี้หมายความว่าไงวะ” พระพายมองตามอย่างไม่ค่อยชอบใจ
“เงียบ! แล้วมาซ้อมได้แล้ว” ผู้ชายที่ชื่อเจคบอกทำให้พระพายจำต้องละมือจากฉันแล้วถอดเสื้อแขนยาวที่ใส่อยู่ออก เดี๋ยวนะ!
“นายถอดเสื้อทำไม?” ฉันหรี่ตามองเขางงๆ
“เปียกเหงื่อก็เหม็นกันพอดีสิ อ๊ะ! ฝากด้วย” พูดจบก็โยนเสื้อแขนยาวสีดำสกรีนลายเท่ห์ๆ มาคลุมหัวฉันทันที ฉันรีบจับออกก่อนจะพ่นลมหายใจใส่หน้าม้าแรงๆ เรียกเสียงแซวจากคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี และไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น อีกสี่คนที่เหลือ ประกอบไปด้วย เนตั้น ไทเกอร์ เจค และผู้ชายผมแดงกำลังจะถอดเสื้อออก แต่พระพายรีบร้องขึ้นก่อน “หยุด!”
“อะไรวะ?” พวกเพื่อนๆ หันไปมองเขางงๆ
“วันนี้กูถอดได้คนเดียว”
“เพื่อ?”
“เออน่า!” พระพายบอกแล้วเข้าไปจับเสื้อของเจคไว้ทำท่าไม่ให้เขาถอดออกได้ เจคเหลือบมองฉันก่อนจะทำหน้าเอือมๆ แล้วดึงเสื้อลงเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ตาดีทันมองเห็นซิกซ์แพ็กส์ของเขา ฉันหน้าร้อนเห่ออย่างช่วยไม่ได้ และไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพวกเขาทั้งเจ็ดคนถอดเสื้อด้วยกันหมด ฉันจะมีอาการยังไง คง... อ๊าย! ฟินตายเลย
“มาๆ!!” พระพายตะโกนบอกทุกคนพร้อมกับปรบมือเรียก เนตั้นส่ายหน้าแล้วเดินไปยืนประจำตำแหน่ง วิณณ์เองก็ถอนหายใจแล้วกดเล่นเพลงใหม่
เมื่ออินโทรเพลงดังขึ้นทั้งเจ็ดคนก็เริ่มขยับร่างกายไปตามจังหวะและท่วงท่าที่ได้ซ้อมมา พวกเขาหันหน้าไปทางกระจก ซึ่งมีฉันนั่งอยู่ที่หลังห้องซ้อม มองพวกเขาผ่านมัน พระพายขยับร่างกายอย่างคล่องแคล่วพร้อมกับคอยสบตาฉันผ่านกระจกเป็นระยะๆ เขายกยิ้มอย่างสนุกแล้วสะบัดคอไปมา
ตอนแรกๆ ฉันก็ไม่ได้อะไรมากเพราะเคยเห็นเขาถอดเสื้อมาแล้วครั้งหนึ่งก็แค่โยกหัวไปตามจังหวะ แต่พอเวลาผ่านไปแล้วพวกเขาเหงื่อออกมันก็ทำให้ฉันเริ่มอยู่ยากขึ้น เส้นผมของเขาเปียกชื้นเหงื่อจับเป็นก้อนสะบัดไปตามจังหวะการเต้น กล้ามเนื้อเป็นหมัดๆ เคลื่อนไหวขึ้นลง ร่างสูงหมุนตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก่อนที่เขาจะสลับเปลี่ยนที่กับเพื่อนจนมาอยู่ด้านหลังสุด แล้วเขาก็ขยับเข้ามาใกล้ฉันที่นั่งมองอยู่
“!” พระพายขยับร่างกายไปตามเสียงเพลงก่อนจะขยิบตาให้ฉันแล้วยิ้มน้อยๆ แต่มันโคตรมีเสน่ห์ ฉันยืดตัวนั่งหลังตรงทันที เขาเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อช่วงท้องก่อนจะใช้กำปั้นกระแทกเข้ากับแผงอกแรงๆ แล้วชี้นิ้วใส่ฉัน
“มองตาไม่กระพริบเลยแหะ ฉันเท่ห์ใช่ไหมล่ะ”
“อ๊ะ...อืม” ฉันได้แต่พยักหน้ารับ แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาฉันก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะจู่ๆ ไทเกอร์ก็วิ่งเข้ามาเกาะเอวของเขาไว้แล้วจับขอบกางเกงก่อนจะกระชากลง ฉันอ้าปากค้างตาก็อยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นกกน.สีแดง คงไม่ใช่ตัวเดิมหรอกนะ คุณพระ!
“กรี๊ด!!!”
พระพายกระพริบตาปริบๆ อย่างเพิ่งรู้สึกตัวก่อนจะรีบหันหลังให้ฉัน “เฮ้ย!!!”
“ฮ่ะๆ” พวกเพื่อนๆ ของเขาหัวเราะใหญ่ท่าทางสะใจมาก ฉันโยนเสื้อคืนให้เขาก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปอย่างหัวเสีย ทำไมฉันต้องมาดูหมอนั่นโชว์อะไรก็ไม่รู้ด้วยเนี่ย บ้าที่สุด! ทำไมหน้าร้อนเห่อแบบนี้
“ไอ้พวกเพื่อนเวร!!!”
ณ หน้ามหาวิทยาลัย L
วันนี้ฉันมาทำธุระในมหาวิทยาลัยเสร็จก็ออกมาหาอะไรกินที่ด้านหน้า ฉันกำลังอ้าปากจะงับไส้กรอกที่ซื้อมาจากมินิมาร์ทในปั๊มต้องหยุดชะงักกลางคันแล้วก้มลงมองที่มาของสายตาแปลกๆ ที่พุ่งตรงจนฉันรู้สึกได้
“...”
“...”
What? มีหมาตัวหนึ่งท่าทางจะเป็นหมาจรจัดนั่งทิ้งก้นเงยหน้ามองฉันด้วยแววตาที่หยาดเยิ้มเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก (?) ราวกับว่าฉันเป็นแม่ที่เบ่งมันออกมาจากท้องเองกับมือ เฮ้ย! ไม่ใช่ละ ฉันกระพริบตาปริบๆ จ้องกลับไป แล้วน้ำลายของมันก็ไหลลงมาเป็นทาง อ๊าก! น่าเกลียดอ่ะ ยี้! ฉันกำลังจะเดินไปขึ้นรถแต่มันก็วิ่งตามมาก่อนจะทิ้งก้นลงแหมะขวางหน้าฉันเอาไว้
“...” พร้อมกับจ้องมองมาด้วยสายตาออดอ้อน โธ่เอ้ย! คิดว่าตัวเองเป็นหมาน้อยหน้าตาน่ารักๆ หรือไง นี่ก็โตเต็มวัยแล้วแถมยังสกปรกอีกต่างหาก ฉันพยายามไม่สนใจก่อนจะเดินเลี่ยงมันไป “แอ๊ง!”
ฉันหยุดเท้าบนส้นสูงก่อนจะหันไปมองหมาตัวดังกล่าว มันยังคงนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมดวงตาแสนเศร้าที่คล้ายกับมีน้ำเอ่อล้นเล็กน้อย ฉันยืนนิ่งขณะที่มือก็ยึดไม้เสียบไส้กรอกนิ่ง นี่มัน... ไส้กรอกชีสเลยนะ ชีสร้อนๆ หอมๆ น่าอร่อย อึก! ฉันกลืนน้ำลายลงคอส่งผลให้มันกลืนน้ำลายลงคอตาม แต่ถึงอย่างนั้นก็มีน้ำลายเยอะแยะไหลออกมาตามซี่ฟันขณะที่มันอ้าปากแลบลิ้นแหะๆ โชว์
ชิ้ง! เกิดสงครามขึ้นเล็กน้อยระหว่างฉันกับ... มัน
อ่อ... ก็ได้วะ ฉันค่อยๆ วางไม้ที่เสียบไส้กรอกลงบนพื้นฟุตบาตก่อนที่มันจะวิ่งเข้ามาหาแล้วจัดการงับเข้าปากก่อนจะเคี้ยวๆ ราวกับอดยากปากแห้งมาจากไหน ตอนนี้สายตาคนรอบข้างหันมาสนใจฉันกันเยอะ ส่วนคนที่สันจรไปมาก็ยังอุตส่าห์เสียเวลามามอง เจ้าหมาตัวนี้เคี้ยวจนถึงไม้เสียบลูกชิ้นก่อนจะพยายามดึงเอาไส้กรอกออก ฉันค่อยๆ นั่งยองๆ ลง โชคดีที่วันนี้ใส่กางเกงยีนส์ขายาวมา ฉันเอื้อมมือไปคว้าปลายไม้อีกด้านก่อนจะดึงมันออกจากปากของเจ้าหมา เมื่อไร้ไม้แข็งขัดขวางมันก็เคี้ยวตุ้ยๆ เอาไส้กรอกชีสลงท้องท่าทางเอร็ดอร่อย ยังไม่วายเหลือบมองฉัน ปากกว้างๆ ของมันยกขึ้นแปลกๆ รู้สึกเหมือนโดนเยาะเย้ยยังไงไม่รู้ บางทีมันอาจจะแค่ดีใจ ใช่เหรอ!
ฉันใช้มือหยิบไส้กรอกอีกอันออกมาก่อนจะอ้าปากแล้วตั้งใจจะยัดใส่
“แอ๊ง!” มือที่กำลังยกขึ้นหยุดชะงักกลางคันทันทีเมื่อเจอเสียงแหลมๆ นี้ ฉันอ้าปากค้างก่อนจะรีบงับแล้วจ้องมองเจ้าของดวงตาแป๋วๆ นั่นอย่างหมั่นไส้
“จะเอาอีกเหรอ”
“แอ๊ง!” สงสัยมันจะบอกว่าใช่ ฉันมองร่างกายที่ซูบผอมของมันก่อนจะพยักหน้าอย่างใจอ่อน ฉันเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ริมทางก่อนจะดึงเอาไส้กรอกที่เหลือทั้งหมดสามอันออกมาวางบนถุงลงบนพื้น เจ้าหมารีบวิ่งเข้ามากินโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ฉันมองมันแล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา
ทำไมถึงได้รู้สึกอิ่มเอมใจแบบนี้นะ มันรู้สึก... ดีกว่าให้เงินขอทานอีก ฉันไม่เคยเมตตากับสัตว์แบบนี้มาก่อนเลย นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ฉันสบตากับหมาจรจัดแบบนี้ ฉันอดคิดไม่ได้ว่าถ้าฉันไม่ให้มัน มันจะกินอะไรประทังชีวิตล่ะ คนจรจัดขอทานยังร้องขอได้ คนไทยก็มีน้ำใจให้กัน แต่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ล่ะ ที่มันมีค่าไม่แพ้กัน น่าสงสาร...
“กินให้หมดเลยนะ” ฉันเอ่ยเบาๆ
แชะ!
ฉันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ฉันหันหลังไปมองก็พบกับใครบางคนที่ถือโทรศัพท์มือถือค้างอยู่ พี่เนสท์...
“ว๊า~ ลืมปิดเสียง”
พระพาย : หึ! เสียดายผมแล้วล่ะสิ
Talk : ตอนนี้น่ารักสมชื่อนะคะ เป็นอีกอย่างที่ตัวพิมพ์อยากนำเสนอ
เรื่องนี้ไม่ได้ไร้สาระอย่างเดียวนะ แม้นางเอกพระเอกจะบ้าๆ บอๆ ก็เหอะ 55
ไงคะ#ทีมพี่เนสท์ เสียดายพระพายเปล่า ย้ายทีมยังทันนะคะ อิอิ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พออๆๆๆ รอนร้าาา คุนเมนเปนพระเอกนาง พระรองเปนเมนหลักก อร้ายยยฟินไปอีกนานนนน รักพี่เนสท์ก้จริงเเต่รักพระพายมากกว่าา5555555 ทีมพระพาย
กับคนนี้ตบได้ตบดี กับสัตว์เธอช่างเป็นนางฟ้า 5555555
เพราะพระพายเราอยากได้ 55555
พี่เนสท์คือพระเอก
นางเอกมุ้งมิ้ง สงสารน้องหมาด้วย