ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HxH : Hunter x Hunter] CHECKMATE

    ลำดับตอนที่ #81 : Chapter 62 | บุกทะลวง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.25K
      140
      15 เม.ย. 63


    Chapter 62



    วันชุมนุมเวลาศูนย์นาฬิกา

    หน่วยปราบปรามบุกทะลวงวัง


    มังกรเรืองแสงของสหายเนเทโล่เป็นตัวเปิดฉาก

    ทันทีที่ทุกคนได้รับคำสั่งบุก มังกรบนฟ้าก็แยกร่าง -- ดราก้อนไดฟ์ เน็นของเซโน่ โซลดิ๊ก -- ลำแสงสีขาวบนน่านฟ้ายามกลางคืนราวกับดาวตก หากสิ่งที่ตามมาไม่ใช่การขอพร แต่เป็นการต่อสู้ที่ต้องจบด้วยการนองเลือด

    เนเฟลปีโต้ถูกฝ่ามือเน็นของเฒ่าชราซัดปลิวไปไกล

    ทันทีที่หยุดไม่ให้กระเด็นไปมากกว่านี้

    ดวงตาก็เบิกโพลงกับภาพที่เห็น


    ห่าฝนมังกร ทะลวงผ่านวัง


    ทีมหน่วยปราบปรามเองก็เจอกับกรณีที่ไม่ได้อยู่ในแผน -- ยูปี หนึ่งในสามองค์รักษ์นั่งเฝ้าทางขึ้นชั้นสองอยู่ที่โถงบันไดกลาง มันผุดลุกยืนเมื่อเห็นผู้บุกรุกโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่า

    ดราก้อนไดฟ์ที่ทะลุชั้นบนลงมาทำให้เด็กชายฉุกคิดได้ คิรัวร์ตกใจเมื่อเพิ่งรู้ว่าคนรู้จักของตาแก่ที่มาช่วยในแผนบุกวังครั้งนี้คือปู่ตัวเอง ไม่เพียงแค่นั้น หลายคนในทีมเองก็ชะงักเมื่อพบว่ามีมดตัวใหญ่นั่งดักอยู่ที่ทางเข้า

    แต่ในกลุ่มนั่นมีเพียงสองคนที่จับจ้องศัตรูไม่คลาดสายตา

    โคเซย์ และกอร์น

    เนื่องจากเมเลี่ยนกำลังร่วมมือใช้ความสามารถล่องหนไปกับนัคเกิ้ลมุ่งขึ้นไปชั้นบน ศรมังกรที่ทะลุลงมาเองก็โจมตีไม่เลือกหน้า ไม่มีอะไรตรวจสอบได้เลยว่าทั้งคู่ยังอยู่หรือตายคาที่ ในช่วงเวลาเสี้ยววิจึงต้องมีใครสักคนเข้าไปสู้กับยูปีแทน

    หากในช่วงเวลาที่ทุกคนตั้งสติได้แล้วอาจเปลี่ยนแผนให้กอร์นร่วมสู้กับยูปีพร้อมกับชู้ต -- บางอย่าง -- ก็อัดผั้วะเข้าที่สีข้างจนยูปีเสียหลัก เป็นการพิสูจน์ว่าพวกนัคเกิ้ลยังอยู่ แผนยังคงเป็นแบบเดิม!


    หลายอย่างที่โครมเข้ามาทีเดียวทำให้ยูปีกลายร่าง


    โจมตีบันไดกลางครั้งเดียวทุกอย่างก็พังทลาย หน่วยปราบปรามกระจายไปคนละที่ หากจะผ่านตรงนี้ไปก็ต้องพบกับยูปีที่ยืนจังก้า มีเพียงพวกนัคเกิ้ลที่หนีรอดไปถึงชั้นสองได้ทันหวุดหวิด

    โมราอุฉวยโอกาศใช้ควันเน็นโจมตีจนทุกอย่างพร่ามัวแล้ววิ่งไปอีกทาง เหลือเพียงชู้ตที่บาดเจ็บจากลูกหลงกับนัคเกิ้ล -- ที่มีเมเลี่ยนเกาะคอพากันล่องหน -- อยู่สู้กับยูปีเต็มกำลัง ยื้อไว้ให้ถึงที่สุดเพื่อให้ประธานเนเทโล่แยกไปจัดการกับราชา


    เมื่อบันไดทางขึ้นพัง


    ทางฝั่งพวกกอร์นก็เปลี่ยนเส้นทางทันที ตั้งใจจะกระโดดจากหอคอยฝั่งขวาชั้น 2 ไปยังชั้น 3 ของหอคอยกลางอันเป็นที่ตั้งท้องพระโรงโดยตรง วิ่งแซงอิการูโก้ที่ควบคุมซากศพมดหัวหน้าหน่วยอีกตัว -- หางตาเห็นทหารมดสองคนดักทางที่เพื่อนต่างสายพันธุ์มุ่งตรงไปที่ทางแยก

    นั่น— เป็นครั้งแรกที่คิรัวร์แหกแผนของตัวเอง ทั้งที่เป็นคนกำชับกำชาให้คนอื่น ๆ ทำตามบทบาทที่กำหนดไว้อย่างเข้มงวด สุดท้ายก็ทะยานออกไป ใช้โยโย่บดขยี้หัวของพวกมันตามสัญชาตญาณในกาย

    ช่วยให้อิการูโก้พ้นจากอุปสรรคในอึดใจเดียว

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเข็มของอิรุมิไม่ฝังอยู่ในหัวแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเพื่อนข้างกายที่ทำให้หลุดจากความระแวงที่เคยเป็น -- คิรัวร์ไม่คิดเสียใจที่ลงมือลงไปเลยสักนิด


    เห็นไหม เขาเปลี่ยนไปแล้ว


    วิ่งย้อนตามหลังกอร์น เหลือบมองตามแผ่นหลังของโคเซย์ที่วิ่งแยกตัวออกไป ใบหน้าคมคายไม่สะดุ้งสะเทือนกับเหตุการณ์รอบข้าง ในแววตามีเพียงความมุ่งมั่นที่จะค้นหาร่างของเด็กสาวอีกคนในวังมโหฬารแห่งนี้


    10 วินาทีก่อนบุกวัง -- แววตาของกอร์นดำมืดลง หากยังมีความหวัง

    เขาเห็นเพื่อนรักเข้าไปหาชายหนุ่มที่มุมห้อง ขอร้อง เว้าวอน เหมือนครั้งที่ขอร้องให้นัคเกิ้ลพบตัวคนที่หายไปแล้วนำกลับมาเหมือนไคท์ ตอนที่ได้ข่าวว่าเจอแค่คนเดียว เขาเห็นรอยร้าวเริ่มแผ่ขยายมากขึ้นในดวงตาที่เคยสดใสมากกว่านี้

    คิรัวร์ช่วยประคองกอร์นมากเท่าที่จะทำได้แล้ว ในฐานะนักฆ่าที่เคยผิดหวังมานักต่อนัก เขายังตั้งสติได้ แต่กับกอร์นมีแต่จะยิ่งดิ่งลง

    พวกเขาทำได้เพียงภาวนา

    ฝากความหวังสุดท้ายไว้ที่โคเซย์คนนั้น


    กึก


    “คิรัวร์”

    มาถึงชั้นบน มองตรงลงไปก็พบท้องพระโรงที่มีควันเน็นของโมราอุปกคลุม กอร์นกดหัวคิ้ว จับจ้องไปยังทางเข้าด้านล่างไปวางตา เขาเห็นราชากับประธานเนเทโล่เดินออกมา ขี่มังกรเน็นขึ้นฟ้าไปเพื่อต่อสู้ในที่ห่างไกล

    “ปีโต้อยู่ตรงนั้น ไปกันเถอะ”


    ไปกันเถอะ


    คิรัวร์รู้สึกตัวเองเริ่มเลือนลางลงทุกที -- กอร์นเริ่มจมไปกับความแค้น ในสายตามีเพียงคำว่าต้องจัดการสาเหตุที่ทำให้คนสำคัญต้องแยกจากกัน จ้องจนแทบไม่หันกลับมาสบตากับเขาที่วิ่งมาตลอดทางเหมือนวันวาน

    นัยน์ตาสีครามหม่นหลุบลง


    ถ้าคุเรฮะอยู่ด้วย...ก็คงจะดีกว่านี้



    เซโน่ โซลดิ๊กเดินสวนทางออกมา

    ผู้มีศักดิ์เป็นปู่สบตากับคิรัวร์ จ้องนิ่ง ๆ ไม่กี่นาทีก็ผินสายตากลับไป “งานของฉันหมดแค่นี้แหละ เรื่องนอกเหนือจากหน้าที่ฉันขอไม่รับรู้”

    “เรื่องข้างใน...ให้พวกเจ้าตัดสินกันเองก็แล้วกัน”

    เรื่องข้างใน?

    หลานชายคนโปรดมองตามแผ่นหลังชายชราที่ลับหายไปในความมืดมิด มีบางอย่างสะกิดใจในความพูดมีความนัย ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ก้าวเข้าไปในท้องพระโรงที่หักพังด้วยดราก้อนไดฟ์ของปู่

    เขาเห็นเนเฟลปีโต้กำลังใช้เน็นกับผู้หญิงคนหนึ่ง

    ราวกับตุ๊กตาบลายด์ตัวยักษ์ในชุดพยาบาล ทุกตารางนิ้วของชิ้นส่วนเป็นเครื่องมือไม่ต่างจากแพทย์ผ่าตัดในห้องฉุกเฉิน กลไกของมันขยับไปมาในช่องท้องของหญิงสาวโชกเลือด -- มดที่เคยพรากแขนไคท์หันขวับเมื่อสัมผัสได้ถึงผู้มาเยือนที่ไม่เป็นมิตร


    เพียงแค่ได้พบหน้า

    ออร่าทะมึนของกอร์นก็แผ่กระจายออกมากดดัน


    “จำฉันได้รึเปล่า?”

    กำหมัดแน่น ตะโกนออกไปด้วยแรงอารมณ์

    “ฉันชื่อกอร์น ฟรีคซ์!!! ฉันมาพบแกเพื่อทวงคุเรฮะคืน!!!!!”

    คิรัวร์ยืนระวังอยู่ด้านหลัง เด็กชายขมวดคิ้วเมื่อมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล -- ปีโต้ไม่มีออร่าปกคลุมตัวหรือตั้งท่าจะสู้กับพวกเขาเลยสักนิด ทั้ง ๆ ที่ออร่ากอร์นก็บ่งบอกชัดเจนว่าหากสู้โดยไร้เน็นป้องกันมันมีแต่ผลเสียกับเสีย

    ท่าทีของมันเหงื่อตกราวกับทำตัวไม่ถูก ชันเข่ากึ่งลุกกึ่งนั่ง แขนข้างนึงยื่นมากันร่างของคนข้างหลัง ท่าทีปกป้องคนอ่อนแอกว่า เหมือนกับ…

    คนเป็นแม่!?

    กอร์นก้าวเข้าไป ตวาดให้ถอยห่างจากเธอคนนั้น เสียงดังก้องบอกให้มันลุกขึ้นมาสู้กันแล้วเอาคุเรฮะมาคืน สู้กันแล้วทำให้ไคท์—

    ปีโต้คุกเข่า หงายมือสองข้างลงบนพื้น


    มันยอมจำนน


    “ขอร้องล่ะ...ช่วยรอหน่อยเถอะ”

    ท่าทีปราศจากการต่อต้านของปีโต้อันเหนือความคาดหมายทำให้กอร์นสูญเสียเป้าหมายที่จะกระหน่ำอารมณ์ใส่ ส่วนคิรัวร์เริ่มจะจับเค้าเงื่อนของสถานกาณ์ขึ้นมาได้

    ผู้หญิงคนนี้...ไม่ได้กำลังจะถูกทำลาย

    แต่กำลังถูกรักษาตามคำสั่งของราชาต่างหาก!


    ไม่ว่าจะบอกกับกอร์นยังไง...ก็มีแต่ผลลัพธ์แง่ลบทั้งนั้น!!


    พอกอร์นทำท่าจะก้าวเท้าเข้าไปใกล้อีก มันก็รีบโพล่งออกมาสุดชีวิต

    “ทุกอย่าง! ข้าจะยอมทำตามทุกอย่างเลย!!”

    ดวงตามันเบิกโพลง จับจ้องเด็กชายเต็มรูม่านตา “รอหน่อยเถอะนะ ไม่ว่าจะยังไงก็ต้อง...ช่วยคนคนนี้ให้ได้น่ะ!”

    “ช่วย ช่วย...อะไร?”

    คิรัวร์พยายามเอ่ยแทน เผื่อเพื่อนสนิทจะใจเย็นลงบ้าง แต่กอร์นก็เอ่ยขัดขึ้นมา “คิรัวร์”

    “ฉันกำลังถามมันอยู่นะ”

    จ้องมองด้วยดวงตาที่หมดประกายแสง


    ไร้ความปราณีที่เคยมี


    “ที่ว่าช่วยน่ะ ช่วยอะไร?”

    ท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียดถึงขีดสุด

    ปีโต้เลือกที่จะตอบความจริงโดยไม่บิดเบือน

    “เธอคนนี้คือคนที่...เป็นคนสำคัญ ของคนสำคัญของข้า” สบตาด้วยความสัตย์จริง “เพราะมีเธอคนนี้อยู่ ราชาจึงเป็นราชา หากสูญเสียเธอไปแล้วล่ะก็...ราชาจะไม่ใช่ราชาอีกต่อไป”

    ขอแค่ช่วยชีวิตหญิงสาวคนนี้ได้ หลังจากนั้นจะยอมทำทุกอย่างที่พวกเขาต้องการทันที

    ขอแค่เวลาเท่านั้น


    “พูดอะไร...เอาแต่ได้ที่สุด!! บัดซบ บัดซบ!!!”


    กัดฟันกำหมัดจนเส้นเลือดปูดเรียงขึ้นมา

    ภาพความทรงจำที่เขาเจอกับไคท์ครั้งแรกในป่า ภาพที่เขาทำความรู้จักกับคุเรฮะในการสอบ ภาพทุกอย่างเร่งเร็วมาจนถึงแขนของไคท์ที่ขาดสะบัด คุเรฮะที่เหวี่ยงพวกเขาออกมา

    เพราะมัน! เพราะมัน!!

    “ใครมันจะไปยอมทำตามที่แก… ที่พวกแกบอกกัน”

    “กอร์น รอเดี๋ยวก่อน!” คิรัวร์รีบยั้งไว้เมื่อคนตรงหน้าเริ่มขยับเท้าเข้าไปใกล้อีกก้าว พยายามกล่อมโดยใช้เหตุผลเต็มที่ก่อนที่ฟางเส้นสุดท้ายจะขาด อย่างน้อยก็แค่ให้เธอคนนั้นมีชีวิตต่อไป

    “ที่เธอคนนั้นบาดเจ็บคงเป็นเพราะฝ่ายเรามากกว่า ดราก้อนไดฟ์ของปู่น่ะ”

    “แล้วไง?”

    “เมื่อกี้ที่ปีโต้บอกว่ากำลังรักษาเธออยู่ อาจจะเป็นความจริงก็ได้”

    “ก็แล้วไง?”

    “รอหน่อยเถอะ...จนกว่าจะรักษาเสร็จ”

    เขารู้ว่ามันไม่แฟร์สำหรับพวกเขาเลย แต่หากผู้หญิงคนสำคัญของราชาเป็นอะไรไป หากไม่ใช้ความสามารถเน็นของปีโต้ที่เจ้าตัวยินยอมทำให้ ไคท์...หรือแม้แต่คุเรฮะคงไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิม

    “คง? อาจจะ? จะให้รอเพราะว่าคงอาจจะเนี่ยนะ?”

    แต่ยิ่งพูดไป มีแต่จะเติมเชื้อเพลิงลงกองไฟ

    “ที่ว่าหลังจากรอแล้วเจ้านั่นจะยอมทำตามคำของฉันก็แค่ -น่าจะ- เหมือนกันใช่ไหม! บางที? น่าจะ!? แล้วจะจริงเรอะ!!?”

    “พูดบ้า ๆ! เลิกพูดบ้า ๆ ซะที!!”

    หันกลับมา นัยน์ตาเกรี้ยวกราดสบมองคิรัวร์อย่างทนไม่ได้ ...ทนไม่ได้ และไม่ต้องการที่จะทน -- เวลาเป็นเดือน ๆ ที่ผ่านมายังอดทนไม่พออีกรึไง!!


    “มันต้องมีลับลมคมในอยู่แล้วไม่ใช่เรอะคนพรรค์เนี้ย! คำพูดของมันน่ะ นายเชื่องั้นเหรอ!? ใคร -- ใครจะไปเชื่อลง!!!”


    กร๊อบ!!!


    ปีโต้ยอมหักแขนข้างนึงเพื่อให้ได้รับความเชื่อใจ ดวงตาอ้อนวอนเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนตรงหน้า พูดหว่านล้อมทุกอย่าง หักแขนขวาอีกก็ได้ ขาสองข้างด้วยเลยก็ได้ หรือถ้าไม่พอใจ จะทำลายมันให้ยับเยินไปเลยก็ได้

    ขอแค่อย่ากระทบการรักษาก็พอ

    ขอแค่ได้ช่วยชีวิตเธอคนนี้

    ขอแค่นี้เท่านั้น


    ตึง!!!!


    กอร์นทุบพื้นตรงหน้าจนเป็นรอยร้าว ตะโกนกู่ร้องสุดเสียงว่าไม่ยุติธรรม มดตรงหน้ามันคือไอ้ขี้โกง ขี้โกงทุกอย่าง -- ทำไมถึงรักษาแต่ยัยนั่น!

    ทั้ง ๆ ที่ทำกับไคท์ถึงขนาดนั้น!!

    ทั้ง ๆ ที่พรากคุเรฮะไปจากเขาขนาดนั้น!!!


    ทำไม!! ทำไม!!!!!!!


    “กอร์น...”

    การเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องข่มกลั้นอารมณ์ -- คิรัวร์ถูกโซลดิ๊กฝึกปรือพร่ำสอนมาตลอดเพื่อให้เอาชีวิตรอดจากศัตรูที่เก่งกว่า ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ตรึกตรองให้ดีก่อนลงมือที่อาจเสี่ยงต่อชีวิต

    แม้ต้องกลืนก้อนสะอื้นลงคอ เขาก็ยังทนได้

    แต่กับกอร์นไม่ใช่

    เด็กชายโตมากับชีวิตที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีน้าสาวที่ดี มีคุณยายที่ดี มีครอบครัวที่ดี -- แม้ที่ผ่านมาจะเต็มไปด้วยการฝึกเน็นที่เสี่ยงอันตรายก็ตามที

    แต่กอร์นไม่เคยถูกฝึก

    กอร์นไม่เคยสูญเสีย

    เป็นแค่เด็กชายคนนึงที่ตอนนี้ไม่รู้จะจัดการกับอาการของตัวเองอย่างไร ทุกอย่างที่ควรจะแก้ไขได้ พอมันไม่เป็นไปตามที่หวัง การเกรี้ยวกราดและระบายอารมณ์ลบไปกับทุกอย่างจึงเป็นทางออก

    คำพูดเสียดสีก็เช่นกัน

    “คิรัวร์นี่...ดีจริงนะ” เอ่ยด้วยอารมณ์ที่ว่างเปล่า ไม่แม้แต่จะหันกลับมา


    “แม้คุเรฮะจะถูกทำถึงขนาดนั้น นายก็ยังทำไม่รู้สึกอะไรอยู่ได้”


    ไม่ใช่เลย

    ดวงตาของคิรัวร์หม่นแสงลง ไม่ใช่

    ถ้าเกิดเขาแตกสลายไปอีกคน


    ก็ไม่เหลือใครประคองเราให้เดินต่อแล้วนะ…


    มองกอร์นที่บอกว่าไม่เป็นไร ใจเย็นลงแล้ว เพื่อนของเขานั่งรอตรงหน้าปีโต้ ให้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง ครบกำหนดเมื่อไหร่ต้องไปเป่ยจิงเพื่อรักษาไคท์ แล้วก็ต้องพาคุเรฮะกลับมาหากโคเซย์ยังหาตัวไม่พบ

    เขาสูดหายใจลึก

    แล้วค่อย ๆ เดินออกไปท่ามกลางความเงียบงัน



    ครั้งแรก— เธอขัดขืน

    ในวันที่เขาไม่อยากให้มาถึง เจ้าก้อนแป้งของเขาดีดดิ้น กรีดร้องไม่เป็นภาษา ทุกการฟาดฟันเธอคร่ำครวญให้หยุดเสียงสั่น ตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้

    ผ้าพันแผลของเธอหลุดลุ่ย มีสีแดงฉานซึมขยายเป็นวงกว้าง


    ก่อนจะค่อย ๆ ไหลลงมาราวกับน้ำตา


    เขาจูบหน้าผากมน

    เธอร้องขอให้หยุด

    เขากุมสองมือเธอไว้

    เธอขืนตัวพยายามดึงออก

    เขากอดเธอแน่นราวกับวันนี้เป็นวันสุดท้าย


    ค่อย ๆ กดมือเธอลงมา


    คมมีดชำแรกแทรกลึกเข้ามาในกายเนื้อ เฉือนผ่านผิวหนังและอวัยวะภายในที่กำลังเต้นตุบ กอดเธอแรงขึ้นไม่ให้ดิ้นหนี จับมือเธอกระชับขึ้นไม่ให้ปล่อยออกจากสิ่งที่ฝังกลางอก

    แม้กำลังจะตาย แต่ริมฝีปากก็ยังแสยะยิ้มราวกับผู้ชนะ

    หัวเราะให้โชคชะตา เย้ยหยันใส่หน้าพวกมัน

    ไม่ว่าใครหน้าไหน


    เขาจะไม่ยอมให้ใครมาพรากเธอไปทั้งนั้น


    “แม้จะต้องงัดข้อกับยมทูต”


    นัยน์ตาสีฟ้าลุกวาวสบกับร่างที่นั่งชันเข่าบนกระโหลกอสรพิษ กระดูกงูยักษ์เลื้อยคดเคี้ยวก้มแยกเขี้ยวลงมาหมายจะเขมือบศัตรู เขาสะบัดมือ แส้อ็นก็พร้อมฟาดทุกอย่างที่ขวางหน้า

    แม้จะถูกทำให้เปลี่ยนไปมากแค่ไหน

    เธอก็คือเรย์ของเขาอยู่ดี


    “พี่ก็จะพาเธอกลับมา”


    ครั้งแรก เธอขัดขืน

    ครั้งสุดท้าย



    จะไม่มีเงาของเซย์ก้าวนำเธออีกแล้ว



    __________C H E C K M A T E__________


    ก้าวนำ = เป็นฝ่ายเริ่มก่อน

    -----

    ฉากกอร์นกับคิรัวร์— ฉากนี้แม่ยกคิรัวร์ด่ากอร์นเยอะมาก แต่หมีง่วงมองอีกมุม คิรัวร์เก่งกว่ากอร์นอยู่แล้ว เรื่องการคิดและเหตุผลยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่กอร์นยังด้อยประสบการณ์กว่ามาก เจอแบบนี้โถมใส่แบบหนักหน่วงมีหรือจะคุมสติไม่ให้แตกไหว อาจจะผิดที่ใช้คำพูดทำร้ายจิตใจคิรัวร์ แต่อย่าลืมว่านั่นมันคำพูดของคนที่กำลังผิดหวังและเกรี้ยวกราดไม่มีสติ -- หรือคนอ่านคิดยังไงก็มาคุยกันได้ค่ะ!

    ฉากคุเรฮะกับพี่ชาย— อืม…

    สู้ ๆ นะ!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×