ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HxH : Hunter x Hunter] CHECKMATE

    ลำดับตอนที่ #75 : Chapter 57 | เนเฟลปีโต้

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.8K
      166
      15 เม.ย. 63


    Chapter 57



    อีกสามวันให้หลัง

    หน่วยปราบปรามชุดแรกจะมาถึง


    “ถูกล้อมซะแล้ว”

    ชายตัวสูงหยุดฝีเท้า “เยอะเอาการเชียวล่ะ”

    กอร์นกับคิรัวร์หันซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง คุเรฮะหรี่ตานิ่ง ต้นไม้ที่ถูกปลูกบนเนินดินสูงไม่สม่ำเสมอมีเงาดำมากมายแสดงตัวออกมา

    คิเมร่าแอ๊นท์กบเดินมาประจันหน้า สองมือไขว้หลัง


    มันแสยะยิ้ม

    “เอ้า มากำหนดลำดับวิธีการกันหน่อยไหม”


    ซ้ายขวาหน้าหลัง ถูกล้อมหมดทุกเส้นทาง

    “เป้าหมายสามคน นายมีสิทธิ์ที่จะเลือกได้สามข้อ” ดวงตาปูดโปนล่อกแล่กไปมาตามวิสัยยีนส์ร่วมในกาย “1 เลือกลำดับการต่อสู้ 2 ลองหนีดู และ 3 ยอมแพ้แล้วให้เราจับกุม”

    คุเรฮะกอดอกฟังมันพล่าม

    นอกจากจะวิวัฒนาการในเรื่องการสวมใส่เครื่องแต่งกายควบคู่ไปกับภาษาการสื่อสารแล้ว คิเมร่าแอ๊นท์ยังวิวัฒนาการในเรื่องกลอุบายรวมไปถึงการข่มขู่ด้วยเล่ห์เหลี่ยมไม่ต่างจากมนุษย์คนหนึ่งอีกต่างหาก

    “ถ้าเลือกข้อ 1 ก็จะได้สู่ตัวต่อตัวกับพวกเรา คนใดคนหนึ่งอาจมีสิทธิ์รอดได้ ไม่แนะนำให้เลือกข้อ 2 เพราะจะทำให้พวกเราเสียอารมณ์ อาจจะจับตัวในสภาพยับเยิน ยิ่งทรมาณนานกว่าเดิม”

    มันเอียงคอราวกับมั่นใจว่าตัวเองจะต้องชนะแน่ “ข้อ 3 ยิ่งไม่น่าเลือกเข้าไปใหญ่ เพราะมันจะทำให้พวกเราโมโหกว่าเลือกข้อ 2 ซะอีก”

    ไคท์หันมาสบตาเด็กสาว ต่างคนต่างยิ้มมุมปากให้แก่กัน

    “ได้ดวลกับหัวหน้าหมู่แบบนี้ก็ยิ่งแจ๋วน่ะสิ ใครที่พร้อมแล้วก็เตรียมลุยได้เลย”

    สองหมาแมวยิ้มแป้นแล้น หันหน้าเข้าหากันแล้วยื่นมือออกมาเป่ายิ้งฉุบ ไม่สนใจท่าทางฉงนสงสัยของคิเมร่าแอ๊นท์ที่มองมาอย่างระแวดระวังแม้แต่น้อย

    คนแรกที่เดินออกไปคือกอร์น

    คุเรฮะกอดอกอยู่ด้านหลัง รอคิวสู้กับพวกกลายพันธุ์ต่อจากญาติผู้น้องด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย มดระดับแค่นี้ทำอะไรพวกกอร์นไม่ได้มากหรอก เพราะงั้นจึงได้วางใจ


    ได้ยินเสียงไคท์กระซิบแผ่วเบา

    แต่ชัดเจน

    “ลักษณะพิเศษของมนุษย์ยังเหลือค้างอยู่เยอะ แต่คุณสมบัติร่วมของมดกลับสูญเสียไป -- สำหรับพวกเราถ้าเป็นตัวช่วยได้ก็ดีสิ...”

    กอร์นมองคิเมร่าแอ๊นท์คล้ายตัวนิ่มที่มีเกราะแข็ง เอ่ยถามลองเชิง “วิธีสู้ล่ะ?”

    “อ้าว ก็น่าจะพอรู้อยู่แล้วนี่”

    มันหัวเราะเคี๊ยก “สู้จนกว่าฝ่ายหนึ่งจะตายนั่นแหละ”


    คุเรฮะมือปิดใบหน้าครึ่งล่าง หัวเราะหึ

    คิรัวร์ลอบยิ้มแสยะ แค่นเสียงเฮอะ


    แบบนี้ก็หวานหมูสิ


    กอร์นเลิกคิ้ว “บอก ‘ยอมแพ้’ ก็ไม่ได้เรอะ?”

    “หา!?”

    สัตว์ประหลาดหลายตัวทำสีหน้าไม่เข้าใจส่งมาที่เด็กชายเต็มไปหมด คิเมร่าแอ๊นท์ที่ต้องสู้ตัวแรกกัดฟันโต้เถียง “เพ้ออะไรฟะ! แกน่ะ แพ้ปุ๊บก็ต้องเป็นอาหารของราชินีอยู่แล้ว! ถ้าเอาชนะฉันไม่ได้แกตาย 100%!!”

    “ฮื่อ ของฉันเอาแบบนั้นก็ได้” กอร์นพยักหน้าซื่อ “แต่นายน่ะไม่เห็นจำเป็นต้องตายเลยนี่ ถึงฉันจะชนะก็ไม่คิดจะกินนายอยู่แล้ว”

    พ่อพระที่สุดในกลุ่มแล้วคนนี้

    คุเรฮะเป่าปากจนหน้าม้าปลิว ส่วนคิรัวร์หันมาแอบทำท่าล้อเลียนเพื่อนสนิทใหญ่ ไคท์หัวเราะหึ ดึงหมวกลงมาปิดใบหน้าครึ่งบน ดูก็รู้ว่าแอบหัวเราะไม่ต่างกัน

    “ถ้าบอกว่า ‘ยอมแพ้’ แล้วเลิกกันน่ะ ดีกับนายมากกว่านา ถ้านายแพ้ฉันก็แค่ขอสัญญาว่าจะไม่กินคนอีกแค่นั้นเอง”

    เมื่อโดนเด็กหัวแหลมเปี๊ยบว่าแบบนั้น พวกทหารมดชั้นปลายแถวที่ยืนล้อมต่างกันพากันหัวเราะก๊าก

    “ฮ่าฮ่าฮ่า— โดนหยามซะขนาดนั้นเลยนะโว้ย! เพิ่งจะเคยเห็นคู่ต่อสู้ไฟแรงขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย!”

    คู่ต่อสู้ของกอร์นหน้ามืดครึ้มอย่างเสียหน้า เส้นเลือดผุดขึ้นข้างขมับดังปึด


    “ฉันจะฆ่าแก!!!”


    มันม้วนตัวเป็นวงกลมพุ่งเข้าใส่ทันที!

    เหมือนล้อรถที่หมุนพร้อมพุ่งชนด้วยความเร็วเต็มกำลัง รุนแรงขนาดต้นไม้ใหญ่ด้านหลังเด็กชายโค่นหักกระเด็น -- กอร์นกระโดดหลบทันได้ในครั้งแรก แต่แล้วครั้งต่อไป การโจมตีแบบเดิมของมันก็เริ่มมีกลวิธีเข้ามาเพิ่ม

    “!!”

    ใช้พลังที่หางเปลี่ยนทิศทางการหมุน ลูกข่างมีชีวิตพุ่งอัดเข้ากลางอกเด็กชายกระเด็นติดไปด้วยกัน ลากยาวจนไปจน— ตูม!! ต้นไม้ใหญ่อีกต้นเป็นรูโหว่

    คิรัวร์ตะโกนเรียก “กอร์น! เป็นอะไรรึเปล่า!?”

    “ไม่เป็นไร!”

    คิเมร่าแอ๊นท์คล้ายตัวนิ่มเบิกตากว้างตกใจ เจ้าเด็กหัวแหลมลุกขึ้นมาจากหลุมตัวไม้ ปัด ๆ เช็ด ๆ ตัวที่เปื้อนดิน นอกจากเสื้อผ้าและรอยถลอกก็ไม่มีทีท่าบาดเจ็บเลยสักนิด

    “ทำไมอึดขนาดนั้น ถ้าเป็นมนุษย์คนอื่นละก็ไส้หลุดออกปากไปแล้ว--” มันโบกมือปัด “เออ ช่างเหอะ แล้วจะให้โดนหลาย ๆ ที แกไม่มีทางหลบกระสุนไล่ล่าของฉันได้หรอก!”

    ระหว่างที่กอร์นกำลังหาทางโต้กลับ

    “ไอ้หนู ก่อนฆ่าแกฉันจะบอกอะไรไว้อย่าง”

    มันยั่วยุ

    “เหตุผลหลักที่ฉันฆ่ามนุษย์อย่างแกน่ะ ไม่ใช่เพื่อกินหรือเอาไปให้ใครกิน—”


    “แต่เพราะมันสนุก”


    หัวเราะเคี๊ยกอย่างชอบใจ เล่าด้วยใบหน้ายินดีปรีดา “ฉันชอบเสียงตอนที่ไส้หลุดออกมาทางปากน่ะ เสียงเหมือนขี้แตกเลย ขำเป็นเป็นบ้า -- เอ้า! จะกระแทกให้หลุดออกมาทั้งยวงเลย!!”

    แล้วก็ม้วนตัวพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง!

    คุเรฮะหักนิ้วกร๊อบรอเวลา...ไม่นานหรอก


    หนึ่ง กอร์นเป็นเด็กที่พัฒนาฝีมือการต่อสู้ได้ไวในสนามจริง

    และสอง ขอนี้รู้ ๆ กันอยู่


    กอร์นเป็นเด็กดี


    ดีแตกเวลาเจอพวกแกว่งเท้าหาเสี้ยนน่ะ


    หันไปอีกทีเจ้าหมาก็คว้าคู่ต่อสู้มาโอบเต็มอ้อมแขน

    “อย่างแกน่ะ— ไม่เท่าไหร่หรอกน่า!!!”

    ตามมาด้วยเสียงเกราะแตก

    กระดูกหัก

    และเสียงบางอย่างไหลแพร่ดทะลักออกมา

    “หึ”

    คิรัวร์ชูนิ้วโป้งชมกู๊ดจ๊อบ พลางก้าวออกไปข้างหน้า แท็กมือรับหน้าที่ต่อจากเพื่อนผิวสีแทนด้วยใบหน้าเย้ยหยัน

    “เอ้า พวกเรากำลังรีบ ใครจะสู้กับฉันต่อ?”

    “ยังไม่ถึงไหนเลยกอร์น เสื้อผ้าขาดหมดแล้ว”

    มองเด็กชายชาวเกาะปรี่เข้ามาหา คล้ายเป็นภาพเจ้าหมาส่ายหางซ้อนทับชวนให้ขบขัน

    คุเรฮะส่ายหน้าเบา ๆ มือปัดฝุ่นที่เกาะติดอยู่บนผมดำตั้งออกให้ -- กอร์นหัวเราะแฮะเริงร่า หันมายืนข้างกัน มองเพื่อนสนิทอีกคนที่กำลังต่อสู้ด้วยฮัทสึสายเปลี่ยนแปลง

    ลงมือรวดเร็ว ฉับไวสมชื่อสายฟ้า

    ไม่ห่วงอีกคน พอจะคาดเดาได้อยู่ ดวงตาคมสีแดงเสี้ยวเหลือบมองเด็กชายข้างกัน แววตาสีน้ำตาลอ่อนทอประกายสดใส กอร์นกำลังสนุกกับความตื่นเต้นที่ต้องเสี่ยงตายระหว่างการต่อสู้

    นิสัยตรงนี้คล้ายหมอนั่นขึ้นมาทุกที

    “กอร์น”

    “ฮื่อ”

    เด็กชายหันมา รอยยิ้มเจิดจ้าเหมือนแสงอาทิตย์

    “กับมดทุกตัวที่ต้องเจอหลังจากนี้น่ะ เอาแบบนี้เลยนะ”

    “เป็นห่วงเหรอ คุเรฮะ”

    เจ้าหมาน้อยหัวเราะ ถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วด้วยรอยยิ้มซื่อ ๆ -- ทายาทคราวน์ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มตรงมุมปากก็ยังไม่จางหายไปไหน


    “ฮื่อ เป็นห่วง”


    คำถามเดิม ๆ ที่ตอบคำตอบเดิม ๆ

    “ห่วงทั้งกอร์น ห่วงทั้งคิรัวร์นั่นแหละ”

    เคลื่อนเข้าหากัน

    หน้าผากมนแนบชิดแผ่วเบา


    “ถ้าทำให้ห่วงมาก ๆ จะตีทั้งคู่เลย”


    ท่าทางสบตากันด้วยรอยยิ้มบางทำให้เจ้าแมวอีกตัวยอมไม่ได้ กระโดดพุ่งเข้ามาด้วยใบหน้าชั่วร้ายคิดจะแทรกตรงกลาง เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สัมผัสพลังเน็นอันตรายของไคท์พอดี

    เสียงกระซิบแว่วมา

    “โดด”

    ฟุ่บ—!

    ไม่ทันได้โวยวาย เด็กสาวคว้าเจ้าตัวป่วนสองคนขึ้นมาแนบข้าง เทเลพอร์ตขึ้นไปสูงเหนือปลายยอดต้นไม้เขียวขจีในเสี้ยววินาที

    อาวุธเน็นของชายตัวสูงคราวนี้เป็นเคียวยาว มันหายไปทันทีที่เขาเหวี่ยงคมเคียวออกเป็นวงกลม ต้นไม้ในบริเวณนั้นถูกตัดล้มละเนละนาดเป็นวงกว้าง

    คิเมร่าแอ๊นท์ทั้งหมดที่ล้อมพวกเขาตัวขาดครึ่ง

    ผู้ใหญ่ผมยาวเปลี่ยนใจตอนเห็นว่าฝีมือเจ้ามดพวกนี้อ่อนด๋อยกว่าที่คิด เพราะงั้นเลยลงมือปิดงานในทีเดียว -- ตอนอธิบายเรื่องนี้คิรัวร์ก็กำลังตะกุยแขนของคุเรฮะไม่ต่างจากแมวฝนเล็บ ประชดประชันน้อยใจเงี้ยวง้าวไปหมด

    เอาเหม่งจุ้มปากแมวไปทีนึง เสียงบ่นไฟแลบถึงยอมหยุดให้


    ขณะเดินผ่านซากมดที่ยังไม่ตายในทันที ไคท์เอ่ยถามขึ้น

    “ไหวไหม”

    “เอ๋?” กอร์นร้องสงสัย

    “ฉากต่อสู้แบบนี้จะมีตลอดทางนั่นแหละ ถ้ามัวแต่คิดถึงเรื่องของศัตรูมากเกินไป จิตใจมันจะรับไม่ไหวเอา”

    “สบายมาก ไอ้พวกที่เห็นพวกพ้องเป็นเหมือนเศษขยะแบบนี้ผมไม่สงสารมันหรอก!”

    คิรัวร์หัวเราะขำเมื่อเห็นท่าทางเพื่อนขึงขังจริงจัง ทั้งคู่ศอกใส่กันเล่นไปมา

    —นั่นแหละที่อันตราย

    ไคท์ก้มหน้า คุเรฮะเลื่อนสายตาไปมองทางอื่น


    ถ้าเกิดมีไอ้ตัวที่คิดถึงพวกพ้องขึ้นมา ...เราก็แย่สิ



    พลังออร่าแผ่ขยายไปทั่วร่าง เกร็งนิ้วหยาบกระด้างที่มีเพียงสี่นิ้วยามค้นพบพลังใหม่ -- ลาม็อตผู้ถูกมนุษย์เด็กผู้ชายสองคนซัดจนน่วมกลับมาที่รังแผดเสียง ตะโกนดังไปทั่วรัง

    “ดูซี่เปกี้— พลังนี่ฉันควบคุมได้ตามใจด้วย!!”

    คิเมร่าแอ๊นท์เพนกวิ้นมองพลังที่พรรคพวกเพิ่งค้นพบอย่างประหลาดใจ หลังจากใคร่ครวญเงียบ ๆ อยู่พักใหญ่จึงเอ่ยออกมา

    “น่าจะศึกษาให้มากกว่านี้นะ”

    เปกี้ย้ำคำพูด “ถ้ารู้วิธีใช้มันได้ดีละก็… ผสมผสานเข้ากับพลังที่เรามีตั้งแต่เกิดก็จะยิ่งเป็นอาวุธที่ทรงอานุภาพกว่าเดิมแน่นอน”

    “ซาซัน...”

    ลาม็อตหันไปตามเสียง เจ้าทหารมดที่ถือหางว่าตัวเองต้องเป็นหัวหน้ามดที่จงรักภักดีต่อราชินีนั่งหมดสภาพอยู่ตรงนั้น มันเป็นคนขอให้เขาต่อยตัวเองเต็มแรงเพื่อพิสูจน์พลังใหม่นี่ด้วยซ้ำไป

    คิเมร่าแอ๊นท์ที่บินไปโฉบลาม็อตหนีจากศัตรูเอ่ยเสียงแผ่ว

    “ซาซันบอกว่าจับของหายากมาได้เมื่อหลายวันก่อน ถ้าโชคดีมันอาจจะยังอยู่ในยุ้งฉาง ...ปะ ไปหามันแล้วคุ้มกันไว้”

    เพื่อศึกษาพลังใหม่…

    และถ่ายทอดมันให้แก่ทหารมดทุกตัวหลังจากนี้

    ลาม็อตทิ้งมดเจ็บหนักไว้ตรงนั้น เดินละลิ่วมาที่โรงครัวกับเปกี้ผู้ที่รอบรู้ที่สุดในบรรดาทหารมด แต่ถามหาอาหารหายากที่ว่าแล้วกลับไม่มีใครแน่ใจว่ามันยังอยู่

    ทั้งยังได้รู้ว่ามีทั้งคนที่เห็นแสงห่อหุ้มอาหาร และคนที่ไม่เห็นมันอย่างสิ้นเชิง

    ลาม็อตหัวเราะในลำคอ

    คิดในใจว่านี่คือชะตากรรมที่สวรรค์มอบพรสวรรค์มาให้ มันคือพลังของผู้ที่ถูกเลือกสรรแล้วเท่านั้น! ถ้าใช้ความสามารถนี้จนชำนาญละก็…

    ‘แม้แต่เรื่องที่มันจะขึ้นเป็นราชาซะเอง... ก็มีโอกาส!!’


    ราวกับความตายเฉียดไหล่ไปวูบหนึ่ง


    “กำลังคุยอะไรกันสนุกเชียว พรสวรรค์ที่ว่าน่ะ”

    ร่างผอมเพรียวที่ไม่เคยพบในรังก้าวออกมา ทุกการย่ำเท้าปลดปล่อยความรู้สึกกดดันทหารมดทุกตัวให้รู้สึกถึงสถานะตัวเองในคราเดียว

    สองหูกระดิก ริมฝีปากแสยะยิ้ม

    “—ขอร่วมวงด้วยคนสิ”


    เนเฟลปีโต้

    องค์รักษ์พิทักษ์ราชินีตัวแรก ถือกำเนิดแล้ว



    “กอร์น เธอบอกว่าจะตามหาคุณจินด้วยตัวเองใช่ไหม?”

    ระหว่างทางที่กำลังสะกดรอยตามพวกมดไปยังรังหลักราชินี ชายตัวสูงก็เอ่ยถามขึ้นมา ทำให้เด็กทั้งสามคนที่กำลังคุยเรื่องการเดินทางที่ผ่านมาหันไปมอง

    อันที่จริง -- กอร์นกับคิรัวร์เป็นฝ่ายเม้าท์ ส่วนคุเรฮะเป็นฝ่ายฟังแล้วเออออห่อหมกตามซะมากกว่า

    เด็กชายผมตั้งพยักหน้ารับ

    “อื้อ!”

    “เธอต้องทำให้ได้ล่ะ ฉันให้บัตรฮันเตอร์ของคุณจินกับเธอไปแล้วนี่ ฝากเอาไปคืนให้เขาทีนะ”

    ไคท์หมายถึงบัตรฮันเตอร์ที่ให้อีกฝ่ายไปตอนพบกันอีกครั้งหลังเคลียร์เกมกรีดไอร์แลนด์ คงนึกขึ้นได้เพราะได้ยินบางคำในบทสนทนาเข้าพอดี

    คิรัวร์จำได้ว่าอีกฝ่ายเคยบอกเองว่าตามหาพ่อกอร์นพบแล้วนี่นา เด็กชายเลิกคิ้วถาม

    “ทำไมคุณไม่เอาไปคืนเองตอนเจอเขาล่ะ?”

    “อ้อ ฉันลืม”

    โครม!

    สะดุดอากาศหน้าคะมำเกือบยกแผง

    คุเรฮะทำหน้าอิหยังวะทิ้งท้าย ตามหาฮันเตอร์ที่เก่งติดอันดับโลกเจอทั้งที ได้คุยกันแล้วด้วย แต่กลับลืมให้บัตรเลยมาฝากให้ลูกชายเขาเอาไปคืนอีกทีเนี่ยนะ

    —เหมือนได้ฟังเรื่องเบาสมองท่ามกลามความตึงเครียดอย่างไรอย่างนั้น

    “อื้อ แต่ก่อนอื่น ผมต้องเดินทางไปกับไคท์จนจบและแข็งแกร่งขึ้นให้ได้เยอะ ๆ หลังจากนั้นผมจะตามหาไคท์ให้เจอ และคืนบัตรฮันเตอร์ให้เขา”

    กอร์นหัวเราะร่าเริง

    “สัญญาเลย!”


    กึก


    ทุกอย่างหยุดชะงักเมื่อพวกเขาเดินมาถึงจุด ๆ หนึ่ง จากตรงนี้มองไกลออกไปสามารถเห็นยอดรังของเป้าหมายได้แล้วด้วยซ้ำ

    กอร์นกับคิรัวร์จับความรู้สึกได้ตั้งแต่สองมือคุเรฮะกดหลังคอให้หมอบลง ใบหน้าคมของเด็กสาวเริ่มมีเหงื่อซึมทั้งที่ไม่กี่วินาทีก่อนหน้ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “...มีอะไรเหรอคุเรฮะ”

    กอร์นกระซิบถาม หากไคท์แทรกทันด้วยน้ำเสียงกดต่ำจนน่าตกใจ “กอร์น คิรัวร์ คุเรฮะ”


    “หนีไปซะ”


    ดวงตาคมกริบสีผสมค่อย ๆ เลื่อนขึ้นสบตา ระยะเอ็นของเธอน้อยเกือบครึ่งหนึ่งของไคท์ยังจับสัมผัสอันตรายนี่ได้

    “เร็วเข้า ออกไปจากที่นี่!”

    สองมือเผลอออกแรงจนจิกหลังคอเหล่าเด็กชาย

    กระชากเหวี่ยงออกไป


    “ถอยไปให้ห่างจากฉัน!!”


    กร๊อบ—


    บางอย่างบิดเบี้ยว บางอย่างขาดกระเด็น

    ร่วงไปตกด้านหลังสองเด็กชายดังตุบ


    “อึก...!”

    คุเรฮะกำแขนข้างที่หักเสียรูปร่างโดยไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ ขอบคุณตัวเองที่มีลางสังหรณ์บางอย่างให้เหวี่ยงกอร์นกับคิรัวร์ออกไปแทนที่จะพาตัวเองไปด้วยกัน

    คิเมร่าแอ๊นท์ที่พุ่งมาจากรังราชินีเป็นร้อย ๆ เมตรตั้งท่าพร้อมจู่โจมอีกรอบด้วยท่าทีสัตว์ร้าย

    เหยื่อสองตัวที่น่าสนใจพอให้เล่นด้วย

    ไม่คิดปล่อยไปแน่

    “อะ...”


    ได้ยินเสียงกอร์นเบายิ่งกว่าเสียงกระซิบ

    โดยไม่หันกลับไป เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กชายสติขาดผึ่ง กอร์นหลุดกำหมัด เค้นเร็นออกมาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

    ไคท์เบิกตากว้าง “เจ้า—”


    ผั้วะ!!!


    ท้ายทอยถูกสองมือทุบจนสลบในคราเดียว คิรัวร์จับร่างไร้สติของเพื่อนสนิทขึ้นพาดบ่า แววตาแมวที่ตื่นตระหนกกว่ากว่าจะเอ่ยคำพูดใดสบตากับเด็กสาวอีกคน

    ราวกับเวลาหยุดหมุน ภาพที่เน็นสายพิเศษของคุเรฮะพาพวกเขาเทเลพอร์ตไปยังที่ไกลแสนไกลกับข้อจำกัดที่เคยได้ยิน


    ‘ฉันทำตราประทับอีกอันไว้ที่ต้นไม้ทางเข้า NGL’


    ไม่ ไม่ ไม่

    จากตรงนี้กับที่ทำตราประทับไว้ไกลเกินไป

    “ตัดสินใจได้ดีมากคิรัวร์ พากอร์นหนีไปเลย”

    เสียงของไคท์แว่วมา หากคิรัวร์ยืนนิ่งอยู่กับที่

    มองแขนของไคท์ที่ขาดหล่นอยู่ข้างเท้า มองแขนของคุเรฮะที่หักบิดเบี้ยวไปข้างนึง เหมือนมันเล็งเป้าหมายแน่นอนไว้แล้ว


    “คุ...เรฮะ”


    แค่เอ่ยเสียง

    เรือนผมสีดำแซมแดงก็สะบัดปลิว ร่างของญาติผู้พี่หมุนตัวกลับมา มือข้างนึงที่ยังเหลืออยู่ยื่นมาหาเขา เจ้าแมวที่ใจเสียไปวูบหนึ่งยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ รีบยื่นมือไปคว้าไว้แน่น

    ใช่ ถ้าจะไป เราต้องไปด้วยกัน

    เธอต้องพาพวกเขาเทเลพอร์ตไป ถ้ามันไกลเกินที่คาดไว้เราอาจหยุดพักสักที่ก่อนจะค่อยหนีต่อ ถ้าคุเรฮะพาไปไม่ไหวเขาจะอุ้มเธอเอง ถ้ากอร์นตื่นมาเราสลับกันอุ้มแล้วหนีก็ยังได้

    นัยน์ตาคมสีแดงเสี้ยวมีแววสั่นไหว

    ก่อนจะฉายความเด็ดขาดออกมา


    “ไปซะ”

    ดวงตาสีฟ้าครามเบิกกว้าง



    “ไม่!!!!!!!!”





    __________C H E C K M A T E__________


    ปิดรับรีเควสรูป ขอบคุณทุกคนที่สนใจค่ะ

    แล้วก็ -- อย่าเพิ่งไล่ตีหมี! *ถกกระโปรงวิ่ง*


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×