คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #75 : Chapter 57 | เนเฟลปีโต้
♞
Chapter 57
อีกสามวันให้หลัง
หน่วยปราบปรามชุดแรกจะมาถึง
“ถูกล้อมซะแล้ว”
ชายตัวสูงหยุดฝีเท้า “เยอะเอาการเชียวล่ะ”
กอร์นกับคิรัวร์หันซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง คุเรฮะหรี่ตานิ่ง ต้นไม้ที่ถูกปลูกบนเนินดินสูงไม่สม่ำเสมอมีเงาดำมากมายแสดงตัวออกมา
คิเมร่าแอ๊นท์กบเดินมาประจันหน้า สองมือไขว้หลัง
มันแสยะยิ้ม
“เอ้า มากำหนดลำดับวิธีการกันหน่อยไหม”
ซ้ายขวาหน้าหลัง ถูกล้อมหมดทุกเส้นทาง
“เป้าหมายสามคน นายมีสิทธิ์ที่จะเลือกได้สามข้อ” ดวงตาปูดโปนล่อกแล่กไปมาตามวิสัยยีนส์ร่วมในกาย “1 เลือกลำดับการต่อสู้ 2 ลองหนีดู และ 3 ยอมแพ้แล้วให้เราจับกุม”
คุเรฮะกอดอกฟังมันพล่าม
นอกจากจะวิวัฒนาการในเรื่องการสวมใส่เครื่องแต่งกายควบคู่ไปกับภาษาการสื่อสารแล้ว คิเมร่าแอ๊นท์ยังวิวัฒนาการในเรื่องกลอุบายรวมไปถึงการข่มขู่ด้วยเล่ห์เหลี่ยมไม่ต่างจากมนุษย์คนหนึ่งอีกต่างหาก
“ถ้าเลือกข้อ 1 ก็จะได้สู่ตัวต่อตัวกับพวกเรา คนใดคนหนึ่งอาจมีสิทธิ์รอดได้ ไม่แนะนำให้เลือกข้อ 2 เพราะจะทำให้พวกเราเสียอารมณ์ อาจจะจับตัวในสภาพยับเยิน ยิ่งทรมาณนานกว่าเดิม”
มันเอียงคอราวกับมั่นใจว่าตัวเองจะต้องชนะแน่ “ข้อ 3 ยิ่งไม่น่าเลือกเข้าไปใหญ่ เพราะมันจะทำให้พวกเราโมโหกว่าเลือกข้อ 2 ซะอีก”
ไคท์หันมาสบตาเด็กสาว ต่างคนต่างยิ้มมุมปากให้แก่กัน
“ได้ดวลกับหัวหน้าหมู่แบบนี้ก็ยิ่งแจ๋วน่ะสิ ใครที่พร้อมแล้วก็เตรียมลุยได้เลย”
สองหมาแมวยิ้มแป้นแล้น หันหน้าเข้าหากันแล้วยื่นมือออกมาเป่ายิ้งฉุบ ไม่สนใจท่าทางฉงนสงสัยของคิเมร่าแอ๊นท์ที่มองมาอย่างระแวดระวังแม้แต่น้อย
คนแรกที่เดินออกไปคือกอร์น
คุเรฮะกอดอกอยู่ด้านหลัง รอคิวสู้กับพวกกลายพันธุ์ต่อจากญาติผู้น้องด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย มดระดับแค่นี้ทำอะไรพวกกอร์นไม่ได้มากหรอก เพราะงั้นจึงได้วางใจ
ได้ยินเสียงไคท์กระซิบแผ่วเบา
แต่ชัดเจน
“ลักษณะพิเศษของมนุษย์ยังเหลือค้างอยู่เยอะ แต่คุณสมบัติร่วมของมดกลับสูญเสียไป -- สำหรับพวกเราถ้าเป็นตัวช่วยได้ก็ดีสิ...”
กอร์นมองคิเมร่าแอ๊นท์คล้ายตัวนิ่มที่มีเกราะแข็ง เอ่ยถามลองเชิง “วิธีสู้ล่ะ?”
“อ้าว ก็น่าจะพอรู้อยู่แล้วนี่”
มันหัวเราะเคี๊ยก “สู้จนกว่าฝ่ายหนึ่งจะตายนั่นแหละ”
คุเรฮะมือปิดใบหน้าครึ่งล่าง หัวเราะหึ
คิรัวร์ลอบยิ้มแสยะ แค่นเสียงเฮอะ
แบบนี้ก็หวานหมูสิ
กอร์นเลิกคิ้ว “บอก ‘ยอมแพ้’ ก็ไม่ได้เรอะ?”
“หา!?”
สัตว์ประหลาดหลายตัวทำสีหน้าไม่เข้าใจส่งมาที่เด็กชายเต็มไปหมด คิเมร่าแอ๊นท์ที่ต้องสู้ตัวแรกกัดฟันโต้เถียง “เพ้ออะไรฟะ! แกน่ะ แพ้ปุ๊บก็ต้องเป็นอาหารของราชินีอยู่แล้ว! ถ้าเอาชนะฉันไม่ได้แกตาย 100%!!”
“ฮื่อ ของฉันเอาแบบนั้นก็ได้” กอร์นพยักหน้าซื่อ “แต่นายน่ะไม่เห็นจำเป็นต้องตายเลยนี่ ถึงฉันจะชนะก็ไม่คิดจะกินนายอยู่แล้ว”
พ่อพระที่สุดในกลุ่มแล้วคนนี้
คุเรฮะเป่าปากจนหน้าม้าปลิว ส่วนคิรัวร์หันมาแอบทำท่าล้อเลียนเพื่อนสนิทใหญ่ ไคท์หัวเราะหึ ดึงหมวกลงมาปิดใบหน้าครึ่งบน ดูก็รู้ว่าแอบหัวเราะไม่ต่างกัน
“ถ้าบอกว่า ‘ยอมแพ้’ แล้วเลิกกันน่ะ ดีกับนายมากกว่านา ถ้านายแพ้ฉันก็แค่ขอสัญญาว่าจะไม่กินคนอีกแค่นั้นเอง”
เมื่อโดนเด็กหัวแหลมเปี๊ยบว่าแบบนั้น พวกทหารมดชั้นปลายแถวที่ยืนล้อมต่างกันพากันหัวเราะก๊าก
“ฮ่าฮ่าฮ่า— โดนหยามซะขนาดนั้นเลยนะโว้ย! เพิ่งจะเคยเห็นคู่ต่อสู้ไฟแรงขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย!”
คู่ต่อสู้ของกอร์นหน้ามืดครึ้มอย่างเสียหน้า เส้นเลือดผุดขึ้นข้างขมับดังปึด
“ฉันจะฆ่าแก!!!”
มันม้วนตัวเป็นวงกลมพุ่งเข้าใส่ทันที!
เหมือนล้อรถที่หมุนพร้อมพุ่งชนด้วยความเร็วเต็มกำลัง รุนแรงขนาดต้นไม้ใหญ่ด้านหลังเด็กชายโค่นหักกระเด็น -- กอร์นกระโดดหลบทันได้ในครั้งแรก แต่แล้วครั้งต่อไป การโจมตีแบบเดิมของมันก็เริ่มมีกลวิธีเข้ามาเพิ่ม
“!!”
ใช้พลังที่หางเปลี่ยนทิศทางการหมุน ลูกข่างมีชีวิตพุ่งอัดเข้ากลางอกเด็กชายกระเด็นติดไปด้วยกัน ลากยาวจนไปจน— ตูม!! ต้นไม้ใหญ่อีกต้นเป็นรูโหว่
คิรัวร์ตะโกนเรียก “กอร์น! เป็นอะไรรึเปล่า!?”
“ไม่เป็นไร!”
คิเมร่าแอ๊นท์คล้ายตัวนิ่มเบิกตากว้างตกใจ เจ้าเด็กหัวแหลมลุกขึ้นมาจากหลุมตัวไม้ ปัด ๆ เช็ด ๆ ตัวที่เปื้อนดิน นอกจากเสื้อผ้าและรอยถลอกก็ไม่มีทีท่าบาดเจ็บเลยสักนิด
“ทำไมอึดขนาดนั้น ถ้าเป็นมนุษย์คนอื่นละก็ไส้หลุดออกปากไปแล้ว--” มันโบกมือปัด “เออ ช่างเหอะ แล้วจะให้โดนหลาย ๆ ที แกไม่มีทางหลบกระสุนไล่ล่าของฉันได้หรอก!”
ระหว่างที่กอร์นกำลังหาทางโต้กลับ
“ไอ้หนู ก่อนฆ่าแกฉันจะบอกอะไรไว้อย่าง”
มันยั่วยุ
“เหตุผลหลักที่ฉันฆ่ามนุษย์อย่างแกน่ะ ไม่ใช่เพื่อกินหรือเอาไปให้ใครกิน—”
“แต่เพราะมันสนุก”
หัวเราะเคี๊ยกอย่างชอบใจ เล่าด้วยใบหน้ายินดีปรีดา “ฉันชอบเสียงตอนที่ไส้หลุดออกมาทางปากน่ะ เสียงเหมือนขี้แตกเลย ขำเป็นเป็นบ้า -- เอ้า! จะกระแทกให้หลุดออกมาทั้งยวงเลย!!”
แล้วก็ม้วนตัวพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง!
คุเรฮะหักนิ้วกร๊อบรอเวลา...ไม่นานหรอก
หนึ่ง กอร์นเป็นเด็กที่พัฒนาฝีมือการต่อสู้ได้ไวในสนามจริง
และสอง ขอนี้รู้ ๆ กันอยู่
กอร์นเป็นเด็กดี
ดีแตกเวลาเจอพวกแกว่งเท้าหาเสี้ยนน่ะ
หันไปอีกทีเจ้าหมาก็คว้าคู่ต่อสู้มาโอบเต็มอ้อมแขน
“อย่างแกน่ะ— ไม่เท่าไหร่หรอกน่า!!!”
ตามมาด้วยเสียงเกราะแตก
กระดูกหัก
และเสียงบางอย่างไหลแพร่ดทะลักออกมา
“หึ”
คิรัวร์ชูนิ้วโป้งชมกู๊ดจ๊อบ พลางก้าวออกไปข้างหน้า แท็กมือรับหน้าที่ต่อจากเพื่อนผิวสีแทนด้วยใบหน้าเย้ยหยัน
“เอ้า พวกเรากำลังรีบ ใครจะสู้กับฉันต่อ?”
“ยังไม่ถึงไหนเลยกอร์น เสื้อผ้าขาดหมดแล้ว”
มองเด็กชายชาวเกาะปรี่เข้ามาหา คล้ายเป็นภาพเจ้าหมาส่ายหางซ้อนทับชวนให้ขบขัน
คุเรฮะส่ายหน้าเบา ๆ มือปัดฝุ่นที่เกาะติดอยู่บนผมดำตั้งออกให้ -- กอร์นหัวเราะแฮะเริงร่า หันมายืนข้างกัน มองเพื่อนสนิทอีกคนที่กำลังต่อสู้ด้วยฮัทสึสายเปลี่ยนแปลง
ลงมือรวดเร็ว ฉับไวสมชื่อสายฟ้า
ไม่ห่วงอีกคน พอจะคาดเดาได้อยู่ ดวงตาคมสีแดงเสี้ยวเหลือบมองเด็กชายข้างกัน แววตาสีน้ำตาลอ่อนทอประกายสดใส กอร์นกำลังสนุกกับความตื่นเต้นที่ต้องเสี่ยงตายระหว่างการต่อสู้
นิสัยตรงนี้คล้ายหมอนั่นขึ้นมาทุกที
“กอร์น”
“ฮื่อ”
เด็กชายหันมา รอยยิ้มเจิดจ้าเหมือนแสงอาทิตย์
“กับมดทุกตัวที่ต้องเจอหลังจากนี้น่ะ เอาแบบนี้เลยนะ”
“เป็นห่วงเหรอ คุเรฮะ”
เจ้าหมาน้อยหัวเราะ ถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วด้วยรอยยิ้มซื่อ ๆ -- ทายาทคราวน์ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มตรงมุมปากก็ยังไม่จางหายไปไหน
“ฮื่อ เป็นห่วง”
คำถามเดิม ๆ ที่ตอบคำตอบเดิม ๆ
“ห่วงทั้งกอร์น ห่วงทั้งคิรัวร์นั่นแหละ”
เคลื่อนเข้าหากัน
หน้าผากมนแนบชิดแผ่วเบา
“ถ้าทำให้ห่วงมาก ๆ จะตีทั้งคู่เลย”
ท่าทางสบตากันด้วยรอยยิ้มบางทำให้เจ้าแมวอีกตัวยอมไม่ได้ กระโดดพุ่งเข้ามาด้วยใบหน้าชั่วร้ายคิดจะแทรกตรงกลาง เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สัมผัสพลังเน็นอันตรายของไคท์พอดี
เสียงกระซิบแว่วมา
“โดด”
ฟุ่บ—!
ไม่ทันได้โวยวาย เด็กสาวคว้าเจ้าตัวป่วนสองคนขึ้นมาแนบข้าง เทเลพอร์ตขึ้นไปสูงเหนือปลายยอดต้นไม้เขียวขจีในเสี้ยววินาที
อาวุธเน็นของชายตัวสูงคราวนี้เป็นเคียวยาว มันหายไปทันทีที่เขาเหวี่ยงคมเคียวออกเป็นวงกลม ต้นไม้ในบริเวณนั้นถูกตัดล้มละเนละนาดเป็นวงกว้าง
คิเมร่าแอ๊นท์ทั้งหมดที่ล้อมพวกเขาตัวขาดครึ่ง
ผู้ใหญ่ผมยาวเปลี่ยนใจตอนเห็นว่าฝีมือเจ้ามดพวกนี้อ่อนด๋อยกว่าที่คิด เพราะงั้นเลยลงมือปิดงานในทีเดียว -- ตอนอธิบายเรื่องนี้คิรัวร์ก็กำลังตะกุยแขนของคุเรฮะไม่ต่างจากแมวฝนเล็บ ประชดประชันน้อยใจเงี้ยวง้าวไปหมด
เอาเหม่งจุ้มปากแมวไปทีนึง เสียงบ่นไฟแลบถึงยอมหยุดให้
ขณะเดินผ่านซากมดที่ยังไม่ตายในทันที ไคท์เอ่ยถามขึ้น
“ไหวไหม”
“เอ๋?” กอร์นร้องสงสัย
“ฉากต่อสู้แบบนี้จะมีตลอดทางนั่นแหละ ถ้ามัวแต่คิดถึงเรื่องของศัตรูมากเกินไป จิตใจมันจะรับไม่ไหวเอา”
“สบายมาก ไอ้พวกที่เห็นพวกพ้องเป็นเหมือนเศษขยะแบบนี้ผมไม่สงสารมันหรอก!”
คิรัวร์หัวเราะขำเมื่อเห็นท่าทางเพื่อนขึงขังจริงจัง ทั้งคู่ศอกใส่กันเล่นไปมา
—นั่นแหละที่อันตราย
ไคท์ก้มหน้า คุเรฮะเลื่อนสายตาไปมองทางอื่น
ถ้าเกิดมีไอ้ตัวที่คิดถึงพวกพ้องขึ้นมา ...เราก็แย่สิ
♞
พลังออร่าแผ่ขยายไปทั่วร่าง เกร็งนิ้วหยาบกระด้างที่มีเพียงสี่นิ้วยามค้นพบพลังใหม่ -- ลาม็อตผู้ถูกมนุษย์เด็กผู้ชายสองคนซัดจนน่วมกลับมาที่รังแผดเสียง ตะโกนดังไปทั่วรัง
“ดูซี่เปกี้— พลังนี่ฉันควบคุมได้ตามใจด้วย!!”
คิเมร่าแอ๊นท์เพนกวิ้นมองพลังที่พรรคพวกเพิ่งค้นพบอย่างประหลาดใจ หลังจากใคร่ครวญเงียบ ๆ อยู่พักใหญ่จึงเอ่ยออกมา
“น่าจะศึกษาให้มากกว่านี้นะ”
เปกี้ย้ำคำพูด “ถ้ารู้วิธีใช้มันได้ดีละก็… ผสมผสานเข้ากับพลังที่เรามีตั้งแต่เกิดก็จะยิ่งเป็นอาวุธที่ทรงอานุภาพกว่าเดิมแน่นอน”
“ซาซัน...”
ลาม็อตหันไปตามเสียง เจ้าทหารมดที่ถือหางว่าตัวเองต้องเป็นหัวหน้ามดที่จงรักภักดีต่อราชินีนั่งหมดสภาพอยู่ตรงนั้น มันเป็นคนขอให้เขาต่อยตัวเองเต็มแรงเพื่อพิสูจน์พลังใหม่นี่ด้วยซ้ำไป
คิเมร่าแอ๊นท์ที่บินไปโฉบลาม็อตหนีจากศัตรูเอ่ยเสียงแผ่ว
“ซาซันบอกว่าจับของหายากมาได้เมื่อหลายวันก่อน ถ้าโชคดีมันอาจจะยังอยู่ในยุ้งฉาง ...ปะ ไปหามันแล้วคุ้มกันไว้”
เพื่อศึกษาพลังใหม่…
และถ่ายทอดมันให้แก่ทหารมดทุกตัวหลังจากนี้
ลาม็อตทิ้งมดเจ็บหนักไว้ตรงนั้น เดินละลิ่วมาที่โรงครัวกับเปกี้ผู้ที่รอบรู้ที่สุดในบรรดาทหารมด แต่ถามหาอาหารหายากที่ว่าแล้วกลับไม่มีใครแน่ใจว่ามันยังอยู่
ทั้งยังได้รู้ว่ามีทั้งคนที่เห็นแสงห่อหุ้มอาหาร และคนที่ไม่เห็นมันอย่างสิ้นเชิง
ลาม็อตหัวเราะในลำคอ
คิดในใจว่านี่คือชะตากรรมที่สวรรค์มอบพรสวรรค์มาให้ มันคือพลังของผู้ที่ถูกเลือกสรรแล้วเท่านั้น! ถ้าใช้ความสามารถนี้จนชำนาญละก็…
‘แม้แต่เรื่องที่มันจะขึ้นเป็นราชาซะเอง... ก็มีโอกาส!!’
ราวกับความตายเฉียดไหล่ไปวูบหนึ่ง
“กำลังคุยอะไรกันสนุกเชียว พรสวรรค์ที่ว่าน่ะ”
ร่างผอมเพรียวที่ไม่เคยพบในรังก้าวออกมา ทุกการย่ำเท้าปลดปล่อยความรู้สึกกดดันทหารมดทุกตัวให้รู้สึกถึงสถานะตัวเองในคราเดียว
สองหูกระดิก ริมฝีปากแสยะยิ้ม
“—ขอร่วมวงด้วยคนสิ”
เนเฟลปีโต้
องค์รักษ์พิทักษ์ราชินีตัวแรก ถือกำเนิดแล้ว
♞
“กอร์น เธอบอกว่าจะตามหาคุณจินด้วยตัวเองใช่ไหม?”
ระหว่างทางที่กำลังสะกดรอยตามพวกมดไปยังรังหลักราชินี ชายตัวสูงก็เอ่ยถามขึ้นมา ทำให้เด็กทั้งสามคนที่กำลังคุยเรื่องการเดินทางที่ผ่านมาหันไปมอง
อันที่จริง -- กอร์นกับคิรัวร์เป็นฝ่ายเม้าท์ ส่วนคุเรฮะเป็นฝ่ายฟังแล้วเออออห่อหมกตามซะมากกว่า
เด็กชายผมตั้งพยักหน้ารับ
“อื้อ!”
“เธอต้องทำให้ได้ล่ะ ฉันให้บัตรฮันเตอร์ของคุณจินกับเธอไปแล้วนี่ ฝากเอาไปคืนให้เขาทีนะ”
ไคท์หมายถึงบัตรฮันเตอร์ที่ให้อีกฝ่ายไปตอนพบกันอีกครั้งหลังเคลียร์เกมกรีดไอร์แลนด์ คงนึกขึ้นได้เพราะได้ยินบางคำในบทสนทนาเข้าพอดี
คิรัวร์จำได้ว่าอีกฝ่ายเคยบอกเองว่าตามหาพ่อกอร์นพบแล้วนี่นา เด็กชายเลิกคิ้วถาม
“ทำไมคุณไม่เอาไปคืนเองตอนเจอเขาล่ะ?”
“อ้อ ฉันลืม”
โครม!
สะดุดอากาศหน้าคะมำเกือบยกแผง
คุเรฮะทำหน้าอิหยังวะทิ้งท้าย ตามหาฮันเตอร์ที่เก่งติดอันดับโลกเจอทั้งที ได้คุยกันแล้วด้วย แต่กลับลืมให้บัตรเลยมาฝากให้ลูกชายเขาเอาไปคืนอีกทีเนี่ยนะ
—เหมือนได้ฟังเรื่องเบาสมองท่ามกลามความตึงเครียดอย่างไรอย่างนั้น
“อื้อ แต่ก่อนอื่น ผมต้องเดินทางไปกับไคท์จนจบและแข็งแกร่งขึ้นให้ได้เยอะ ๆ หลังจากนั้นผมจะตามหาไคท์ให้เจอ และคืนบัตรฮันเตอร์ให้เขา”
กอร์นหัวเราะร่าเริง
“สัญญาเลย!”
กึก
ทุกอย่างหยุดชะงักเมื่อพวกเขาเดินมาถึงจุด ๆ หนึ่ง จากตรงนี้มองไกลออกไปสามารถเห็นยอดรังของเป้าหมายได้แล้วด้วยซ้ำ
กอร์นกับคิรัวร์จับความรู้สึกได้ตั้งแต่สองมือคุเรฮะกดหลังคอให้หมอบลง ใบหน้าคมของเด็กสาวเริ่มมีเหงื่อซึมทั้งที่ไม่กี่วินาทีก่อนหน้ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“...มีอะไรเหรอคุเรฮะ”
กอร์นกระซิบถาม หากไคท์แทรกทันด้วยน้ำเสียงกดต่ำจนน่าตกใจ “กอร์น คิรัวร์ คุเรฮะ”
“หนีไปซะ”
ดวงตาคมกริบสีผสมค่อย ๆ เลื่อนขึ้นสบตา ระยะเอ็นของเธอน้อยเกือบครึ่งหนึ่งของไคท์ยังจับสัมผัสอันตรายนี่ได้
“เร็วเข้า ออกไปจากที่นี่!”
สองมือเผลอออกแรงจนจิกหลังคอเหล่าเด็กชาย
กระชากเหวี่ยงออกไป
“ถอยไปให้ห่างจากฉัน!!”
กร๊อบ—
บางอย่างบิดเบี้ยว บางอย่างขาดกระเด็น
ร่วงไปตกด้านหลังสองเด็กชายดังตุบ
“อึก...!”
คุเรฮะกำแขนข้างที่หักเสียรูปร่างโดยไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ ขอบคุณตัวเองที่มีลางสังหรณ์บางอย่างให้เหวี่ยงกอร์นกับคิรัวร์ออกไปแทนที่จะพาตัวเองไปด้วยกัน
คิเมร่าแอ๊นท์ที่พุ่งมาจากรังราชินีเป็นร้อย ๆ เมตรตั้งท่าพร้อมจู่โจมอีกรอบด้วยท่าทีสัตว์ร้าย
เหยื่อสองตัวที่น่าสนใจพอให้เล่นด้วย
ไม่คิดปล่อยไปแน่
“อะ...”
ได้ยินเสียงกอร์นเบายิ่งกว่าเสียงกระซิบ
โดยไม่หันกลับไป เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กชายสติขาดผึ่ง กอร์นหลุดกำหมัด เค้นเร็นออกมาด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
ไคท์เบิกตากว้าง “เจ้า—”
ผั้วะ!!!
ท้ายทอยถูกสองมือทุบจนสลบในคราเดียว คิรัวร์จับร่างไร้สติของเพื่อนสนิทขึ้นพาดบ่า แววตาแมวที่ตื่นตระหนกกว่ากว่าจะเอ่ยคำพูดใดสบตากับเด็กสาวอีกคน
ราวกับเวลาหยุดหมุน ภาพที่เน็นสายพิเศษของคุเรฮะพาพวกเขาเทเลพอร์ตไปยังที่ไกลแสนไกลกับข้อจำกัดที่เคยได้ยิน
‘ฉันทำตราประทับอีกอันไว้ที่ต้นไม้ทางเข้า NGL’
ไม่ ไม่ ไม่
จากตรงนี้กับที่ทำตราประทับไว้ไกลเกินไป
“ตัดสินใจได้ดีมากคิรัวร์ พากอร์นหนีไปเลย”
เสียงของไคท์แว่วมา หากคิรัวร์ยืนนิ่งอยู่กับที่
มองแขนของไคท์ที่ขาดหล่นอยู่ข้างเท้า มองแขนของคุเรฮะที่หักบิดเบี้ยวไปข้างนึง เหมือนมันเล็งเป้าหมายแน่นอนไว้แล้ว
“คุ...เรฮะ”
แค่เอ่ยเสียง
เรือนผมสีดำแซมแดงก็สะบัดปลิว ร่างของญาติผู้พี่หมุนตัวกลับมา มือข้างนึงที่ยังเหลืออยู่ยื่นมาหาเขา เจ้าแมวที่ใจเสียไปวูบหนึ่งยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ รีบยื่นมือไปคว้าไว้แน่น
ใช่ ถ้าจะไป เราต้องไปด้วยกัน
เธอต้องพาพวกเขาเทเลพอร์ตไป ถ้ามันไกลเกินที่คาดไว้เราอาจหยุดพักสักที่ก่อนจะค่อยหนีต่อ ถ้าคุเรฮะพาไปไม่ไหวเขาจะอุ้มเธอเอง ถ้ากอร์นตื่นมาเราสลับกันอุ้มแล้วหนีก็ยังได้
นัยน์ตาคมสีแดงเสี้ยวมีแววสั่นไหว
ก่อนจะฉายความเด็ดขาดออกมา
“ไปซะ”
ดวงตาสีฟ้าครามเบิกกว้าง
“ไม่!!!!!!!!”
__________C H E C K M A T E__________
ปิดรับรีเควสรูป ขอบคุณทุกคนที่สนใจค่ะ
แล้วก็ -- อย่าเพิ่งไล่ตีหมี! *ถกกระโปรงวิ่ง*
ความคิดเห็น