คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #65 : Chapter 49 | ก้าวกระโดด
♟
Chapter 49
ไม่รู้นึกครึ้มอะไรขึ้นมา
กลายเป็นเธอถูกจูงมือเดินไปด้วยกันซะงั้น
การสอบฮันเตอร์เปิดรับสมัครวันที่
31
ธันวาคม ส่วนการสอบถูกจัดตอนต้นปี
ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่หลายเมืองจัดงานเฉลิมฉลองให้การเทศกาลขึ้นปีใหม่กันอย่างคึกคัก
เพราะงั้นเลยร้องอ๋อตอนเห็นถุงช็อปปิ้งมากมายในมือคนตัวสูง
ก่อนจะขมวดคิ้วตามมาติด
ๆ
“ของฉัน?”
อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มแป้นแล้น
ชูเสื้อหลวมโคร่งแบบเดียวกับที่คิรัวร์ใส่ประจำแต่สีทึบกว่ามาให้
ไม่พอยังมีกางเกงยีนส์ขาด ๆ กับรองเท้าผ้าใบสีแดงนั่นอีก
“ใส่เร็วสลีปปี้ แล้วไปเดินเที่ยวกัน ♥” ถูกยัดชุดที่ว่ามาให้ ท่าทางกระตือรือร้นเหมือนเด็กตอนเปลี่ยนชุดตุ๊กตาตัวโปรด
“เรายังมีเวลาเหลือเฟือนี่นะ~!”
ก็ยังดีกว่าชุดโลลิต้าฟู
ๆ
โคลงหัวนิดหน่อยแต่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องเสื้อผ้า
ตอนอยู่ที่คราวน์ก็ใช่ว่าจะไม่เคยถูกพี่สาวจับแต่งตัวเลย
ตอนถูกน้าคิเคียวลากไปลองชุดก็ไม่ได้ปริปากบ่น
แค่ถ้ามันรุงรังนักแล้วคลาดสายตาเมื่อไหร่ก็เปลี่ยนกลับมาใส่ชุดประจำแทน
หากเป็นเมื่อก่อน
ขอแค่ไม่กระทบกับเรื่องการนอนเป็นพอ
ออกมาจากห้องน้ำห้างก็มีเสียงผิวปากทักทาย
“เท่จังค้าบน้อง”
หือ
เสื้อคู่หรอกเรอะ
-----
“คุโรโร่ล่ะ?”
“อยู่ทางตะวันออกนู่น หาทางเข้าเกมอยู่ แต่เพราะเข้าไม่ถูกทางเลยโดนดีดดึ๊งกลับมา
♣”
“นายก็เลยเสนอหน้า?”
“ให้ความช่วยเหลือต่างหากสลีปปี้ ให้-ความ-ช่วย-เหลือ”
มือหนาจับปีกหมวกเลื่อนไปด้านหลัง
ไม่ให้มันมาเกะกะตอนเขาก้มหน้าคุยด้วย -- เด็กน้อยที่ถูกจัดหมวกให้ไม่ได้สนใจ
มือกางแผนที่เมืองที่ถูกยื่นให้ออกสำรวจถี่ถ้วน
ตอนแรกคิดว่าการสอบจะกินเวลาไปสักเดือนสองเดือน
แต่ไม่คิดว่าปีนี้จะไก่อ่อนขนาดเธอจัดการวันเดียวหมด
ดังนั้นระหว่างนี้ไปเดินเล่นสักหน่อยแล้วค่อยกลับเข้าเกมก็ได้
ถึงจะไม่ได้มาคนเดียวก็เถอะ...แต่พี่ชายก็คงไม่ว่าหรอกมั้ง
(คิดว่านะ)
หากชักคิ้วมุ่นไม่กี่วิ
แผนที่ก็ถูกดึงไปฉีกทิ้งเป็นชิ้น ๆ
ตัวการแสยะยิ้มหน้าระรื่น
“มาเที่ยวใครเค้ามองแผนที่กัน!”
เจ้าเด็กโข่งผมสีตุ๊ด…!
กอร์นกับคิรัวร์เริ่มเริ่มไล่เก็บการ์ดในเกมแล้ว
หลังถูกบิสเก็ตเคี่ยวเข็ญฝึกเน็นจนแทบลากเลือด
การไล่จับมอสเตอร์ที่ตอนแรกค่อนข้างหัวหมุนจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดายทันตาเห็น
ทั้งสามคนรวบรวมการ์ดต่าง ๆ ใส่หนังสือไว้ละลานตาไปหมด
แต่แล้วกลับมีเรื่องน่าสนใจแทรกเข้ามากลางคัน
“อาเบนกาเน่?”
“อื้อ! เค้าคือคนที่เราเจอตอนถูกชวนไปร่วมล่าการ์ดน่ะ
ตอนเล่าก็มีเครื่องกลแปลก ๆ ที่ไหล่นับเวลาถอยหลังอยู่ด้วย”
“แล้วเชื่อที่หมอนั่นพูดไหม”
เสียงกอร์นแทรกด้วยเสียงคิรัวร์
แม้จะอยู่ในเกมแต่สัญญาณโทรศัพท์ก็ยังดีจนน่าทึ่ง “เชื่อ แต่ไม่ทั้งหมด ใครมันจะมาคาดหวังให้คนอายุน้อยกว่าไปจัดการเจ้าบอมเบอร์ได้สำเร็จกันเล่า”
ชายผิวสีใช้การ์ดเหาะมาหาพวกกอร์น
เล่าว่าตัวเองและกลุ่มคนที่ร่วมมือกันล่าการ์ดทั้งหมดตกหลุมพรางของ บอมเบอร์
ฆาตกรที่ใช้เน็นฆ่าคนในเกมเพื่อชิงการ์ดมีค่า
ขอให้กลุ่มเด็กน้อยช่วยเล่าเรื่องวิธีการต่าง
ๆ ที่บอมเบอร์ใช้ให้กับคนอื่น อย่างน้อยที่สุด -- ถ้าทำได้
-- ก็ช่วยขัดขวางบอมเบอร์ไม่ให้เคลียร์เกมด้วยวิธีสกปรกที
เขาว่ามาอย่างนั้น
รอยยิ้มจุดข้างมุมปาก
มือข้างที่ถูกกุมไว้จับกระชับ
โดนดึงไปอีกทางด้วยท่าทีเหมือนเด็ก
“แล้วพวกนายคิดว่าไงกันล่ะ”
เป็นเสียงกอร์น
“ไม่ได้คิดทำอะไรหรอก ก็อยู่ของเราตามเดิมน่ะนะ” และคิรัวร์ “ยังไงพวกเราก็ช่วยอะไรไม่ได้นี่หว่า
ถึงทำได้ก็คงไม่ทั้งหมด เพราะงั้นก็แค่ฝึกเน็นกันต่อไปนั่นแหละ”
บิสเก็ตแทรกเข้ามา
เสียงร่าเริงสดใส
“เรื่องนั้นน่ะช่างเต๊อะ! คุเรฮะจางงง
ไปเที่ยวทั้งทีอย่าลืมของฝากสาวน้อยเป็นชุดสวย ๆ น่ารัก
ๆ ด้วยน้— พูดมุบมิบอะไรกันยะพวกนาย ฉันได้ยินนะ!!”
ได้ยินเสียงวิ่งไล่
คิรัวร์ตะโกนคำพูดขัดหูใส่บิสเก็ตจนโดนซัดกระเด็นอีกแล้ว
ส่วนกอร์นก็หัวเราะสนุกสนาน
เห็นความเจ็บปวดของเพื่อนเป็นเรื่องธรรมดาจนแอบสะพรึงนิด ๆ
ทั้งสามคนแย่งกันพูดบอกลา
ก่อนจะวางสายไป
คุเรฮะถอนหายใจพรูพลางยิ้มอ่อน
มือเก็บโทรศัพท์เบอร์ส่วนตัวลงกระเป๋าสะพายข้าง
แสงสีฟ้าจากกระจกคั่นระหว่างคนและสัตว์น้ำในอควาเรียมสะท้อนเข้าเสี้ยวใบหน้า
ยืนนิ่งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่
ฉลามลวดลายประหลาดตัวมหึมาว่ายผ่านไปอย่างเนิบนาบ --
หลายวันมานี้เธอได้ไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ แน่นอนว่าคนนำก็มีอยู่แค่คนเดียว
อยากไปที่ไหนก็ไป
อยากกินอะไรก็กิน วันไหนเบื่อก็ไปนอนเล่นกันที่โรงแรมไม่หรูมาก
แค่พอให้พักกลางทางเท่านั้น แต่ก็ใช่ว่าจะราบรื่นไปซะหมด
เพราะบางทีก็เจอกับศัตรูแล้วถูกคนหน้าแป้นแล้นดึงไปหาเรื่องกลางวงบ้าง
ถูกอุ้มไปประมูลเพราะเป็นคราวน์หาเงินเพิ่มบ้าง
ไปเตะขาเจ้าถิ่นให้เขาส่งลูกน้องมาไล่ฆ่าบ้าง
...ถึงจะทำหน้าปลาตาย หากมันก็สนุกดี
“ไปตรงโน้นกันสลีปปี้!”
โดนดึงไปอีกทางด้วยเด็กโข่งไซส์บิ๊ก
ฮิโซกะโลดแล่นไปนู่นมานี่ด้วยท่าทางระริกระรี้จนน่าหมั่นไส้ หมายถึง—
หมอนี่ตั้งใจทำจนน่าหมั่นไส้
แต่เธอไม่ได้ว่าอะไร
น่าแปลกใจที่เธอกับโจ๊กเกอร์หนุ่มสุดโต่งไปคนละทาง
เทียบกันแล้วเธอเข้ากับคุโรโร่ได้ดีกว่าจอมก่อกวนตรงนี้เสียอีก
ไหนจะกอร์นหรือคิรัวร์ที่เธอพร้อมเอนเข้าไปหานั่นด้วย
แถมยังรู้สึกแปลกใจจนชินไปแล้วนี่สิ
ดูดเครื่องดื่มในมือแก้กระหาย
คุเรฮะเป็นคนขี้หนาวอยู่แล้ว พอมาอยู่ท่ามกลางแอร์เย็น ๆ
หลายสิบตัวในอควาเรียมต่อให้ใส่เสื้อแขนยาวสองชั้นก็ต้องเริ่มมีสั่นกันบ้าง
อาจเป็นเพราะแบบนั้น
มือข้างนึงเลยถูกกุมไว้ไม่ปล่อยจนอุ่นไปหมด
ดวงตาคมสีผสมเหลือบมองมือใหญ่
“เมื่อไหร่แมลงจะออกมาล่ะ”
ฮิโซกะหัวเราะ
“วางใจได้ ฉันไม่ได้เอาเธอมาเป็นเหยื่อล่อหรอก”
เด็กสาวเลิกคิ้วสูงอย่างฉงน
ดูทรงยังไงก็ไม่ต่างจากตอนเอาเธอเป็นเหยื่อล่อแมงมุมสักเท่าไหร่
ทั้งอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา โดนซื้อเสื้อผ้าและของหลายอย่างให้เต็มไปหมด
ลักยิ้มของอีกฝ่ายกดบุ๋มลงไป
“แต่ก็มีแมลงบางตัวดื้นอยู่รอบ ๆ เหมือนกัน”
แมลงที่ชอบโผล่มาตอนเด็กน้อยหลับสนิท
ลูบหัวและแก้มนิ่มอย่างไรเธอก็ไม่ตื่น ต่างจากปกติที่รู้สึกตัวแทบจะตลอดเวลา
แมลงที่น่าตีให้ตายตอนมองเหยียดเขาด้วยแววตาและรอยยิ้มร้ายกาจนั่น
‘ของฉัน’
‘เธอเป็นของฉัน’
‘ลองถามเธอดูสิ จะกี่ครั้งเธอก็จะเลือกฉัน’
โจมตีใส่ก็หายเป็นควันสีดำ
น่าโมโหจริง ๆ
แต่ก็น้า --
อยู่กับเด็กน้อยทั้งวันทั้งคืนขนาดนี้ ไม่ว่าจะมาปั่นหัวเขาอย่างไรก็ไม่สะเทือน
เพราะอย่างไรเขาก็ได้แต่กำไรมากกว่าขาดทุน
พอปล่อยมือ
เด็กน้อยก็มองเหม่อเดินนำหน้า
ลึกเข้าไปในเส้นทางที่คนไม่ค่อยเข้าในอควาเรียม
ดวงตาเรียวสีอำพันเจ้าเล่ห์หรี่ตาลง
มองหลังคอที่ถูกปิดไว้ด้วยเสื้อคอเต่าสีทึบที่เจ้าตัวชอบใส่เป็นประจำ
เอื้อมไปคว้ามันไว้
ดึงคอเสื้อลงต่ำ
จูบซ้ำลงบนหลังคอที่มีรอยฟันกัดลึกนั่นให้เจ้าตัวสะดุ้งโหยงเล่น
-----
เราแยกไปคนละทางหลังจากเข้าเกม
ฮิโซกะไปหาผู้ขจัดเน็นให้คุโรโร่
บอกว่าจะแวะไปทักทายพวกแมงมุมในเกมก่อน
ส่วนเธอกลับมาหาพี่ชายที่รออยู่ด้วยสีหน้านิ่งแต่รอบตัวแผ่บรรยากาศเข้มข้น
มีเดเรคยิ้มแย้มอยู่ข้างกัน เหมือนเจ้าของกับสุนัขไม่มีผิด
“ไปเที่ยวสนุกไหม”
มองเงาทะมึนรอบตัวแล้วกะพริบตาปริบ
“ก็ไม่เลว...มั้งคะ”
นัยน์ตาคมกริบจ้องชนิดที่ว่าหากเป็นมีดคงพรุนไปทั้งตัว
และเพราะมันเป็นดวงตาของเรทซ์
สีฟ้าพิศวงเลยให้ความรู้สึกเหมือนสุขุมลุ่มลึกมากกว่าเกรี้ยวกราดดุดัน
ลองเป็นดวงตาสีแดงเสี้ยวคู่เก่าสิ
ถ้าเป็นคิรัวร์คงโดดเกาะต้นไม้ตัวสั่นแน่ ๆ
ผ่านไปสักพัก
โคเซย์ถึงถอนหายใจยาว
“หึ มานี่มา”
เหมือนมีอะไรบางอย่างในใจ
กรอบตาคมมองขึ้นมองลงแล้วคว้าตัวน้องสาวไปกอดหมับ
สูดกลิ่นหอมที่คล้ายกับเขาเข้าปอดลึก แม้คุเรฮะจะงงงวยอยู่บ้าง
แต่สัมผัสคุ้นเคยที่ได้รับจากพี่ชายก็ทำให้หลุดยิ้มออกมา
—จนดวงตาของคนตัวเล็กเริ่มสั่นไหว
“จะไปแล้วเหรอ”
“อืม”
น่าเสียดาย
ริมฝีปากของหุ่นเชิดประทับลงบนแก้ม
ปลายจมูก เรือนผม แม้แต่ริมฝีปากเล็ก ๆ นั่นก็ไม่เว้น
เป็นกิจวัตรปกติของพวกเขาที่หลังจากนี้อาจไม่มีอีก
เป็นช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านไปเร็วจนชวนใจหาย
ฝ่ามือของคุเรฮะจิกชายเสื้อของพี่ชายแน่น
เสียงทุ้มเอ่ยหนักแน่น
“รัก”
เธอหลับตาลง “รัก”
♟
คุเรฮะกลับมาพร้อมขอบตาแดงก่ำ
ถึงอย่างนั้นกลับรู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกแย่จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
อาจเพราะส่วนนึงเธอทำใจไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วว่าต้องเป็นอย่างที่คิด พอกอร์นถามถึงพี่ชาย
“พี่แค่กลับไปจัดการเรื่องทางบ้านน่ะ”
ตอบมาแค่นั้น
กอร์นกับคิรัวร์เลยเฮโลหิ้วคุเรฮะไปเก็บการ์ดเคลียร์เกมด้วยกัน
ไม่รู้ว่าบิสเก็ตที่เป็นผู้ใหญ่สุดไปรู้อะไรมาแล้วเล่าให้สองหมาแมวฟัง
อาจจะเป็นเรื่องของครอบครัว หรือเรื่องข่าวเกี่ยวกับพี่ชายที่ตายไปเมื่อหลายปีก่อน
ยิ่งเห็นเด็กสาวหงอยลงก็พากันโอ๋ใหญ่
รู้สึกถูกเอาใจจนทำตัวไม่ถูกนิดหน่อย
กลางดึกในเกมเงียบสงัดและสงบ
สะเก็ดสีแดงส้มจากกองไฟดังเปรี๊ยะอยู่ตรงหน้า
กอร์นกับคิรัวร์นั่งหลับอยู่ใต้ต้นไม้ มือถือเชือกห้อยก้อนหินขนาดใหญ่กันทั้งคู่
ถ้าหลับเพลินหรือถูกแกล้งตัดเชือกขาด หัวได้โนเป็นก้อนกะปูดแน่
เป็นการฝึกที่ทำจนชินกัน
ตอนนี้ประสาทสัมผัสของกอร์นไวขึ้นมาเป็นกอง เรียกได้ว่าตามคิรัวร์มาติด ๆ
เลยทีเดียว
“บุ๊ค”
ป๊อง!
เปิดหน้าหนังสือเก็บการ์ดทีละหน้า
เพราะไม่ได้ตั้งใจจะเคลียร์เกมอยู่แล้วเลยมีที่ว่างเยอะ
กลายเป็นว่าเธอเป็นคนเก็บการ์ดสำรองต่าง ๆ ไว้ให้พวกตัวแสบแทน
“ไง”
บิสเก็ตเดินมานั่งข้างกัน
ใบหน้าน่ารักยิ้มแย้ม
“ได้เล่นเกมสนุก ๆ บ้างก็ไม่เลวเลยใช่ไหม”
“อื้อ” นัยน์ตาสีสวยมองการ์ดลูกเต๋าเสี่ยงทายในมือ --
ลูกเต๋าที่เกือบทำคิรัวร์เป็นผีพนันในร้านสล็อตแมชชีน เตือนยังไงก็ไม่ฟัง
จะทอยเสี่ยงโชคดีเอาเงินรางวัลท่าเดียว
ลงเอยด้วยการโบกให้สลบเหมือดแล้วอุ้มกลับมานอนพัก
ตื่นมาก็งอแงแง้ว
ๆ ใส่จนโดนบิสเก็ตซัดไปรอบนึง
กรีดไอร์แลนด์เป็นเกมที่สุดยอดมาก
มีไอเทมดีไม่ดีปะปนกันเต็มไปหมด จนแวบนึงที่ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา
“บิสเก็ต”
“?”
“ถ้า แค่ถ้านะ”
“ถ้าฉันโยนลูกเต๋าได้หน้าโชคดี คนตายจะกลับมามีชีวิตรึเปล่า”
—ว่าไปนั่น
ไม่ได้ร้องไห้
มันไม่มีอะไรออกมาแล้ว แค่หัวเราะให้กับความคิดที่ไม่มีวันเป็นจริง
แต่ไม่รู้ว่าทำสีหน้าแบบไหนออกไป บิสเก็ตถึงดึงเข้าไปกอดแน่นอย่างนี้
“บ้าจริงเชียว ฉันไม่ได้เข้าเกมมาเพื่อสวมบทเป็นแม่ปลอบลูกนะยะ”
โดนยีหัวจนผมยุ่งไปหมด
เธอหัวเราะ
เป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีอะไรขนาดนี้
-----
พรึ่บ!
วงล้อมไฟลุกโชน
ชายร่างท้วมมหึมายืนอยู่กลางวง คุเรฮะมองไปรอบ ๆ
ร้านเหล้าที่ถูกยึดด้วยกลุ่มคนสิบกว่าคน
เป็นกลุ่มผู้ชายใส่ชุดและหมวกเหมือนกันหมดเหมือนเครื่องแบบ
เรเซอร์กับ
14
ปีศาจ
ถูกเรียกขานมาแบบนั้น
ตามคำบอกเล่าของ
NPC
สาว คนพวกนี้คือโจรสลัดที่เข้ามาบุกยึดเมืองโซฟราบี
ฆ่าล้างทุกคนที่รู้เบาะแสของการ์ดพื้นที่ชายฝั่งทะเลจนหมด
หล่อนขอร้องให้ไล่กลุ่มคนพวกนี้ไปแลกกับข้อมูลการ์ดที่ว่า
นับว่าเป็นเควสที่ต้องทำให้ผ่านเพื่อเอาการ์ดมาใส่พ็อคเกตจำกัด
และเพื่อไม่ให้กลุ่มมือระเบิดบอมเบอร์เก็บการ์ดไปเคลียร์เกมได้ พวกกอร์นและกลุ่มผู้เล่นคนอื่นที่มีจุดประสงค์เดียวกันจึงรวมตัวกันเดินทางมาที่นี่
ใช้เวลาไม่นานก็เข้าถึงตัวบอสโจรสลัดอย่างเรเซอร์
มีข้อแม้คือจะไล่พวกนั้นออกไปจำเป็นต้องชนะเกมกีฬาให้ได้
แน่นอนว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด
นอกจากกลุ่มพวกกอร์นกับคนที่ชื่อโกเรอินุแล้ว
-- ก็ไม่มีกลุ่มไหนกล้าฝ่าด่านกลุ่มโจรสลัดอีก กลุ่มต่าง ๆ พากันถอนตัวออกไปจนหมด
กลับกัน เพื่อเก็บการ์ดไม่ให้พวกเดียวกันแตกคอกันเองเพราะการ์ดหายากที่มีเพียง 3
ใบ พวกเขากลับคิดที่จะลองเสี่ยงดู
ปัญหาคือ --
ต้องหาคนมีฝีมือมาเติมให้ทีมกีฬาครบ 15 คน
กอร์นกับคิรัวร์เลยมาดูรายชื่อคนที่เคยพบกันในสมุด
เด็กชายผมดำตั้งร้องเอ๊ะขึ้นมา
“การ์ดไอเทมที่พกอยู่มีแต่น้ำกับอาหารแฮะ”
คิรัวร์ขมวดคิ้ว
“หมอนี่ไม่คิดจะเล่นเกมเลยนี่นา เจ้าคนที่ใช้ชื่อ คุโรโร่ ลูซิเฟอร์ เนี่ย”
คุเรฮะที่กำลังถูกจับนั่งให้หวีผมโดยบิสเก็ตชะงักเล็กน้อย
หากเป็นเรื่องยากที่จะพ้นสายตาผู้ใหญ่ที่อยู่มานานครึ่งชีวิตได้
ยังไม่ทันได้ทักอะไรเสียงทะเลาะกันของสองหมาแมวก็แว่วเข้าหูมา
คนนึงมองโลกในแง่ดีคิดจะดึงเข้ามาเป็นพวก
ส่วนอีกคนที่รู้ว่าใครแย้งไม่เห็นด้วย
และก็เป็นอีกครั้งที่กอร์นเถียงชนะ
เมินใบหน้าหงิกงอไปหาคุเรฮะอย่างยิ้มแย้ม
แม้ก่อนหน้านี้จะเถียงกันจนโกเรอินุแอบคิดว่าถ้าไม่รู้ข้อมูลต่าง ๆ จากเด็กพวกนี้
ให้ตายก็จะไม่ร่วมมือด้วย
มือชูการ์ดเคลื่อนย้ายกลุ่มในพริบตาขึ้น
“ [แอคคอมปานี ออน] คุโรโร่ ลูซิเฟอร์!!”
“อ้าว มีแขกไม่ได้รับเชิญมาแฮะ ♥️”
...อล่างฉ่างเต็มหน้า
หมอกจางลอยวนรอบพื้นที่
คนไม่เพิ่งแยกกันไปไม่นาน (ไม่นานจริง ๆ ...) ยืนยิ้มกริ่มอยู่กลางหนองน้ำ -- ที่ระดับน้ำต่ำกว่าเข่าและไม่มีสวมเสื้อผ้าสักชิ้น
--
ไวเท่าตาเห็น มือของบิสเก็ตยื่นมาปิดตาคุเรฮะหมับ
คุเรฮะไม่เห็น
แต่เธอเห็น!
กำไรเข้าตัวทั้งนั้น!!
ส่วนคิรัวร์ผุดลุกขึ้นแยกเขี้ยว
“ฮิโซกะ!?”
“ไม่ได้เจอกันนานเชียว ♦️”
ดวงตาเรียวอำพันหลุบมองคนถูกปิดตาที่นั่งนิ่งเป็นเด็กดี
ไม่แย้งไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น แม้เนื้อหาจะพูดถึงคนอื่นก็ตาม
“หึหึ...ดูการตั้งท่าเตรียมสู้ก็รู้ได้เลย ก้าวหน้าขึ้นเยอะเลยนี่
ได้อาจารย์ดีสิท่า?”
ออร่าน่าขนลุกกระจายออกมาจากร่าง
“สมกับที่ฉันคาดหวังไว้...”
ลิ้นเลียริมฝีปาก
“พวกเธอผลิตดอกออกผลเลิศรสเชียวล่ะ ♥️”
บางอย่างขยับตั้งสู้แรงโน้มถ่วงพรึ่บ
“โฮ่...”
ขณะที่กอร์นกำลังเจรจาชวนคนแก้ผ้าเข้ามาเป็นพวก
บิสเก็ตขยับตัวเข้ามาชิด มือช้อนใบหน้าให้หันมามองหล่อนยักคิ้วหลิ่วตาใส่
เอ่ยเสียงกระซิบข้างหูอย่างจงใจ
ภาพตอนที่คุเรฮะมาหาหลังไปเที่ยวและโคเซย์ออกเกมไปแล้วผุดขึ้นมา
ตอนเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในโรงแรมด้วยกัน
และบังเอิญว่าเธอเดินเอาผ้าเช็ดตัวไปให้พอดี
นอกเหนือจากรอยสักที่น่าเกรงขามนั่น…
“คนนี้ใช่ไหมที่ฝากรอยจูบไว้เต็มหลังเธอน่ะ เด็กน้อย”
รูม่านตาหดลงชัดเจน
ก่อนที่เด็กสาวจะยิ้มมุมปาก
นิ้วชี้แตะริมฝีปากบางเบา
“ความลับ”
__________C
H E C K M A T E__________
ชื่อตอนก้าวกระโดดน่ะ
ไม่ได้หมายถึงแค่ฝีมือของเจ้าหมาแมวหรอกนะ!
ฮ่าห์!! ლ
(・ヮ・ლ)
ความคิดเห็น