คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #61 : Chapter 45 | เลี้ยงไม่เชื่อง
♟
Chapter 45
“พันหนึ่งร้อยล้านค่ะ!”
“พันห้าร้อยล้าน!”
“เบอร์ 105 เพิ่มสองเท่า เป็นห้าร้อยล้าน!!”
สัญลักษณ์มือมากมายผุดขึ้นผุดลง
เหล่านักสะสมของประมูลพิลึกพิลั่นแย่งกันประมูลตลับเกมกรีดไอร์แลนด์อย่างไม่มีใครยอมใคร
ภาพของหายากที่ต้องการฉายบนจอใหญ่ให้ทุกคนได้มองเห็นอย่างทั่วถึง
กรีดไอร์แลนด์
เกมที่ตายในเกมเมื่อไหร่
ชีวิตจริงก็จบเห่
เด็กสาวผู้เป็นจุดเด่นในงานไม่แพ้ของประมูลหลับตาลง
พรางตัวตนด้วยเซ็ทสึอีกชั้นตัดความรำคาญกับเสียงซุบซิบระคายหู
กอร์นที่นั่งข้างกันมองรอบงานไปมา ดวงตากลมเป็นประกายเมื่อเจอสิ่งแปลกใหม่
ถัดไปเป็นคิรัวร์และผู้ชายที่ชื่อเซพีล
“ใช้สัญลักษณ์มือสินะ...แล้วแบบนี้หมายความว่าไง?”
กอร์นชูนิ้วโป้งขึ้นมาหน้าซื่อ
รู้สึกได้ถึงความฉิบหายกันเป็นแถบ
“เบอร์ 201 เพิ่มอีกเท่าตัว! สองหมื่นสี่พันล้าน!!”
ไม่...ทันแล้ว
เซพีลจับไหล่เจ้าตัวแสบ
201
ให้หันมา แยกเขี้ยวใส่
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแทบจะผูกปมเป็นเงื่อนตาย “จะบ้าเรอะ! นั่นเป็นเรื่องหมาย
‘เพิ่มแบบเดียวกันคนก่อนหน้านี้’ พอเขาขานราคาแล้วจะมาแก้ตัวทีหลังมันไม่จบง่ายๆ
นะเฟ้ย!”
ประเด็นคือกอร์นเพิ่งเอาการ์ดฮันเตอร์ไปจำนำแลกแค็ตตาล็อกมาไง
ซวยสุดคือโดนจำคุกข้อหาปลอมแปลงและรบกวนการประมูล!
“ไม่ต้องห่วงหรอก” เด็กสาวหน้าตายที่นั่งริมสุดชี้นิ้วโป้งไปอีกทาง
“ยังไงคนทางนั้นก็ต้องประมูลต่ออยู่แล้ว”
“เบอร์ 16 สองหมื่นห้าพันล้านค่ะ!”
มหาเศรษฐีบัตเทเลอร์คนนั้น
--- กะจะกวาดตลับเกมกรีดไอร์แลนด์จากงานประมูลนี้แบบไม่เหลือเศษให้ใคร
แม้จะประมูลเกมนี้มาครอบครองได้หลายตลับแล้วก็ตาม
มีข่าวลือว่าหากเคลียร์เกมข้างในได้จะมีฉากจบเป็นแผนที่บอกขุมทรัพย์
หรือมีมังกรยักษ์ปรากฏตัวขึ้นมาให้พรได้ 1 ข้อ แล้วอีกนานาชนิดแพร่สะพัดอยู่ในอินเทอร์เน็ต
เด็กชายผมสีดำตั้งถอนหายใจโล่งอก
มางานประมูลครั้งแรก
มีแต่เรื่องชวนระทึกใจทั้งนั้น
ก่อนหน้างานประมูลจะเริ่มเขากับคิรัวร์ก็พบสองคู่หูแมงมุมมางานนี้ด้วยเช่นกัน
เผ่นป่าราบหน้าตั้งกันแทบไม่ทัน แต่ด้วยฝีมือและประสบการณ์ที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว
ฟิงค์เคลื่อนตัวมาดักหน้า เฟย์ตันตามมาดักหลัง
บอกว่าไม่ทำอะไรแล้วเพราะฆ่าเจ้าคนใช้โซ่ไม่ได้
เนื่องจากไม่วางใจว่าหากคนใช้โซ่ตาย
หัวหน้าที่ถูกสัตย์สาบานของอีกฝ่ายจะได้รับผลกระทบไปด้วย
เน็นของคนตายน่ากลัวกว่าเน็นคนเป็น
ฟิงค์ว่ามาอย่างนั้น
‘พวกเราวางมือจากพวกนายแล้ว แค่จะมาสนุกกับงานประมูลเฉย ๆ หรอก’
‘ฝากทักทายยัยเปี๊ยกคุเรฮะด้วยละกัน’
ดวงตากลมสีเปลือกไม้เลื่อนมองคนข้าง
ๆ
ฝ่ามือเย็นชืดของเธอยังวางทาบมือเขาอยู่...ตั้งแต่คว้าให้ลดมือลงตอนเผลอประมูลเกมไป
เธอเอนหัวพิงพนักนุ่มชั้นดีของงานซันบีซ
จัดท่างีบอย่างเกียจคร้าน ใจจริงเขาไม่อยากให้มาเพราะเพิ่งหายไข้หวัดไปหมาด ๆ
แต่คุเรฮะยังไม่วางใจหลังจากผ่านเรื่องแมงมุมไปเท่าไหร่เลยตามมาด้วย
“คุเรฮะนอนพิงไหล่ฉันได้นะ”
ดวงตาคู่สวยเลื่อนมาสบตาเขา
กอร์นไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าพนักพิงหรูกับไหล่เล็ก
ๆ ของเด็กชาวเกาะความสบายมันต่างกันมากขนาดไหน เด็กชายยิ้มบาง พลิกฝ่ามือตัวเองที่ถูกวางทาบให้หงายขึ้น
สอดปลายนิ้วแทรกกับมือคนข้างกาย
คุเรฮะไม่เอ่ยอะไร
แค่ปิดเปลือกตา
แล้วขยับหัวมาซุกไหล่เขาจนจบงานประมูล
♟
หลังจากจบเรื่องอดีตแมงมุมหมายเลขสี่ไป
คุเรฮะแสดงอารมณ์มากขึ้น
แต่ประกายในตากลับน้อยลง
♟
‘โตขึ้นเยอะเลยนี่’
ป๊อง!
ช็อตเป็นรอบที่ห้า
เหมือนจะเห็นควันพุ่งออกจากหูคนคิดมากเป็นทางยาว
กอร์นนอนแหมะลงกับพื้นเหมือนเป็นของเหลว คิรัวร์เองก็ฝึกอยู่ห้องข้าง ๆ
ต่างคนต่างซุ่มฝึก ฮัทสึ ของตัวเองกันอย่าง...ตั้งใจ?
เหลือบตามองเจ้าหมาน้อยช้อนตามองละห้อย
เทียบกับคิรัวร์แล้ว เจ้าตัวยังนับว่าไปได้ไม่ถึงไหน
แต่เพราะถูกสบประมาทจากเทสเกเลอร์ ฮันเตอร์มืออาชีพที่มีประสบการณ์ในการเข้าออกเกม
G.I
ถึงห้าครั้งถึงได้ปรี๊ดแตก
กลับมาร้องเจี๊ยวจ๊าวว่าจะฝึกแล้วผ่านการทดสอบไปตอกหน้าฮันเตอร์คนนั้น
ตอนนั้นบัตเทเลอร์มองมาทางเธอ
รวมของที่ประมูลได้ในวันนี้เขาก็มีเกมอยู่ในมือร่วม 32
ตลับ
‘10 กันยายนหลังจากการประมูลจบ ที่นัดพบคือที่นี่ งานประมูลซันบีซ’
การทดสอบเพื่อหาผู้เคลียร์เกม
นำไอเท็มที่เขาต้องการในนั้นออกมา
แลกกับเงินจำนวนมากที่เขาจะมอบให้
‘ถ้าเป็นเธอ...อาจทำได้’
ฝ่ามือจิกลงต้นขาใต้กระเป๋ากางเกง
เมินสายตาประเมินของฮันเตอร์มืออาชีพไปอีกทาง
รู้งี้ใส่คอนแทคเลนส์ซะก็ดี
ป๊อง!
“วันนี้ช็อตเป็นครั้งที่ 3 แล้วแฮะ”
“เมื่อกี้เห็นโทรไปปรึกษาคุณวิงก์มา เดี๋ยวก็จับทางได้เองแหละ”
คิรัวร์ร้องอ้อ
เลิกสนใจเพื่อนข้างห้องแล้วมองไปทางญาติผู้พี่ที่นอนมองเพดานเปื้อนฝุ่น
เธอสลับเทเลพอร์ตไปหากอร์นบ้าง มาหาเขาบ้าง
บางทีก็หายไปไหนคนเดียวแต่ก็กลับมาก่อนทุกคนจะรู้ตัว
ไม่สิ
เขาคนนึงที่แหละที่สังเกตได้
โคลงหัวเล็กน้อย
แค่ไม่ไปเจออันตรายก็ดีแล้ว ก่อนจะเลิกสนใจแล้วหันกลับมาตั้งสมาธิ
เค้นออร่าที่ประสานเข้ากับ—
เปรี๊ยะ!
ไฟฟ้า
ฮัทสึที่เขาพยายามฝึกมาเรืองแสงสว่างวาบไปทั่วห้อง
สะท้อนในแววตาคนบนเตียงอย่างเงียบงัน คิรัวร์กัดฟัน
พยายามถ่วงเน็นให้คงสภาพนานกว่าเมื่อวาน
แล้วพรุ่งนี้ก็ต้องทำให้ได้ดีกว่าวันนี้ให้ได้
ได้ยินเสียงร้องโอ๊สมาจากห้องข้าง
ๆ กอร์นคงจับหลักอะไรได้แล้ว หางตาเห็นคนนอนเงียบหัวเราะในลำคอ --
คิรัวร์เริ่มสูดลมหายใจลึก ฉีกยิ้มอย่างมั่นใจ
ฉันไม่ยอมแพ้นายหรอกน่า
กอร์น!
คุเรฮะนอนตะแคงมองความตั้งใจของเจ้าแมวตรงหน้า
มุมปากตกลง ก่อนจะหลับตาลงเชื่องช้า ข่มตาหลับในช่วงหลายวันมานี้อย่างเงียบเชียบ
‘...เรย์’
-----
“ฉันได้เวลาเดินทางแล้วนะ”
เพราะกอร์นกับคิรัวร์กำลังวุ่นอยู่กับการฝึก
คนที่มาส่งคนเผ่าคูลท์กับเพื่อนสาวขึ้นเครื่องบินกลับไปกับเจ้านายจึงมีแค่ไม่กี่คน
เจ้าของผมสีทองสั้นจับกระเป๋าสะพายไหล่ เตรียมเดินเข้าประตูตรงหน้า
“ไม่บอกสองคนนั้นจะดีเรอะ?” เลโอลีโอเลิกคิ้ว
“อื้อ สองคนนั้นกำลังฝึกหนักไม่ควรเสียเวลามา
ฝากบอกแล้วกันว่าค่อยเจอกันใหม่” คุราปิก้ายิ้มบาง
เมื่อหายจากอาการบาดเจ็บหน้าตาก็เริ่มมีเลือดฝาดบ้างแล้ว
เคลื่อนไหวได้ราบลื่นไม่ติดขัดอะไรอีก
หันไปทางเด็กสาวอีกคน
เธอกำลังยืนกอดอกมองวิวสนามบิน
“ขอบคุณนะที่มาส่ง”
เธอพยักหน้า
หลังเจ้าตัวหันหลังเดินลิ่วออกไป
เลโอลีโอถึงลดมือที่โบกหยอย ๆ แล้วกระแอมเรียกเซ็นริทสึเสียงเบา
มือป้องปากกระซิบฝากฝังดูแลเพื่อนจอมมุทะลุเรื่องแก๊งแมงมุม
เธอเป็นคนนึงที่คุราปิก้าเปิดใจให้
มิวสิคฮันเตอร์ยิ้มบาง
รับปากอย่างใจดี
ก่อนจะจากกัน เธอหันมายิ้มให้เด็กสาวที่สวมแว่นดำซ่อนดวงตาโดดเด่นไว้หลังเลนส์
แตะเบา ๆ ที่แขนด้วยใบหน้าเป็นมิตร
“เธอเป็นเด็กดีนะ คุเรฮะ ...ตอนนี้เธออาจกำลังสับสนกับบางเรื่อง
แต่ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี”
เซ็นริทสึเขย่งปลายเท้า
มือลูบแก้มเด็กน้อย
ปลอบโยนเสียงหัวใจที่ได้ยิน
‘ยิ้มหน่อย ใครสั่งให้เบะปากแบบนั้น’
“เพราะงั้น...อย่าร้องไห้เลยนะ”
♟
“ฮัทสึของคุเรฮะเป็นแบบไหนเหรอ?”
ถูกถามระหว่างอยู่ในช่วงคัดตัว
พวกเขานั่งรอดูทุกอย่างอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบในขณะที่หลายคนผุดลุกไปต่อแถวเข้าทดสอบยาวเหยียด
ถึงจะเห็นเธอใช้ต่อหน้าต่อตาหลายครั้งและยังไม่เคยคุยเรื่องนี้เชิงลึก
แต่ด้วยความสงสัยจึงลองถามดู บางทีอาจได้คำแนะนำเอามาประยุกต์ใช้กับเน็นของตัวเอง
ก็คุเรฮะเป็นผู้ใช้เน็นพอ ๆ กับฮิโซกะหรืออิรุมิเลยนี่นา
เธอเท้าคางกับโต๊ะด้านหน้า
“ฮัทสึของฉัน ก็แค่...สายพิเศษที่เหมาะจะซัพพอร์ตมากกว่าสู้ต่อหน้า”
คล้ายอิรุมิที่อยู่สายควบคุม
เวลาจำเป็นที่ต้องสู้ยิบตาจึงเน้นไปที่พลังกายและความเร็วในการเคลื่อนไหวมากกว่าพึ่งเน็นเต็มที่
เน็นลักษณะนี้แค่ช่วยย่นเวลาและระยะทางให้น้อยลงเท่านั้น
ถ้าโดนดักทางได้
หรือโดนรุมพร้อมกันทีเดียวจากศัตรูหลายคน
อันนั้นรอดมาได้ก็แมลงสาบกลายพันธุ์แล้ว
“เห นี่สินะที่เธอใช้จัดการเจ้าหมูกินคนในการสอบฮันเตอร์น่ะ”
“อือฮึ”
คิรัวร์ที่จ้องความยาวของแถวคัดตัวหันมาย่นคิ้วใส่
สมองข้างนึงเครียดกับการคัดตัว อีกข้างก็เงี่ยฟังที่คุยกัน เก็บทุกรายละเอียด
“บอกฮัทสึง่าย ๆ แบบนี้ก็ได้เหรอ?”
“เน็นก็แค่ลูกเล่นช่วยให้สู้สะดวกขึ้น รู้ไปก็เท่านั้น”
“แต่ก็สะดวกจริง ๆ นั่นแหละน้า วาร์ปไปนู่นมานี่ได้สบายเลยสิ”
กอร์นหัวเราะเมื่ออะไรน่าขำออก “เอาไปใช้แกล้งคนก็น่าสนุกด้วย!”
“มันก็ไม่เชิงวาร์ป แต่จะเข้าใจแบบนั้นก็ได้”
นึกภาพออกเลยว่าถ้าอธิบายลงลึกไปอีกจะมีใครบางคนงงจนหัวช็อตป๊อง
– ที่สำคัญคือ เหมือนเจ้าหมาซื่อติดเชื้อความซนของเจ้าแมวตัวยุ่งไปแล้วด้วย
แต่พูดถึงเรื่องแกล้งคนแล้ว…
“จะว่าไปก็เคยแกล้งคนด้วยเน็นอยู่เหมือนกันนะ” ไม่ใช่แค่รอบเดียวด้วย
เธอหัวเราะหึ
ในแววตาฉายแววความสะใจออกมาเสี้ยวหนึ่ง ส่วนกอร์นกับคิรัวร์หันขวับ
ตาโตเป็นไข่ห่านเมื่อฟังจนจบ
“แกล้งฮิโซกะให้ตกน้ำตัวล่อนจ้อนน่ะ หมอนั่นงงเป็นไก่ตาแตกเลย”
แถมตอนนั้นเทียบกันแล้ว
ซิกแพ็คของเธอน่าจะชนะด้วย
(ดูท่าจะไม่ได้มีเจ้าตัวแสบแค่สองคนแล้วล่ะ)
“คนต่อไปเชิญครับ”
เสียงแรกจากคนจัดแถวดังขึ้น
คุเรฮะเป็นคนสุดท้ายที่ลุกตามหลังกอร์นเข้าไปเพื่อแสดงเร็นกรรมการด้านในดู
ถึงจะลุกไปคนท้าย ๆ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
อย่างน้อยเธอก็ไม่คิดมากเท่าคิรัวร์จนหัวฟูล่ะนะ
มาทดสอบร่วม 200
กว่าคน
แต่รับแค่ 32
คน
และยังมีฮันเตอร์นักล่าเงินรางวัลของเทสเกเลอร์เป็นคนทดสอบอีก
เข้มงวดขนาดนั้นดูก็รู้ว่าคงมีคนผ่านไม่ถึง 32 คนแน่ ข้อสังเกตนี้แม้แต่กอร์นยังรู้
ถึงจะไม่ชอบสายตาที่ตัดสินจากการมองว่าเธอเป็นคราวน์ก็เถอะ
“ไง”
ถูกทักทายสั้น
ๆ
เข้ามาด้านในก็เห็นกำแพงหนาเป็นรูเบ้อเร่อ
ชายตัวสูงกอดอกอยู่ข้างรูนั่นอย่างใจเย็น
ฝีมือกอร์นแน่นอน
“เชิญเลย แสดงเร็นให้ดูหน่อย หรืออะไรก็ได้ให้ฉันรู้ว่าเธอมีฝีมือ
—ไม่ใช่มีแค่ชื่อตระกูลประดับ”
กึก
รู้ตัวอีกทีอาวุธที่สร้างขึ้นจากออร่าสีดำก็จ่อเข้าที่คอ
คล่องแคล่ว
ฉับไว เขามองตามแทบไม่ทันด้วยซ้ำไป
เทสเกเลอร์ยืนชะงักนิ่ง
รับรู้ได้ถึงเลือดที่ไหลซึมลงเนื้อผ้า – คอของเขายังอยู่ดี –
เด็กตระกูลคราวน์จ้องเขม็ง รูม่านตาแคบลงไม่ต่างจากอสรพิษ
มือกำอาวุธแน่นจนเส้นเลือดปูดบ่งบอกอารมณ์
ความกดดันแผ่ออกมาจนเหงื่อผุดข้างขมับ
เด็กนี่มัน…
“ถ้ายังไม่เก็บหมาในปากให้ดี...อย่าหวังว่ามันจะใช้งานได้อีก”
ฆ่าไม่ได้
แต่ถ้าทำให้อวัยวะบางส่วนหายไป อันนี้ก็ไม่แน่
“เข้าใจแล้ว”
คนตัวโตเหมือนทหารรับจ้างกระแอมเบา
ๆ ยอมรับแต่โดยดีว่าเป็นเขาเองที่ใช้คำพูดดูถูกมากเกินไป
แค่ยังไม่เคยมีใครตอบโต้มาได้แรงเท่าเด็กตรงหน้าเท่านั้น
“ทดสอบผ่าน เธอไปได้...”
อาวุธสีดำหายไป
ความกดดันรอบตัวนั่นก็ด้วย
ดวงตาสีผสมที่นิ่งมาตลอดเหลือบมองเขาด้วยหางตายามเดินผ่านไป
ราวกับเขาเป็นหมูตัวนึงที่ไม่มีค่าให้สนใจ -- มือหนาแตะลำคอ เลือดหยุดไหลแล้ว
“อ๊ะ! คุเรฮะ ทางนี้ ๆๆ!”
ออกมาจากห้องทดสอบก็เจอคนไม่กี่คนนั่งรออยู่อีกด้าน
กอร์นและคิรัวร์นั่งอยู่ตรงนั้น
ยิ้มแฉ่งกันหมดเหมือนรู้ว่ายังไงเธอก็ต้องผ่านไปพร้อมกับพวกเขา
คุเรฮะยิ้มรับ
กลบเกลื่อนความรู้สึกขุ่นมัวไว้ข้างในไม่ให้ใครได้เห็น
ตั้งแต่ผ่านจากเหตุการณ์ถูกชิงดวงตามา
เธอมักจะรู้สึกว่าคุมตัวเองให้นิ่งเหมือนเก่าไม่ได้ ในอกมันกระวนกระวายอย่างไม่รู้เหตุผล
กังวลกับบางอย่างที่ขาดหายไป
ราวกับว่าเธอไม่ควรปล่อยให้เวลาไหลไปแบบนี้
มันกำลังบอกเธอควรไปตามหาเขา
ตามหาคน ๆ นั้น
‘เราต้องเจอกันอีก’
โคเซย์
♟
เสียงกรีดร้องยังไม่เคยหายไปจากความทรงจำ
ในฤดูหนาวที่ทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็ง
หิมะสีขาวปกคลุมผืนป่าจนแทบมองไม่เห็นต้นหญ้า
ตุ๊กตาหิมะที่ช่วยกันปั้นถูกทำลายไม่มีชิ้นดี
สีแดงเคยเป็นสีที่เขาชอบ
มันปะปนอยู่ในดวงตาและเส้นผม
เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายและชีวิตจนคิดว่าไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้
จนกระทั่งมันแต่งแต้มลงบนสีขาวต่อหน้าต่อตา
‘กรี๊ดดดดดด!!’
เขาพยายามเงยหน้ามองแม้แขนสองข้างจะถูกไพล่หลังจนได้ยินเสียงกระดูกร้าว
จนกองหิมะเบื้องล่างกัดผิวจนแสบร้อนไปหมด
จนเลือดหยดเป็นทางและกระจายเป็นวงกว้างละลานตา
เจ้าก้อนของเขาอยู่ตรงนั้น
เสื้อผ้าถูกฉีกเป็นริ้ว
ขาเล็กสองข้างดิ้นทุรนทุรายแดงเถือกตามแรงช้ำที่ถูกกระแทก
รองเท้าเกี๊ยะไม้ข้างนึงเชือกขาด ส่วนอีกข้างกระเด็นไปไกล
ผมดำยาวยุ่งเหยิงสะบัดไม่เป็นทรงผสมไปกับกองหิมะที่ถูกแต้มสี
หากยิ่งดิ้นแรงเท่าไหร่
ร่างยิ่งถูกกดให้จมไปกับสีขาวมากเท่านั้น
เขากัดฟันกรอดจนเลือดกลบปาก
คำสบถพรั่งพรูออกมาไม่หยุด
แช่งชักหักกระดูกพวกมันจนกระอักเลือด
แต่เสียงที่เอ่ยไปมีแต่ชื่อของร่างเล็กที่ถูกตรึงบนพื้นด้วยเหล่ามือสกปรก
จนดวงตาสีแดงฉานอยู่ในมือโสโครกนั่น
ขาสองข้างกระตุกเกร็ง
เสียงของเธอขาดห้วงลง พวกมันหัวเราะให้แก่กัน ฉีกเส้นเลือดที่ติดมาอย่างยินดีปรีดา
เฉลิมฉลองให้แก่ความสำเร็จที่กำลังจะมาถึงด้วยถ้อยคำแสลงหู
พวกมันหัวเราะเยาะร่างนั้นต่อหน้าเขา
พวกมันลากมือไปตามร่างนั้นต่อหน้าเขา
ประทับริมฝีปากลงบนซอกคอต่อหน้าเขา
ไอ้
เวร
เขาคำรามด้วยความโกรธ
ขับเคลื่อนทุกอย่างด้วยความเกลียดชัง
ความเคียดแค้นยิ่งทวีคูณจนตาสองข้างแดงก่ำจนแทบจะระเบิด
สะบัดไอ้พวกห่าที่จับตรึงเขาไว้กระเด็นไปคนละทาง
สิ่งสุดท้ายที่รับรู้คือสีแดงที่แปรเปลี่ยนเป็นสีดำ
ท่ามกลางซากชิ้นส่วนรอบกาย
เจ้าก้อนนอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอด
ลมหายใจแผ่วของเธอคือฟางเส้นสุดท้ายที่เขายังมีอยู่ สองแขนกอดเธอไว้
ไม่ยอมให้หิมะกัดผิวกายของน้องน้อยไปมากกว่านี้
จูบแก้ม
จูบจมูก จูบหน้าผาก ปลอบโยนทุกอย่างแม้เสียงสะอื้นจะไม่มีอีกต่อไป
กล้าดียังไง...พวกแกกล้าดียังไง
กระชับอ้อมกอดแน่น
จะไม่ปล่อยไปอีก จะไม่ห่างไปไหน จะปกป้อง จะดูแล จะไม่ให้ใครมาพรากเราไป
ดวงตาแข็งกร้าวมีพายุอาละวาดบ้าคลั่งอยู่ข้างใน
ไอ้สวะพวกนั้น
มันจะต้องชดใช้!!!
กร๊อบ
คอหักง่ายดายราวกับของเล่นมือสอง
มือหนาโยนซากขยะลงกับพื้น กองไปกับขยะชิ้นอื่นที่อาหารหมูยังจะมีสภาพดีกว่า
ของเหลวสีแดงปะปนกันจนไม่รู้ของใครเป็นของใคร
ผ้าเช็ดมือสะอาดถูกยื่นมาให้จากเดเรค
สุนัขตัวแรกที่เขาฝึกมากับมือ
“ดูเหมือนนายน้อยกำลังหาทางเข้าเกมไปกับเพื่อน ๆ อยู่นะครับ”
เพื่อน…
ดวงตาคมดุดันมองผ่านช่องว่างหน้ากากกระดูกไปหาคนพูด
หากเป็นเมื่อก่อนคงจัดการความสัมพันธ์ที่ควบคุมไม่ได้นั่นไปแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่
9 ปีผ่านไป...เด็กน้อยเติบโตขึ้นโดยไม่มีเขา
ฟังแล้วขัดหูจนอยากหักกล่องเสียงไปให้จบ
ๆ แต่ก็ได้แค่คิด เพราะร่างที่อาศัยอยู่ชั่วคราวคือหุ่นเชิดเลียนแบบของโอโมคาเงะ
ไม่ใช่ตัวจริงที่ตอนนี้เหลือแต่กระดูก
“ไอ้นี่สินะ”
หยิบเจ้ากล่องสี่แหลมทรงแบนขึ้นมาโบกเหมือนกระดาษชำระ
ไม่ใยดีแม้จะมีมูลค่ากว่าพันล้าน เคยได้ยินชื่อเสียงอยู่บ้าง
แปลกใจจริงที่ตอนนี้เขาก็กำลังจะเข้าไปในนั้น
ทั้งที่ตัวเองไม่สนเกมไร้สาระพรรค์นี้เลยแท้
ๆ
แต่ไอ้พวกสวะนี่มีมัน
แสดงว่ายังมีแมลงตัวอื่นคิดจะตามไปเกาะแกะน้องสาวเขาในเกมต่อแน่
กัดไม่ปล่อยสมฉายาที่ตั้งให้จริง
ๆ
ไอ้พวกเลี้ยงไม่เชื่อง
__________C
H E C K M A T E__________
เข้าภาคเกมแล้ว!
ヾ
(*´∀`*) ノ
ความคิดเห็น