คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #58 : Chapter 44 | The Movie : Phantom Rouge (IV)
Chapter 44
The Movie :
Phantom Rouge (IV)
ตั้งแต่เมื่อไหร่
‘ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง เพื่อนยาก’
ไม่ใช่
‘ดวงตาคราวน์ของตระกูลนาย ...ไปชิงมาสิ’
นี่ก็ไม่ใช่
‘ใคร!?’
นี่ต่างหาก
คราแรกที่เห็น
แม้จะไร้ดวงตา แต่หุ่นที่ถูกสร้างมาย่อมรับรู้สภาพรอบด้านได้ดี
เสียงเล็กที่เคยใสกังวานทุ้มลงแต่ยังชวนให้คิดถึง
ใบหน้าอ่อนวัยที่เติบโตขึ้นมากฉายชัดในความทรงจำ
หุ่นเชิดไร้ชีวิตเคลื่อนตัวออกไป
มือกำอาวุธที่ถูกสร้างมาเลียนแบบของจริงไว้มั่น
นิสัยและทุกอย่างเป็นเหมือนต้นแบบ
ต่างกันแค่หุ่นเชิดรับฟังแค่คำสั่งของโอโมคาเงะเท่านั้น
แต่เมื่อสบตากับลูกแก้วสีแดงฉานคู่นั้น
—เขาก็ไม่ใช่แค่หุ่นเชิดอีกต่อไป
‘โตขึ้นเยอะเลยนี่ เรย์’
ดวงตาที่เคยกลมแป๋วเบิกกว้าง
ตกตะลึงจนไม่ทันได้สังเกตว่าพลังสีดำสายหนึ่งกำลังลอยเข้ามาแทรกซึมในตัวเขา
แทนที่เน็นสายพิเศษในการชักใยตุ๊กตา แทรกซึมลงไปในเนื้อไม้ทุกอณู
แย่งชิงความเป็นเจ้าของร่างกลับมา
ความทรงจำไหลผ่านราวกับสายน้ำ
เขาที่ไร้หัวใจและเส้นเลือดโอบกอดร่างเล็กไว้แน่น
กระชับความอบอุ่นที่หายไปเนิ่นนานทั้งที่ตัดใจไว้แล้วว่าจะไม่มีวันได้พบอีก
เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์
เขาโน้มตัวลง ก้มกระซิบข้างใบหู
‘ที่ผ่านมาใช้ได้ดีเลยใช้ไหมล่ะ ...ดวงตาของฉันน่ะ’
คิดถึงชะมัดเลย
เจ้าก้อนแป้งของเขา
-----
ห่ากระสุนของหุ่นเชิดแฟรงคลินยิงระเนระนาดไปทั่วทิศ
ในที่สุดโอโมคาเงะก็เผยท่าไม้ตายออกมา
หุ่นเชิดแก๊งแมงมุมทั้งหมดที่มีลอยคว้างเข้าไปซ้อนทับกับร่างของผู้สร้าง
กลายเป็นว่าเจ้าตัวสามารถเลียนแบบเน็นต่าง ๆ ของพวกแมงมุมได้เกือบเทียบเท่าตัวจริง
ทุกคนพุ่งหลบกระสุนเน็นกันไปคนละทาง
-- ยกเว้นฮิโซกะไว้คนนึง -- รายนั้นพุ่งเข้าไปประชันกับหุ่นเชิดคุโรโร่ที่ยืนถือมีดเบ็นไนฟ์ด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน
หุ่นเฟย์ตันกับชาร์แน็คเองก็ไม่ต่างจากตัวจริงเท่าไหร่
พวกนั้นพุ่งเข้ามาสกัดตัวตลกหนุ่มจากหัวหน้าตนทันที
คุราปิก้าเองก็เริ่มใช่พลังของเนตรสีเพลิงประสานกับเน็นแล้ว
คุเรฮะที่หลบกระสุนอยู่อีกมุมหนึ่งจิ๊ปากกับความยุ่งยาก
ซ้ำยังขนลุกเกรียวกับหุ่นเชิดที่เป็นปฏิปักษ์กับโอโมคาเงะที่ยืนซ้อนหลังอยู่ด้วย
“เจ้าพวกนั้นกำลังวางแผนเปิดทางให้คนเผ่าคูลท์จัดการโอโมคาเงะ”
เสียงทุ้มอยู่ใกล้เอ่ยขึ้น ชายหนุ่มวางคางลงบนหัวทุยคนตัวเล็กกว่า
หลังจากซัดหุ่นแมงมุมอีกสองสามตัวกระเด็นไปก็ไม่ยี่หระกับสถานการณ์ตรงหน้าอีก
เหมือนดูหนังกลางแจ้ง
มีป๊อบคอร์นให้จกคือครบเลย
เด็กสาวหดคออย่างบอกไม่ถูก
ได้ยินแผนที่คิรัวร์กับกอร์นจะช่วยให้คุราปิก้าใช้เน็นที่ชื่อเชนเจลจับอดีตแมงมุมเต็มสองหู
คนข้างหลังเอ่ยขึ้นอีก “ไอ้โย่งสวมแว่นมองมาทางนี้ มันกะจะให้เรย์ช่วยด้วยอีกคน”
เรย์
ชื่อเล่นสั้น ๆ
ที่รู้สึกคุ้นชินเมื่อชายคนนี้พูดออกมา
ถูกกระซิบข้างหู
“จะบอกจังหวะที่เจ้าโอโมคาเงะพลาดให้ เตรียมใช้ฮัทสึซะ”
ราวกับได้ดวงตากลับคืน
แม้จะรู้ว่าไม่ควรไว้ใจแต่ในอกกลับไม่ลังเลที่จะทำตาม คุเรฮะพยักหน้ารับ
มือคว้าอาวุธที่เป็นลวดออกมาขึงรอไว้ ออร่าสีดำที่มองไม่เห็นแผ่คลุมอีกชั้นนึง
ร่างของเด็กชายสองคนโถมตัวพุ่งเข้าใส่โอโมคาเงะ
ออร่าเน็นแข็งแรงคลุมแขนไขว้กันเป็นเกราะป้องกันการโจมตีอีกชั้นหนึ่ง
โอโมคาเงะตะโกนกร้าว
“เข้ามา! ฉันจะจบชีวิตพวกแกให้ไม่ต่างจากแอปเปิ้ลเน่า ๆ ลูกนึงไปเลย!!”
กระสุนเน็นของหุ่นเชิดแฟรงคลินรัวใส่ไม่ยั้ง
“จงตายไปกับกองเลือดของพวกแกเองซะเถอะ!”
“ย๊ากกก!” เลโอลีโอฉายเดี่ยวมาอีกทาง ปามีดใส่ทั้งที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หุ่นโนบุนากะกับฟิงค์โผล่ออกมาปัดอาวุธออกพร้อมจะซัดหมัดตรงใส่เจ้าตัวไปไกล
มือหนาแตะแผ่นหลัง
“ทิศ 3 นาฬิกา ห่างออกไปสิบหกก้าว —ไป!”
ถึงจะใช้เอ็นแทนดวงตาได้
แต่ความแม่นยำยังคลาดเคลื่อนอีกหลายจุด รายละเอียดที่ถูกบอกมาจึงเป็นประโยชน์มาก
ร่างเล็กกว่าหายวับไปจากจุดนั้น -- มาปรากฏเบื้องหลังชายนักเชิดหุ่นในพริบตาเดียว
ลวดที่ทนทานราวกับเหล็กไหลตวัดออกไป
ตรึงการเคลื่อนไหว
พร้อมกันร่างของคุราปิก้าก็โดดออกมาจากด้านหลังเกราะเน็นของสองเด็กชาย
ดวงตาสีแดงสวยสว่างราวกับเปลวเพลิง
เขาซัดโซ่เน็นไปที่โอโมคาเงะที่สูญเสียการควบคุมชั่วคราว
“เชนเจล!”
กอร์นกับคิรัวร์ที่ปลดเน็นลงไปนอนกองกับพื้นแปะมือกัน
“สำเร็จ!”
“ที่นี้มันก็ตกอยู่ในสภาพเซ็ทสึแล้ว!”
คุเรฮะถอยออกมา
ร่างที่ไร้ดวงตาอยู่คนเดียวในสถานที่นี้ยืนคุมเชิงอยู่ทางด้านหลัง
“ฉันตัดสินใจว่าจะใช้ความสามารถนี้กับพวกแมงมุมเท่านั้น
แต่ว่าแกบุกโจมตีฆ่าล้างเผ่าคูลท์ ถ้าเป็นตอนนี้ที่แกยังมีรอยสักแมงมุมอยู่ละก็
ฉันก็ถือว่าแกเป็นพวกแมงมุมเหมือนกัน!”
“เฮอะ คิดว่าของแบบนี้จะจับฉันอยู่อย่างนั้นเรอะ”
สายตาหยามเหยียดมองสายโซ่ที่รัดรอบตัว ไร้ความกังวล
ขณะที่คุราปิก้าตั้งท่าจะใช้เน็นตั้งสัตย์สาบานเพื่อบีบหัวใจให้แหลกเป็นชิ้น
เสียงฝีเท้าคู่นึงก็เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ เด็กสาวผมสีดำแซมแดงหันขวับ
กรงเล็บในมือจ่อลำคอในเสี้ยววิ
เธอคนนั้นอยู่อยู่ในมุมอับ
เด็กผู้หญิงในชุดโลลิต้าน่ารัก
มือแตะลงบนปลายมีด
“เธอคงเป็น...คุเรฮะสินะ?”
ผู้หญิงคนนี้คงเป็นเรทซ์
เดาจากที่พวกกอร์นคุยกันได้ไม่ยากเท่าไหร่
ไม่มีจิตสังหารหรือท่าทีคุกคาม
เรทซ์คือหุ่นเชิดที่ไร้ดวงตาไม่ต่างกัน
เจ้าของผมสีบลอนด์อ่อนเอียงหัวแปลกใจที่เด็กสาวตรงหน้าลดกรงเล็บลง
ก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยน
“ต่างกันจริง ๆ เธอกับเขาคนนั้น”
คิ้วเลิกขึ้นสูง
-- นั่นอาจหมายถึงหุ่นเชิดคราวน์ที่เปลี่ยนฝั่ง
“น่าอิจฉาจัง” เสียงหวานเอ่ยข้างแก้ม มือเล็กเลื่อนมาแตะที่อกเชื่องช้า
“ถ้ามีโอกาสฉันก็อยากออกเดินทางไปกับพวกเธอบ้าง ไปเจอสิ่งต่าง ๆ ด้วยกัน
ได้พูดคุยเล่นกัน...”
“แต่คงเป็นไปไม่ได้”
เรทซ์ตัวเล็กกว่าเธอมาก
หุ่นเชิดเด็กผู้หญิงซบหัวลงบนบ่า
เสียงสั่นเทาเล็กน้อยเมื่อใกล้ได้เวลาจะทำในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจ
คุเรฮะเองก็คงเข้าใจถึงได้ยืนนิ่งให้เธอแนบชิดอยู่แบบนี้
ใจดีกว่าพี่ชายเยอะเลย
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ คุเรฮะ”
“เช่นกัน เรทซ์”
กำมีดเบ็นไนซ์ในมือแน่น
ก่อนที่เด็กหญิงผู้เด็ดเดี่ยวจะวิ่งออกไป
ปลายมีดเคลือบพิษแทงทะลุแผ่นหลังผู้เป็นพี่ชาย
เลือดสีแดงฉานทะลักออกมาเต็มพื้นท่ามกลางเสียงร้องตกใจของเพื่อนใหม่ด้านหน้า
โอโมคาเงะแค่นเสียงถาม
“ทำไม ทำกับพี่แบบนี้”
“ถ้าหนูยังมีชีวิตอยู่ ก็คงทำแบบเดียวกันนั่นแหละค่ะ”
“การเลียนแบบความรู้สึกไปจนถึงส่วนลึกของจิตใจ กลับเป็นภัยงั้นเหรอ...”
เรทซ์ร้องไห้ออกมา
เธอค่อย ๆ โอบกอดพี่ชายจากด้านหลังอย่างเศร้าสร้อย ซบหัวลงบนบ่ากว้าง
“พี่น่ะ...ไม่ใช่เทพนักเชิดหุ่นอะไรนั่นหรอก”
แค่เป็นคนที่ทะเยอทะยานคนนึงแค่นั้นเอง
โอโมคาเงะนิ่งไป
ผมสีเทายาวปรกหน้าอย่างสิ้นหวัง
ไม่นึกว่าคนที่ตนหมายจะหาความเป็นอมตะมามอบให้ตลอดจะปรารถนาไปคนละทางกับเขา
“งั้นพี่จะมอบความตายให้กับมนุษย์
—ที่มีชีวิตไม่ต่างจากเศษขยะทั้งหลายเอง!”
วูบ! —หุ่นเชิดแฟรงคลิน โนบุนากะ
และฟิงค์ที่แฝงอยู่ในร่างปรากฏออกมาในท่าเตรียมโจมตี คุเรฮะขมวดคิ้ว
ส่วนทุกคนผงะให้กับการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของคนที่กำลังจะตาย
แต่แล้วบางอย่างกลับพุ่งผ่านหน้าไป
ปัง!
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
กระสุนเน็นของแฟรงคลินตัวจริงทะลุทะลวงเจ้าตัวปลอมจนกลายเป็นเศษซาก
ฟิงค์หมุนหมัดอัดเน็นซัดหุ่นเชิดกระเด็นไกล
ดาบของโนบุนากะฟันไม่กี่ท่าหุ่นก็สิ้นฤทธิ์
เจ้าซามูไรผมยาวบ่นอุบอิบ
“ชิ พอเห็นหุ่นเชิดทีไรเป็นต้องอารมณ์ไม่ดีทุกทีสิน่า”
เห็นของเลียนแบบตัวเอง
ใครยังเฉยอยู่ได้ก็แปลกแล้ว!
มาลาสคิลตอนท้ายเฉยเลย
-- คุเรฮะที่อยู่ใกล้ปลายดาบสุดถอนหายใจยาว โนบุนากะกับฟิงค์เหลือบมองเธอนิดหน่อย
ก่อนจะเดินลงเวทีผ่านหน้าคุราปิก้าที่ดวงตายังเป็นเนตรสีเพลิงไป
คนเผ่าคูลท์กำมือแน่น รู้ตัวว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะสู้กับพวกแมงมุม
ฟิงค์ทำท่าจะเอ่ยคำสบประมาทใส่
แต่เพราะเห็นเพื่อนหลายคนในกลุ่มมีท่าทีแปลกไปเลยชักหัวคิ้วฉงน
“เฮ้ เป็นอะไรกัน?”
“…”
ฟิงค์มองตาม
ก่อนจะชะงักอยู่กับที่
ดวงตาหลายคู่มองตรงไปยังชายหนุ่มตัวสูงผู้ยืนอยู่ข้างเวที
เจ้าของผมสีดำแซมแดงรวบต่ำเลื่อนใบหน้ามาหา ดวงตาคมสีแดงเสี้ยวฉายแววดุดัน
เจ้าตัวเลิกคิ้วข้างนึงใส่อย่างเฉยเมย
มาจิปิดปากแน่น
แต่ถึงอย่างนั้นเสียงกระซิบแผ่วเบาที่หลุดออกมา
คุเรฮะได้ยินชัดเจน
“...โคเซย์”
ขอบตาร้อนผ่าวจนน้ำตาคลอหน่วย
หญิงสาวผู้ถูกคนทั้งแก๊งเรียกว่าหญิงแกร่งสะอื้นตัวสั่นเทา ชิซึคุยืนอยู่ข้าง ๆ
แตะไหล่ปลอบแม้จะไม่เข้าใจ โนบุนากะอ้าปากค้าง ยกด้ามดาบชี้หน้า
“ได้ไงฟะ! ก็หัวหน้าบอกว่านาย— อื้อ!”
มือเค็ม ๆ
ของฟิงค์อุดปากไว้ทัน
เฟย์ตันพยักเพยิดหน้าไปทางคุเรฮะที่มองไม่เห็นยืนฟังอยู่อีกทาง
เด็กสาวที่เดินมารวมกลุ่มกับพวกกอร์นมองมาทางต้นเสียงไม่ห่าง
เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกหันไปมองคุเรฮะแวบนึง
แล้วโบกมือส่ง ๆ ให้เหล่าแมงมุมที่ยืนตกตะลึงกันอยู่
เป็นการทักทายและไล่ให้ไสหัวไปในคราวเดียวกัน เขาไม่เห็นปาคูโนด้าในกลุ่มนี้
แต่รัศมีเอ็นจับได้ว่ามีคนนึงยืนรออยู่ข้างนอกห่างออกไป
คงมีเหตุผลของเธอที่จะไม่แสดงตัว
กองโจรเงามายามองหน้ากัน
นอกจากชิซึคุที่เป็นสมาชิกใหม่
ทุกคนล้วนพอเข้าใจการกระทำตรงหน้า
คุราปิก้าทรุดตัวลงหลังฝืนใช้เนตรสีเพลิงมากเกินไป
แต่ดวงตาที่กลับมาเป็นสีนิลก็ยังมองพวกแมงมุมที่พากันเดินหายไปไม่ห่าง --
ถึงจะเพิ่งจบเรื่องคุโรโร่มา
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังห้ามใจให้สงบไม่ได้เวลาเจอพวกมันอยู่ดี
“โคเซย์...เหรอ?” กอร์นทวนซ้ำ
มองชายหนุ่มตรงหน้าสลับกับคุเรฮะข้าง ๆ อย่างงงงวย ตามด้วยร้องเสียงหลง “อ๊ะ!
นั่นดวงตาของคุเรฮะนี่ คืนมาเดี๋ยวนี้นะ!”
คิรัวร์จับไหล่ไว้
“กอร์น ใจเย็น”
“แต่ว่า...!”
ความร้อนที่กำลังแผดเผามาจากทางด้านหลัง
ทุกคนรีบหันไปมอง
รู้ตัวอีกทีเรทซ์ก็พาร่างไร้ชีวิตของโอโมคาเงะขึ้นไปบนแท่นสูงของเวทีแล้ว
เด็กหญิงวางพี่ชายลง ลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่ไร้ความกังวลใดท่ามกลางเปลวเพลิง
“ฉันจะกลับไปพร้อมกับพี่... กลับไปสู่ความทรงจำของเรา”
ผมสีอ่อนพลิ้วไหวไปตามเปลวไฟที่ลุกฮือ
ริมฝีปากคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข
“กอร์น คิรัวร์ ขอบคุณนะ เพราะพวกเธอสองคน ฉันเลยได้มีชีวิตจริง ๆ ซะที”
“เรทซ์!”
คิรัวร์ทำท่าจะถลาเข้าไปหา
แต่ถูกแขนของคุเรฮะยื่นมาห้ามไว้ ดวงตาสีฟ้าครามสั่นคลอน
ถึงจะตั้งแง่กัดกับเรทซ์บ่อย แต่เขาไม่ได้ต้องการให้เธอจากไปทั้งอย่างนี้เลย
ฝ่ามือของกอร์นตบบ่า
ดวงตามองเพื่อนใหม่ที่ถูกเปลวไฟกลืนกินไปด้วยแววตาซื่อตรง
“ปล่อยเรทซ์ไปเถอะ”
เรทซ์ได้เป็นอิสระแล้ว
-----
ทุกคนเคลื่อนตัวออกมาข้างนอก
ภาพของคฤหาสน์หลังโตที่กำลังมอดไหม้อยู่ในแววตา
อ่า
ยกเว้นคุเรฮะไว้คนนึง เพราะดวงตาของเธออยู่กับคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นี่...
เลโอลีโอเอามือล้วงกระเป๋า
ใบหน้าแม้จะสะบักสะบอมไปบ้าง แต่ก็นับว่าไม่มีอะไรในร่างแตกหัก มือดันกรอบแว่นขึ้น
“แบบนี้คงจะดีแล้วล่ะ”
“มีชีวิตจริง ๆ งั้นเหรอ...” คุราปิก้าพึมพำ
ถ้อยคำของเด็กคนนั้นยังคงก้องอยู่ในหัว
กอร์นมองลึกเข้าไปในเปลวเพลิงที่กำลังโชติช่วง
“นั่นน่ะ หมายความว่าอะไรกันนะ?”
เลโอลีโอหันมา
ตาข้างนึงบวมตุ่ย “ไม่ได้หมายถึงการใช้ชีวิตในแบบของตัวเองหรอกเหรอ”
“เห~ เหมือนที่เลโอลีโอมีเป้าหมายจะเป็นหมอสินะ!”
คุเรฮะหันไปมองตามเสียงเจื้อยแจ้ว
ถ้อยตำที่ได้ยินทำให้รู้ว่าพวกนั้นมีท่าทีเข้าใจอะไรหลายอย่างมากกว่าที่คิด
ตอนแรกนึกว่าจะทำเสียงเศร้ากับการจากไปของเธอคนนั้นซะอีก แต่ก็ดีแล้ว
สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อฝ่ามือหนายื่นมาลูบหน้าแบบคาดเดาไม่ได้
เงยหน้าขึ้นไปหาคนลูบด้วยใบหน้างุนงง
ฝ่ามือใหญ่กว่าเลื่อนจากหัวมาที่ใบหูให้สะเดิดเล่น ลงมาแตะที่แก้ม จมูก กดเบา ๆ
ที่มุมปากนุ่ม
สัมผัสสุดท้ายมาลงเอยด้วยการจับพุงแล้วขยำหมุบหมับ
หัวหมุนจนไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีแล้ว
“ผอมเกิน ใครเป็นคนดูแลเรื่องอาหารการกินให้”
“เอ่อ... ไม่มี”
“แล้วเดเรคหายหัวไปไหน”
มีการถามถึงพ่อบ้านประจำตัว
แต่เพราะดูท่าทางไม่ใช่ศัตรู
ถึงจะสงสัยที่เหมือนจะรู้อะไรมากกว่าที่คิดแต่ก็ตอบไปโดยดี “อยู่ที่คราวน์
ไม่ได้ตามมาด้วย”
ได้ยินเสียงจิ๊ปากไม่สบอารมณ์
คนตัวใหญ่กว่านิ่งไปสักพักราวกับกำลังใช้ความคิด ก่อนจะก้มลงมาใกล้
“เอาเถอะ กำลังอารมณ์ดี จะปล่อยไปก่อนละกัน”
มือหนาเชยคางขึ้นมา
รู้สึกได้ว่าผ้าผันแผลที่ปิดตาอยู่ถูกปลดออกไป
สัมผัสนุ่มนิ่มประทับลงที่มุมปากอย่างอ้อยอิ่ง
“เราต้องเจอกันอีก”
ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็ไม่มีใครอยู่ตรงหน้าแล้ว
แต่หันหลังมากลับเจอหน้าใหญ่
ๆ ของใครบางคนที่ถูกลืมเข้ามาจ้องประชิด ตาที่ตี่อยู่แล้วตี่ลงไปอีกเมื่อหรี่ตาใส่
เหมือนจับผิดและไม่พอใจในคราวเดียวกัน
“เห็นนะ ตั้งแต่ต้นเลย”
“...อาฮะ”
เด็กสาวกะพริบตาปริบ
ไม่เข้าใจว่าจะบอกทำไม เอียงซ้ายมองเลยโจ๊กเกอร์หนุ่มไปนิด
เห็นสี่หน่อที่เพ้อถึงเป้าหมายชีวิตจบแล้วกรูกันมาทางนี้ นี่เธอถูกหิ้วออกมาห่างเจ้าพวกนั้นมาไกลขนาดนี้เลยเรอะ
หันกลับมาอีกที
ปลายนิ้วของฮิโซกะก็แตะที่เรียวปาก
“ฮึ่ม ไม่ชอบใจเลยนะ ฉันเพิ่งได้เฟิร์สคิสของสลีปปี้ไปเมื่อคืนเอง”
ถึงจะหน้าร้อนนิดหน่อยตอนนึกถึงเรื่องจูบเมื่อคืน
แต่นั่นสติแตกอยู่ น้ำตาก็ไหลจนชุ่มผ้าห่มไปอีก
คิดย้อนไปแล้วรู้สึกอยากหันไปโฟกัสทางอื่น
แต่สุดท้ายก็จ้องตากลับ
เลิกคิ้วขึ้นข้างนึงกวนเบา ๆ
“มั่นใจนายเป็นเฟิร์สคิสของฉัน?”
ขี้โมเมชะมัด
ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มร้าย
“มั่นใจต้องได้จูบเด็กขี้แยอีกครั้งแน่ ๆ ล่ะ”
กอร์นกับคิรัวร์ที่กำลังวิ่งมาตาโตเป็นไข่ห่าน
เลโอลีโอทำปากพะงาบ ๆ -- เห็นเด็กสาวผมยาวถูกดึงเข้าไปจูบเต็มรัก
คุเรฮะยังตาโตตกใจไม่ต่างกันเลย
ส-สองมือที่ดันไหล่กับจิกผมฮิโซกะออกนั่นหมายความเธอไม่เต็มใจใช่ไหม!
มาถึงตัวอีกทีเจ้าโจ๊กเกอร์สายเปลี่ยนแปลงก็หายตัวไปแล้ว
ทิ้งไว้แค่เสียงหัวเราะน่าหมั่นไส้กับร่องรอยบวมแดงที่ปากคุเรฮะอย่างจงใจ
สองหมาแมวแยกเขี้ยวตะโกนลั่น
“คุเรฮะอายุแค่ 14 เองนะโว้ย!!”
คนถูกกระทำกระแอมเบา
ๆ ปัดฝุ่นเสื้อผ้าสักหน่อย ทำเมินไม่สนใจเสียงแวด ๆ
ที่สบถด่าไล่หลังคนทำมาเป็นพรวน อืม...กลับไปวันนี้นอนซ้อมตายสักหน่อยดีไหมนะ
คุราปิก้าที่ยังอึ้งไม่หายแอบมองคุเรฮะจากด้านหลังนิด
ๆ
...หูแดงด้วยล่ะ
__________C H E C K M A T E__________
The Movie : Phantom Rouge (IV)
ความคิดเห็น