ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HxH : Hunter x Hunter] CHECKMATE

    ลำดับตอนที่ #52 : Chapter 40 | กระดานและหมากรุก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.44K
      277
      15 เม.ย. 63

     

    Chapter 40

     

     

    บอกสถานที่มา ปาคูโนด้า”

    ฟิงค์กอดอกแผ่จิตสังหารไปทั่วบริเวณ เสียงส่วนหนี่งไม่ยอมรับการที่ต้องปล่อยให้เจ้าคนใช้โซ่ลอยนวล แต่อีกเสียงยอมรับเพื่อให้หัวหน้ารอด แมงมุมได้แตกเป็นสองฝั่งทันทีที่ปาคูโนด้ากลับมาเพื่อเอาตัวประกันไป

    เขาคำราม

    ฉันจะเชือดเจ้าเด็กคู่นี้แล้วไปฆ่าเจ้าคนใช้โซ่ซะ”

    จะเอาแบบนั้นจริงเหรอ?” มาจิถามเสียงเครียด

    ก็เอาจริงน่ะสิ บอกสถานที่มาซะปาคู ถ้าไม่บอกฉันก็ปล่อยเธอไปไม่ได้”

    หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ไปพบตัวคนใช้โซ่แล้วกลับมาส่ายหน้าเล็กน้อย ชี้นิ้วไปที่กอร์นกับคิรัวร์ “ฉันบอกไม่ได้ แล้วฉันก็ต้องเป็นคนพาสองคนนี้กลับไปด้วย อย่าขวางฉันเลยน่า”

    เธอถอยหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว

    ขวางเรอะ? เธอต่างหากล่ะที่ขวางฉัน!”

    กอลโทปี้พยักหน้าให้ “ไปเถอะปาคูโนด้า” ตามด้วยมาจิอีกคน พวกเขาเห็นด้วยกับการกระทำของเพื่อนสาวตัวสูง เลือกที่จะให้คุโรโร่มีชีวิตต่อไป “พวกฉันจะหยุดพวกนี้เอง”

    หยุด? หยามกันไปหน่อยล่ะมั้ง” เฟย์ตันแทรกด้วยแววตาหยัน

    จิตสังหารของหลายคนแผ่ออกมาฟาดฟันกัน ออร่าครอบคลุมร่างเตรียมพร้อมหากต้องปะทะกันเข้าจริงๆ แต่ขณะเดียวกันก็มีบางส่วนมองสถานการณ์ตรงหน้าเงียบเชียบ

    ฟิงค์กับเฟย์ตันลงความเห็นว่าปาคูโนด้ากับพวกมาจิโดนเจ้าคนใช้โซ่ควบคุมไปแล้ว

    จนกระทั่งเสียงๆ หนึ่งแทรกขึ้นมา

     

    ไม่เข้าใจจริง ๆ เรอะ?”

     

    กอร์นที่ถูกมัดด้วยโซ่ข้างคิรัวร์เอ่ยท่ามกลางความขัดแย้งของแมงมุม “—ว่าทำไมปาคูโนด้าถึงจะกลับโดยไม่ยอมพูดจากับพวกนาย ทำไมมาจิถึงพยายามจะหยุดพวกนาย ...พวกนายคิดจริง ๆ เรอะว่าพวกเขาถูกควบคุมอยู่?”

    แค่ความรู้สึกที่อยากจะได้พวกพ้องของตัวเองคืน เรื่องพรรคนี้ก็ไม่เข้าใจเลยรึไง!!”

    นั่นสินะ

    อาจจะเพราะโลกของพวกเรามันไม่เหมือนกันก็ได้

    ร่างของเด็กสาวผมสีดำปลายแดงยืนอยู่ด้านบน มองการทะเลาะกันของแมงมุมที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากบนกระจกหลากสี ไร้คนจับตัวตนได้ว่าเธอยืนอยู่ตรงนี้

    เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าตอนกลางคืน มือบังหยาดฝนที่ตกลงมากระทบหางตา ...ฝนเริ่มใกล้จะหยุดตกแล้ว

     

    เรื่องนี้ก็ใกล้จะจบแล้วเช่นกัน

     

    มุมปากยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงจากแฟรงคลินที่นั่งเงียบมานาน

    พอทีน่า ปล่อยปาคูโนด้าไปเถอะ”

    หา นายเองก็เป็นไปกับเค้าด้วยเรอะ!?”

    ฟิงค์หมุนตัวกลับมาโวยอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง แต่ผู้ชายตัวใหญ่ไม่ตอบอะไร เขากลับหันหาไปหาผู้เป็นมันสมองของกลุ่มแทน

    ชาร์ ตอนนี้อะไรคือผลลัพท์ที่แย่ที่สุดที่เราอาจเจอ?”

    ชาร์แน็คยกมือขึ้นมาลูบคางนิดๆ อย่างใช้ความคิด “อืมมม หัวหน้าอาจตาย พวกเราบางส่วนถูกคนใช้โซ่ควบคุมอยู่ ไม่รู้ว่าเจ้าคนใช้โซ่อยู่ที่ไหน แล้วเจ้าตัวประกันสองคนก็พลอยหนีไปได้ด้วย”

    ผิดถนัดเลยพวกนาย” แฟรงคลินส่ายหัวเล็กน้อย “ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดคือพวกเราทุกคนเสียท่าจนแมงมุมต้องสลายไปในที่สุดต่างหาก ถ้าเทียบกันแล้ว กรณีที่นายพูดถึงน่ะจิ๊บจ๊อยยิ่งกว่าอะไรดี ...ไม่ใช่รึไง?”

    มันก็ใช่อยู่หรอก”

    ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็เถอะ แต่ฉันว่าพวกนายยึดติดกับหัวหน้ามากไปหน่อยละ แล้วถ้าผลที่ออกมาคือแมงมุมต้องล่มสลายไปล่ะ? นั่นแหละเท่ากับเป็นการหักหลังหัวหน้ามากที่สุด”

    คนตัวโตอธิบายให้ทุกคนฟังเหมือนผู้ใหญ่สั่งสอนเด็ก “ปล่อยให้เถียงกันไปเถียงกันมาแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นอย่างที่ว่ากันพอดี หัดใจเย็นกันหน่อย ให้เค้าทำอย่างที่อยากจะทำไม่ดีกว่ารึ? ถ้าเกิดหัวหน้าไม่ได้กลับมาล่ะก็—”

    แฟรงคลินมองเพื่อนร่วมกลุ่มอย่างเฉยเมย

    ถึงตอนนั้นค่อยจัดการกวาดเจ้าพวกที่ถูกควบคุมให้หมดแล้วก็ สร้าง แมงมุมกันใหม่ มันก็ง่าย ๆ ไม่ใช่เรอะ? "

     

    หัวหน้าตาย?

    ไม่เป็นไร หาใหม่สิ

    แมงมุมเหลือแค่ครึ่งเดียว?

    ไม่เป็นไร หาใหม่สิ

    คำพูดที่ย้ำในความคิดเสมอมาคือการเตือนตัวเองว่าอย่าประเมินสถานการณ์ให้ผิดพลาด ต้องคำนึงถึงคำสั่งหัวหน้าก่อนสิ่งอื่น ไม่ต้องสนใจชีวิตของหัวหน้า

    สิ่งที่ต้องให้มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง

     

    แต่เป็นแก๊งแมงมุมต่างหาก

     

    คุเรฮะหัวเราะในลำคอ สิ่งที่ขับเคลื่อนกลุ่มแมงมุมไม่ใช่ตัวคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นอุดมการ์ณจริง ๆ ด้วย

    เสียงทัดทานของพวกฟิงค์เริ่มเงียบไปแล้ว เมื่อก้มลงมองหน้าล่างตรงทางออกก็เห็นเงาของปาคูโนด้ากับพวกกอร์นที่เดินออกมา เด็กสาวกระชับฮู้ดแล้วกระโดดลงไป

     

     

    ปาคูโนด้าพร้อม

    ตัวประกันพร้อม

    เรือเหาะลำที่สองพร้อม

    ยกเว้น...

     

    ขอฉันขึ้นเรือเหาะด้วยคนสิ

     

    โผล่มาพร้อมมือถือโทรศัพท์แนบหู เด็กสาวถอนหายใจเมื่อนึกไว้แล้วว่ายังไงหมอนี่ก็ต้องตามมา ในเมื่อสถานที่ที่นัดจะแลกเปลี่ยนกันค่อนข้างยากที่จะติดตามได้ อาจจะเป็นเกาะร้างไม่ก็ยอดเขาสูงชันที่ห่างไกลจากตัวเมืองออกไป

    เป็นสถานที่พร้อมสู้สุด ๆ

    แต่ปาคูโนด้ายังไม่รู้เรื่องที่ฮิโซกะไม่ใช่สมาชิกแมงมุม เธอตะคอกเสียงดัง "มาทำไมกันยะ!! "

    แน่นอนว่าพูดไปก็ไม่เข้าหูหมอนั่นเลยสักนิด

    ถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?”

    เสียงคุราปิก้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นลองเชิง ฮิโซกะหันหน้าไปทางกลุ่มกอร์นกับคิรัวร์ ท่าทางหูลู่หางตก ดูสายตาละห้อยที่มองไปยังคุเรฮะนั่นสิ

    คงโดนดุมาสิท่า

    ฉันก็จะ ...จูบสลีปปี้ตรงนี้เลย

    ยืนกอดอกอยู่ดี ๆ คุเรฮะก็ลื่นพรืด

     

    หา?

     

    บรรยากาศรอบด้านเหมือนหยุดลงไปชั่วขณะ ทุกคนตาโตเป็นไข่ห่าน กอร์นนี่อ้าปากเหวอไปแล้ว คิรัวร์หันมาชี้หน้าเธอ ปากสั่นมือสั่นเหมือนถูกทรยศความเชื่อใจ "อย่าบอกนะว่าที่หายไปอยู่แมงมุม เธอ...กับไอ้หมอนั่น—"

    คุเรฮะทำหน้าตาย หางตากระตุกยิก

    หยุดคิดเลยนะ”

    ก่อนถูกอย่างจะถูกคลี่คลายลงเมื่อตัวต้นเหตุแลบลิ้นซน “ล้อเล่นน่ะ~ ฉันเคยบอกแล้วไงเป้าหมายของฉันก็แค่หัวหน้า ฉันอยากจะสู้กับเขา ก็แค่นั้นแหละ”

    หลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เด็กน้อยผู้ถูกพาดพิงยกนิ้วกลางใส่นิ่ง ๆ ส่วนคุราปิก้าเม้มปากอย่างชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะยอมให้เจ้าตัวขึ้นเรือเหาะมาด้วยกัน

    ในตอนนี้ ความปลอดภัยของกอร์นกับคิรัวร์ต้องมาก่อน

     

    วิ้ว

     

    เสียงลมโหยหวนแสบแก้วหูดังระงม บนยอดเขาสูงชันไกลจากตัวเมือง ถ้ามองจากมุมสูงจะเห็นเรือเหาะสองลำจอดตรงข้ามกัน หัวหน้าแมงมุมผู้ถูกสัตย์สาบานบังคับไม่ให้ติดต่อกับคนในแก๊งกับใช้เน็นไม่ได้ยืนอยู่ไกลออกไป

    เขาประจันหน้ากับนักมายากรที่ลงมาพร้อมกัน

    ฉันรอเวลานี้มาตลอด...”

    ฮิโซกะแย้มยิ้ม ถอดเสื้อออกเผยให้เห็นแผ่นหลังที่มีกล้ามเนื้อแน่น รอยสักแมงมุมปลอม ๆ ที่ถูกสร้างด้วยเน็นเด่นหราอยู่บนนั้น -- มือจิกกระชากมันออก นับแต่นี้เขาไม่ใช้แมงมุมอีกต่อไป

    เอ้า มาสู้กันเถอะ

    คุราปิก้ามองใบหน้าด้านข้างของเด็กสาว เธอมองไปข้างล่างเมื่อเรือเหาะลอยขึ้นสูง จับจ้องไปที่คุโรโร่กับฮิโซกะที่อยู่ข้างล่างด้วยแววตายากจะอ่านออก กอร์นกับคิรัวร์นั่งอยู่ข้างกัน ปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนกันทั้งคู่

    เขารู้ว่าเน็นของเธอคือการเทเลพอร์ต หากเธอใช้มันเพื่อเขา หากเธออยู่ข้างเขา ทุกอย่างก็คง—

    การจะเข้าใจนายได้ ทุกคนต้องยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อให้นายได้ล้างแค้นงั้นเหรอ...คุราปิก้า’

    เขากำหมัดแน่น ก่อนจะคลายออก

     

    ไม่ ...แค่นี้ก็เกินพอแล้ว

     

    -----

     

    ช่างน่าสงสาร”

    ใช่ น่าสงสาร”

    แววตาเวทนาสองคู่ช้อนมอง สองมือกอบกุมประสานกัน วางลงบนแผ่นอกก่อเกิดเป็นแสงสีม่วงสว่างออกมา ปาคูโนด้ามองสองฝาแฝดตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ

    คุเรฮะยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น ดวงตาเย็นชามองมาราวกับเธอเป็นผลงานชิ้นเยี่ยม

    หญิงสาวร้องถาม อะไรที่ว่าน่าสงสาร?”

    เด็กสาวตัวเล็กราวกับตุ๊กตาเหลือบมองไปทางคุเรฮะ ถอนหายใจช่วยไม่ได้ สีหน้าท่าทางทุกอย่างถอดแบบกันออกมาได้ไม่ผิดเพี้ยนถูกเรียกตัวมาเพื่อใช้กับเรื่องแบบนี้ ไร้สาระชะมัด”

    แฝดอีกคนนึงเอ่ย ชักหัวคิ้วเข้าหากัน

    ทั้งที่ยังไงก็ไม่รอดแท้ ๆ”

    ไม่รอด ...นั่นหมายถึงเธองั้นหรือ?

    ใช้เวลาไม่นานแสงสว่างก็มอดลง ฝ่ามือของทั้งสองคนผละออกไป คาดเดาว่าเป็นเน็นสายพิเศษไม่ก็สายแปรสภาพ เพราะขณะที่ใช้ฝาแฝดสองคนนี้กุมมือกันไว้ตลอดเวลา

    เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ คุเรฮะ”

    ปาคูโนด้ามองเด็กสองคนพลางเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ ทั้งการร่วมมือกับคนใช้โซ่ ทั้งการเรียกตัวผู้ใช้เน็นสองคนให้มาทำอะไรสักอย่างกับเธอ ทั้งหมดนี้น่ะ— เพื่อให้แน่ใจว่าฉันจะไม่ผิดสัตย์สาบานงั้นสิ?”

     

    เด็กสาวยื่นมือออกมา แตะลงบนฝ่ามือของเธอ

     

    หัวหน้าล่ะ?”

    คำถามแรกจากฟิงค์ส่งมาทันทีที่กลับมาถึงรัง แมงมุมทุกคนรอคอยคำตอบด้วยใบหน้าจดจ่อ การปล่อยตัวปาคูโนด้าไปกับตัวประกันคือการคาดหวังว่าจะได้หัวหน้ากลับมา

    หญิงสาวผมบลอนด์สั้นเดินเข้ามาพร้อมปืนในมือ สีหน้าสงบนิ่ง

    เขาไม่มาแล้วล่ะ”

    ได้ไง!? ลองชี้แจงมาซิ!” ฟิงค์โวยลั่นก่อนจะขยับมือจนมีเสียงกร๊อบ เขาจ้องปาคูโนด้าตาเขม็ง “ถ้าตอบไม่ดีก็เตรียมตัวไว้เลย”

    อย่าห่วงน่า แทนที่จะเล่า...”

    กริ๊ก

    ออร่าพวยพุ่งขึ้นมาครอบคลุมตัวปาคูโนด้ากับปืนในมือ ท่าทีปล่อยวาง ไร้ความคิดที่จะปะทะกับใคร -- กระสุนที่ยิงได้หกนัดต่อครั้ง เท่ากับจำนวนสมาชิกตอนที่ตั้งแก๊งส์พอดี ...ความสามารถเน็นของเธอ

     

    หากบอกข้อมูลเจ้าคนใช้โซ่กับทุกคน

    หัวใจของเธอจะแหลกเป็นชิ้น ๆ

     

    ปาคูโนด้ายกปืนขึ้น จ่อหน้า

    เฟย์ตัน ฟิงค์ มาจิ โนบุนากะ ชาร์แน็ค แฟรงคลิน

    จะเชื่อใจฉัน แล้วรับไว้ได้ไหม?”

     

    ปัง!

     

     

    หลังจากจบเหตุการณ์แลกเปลี่ยนตัวประกันกับกองโจรเงามายา คุราปิก้าก็กลับมานอนซมเป็นไข้อยู่ในห้องพักโทรมๆ พวกเลโอลีโอปรึกษากันว่าจะพาไปหาหมอที่รู้จักกันแทนโรงพยาบาลเพื่อไม่ให้เสี่ยงถูกตามเจอ

    ร่างโปร่งบางนอนหายใจติดขัดอยู่บนฟูกเก่าสกปรก เงาสีดำทาบลงมาบนใบหน้า

    สัมผัสเย็น ๆ ทาบลงบนหน้าผากร้อนระอุ

    “...”

    เด็กสาวดึงมือกลับมา รั้งผ้าห่มให้ขึ้นคลุมถึงคอด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ฟังจากที่พวกเซ็นริทสึปรึกษากัน พวกนั้นคิดว่าการไม่สบายครั้งนี้ไม่น่าใช่เพราะเหนื่อยหรือไม่สบาย

    อาจจะเพราะความเครียดในช่วงปะทะกับแมงมุมที่เพิ่งผ่านไป

    เธอเองก็ไม่ต่ากัน ทั้งตากฝนนานหลายชั่วโมง ทั้งร่างกายยังไม่หายดีจากการโดนรุมทำร้าย ลมหายใจตอนนี้จึงร้อนกว่าปกติจนรู้สึกได้ -- แต่เทียบกับคนป่วยตรงหน้าแล้ว ร่างกายเธอฟื้นฟูเร็วกว่าจนเห็นได้ชัด

    ร่างเล็กขยับกาย เตรียมลุกขึ้น

    หมับ

    “...ขอโทษ”

    เอ่ยติดขัดเสียงแหบพร่า ฝ่ามือที่เอื้อมคว้าร้อนผะผ่าว ใบหน้าแดงก่ำจากอาการป่วยปรือตาขึ้นมอง เอ่ยซ้ำ “ที่ฉันพูดไปไม่คิด ..ขอโทษนะ”

    ดวงตาสีแดงเสี้ยวหลุบมองครู่หนึ่ง ฝ่ามือที่จับแขนเธออยู่สั่นระริก ใบหน้าสวยของชายหนุ่มช้อนมอง เว้าวอนด้วยความสำนึกผิด

    เธอถอนหายใจ

    ฉันต่อยหน้านายไปแล้ว ถือว่าหายกัน”

     

    แต่ถ้ามีครั้งต่อไป ตอนต่อยจะเล็งให้จมูกยุบเลยคอยดู

     

    เสียงจอแจในโรงประมูลขนาดใหญ่ดังก้องไปทั้งสถานที่ งานประมูลเดอะซันบีชเป็นงานประมูลเดียวที่นำตลับเกมกรีดไอร์แลนด์ออกมาประมูล ผู้คนในชุดราตรีและสูททักซิโด้เดินสวนกันไปทั่วงาน

    เกมกรีดไอร์แลนด์ -- เป้าหมายแรกเริ่มที่ทำให้มายังยอร์คชิน คิดแล้วก็อดกุมหัวไม่ได้ อะไรทำให้แผนผกผันมาเกี่ยวข้องกับการไล่จับกองโจรเงามายาได้นะ?

    แต่บ่นไปก็เท่านั้น เรื่องความมุทะลุที่เข้าไปหาเรื่องใส่ตัวก็ถูกเธอโมโหแล้วทำโทษให้จำไปบ้างแล้ว อย่างไรเสียพวกนั้นก็ไม่ใช่เด็กที่เธอต้องมาคอยประคบประหงม

    ประสบการณ์จะเป็นครูสอนทุกอย่างให้เอง

    เด็กสาวตาสองเฉดสีกระชับเนคไท ชุดสูทเสื้อกั๊กดำแดงที่ไม่ได้เห็นมานานถูกหยิบมาใส่อีกครั้ง แต่ถูกเหมือนมันจะคับลงแถมกางเกงสั้นกว่าที่คิด สงสัยเธอสูงขึ้นอีกแล้ว

    ส่วนพวกกอร์น เห็นว่ากำลังคิดจะใช้ ‘มหาเศรษฐีบัตเทเลอร์’ ที่มาประมูลเกมเป็นตัวผ่านทางเพื่อเข้าถึงกรีดไอร์แลนด์ ถือว่าความคิดไม่เลว ถ้าแผนที่พวกนั้นตกลงกันเองใช้ได้ผลก็ดีไป แต่ถ้าไม่อันนี้ก็อีกเรื่องนึง

     

    ร้ายนักนะ”

     

    เสียงใสราวตุ๊กตาแก้วดังระยะประชิด เด็กสาวตาคมที่ยืนหลับตากอดอกพิงกำแพงลืมตามอง ฝาแฝดผมลอนสวยยืนทำหน้ามุ่ยในชุดโกธิคโลลิต้าฟูฟ่อง

    เซเรเน่ สกอร์เปียนและเซเรน่า สกอร์เปียน

    ฝาแฝดจากตระกูลแมงป่อง พันธมิตรของคราวน์

    พวกเธอถูกยืมมือให้มาช่วยเรื่องบางเรื่อง เดิมทีก็ไม่ค่อยสนิทหรือรู้จักกับผู้สืบทอดคราวน์คนนี้สักเท่าไหร่ ไม่สิ พูดให้ถูกคือพวกเธอไม่ค่อยอยากจะสนิทกับยัยหน้าตายคนนี้เท่าไหร่นัก

    สองพี่น้องพากันมองไม่พอใจ

    คิดจะใช้ก็ใช้ พอหมดประโยชน์ก็ทิ้ง”

    ก็ไม่ได้ทิ้งซะทีเดียวนี่” ใบหน้าคมคายคลี่ยิ้ม ผมกลับมารวบสูงเหมือนเดิมสยายกว้าง “ค่าตอบแทนก็ให้ไปสมน้ำสมเนื้ออยู่ ...หรือพวกเธอหวังอย่างอื่นอีก?”

    คนนึงทำเสียงขึ้นจมูก ส่วนอีกคนหันหน้าหนี ...พวกเธอคิดไปเองรึเปล่านะ ว่าใบหน้าของคนที่วางแผนทุกอย่างราวกับกำลังเดินหมากรุกตรงนี้ช่างเจ้าเล่ห์ซะไม่มี

     

    ช่างเหมือนกับท่านผู้นั้นเข้าไปทุกที

     

    เธอตั้งใจให้ผู้หญิงคนนั้นติดหนี้ชีวิต”

    เธอคนนั้นช่างโชคร้ายซะจริง”

    เอ่ยมาคนละประโยคราวกับเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน แต่ลึก ๆ ในใจยอมรับว่าการวางแผนของคุเรฮะนั้นน่ากลัวหากคิดเป็นศัตรูด้วย ในเวลาที่ฉุกละหุกแบบนั้นยังสามารถวางตัวหมากให้เดินไปตามที่ต้องการได้

    คนตัวสูงกว่าจุดยิ้มมุมปาก

    ความสามารถของปาคูโนด้าเป็นประโยชน์แถมหายาก ฉันอาจต้องใช้เธอในอนาคต”

     

    อสรพิษสมชื่อ

     

    แล้วไงต่อ มาเพื่อบ่นฉันว่าเลวที่ใช้ประโยชน์จากคนอื่น?”

    คิ้วเลิกขึ้นสูง ก่อนจะสูงขึ้นไปอีก แสดงออกว่าแปลกใจกับคำพูดที่ได้ยิน

    เปล่า แค่จะมาถามว่าช่วงนี้ผู้สืบทอดอีกคนที่ชื่อเซ็นจิเหมือนจะมีผู้คุ้มกันเพิ่มขึ้นนะ ส่วนเธอไหงมาอยู่กับคนพวกนั้นกันล่ะ ...เอาไว้เป็นเกราะป้องกันกระสุนรึไง?”

    แอบหลุดหัวเราะออกมานิดๆ เลย

    ฉันช่างหัวตระกูลบัดซบนั่นไปแล้ว เซเรเน่”

    แฝดพี่ที่ถูกขานชื่อถูกคนสะดุ้งออกมา การแยกพวกเธอว่าใครเป็นใครแทบไม่มีใครทำได้เลย เพราะพวกเธอจงใจเหมือนกันหมดทุกอย่าง

     

    แต่ยัยนี่กลับ...

     

    บอกเรื่องคราวน์ไปตรง ๆ แบบนั้นจะดีเหรอครับ นายน้อย”

    เดเรค พ่อบ้านประจำตัวที่เป็นคนไปติดต่อกับฝาแฝดตระกูลแมงป่องให้ก้าวขาออกจากมุมทางเดิน

    คุเรฮะยักไหล่ทีนึง ดวงตาคมกริบจ้องร่างเล็กกว่าสองคนหายไปกับฝูงชนในงาน พวกเธอดูตกใจไม่น้อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องให้ใส่ใจเท่าไหร่ ก่อนจะหันกลับมา “ก็ฉันไม่สนใจมันแล้วจริง ๆ”

    เธอหัวเราะหึ “แอบแปลกใจเหมือนกันที่นายยังอยู่กับฉัน ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น”

    แต่มันไม่สำคัญอีกแล้ว

    เพราะต่อจากนี้สิ่งยึดเหนี่ยวของเธอไม่ใช่คำว่าคราวน์อีกต่อไป

    ดวงตาสีผสมมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ถูกตั้งเป็นรูปเด็กสามคนกอดคอถ่ายรูปกัน ท่ามกลางธรรมชาติและป่าสีเขียว -- เธอหลุดยิ้มบางออกมา นิ้วปัดหน้าจอไปอีกด้าน

    ภาพหมอนั่นตอนหลุดเอ๋อหลังจากรู้ว่าคุโรโร่ใช้เน็นไม่ได้ก็ตลกชะมัด

    จะว่าไป ลืมบอกเลยแฮะว่าสายรัดขาดไปแล้ว

    พ่อบ้านผมสีเทายาวยังคงยิ้มตาปิดมองภาพทุกอย่าง จนกระทั่งนายน้อยของเขาเดินแยกตัวออกไปเพราะเสียงเริ่มงานประมูล คงกลับไปนั่งกับเด็กชายสองคนนั้น เด็กที่ก้าวเข้ามาเปลี่ยนแปลงเจ้านายตัวน้อยของเขาเอง

     

    ไม่สิ ความเปลี่ยนแปลง...มันเริ่มจากท่านเชสเตอร์ที่คิดปล่อยมือจากเธอนี่นะ

     

    -----

     

    ในสวนของตระกูลคราวน์ จุดๆ นึงที่มีดอกไม้สีแดงเลือดเบ่งบานตลอดปีแค่ที่เดียวมีชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้ายิ้มแย้มไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก้มลงปัดกลีบดอกไม้ที่ร่วงโรยทับถมจนเต็มพื้นที่ออก

    เปลือกตาเปิดขึ้น ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองไปยังป้ายหลุมศพแบนราบที่ปรากฏใต้กลีบดอกไม้

    รอยยิ้มจางลง เขาค้อมหัวให้

     


    นายน้อยเติบโตขึ้นอีกแล้วละครับ นายท่าน.”

     


    __________C H E C K M A T E__________

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×