คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #52 : Chapter 40 | กระดานและหมากรุก
♝
Chapter 40
“บอกสถานที่มา ปาคูโนด้า”
ฟิงค์กอดอกแผ่จิตสังหารไปทั่วบริเวณ
เสียงส่วนหนี่งไม่ยอมรับการที่ต้องปล่อยให้เจ้าคนใช้โซ่ลอยนวล
แต่อีกเสียงยอมรับเพื่อให้หัวหน้ารอด
แมงมุมได้แตกเป็นสองฝั่งทันทีที่ปาคูโนด้ากลับมาเพื่อเอาตัวประกันไป
เขาคำราม
“ฉันจะเชือดเจ้าเด็กคู่นี้แล้วไปฆ่าเจ้าคนใช้โซ่ซะ”
“จะเอาแบบนั้นจริงเหรอ?” มาจิถามเสียงเครียด
“ก็เอาจริงน่ะสิ บอกสถานที่มาซะปาคู ถ้าไม่บอกฉันก็ปล่อยเธอไปไม่ได้”
หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ไปพบตัวคนใช้โซ่แล้วกลับมาส่ายหน้าเล็กน้อย
ชี้นิ้วไปที่กอร์นกับคิรัวร์ “ฉันบอกไม่ได้
แล้วฉันก็ต้องเป็นคนพาสองคนนี้กลับไปด้วย อย่าขวางฉันเลยน่า”
เธอถอยหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว
“ขวางเรอะ? เธอต่างหากล่ะที่ขวางฉัน!”
กอลโทปี้พยักหน้าให้
“ไปเถอะปาคูโนด้า” ตามด้วยมาจิอีกคน พวกเขาเห็นด้วยกับการกระทำของเพื่อนสาวตัวสูง
เลือกที่จะให้คุโรโร่มีชีวิตต่อไป “พวกฉันจะหยุดพวกนี้เอง”
“หยุด? หยามกันไปหน่อยล่ะมั้ง”
เฟย์ตันแทรกด้วยแววตาหยัน
จิตสังหารของหลายคนแผ่ออกมาฟาดฟันกัน
ออร่าครอบคลุมร่างเตรียมพร้อมหากต้องปะทะกันเข้าจริงๆ
แต่ขณะเดียวกันก็มีบางส่วนมองสถานการณ์ตรงหน้าเงียบเชียบ
ฟิงค์กับเฟย์ตันลงความเห็นว่าปาคูโนด้ากับพวกมาจิโดนเจ้าคนใช้โซ่ควบคุมไปแล้ว
จนกระทั่งเสียงๆ
หนึ่งแทรกขึ้นมา
“ไม่เข้าใจจริง ๆ เรอะ?”
กอร์นที่ถูกมัดด้วยโซ่ข้างคิรัวร์เอ่ยท่ามกลางความขัดแย้งของแมงมุม
“—ว่าทำไมปาคูโนด้าถึงจะกลับโดยไม่ยอมพูดจากับพวกนาย
ทำไมมาจิถึงพยายามจะหยุดพวกนาย ...พวกนายคิดจริง ๆ เรอะว่าพวกเขาถูกควบคุมอยู่?”
“แค่ความรู้สึกที่อยากจะได้พวกพ้องของตัวเองคืน
เรื่องพรรคนี้ก็ไม่เข้าใจเลยรึไง!!”
นั่นสินะ
อาจจะเพราะโลกของพวกเรามันไม่เหมือนกันก็ได้
ร่างของเด็กสาวผมสีดำปลายแดงยืนอยู่ด้านบน
มองการทะเลาะกันของแมงมุมที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากบนกระจกหลากสี
ไร้คนจับตัวตนได้ว่าเธอยืนอยู่ตรงนี้
เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าตอนกลางคืน
มือบังหยาดฝนที่ตกลงมากระทบหางตา ...ฝนเริ่มใกล้จะหยุดตกแล้ว
เรื่องนี้ก็ใกล้จะจบแล้วเช่นกัน
มุมปากยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงจากแฟรงคลินที่นั่งเงียบมานาน
“พอทีน่า ปล่อยปาคูโนด้าไปเถอะ”
“หา นายเองก็เป็นไปกับเค้าด้วยเรอะ!?”
ฟิงค์หมุนตัวกลับมาโวยอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
แต่ผู้ชายตัวใหญ่ไม่ตอบอะไร เขากลับหันหาไปหาผู้เป็นมันสมองของกลุ่มแทน
“ชาร์ ตอนนี้อะไรคือผลลัพท์ที่แย่ที่สุดที่เราอาจเจอ?”
ชาร์แน็คยกมือขึ้นมาลูบคางนิดๆ
อย่างใช้ความคิด “อืมมม หัวหน้าอาจตาย พวกเราบางส่วนถูกคนใช้โซ่ควบคุมอยู่
ไม่รู้ว่าเจ้าคนใช้โซ่อยู่ที่ไหน แล้วเจ้าตัวประกันสองคนก็พลอยหนีไปได้ด้วย”
“ผิดถนัดเลยพวกนาย” แฟรงคลินส่ายหัวเล็กน้อย
“ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดคือพวกเราทุกคนเสียท่าจนแมงมุมต้องสลายไปในที่สุดต่างหาก
ถ้าเทียบกันแล้ว กรณีที่นายพูดถึงน่ะจิ๊บจ๊อยยิ่งกว่าอะไรดี ...ไม่ใช่รึไง?”
“มันก็ใช่อยู่หรอก”
“ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็เถอะ
แต่ฉันว่าพวกนายยึดติดกับหัวหน้ามากไปหน่อยละ
แล้วถ้าผลที่ออกมาคือแมงมุมต้องล่มสลายไปล่ะ? นั่นแหละเท่ากับเป็นการหักหลังหัวหน้ามากที่สุด”
คนตัวโตอธิบายให้ทุกคนฟังเหมือนผู้ใหญ่สั่งสอนเด็ก
“ปล่อยให้เถียงกันไปเถียงกันมาแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นอย่างที่ว่ากันพอดี
หัดใจเย็นกันหน่อย ให้เค้าทำอย่างที่อยากจะทำไม่ดีกว่ารึ?
ถ้าเกิดหัวหน้าไม่ได้กลับมาล่ะก็—”
แฟรงคลินมองเพื่อนร่วมกลุ่มอย่างเฉยเมย
“ถึงตอนนั้นค่อยจัดการกวาดเจ้าพวกที่ถูกควบคุมให้หมดแล้วก็ สร้าง แมงมุมกันใหม่
มันก็ง่าย ๆ ไม่ใช่เรอะ? "
หัวหน้าตาย?
ไม่เป็นไร
หาใหม่สิ
แมงมุมเหลือแค่ครึ่งเดียว?
ไม่เป็นไร
หาใหม่สิ
คำพูดที่ย้ำในความคิดเสมอมาคือการเตือนตัวเองว่าอย่าประเมินสถานการณ์ให้ผิดพลาด
ต้องคำนึงถึงคำสั่งหัวหน้าก่อนสิ่งอื่น ไม่ต้องสนใจชีวิตของหัวหน้า
สิ่งที่ต้องให้มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง
แต่เป็นแก๊งแมงมุมต่างหาก
คุเรฮะหัวเราะในลำคอ
สิ่งที่ขับเคลื่อนกลุ่มแมงมุมไม่ใช่ตัวคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นอุดมการ์ณจริง ๆ ด้วย
เสียงทัดทานของพวกฟิงค์เริ่มเงียบไปแล้ว
เมื่อก้มลงมองหน้าล่างตรงทางออกก็เห็นเงาของปาคูโนด้ากับพวกกอร์นที่เดินออกมา
เด็กสาวกระชับฮู้ดแล้วกระโดดลงไป
♝
ปาคูโนด้าพร้อม
ตัวประกันพร้อม
เรือเหาะลำที่สองพร้อม
ยกเว้น...
“ขอฉันขึ้นเรือเหาะด้วยคนสิ ♥”
โผล่มาพร้อมมือถือโทรศัพท์แนบหู
เด็กสาวถอนหายใจเมื่อนึกไว้แล้วว่ายังไงหมอนี่ก็ต้องตามมา
ในเมื่อสถานที่ที่นัดจะแลกเปลี่ยนกันค่อนข้างยากที่จะติดตามได้
อาจจะเป็นเกาะร้างไม่ก็ยอดเขาสูงชันที่ห่างไกลจากตัวเมืองออกไป
เป็นสถานที่พร้อมสู้สุด
ๆ
แต่ปาคูโนด้ายังไม่รู้เรื่องที่ฮิโซกะไม่ใช่สมาชิกแมงมุม
เธอตะคอกเสียงดัง "มาทำไมกันยะ!! "
แน่นอนว่าพูดไปก็ไม่เข้าหูหมอนั่นเลยสักนิด
“ถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?”
เสียงคุราปิก้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นลองเชิง
ฮิโซกะหันหน้าไปทางกลุ่มกอร์นกับคิรัวร์ ท่าทางหูลู่หางตก
ดูสายตาละห้อยที่มองไปยังคุเรฮะนั่นสิ
คงโดนดุมาสิท่า
“ฉันก็จะ ...จูบสลีปปี้ตรงนี้เลย ♦”
ยืนกอดอกอยู่ดี
ๆ คุเรฮะก็ลื่นพรืด
หา?
บรรยากาศรอบด้านเหมือนหยุดลงไปชั่วขณะ
ทุกคนตาโตเป็นไข่ห่าน กอร์นนี่อ้าปากเหวอไปแล้ว คิรัวร์หันมาชี้หน้าเธอ
ปากสั่นมือสั่นเหมือนถูกทรยศความเชื่อใจ "อย่าบอกนะว่าที่หายไปอยู่แมงมุม
เธอ...กับไอ้หมอนั่น—"
คุเรฮะทำหน้าตาย
หางตากระตุกยิก
“หยุดคิดเลยนะ”
ก่อนถูกอย่างจะถูกคลี่คลายลงเมื่อตัวต้นเหตุแลบลิ้นซน
“ล้อเล่นน่ะ~ ฉันเคยบอกแล้วไงเป้าหมายของฉันก็แค่หัวหน้า
ฉันอยากจะสู้กับเขา ก็แค่นั้นแหละ”
หลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เด็กน้อยผู้ถูกพาดพิงยกนิ้วกลางใส่นิ่ง ๆ
ส่วนคุราปิก้าเม้มปากอย่างชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะยอมให้เจ้าตัวขึ้นเรือเหาะมาด้วยกัน
ในตอนนี้
ความปลอดภัยของกอร์นกับคิรัวร์ต้องมาก่อน
วิ้ว
เสียงลมโหยหวนแสบแก้วหูดังระงม
บนยอดเขาสูงชันไกลจากตัวเมือง ถ้ามองจากมุมสูงจะเห็นเรือเหาะสองลำจอดตรงข้ามกัน
หัวหน้าแมงมุมผู้ถูกสัตย์สาบานบังคับไม่ให้ติดต่อกับคนในแก๊งกับใช้เน็นไม่ได้ยืนอยู่ไกลออกไป
เขาประจันหน้ากับนักมายากรที่ลงมาพร้อมกัน
“ฉันรอเวลานี้มาตลอด...”
ฮิโซกะแย้มยิ้ม
ถอดเสื้อออกเผยให้เห็นแผ่นหลังที่มีกล้ามเนื้อแน่น รอยสักแมงมุมปลอม ๆ
ที่ถูกสร้างด้วยเน็นเด่นหราอยู่บนนั้น -- มือจิกกระชากมันออก
นับแต่นี้เขาไม่ใช้แมงมุมอีกต่อไป
“เอ้า มาสู้กันเถอะ ♥”
คุราปิก้ามองใบหน้าด้านข้างของเด็กสาว
เธอมองไปข้างล่างเมื่อเรือเหาะลอยขึ้นสูง
จับจ้องไปที่คุโรโร่กับฮิโซกะที่อยู่ข้างล่างด้วยแววตายากจะอ่านออก
กอร์นกับคิรัวร์นั่งอยู่ข้างกัน ปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนกันทั้งคู่
เขารู้ว่าเน็นของเธอคือการเทเลพอร์ต
หากเธอใช้มันเพื่อเขา หากเธออยู่ข้างเขา ทุกอย่างก็คง—
‘การจะเข้าใจนายได้
ทุกคนต้องยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อให้นายได้ล้างแค้นงั้นเหรอ...คุราปิก้า’
เขากำหมัดแน่น
ก่อนจะคลายออก
ไม่
...แค่นี้ก็เกินพอแล้ว
-----
“ช่างน่าสงสาร”
“ใช่ น่าสงสาร”
แววตาเวทนาสองคู่ช้อนมอง
สองมือกอบกุมประสานกัน วางลงบนแผ่นอกก่อเกิดเป็นแสงสีม่วงสว่างออกมา
ปาคูโนด้ามองสองฝาแฝดตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ
คุเรฮะยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น
ดวงตาเย็นชามองมาราวกับเธอเป็นผลงานชิ้นเยี่ยม
หญิงสาวร้องถาม
“อะไรที่ว่าน่าสงสาร?”
เด็กสาวตัวเล็กราวกับตุ๊กตาเหลือบมองไปทางคุเรฮะ
ถอนหายใจช่วยไม่ได้ สีหน้าท่าทางทุกอย่างถอดแบบกันออกมาได้ไม่ผิดเพี้ยน
“ถูกเรียกตัวมาเพื่อใช้กับเรื่องแบบนี้ ไร้สาระชะมัด”
แฝดอีกคนนึงเอ่ย
ชักหัวคิ้วเข้าหากัน
“ทั้งที่ยังไงก็ไม่รอดแท้ ๆ”
ไม่รอด
...นั่นหมายถึงเธองั้นหรือ?
ใช้เวลาไม่นานแสงสว่างก็มอดลง
ฝ่ามือของทั้งสองคนผละออกไป คาดเดาว่าเป็นเน็นสายพิเศษไม่ก็สายแปรสภาพ
เพราะขณะที่ใช้ฝาแฝดสองคนนี้กุมมือกันไว้ตลอดเวลา
“เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ คุเรฮะ”
ปาคูโนด้ามองเด็กสองคนพลางเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ
ทั้งการร่วมมือกับคนใช้โซ่ ทั้งการเรียกตัวผู้ใช้เน็นสองคนให้มาทำอะไรสักอย่างกับเธอ
ทั้งหมดนี้น่ะ— “เพื่อให้แน่ใจว่าฉันจะไม่ผิดสัตย์สาบานงั้นสิ?”
เด็กสาวยื่นมือออกมา
แตะลงบนฝ่ามือของเธอ
“หัวหน้าล่ะ?”
คำถามแรกจากฟิงค์ส่งมาทันทีที่กลับมาถึงรัง
แมงมุมทุกคนรอคอยคำตอบด้วยใบหน้าจดจ่อ
การปล่อยตัวปาคูโนด้าไปกับตัวประกันคือการคาดหวังว่าจะได้หัวหน้ากลับมา
หญิงสาวผมบลอนด์สั้นเดินเข้ามาพร้อมปืนในมือ
สีหน้าสงบนิ่ง
“เขาไม่มาแล้วล่ะ”
“ได้ไง!? ลองชี้แจงมาซิ!”
ฟิงค์โวยลั่นก่อนจะขยับมือจนมีเสียงกร๊อบ เขาจ้องปาคูโนด้าตาเขม็ง
“ถ้าตอบไม่ดีก็เตรียมตัวไว้เลย”
“อย่าห่วงน่า แทนที่จะเล่า...”
กริ๊ก
ออร่าพวยพุ่งขึ้นมาครอบคลุมตัวปาคูโนด้ากับปืนในมือ
ท่าทีปล่อยวาง ไร้ความคิดที่จะปะทะกับใคร -- กระสุนที่ยิงได้หกนัดต่อครั้ง เท่ากับจำนวนสมาชิกตอนที่ตั้งแก๊งส์พอดี
...ความสามารถเน็นของเธอ
หากบอกข้อมูลเจ้าคนใช้โซ่กับทุกคน
หัวใจของเธอจะแหลกเป็นชิ้น
ๆ
ปาคูโนด้ายกปืนขึ้น
จ่อหน้า
“เฟย์ตัน ฟิงค์ มาจิ โนบุนากะ ชาร์แน็ค แฟรงคลิน
—จะเชื่อใจฉัน แล้วรับไว้ได้ไหม?”
ปัง!
♝
หลังจากจบเหตุการณ์แลกเปลี่ยนตัวประกันกับกองโจรเงามายา
คุราปิก้าก็กลับมานอนซมเป็นไข้อยู่ในห้องพักโทรมๆ
พวกเลโอลีโอปรึกษากันว่าจะพาไปหาหมอที่รู้จักกันแทนโรงพยาบาลเพื่อไม่ให้เสี่ยงถูกตามเจอ
ร่างโปร่งบางนอนหายใจติดขัดอยู่บนฟูกเก่าสกปรก
เงาสีดำทาบลงมาบนใบหน้า
สัมผัสเย็น ๆ
ทาบลงบนหน้าผากร้อนระอุ
“...”
เด็กสาวดึงมือกลับมา
รั้งผ้าห่มให้ขึ้นคลุมถึงคอด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ฟังจากที่พวกเซ็นริทสึปรึกษากัน
พวกนั้นคิดว่าการไม่สบายครั้งนี้ไม่น่าใช่เพราะเหนื่อยหรือไม่สบาย
อาจจะเพราะความเครียดในช่วงปะทะกับแมงมุมที่เพิ่งผ่านไป
เธอเองก็ไม่ต่ากัน
ทั้งตากฝนนานหลายชั่วโมง ทั้งร่างกายยังไม่หายดีจากการโดนรุมทำร้าย
ลมหายใจตอนนี้จึงร้อนกว่าปกติจนรู้สึกได้ -- แต่เทียบกับคนป่วยตรงหน้าแล้ว
ร่างกายเธอฟื้นฟูเร็วกว่าจนเห็นได้ชัด
ร่างเล็กขยับกาย
เตรียมลุกขึ้น
หมับ
“...ขอโทษ”
เอ่ยติดขัดเสียงแหบพร่า
ฝ่ามือที่เอื้อมคว้าร้อนผะผ่าว ใบหน้าแดงก่ำจากอาการป่วยปรือตาขึ้นมอง เอ่ยซ้ำ
“ที่ฉันพูดไปไม่คิด ..ขอโทษนะ”
ดวงตาสีแดงเสี้ยวหลุบมองครู่หนึ่ง
ฝ่ามือที่จับแขนเธออยู่สั่นระริก ใบหน้าสวยของชายหนุ่มช้อนมอง
เว้าวอนด้วยความสำนึกผิด
เธอถอนหายใจ
“ฉันต่อยหน้านายไปแล้ว ถือว่าหายกัน”
แต่ถ้ามีครั้งต่อไป
ตอนต่อยจะเล็งให้จมูกยุบเลยคอยดู
เสียงจอแจในโรงประมูลขนาดใหญ่ดังก้องไปทั้งสถานที่
งานประมูลเดอะซันบีชเป็นงานประมูลเดียวที่นำตลับเกมกรีดไอร์แลนด์ออกมาประมูล
ผู้คนในชุดราตรีและสูททักซิโด้เดินสวนกันไปทั่วงาน
เกมกรีดไอร์แลนด์
--
เป้าหมายแรกเริ่มที่ทำให้มายังยอร์คชิน คิดแล้วก็อดกุมหัวไม่ได้ อะไรทำให้แผนผกผันมาเกี่ยวข้องกับการไล่จับกองโจรเงามายาได้นะ?
แต่บ่นไปก็เท่านั้น
เรื่องความมุทะลุที่เข้าไปหาเรื่องใส่ตัวก็ถูกเธอโมโหแล้วทำโทษให้จำไปบ้างแล้ว
อย่างไรเสียพวกนั้นก็ไม่ใช่เด็กที่เธอต้องมาคอยประคบประหงม
ประสบการณ์จะเป็นครูสอนทุกอย่างให้เอง
เด็กสาวตาสองเฉดสีกระชับเนคไท
ชุดสูทเสื้อกั๊กดำแดงที่ไม่ได้เห็นมานานถูกหยิบมาใส่อีกครั้ง
แต่ถูกเหมือนมันจะคับลงแถมกางเกงสั้นกว่าที่คิด สงสัยเธอสูงขึ้นอีกแล้ว
ส่วนพวกกอร์น
เห็นว่ากำลังคิดจะใช้ ‘มหาเศรษฐีบัตเทเลอร์’
ที่มาประมูลเกมเป็นตัวผ่านทางเพื่อเข้าถึงกรีดไอร์แลนด์ ถือว่าความคิดไม่เลว
ถ้าแผนที่พวกนั้นตกลงกันเองใช้ได้ผลก็ดีไป แต่ถ้าไม่อันนี้ก็อีกเรื่องนึง
“ร้ายนักนะ”
เสียงใสราวตุ๊กตาแก้วดังระยะประชิด
เด็กสาวตาคมที่ยืนหลับตากอดอกพิงกำแพงลืมตามอง
ฝาแฝดผมลอนสวยยืนทำหน้ามุ่ยในชุดโกธิคโลลิต้าฟูฟ่อง
เซเรเน่
สกอร์เปียนและเซเรน่า สกอร์เปียน
ฝาแฝดจากตระกูลแมงป่อง
พันธมิตรของคราวน์
พวกเธอถูกยืมมือให้มาช่วยเรื่องบางเรื่อง
เดิมทีก็ไม่ค่อยสนิทหรือรู้จักกับผู้สืบทอดคราวน์คนนี้สักเท่าไหร่ ไม่สิ
พูดให้ถูกคือพวกเธอไม่ค่อยอยากจะสนิทกับยัยหน้าตายคนนี้เท่าไหร่นัก
สองพี่น้องพากันมองไม่พอใจ
“คิดจะใช้ก็ใช้ พอหมดประโยชน์ก็ทิ้ง”
“ก็ไม่ได้ทิ้งซะทีเดียวนี่” ใบหน้าคมคายคลี่ยิ้ม
ผมกลับมารวบสูงเหมือนเดิมสยายกว้าง “ค่าตอบแทนก็ให้ไปสมน้ำสมเนื้ออยู่
...หรือพวกเธอหวังอย่างอื่นอีก?”
คนนึงทำเสียงขึ้นจมูก
ส่วนอีกคนหันหน้าหนี ...พวกเธอคิดไปเองรึเปล่านะ
ว่าใบหน้าของคนที่วางแผนทุกอย่างราวกับกำลังเดินหมากรุกตรงนี้ช่างเจ้าเล่ห์ซะไม่มี
ช่างเหมือนกับท่านผู้นั้นเข้าไปทุกที
“เธอตั้งใจให้ผู้หญิงคนนั้นติดหนี้ชีวิต”
“เธอคนนั้นช่างโชคร้ายซะจริง”
เอ่ยมาคนละประโยคราวกับเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
แต่ลึก ๆ ในใจยอมรับว่าการวางแผนของคุเรฮะนั้นน่ากลัวหากคิดเป็นศัตรูด้วย
ในเวลาที่ฉุกละหุกแบบนั้นยังสามารถวางตัวหมากให้เดินไปตามที่ต้องการได้
คนตัวสูงกว่าจุดยิ้มมุมปาก
“ความสามารถของปาคูโนด้าเป็นประโยชน์แถมหายาก ฉันอาจต้องใช้เธอในอนาคต”
อสรพิษสมชื่อ
“แล้วไงต่อ มาเพื่อบ่นฉันว่าเลวที่ใช้ประโยชน์จากคนอื่น?”
คิ้วเลิกขึ้นสูง
ก่อนจะสูงขึ้นไปอีก แสดงออกว่าแปลกใจกับคำพูดที่ได้ยิน
“เปล่า
แค่จะมาถามว่าช่วงนี้ผู้สืบทอดอีกคนที่ชื่อเซ็นจิเหมือนจะมีผู้คุ้มกันเพิ่มขึ้นนะ
ส่วนเธอไหงมาอยู่กับคนพวกนั้นกันล่ะ ...เอาไว้เป็นเกราะป้องกันกระสุนรึไง?”
แอบหลุดหัวเราะออกมานิดๆ
เลย
“ฉันช่างหัวตระกูลบัดซบนั่นไปแล้ว เซเรเน่”
แฝดพี่ที่ถูกขานชื่อถูกคนสะดุ้งออกมา
การแยกพวกเธอว่าใครเป็นใครแทบไม่มีใครทำได้เลย
เพราะพวกเธอจงใจเหมือนกันหมดทุกอย่าง
แต่ยัยนี่กลับ...
“บอกเรื่องคราวน์ไปตรง ๆ แบบนั้นจะดีเหรอครับ นายน้อย”
เดเรค
พ่อบ้านประจำตัวที่เป็นคนไปติดต่อกับฝาแฝดตระกูลแมงป่องให้ก้าวขาออกจากมุมทางเดิน
คุเรฮะยักไหล่ทีนึง
ดวงตาคมกริบจ้องร่างเล็กกว่าสองคนหายไปกับฝูงชนในงาน พวกเธอดูตกใจไม่น้อย
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องให้ใส่ใจเท่าไหร่ ก่อนจะหันกลับมา “ก็ฉันไม่สนใจมันแล้วจริง ๆ”
เธอหัวเราะหึ
“แอบแปลกใจเหมือนกันที่นายยังอยู่กับฉัน ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น”
แต่มันไม่สำคัญอีกแล้ว
เพราะต่อจากนี้สิ่งยึดเหนี่ยวของเธอไม่ใช่คำว่าคราวน์อีกต่อไป
ดวงตาสีผสมมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ถูกตั้งเป็นรูปเด็กสามคนกอดคอถ่ายรูปกัน
ท่ามกลางธรรมชาติและป่าสีเขียว -- เธอหลุดยิ้มบางออกมา นิ้วปัดหน้าจอไปอีกด้าน
ภาพหมอนั่นตอนหลุดเอ๋อหลังจากรู้ว่าคุโรโร่ใช้เน็นไม่ได้ก็ตลกชะมัด
จะว่าไป
ลืมบอกเลยแฮะว่าสายรัดขาดไปแล้ว
พ่อบ้านผมสีเทายาวยังคงยิ้มตาปิดมองภาพทุกอย่าง
จนกระทั่งนายน้อยของเขาเดินแยกตัวออกไปเพราะเสียงเริ่มงานประมูล
คงกลับไปนั่งกับเด็กชายสองคนนั้น
เด็กที่ก้าวเข้ามาเปลี่ยนแปลงเจ้านายตัวน้อยของเขาเอง
ไม่สิ
ความเปลี่ยนแปลง...มันเริ่มจากท่านเชสเตอร์ที่คิดปล่อยมือจากเธอนี่นะ
-----
ในสวนของตระกูลคราวน์
จุดๆ นึงที่มีดอกไม้สีแดงเลือดเบ่งบานตลอดปีแค่ที่เดียวมีชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้น
ใบหน้ายิ้มแย้มไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก้มลงปัดกลีบดอกไม้ที่ร่วงโรยทับถมจนเต็มพื้นที่ออก
เปลือกตาเปิดขึ้น
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองไปยังป้ายหลุมศพแบนราบที่ปรากฏใต้กลีบดอกไม้
รอยยิ้มจางลง
เขาค้อมหัวให้
“นายน้อยเติบโตขึ้นอีกแล้วละครับ นายท่าน.”
__________C
H E C K M A T E__________
ความคิดเห็น