คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #49 : Chapter 37 | คำทำนายจากบทโคลง
♝
Chapter 37
“ฟีโอ”
หญิงสาวผมปลายสีน้ำเงินหยุดเดิน
ด้านหลังเป็นพี่สาวฝาแฝดที่เอ่ยเรียก
ฟีโอนิกซ์คนพี่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่แสนอ่อนโยนเหมือนเคย
“ฟีล”
ผู้เป็นน้องเอียงหัว
“พาเจ้ากระต่ายนั่นไปส่งแม่แล้ว?”
“เจ้ากระต่ายอะไรกัน
ถึงจะขี้กลัวแต่ซีริลก็อายุมากกว่าพวกเราตั้งสองปีนะ” ฟีลป้องปากขำ แฝดน้องของเธอช่างเปรียบเทียบได้น่ารักซะจริง
หญิงสาวสองคนในชุดคล่องตัวเดินเคียงกันบนทางเดินคฤหาสน์
พรมสีแดงสวยปูเป็นทางยาว พวกเขากลับมาที่บ้านกันหมดยกเว้นคุเรฮะที่หนีหายไป
แน่นอนว่าเซ็นจิที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านถูกนายหญิงใหญ่ประคบประหงมยิ่งกว่าลูกไก่เพิ่งเกิด
พวกเธอหยุดยืนที่หน้าต่างบานนึง
ทอดสายตามองไกลออกไป
“คุเรฮะชอบมานั่งเล่นตรงนี้บ่อย ๆ
สินะ”
“อืม” ฟีโอพยักหน้ารับ
มือกอดอกเอนพิงขอบ
วิวจากตรงนี้มองเห็นสวนหน้าบ้านได้เกือบจะทั่วทั้งหมด
ต้นไม้สีเขียวอ่อนแก่ผสานกันราวกับภาพจิตรกรรม
เจ้าของดวงตาแดงเสี้ยวยิ้มหยีเมื่อเห็นลำตัวขนาดใหญ่ที่มีเกล็ดวาวเคลื่อนผ่านจุดนึงในพื้นที่สีเขียว
สัตว์เฝ้าบ้านที่เธอชอบไปดูแลบ่อย ๆ
“ฟีล”
กะพริบตาเมื่อน้องสาวใบหน้าพิมพ์เดียวกันเรียก
เธอครางรับ “ว่าไง”
“คิดว่าคุเรฮะจะรับไหวไหม”
เจ้าของผมสีดำแซมปลายน้ำเงินหลุบตาลง “เรื่องทั้งหมดน่ะ...”
ฟีลผู้เป็นพี่คลี่ยิ้ม
เธอลอบมองน้องสาวฝาแฝดที่เหมือนกันแค่รูปร่างหน้าตา แต่ตาเธอสีแดงเสี้ยว
ตาฟีโอสีน้ำเงินเสี้ยว ปลายผมเธอสีแดง ปลายผมฟีโอสีน้ำเงิน
สีน้ำเงิน
สีที่ดันผ่าเหล่าไปเหมือนสายตระกูลรองซัลลิแวน
...เอกลักษณ์ที่ถูกเหมารวมว่าเป็นพวกเดียวกันโดยพวกคลั่งสายเลือด
“นังเด็กเลือดผสม!”
ภาพของนายหญิงที่หนึ่งที่ต่อว่าน้องสาวของเธออย่างหยิ่งผยองทั้งยังสาดเสียเทเสียใส่คุเรฮะ
ทำให้เธอเผลอจิกเล็บยาวลงบนขอบหน้าต่าง ดวงตาสีแดงเสี้ยวของสายตระกูลหลักวาวโรจน์
กล้าดียังไงมาชี้หน้ากล่าวหาคนอื่น ...ทั้งๆ
ที่ตัวเองนั่นแหละ สายเลือดพวกทรยศตัวจริง
คาเรนซา ซัลลิแวน คราวน์
ปากบอกแต่งเข้าตระกูลหลักและตัดขาดตระกูลเก่าไปแล้ว
แต่พวกเธอรู้กันดีว่านั่นมีคำลวงผสมอยู่ด้วย
‘นังผู้หญิงตอแหล’
หญิงสาวขี้เล่นที่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าอยู่เสมอคลี่ยิ้มสวนทางกับความในใจ
ภาพลักษณ์พี่สาวที่แสนอ่อนโยนในสายตาพี่น้องทุกคนที่เธอ เอ็นดู คือสิ่งที่เธอทำเป็นประจำไม่ขาด
คุเรฮะจะรับเรื่องทั้งหมดไหวไหมงั้นหรือ...?
“ต้องรับได้สิ”
เธอบีบไหล่มนของแฝดน้อง
“แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้...”
...ไม่งั้นเธอคงยิ้มไม่ออกแน่
หากต้องเสียน้องสาวที่เธอเอ็นดูที่สุดไปอีกคน...
[รออยู่ที่สวนสาธารณะดีโรด!!
กอร์น•คิรัวร์]
คุราปิก้ามองข้อความที่ถูกส่งมา
เขายืนนิ่งบนดาดฟ้าสูง ในอกยังคงเป็นรูโหว่ใหญ่เมื่อได้ข่าวว่ากองโจรเงามายาตายแล้ว
และเขาเห็นศพนั่นมากับตาที่ตึกเซเมทรี่
ดวงตานิ่งเรียบมองวิวด้านล่าง
เขาไม่รู้เลยว่าต้องจัดการความรู้สึกในตอนนี้ยังไง
เขาไม่รู้เลยว่าเขาต้องทำอะไรต่อไป...
แกร๊ก
อีกฝั่งหนึ่ง เด็กสาวบนดาดฟ้าตึกร้างกดปิดมือถือ
ด้านล่างคือพวกเงามายาทุกคนกินเหล้าเฮฮาจนรุ่งสาง
เรือนผมยาวสีดำปลายแดงปลิวสะบัดตามแรงลม
ชุดคนป่วยถูกเปลี่ยนเป็นคอเต่าแขนกุดสีดำกับกางเกงขาสั้น
เมื่อไม่สวมเสื้อแขนยาวจึงใส่ที่ปลอกแขนเพื่อปิดรอยแผลเป็นต่างๆ แทน
“ลมแรงแบบนี้ผมจะยุ่งเอานะ”
คุโรโร่ในชุดเสื้อหนังคลุมไหล่เปลือยกล้ามอกเดินเข้ามา
เขาเหลือบมองกระป๋องเบียร์ที่กองเกลื่อน
ก็ว่าอยู่เจ้าฮิโซกะมันหอบลังเบียร์สองสามลังไปไหน
เขาย่อตัวนั่งยองๆ บนขอบตึกสูงข้างกัน
ในมือเด็กน้อยยังถือคาไว้กระป๋องนึง
ดวงตาที่เขาเคยมองว่าสวยตอนนี้มันเหมือนกระจกใสที่กั้นน้ำเอาไว้
เหมือนจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ เหมือนรอยร้าวจะขยายเพิ่มตลอดเวลา
แตกสลาย จะว่าอย่างนั้นก็ได้
ราวกับมันไม่มีอะไรให้เอื้อมไปแตะได้อีกแล้ว
“อีกสักพักเราจะประชุมเรื่องย้ายรังกัน
กินให้เสร็จแล้วตามลงไปด้วยล่ะ”
เขารู้ว่าเธอไม่ใช่แมงมุม
แต่เป็นความตั้งใจของเขาเองที่ต้องการให้เธอมารับรู้แผนต่อไปด้วย
ก่อนพวกเรา ไม่สิ
ก่อนเขาและเธอจะแยกทางกัน
ดวงตาสีดำขลับเหมือนลูกแก้วมองรายละเอียดที่เพิ่มขึ้นมาตรงปลายผม
สีแดงไม่ต่างจากเลือดพลิ้วตามลม มือยื่นไปคว้ามาแล้วจรดปลายจมูกแตะเบาๆ
‘เหมือนจริง ๆ’
เขามองเด็กที่ไม่ต่างจากตุ๊กตาถ่านหมดตรงหน้า
ถอนหายใจอย่างไร้ประโยชน์ทีนึงก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป
ทันทีที่เสียงฝีเท้าหายไปจากชั้นดาดฟ้า คนที่นั่งนิ่งมาตลอดก็เริ่มขยับตัว
มือยกเบียร์กระป๋องสุดท้ายดื่มจนหมด
ก่อนจะบี้เป็นเศษเหล็กโยนไปข้างหลัง รู้ดีว่ากินไม่ก็ไม่ช่วยอะไร
แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอรู้สึกดีกว่าเดิม
นัยน์ตาบิดเบี้ยวที่อัดความรู้สึกแน่นเหลือบมองข้อความในมือถืออีกครั้ง
เปรี๊ยะ
เสี้ยวพลังสีดำวาบขึ้นมารอบตัวเธอบางเบา
♝
“หมายความว่ายังไง?”
น้ำเสียงของโนบุนากะแข็งกร้าว
“—ที่บอกว่าให้ถอนตัวน่ะ”
“ก็อย่างที่บอก
คืนนี้เราจะไปกันแล้ว” คุโรโร่นั่งบนซากคอนกรีตพัง ๆ
แมงมุมทุกคนกระจายรับฟังตามจุดต่างๆ “วันนี้เราได้สมบัติทั้งหมดเรื่องก็จบแค่นั้น”
“ยังไม่จบไม่ใช่เรอะ”
ในวันวาน เสียงหัวเราะไร้เดียงสาของกลุ่มเด็กวิ่งไล่จับกันดังไปทั่วลานขยะ
กองสูงของสิ่งที่ไม่มีใครต้องการกลายเป็นฐานให้เหยียบขึ้นไปยังจุดสูงสุด
ความสนุกในวัยเยาว์ ยังคงจำได้ไม่ลืมเลือน
...แต่ถึงอย่างนั้น แม้จะเตรียมใจเอาไว้แล้ว
แต่การสูญเสียพวกพ้องที่เป็นดั่งเพื่อนสนิทไปก็ยากจะทำใจได้ลง
“ต้องหาตัวคนใช้โซ่ให้พบ”
คุโรโร่มองนิ่ง
แฟรงคลินที่นั่งฟังมาตั้งแต่แรกเอ่ยปราม “โนบุนากะ พอทีน่า
นี่เป็นคำสั่งของหัวหน้านะ”
“นี่เรอะคำสั่งในฐานะหัวหน้า?
หือ คุโรโร่”
บรรยากาศอึดอัดฟุ้งไปทั่วบริเวณ
ร่างเล็กในชุดสีดำคล่องตัวเดินลงมา ดวงตาสีแดงเสี้ยวไร้อารมณ์หรี่มองทุกคนที่นิ่งเงียบราวกับลาวาที่รอการปะทุ
“คุเรฮะ ผมนั่น—”
ฮิโซกะไปพาเธอกลับมาตั้งแต่เมื่อคืน
แต่เธอหมกตัวอยู่บนดาดฟ้าไม่ยอมลงมาจนกระทั่งตอนนี้
ทุกคนเปลี่ยนจุดรวมสายตามาที่เด็กสาว
ทำไมพวกเขาถึงเผลอคิดว่านั่นไม่ต่างจากอสรพิษที่กำลังเลื้อยลงมาจากบัลลังก์กัน
คุโรโร่ยิ้มมุมปาก
เขายื่นมือไปรับเด็กน้อยที่เชิญมา คุเรฮะเหลือบมองแต่ก็ยอมจับฝ่ามือหนานั้น
กระตุกเบาๆ ดึงร่างเล็กลงมานั่งบนขาข้างนึงให้เขาโอบ
ฮิโซกะที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหรี่ตาลงจนเป็นจันทร์เสี้ยว
“โนบุนากะ”
เจ้าของรอยสักกางเขนกลับหัวบนหน้าผากเอ่ยเรียก
หนังสือสีแดงปรากฏบนฝ่ามือด้วยเน็นสายพิเศษ
“ตอบคำถามฉันหน่อย”
“แปลกจัง
คุเรฮะไม่เห็นตอบอะไรมาเลย”
กอร์นขมวดคิ้วสงสัย
มองโทรศัพท์ในมือที่ข้อความไปหาอีกฝ่ายหลายต่อหลายครั้ง จนตอนนี้พวกเขาทั้ง 4 คนมาพบหน้ากันแล้ว
ขาดแค่คุเรฮะคนเดียวเท่านั้น
“นั่นสิ แมงมุมโดนจัดการแล้วไหงถึงไม่ยอมโผล่หน้ามาซะทีนะ”
คิรัวร์เลียอมยิ้มในมือแผล่บ
ถึงจะแอบหงุดหงิดหน่อย ๆ
เพราะเธอไม่ยอมบอกอะไรเลยตั้งแต่พบกันครั้งสุดท้ายในรังแมงมุม แต่เพราะเป็นคุเรฮะ
เขาจึงกล้าเชื่อว่าเธอเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว
เดี๋ยวก็คงกลับมาในไม่ช้านั่นแหละ
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายัยนั่นจะไปเข้าร่วมกับกลุ่มแมงมุมได้!”
เลโอลีโอขยี้หัวไม่เข้าใจ คุราปิก้าหลุบตาลงเล็กน้อยยามนึกถึงคำเตือนที่ถูกขู่มา
“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน...”
“เอาน่าทุกคน
เอาไว้คุเรฮะกลับมาเราค่อยจับตัวไว้แล้วถามเรื่องทั้งหมดเอาก็ได้!” กอร์นยิ้มร่าเริง
เขาเชื่อใจคุเรฮะ เธอต้องอธิบายให้ฟังเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแน่
คิรัวร์หัวเราะ “หึ ฉันจะยืดแก้มให้เขียวเลย
คอยดูเถอะ!”
เลโอลีโอดันแว่น
“งั้นเราเข้าไปคุยข้างในที่พักกันเถอะ
ฉันอยากรู้จะแย่แล้วว่าพวกนายไปทำอะไรกันมา โดยเฉพาะคุราปิก้าน่ะ!”
♝
“คนที่จะตายอาทิตย์หน้าคือฉันเอง”
ชิซึคุยกมือ
เธอขอให้คุโรโร่ใช้ความสามารถในการทำนายที่ ขโมย มาจากเนออน
นอสทราดทำนายให้เธอต่อจากโนบุนากะ
เพราะคำทำนายของโนบุนากะมันระบุไว้ว่าอาทิตย์หน้าจะมีคนในกลุ่มตายถึงห้าคน
“จริงเรอะ?” แฟรงคลินยื่นหน้าเข้าไปส่อง
“อื้อ ก็มันทำนายไปแค่อาทิตย์ที่สองนี่นา
แล้วปาคูโนด้ากับชาร์แน็คก็ตายด้วย ส่วนเนตรสีเพลิงเป็นใครก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“รู้ได้ไง?” โนบุนากะเลิกคิ้ว
“ดูเหมือนเดือนในปฏิทินจะเป็นตัวบอกหมายเลขของสมาชิกน่ะ
...เดือนพฤษจิกาคือเดือน 11 หมายเลขของอุโบ”
“ถูกต้อง เบญจมาศบอกใบ้ว่าเป็นเดือนกันยา
ใบคือเดือนสิงหา แห้งเหี่ยวคือมิถุนา
แล้วคำว่าเหี่ยวแห้งโรยร่วงก็บ่งบอกถึงความตาย” คุโรโร่เอ่ยเสริม
เขากระชับเด็กสาวที่เอนพิงอกเขาแล้วหลับตางีบไปเงียบ ๆ
“เนตรสีเพลิงไม่ได้บ่งบอกถึงพวกเราคนใดคนหนึ่งเรอะ
น่าจะเป็นคนใช้โซ่มากกว่า” ฟิงค์วิเคราะห์ออกมาได้เฉียบขาด
อย่างน้อยด้านสมองเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าด้านพละกำลังสักเท่าไหร่
“เนตรสีเพลิง...”
ปาคูโนด้าแตะคางคิด “ฉันนึกออกแล้ว เจ้าพวกที่ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง”
เฟย์ตันเลิกคิ้วข้างนึง “ยังมีรอดอยู่อีกเรอะ”
ฟิงค์เท้าคางอ่านโคลงทำนายในกระดาษของชิซึคุ “หมายถึงเจ้าคนนั้นก็ต้องตายด้วยรึ? ไม่รู้แฮะ
บอกแค่เลือดโทรมทอดกายเหนือแผ่นดิน”
“ทีนี้เข้าใจรึยังโนบุนากะ
ขืนนายดึงดันจะสู้กับเจ้าคนใช้โซ่ต่อเราจะเสียหายยับเยิน
เสียกำลังไปครึ่งนึงเชียวนะ”
ชาร์แน็คกอดอก เขาเอ่ยด้วยสีหน้าปกติ
“ความสามารถของฉันหรือโนบุนากะน่ะหาคนแทนได้ไม่ยากหรอก
แต่อย่างชิซึคุหรือปาคูโนด้าน่ะหายากนา เป็นสมาชิกกลุ่มที่เราจะสูญเสียไปไม่ได้”
คุโรโร่หลับตา
ลอบแปลกใจที่ตัวตนของคนในอ้อมกอดมันเลือนรางกว่าที่เคยเป็น เขาอ้าปากเอ่ย
“วันนี้เป็นวันเสาร์แรกของเดือนกันยา
ถ้าเรากลับฐานภายในวันนี้ อาทิตย์หน้าก็ไม่ต้องเจอกับคนใช้โซ่
...ประโยชน์สูงสุดของการทำนายคือให้โอกาสหลีกเลี่ยงเรื่องร้าย ๆ ได้
ถ้าพวกเราออกจากที่นี่ เลี่ยงการต่อสู้กับเจ้าคนใช้โซ่ได้
โอกาสที่คำทำนายว่าพวกเราจะตายอาจเกิดไม่ถึง 100%”
คุเรฮะลืมตาขึ้น นัยน์ตาว่างเปล่า
ทุกสิ่งที่แมงมุมคุยกันถูกสลักจำในหัวของเธอทุกอย่าง
“โนบุนากะ
การตายในระหว่างการจู่โจมเป็นส่วนหนึ่งในหน้าที่ของนายกับอุโบ
พวกนายเลือกเองไม่ใช่เรอะว่าจะเป็นพวกกองหน้าบุกทะลวงน่ะ?”
“...ใช่แล้ว”
เขาตอบคุโรโร่เสียงแผ่ว
“ส่วนชิซึคุ ปาคู
ชาร์เป็นหน่วยหาข่าวสารกวาดล้าง เป็นเหมือนเส้นชีวิตที่คอยช่วยในการเคลื่อนไหวทั้งร่างของพวกเรา
การใช้ตัวเองเป็นโล่คุ้มครองพวกนี้เป็นหน้าที่ของนายไม่ใช่เรอะ? ใช่รึเปล่าล่ะ”
หัวหน้าแมงมุมถามย้ำ
“คนที่ลืมหน้าที่ในกลุ่ม
ดึงดันจะทำตามใจตัวเองน่ะ ฉันหรือว่านายกันแน่ ...มีอะไรจะพูดอีกไหม?”
โนบุนากะนิ่งไป
“ไม่มีแล้ว”
เสียงฝนพรำด้านนอกรังแมงมุมสะท้อนเข้าประสาทการรับฟังมาเป็นสาย
ฮิโซกะมองการประชุมของแมงมุมที่เริ่มไปในทิศทางเดียวกันด้วยใบหน้าไม่สื่ออารมณ์ใดเป็นพิเศษ
มือเรียวกดส่งข้อความไปหาชนเผ่าคูลท์คนสุดท้าย
ติ๊ด
[ศพเป็นของปลอม ⭐]
♝
“คุเรฮะ”
“ไม่เอา”
ไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำ
คุโรโร่ที่ทำนายให้กับทุกคนเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายถอนหายใจกับความดื้อรั้น
“อย่าลืมสิว่าเธอมาเกี่ยวข้องกับพวกเราแล้ว
คนใช้โซ่อาจจะเล็งเป้ามาที่เธอด้วยก็ได้”
จากที่ตอนแรกจะกลับรังหลัก
แต่เพราะคำทำนายของฮิโซกะปรากฏต่อสายตาทุกคน ทำให้คุโรโร่สันนิษฐานว่าเจ้าตัวถูกคนใช้โซ่ใช้ดาบแห่งกฎชีวิตเอาไว้และบีบบังคับให้บอกความสามารถเน็นของคนในกลุ่มไป
ทุกอย่างกลับตาลปัตรทันที กลายเป็นว่าแมงมุมอยู่ที่ยอร์คชินต่อซะนี่
ซึ่งมันเป็นแค่กลลวงของตัวป่วนหน้ายิ้มที่รั้งตัวหัวหน้าแมงมุมไว้
เหตุผลเดียวคือต้องการจะสู้ตัวต่อตัวกับคุโรโร่นั่นแหละ
พลิกลิ้นเก่งเป็นต่อยหอยเชียว
เด็กสาวผู้รู้ทันคนบางคนกอดอกไม่ยอมรับแผ่นกระดาษนั่น
ชายหนุ่มมองคนที่ถอยลงจากตักเดินลิ่วไปนั่งอีกทาง
“เพื่อความสบายใจไง”
หัวหน้าแมงมุมเกลี้ยกล่อม
“ของใคร?” เธอเลิกคิ้ว
“ของฉัน”
“...”
คุเรฮะจ้องตาสีดำล้ำลึกนิ่งนานเกือบนาที
ก่อนจะพ่นลมหายใจออกจมูก เธอยื่นมือไปรับกระดาษมาถือไว้แต่ก็ยังไม่ยอมอ่านอยู่ดี
กลัว ...ไม่สิ เธอก็แค่คนขี้ขลาด
ไม่ว่าคำทำนายจะเป็นแบบไหน
ก็ไม่อยากรับรู้ว่าในอนาคตจะถูกสายตระกูลทางฝั่งไหนหันมาแว้งกัดอีก
ทำทุกอย่างเพื่อคำว่าตระกูล
ทำทุกอย่างเพื่อคราวน์
เพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่เธอคอยยึดเอาไว้เมื่อความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่เหลืออะไรให้ไว้วางใจ
แต่ดูผลที่เธอได้รับ
คุเรฮะกัดริมฝีปากแน่น
ไม่ไหวหรอก --- มือกำกระดาษแน่นจนเริ่มเป็นรอยยับ
--- แผลลึกครั้งล่าสุดที่เธอได้รับมาน่ะ
...มันยังเจ็บอยู่เลย
“ไม่อยากอ่านงั้นฉันอ่านเอง ♠”
เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหูก่อนกระดาษในมือจะถูกฉกไป
สายตาของพวกมาจิหันขวับมาพร้อมเพรียง
เตรียมอ้าปากด่าเจ้าตัวตลกที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น
“โอ๊ะ”
ดวงตาเรียวหรี่ลง แววตาจริงจังพาดผ่านก่อนจะถูกแทนที่ด้วยสายตาหยอกล้อ
แน่นอนว่าคุเรฮะสังเกตเห็นทัน ก็อยู่ระยะประชิดขนาดนี้จนแก้มจะแตะกันอยู่แล้ว
“ดูเหมือนว่าเจ้าคนใช้โซ่จะไม่มายุ่งกับสลีปปี้แฮะ~”
ฮิโซกะเอ่ยเสียงดังให้แมงมุมทุกคนได้ยินกันชัดเจน
ชิซึคุที่อยู่ใกล้สุดชะโงกหน้าเข้ามาดูบ้าง
อีกฝั่งนึงคือมาจิที่เนียนยืดแขนอ้อมหลังคุเรฮะไปดันหัวเจ้าตัวตลกหน้าแป้นแล้นออกห่าง
“จริงด้วย
ไม่มีโคลงไหนเกี่ยวข้องกับคนใช้โซ่เลย”
ไม่มีคำว่าตายและไม่มีคำว่ายมทูตอยู่ในกระดาษ
ชิซึคุดันแว่นขึ้นก่อนจะร้องเอ๊ะออกมา
“แต่ท่อนที่บอกว่า ‘โครงกระดูกสีดำแดงจะกลับมาโอบกอดท่านอีกครั้ง’ นี่ไม่เข้าใจแฮะ มันหมายความว่าอะไรเหรอ?”
“กอดแบบไหนล่ะ แบบนี้—?”
หมับ!
เด็กสาวถูกดังเข้าไปกอดจากด้านหลังเต็มรัก
คางของนักมายากรวางลงบนหัวทุยแล้วถูไถ
—แต่สามวิหลังจากนั้นก็ถูกกระชากออกไปรับขนมตุ๊บตั๊บจากแมงมุมกันคนละไม้คนละมือ
“...” คุเรฮะไม่รู้จะพูดอะไร
ปล่อยเบลอไปละกัน
แต่เมื่อชิซึคุเอ่ยท่อนหนึ่งของโคลงคุเรฮะออกมา
บรรยากาศรอบตัวก็เงียบลง เจ้าของคำทำนายไม่เข้าใจนักแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
ต่างจากแมงมุมส่วนใหญ่ที่ราวกับรู้ความหมายแต่ไม่มีใครคิดเอ่ย
มาจิทำหน้านึกขึ้นได้
“หัวหน้า ขอถามข้อนึง”
เธอมองคุเรฮะที่ขยำกระดาษทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ
แต่อ่านคำทำนายแล้วและมันไม่มีอะไรน่าห่วง นอกจากเรื่องก่อนหน้านี้
“มีเด็กที่รู้รังลับที่นี่
ถึงพวกมันดูท่าจะไม่เกี่ยวกับเจ้าคนใช้โซ่ก็เถอะ แต่ยังไงก็อดกังวลไม่ได้”
“เด็ก?” คุโรโร่ทวน
โนบุนากะร้องอ๋อทันที
“จริงด้วย ลืมซะสนิทเลยหัวหน้า!
ฉันขอฝากเจ้าพวกนั้นเข้ากลุ่มด้วย!!”
“ที่ฉันพูดไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นซะหน่อย!”
มาจิแหวใส่
ท่ามกลางการปะทะกันเล็กๆ ของแมงมุม
เด็กสาวเท้าคางนั่งยอง ๆ
เอามืออีกข้างสางไปตามเส้นผมสีฮอตพิ้งค์ที่แกล้งนอนแบะคว่ำบนพื้นหลังถูกรุมกระทืบ
ลูบแปะเหมือนหยอกลูกหมาสักตัว
ฮิโซกะหันข้างมามอง ทำเป็นตาละห้อยใส่
คุเรฮะยิ้มเยาะเล็กน้อย ดวงตาสีแดงเสี้ยวที่มีรอยร้าวในนั้นจ้องลงมา
ยอมรับเลยว่าหลังจากที่คุเรฮะเข้ามาในวงแมงมุมมันทำให้เขาเบื่อมาก
แม้จะสนใจและสนุกในคราแรก แต่เพราะคุโรโร่และคุเรฮะเหมือนกันเกินไป
เข้ากันได้เกินไป ที่สำคัญคือคุโรโร่รู้จักคุเรฮะมากเกินไป
เขาเข้าไปแทรกในส่วนนั้นไม่ได้
นั่นน่าเบื่อจนหลายครั้งต้องมองหาของเล่นชิ้นใหม่ๆ
เพื่อกระตุ้นความสนุกของตัวเขาเอง ที่หยอกไปก็แค่ฆ่าเวลาไม่จริงจัง
แต่
‘อดีต’
ของเล่นชิ้นโปรดที่สนใจมาตั้งแต่การสอบฮันเตอร์
ตั้งแต่ไปรับกลับมาก็พบว่ามันพังและร้าวรานไปมากกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่เขาสังเกตได้
คุโรโร่ก็เห็น มาจิก็เห็น พวกปาคูก็เห็น ทุกคนรับรู้กันหมด
ยังยืนอยู่ได้
ไม่ปฏิเสธเลยว่าอะไรที่เพอร์เฟคมาก สมบูรณ์แบบมาก
เวลามันถูกทำลายลงไปก็ยิ่งสวยมาก รอยแตกร้าวและแผลตกสะเก็ดมันระยิบระยับล่อตา
—และคุเรฮะก็เป็นอย่างนั้น
กรงใสที่เคยล้อมรอบเธอไว้จากทุกอย่างคือสิ่งที่บีบอัดและบดขยี้ตัวเธอเอง
น่าเสียดายที่ลงมือเองไม่ได้ แต่แค่ได้เห็นก็เกินพอแล้ว
แค่นี้เสียงหัวใจข้างในมันก็เต้นแรงจนไม่รู้จะหยุดยังไงแล้ว
เฮ้อ
ชอบเป็นบ้า
__________C H E C K M A T
E__________
นิสัยฮิโซกะจริงๆ เขียนยากมากค่ะ
ยิ่งจะมาจับคู่กับใครสักคนยิ่งโคตรยาก นางสนใจไปทั่ว หยอกไปทั่ว บทจะสนก็สน
บทจะทิ้งก็ทิ้ง แต่ยอมรับว่าถึงจะยากแต่ก็สนุกดี แล้วตอนนี้ก็บอกชัดเลยว่าที่ผ่านมาเฮียแกไม่จริงจัง
แต่หลังจากนี้น่ะของจริงแล้วนะ
และที่ผ่านมาอาจเห็นว่าน้องเก่ง
แต่นั่นก็เก่งในฐานะเด็กคนนึงที่สิ่งแวดล้อมหล่อหลอมมาสุดๆ แล้ว
ตอนนี้ถ้ากลัวน้องก็ยอมรับเลยว่ากลัว น้องไม่ไหวแล้ว น้องพังไปหมด
(แต่ดันไปทำให้คนใจเต้นส่วนนี้เข้านี่สิ...)
//กอดน้องพร้อมหลบเท้าคนอ่านไปด้วย
ตอนนี้พลังปริศนาสีดำยังไม่มีบทเด่น
รอตอนหน้าเอานะ
ความคิดเห็น