ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HxH : Hunter x Hunter] CHECKMATE

    ลำดับตอนที่ #43 : Chapter 32 | ไม่แฟร์เลย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.98K
      450
      15 เม.ย. 63


    Chapter 32



    “ทาด๊า ♥”


    โจ๊กเกอร์หนุ่มผายมือไปทางด้านหน้า คุเรฮะที่เดินตามหลังเลิกคิ้วขึ้นสูงขณะมองตาม -- ภาพที่เห็นคือสวนสนุกที่ถูกทิ้งร้าง บรรยากาศรอบข้างอึมครึมวังเวง เครื่องเล่นต่าง ๆ กลายเป็นเศษเหล็กพัง ๆ ที่ไม่มีอะไรชวนให้น่าสนใจ

    มือขาวซีดภายใต้ถุงมือหนังเนื้อดีแตะลงบนตะขอเหล็กที่ผุพังของหุ่นกัปตันโจรสลัด สัมผัสเย็นชืดแทรกผ่านเข้ามาในถุงมือ

    “ถึงจะร้างไปหน่อย แต่แบบนี้ก็ดูน่าสนุกไปอีกแบบนา ♦”

    ฮิโซกะระริกระรี้น่าหมั่นไส้ แต่ก็เป็นเรื่องปกติจนชินตาไปแล้ว ร่างเล็กว่าเหลือบมองผู้ใหญ่ที่มองตามการเคลื่อนไหวของตัวเองจากทางด้านหลัง ราวกับกำลังคาดเดาปฏิกิริยาต่อไปของเธออยู่ยังไงยังงั้น

    “มีแผนอะไรอีกล่ะ?”

    “ลองเดาดู ♣” ใบหน้าหล่อร้ายวาดยิ้ม “ถ้าบอกก่อนก็ไม่ตื่นเต้นสิ จริงไหม?”

    ดวงตาคมกริบสีผสมหรี่ตามองคนมากเล่ห์ “เกี่ยวกับแมงมุมสินะ”

    ตั้งแต่เอาเธอเป็นเหยื่อล่อแมลงที่ยอร์คชิน -- เป้าหมายของตัวตลกดูยังไงก็เจาะจงไปที่บุคคลในกลุ่มของกองโจรอาชญากรรมระดับ A แม้จะเล่นลิ้นกับทุกคนไปทั่ว แต่เจ้าตัวดูเหมือนจะแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนตลอดเวลาอยู่แล้ว

    โดยเฉพาะกับหัวหน้าแมงมุม คุโรโร่ ลูซิเฟอร์

    ขณะที่กำลังหัวเราะคิกคักให้กับความรู้ทันของเด็กน้อย ดวงตาสีเหลืองอำพันก็พราวระยับ ทายาทคราวน์ที่แสนจะเรียบนิ่งราวกับทุกจังหวะชีวิตเริ่มพัฒนาขึ้น พัฒนาขึ้น

    เจ้าเด็กน้อยเริ่มมีสีสันแต้มเข้ามามากขึ้นทุกที

    ดวงตาคมกริบลึกลับราวกับอสรพิษที่ซุ่มเงียบ การเคลื่อนไหวที่ระมัดระวังตัวมากกว่าที่เคย เกราะกำบังที่สร้างขึ้นมาอย่างจงใจ ...ทุกอย่างทำให้นักมายากรอดเพิ่มระดับความพอใจไม่ได้ทุกครั้งไป

    ความสนใจในการเปลี่ยนแปลงของมือสังหารตัวเล็กเริ่มเบี่ยงไปประเด็นอื่น ร่างสูงของฮิโซกะก้าวเคียงไปกับเด็กสาว เดินลึกเข้าไปในสวนสนุกยามค่ำราวกับบ้านผีสิงขนาดใหญ่

    ริมฝีปากขยับขึ้น แสยะก็ไม่ใช่ อมยิ้มก็ไม่เชิง

    “สลีปปี้เป็นลูกคนเล็กงั้นเหรอ?”

    ใบหน้าที่มีแววคมคายตั้งแต่เล็กเลื่อนขึ้นมาสบตาจากด้านข้าง มีแววสงสัยระคนแปลกใจอยู่ในแววตา “ประมาณนั้น” เธอตอบ

    “เห็นอิรุมิเคยบอกว่าไม่ได้มีผู้สืบทอดคราวน์แค่คนเดียวด้วยนี่ สลีปปี้มีพี่น้องกี่คนอ่า หน้าตาพิมพ์เดียวกันกับสลีปปี้เยอะไหม!”

    ใบหน้าของเด็กน้อยหงิกขึ้นจึ๋งนึง ทำเหมือนคำถามเขาเป็นอะไรที่ปัญญาอ่อนมาก ๆ ส่งออกมาผ่านแววตา

    แฮะ ชอบสลีปปี้ตอนด่าผ่านสายตานี่แหละ จั๊กจี้ดี ♥

    “...” ร่างเล็กกว่าในชุดทะมัดทะแมงจนเหมือนเด็กผู้ชายเท่ ๆ เลื่อนสายตาไปมองวิวรอบด้าน มือข้างนึงยกขึ้นมาลูบต้นคอตัวเอง ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ดูออกว่าไม่ค่อยถนัดในการเล่าเรื่องครอบครัวในคนอื่นฟังเท่าไหร่

    แต่บอกไปก็ไม่มีผลเสียอะไร

    “พี่ ๆ ในคราวน์สายหลัก รวมฉันไปด้วยก็มีประมาณ 6 คน”

    “อือฮึ!” เขาพยักหน้า ขยับเข้าไปใกล้ ฟังผ่านหูไปเรื่อย


    นายหญิงที่หนึ่งมีลูกชายสองคน

    เซ็นโคคุและเซ็นจิ


    นายหญิงที่สองมีลูกชายคนเดียว

    ซีริล


    นายหญิงที่สามมีลูกสาวฝาแฝดสองคน

    ฟีโอนิกซ์และฟีโอนิกซ์


    และนายหญิงที่สี่ คนสุดท้าย…

    มีแค่เธอคนเดียว


    “ว้าว~ ตั้งสี่คนแน่ะ พ่อของสลีปปี้นี่เป็นหนุ่มไฟแรงจังเลยนะ ♦”

    “สามคนแรกเห็นว่าแต่เข้ามาเพราะธุรกิจ” เธอเสริมทับ แต่ก็ใช่ว่าจะเชื่อไปหมดซะทีเดียว บางทีมันก็อาจเป็นแค่ข้ออ้างของคนมักมากเท่านั้นแหละ

    ดวงตาสองเฉดสีสบตากับตัวตลกข้างกาย ถามกลับบ้าง “นายล่ะ ทำไมถึงมาเข้าแมงมุม?”

    ถึงจะพอเดาได้ก็เถอะ แต่เธอก็แค่ถามไปเพื่อความแน่ใจเท่านั้น

    “หึหึหึ เพื่อสู้กับคุโรโร่ยังไงล่ะ... ♠”

    ครืน

    สีหน้าเปลี่ยนไปพร้อมบรรยากาศรอบข้างที่ชวนขนลุกซู่สำหรับคนธรรมดา แต่สำหรับเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างกันมีแค่ใบหน้าปลาตายและกลอกตาวนเป็นเลขแปดอย่างเอือมระอา

    การถามไถ่ไปมาระหว่างนี้ไม่เชิงแลกเปลี่ยนข้อมูล เซ้นส์ของคุเรฮะมันกะพริบบ่งบอกว่าคนตัวสูงเพียงแค่เอาตัวเธอมาเพื่อเป็นฉากบังหน้าในการพบ ‘ใครบางคน’ แค่นั้นแหละ -- แต่ในอีกมุมนึงกลับรู้สึกตงิดใจเล็กน้อยว่าไม่ใช่

    ...หรืออาจจะทั้งสองอย่างกันนะ?

    สองขาพาทั้งคู่เดินมาถึงโซนเครื่องเล่นเด็ก เครื่องบินและจรวดต่าง ๆ ที่ค้างเติ่งอยู่ข้างบนกลายเป็นเป้าหมายในการละเล่นเรื่อยเปื่อย บันจี้กัมสีชมพูอมม่วงของคนปลิ้นปล้อนสายเปลี่ยนแปลงพุ่งไปแปะด้านบน ร่างของฮิโซกะถูกเน็นยางยืดดึงขึ้นไปจนตัวลอย


    คุเรฮะยืนเอาสองมือล้วงกระเป๋าเสื้อฮู้ดมองจากด้านล่าง

    “ฮิโซกะ”

    เจ้าของชื่อก้มลงมอง


    “นาย...ทำไมถึงมาเป็นนักมายากร?”


    “—หืม?”

    ร่างสูงที่นั่งลงบนขอบเครื่องบินเด็กเล่นยิ้มกริ่ม หยอกเย้าด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้ม “เอ~ ฉันไม่ใช่คนใส่ใจอดีตของตัวเองซะด้วยสิ แต่ก็พอจำได้แวบๆ อยู่นะว่าเคยอยู่ในคณะละครสัตว์มาก่อนน่ะ ♣”

    คณะละครสัตว์?

    คิ้วของคุเรฮะขมวดมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย -- ที่แบบนั้นไม่น้อยเลยนะที่บ่มเพาะผู้ใช้เน็นฝีมืออันตราย จำได้ว่ามีครั้งนึงที่มีภารกิจให้ไปลอบฆ่าคนในที่แบบนั้น แม้จะทำสำเร็จ แต่ผลลัพธ์คือบาดเจ็บสาหัสกลับมา

    มือเล็กเผลอจับเข้าที่ซี่โครง...ข้างที่เคยทะลุจนเป็นรูโหว่


    ฮิโซกะคือคนที่เกิดมาเป็นปีศาจด้วยตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัยเลย



    หันมาอีกทีก็พบว่าตัวตลกหน้ายิ้มหายไปแล้ว

    ร่างของเด็กที่สูงกว่าคนวัยเดียวกันของทายาทคราวน์ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางความมืด จำไม่ได้ว่าเดินเข้ามาลึกแค่ไหนในสวนสนุกร้างแห่งนี้ ดวงตาที่มีความพิเศษกวาดสายตามองรอบด้าน ...ที่แม้จะเป็นตอนกลางคืนแต่ดวงตาของเธอยังคงมองเห็นได้ชัดเจนราวกับเป็นแค่กลางวันที่สีสันรอบด้านเข้มลงมาหน่อย

    ดวงตาที่อยู่กับเธอมาตั้งแต่จำความได้ ดวงตาที่ทำให้เธอไม่เคยรู้เลยว่าความมืดจริง ๆ ที่ไม่ใช่แค่การหลับตาลงมันเป็นยังไง

    มือขาวซีดซุกกระเป๋าเสื้อลงไปอีก ...และเธอก็ไม่ได้อยากจะรู้ด้วย

    “?”

    จู่ ๆ รอบด้านก็สว่างขึ้น ไฟหลายดวงติดกันร้อยเรียงเป็นโดมิโน่ เสียงดนตรีคลอแผ่วเบารอบทิศ -- คุเรฮะหันขวับไปทางด้านหลัง ม้าหมุนทรุดโทรมถูกทำให้ทำงานขึ้นมาอีกครั้ง ที่นั่งรูปสัตว์หลากหลายชนิดเคลื่อนที่เป็นวงกลมตามกลไกของมัน

    ฮิโซกะโผล่หน้าออกมาจากด้านหลัง จมูกเปื้อนฝุ่นเป็นรอยปื้น ชวนให้เธอเอียงหัวฉงนสงสัย

    “นายซ่อมมัน?”

    “มันดูน่าเล่นออกนี่นา มานี่เร็วสลีปปี้!

    ตัวตลกหนุ่มกวักมือเรียกหยอย ๆ ฉากหลังเป็นเครื่องเล่นม้าหมุนที่ทำงานควบคู่ไปกับแสงไฟ เป็นภาพที่ดูคุ้นเคยชวนให้ในอกอุ่นขึ้นเล็กน้อย ...จนน่าแปลกใจ

    พอเห็นว่าเด็กสาวเอาแต่ยืนนิ่งมองเหม่อที่ไปม้าหมุน ฮิโซกะก็หัวเราะในลำคอ ขายาวก้าวเขาไปหาอย่างไม่รอช้า สองมือขวาช้อนเข้าใต้รักแร้อุ้มเจ้าเด็กหน้าตายไปนั่งข้างบนหน้าตาเฉย

    “เดี๋ยว—!”

    คุเรฮะตาโต มือคว้าเข้าที่คอของม้าสีดำที่ตัวเองขี่หมับ ผู้ใหญ่ตัวโตหัวเราะร่า กระโดดไปนั่งบนตัวปลาทองใกล้กันอย่างไม่ดูอายุ นำเธอเล่นเครื่องเล่นเด็กเล็กอย่างร่าเริง

    “สลีปปี้ไม่เคยเล่นเหรอ?”

    คนถูกถามถอนหายใจยาว มือข้างนึงเสยผมอย่างเซ็งจิตกับการทำอะไรปุบปับแบบไม่ถามความสมัครใจสักคำของฮิโซกะ ก่อนจะเอนตัวไปข้างหน้า วางคางแหมะลงบนแขนสองข้างที่ค้ำหัวของม้าที่ตัวเองขี่ไว้

    “แค่เคยเห็น”

    ...แต่ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าเคยขึ้นมาเล่น


    “นั่น”


    เด็กน้อยผมสีดำยาวชี้นิ้วเล็กป้อมไปข้างหน้า ม้าหมุนที่มีเด็กหลายคนผลัดกันขึ้นไปเล่นวนเวียนกันสนุกสนาน เธอเงยหน้าไปหาคนข้างกายที่กุมมืออีกข้างของเธอไว้ ตากลมของเจ้าตัวเล็กช้อนมองออดอ้อน

    “…”

    เธอยิ้มออกมา ใช่ ยิ้มดีใจกับคำพูดอีกฝ่าย ก่อนจะถูกอุ้มออกไปทางอื่น -- แต่ในตอนนั้นเธอไม่ได้มีท่าทีผิดหวัง กลับกัน เด็กผู้หญิงตัวเล็กกอดคอคนอุ้มแน่น ดวงตากลมมองเครื่องเล่นระยิบระยับผ่านช่วงไหล่กว้าง

    มันคือสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง


    หวังที่จะมาเล่นม้าหมุนในวันข้างหน้าตาม คำสัญญา


    เปลือกตาบางกะพริบปริบ

    คุเรฮะสะบัดหน้าเรียกสติกลับมา ก่อนจะเหลือบมองคนข้างกันที่ยิ้มแย้มผสานไปกับเสียงหัวเราะ “ไม่สนุกเหรอสลีปปี้!”

    ติ๊งต๊องชะมัด

    เป็นผู้ใหญ่ที่อารมณ์สับเปลี่ยนไปมาบ่อยยิ่งกว่าสวิตช์ไฟ

    ดวงตาสองเฉดสีหรี่ลงเล็กน้อย รอยเปื้อนสีดำป้ายอยู่บนสันจมูกโด่งราวกับจงใจ ก่อนจะเลื่อนไปมองใบหน้าและรอยยิ้มของตัวตลกที่เหมือนจะสนุกอยู่กับตัวเองคนเดียว

    “มานี่”

    นิ้วกระดิกยิก เรียกให้ผู้ใหญ่ตัวโตทำหน้าเหลอหลายื่นหน้าเข้ามาหา ฮิโซกะร้องฉงน “จ๋าจ๊ะ?”

    มือขาวซีดยื่นออกไป

    “จมูกเปื้อน...”

    แล้วยกแขนเสื้อถูจมูกให้อีกฝ่ายเบา ๆ

    ดวงตาสีเหลืองอำพันชะงักไปเล็กน้อย ผู้ใหญ่ตัวโตกะพริบตาใส่ปริบ ๆ แต่ไม่นานแววตาก็วาววับ ใบหน้าคมคายที่ถูกเช็ดรอยเปื้อนให้ยื่นเข้าไปใกล้กว่าเดิมจนเด็กสาวผงะ มือที่อยู่ใกล้ที่สุดยื่นไปดันหน้าครึ่งล่างของอีกฝ่ายออกห่างโดยอัตโนมัติ

    “อะไรของนาย—”

    “ฉันมาแล้ว ฮิโซ... คุเรฮะ?”


    คุราปิก้า



    ชนเผ่าคูลท์คนสุดท้ายยืนนิ่ง ดวงตาใต้คอนแทคเลนส์มองสลับระหว่างมือสังหารคราวน์กับนักมายากรที่อยู่บนม้าหมุนพัง ๆ ด้วยกัน เหตุการณ์หลายนาทีก่อนแม้จะทำให้ทำหน้าไม่ถูกไปบ้าง แต่พอตั้งตัวได้คุราปิก้าจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาคนแรก

    “ทำไมเธอถึงมาอยู่กับฮิโซกะได้ล่ะ...”

    ภาพของคนสองคนที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้กันแล้วมีแค่มือเล็ก ๆ คั่นกลางยังคงติดอยู่ในหัว คุราปิก้ารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเท่าไหร่เมื่อดวงตาคมสีผสมตวัดมา ก่อนจะหลุดผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อสบตากันเข้าจัง ๆ

    ไหงคุเรฮะถึงดูกระดากกระเดื่องไม่ต่างกันล่ะเนี่ย…

    “...มีเอี่ยวกับแมงมุมนิดหน่อยน่ะ”

    คุราปิก้าตัวเกร็งขึ้นกะทันหันเมื่อได้ยินคำว่าแมงมุม ใบหน้าสวยเกินชายบิดเบี้ยวอย่างคาดไม่ถึง เขาถามเสียงเครียด “ที่พูดมาหมายความว่ายังไง?”

    “ก็ตามนั้นแหละนะ~” เป็นโจ๊กเกอร์หนุ่มที่ตอบแทน ฮิโซกะนั่งอยู่บนตัวม้าหมุนที่เครื่องหยุดทำงานไปแล้ว มือสับไพ่เล่นอย่างไม่จริงจังนัก “หัวหน้าน่ะเขาเหมือนจะอยากให้คุเรฮะมาเข้าแมงมุมด้วยกัน เพราะงั้นตอนนี้สถานะคุเรฮะก็จะ ‘พิเศษ’ หน่อย ♥”

    น้ำเสียงที่เน้นย้ำคำว่า ‘พิเศษ’ ทำให้เด็กสาวที่ขยับห่างไปไม่ไกลเหล่มองเล็ก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีท่าทีปฏิเสธอะไรกับเนื้อหาที่กล่าวมา

    ใบหน้าของคุราปิก้ามืดครึ้มลงทุกที เขาแฝงตัวเข้าทำงานเป็นบอดี้การ์ดเพื่อเข้าไปยังงานประมูลได้แล้ว และตอนนี้อย่างมากสุดเขาก็เพิ่งจับตัวอุโบกินที่เป็นสมาชิกแมงมุมที่แกร่งที่สุดมาได้ -- โดยใช้พลังสายแปรสภาพของตนเป็นตัวหลักในการรวบตัวแล้วมาหนีพวกแมงมุมที่เหลือมาขังไว้

    และเป้าหมายตอนนี้มีแค่ให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นช่วยกันเค้นคอว่าพวกมันเอาของประมูลที่หายไปไปเก็บไว้ที่ไหน เขาไม่เคยคิดถึงกรณีนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำไป เขาไม่นึกว่าจะเป็นอย่างนี้!

    หากคุเรฮะเป็นพวกเดียวกับแมงมุมขึ้นมาล่ะก็ เขาคง—

    เด็กสาวผมสั้นมองใบหน้าเคร่งเครียดของคุราปิก้าด้วยแววตาเรียบเฉย เธอไม่สนใจอีกฝ่ายเท่าไหร่แม้จะเป็นเพื่อนที่ผ่านการสอบฮันเตอร์มาด้วยกันก็ตาม แต่อีกแง่นึง คุราปิก้าก็เป็นเพื่อนของกอร์นกับคิรัวร์ด้วย


    ถ้าให้พวกนั้นมาเกี่ยวข้อง...เธอไม่อยู่เฉยแน่


    “ตอนนี้ฉันอยู่กับแมงมุมด้วยจุดประสงค์อื่น นายจะทำอะไรก็ทำไป ฉันไม่สน”

    ดวงตาสีชาเลื่อนขึ้นมาสบตาอย่างโล่งอก “ถ้างั้น ฉัน...” เขาชะงักไปเมื่อเห็นความเย็นชาที่ส่งผ่านแววตามา จิตสังหารแผ่วเบาที่แฝงมากับคำพูดล้อมรอบตัวชายหนุ่มผมสีทองสว่าง


    “แต่ถ้านายทำให้กอร์นกับคิรัวร์มีอันตรายเพราะเรื่องนี้ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน


    จวบจนกระทั่งคุราปิก้ายอมตกลงเรื่องร่วมมือกับฮิโซกะเพื่อแลกกับข้อมูลสมาชิกแมงมุม นัยน์ตาของอสรพิษที่หรี่มองเหมือนเขาเป็นเพียงตัวหมากไร้ค่าก็ยังคงตรึงในดวงตา ฝ่ามือของชายหนุ่มขยำเสื้อตรงอกข้างซ้าย เสียงหัวใจเขาเต้นรัวด้วยความหวาดหวั่น


    ในเสี้ยวนึงของความกลัว มีความน้อยใจปะปนอยู่ในนั้น



    แผ่นหลังของเพื่อนร่วมสนามสอบหายลับออกไปจากสวนสนุก เจ้าของดวงตาเย็นชามองตามอย่างนิ่งเฉย รู้สึกเหมือนเห็นเค้าลางความวุ่นวายในอนาคต คุราปิก้าอ่อนไหวและอ่อนแอเกินไป เรื่องการแก้แค้นแมงมุมอาจทำให้เจ้าตัวหลุดขาดสติทำอะไรโง่เง่า

    ซึ่งเธอมองว่าส่วนนั้นมันคือปัญหา

    ดวงตาสีแดงเสี้ยวเหลือบมองคนข้างกายที่สับไพ่ในมือ ใจจดใจจ่อกับเรื่องสนุกที่กำลังจะถึง พ่อนกสองหัวที่แฝงตัวอยู่กับแก๊งแมงมุมอย่างแนบเนียน

    “ตัวป่วน” เธอแซะเขา

    เจ้าตัวหัวเราะคิกคักชอบใจ แลบลิ้นให้อย่างกวนอารมณ์ “ป่วนได้มากกว่านี้อีก”


    ตูม!!


    ม้าหมุนที่เพิ่งถูกซ่อมพังกระจายเป็นชิ้น ๆ ควันสีเทาของฝุ่นละอองลอยคลุ้งถูกพัดหายไป การเคลื่อนไหวของคนสองคนด้านในรวดเร็วจนตาเปล่าของคนปกติไม่อาจมองได้ทัน สวนสนุกร้างเละเทะหนักกว่าเดิมขึ้นไปอีก

    ฟุ่บ!

    คุเรฮะถีบตัวหนีคมไพ่ที่ผ่าอากาศเข้ามาหา ร่างทั้งร่างหายวับไปปรากฏอยู่เหนือหัวโจ๊กเกอร์หนุ่มด้วยฮัตสึของตน ใบหน้าของมือสังหารยามต่อสู้แหงนหน้ามองคนเบื้องล่างที่ตอนนี้ราวกับเธอเดินกลับหัวอยู่บนอากาศ

    สองมือตวัดเข้าหากัน แท่งเหล็กสั่งทำราวกับเข็มขนาดใหญ่ที่เก็บไว้ที่สายรัดขาวาดเรียงกันราวกับกากบาทลอยคว้างอยู่เบื้องหน้า ตวัดมืออีกครั้ง อาวุธขนาดเหล็กแต่ประสิทธิภาพเต็มเปี่ยมก็หายวับไปด้วยเทเลพอร์ตทันที!

    เสียงของแท่งเหล็กปักลงบนพื้นดังไล่เลี่ยกันราวกับเครื่องจักร ร่างเล็กหายตัวขึ้นมายืนบนยอดม้าหมุนที่พังจนกู้สภาพคืนไม่ได้แล้ว ดวงตาสอดส่องพื้นดินข้างล่างที่ฝ่ายตรงข้ามจงใจทำให้ฝุ่นลอยคลุ้ง

    ตาเธอมองผ่านความมืดได้ แต่มองผ่านม่านควันไม่ได้

    “!!”

    จุดที่ยืนอยู่โคลงเคลงราวกับมีอะไรบางอย่างดึงให้ล้มคว่ำ จังหวะหนึ่งที่คุเรฮะถลาตกลงไปด้านหน้า ก่อนที่เธอจะทันได้เทเลพอร์ตไปยังจุดอื่นเหมือนทุกที หน้าที่กำลังเหวอออกก็ซุกเข้ากับอะไรนิ่ม ๆ ดัง ปึก!


    เป็นแผ่นอกของฮิโซกะที่เธอโผเข้าหา


    ตัวตลกยิ้มเจ้าเล่ห์ ตาหยีขึ้นยามสองมือสอดกระชับ “รู้ไหม ช่วงนี้สลีปปี้ตัวติดแต่กับหัวหน้าคนเดียวเลยอะ” เขาทำเป็นบ่นงุ้งงิ้ง ยู่ปากน้อยใจ

    ฉึก!

    มีดสั้นปักได้แต่ความว่างเปล่า คนแกล้งให้โผเข้ากอดหลีกหนีการโจมตีทีเผลออย่างว่องไว เมื่อไม่มีอะไรมากอดรับคุเรฮะก็หน้าคว่ำลงไปข้างล่างอีกครั้ง เด็กสาวหมุนตัวลงจอดบนพื้น ขาวาดกระบวนท่าออกไปเกิดเป็นลมแรงพัดควันรอบด้านจางลง

    ดวงตาคมสีผสมตวัดมอง ถุงมือหนังสองข้างหายไป ฝีมือใครไม่ต้องเดาก็รู้

    คุเรฮะอ้าปาก เตรียมจะเอ่ยคำพูดบางอย่างเป็นนัยว่าเธอเริ่มขุ่นเคืองแล้วนะ ก่อนจะชะงักเมื่อตัวป่วนที่เปิดฉากการต่อสู้เป็นคนแรกจู่ ๆ ก็มาปรากฏตัวตรงหน้าในระยะประชิด พร้อมกับ--


    จุ๊บ


    ข้างแก้ม คุเรฮะตัวแข็งทื่อ

    มือสังหารที่มีปฏิกิริยาฉับไวกับการโจมตีทุกรูปแบบเหมือนหุ่นยนต์เครื่องรวนไปชั่วขณะ ใครก็ตามที่เข้ามาด้วยจิตสังหารเธอย่อมรู้ตัวและหาทางโต้กลับได้ทันเสมอ แต่กับหมอนี่--

    ถุงมือที่ถูกถอดไปใส่ไล่เข้ามาจากปลายนิ้ว และก่อนจะถูกดึงจนสุด ริมฝีปากนิ่มของคนตัวสูงกว่าก็ทาบลง ฉวยโอกาสตอนเด็กน้อยยืนตาค้าง จุ๊บบนหลังมือจนเจ้าตัวสะดุ้งตัวโยน


    อ๋า

    ฮิโซกะรู้แล้ว อีกสาเหตุนึงที่สลีปปี้ใส่ถุงมือตลอดเวลา

    เขาเอียงหัวให้ ส่งยิ้มน่ารัก



    “ไม่แฟร์เลย ฉันเองก็หวงของเหมือนกันนะ”



    โครม!!


    “หัวหน้า เกิดอะไร— คุเรฮะ!?”

    สีหน้าตกใจปาคูโนด้าแทนที่ด้วยความแปลกใจ ไม่นึกว่าจู่ ๆ สิ่งที่โผล่มาหล่นโครมใส่คุโรโร่จนหน้าคว่ำจะเป็นคุเรฮะที่เทเลพอร์ตกลับมาซะนี่ คุโรโร่กุมหัว มือปิดหนังสือเอ่ยปากถาม “เกิดอะไรขึ้นคุเรฮะ แล้วฮิโซกะล่ะ?”

    เด็กน้อยส่ายหัวหวือจนหน้าสั่น

    “เป็นอะไรไป? ทำไมตาค้างแบบนั้น”

    ฟิงค์มองเจ้าเด็กหน้าตายที่ถูกปาคูโนด้ากับหัวหน้ารุมถามคำถามร้อยแปด ใครถามอะไรมาก็ส่ายหน้าส่ายตาใส่ท่าเดียว ไหนจะท่าทางเหมือนสมองหยุดทำงานไปชั่วขณะนั่นอีก เลยแซวออกไปเล่น ๆ


    “อะไรของเธอยัยเปี๊ยก ทำหน้ายังกะถูกโจรขโมยจูบ”



    คุเรฮะเหลือกตาใส่เลย



    __________C H E C K M A T E__________


    ช่วงนี้สอบไฟนอล แต่หมีหนีหนังสือมาแต่งฟิคก่อน ดูลำดับความสำคัญอันผิดเพี้ยนนี่สิ ฮา



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×