ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HxH : Hunter x Hunter] CHECKMATE

    ลำดับตอนที่ #36 : Chapter 27 | แผลที่มองไม่เห็น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.33K
      422
      13 เม.ย. 63


    Chapter 27



    ลมทะเลอ่อนโยนพัดผ่านใบหน้า

    ดวงตาคมกริบเหม่อมองเส้นขอบฟ้าที่ล้อมไปด้วยทะเลกว้างไกล ร่างสมส่วนนั่งชันเข่าข้างเดียวอยู่บนขอบหน้าผาสูง บนจุดสูงสุดในการชมวิวทะเลล้อมรอบเกาะปลาวาฬ

    เกาะบ้านเกิดของกอร์น

    นับตั้งแต่ออกจากบ้านในเขตทะเลสาบดัฟฟ์มา— ไม่รวมบ้านโซลดิ๊กของคิรัวร์ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องฝ่ายแม่ การมาที่เกาะกลางทะเลแห่งนี้นั้นจึงถือเป็นการมาบ้าน เพื่อน เป็นครั้งแรกในชีวิต

    ความง่วงหนาวหาวนอนที่เคยมีเริ่มจางลงไปโดยไม่รู้ตัว อาจเป็นเพราะตารางในการใช้ชีวิตประจำวันเริ่มเปลี่ยนไป หรือเป็นเพราะพวกกอร์นและคิรัวร์ช่วยกันละลายพฤติกรรมที่ว่าช้า ๆ ก็ไม่รู้แน่ชัด

    นัยน์ตาสีแดงแซมพระจันทร์เสี้ยวกะพริบปริบ หูกระดิกยามได้ยินเสียงเรียกคุ้นเคยดังแว่วมาจากข้างล่างหน้าผาสูง แม้จะมีเสียงคลื่นลมยามกระทบฝั่งดังแทรกเข้ามา แต่นั่นก็ไม่ได้รบกวนประสาทสัมผัสการได้ยินของเธอแต่อย่างใด

    นิ้วเรียวลูบไปตามรอยสลักบนมีดสั้น ลากผ่านตราประจำตระกูลที่มีตัวอักษรสลักทับแล้วหยุดลง


    “คุเรฮะ!”

    เด็กชายผมสีดำตั้งโบกมืออยู่ข้างล่าง ข้างกันคือเพื่อนสนิทผมสีเงินฟูฟ่องไม่ต่างจากแมวสายพันธุ์ดี

    คุณมิโตะทำอาหารเสร็จแล้ว ไปเร็ว!”

    รอยยิ้มเบาบางหยักขึ้นมา

    เด็กน้อยทั้งสามคนพากันเดินกอดคอกอดแขนมาจนถึงเนินที่อยู่สูงสุดบนเกาะปลาวาฬ ด้านหน้าเป็นบ้านหลังเล็กกะทัดรัด -- บ้านที่เป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้สูงใหญ่ กิ่งก้านสีน้ำตาลรวมไปถึงเขียวแผ่ขยายปกคลุมแสงแดดจนเกิดเป็นเงาร่มเย็น

    พอเปิดประตูเข้าไปก็พบคุณยายตัวเล็กยืนยิ้มต้อนรับ ผมหน้าม้าสีดำปลิวไสวยามเด็กชายทั้งสองแข่งกันวิ่งไปยังโต๊ะกินข้าว เธอทำหน้าตายกับกิจวัตรประจำวันที่เห็นบ่อยครั้งจนเริ่มชินตา ก่อนจะห่อไหล่ลงเล็กน้อยยามคุณยายหัวเราะแล้วยกมือขึ้นลูบหัวทุย ๆ อย่างเอ็นดู

    มือสังหารที่ไม่สนใจใครในการสอบฮันเตอร์ คือคนเดียวกับเด็กสาวตรงหน้าในตอนนี้

    “มาเถอะจ้ะ”

    คุณยายละมือออกจากเส้นผมนุ่ม จูงมือเย็นเฉียบของเพื่อนหลานชายไปยังห้องอาหารด้วยกัน

    ระหว่างทางเป็นกรอบรูปของกอร์นในวัยต่าง ๆ ไล่มาตั้งแต่ยามเป็นเด็กน้อยจนถึงตอนอายุ 12 ปี มีน้าสาวอย่างคุณมิโตะและคุณยายแซมมาประปราย และมีรูปถ่ายหมู่กับคนทั้งเกาะตอนตกได้ปลาเจ้าบึงเพื่อขอน้าสาวไปสอบฮันเตอร์อยู่รูปนึง

    เป็นสายสัมพันธ์ที่แค่มองผ่านตาก็รู้สึกอบอุ่น ต่างจากคราวน์ที่ผูกพันกันด้วยหน้าที่จนเหมือนคนรู้จักกันมากกว่าครอบครัวพ่อแม่ลูก

    คุเรฮะไม่เคยคิดว่าที่บ้านจะมีรูปของเธอและพี่น้องคนอื่น ๆ ใส่กรอบรูปไว้หรือไม่ หรืออาจจะเคยมี— แค่เธอไม่สนใจจะจำเอง

    ดวงตาเรียบนิ่งมองตามกรอบรูปที่มีแต่รอยยิ้มของเด็กชายผิวสองสีไปจนสุดทาง กะพริบตาอีกทีเมื่อถึงโต๊ะกินข้าวแล้ว คุณมิโตะกำลังตักข้าวใส่จานให้ทุกคน ถัดไปเป็นคิรัวร์กับกอร์นที่กำลังจ้องจานน่ากินตาเป็นมัน

    “วันนี้ฉันลองทำเมนูใหม่ ๆ ด้วย ใส่ความตั้งใจลงไปเต็มที่เลยนะเนี่ย” น้าสาวเจ้าของผมสีส้มสั้นระรดต้นคอส่งยิ้มเอ็นดูมาให้

    คุเรฮะพยักหน้ารับ พาคุณยายไปนั่งเก้าอี้ แล้วเดินมานั่งคั่นกลางสองหมาแมวเผื่อขู่แง่ง ๆ ใส่กันตอนแย่งของกิน

    เมื่อทุกอย่างพร้อม -- ทุกคนยกสองมือขึ้นมากุมไว้ ปิดตาลงขอบคุณท่านเทพธิดาตามธรรมเนียมของที่นี่ ก่อนจะลืมตาขึ้น เริ่มลงมือกินอาหารด้วยเสียงพูดคุยและรอยยิ้ม

    ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นบนโต๊ะกินข้าวในบ้านต้นไม้ รอยยิ้มเป็นมิตรขยับต่ำลง ความเยือกเย็นแฝงมาในดวงตาที่ยิ้มหยี


    เบาบาง...จนไร้คนสังเกตเห็น



    “อือ...”

    กอร์นขยี้ตาเล็กน้อยหลังจากเผลอตื่นมากลางดึก มือวางสะเปะสะปะลงบนฟูกข้าง ๆ แล้วชะงักไป ดวงตาสีเปลือกไม้ลืมเต็มตา มองพื้นที่ว่างตรงกลางระหว่างเขากับคิรัวร์ที่ไร้คนขี้เซาอย่างเคย คิรัวร์ที่อยู่ถัดไปนอนตะแคงหลับสนิท

    เด็กชายหันซ้ายหันขวา ก่อนจะไปหยุดตรงหน้าต่างบานใหญ่ที่ถูกเปิดออก

    สายลมพัดเย็นสบายจนผ้าม่านบางพลิ้วไหว

    “คุเรฮะ?”

    ฟุ่บ!

    เงาสีดำนับสิบกระโดดหายไปทันทีเมื่อเด็กชายโผล่หัวขึ้นมาบนหลังคา เบื้องล่างปีนขึ้นมาด้วยการยันกับขอบหน้าต่าง แผ่นหลังเหยียดตรงของคุเรฮะยังคงตั้งตระหง่านไม่ขยับไปไหน ยกเว้นใบหน้าเรียบเฉยที่ละสายตาจากพระจันทร์ข้างแรมมามองเชื่องช้า

    “นอนไม่หลับเหรอ?” เสียงทุ้มที่ไม่เอนไปทางชายหรือหญิงชัดเจนเอ่ยถาม

    “นิดหน่อยน่ะ แล้วคุเรฮะล่ะ? ไม่ง่วงเหรอถึงขึ้นมาอยู่บนนี้” เด็กชายผิวสองสีส่งยิ้มให้ เขาปีนขึ้นมาข้างบนอย่างชำนาญ

    “เดี๋ยวก็กลับไปนอนแล้ว”

    ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนสบตาตรง ๆ เบื้องหน้าคือดวงตาคมกริบสองเฉดสีที่สว่างตัดกับความมืดชัดเจน คุเรฮะมองตรงกลับมาด้วยแววตานิ่งสนิทไม่สื่ออะไร

    กอร์นยิ้มบาง


    “ยังคิดเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ?”

    “...”


    ถึงจะซื่อจนเกือบบื้อในบางครั้งแต่เขาก็พอมองออก เด็กชายส่ายหัวเบา ๆ ขณะก้าวไปยืนมองพระจันทร์ข้างกัน

    ฝ่ามืออุ่นทาบลงบนแผ่นหลังตั้งตรง ตรงรอยแผลที่ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องโดยมีเขากับคิรัวร์เกือบถูกลูกหลงไปด้วย ส่วนคุเรฮะเอาตัวมาบังจนพลาดถูกโจมตีเข้า

    “มันไม่ใช่ความผิดของคุเรฮะหรอก ฉัน ไม่สิ พวกเรายังปลอดภัยดี”

    มือที่ไร้ถุงมือหนังเผยให้เห็นรอยแผลเป็นแทงทะลุกลางฝ่ามือยกขึ้นมา ทาบลงบนฝ่ามืออุ่นของกอร์นที่เลื่อนขึ้นมาตบบ่า กำเล็กน้อยให้รู้ว่าเธอกำลังฟังอยู่

    รับฟัง -- แม้รอยแผลจากความประมาทครั้งแรกจะเลือนหายไปแล้วก็ตาม

    “ฉันรู้...”

    พวกเขายิ้มให้กันก่อนจะจูงมือพากันกลับไปนอน

    ดวงตาสีแดงเสี้ยวหรี่มอง— สบตากับเงาในความมืดที่พรางตัวด้วยเซ็ทสึกันอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่เหนือหลังคา ก่อนที่เงาทั้งหมดจะโดดผลุบหายไปอย่างไร้ร่องรอย



    เปรี๊ยะ

    แสงไฟสีส้มแดงแซมน้ำเงินโชติช่วงส่องสว่าง กอร์นหักกิ่งไม้แห้งเป็นฟืนเพิ่มแล้วโยนลงไปในกองไฟ คิรัวร์กับคุเรฮะนอนเอาแขนหนุนหัวตัวเองอยู่ข้างกัน

    ท้องฟ้าตอนกลางคืนบนเกาะปลาวาฬแห่งนี้เต็มไปด้วยดวงดาวพราวระยับ ต่างจากในเมืองที่มีแต่แสงสีบนตึกสูงโดยสิ้นเชิง

    เป็นอีกครั้ง และอีกครั้งที่พวกเขาพากันออกมานอนดูดาวในป่าใหญ่

    “กอร์น คุเรฮะ จากนี้ไปทั้งสองคนจะทำอะไรต่อ?”

    ท่ามกลางต้นไม้และธรรมชาติรอบด้าน กอร์นขยับมานอนข้างเด็กสาวที่หลับตานอนนิ่ง หายใจเข้าออกจนแผ่นอกกระเพื่อมเบา ๆ “ช่วงนี้ฉันก็กะจะพักอยู่ที่นี่พลางหาข่าวสารต่าง ๆ ไปด้วย แล้วก็จะเริ่มออกตามหาพ่อจากเมืองยอร์คชิน ที่นั่นคงมีฮันเตอร์มาชุมนุมกันเยอะ”

    “แล้วเธอล่ะคุเรฮะ?”

    “ยังไม่ได้คิด” ตอบเสียงเนือยแม้จะยังหลับตาอยู่

    “เฮ้อ เหมือนกันเลย ฉันเองจะทำไงดีน้า” คิรัวร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำทีเป็นนอนคิดไปเรื่อยอย่างไร้ความหมาย

    “เอ๋? คิรัวร์ก็อยู่ที่นี่แล้วค่อยไปยอร์คชินด้วยกันสิ คุเรฮะก็จะไปด้วยนี่นา”

    “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก ฉันแค่กำลังคิดว่านายเนี่ยเจ๋งจังนะ” เด็กชายผมสีขาวเงินตะแคงข้างมองญาติฝ่ายแม่ ดวงตาสีสวยเรืองแสงเบาบางลืมขึ้นมาสบตาเมื่อรู้ตัวว่าถูกจ้อง คิรัวร์จิ้มจมูกไปทีนึง “เธอก็เจ๋ง เดี๋ยวนี้เริ่มหายขี้เซาแล้วนี่”

    ดวงตาสีฟ้าครามกะพริบ “จริง ๆ นะ ส่วนฉันมันไม่มีอะไรเลย ไอ้เรื่องที่อยากทำแบบกอร์นน่ะไม่มีหรอก หรือแม้แต่คุเรฮะเองก็เถอะ...”

    ทั้งสืบเรื่องฟลอร์มาสเตอร์ และสืบเรื่องคนที่โจมตีก่อนออกจากลานประลองกลางหาว

    ถึงจะไม่บอกชัดเจน แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าคนหน้าตายตรงหน้ากำลังลงมือทำอะไรสักอย่างด้วยตัวเอง แถมยังระวังไม่ให้เรื่องนั้นมากระทบกับการฝึกเน็นของพวกเขาอีก

    คิรัวร์ถอนหายใจอีกครั้ง

    “แต่เรื่องที่ไม่อยากทำนี่ไม่เพียบเลยล่ะ อย่างไปนั่งจับเจ่าอยู่บ้านเงี้ย รึต้องสืบทอดธุรกิจของที่บ้านเงี้ย วัยรุ่นเซ็ง” เปลือกตาปิดลง เขาขยับเข้าไปซุกแขนญาติผู้พี่นิด ๆ “แต่ก็อย่างว่าแหละ ...อิจฉาทั้งสองคนจังเลยนะ”

    กอร์นยิ้มกับท่าทางนั้น เขาขยับเข้าไปใกล้คนตรงกลางบ้าง -- ตอนนี้คุเรฮะไม่ต่างจากศูนย์รวมที่พวกเขาใช้เป็นที่พักพิงทางใจไปซะแล้ว


    “คิรัวร์ คุเรฮะ ...ฉันน่ะ สนุกจริง ๆ นะที่มีคิรัวร์กับคุเรฮะอยู่ด้วยน่ะ”

    “หา จู่ ๆ พูดอะไร—”


    ดวงตาสองคู่ที่แตกต่างกันเลื่อนขึ้นมาสบตากับเขา กอร์นคลี่ยิ้มจริงใจไปให้ ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้เป็นประกายน่ามอง

    บนเกาะปลาวาฬแห่งนี้เป็นแค่เกาะที่พวกชาวประมงมาพักอาศัยเพื่อทำมาหากิน คนที่เป็นชาวเกาะจริง ๆ มีอยู่นิดเดียว เด็กบนเกาะปลาวาฬเอาตามตรงนอกจากกอร์นก็มีเด็กผู้หญิงอีกคนชื่อโนโกะเท่านั้น เวลาเรียนอะไรก็เรียนผ่านสื่อที่บ้านเอา

    สำหรับกอร์น เขาเพิ่งมีคิรัวร์กับคุเรฮะนี่แหละที่เป็นเพื่อนอายุไล่เลี่ยกันสองคนแรก

    “คิรัวร์กับคุเรฮะอยู่กับฉันแล้วสนุกรึเปล่า?”

    “ก็...ก็หนุกแหละ”

    เด็กสาวที่ไม่เหมือนเพศสภาพหัวเราะหึกับท่าทางขัดเขินของญาติผู้น้อง ส่วนเธอยักไหล่รับเป็นคำตอบ


    “งั้นเราก็อยู่ด้วยกันซะซี่!”

    “เดินทางไปไหนต่อไหนด้วยกัน ดูอะไรต่อมิอะไรด้วยกัน ฉันก็หาพ่อ คิรัวร์ก็หาเรื่องที่อยากทำ คุเรฮะก็ด้วย เราจะท่องเที่ยวไปด้วยกัน” กอร์นหัวเราะร่า แววตามีความสุขจนคนมองยิ้มตาม “ต้องสนุกแน่ ๆ เลย!”


    คิรัวร์หลุดยิ้มออกมา “นั่นสินะ”

    คุเรฮะหัวเราะหึในลำคอ

    ภาพดวงดาวที่พร่างพรายเต็มท้องฟ้าดับสนิทลงเมื่อเธอหลับตา นึกย้อนไปยังวันแรกที่เข้าป่ามาเพื่อดูดาวตอนกลางคืนด้วยกัน แต่แล้วการดูดาวในวันนั้นกลับต้องหยุดชะงักลงเมื่อมีเสียงดังแทรกเข้ามา


    ปัง!


    เสียงปืนที่ดังขึ้นตามมาด้วยเสียงร้องคำรามก้องดึงความสนใจของทุกคน กอร์นเป็นคนแรกที่ผุดลุกวิ่งเข้าไปในป่า คิรัวร์มองหน้าลูกพี่ลูกน้องตัวเองแล้วกระโจนตามออกไป คุเรฮะเตะทรายดับกองไฟที่ใกล้มอดอย่างรู้งานแล้วรีบตามไปติด ๆ

    “นั่นนายจะไปไหนน่ะกอร์น!?”

    “พวกนักล่าสัตว์น่ะ! ที่นี่มันเป็นเขตห้ามล่านะ!”

    หูสองข้างกระดิกเล็กน้อย คุเรฮะเทเลพอร์ตตัวเองมาโดดผ่านกิ่งไม้ใหญ่ใกล้ ๆ กอร์น “ฉันได้ยินเสียงหมีจิ้งจอก”

    เป็นอย่างที่กอร์นบอก พรานป่ากลุ่มหนึ่งกำลังรวมหัวกันล่ามหมีจิ้งจอกพ่อลูกอ่อนไว้กับต้นไม้ใหญ่ด้วยโซ่เหล็ก ลูกหมีจิ้งจอกตัวเล็กนอนหายใจรัวรินตรงแทบเท้า

    “กอนตะ!!”

    เด็กผมสีดำตั้งพุ่งเขาไปเตะอัดหน้าก่อนที่พรานคนนึงจะปลิดชีพเพื่อนของตน เด็กผมสั้นอีกคนจู่ ๆ ก็มาโผล่ชิงปืนไปหักเป็นสองท่อน ส่วนเด็กผมขาวฟูสับคอพรานบางคนล้มตึงลงไปโดยไม่ทันได้กะพริบตา

    “ฉันแกะมันไม่ออก!” กอร์นกัดฟัน พยายามแก้โซ่เส้นใหญ่ออกจากหมีจิ้งจอกเพื่อนรักแต่ทำไม่ได้ เสียงครางหงิงดังอ้อนวอน กอนตะมองตรงไปทางลูกเล็กที่นอนอยู่ไม่ไกล

    “ตรงนี้ฉันจัดการเอง” คุเรฮะพยักหน้าให้

    ลับหลังเด็กชายทั้งสองคน แว่วเสียงแย้งจากคิรัวร์ที่ตามกอร์นไปว่าควรปล่อยให้ลูกมันตายไปมากกว่าอยู่ ใบหน้าเรียบนิ่งหันกลับมา พรานป่าที่เหลือวิ่งหนีหายไปคนละทิศคนละทาง

    ดวงตาที่อ่อนลงเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ กรอบหน้าเย็นชาแผ่จิตสังหารออกมาจนสัตว์น้อยใหญ่กระโจนหนี หมีจิ้งจอกตัวใหญ๋ที่ถูกตรึงไว้กับต้นไม้หูลู่หางตกเมื่อเห็นมือขาวซีดยื่นมาหา

    เคร้ง!!

    แล้วกระชากโซ่หลุดภายในทีเดียว

    สัตว์ร้ายของป่าใหญ่ที่เกือบถูกล่าจนตายล้มลงอ่อนล้า มันรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นเพื่อนของกอร์นแต่ก็อดหวั่นเกรงไม่ได้ เด็กสาวยืนนิ่งถือโซ่เส้นใหญ่ อีกมือนึงยกขึ้นมาปิดใบหน้าครึ่งล่างตามนิสัยส่วนตัว

    “ให้ตายสิ”

    เสียงครางแผ่ว ...แวบนึงเธอเผลอคิดไปว่าเป็นเจ้าพวกไวเปอร์นั่นซะอีก ตั้งแต่ผ่านวันนั้นมาก็อดระแวงไม่ได้จริง ๆ

    เด็กสาวลดมือลง นัยน์ตาคมกริบไม่ต่างจากใบมีดสะท้อนแสงจันทร์สว่างวาบ

    ดวงตาของสัตว์ร้ายที่ไร้แวว

    เป๊าะ!

    ทันทีที่ดีดนิ้วออกคำสั่ง เงาปริศนานับสิบก็พุ่งไปตามทางที่พวกพรานหนีออกไป พร้อมใจกันจัดการพวกเศษสวะที่ไร้ความน่าสนใจแทนผู้เป็นนาย


    เงา

    ชื่อเรียกของกองกำลังส่วนตนที่ถูกฝึกมาในฐานะสุนัขรับใช้โดยเฉพาะ ทุกคนล้วนขึ้นตรงต่อเธอ ต่อคุเรฮะ เอเรอัส คราวน์ ไม่ใช่นายเหนือหัวคราวน์คนปัจจุบัน


    หากไม่ใช่เพราะพวกลอบกัดที่โผล่หัวมาโจมตีนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับคราวน์ไม่มากก็น้อย เธอก็คงไม่คิดเรียกใช้ แต่เหตุการ์ณที่ผ่านมาหมาด ๆ กลับทำให้เธอเปลี่ยนใจกลางคันซะนี่

    เธอไม่คิดเอ่ยถามที่มาอะไรทั้งนั้น การกระทำทุกอย่างที่เงาแสดงบ่งบอกชัดเจนอยู่แล้วว่าให้น้ำหนักกับคำสั่งของเธอมากกว่าพ่อเธอ— ไม่สิ สัญชาตญาณลึก ๆ ของเธอมันเชื่อว่าพวกเขาเป็นของเธออยู่แล้วด้วยซ้ำ

    แค่นั้นก็เพียงพอ

    ร่างสมส่วนปรายตามองเงาหลายคนที่แต่งกายด้วยชุดสีทึบตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างทะมัดทะแมง ใบหน้าสวมหน้ากากเงินปิดบังตัวตนต่อโลกภายนอก มือลากศีรษะอาบเลือดของพรานกระจอกมาเป็นหลักฐานแก่นายของตน

    คอยรับใช้อยู่เบื้องหลัง สมชื่อดังเงา

    ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์สาดส่อง มือที่สวมถุงมือหนังหยิบอาวุธในกระเป๋าขึ้นมาจ้องมองด้วยแววตาที่หลากหลายความนัย

    อาวุธของศัตรูที่มีตราตระกูลคราวน์ชัดเจน

    ความสัมพันธ์จอมปลอมที่มีคำว่าครอบครัวปักตรึงทุกทิศทาง --- เด็กสาวผมสีดำขลับเงยหน้าขึ้น มองผ่านใบมีดคมไปยังพระจันทร์ที่ลอยเด่นบนฟ้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

    “ไปสืบมาว่าไวเปอร์คืออะไร และเกี่ยวข้องกับคราวน์ยังไง”

    เงาทุกคนพยักหน้ารับ ก่อนจะผลุบหายไปจากตรงนั้นในพริบตา เหลือไว้เพียงเด็กคนนึงที่มองดวงจันทร์ด้วยแววตาอ่านยาก เหมือนแก้วใบน้อยที่มีแต่รอยร้าวแปะทับด้วยเทปบาง ๆ เหมือนของเล่นพัง ๆ ที่ถูกซ่อมครั้งแล้วครั้งเล่า


    เด็กสาวกัดปากแน่นจนเลือดปริ



    ซ่า

    เสียงคลื่นลมจากผืนทะเลที่กระทบฝั่งดังแว่วเข้าหูมาไม่หยุด เปลือกตาบางเปิดขึ้น ดวงตาสีแดงประทับด้วยจันทร์เสี้ยวหรี่ลงยามแสงแดดส่องเข้าตา ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นมา

    วิวบนขอบหน้าผาสูงยังคงสวยไม่เปลี่ยน

    ใบหน้าคมเหม่อมองเส้นขอบฟ้า เป็นอีกครั้งที่มือเอื้อมไปแตะมีดสั้นที่ได้รับมาจากศัตรูมาถือไว้ นิ้วลูบไปตามรอยสลักบนใบมีดซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับต้องการหาคำตอบให้กับตัวเองที่พร่ำถามในใจไม่หยุด

    อีกแล้ว -- อีกแล้วที่ตัวเธอมีบาดแผลที่มองไม่เห็นเพิ่มขึ้นมา

    ตอนนั้นเองที่มือขาวซีดยกขึ้นมาแตะตรงรอยแผลเป็นที่ไหล่ค่อนไปทางหลังโดยไม่รู้ตัว บาดแผลล่าสุดที่เพิ่งได้มาหายไปจนหมด ยกเว้นรอยแผลเป็นด้านหลังนับสิบที่ยังไม่หายแม้จะใช้ยาดีรักษา แผลที่เธอกัดฟันทำให้มันคงอยู่บนร่างตัวเองไม่มีทางเลือนหาย

    ทั้งแผลที่มองเห็นและแผลที่มองไม่เห็น

    มันจะคอยตอกย้ำให้รู้อยู่เสมอว่าไม่เคยมีคำว่า ครอบครัว สำหรับเธอ


    ไม่มีวัน


    “คุเรฮะ!”

    เสียงใสที่คุ้นเคยเรียกให้สองหูกระดิกรับ ในเสี้ยววินาทีที่นัยน์ตาเลือดเย็นฉายแววออกมา เด็กสาวตวัดสายตาไปหา ยิ้มหยีให้เล็กน้อยราวกับนักล่าที่เริ่มเรียนรู้การปรับตัวกับโลกภายนอก

    มือเก็บมีดสั้นที่ถือไว้ลงกระเป๋าคาดขา

    “ไง กอร์น”

    “คุณมิโตะบอกว่าพ่อของฉัน... จินน่ะ ฝากไอ้นี่ไว้ให้ฉันแหละ!”

    ดวงตาคมสองเฉดสีเลื่อนต่ำมองไปยังสิ่งที่กอร์นยกขึ้นโชว์ให้ดูจากเบื้องล่าง


    กล่องสี่เหลี่ยมใบเล็กจากจิน ฟรีคซ์?


    __________C H E C K M A T E__________


    จะสังเกตได้ว่าตอนแรก ๆ คุเรฮะจะมึนตึงและไม่สนใจใครหน้าไหนมากกว่านี้ พอมาตอนนี้คือเริ่มปรับตัวและรู้ว่าควรแสดงสีหน้าแบบไหนออกมายังไงบ้างแล้ว (แม้นั่นจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานลอบสังหารเหมือนที่ผ่านมาก็ตาม)

    ส่วนเรื่องแผลเป็นของคุเรฮะเป็นเนื้อหาปลายเปิดค่ะ คิดได้หลายแง่เลย!



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×