คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : Chapter 26 | VIPER
♜
Chapter 26
เสียงโห่เชียร์ดังก้อง ภาพการต่อสู้ครึกครื้นที่เว้นช่วงหายไปจากสายตานานร่วมเดือนยังเหมือนเดิมทุกอย่าง คุเรฮะกอดอกยืนมองลานต่อสู้ไม่ไกลจากกอร์นและพวกวิงก์
การต่อสู้ครั้งแรกของคิรัวร์บนชั้น 200
เด็กสาวกะพริบตา มองเด็กชายที่ตนแนะนำให้ลงชื่อสุ่มคู่ประลองที่ดูมีฝีมือมาให้ก่อนถึงคู่ซาดาโซ่ คิรัวร์เอามือล้วงกระเป๋าราวกับไม่สนใจรอบด้าน แต่นั่นเป็นแค่การแสดงออกภายนอก
มือที่ล้วงกระเป๋าอยู่คงเย็นน่าดู ครั้งแรกที่ได้สู้ด้วยเน็นเลยนี่
“เริ่มได้!”
คู่ต่อสู้ของคิรัวร์คือชายจากชนเผ่านักรบ ทาสีส้มทั้งตัวเลียนแบบเสือที่เป็นสัตว์ประจำหมู่บ้าน สองมือกระชับหอกยาวในมือ ยกยิ้มเยาะเมื่อเห็นว่าคู่ของตัวเองเป็นแค่เด็กตัวกะเปี๊ยก
ฟึ่บ!
เด็กตัวกะเปี๊ยกที่ถูกปรามาสในใจหายมาโผล่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว ตีลังกาม้วนตัวรวดเร็ว ยื่นแขนออกมา สันนิ้วเรียงกันกะจะสับหลังคอให้สลบในทีเดียวถ้าทำได้
เคร้ง!— มือขาวซีดถูกกันไว้ด้วยด้ามจับหอกเหล็กโดยที่คู่ต่อสู้ยังไม่ได้ขยับขาไปไหน
พวกกอร์นลุ้นจนตัวเกร็ง สะดุ้งไปตามเสียงผั้วะที่ดังลั่น คู่ต่อสู้ใช้มือควงหอกปัดเสยคิรัวร์หน้าหงาย แล้วกระทุ้งด้วยปลายหอกที่ยังมีเหล็กครอบปิดไว้อยู่ เด็กชายลงไปกองกับพื้นแต่ตั้งสติหลบอาวุธที่ฟาดลงมาทันท่วงที
โดดหลบสามทีซ้อนโดยมีหอกยาวเล็งไล่มาไม่หยุด
“ชิ!” ทายาทนักฆ่าทำหน้าไม่สบอารมณ์ขณะเอนหลังหลบปลายหอกที่โจมตีใส่เป็นแนวยาวรวดเร็ว เห็นเป็นแสงเส้นตรงติดตาคนดูบนอัฒจันทร์
แควก! เสื้อบริเวณหน้าอกขาดแหว่ง เด็กชายที่ล้มลงไปรีบผุดลุกขึ้นมา
“หวุดหวิดไปแล้วค่ะ! นักสู้คิรัวร์ต้องคอยหลบคมหอกแบบเฉียดฉิวจนเสื้อผ้าขดเต็มไปหมดแล้วล่ะค่ะ!!”
นักพากย์สาวยังคงพูดจาโอเวอร์เหมือนเคย ดวงตาสีผสมมองนิ่ง -- คู่ต่อสู้คิรัวร์เริ่มตัดสินใจใช้เน็นร่วมสู้ เห็นจากมุมสูงว่าใช้มือปัดด้ามที่เสียบคมหอกอีกด้านนึงออก
ออร่าเริ่มขึ้นมาจับตัวกันทุกสัดส่วนของอาวุธระยะกลาง
ชู (การผสาน)
“เขาต้องใช้เงียวเพื่อจะจับจังหวะคู่ต่อสู้ใช่ไหมครับ?” ซูชิเงยหน้าถามวิงก์ข้าง ๆ ด้านล่างคือคิรัวร์ที่เริ่มจับจ้องการเคลื่อนไหวของศัตรูไม่ห่าง
“ใช่ เพราะโดโรโด้ใช้เน็นสายเสริมพลังและสายแปรสภาพ”
“คู่ต่อสู้ระดับนั้นน่ะ ถึงคุณคิรัวร์จะเก่งขนาดไหนแต่คงจับจังหวะไม่ทันหรอก!”
วิงก์ดันแว่นตาขึ้น “นั่นสินะ...”
“นักสู้คิรัวร์ยังลุกไม่ขึ้นค่ะ แบบนี้อันตรายมากเลย!”
นักรบชนเผ่าเสือเงื้อคมหอกขึ้น เด็กชายผมขาวรีบถีบตัวหนีอย่างแรงจนแผ่นกระเบื้องแตกร้าวเป็นแนวยาว แต่ก็ถูกคู่ต่อสู้ตามไปฟาดฟันด้วยอาวุธคลุมเน็น— คิรัวร์รีบตั้งการ์ดมือป้องกัน!
ตูม!!
แรงปะทะของเน็นจากอาวุธโดโรโด้รุนแรงจนกระเบื้องรอบ ๆ คิรัวร์แตกกระจายเป็นวงกว้าง เด็กชายกัดฟันจิกเท้าลงกับพื้นสนามต้านแรงลงไม่ให้ตัวเองปลิว
“ล-เล่นงานตรง ๆ เลยเหรอ” ซูชิมองทึ่ง โดยมีวิงก์คอยอธิบายให้ฟังเป็นระยะ
“ไม่ต้องห่วง แขนของคิรัวร์มันแน่วแน่ไม่มีสั่นคลอนสักนิด”
กอร์นจ้องเขม็ง กำมือลุ้นตามเพื่อนสนิทอย่างใจจดใจจ่อ คุเรฮะละสายตาจากเด็กชายผมตั้งไปมองคนที่กำลังต่อสู้อยู่ด้านล่าง
ก่อนจะหรี่ตาลง
“นักสู้โดโรโด้จู่โจมแล้วค่ะ! นักสู้คิรัวร์ยังคงนิ่งอยู่ ดูเหมือนว่าจะลงมือแล้ว—”
หอกยาวเงื้อขึ้นจะฟาดฟันเน็นใส่อีกครั้ง ในตอนนั้นเองที่เด็กชายเงยหน้าขึ้นมาจากแขนที่ตั้งการ์ดค้าง ดวงตาสีครามนิ่งสนิทไร้แววที่ควรมี
วิงก์ชะงัก
ตูมม!!
ลานประลองส่วนที่ถูกหอกยาวฟันลงมาสะเทือนกึกก้อง แผ่นกระเบื้องใหญ่แตกละเอียดปลิวออกไปไม่ต่างจากพายุโหมกระหน่ำ--
คิรัวร์หายไป
โดโรโด้เงยหน้าขึ้นมา ยกยิ้มหยันอย่างผู้ชนะ และ “—อ่อก!” กระอักเลือดออกมาเต็มพื้นด้านหน้า
“!!”
พวกกอร์นกะพริบตาอย่างเหลือเชื่อ คุเรฮะลดมือที่กอดอกลง --- คู่ต่อสู้ของนักฆ่าผมสีเงินล้มลงไป เนื้อตัวปริแตกตามรอบเล็บบาดลึก หอกยาวคู่ใจถูกหั่นออกเป็นเสี่ยง ๆ
“น—นักสู้โดโรโด้น็อกเอ้าท์ ผู้ชนะคือนักสู้คิรัวร์!” กรรมการผู้ชายวิ่งเข้ามาทำสัญญาณมือ เสียงระฆังดังขึ้นพร้อม ๆ กับเสียงโห่ร้องหลายอารมณ์ของคนดูบนอัฒจันทร์ที่ล้อมกันเป็นวงกลม
เด็กชายที่มาปรากฏอยู่ด้านหลังของคู่ต่อสู้ในพริบตาเหม่อมองไปด้านหน้า แขนสองข้างปล่อยลงตามแรงโน้มถ่วง ดวงตาสีฟ้าครามหม่นสบตากับดวงตาสีแดงเสี้ยว
“แย่แล้ว! เรียกแพทย์สนามมาด่วนเลย!!” กรรมการรีบรุดไปดูคนเจ็บที่อาการสาหัส
ราวกับเสียงรอบด้านดับลง
ดวงตาเรียบนิ่งเหมือนหุ่นกระบอกของคิรัวร์ยังคงไม่ขยับไปไหน มองมาที่ด้านบน มองมาที่เด็กสาวผู้มีศักดิ์เป็นญาติฝ่ายแม่ ลูกพี่ลูกน้องที่ดวงตาไร้แววมาตั้งแต่แรก
วิงก์ทำท่าจะลุกขึ้นแล้วเดินลงไปหาเด็กชาย แต่ฝ่ามือขาวซีดที่สวมถุงมือหนังยกขึ้นห้ามไว้
โดยที่ยังไม่ละสายตาไปจากเด็กหลงทางตรงหน้าไปไหน
“ฉันจัดการเอง”
♜
ท่ามกลางแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตก
เจ้าของผมสีดำสั้นก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างเงียบเชียบ เบื้องหน้าคือเด็กชายผู้ชนะในการต่อสู้ที่เพิ่งผ่านมา ค้อมตัวลงเท้าแขนกับราวระเบียงบ้านพักของวิงก์
“เธอจะมาคุยเรื่องเน็นที่ฉันใช้ตอนสุดท้ายสินะ”
คิรัวร์เปิดประเด็นก่อนโดยไม่หันมามอง และถึงไม่หันมาก็รู้ได้จากความเงียบว่าคนด้านหลังคงยักไหล่กำกวมมาให้
“ฉันน่ะ รู้ดีอยู่แก่ใจนะ” เขาเอ่ยเสียงปกติ ดวงตาที่ไร้แววกลับมาเป็นเจ้าแมวตัวเดิม ต่างแค่ว่าสีท้องฟ้าในดวงตามันหม่นกว่าปกติแค่นั้น “ฉันคิดว่ากอร์นกับซูชิมีคุณสมบัติที่ดีพอ แต่การประลองวันนี้มันแตกต่าง ...ไม่เห็นเหมือนกับสิ่งที่คุณวิงก์สอนให้เลย”
สายลมยามเย็นพัดผะแผ่ว ทายาทนักฆ่าระบายความในใจออกมา
“ฉัน...อาจจะไม่มีคุณสมบัติที่จะเรียนรู้เน็นต่อไปก็ได้”
เด็กสาวเอียงคอ ลมพัดให้ปอยผมด้านข้างปลิวไล้ข้างแก้ม เธอเดินไปเท้าแขนบนระเบียงข้าง ๆ กัน
“จะมีหรือไม่มีคุณสมบัติมันไม่จำเป็นนี่ ไม่มีใครบังคับให้นายตั้งหน้าตั้งตาฝึกซะหน่อย”
คิรัวร์กะพริบตา ยืดตัวขึ้นมามองวิวของเมืองที่ถูกปกคลุมด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็น รับฟังคนข้างกายอย่างเงียบเชียบ
“นายไม่ได้อยู่ที่บ้าน ไม่มีใครควบคุมให้นายทำอะไรทั้งนั้น” แว่วเสียงหัวเราะดังหึในลำคอถ้าคิรัวร์หูไม่ฝาด “ไม่มีพ่อแม่หรือพี่ชายคอยคุม ไม่ต้องฆ่าคนตามใบสั่ง ไม่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
พวกเขาสบตากัน
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่สังเกตว่าคนตรงหน้าสูงขึ้นกว่าเดิม จากตอนแรกแค่เลื่อนสายตาขึ้นมอง ตอนนี้เขากลับต้องเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยหากจะจ้องเข้าไปในดวงตาสองเฉดสีนั่น ดวงตาที่แม้จะจ้องสักกี่ครั้งเขาก็ไม่เคยเข้าใจ
ราวกับกลับไปเป็นเด็กที่ไม่รู้ความอีกครั้ง
“ฉัน...ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันจะถูกต้องไหม ถ้าเกิดฉันทำอะไรไม่ดี ถ้าเน็นของฉันมัน—”
มือเย็นเฉียบวางลงบนหัวฟูฟ่องดังปุ
แววตาของเธออ่อนลงอีกแล้ว “ไม่ว่านายจะคิดยังไง ตอนนี้นายจะทำอะไรก็ได้ เพราะงั้นเป็นตัวของตัวเองซะ”
“ดำเนินชีวิตต่อไปในแบบที่อยากจะเป็นเถอะคิรัวร์”
คิรัวร์เม้มปากแน่น
ก่อนจะค่อย ๆ พยักหน้าขึ้นลงเชื่องช้า พร้อมกันนั้นก็ถูไถผมที่ฟูนุ่มไม่ต่างจากขนแมวกับฝ่ามืออีกฝ่ายเล็กน้อยอย่างเผลอตัว ก่อนจะอ้าปากเอ่ยบ้าง
“ไม่ใช่แค่ฉัน”
“หืม?” คุเรฮะเลิกคิ้ว
“ไม่ใช่แค่ฉันที่ออกจากบ้านมา เธอก็ด้วยคุเรฮะ” ดวงตาสีฟ้าที่ไร้เมฆจ้องตาจริงจัง เขาจับข้อมือของคนลูบหัวมากำไว้หลวม ๆ “เธอบอกกับฉันให้ใช้ชีวิตที่อยากจะเป็น เธอก็ต้องบอกตัวเองด้วยเหมือนกัน”
“เรื่องที่โซลดิ๊กหรือที่คราวน์ ปล่อยมันไว้ข้างหลังแล้วก้าวไปด้วยกันในฐานะเด็กคนนึงกันเถอะ”
เป็นอีกครั้งที่คิรัวร์เห็นคุเรอะสบตาราบเรียบ แต่ไม่รับปากอะไรชัดเจน
เหมือนทุกครั้ง
บนระเบียงบ้านพักที่เหลือคนชมวิวอยู่แค่คนเดียว -- คุเรฮะนั่งรับลมอยู่บนนั้น
ดวงตาสีผสมเหม่อมองดวงอาทิตย์ที่เริ่มลับฟ้า กลางคืนเริ่มย่างกรายเข้ามา เธอหลับตาลง ปล่อยให้สายลมพัดพาเส้นผมและเรื่องราวมากมายในอกให้ปลิวไปแผ่วเบา
ครุ่นคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่คิรัวร์เอ่ยไว้ทิ้งท้ายก่อนไป
เรื่องแบบนั้น... จะทำได้จริง ๆ หรือ
ในฐานะเด็กคนนึงที่คิรัวร์บอกมา เธอยังไม่เข้าใจความหมายของคำ ๆ นั้นด้วยซ้ำไป เด็กแบบเธอควรจะทำอะไร ฝึกฝนวิชาอย่างซูชิ ตามหาคนสำคัญแบบกอร์น หรือออกจากบ้านมาเพราะอยากมีเพื่อนแบบคิรัวร์
คุเรฮะยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพ่อถึงอยากให้เธอออกมาคราวน์ อิสรภาพที่ไม่เคยร้องวอนขอ
เพราะเป็นเด็ก...งั้นเหรอ?
—ฉับพลันนั้นเองที่ภาพก่อนหน้านี้ย้อนกลับมาฉายในหัว
“เป็นเด็กเป็นเล็ก ริจะรุกผู้ใหญ่ยังเร็วไป 100 ปีนะเด็กน้อย”
“...”
กรอบหน้าคมเหลือบมองหลังมือที่จับราวระเบียง ยกมันขึ้นมา ก่อนจะแนบริมฝีปากตัวเองลงไปอย่างเงียบงัน
ดวงตาสีแดงเสี้ยวหลุบลง
แท้จริงแล้ว ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่
ต่างก็เข้าใจยากพอ ๆ กันนั่นแหละ
♜
พวกรับน้องใหม่ที่ทำผิดสัญญาถูกจัดการเรียบ
สองเด็กชายหัวขาวดำเล่นงานคิดกับรีลเบลต์จนแพ้ไปในการแข่งตัวต่อตัว ส่วนซาดาโซ่หนีเอาตัวรอดคนแรกเมื่อถูกคิรัวร์ข่มขู่ด้วยมาดนักฆ่าโซลดิ๊ก
หลังจากนั้นการฝึกเน็นสี่มหาวิถีก็ดำเนินต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เด็กชายอายุ 12 ปีทั้งสองคนเริ่มใช้ เท็น เซ็ทสึ เร็น ฮัตสึได้คล่องกว่าวันวาน
คุเรฮะเท้าคางมองกอร์นและคิรัวร์ในสวนสาธารณะใกล้ลานประลอง
ฟู่ว
ออร่าเบาบางครอบคลุมไปทั่วร่าง เด็กชายผมดำตั้งหลับตา ตั้งใจฝึกฝนตามคำแนะนำของวิงก์ไม่มีขาดตกบกพร่อง ส่วนคิรัวร์ก็เรียนรู้ได้เร็ว เธอแค่แนะนำเทคนิคการใช้เงียวไปให้สั้น ๆ เจ้าตัวกลับฝึกจนแซงหน้ากอร์นกับซูชิไปก่อนใคร
สมกับเป็นพรสวรรค์ของทายาทโซลดิ๊กที่ร้อยปีจะมีคนนึง
คิรัวร์หน้าแดงเป็นริ้ว ยื่นมือมาผลักหัวตอนได้ยินคำชมแก้เขิน
“คราวน์เองก็มีเธอไม่ใช่รึไง” เขากระแอมเปลี่ยนเรื่องมาที่ญาติผู้พี่
ใช่ เรื่องที่เล่าลือกันในสายตระกูลแบบนี้บางทีก็มีผ่านหูมาบ้างเหมือนกัน
แต่
คุเรฮะส่ายหัว “ไม่ใช่ฉันหรอกนะ”
“อ้าว ถ้าไม่ใช่เธอที่เป็นผู้สืบทอดแล้วจะเป็นใคร?”
“คิดว่าคงเป็นพี่ชายคนใดคนนึง...มั้ง”
ภาพของชายตัวสูงยังคงติดตรึงในความทรงจำ ใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นพาดผ่านแวบเข้ามาในหัว ภาพผมยาวสีน้ำเงินเข้มปลายแซมแดงปลิวตามลมยามเดินเมินเธอไป
ลูกชายคนโตของพ่อกับนายหญิงที่หนึ่ง
“ทำไมต้องมีมั้งด้วยล่ะ?” กอร์นเดินตามมา มือเปิดขวดน้ำในมือแล้วยกขึ้นดื่มแก้กระหาย ถึงจะไม่ค่อยถามอะไรมากความแต่ก็คอยฟังอยู่ตลอด
คุเรฮะยักไหล่
“เพราะฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นคนไหน”
ไม่ใช่แค่พี่ชาย ฟีโอนิกซ์ผมปลายแดงเองก็มีฝีมือหาจับตัวยากไม่แพ้กัน ใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรหากผันตัวมาลงศึกชิงตำแหน่งขึ้นมา -- แม้แต่เซ็นจิเองก็อาจจะยอมหลบให้ก็ได้
อย่าไว้ใจคราวน์แม้แต่พี่น้องพ่อเดียวกัน
คำ ๆ นี้ต่อให้ไม่มีใครบอก ทุกคนก็ตระหนักรู้ได้เองเมื่อเข้ามาอยู่ข้างในรั้วคราวน์
—เด็กสาวกะพริบตา หยุดคิดเมื่อหัวทุย ๆ ของเจ้าสองหมาแมวพร้อมใจกันเอนมาพิงไหล่คนละข้าง ราวกับรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่และพากันทำให้เธอเลิกคิดทางอ้อม
“เน็นนี่สุดยอดไปเลยน้า” กอร์นขยับหัวถูไถหัวไหล่ยิ้ม ๆ
“อย่ามาอู้ ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้นายมีแข่งกับเจ้าฮิโซกะ” คิรัวร์ทำหน้าหมั่นไส้ มือดันหัวเพื่อนผมตั้งให้ห่างจากญาติผู้พี่ “ไปฝึกต่อเลยเฟ้ย!”
กอร์นหัวเราะร่า วิ่งมาดึงแขนเจ้าแมวขี้บ่นขึ้นไปฝึกด้วยกัน เด็กชายผมขาวฟูทำโวยวายเกาะแขนคนหน้าตายไล่ให้เพื่อนไปฝึกคนเดียว สุดท้ายกลายเป็นว่าทั้งสามคนลุกจากพื้นหญ้าขึ้นไปวิ่งไล่จับกันซะอย่างนั้น
คุเรฮะมองเด็กสองคนที่กระโดดไล่แปะกันอย่างสนุกสนาน แม้ตอนแรกจะงงงวยไปบ้าง แต่ในเวลาถัดมาดวงตาสีแดงเสี้ยวก็เริ่มปรากฏแววในตาเจือจาง
นั่นสินะ
ถึงจะยังไม่เข้าใจ แต่ทำตัวให้สมกับเป็นเด็กคนนึงบ้างอย่างที่คิรัวร์บอกก็ไม่เลวนัก
สักวัน... สักวันก็คงจะรู้ความหมายของการมีชีวิตในสิ่งที่ตัวเองเลือกเองนั่นแหละ
ดวงตาคมมองมือของลูกพี่ลูกน้องผมเงินที่ยื่นมาแปะไหล่ก่อนจะยกยิ้ม เธอขยับตัวไปข้างหน้า วิ่งไล่แปะเด็กชายสองคนที่หนีไปคนละทาง
แล้วหัวเราะสนุกสนานไปด้วยกัน
♜
‘คุเรฮะจัง ยังไงก็ลองไปสอบฮันเตอร์อีกครั้งนะ เธอต้องผ่านแน่นอน ฉันรับประกันได้’
เด็กสาวตัวสูงยักไหล่ให้กับคำเอ่นลาทิ้งท้ายของวิงก์ สองมือกระชับกระเป๋าเป้สะพายหลังขณะเดินออกจากห้องพักลานประลองกลางหาว
ศึกตัดสินคืนป้ายสอบฮันเตอร์ของกอร์นและฮิโซกะ
จบลงด้วยชัยชนะของโจ๊กเกอร์อย่างที่คาดไว้
ถึงจะแพ้ด้วยการนับคะแนนของกรรมการ แต่กอร์นก็สู้เต็มกำลังเท่าที่ตัวเขาทำได้ ชกหน้าฮิโซกะไปเต็ม ๆ หมัดนึงเพื่อคืนป้าย และรัวอีกหลายหมัดตอนมีช่องว่างให้สวนกลับ
เป็นการต่อสู้ระหว่างเด็กชายกับว่าที่ผู้ท้าชิงฟลอร์มาสเตอร์ โด่งดังและเป็นที่กล่าวขานในชั่วข้ามคืน -- มือขาวซีดใต้ถุงมือหนังวางคืนกุญแจห้องพักบนเคาน์เตอร์
ขณะที่กำลังจะเดินผ่านทางแยกลงไปหาสองเด็กชายที่รออยู่ชั้นล่าง ในตอนนั้นเอง--
หมับ
มือหนาคู่นึงยื่นมาโอบล้อมกรอบหน้าของเด็กสาว แล้วดึงเข้าไปหาในความมืดด้านหลัง
“ไฮ~♥”
หัวทุย ๆ ชิดกับอกกว้าง คุเรอะแหงนหน้ามองเจ้าของมือที่กอบอุมใบหน้าช่วงคางของตัวเองหน้าตาย
ใบหน้าที่มีรอยช้ำจากหมัดกอร์นยิ้มหยี
“คุโรโร่ฝากอะไรมาให้รึไง?”
ดวงตาสองเฉดสีกะพริบมองตัวตลกที่หายหน้าหายตาไปพักนึง -- หลังจากจูบหลังมือกันไป -- ฮิโซกะหัวเราะในลำคอ
“ไม่ใช่คุโรโร่ แต่เป็นฉันต่างหาก♦”
มือข้างนึงยื่นออกไป ดีดนิ้วดังเป๊าะ
ปุ๊ง!
ร่างสูงแกว่งถุงกระดาษใบเล็กที่โผล่มาจากความว่างเปล่าพร้อมกับควันสีขาว ริมฝีปากเหยียดยิ้ม -- เปิดออกมาเป็นสายรัดหนังเนื้อดีสีดำเงา คุเรฮะเลิกคิ้วสูงมองมันถูกแกว่งผ่านหน้าไปมา
ลากเสียงยาว “...แล้ว?”
“ใส่ให้ดูหน่อย~”
“มันไม่ใช่แค่สายรัดขา” เด็กน้อยเอ่ยดักทาง หรี่ตามองอย่างรู้ทัน
ใบหน้าแต้มสีตัวตลกหัวเราะคิกคัก
“ยังไงเธอก็ต้องมาที่ยอร์คชินเพราะงานประมูลอยู่ดี คุราปิก้ามา พวกกอร์นกับคิรัวร์ก็ต้องตามมาเจอแน่ ♦” เสียงขี้เล่นเอ่ยหยอกล้อ “จะได้ตามตัวง่ายไงสลีปปี้ เผื่อคุโรโร่อยากเจอ”
มีการอ้างถึงบุคคลที่สาม
หนึ่งเดือนที่อยู่แมงมุม เธอยอมรับว่าคุโรโร่เป็นคนที่ฉลาดและซับซ้อนจนน่ากลัว หากอยากเจอเธอคงหาทางมาพาตัวเธอไปพบด้วยสารพัดวิธีได้เองนั่นแหละ แต่ก็ใช่ว่าจะมองไม่ออก เขาเอ็นดูเธอ คอยจับตาดูไม่ห่าง แต่ก็ยังคาดเดาไม่ได้อยู่ดีว่าในอดีตเธอกับเขารู้จักกันในฐานะอะไร
เอ่ยเสียงเรียบ
“อยากเจอก็โทรมาสิ มีเบอร์ฉันแล้วนี่”
“ไม่เอาอ่า แบบนั้นมันไม่เซอร์ไพร์ส!”
เซอร์ไพร์สที่ว่าคือจะมาหิ้วเธอไปเหมือนคราวเฟย์ตันกับฟิงค์เรอะ...!
มือหนายื่นสายรัดให้ แต่เจ้าของผมสีดำสั้นเบี่ยงตัวหนี สายรัดขาพร้อมด้วยเครื่องติดตาม ตลกตายล่ะ
ฮิโซกะทำแก้มป่อง
“คำสั่งข้อสาม ใส่ซะสลีปปี้ ♣”
เด็กน้อยกลอกตาวนเป็นเลขแปด ถอนหายใจยาว ๆ ครั้งนึงแล้วยื่นขาออกไปข้างนึง “อยากนักก็ใส่เอง” ก่อนจะถดขาหนีแทบไม่ทันเมื่อตัวตลกก้มตัวมาจะทำให้จริง ๆ สุดท้ายเบี่ยงขาหลบยังไงก็ถูกดึงไปสวมให้จนได้
จะเทเลพอร์ตหนีบันจี้กัมก็แปะแก้มอยู่
ให้ตายสิ
“ว่าแล้วเชียว~ สลีปปี้เหมาะกับสายรัดขาจริง ๆ นั่นแหละ”
คนถูกสวมให้ก้มมอง มันไม่ต่างจากกระเป๋าคาดขาที่เธฮใส่อาวุธพกพาเท่าไหร่ “ทำไมต้องเป็นสายรัดขา?”
“สลีปปี้คงรำคาญของกุ๊งกิ๊งแบบเด็กผู้หญิงคนอื่นใช่ไหมล่ะ”
รู้ทันอีก
“ของเล่นที่มีแต่คนจ้องจะแย่งน่ะ ฉันต้องหวงเป็นธรรมดา ♥”
คุโรโร่คนนึงแล้ว ไหนจะพวกนักล่าค่าหัวและพวกล่าของหายากอีก
ดวงตาสีทองอำพันมองตามเส้นผมสีดำขลับที่ปลิวสะบัดยามส่ายหัวหน่ายใจ คุเรฮะสบตาอีกครั้งเป็นนัยว่าไปคราวนี้คงไม่มีอะไรมาให้ใส่อีกนะ
เขายิ้มแป้นกับแผ่นหลังเล็กที่เคลื่อนตัวออกไป
ใครจะไปยอมโดนแย่งของเล่นชิ้นโปรดกัน
♜
“พวกน่ารำคาญนั่นหายไปแล้ว”
“หืม”
มาจิเลิกคิ้ว ในตอนนี้โบสถ์ร้างเหลือเพียงแมงมุมสามขา หัวหน้าบอกว่าจะไปธุระพ่วงด้วยปาคูโนด้าและกอลโทปี้ติดตามไปด้วย บอกว่าเจอกันอีกทีวันที่ 30 สิงหาเลย
“เออ อุตส่าห์รอที่นี่จนกว่ามันจะบุกเข้ามาจะได้จัดการแก้เซ็ง หายหัวกันเฉ๊ย” ฟิงค์บ่นกระปอดกระแปด
“คงแค่มาสังเกตการณ์นั่นแหละ พวกขี้ขลาดก็งี้” เฟย์ตันยักไหล่ อีกไม่นานเดี๋ยวพวกเขาก็แยกย้ายกันไปตามใจตัวเองแล้ว จะสนใจไปทำไมกัน
“ก่อนหน้านี้ฉันลองไปถามชาร์แน็คมา ในเว็บไซต์นักล่าค่าหัวหรือเครือข่ายมาเฟียตอนนี้ยังไม่มีใครแจ้งความเคลื่อนไหวของแมงมุมนะ”
มาจิเอ่ยพลางหรี่ตา ครุ่นคิด
“เธอไปถามชาร์แน็คมา?”
“ใช่”
“เรื่องแค่นี้จะถามไปทำไมวะ” ชายตัวสูงในชุดวอร์มเกาหัวงง ก่อนจะหยุดมือกลางคัน “ลางสังหรณ์เรอะ?”
คนที่มีลางสังหรณ์แม่นสุดในกลุ่มกองโจรพยักหน้า
“ใช่ ฉันรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวกับพวกเราด้วย”
“พูดเป็นเล่น ด้อม ๆ มอง ๆ มาเดือนกว่า ไม่ได้เกี่ยวกับแมงมุมแล้วจะเกี่ยวกับ... ใคร”
ท่อนสุดท้ายเบาลง
ทั้งสามคนมองหน้ากัน
“อะ—”
คิรัวร์ที่ถูกผลักออกมาเบิกตากว้าง
เลือดสีแดงสาดกระเซ็นไปทั่วกำแพงลานประลองบนชั้นที่ไร้พนักงานเฝ้า
นัยน์ตากลมสีเปลือกไม้สั่นเครือ คนที่โอบกอดเขาเอาไว้เกร็งแน่นจนร่างแทบเบียดเป็นเนื้อเดียวกัน กอร์นครางเสียงแผ่ว
“ค-คุเรฮะ”
จิตสังหารที่ระเบิดออกมาทำให้เขาควบคุมตัวเองให้เลิกสั่นระริกไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยพบเจอ แต่แรงกดดันที่อยู่ประชิดขนาดนี้กำลังทำให้เขาหวาดผวา
แม้แต่คิรัวร์ยังไม่กล้าขยับเข้ามาช่วย
การต่อสู้ที่เพิ่งจบไปยังติดตาเป็นภาพเคลื่อนไหวในแววตา เด็กชายสองคนตกเป็นเป้าโจมตีของผู้ใช้เน็นพร้อมกันในทีเดียว
และพวกเขาเป็นแค่ตัวล่อ
“คุเรฮะ...” เขาพยายามเรียกซ้ำ
สองมือผิวสีแทนพยายามกดห้ามเลือดที่ไหลซึมออกมานอกเนื้อผ้าสีทึบ มันแผ่ขยายทั่วแผ่นหลังกว้าง เสื้อคลุมตัวนอกขาดวิ่นเพราะของมีคม
แผลไม่ลึก แต่ที่น่าห่วงคือคนที่กำลังกอดเขาไว้จนเจ็บ
คุเรฮะกำลังโกรธ
โกรธมากด้วย
คงเพราะในเสี้ยววินาทีที่ตระหนักได้ว่าเขาเป็นตัวล่อที่ถูกเล็งเป้ามากกว่าใคร ในขณะที่คิรัวร์ซึ่งเป็นถึงนักฆ่ามีฝีมือถูกโจมตีด้วยจำนวนเน็นที่น้อยกว่า
ซากผู้ใช้เน็นที่ถูกมีดปักหัวทะลุไว้กับกำแพงห้อยโตงเตงอาบเลือด การต่อสู้ที่เปิดฉากโดยไม่ทันตั้งตัวและจบลงด้วยของเหลวกลิ่นสนิมสีแดงเข้ม
จิตสังหารน่าหวาดหวั่นค่อย ๆ เบาบาง แต่ยังไม่หายไปหมด คุเรฮะผละออกจากกอร์น เอื้อมมือไปหยิบมีดสั้นที่ปักพื้นเอาไว้ไม่ไกลมาถือ
ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ตอนกำลังเดินเคียงกัน เธอกำลังยิ้มบาง ยอมตกลงว่าจะใช้ชีวิตในฐานะเด็กคนนึงอย่างที่คิรัวร์บอกมา ไม่ต้องคิดเรื่องคราวน์ ทิ้งปริศนาทั้งหมดไว้เบื้องหลัง
‘เรื่องที่โซลดิ๊กหรือที่คราวน์ ปล่อยมันไว้ข้างหลังแล้วก้าวไปด้วยกันในฐานะเด็กคนนึงกันเถอะ’
ในตอนนี้เธอรู้ชัดแล้ว มันไม่มีทางเป็นไปได้
เสียงเหี้ยมเอ่ยลอดไรฟัน ดวงตาสีแดงก่ำมีประกายฆ่าฟันอยู่ในแววตา
“ไอ้พวกเวร...”
รอยสลักบนคมมีดคือสัญลักษณ์ของอสรพิษที่เลื้อยล้อมมงกุฎราชา ตราประจำตระกูลตัวเองที่ไม่เคยลืมแม้จะหลับตาลงไม่รับรู้สิ่งใด
หากแต่ข้อความที่สลักทับเอาไว้กลับมีบางอย่างแตกต่างออกไป
ชื่อเรียกของอสรพิษอีกหนึ่งสายพันธุ์
[ VIPER ]
__________C H E C K M A T E__________
VIPER:
สายพันธุ์งูชนิดหนึ่ง
จบภาคลานประลองแล้ว!
จบด้วยปริศนาอีกหนึ่งชิ้นที่โผล่มาตอนจบให้ค้างคากัน ตอนแรกคุเรฮะก็คิดจะปล่อยวางทุกอย่างแบบที่คิรัวร์กล่อมแล้ว แต่สุดท้ายเรื่องที่เกิดดันมีตราประจำตระกูลตัวเองโผล่มาซะงั้น สิ่งที่กล่อมมาตอนแรกไร้ความหมายทันทีเพราะเรื่องใหญ่แบบนี้ไม่มีทางปล่อยผ่านได้
เอาล่ะ ตอนต่อไปจะอัพพีวีที่วาดเองให้แล้วล่ะค่ะ!
ความคิดเห็น