ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HxH : Hunter x Hunter] CHECKMATE

    ลำดับตอนที่ #24 : Chapter 20 | คำสั่งจากผู้ชนะ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.9K
      552
      7 เม.ย. 63


    Chapter 20



    “ยินดีต้อนรับสู่ชั้น 200 ค่ะ กรุณาลงชื่อตรงนี้ด้วย”

    ดวงตาสองเฉดสีใต้คอนแทคเลนส์ทอดมองไปที่สองเด็กชาย กอร์นกับคิรัวร์ที่ผ่านด่านฮิโซกะมาด้วยเท็น --- กำลังตั้งใจฟังพนักงานชี้แจงกฎกติกาบนชั้น 200 ด้านหน้า ส่วนเธอยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ฝั่งตรงข้าม

    ตอนนี้เวลาสี่ทุ่มครึ่ง ...ตาเธอกำลังสว่างเลยล่ะ

    ระบบการเข้าประลองบนชั้น 200 นั้นไม่ได้ยุ่งยากอะไร ภายใน 90 วันหลังจากนี้จะลงประลองวันไหนก็ได้ จะสู้ทุกวันเลยก็ได้ หรือจะอยู่เฉย ๆ แล้วค่อยลงแข่งตอนใกล้จะหมดเวลาก็ไม่มีปัญหา

    หากลงต่อสู้ไปแล้วครั้งนึงก็จะได้รับเวลาเพิ่มอีก 90 วัน

    “แต่ขอเตือนไว้หน่อยนะคะ หากไม่ลงสู้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในช่วงเวลาที่กำหนด จะถือว่าหมดคุณสมบัติและถูกตัดรายชื่อออกทันที” พนักงานสาวผมสั้นยิ้มหวาน

    กอร์นเกาะขอบโต๊ะเคาน์เตอร์ตาปริบ ๆ “หมายความว่าในชั้นนี้จะต่อสู้กี่ครั้งก็ได้งั้นเหรอฮะ?”

    “จะต่อสู้ให้ผ่านชั้นนี้ต้องชนะถึง 10 ครั้งค่ะ แต่ถ้าแพ้ 4 ครั้งก่อนก็จะถือว่าหมดสิทธิ์เหมือนกัน”

    คนหลังเคาน์เตอร์ใช้น้ำเสียงโทนสูง เชิญชวนให้ตื่นเต้น

    “และหากชนะถึง 10 ครั้ง ก็จะได้สู้กับฟลอร์มาสเตอร์ด้วยนะคะ!”


    ฟลอร์มาสเตอร์

    —คำ ๆ นี้ทำให้มือที่กำลังกอดอกของคุเรฮะกระชับแน่นขึ้นไปอีก


    มันคือคำเรียกนักสู้ระดับสุดยอด 21 คน ครอบครองชั้นต่าง ๆ ตั้งแต่ชั้นที่ 230 ถึง 250 ชั้นละคนเดียว และหากท้าสู้ชนะฟลอร์มาสเตอร์แล้วเอาชนะได้ ก็จะกลายเป็นฟลอร์มาสเตอร์คนต่อไปที่ครอบครองชั้นนั้นแทน

    ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งเต็มไปด้วยคำถามและข้อสันนิษฐานมากมาย ความเป็นไปได้ต่าง ๆ ที่ตัวเองจะโผล่มาเป็นฟลอร์มาสเตอร์ลำดับท้ายสุดปรากฏขึ้นมาเป็นเส้นกราฟ

    มาเพราะฝึกฝนฝีมือ มาเพราะคำสั่ง มาเพราะภารกิจ

    ...แต่ไม่ว่าจะมาเพราะอะไร สิ่งเดียวที่ทำให้ทุกการคิดต้องชะงักคือ ตัวเธอที่ เด็ก ขนาดนั้นกลายมาเป็นฟลอร์มาสเตอร์ได้อย่างไร ต่อให้มีไหวพริบเกินมือสังหารวัยเดียวกัน มันก็ไม่น่าจะล้มคู่ต่อสู้ระดับนั้นได้เลยด้วยซ้ำ

    แรงทางกายภาพ ไหวพริบ การพลิกแพลงและประสบการณ์

    ทุกอย่างมันห่างชั้นกันเกินไป


    ...แล้วเธอทำได้ยังไงกัน?


    “ชั้นบนสุดไม่มีอะไรน่าสนใจกว่านี้เหรอ?”

    เสียงของคิรัวร์ดังแทรกขึ้น กลบความคิดฟุ้งซ่านไปเกือบหมด

    คุเรฮะกะพริบตา มองสองเด็กชายที่ยังคงเกาะขอบเคาน์เตอร์ตาแป๋ว ต่างจากพนักงานสาวที่เริ่มยิ้มไม่ออก “ถ้าชนะการประลองกับฟลอร์มาสเตอร์ชั้นสูงสุดได้ละก็— ผู้ชนะจะได้ชั้นบนสุดของลานประลองเป็นบ้านเลยนะ! ขึ้นชื่อว่าเป็นคฤหาสน์ที่สูงที่สุดในโลกเลยนะคะเนี่ย!!”

    พยายามเชียร์สุดขาดใจดิ้น

    ที่พูดไปน่ะ คฤหาสน์หรูความสูงเหนือน้ำทะเล 1,000 เมตรเลยนะยะ!

    “น—นอกจากนี้ยังมีสมบัติเป็นของมีค่าหายากเป็นรางวัลแถมให้ตรึมเลยด้วย!”

    คิรัวร์ผู้มีบ้านอยู่บนภูเขาสูง 3,700 เมตรหันไปทางกอร์น ทำตาปริบ ๆ ใส่กัน “เอาไง? พอฉันรู้ความลับว่าข้างบนเป็นไงก็ชักไม่สนใจแล้วอะ”

    “ฉันเองขอแค่ได้สู้กับฮิโซกะก็พอแล้ว”


    ปี๊—ด

    เส้นเลือดผุดข้างขมับพนักงานสาวเป็นแนวยาว เธอแหวใส่ไร้เสียง

    ต๊าย! นี่พวกเธอมาทำไมกันยะ!!


    “...”

    เด็กสาวที่ยืนพิงกำแพงเหลือบมองไปทางด้านข้าง ขณะที่พวกกอร์นกำลังปรึกษากันว่าจะเอาไงต่อ ผู้ใช้เน็นสามคนก็โผล่มาจากเงามืด สามคนที่มีร่างกายบกพร่องมากกว่าคนปกติ

    คงเป็นพวกที่พลาดท่าตอนโดนรับน้องบนชั้น 200 -- คนนึงไร้แขนสองข้าง คนนึงมีขาเป็นเหล็กข้างเดียว คนนึงนั่งรถเข็นเพราะสองขาใช้งานไม่ได้

    ทันทีที่กลุ่มสามคนนั้นสังเกตเห็นคุเรฮะพากันชะงักไป หากไม่ยอมถอยกลับ

    คิรัวร์หันขวับมาอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาแมวจ้องเขม็ง

    “มีธุระอะไร?”

    ชายหนุ่มคนหนึ่งผู้มีองค์ประกอบบนใบหน้าไม่ต่างจากหน้ากากบิดยิ้มยาว พยายามทำเป็นไม่มองเด็กสาวที่อยู่ใกล้กัน อีกสองคนเองก็มีท่าทีขยาดและไม่อยากยุ่งกับคุเรฮะจนสังเกตได้

    เจ้าของดวงตาฟ้าครามหรี่ตามอง

    “เปล่าร๊อก เราอยากลงชื่อสู้บ้างก็เลยมาเข้าคิวน่ะ”

    ปากพูดไปงั้น แต่แววตาที่เล็กลีบจนแทบมองไม่เห็นจ้องตรงไปยังใบสมัครในมือเด็กชายที่ดูหัวอ่อนสุด เขาหัวเราะอย่างมีเลศนัย

    “กอร์น ดูเหมือนเจ้าหมอนี่จะลงสู้วันเดียวกับนายนะ”

    คิรัวร์หันหลังเท้าแขนสองข้างบนเคาน์เตอร์สบาย ๆ ไร้ท่าทีเป็นกังวล รู้ได้ทันทีว่าเจ้าพวกนี้กะมารอเล่นงานน้องใหม่ เผื่อฟลุ๊กเอาชนะได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องเสียแรงไปเจอพวกอันตรายกว่า

    เด็กชายผมดำตั้งมองตามสายตาเพื่อนข้างกาย ครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะลงมือติ๊กช่องในใบสมัครแล้วยื่นให้พนักงานสาวด้านในอย่างไม่ลังเล

    แววตากลมเต็มไปด้วยความมั่นใจ

    “ฉันลงสู้วันไหนก็ได้ทั้งนั้น!”



    “สู้ 3 ครั้ง ชนะ K.O. หมด”

    คิรัวร์เอ่ยระหว่างเริ่มการประลองของกอร์นกับคิด ภาพตรงหน้าไม่ได้ดึงดูดความสนใจเขาเท่ากับคนข้าง ๆ ในเวลานี้ ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองคุเรฮะที่นอนซบไหล่เขาต่างหมอน

    “หนึ่งในสามเธอฆ่าคู่ต่อสู้ตายคาที่ด้วย?”

    “ฮื่อ...”

    เสียงครางรับเบา ๆ ข้างหูตัดกับเสียงโห่ร้องรอบตัว เด็กชายเอื้อมมือไปหยิกแก้มคนงีบไม่จริงจังนัก

    มิน่าล่ะ เจ้าพวกนั้นถึงดูไม่อยากยุ่งกับยัยนี่

    ไปสร้างวีรกรรมไว้นี่เอง

    การนำพลังชีวิตที่เรียกว่าออร่าออกมาใช้งานในทางดีและร้าย มันคือเน็นที่พวกเขาเพิ่งได้เรียนรู้แค่ขั้นเริ่มต้น และทั้งหมดนั่นคุเรฮะรู้อยู่ก่อนแล้ว

    ตอนนี้ถึงได้ก้าวนำหน้าพวกเขาไปไกลลิบนี่ไง

    “เธอนี่น้า” มือยืดแก้มญาติผู้พี่เข้าไปอีก

    หากเป็นตอนสอบฮันเตอร์ เขาคงหมั่นไส้เธอไม่น้อย ทั้งเป็นผู้สืบทอดตระกูลใหญ่ ทั้งมีพลังและความสามารถเน็นมากกว่าเขาที่เป็นนักฆ่าในวัยไล่เลี่ยกัน

    ทุกอย่างล้วนดูเพอร์เฟคจนน่าอิจฉา

    แต่พอยิ่งรู้จัก ยิ่งอยู่ด้วยกัน ความคิดเหล่านั้นกลับกลายเป็นอีกแบบนึง

    เป็นผู้สืบทอดตระกูลแล้วอย่างไร ในเมื่อในบ้านยังแว้งกัดกันเอง เก่งกาจแล้วอย่างไร หากทั้งหมดนั้นแลกมาด้วยการฝึกฝนที่มากกว่าเขาหลายเท่าตัว

    ขนาดเขาเป็นแค่นักฆ่าที่ยังไม่รู้จักเน็นยังถูกที่บ้านจับลองยาพิษที่ไม่อยากกิน ช็อตไฟฟ้าที่ไม่อยากได้


    สมองเขาคิดคำถามได้แค่คำเดียว

    แล้วคุเรฮะล่ะ?


    “ออกมาแล้วค่ะ! ระบำลูกข่างพิฆาตของนักสู้คิด!!”

    เสียงของนักพากย์สาวบนห้องโสตดังไปทั่วลานประลอง ผสมผสานไปกับเสียงของผู้ชมบนอัฒจันทร์ “เป็นสไตล์เฉพาะตัวที่สามารถบังคับลูกข่างสิบลูกให้จู่โจมคู่ต่อสู้ได้ตามใจต้องการ!”

    ดวงตาสีฟ้าครามเลื่อนกลับไปมองที่เวที --- ลูกข่างทั้งหมดหมุนสลับไปมาจนลายตา บางอันหมุนมากระทบกันเองแล้วกระดอนไปกระแทกใส่กอร์นจนตัวปลิว

    ดูจากสีหน้าแล้ว แรงกระแทกนั่นคงหนักไม่ใช่น้อย ๆ

    “…ช่องโหว่ใหญ่อยู่นะ”

    คำพูดของคนหลับตางีบดังแทรกเสียงเชียร์

    คิรัวร์ขมวดคิ้วครุ่นคิด ตาเลื่อนไปมาสอดคล้องกับสมองที่แล่นเร็วจี๋เพื่อหาช่องโหว่ที่ว่า แม้จะห้วนสั้นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำแนะนำของคุเรฮะค่อนข้างจะเน้นตรงจุด

    ผั้วะ—! ร่างของกอร์นกระเด็นออกนอกเวที!

    ตอนนั้นเองที่รูม่านตาเขาขยายกว้าง คิรัวร์เอ่ยเสียงดังบนอัฒจันทร์ “ลูกข่างมันไม่ได้โจมตีใส่กอร์นอย่างเดียว มันกระแทกกันเองแค่เฉพาะบนเวที!”

    มุมปากของคนหลับหยักยิ้มขึ้นจนแทบไม่สังเกตเห็น


    เท็น (หยุด)

    เซ็ทสึ (สูญสิ้น)

    เร็น (ปลดปล่อย)

    ฮัทสึ (ไม้ตาย)

    การใช้เน็นสี่รูปแบบเป็นแค่ขั้นพื้นฐานของการใช้เน็นเท่านั้น นี่ยังไม่รวมเทคนิคขั้นสูงของการใช้เน็นที่ต้องเอาการใช้เน็นพวกนี้มาประยุกต์ใช้ในรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น


    (...กอร์นกับคิรัวร์ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะเลย)



    “แขนขวา ข้อมือและท่อนแขนหักสองท่อน กระดูกต้นแขนแตกละเอียด กระดูกซี่โครงหักสามแห่ง กระดูกแตกละเอียดสิบสองแห่ง เค้าว่ากว่าจะหายดีก็ร่วมสี่เดือน”

    เสียงร่ายยาวทั้งหมดตามมาด้วยคำด่าปิดท้าย “เจ้าเซ่อเอ๊ย!”

    เด็กชายผมตั้งที่เพิ่งผ่านการแพ้ครั้งแรกบนชั้น 200 นั่งยิ้มแห้งบนเตียงในห้องพัก แขนข้างนึงสวมเฝือกสีขาวบ่งบอกว่าเป็นจุดที่โดนหนักที่สุด บนใบหน้าผิวสีแทนมีพลาสเตอร์แปะเป็นจุด ๆ

    กอร์นแลบลิ้นนิดหน่อย

    “ขอโต๊ด”

    คิรัวร์แยกเขี้ยวใส่ นิ้วชี้จิ้มเหม่งเพื่อนปึก ๆ อย่างไม่ออมแรงจนหน้าหงาย “ขอโทษฉันแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาฟะ!? สงสัยจริงว่าในเหม่งเถิก ๆ ของนายนี่มันมีอะไรอยู่บ้าง ห้ะ!!”

    พรืด—

    ผ้าห่มบริเวณตักที่โป่งขึ้นมาผิดปกติย่นลง เป็นคุเรฮะที่นอนขดตัวซุกอยู่ข้างใน และเสียงเทศน์แว๊ด ๆ ว๊าก ๆ ของญาติผมขาวทำให้เธอปรือตาสีแดงเสี้ยวที่ไม่ได้สวมคอนแทคเลนส์ขึ้นมามองข้างนึง

    “ก็เห็นสารรูปของไอ้พวกที่ไม่รู้จักเน็นเลยโดนรับน้องไปแล้วไม่ใช่เรอะ พลาดไปนิดเดียวนายได้เป็นเหมือนไอ้พวกนั้นแน่ เจ็บแค่นี้ถือว่าบุญโขแล้วนะเนี่ย!”

    จะหันไปหาคุเรฮะให้ช่วยซ้ำเติมเพื่อน รายนั้นก็เอาแต่นอนซุกตักมันอยู่นั่น ยัยนี่ก็ไม่ต่างกัน ไม่ค้านอะไรทั้งสิ้น นอนคร่อกฟี้อย่างเดียว

    “เฮ้อ...” เด็กชายผมฟูฟ่องถอนหายใจเหนื่อยหน่าย “อดคิดไม่ได้เลยว่าพี่แว่นเค้าสอนนายไปก็ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา”

    “แหม แต่ว่า... ฉันนึกว่ามันจะไม่เป็นอะไรนี่นา”

    กอร์นเอ่ยเสียงอ่อน พยายามทำหน้ายิ้มสุดฤทธิ์ “เลยลองรับการโจมตีดู ถ้าไม่โดนจุดสำคัญก็คงไม่ถึงกับตาย—”


    ฝ่าเท้าเพื่อนรักยันเข้าที่เฝือกดังพลั่ก!

    กอร์นถึงกับกรีดร้องไร้เสียง

    —ไม่น่าตายเพราะแผล แต่จะตายเพราะตีนนี่แหละ!


    ก๊อก ก๊อก

    “คร้าบบบบ”

    คิรัวร์ขานรับคนที่เคาะประตูห้อง ยกเท้าออกโดยไม่เฉียดคนบนตักเพื่อนผมตั้งสักนิดเดียว ในขณะที่เดินไปเปิดประตูกอร์นก็หายใจโล่งอก มือข้างที่ปกติดีวางแหมะลงบนหัวคนซุกตักตัวเองต่างหมอนเบา ๆ

    “นอนสบายเลยนะคุเรฮะเนี่ย”

    ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นผู้มาเยือน

    “คุณวิงก์...”

    ชายสวมแว่นที่ชายเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยออกมานอกกางเกงเดินฉับ ๆ เข้ามายืนชิดข้างเตียง เงาบนแว่นตาบดบังแววตาข้างใน กอร์นทำหน้าไม่ถูก ได้แต่เอ่ยอ้อมแอ้ม

    “เอ่อ คือ ขอโทษฮะ”

    เพี้ยะ!

    วงหน้าของเด็กชายบนเตียงหันไปตามแรงตบข้างแก้ม -- ราวกับภาพรอบตัวช้าลง คิรัวร์ที่เดินตามหลังมาเบิกตากว้าง ใบหน้าของวิงก์บิดเบี้ยวไปด้วยแรงอารมณ์ และดวงตาของคุเรฮะที่รูม่านตาแคบลง

    สีแดงฉานสว่างวาบ—

    “ขอโทษฉันแล้วจะมีประโยชน์อะไร!? คิดอะไรบ้าบอสิ้นดี!!”

    ชายหนุ่มตวาดเสียงดัง ไร้ความใจดีเหมือนอย่างเคย “ก็เห็นสารรูปไอ้พวกที่ไม่รู้จักเน็นแล้วโดนรับน้องเข้าไปแล้วไม่ใช่เรอะ! พลาดไปนิดเดียวได้เป็นเหมือนพวกนั้นแน่!!”

    “โอ๊ะ นั่นน่ะผมเพิ่งบอกเค้าไปหยก ๆ”

    คิรัวร์ยกสองมือขึ้นมารองท้ายทอย พร้อมทำหน้าที่ซ้ำเติมเพื่อนต่างจากคุเรฮะที่นอนซุกเอวกอร์นนิ่งบนเตียง จิตสังหารที่เริ่มแผ่ออกมาอ่อน ๆ -- เป็นกอร์นที่ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงให้อย่างรู้ทัน

    แต่แล้ว…

    วิงก์ก็ตีหน้าโหดใส่เด็กตรงหน้าได้ไม่นานอยู่ดี

    เขายกมือขึ้นไปแตะบ่าของเด็กชายที่หงอยลงจนเห็นได้ชัด “เฮ้อ...ยังดีนะที่เจ็บแค่นี้ จริง ๆ เลย...”

    “คุณวิงก์ ขอโทษจริง ๆ นะฮะ...”

    “ม่าย— ยกโทษให้”

    กอร์นร้องอึ๊ยในใจ ดูท่าทางคุณวิงก์จะยังหัวเสียไม่หายเรื่องที่เขาไปลงสนามทั้ง ๆ ที่ยังเรียนรู้เน็นจากผู้สอนได้ไม่หมด แต่...แต่เขาก็แค่อยากลองนี่นา เน็นอะไรนี่มันน่าสนใจจะตายไป

    (ยังไม่เข็ด)

    “คิรัวร์คุง รู้รึเปล่าว่ากว่ากอร์นคุงจะหายกินเวลานานแค่ไหน?” ชายสวมแว่นยืดตัวตรง หันไปถามเด็กอีกคนที่ยืนมองอยู่ที่มุมห้อง

    คิรัวร์ทำหน้านึกแป๊บนึง

    “หมอบอกว่าสักสองเดือนมั้ง”

    อะแฮ่ม... โกหกจากสี่เดือนเป็นสองเดือนหน้าซื่อ ๆ เลยนี่แหละ ถึงจะออกจากบ้านมาแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะทิ้งลวดลายความแสบซนไว้ที่ตระกูลด้วยนี่นะ

    “สองเดือนสินะ”

    วิงก์หันกลับมา สีหน้าจริงจัง

    “สองเดือนจากวันนี้ไปห้ามกอร์นคุงลงแข่งเด็ดขาด! ห้ามฝึกเน็นหรือค้นคว้าเรื่องเน็นด้วย! —ถ้าไม่รักษาสัญญาอีกละก็จะไม่มีการสอนอะไรเธออีก ว่าไงล่ะ?”

    กอร์นพยักหน้ารับ

    “เข้าใจแล้วฮะ ผมจะรักษาสัญญา”



    ประตูห้องปิดลง คุณวิงก์เรียกคิรัวร์ออกไปคุยข้างนอกสองคน

    คงไม่พ้นเรื่องเป้าหมายที่พวกเขามาที่นี่นั่นแหละ

    “เส้นด้ายสาบาน... สินะ”

    นิ้วก้อยข้างซ้ายที่ถูกพันด้วยด้ายลวดลายประหลาดชูขึ้นสูง -- กอร์นหรี่ตามองสิ่งของตรงหน้าที่เกี่ยวข้องกับเน็นด้วยแววตานิ่งงัน เหลือเชื่อที่เน็นนำมาใช้กับสิ่งของได้ แม้แต่ลูกข้างหรือเส้นด้ายก็ไม่เว้น

    ก่อนจะเปิดผ้าห่มที่คลุมคนข้างใต้ออก หัวทุย ๆ สีดำขลับของคุเรฮะขยับขึ้นมานอนพิงที่อก แม้จะมองไม่เห็นแววตาแต่ก็พอรับรู้ได้ว่าคุเรฮะกำลังไม่พอใจ

    “คุเรฮะ” เขาเอ่ยเสียงอ่อนโยน “โกรธคุณวิงก์เหรอ?”

    “...”

    ความเงียบและเสียงพ่นลมหายใจหนัก ๆ คือคำตอบ เด็กชายไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก เขาแค่ยกมือฝั่งที่คุเรฮะเอนมาพิงขึ้นมาลูบหัวเธอเบา ๆ

    กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ลอยมาชิดจมูกกว่าที่เคย

    คงเป็นเพราะการออกจากบ้านครั้งนี้ไม่มีระยะเวลาให้นับ ไม่มีคำสั่งหรือภารกิจอะไรให้ทำ คนที่จมอยู่กับการเคลื่อนไหวเพื่อผลประโยชน์ในตระกูลมาตั้งแต่จำความได้จึงสับสนไม่ใช่น้อย

    อาจจะใช่ -- หรือไม่ใช่ เธอรู้สึก แต่ก็พูดไม่ได้เต็มปากนัก

    ความสัมพันธ์ของกอร์นกับคิรัวร์นับว่ามาไกลกว่าทุกคนในคราวน์ ที่นั่นแม้แต่ความไว้ใจแม้แต่เสี้ยวเดียวก็ไม่เคยคิดว่ามี ที่มีคือคำว่าใช้ได้กับใช้ไม่ได้ มีประโยชน์กับไร้ประโยชน์

    แม้แต่พ่อ...แม้แต่นายเหนือหัวของคราวน์ เธอยังไว้ใจเขาแค่ในฐานะเจ้านายที่ออกคำสั่ง

    ฝ่ามือที่กำเสื้อกอร์นอยู่กระชับแน่นขึ้นไปอีก


    เธอไม่เคยไว้ใจเขาคนนั้นในฐานะพ่อ


    “คุณวิงก์น่ะใจดีนะ ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนดี”

    เธอกะพริบตา ...กอร์นก็เป็นซะแบบนี้ มองโลกและมองทุกอย่างในแง่ดี แม้ความตั้งใจส่วนนั้นจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บหนักกลับมา แต่ถ้าเขาคิดว่าไปต่อได้ สองเท้าก็ไม่เคยคิดหยุดวิ่งแม้จะมองไม่เห็นเส้นชัย

    ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อฝึกฝนวิชา

    สนุกสนานกับความเสี่ยงตายที่น่าตื่นเต้น

    ทั้งยังแววตาลูกหมาใสแจ๋วนั่นอีก -- จนบางครั้งก็แอบคิดเหมือนที่คิรัวร์เคยบอกไว้ เธออาจจะแพ้ทางอะไรแบบนี้จริง ๆ ซะล่ะมั้ง

    คุเรฮะขยับหัวถูไถข้างไหล่คนบนเตียง “ฉันรู้...”

    รู้ว่ากระดานหมากของเธอกับพวกเขาคาดเดาไม่ได้ ภายภาคหน้าอาจจะถูกหักหลัง ลอบกัด หรือ... --- แววตาของเธออ่อนลง -- อาจจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ

    แต่เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เธอออกจากบ้านมา และเป็นครั้งแรกที่ได้มาเจอกับอะไรแบบนี้

    หากถูกแว้งกัดขึ้นมา…

    บางทีมันก็อาจจะ คุ้มค่า กับครั้งแรกก็ได้


    “รู้อะไรไหม”

    กอร์นคลี่ยิ้มสดใส เคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม ปลายจมูกซุกเข้ากับเรือนผมสีดำปีกกา

    “กลิ่นของคุเรฮะน่ะ แปลก มากเลยนะ”

    “แปลก?” เจ้าของกลิ่นมุ่นคิ้ว รู้ว่าจมูกของกอร์นดมกลิ่นได้ดีพอ ๆ กับสัตว์สี่ขาอย่างสุนัขด้วยซ้ำไป

    “อื้อ” เด็กชายพยักหน้ารับยามผละออกมา ในแววตามีความสงสัยไม่ต่างกัน “คนอื่นน่ะจะมีกลิ่นเด่น ๆ เฉพาะตัวจนแยกออกได้ทันที แต่คุเรฮะน่ะกลับมีสองกลิ่นที่ต่างกันชัดเจนเลยล่ะ”

    เหมือนกับตอนที่เขาและคิรัวร์วิ่งเข้าป่าไปหาคุเรฮะ กลิ่นที่จำได้แม่นพาพวกเขาไปโผล่ที่สวนดอกไม้สีแดงในป่าลึก ไหนจะสัตว์เลี้ยงที่ไม่กล้าเฉียดเข้ามาในนั้นจนคิรัวร์ตั้งข้อสังเกตนั่นอีก

    ที่นั่นเองก็มีกลิ่นสองกลิ่นปะปนกัน ไม่ต่างจากคุเรฮะเลยสักนิดเดียว



    “กลิ่นฮิกันบานะกับกลิ่นเลือดน่ะ”



    จู่ ๆ โทรศัพท์ข้างเตียงก็สั่นครืดเพราะข้อความเข้า

    [คำสั่งจากผู้ชนะข้อแรก ไปเดทกัน! ღゝ◡╹) ノ♥]



    __________C H E C K M A T E__________


    สิ้นเดือนนี้เปิดเทอมมหาลัย จะพยายามมาอัพให้ถึงตอนจบภาคลานประลองเท่าที่ทำได้ค่ะ

    ตอนนี้ก็จะให้เห็นภาพความสัมพันธ์เจ้าเด็กสามคนชัดเจนอีกหน่อย คิรัวร์จากตอนแรกที่หมั่นไส้ก็คิดถึงความรู้สึกฝั่งคุเรฮะ คุเรฮะจากตอนแรกไม่สนใจใครก็เริ่มหันมามองกอร์นกับคิรัวร์บ้าง ส่วนกอร์นก็ปรับตัวให้เข้ากับอีกสองคนได้มากกว่าเมื่อก่อน

    เอ... ต้องให้เดาไหมว่าคนที่ส่งมาเป็นใคร?



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×