คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1 | คราวน์
♚
Chapter 1
ฉึก!
คมมีดสั้นลอยเฉี่ยวหน้าพ่อบ้านหนุ่มปักเข้ากำแพงด้านหลังในพริบตาเดียว โดยเจ้าของอาวุธยังคงซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนา ก้อนกลม ๆ ตรงกลางโผล่ใบหน้าหงุดหงิดออกมาเด่นชัด
ดวงตาสีแดงเลือดประทับด้วยเสี้ยวอำพันจ้องเขม็ง
“—อะไรนะ?”
“ภารกิจใหม่ครับ” พ่อบ้านประจำตัวยังคงเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยิ้มตาปิดตามนิสัยปกติ ทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชี้แจงเพิ่มเติมพร้อมชูเอกสารสีดำในมือ “ส่งตรงมาจากนายท่านเมื่อ 10 นาทีที่แล้วเองครับ”
“…”
ร่างใต้ผ้าห่มเหลือบมองเอกสาร มองพ่อบ้านของตัวเอง แล้วค่อย ๆ ก้มมองหมอนบนเตียงที่นอนกกไว้ เหมือนกำลังครุ่นคิดว่าอะไรสำคัญกว่ากัน
“หลังจากจบงานนี้ นายน้อยก็ต้องไปสอบฮันเตอร์ก่อนเวลา 10 โมงเช้าด้วยครับ” ชายหนุ่มเจ้าของผมสีเทาควันบุหรี่ยาวเลยบ่ามัดปลายยิ้มให้ โดยไม่เว้นให้เสียจังหวะ ขายาวสองข้างก้าวไปเปิดม่านสีดำขอบทองให้แยกออกจากกัน เผยให้เห็นท้องฟ้าสีน้ำเงินที่ยังไร้แสงอาทิตย์
คนบนเตียงขมวดคิ้ว นี่กะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยงั้นสิ ทำงานเสร็จแล้วไปสอบฮันเตอร์อะไรนั่นเลยเนี่ย ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าคงอยู่ใกล้กัน
แต่— ไม่ไป ขอมุดผ้าห่มประท้วง
ว่าแล้วก็นอนแผละลงเตียง คลุมโปงมิดหัว แล้วหลับตาลงหน้าตาเฉย
“นายน้อยครับ…” หางเสียงลากยาวเชื่องช้า ผู้เป็นพ่อบ้านถอนหายใจเบา ๆ รู้ดีว่าสาเหตุที่เด็กน้อยบนเตียงทำตัวดื้อขึ้นมากะทันหันเป็นเพราะอะไร
“ฉันไม่ได้นอนมาสามวัน เดเรค” เสียงอู้อี้ตอบกลับมา
“ผมทราบครับ” และรู้ด้วยว่าถ้าไม่มีงานด่วน นายน้อยจะนอนยาวไปเกือบอาทิตย์นึงเต็ม ๆ
สำหรับบุคคลที่ถือหลักการนอนเป็นเส้นทางในการค้ำจุนชีวิต บอกเลยว่าแค่ 3 วันที่อดนอนนั้น แทบจะถูกสูบพลังงานในตัวไปได้เกือบครึ่งเลยทีเดียว
“และฉันก็ขี้เกียจไปสอบฮันเตอร์อะไรนั่นด้วย ให้สมาคมออกบัตรฮันเตอร์มาให้เลยไม่ได้รึไง?”
“อย่าใช้อำนาจในทางที่ผิดสิครับ” เดเรคมองผ้าห่มก้อนกลมที่ไปกระจุกอยู่ตรงกลางเตียง ที่พูดมาใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่นายท่านคงไม่บ้าจี้ทำให้แน่นอน—
(…มั้งนะ?)
“นายน้อยจะขอผัดไปปีหน้าอีกก็คงไม่ได้แล้วละครับ ครั้งนี้นายท่านย้ำว่าต้องไปให้ได้ ไม่งั้น…”
“ไม่งั้น?”
เจ้าของผมสีดำสนิทโผล่หัวออกมา ลางสังหรณ์กระตุกถี่เป็นลางว่านั่นไม่ใช่เรื่องดี พ่อบ้านในชุดสูทขาวดำยิ้มบางแล้วยื่นโทรศัพท์ไร้สายมาให้
เธอ มองของในมือตาปริบ ๆ รับรู้ว่าที่คุยโต้ตอบกันไปตอนแรกนั่นผู้เป็นพ่อได้ยินตั้งแต่ต้นจนจบ เดเรคกดปุ่มเปิดลำโพง
“ถ้าสอบฮันเตอร์ไม่ผ่าน พ่อจะเผาเตียงลูกทิ้ง”
อ้าว…เวร
คนถูกเอาของยังชีพมาเป็นตัวประกันมองแรงมาก ทำโทษเท่าไหร่ไม่ยั่น แต่เอาเตียงที่เป็นองค์ประกอบในการนอนชั้นดีไปเผานี่ยอมไม่ได้!
“อยากโดนเผาบ็อกเซอร์อีกใช่ไหม…?” เอ่ยเสียงลอดไรฟัน
“หึ พ่อมีอีกสามตู้ อยากจะเผาก็เผาไป”
ท่าทีที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรของคนในสาย ช่างน่ากระโจนเข้ากัดให้คอขาด แต่ตอนนี้จะทำอะไรก็ดูจะไม่เป็นใจ ถ้าเผาอย่างอื่นยังพอหิ้วไปดับไฟได้ แต่เผาเตียงนี่กว่าจะดับไฟทันก็คงเกรียมไปแล้วครึ่งแถบ
คนที่ก่อนหน้านี้ถอดทุกอย่างให้เหลือแต่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวเพื่อเตรียมตัวนอนขยี้หัวเซ็ง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงอย่างจำใจ เรือนผมสีดำยาวถึงกลางหลังสะบัดตามแรงอารมณ์ มุ่งตรงไปทางห้องน้ำแล้วออกมาแต่งตัวเพียงเสี้ยววินาที
หน้ากระจกบานยาว ผมถูกรวบขึ้นมัดหางม้าสูง เดเรคช่วยกลัดอัญมณีสีโกเมนกรอบทองทับริบบิ้นเส้นเล็กบนคอ ผู้เป็นนายสวมเสื้อเชิ้ตแดงทับด้วยสูทกั๊กหนังดำ ท่อนล่างเป็นกางเกงขาสั้น สายรัดขาเชื่อมกับถุงเท้าสีเข้มยาวใต้เข่า
…เป็นชุดประจำตัวที่ใส่อยู่บ้านจนชาชิน ถึงจะดูเป็นทางการไปหน่อยก็เถอะ
เธอสวมโค้ทตัวยาวขณะรับเอกสารมาถือ พ่อบ้านคนสนิทก้มหัวลงมากระซิบ
“นายท่านเพิ่งพรีออเดอร์รองเท้ามาใหม่ครับ”
หึ
ให้พ่อรู้ซะบ้างว่านี่คนของใคร
♚
รองเท้าหนังขัดมันเลี้ยวเข้าไปในสถานที่ประมูลสินค้า มันเป็นทางลับที่รู้กันอยู่ในวงการใต้ดิน หากคุณต้องการทาสมนุษย์ สัตว์หายาก หรือแม้แต่ของโบราณที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย รับรองว่ามาถึงที่นี่ไม่มีทางผิดหวัง
คนเฝ้าประตูทำหน้าลังเลเมื่อเห็นเด็กผู้หญิงในชุดลูกผู้ดีมีเงินมาที่นี่ด้วยตัวคนเดียว ถึงจะมีบัตรผ่านก็ยังไม่ไว้วางใจ ก่อนจะตื่นตูมกันไม่น้อยเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นสบตา ดวงตาสองเฉดสีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไร้แววตาอย่างสิ้นเชิง
ไม่ถึงนาทีพวกเขาก็ปล่อยให้เธอเข้ามาด้านใน
“ปล่อยให้เด็กนั่นเข้าไปจะดีเรอะ?” ใครสักคนเอ่ยลับหลังอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่รู้สิ แต่จะไม่ให้เข้าก็ไม่ได้ นั่นน่ะ คราวน์ เชียวนะ”
“พวกคราวน์มางานประมูล หวังว่าเรื่องวุ่นวายคงไม่เกิด”
“ภาวนาอย่าให้เจ้านายเราอยู่ในรายชื่อเป้าหมายของพวกนั้นก็แล้วกัน”
เด็กที่ถูกกล่าวถึงไม่แม้แต่จะเสียเวลาสนใจกับผู้คนที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า เหล่ามนุษย์ในชุดราตรีและสูทสง่างามที่เน่าเฟะจากความต้องการอันบิดเบี้ยวมารวมตัวกันที่นี่เป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครคิดสังเกตเงาสีดำที่เคลื่อนไหวผ่านไปรวดเร็วราวกับสายลม
นักฆ่า มือสังหาร คนที่ฆ่าคนอื่นตามคำสั่งผู้ว่าจ้าง หรืออะไรก็ตามที่คนส่วนใหญ่เรียกขานกันหมุนกระบอกเก็บเสียงปืนอย่างคล่องแคล่ว ซ่อนตัวตนหลังม่านสีน้ำเงินเข้ม แล้วจ่อปืนไปทางมุมอับของบอดี้การ์ดรอบงาน
แค่ กริ๊ก เดียว เป้าหมายก็นิ่งสนิท
ความตายที่มาเยือนโดยไม่ทันกะพริบตารับรู้ ยมทูตผู้ลงมือด้วยความเฉียบขาดและไร้ที่ติ ถ้ายังมีเวลาเธอก็อยากจะเข้าไปต่อเติมเหยื่อตรงหน้าให้ดูมีสีสันกว่านี้อยู่หรอก
แต่น่าเสียดายที่งานนี้จำเป็นต้องจบไวกว่าทุกที เพราะมีงานถัดไปรออยู่เป็นวิญญาณตามติด
อา… น่าเสียดายจริง ๆ
มือสังหารวัย 14 ปีพ่นลมหายใจออกจมูก เก็บปืนพกคู่ใจลงสายคาดปืนแบบสะพายไหล่ใต้เสื้อโค้ทหนา ก่อนจะเดินออกไปสบาย ๆ ชนิดที่คนธรรมดาไม่มีทางมองตามทัน
อีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้งานประมูลใต้ดินจะวุ่นวาย เพราะผู้สนับสนุนรายใหญ่ถูกลอบสังหารโดยมัจจุราชจากเงามืด คนในงานประมูลกรีดร้องอย่างดีเลย์เมื่อเห็นศพ หรือแม้แต่คนเฝ้าประตูจะถูกทำโทษเพราะเข้ามาแจ้งเรื่องคราวน์ช้าเกินไป
คราวน์
ตระกูลใหญ่ในคราบมือสังหารติดอันดับโลก แฝงตัวเพื่อสืบข่าวอยู่ทั่วทุกหนแห่ง มีอิทธิพลในวงการใต้ดินจนแม้แต่ทางสมาคมฮันเตอร์ไม่กล้าแตะ หรือพูดให้ถูกคือ อันตรายเกินไปจนทางสมาคมไม่อยากมีปัญหาด้วย
หากยิ่งเด่นก็ยิ่งเป็นภัย ศัตรูคู่อรินี่นับจำนวนแทบไม่ได้
ผู้ถูกกล่าวถึงยักไหล่ไม่ใส่ใจ จริง ๆ ตามหลักการเธอควรแฝงตัวเข้าไปไม่ให้ใครผิดสังเกต แต่เพราะความมั่นหน้าของพ่อผู้ซึ่งมั่นใจว่าบ็อกเซอร์ถูกเผาหมดตู้ก็ไม่แคร์ ประกอบกับขู่จะของสำคัญที่ใช้นอนของลูก เลยเงยหน้าสบตาประกาศศักดากับคนเฝ้าประตูไปที
ทิ้งงานไว้ให้พ่อเคลียร์ก่อนชิ่ง ถือว่าเจ๊ากันครึ่งทาง
ปลายเท้าขยับเล็กน้อยก็ทะยานเหยียบขอบตึกสูง มองผังภาพรวมของเมืองซาบันที่เป็นสถานที่ทำงานล่าสุด และก็เป็นสถานที่สอบฮันเตอร์เช่นกัน
มือเปิดเอกสารข้อมูลการสอบที่ได้มา ระหว่างที่อ่านก็เปรยกับโทรศัพท์ไร้สายเครื่องเล็กที่แนบข้างหูอย่างแปลกใจ
“ตำบลทซึบาชิ เลขที่ 2-5-10 …ร้านอาหารจานด่วน?” จำได้ว่าเดินผ่านร้านนี้ก่อนเข้างานประมูล นึกไม่ถึงว่าร้านอาหารธรรมดา ๆ จะเป็นถึงสถานที่สอบฮันเตอร์ที่บรรจุผู้เข้าสอบหลายร้อยคนไว้ข้างใน
“ตาแก่นั่นชอบทำอะไรที่เกินคาดเสมอนั่นแหละ” เสียงพ่อตอบกลับมา
“เห็นด้วยเลย”
หูที่รับฟังเสียงได้ดีกว่าคนปกติสัมผัสได้ว่าคลื่นในโทรศัพท์เงียบไปแล้ว พ่อคงพักสายแล้วทำงานต่อ เธอโคลงหัวอยู่รำคาญใจก่อนที่เอกสารในมือจะ—หายไป ราวกับมีเวทมนตร์
เธอหรี่ตาลงเมื่อสายลมยามเช้าลอยมากระทบจนเส้นผมที่รวบไว้ปลิวไสว บรรยากาศเป็นใจให้นอนมาก ใจนี่ลอยไปหาเตียงที่บ้านตั้งแต่วินาทีแรกที่ลมตีหน้า
บอกเลย …ไม่ได้นอน 3 วันเหมือนอดนอนมา 3 ปี
ตีหน้าขรึม เอ่ยสวนทางกับความในใจ
“ต้องหารหัส”
♚
และข้างบนที่อ่านมาทั้งหมดนั่นคือการย้อนความ
ใช่ ย้อนความ
ส่วนปัจจุบันน่ะเหรอ?
“…”
มือลูบหน้าอย่างเบลอ ๆ ไม่ต้องเปิดตามองก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังมาจากชายหนุ่มตรงหน้า
มือที่สวมถุงมือหนังครึ่งมือถ่างนิ้วออก มองลอดออกมาตามรอยแยกอย่างจนใจ เบื้องหน้าคือนักมายากรผมสีฮอตพิ้งค์แสบตากำลังกุมท้องหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ ขำจนน้ำตาเล็ด ขำเหมือนกำลังจะตายเพราะกระดูกไก่ติดคอ
และกางเกงสีฟ้าที่สวมอยู่ด้านข้างถูกกรีดเป็นทางยาว
สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าจึงเป็นกางเกงชั้นในของผู้ชายเต็มสองลูกตา อย่าให้เธอบรรยายว่ามันเป็นชั้นในลักษณะไหน รู้แค่ว่ามันเป็นสีชมพูลายจุดก็พอ
“ฉันชอบท่าหน้าคะมำของเธอเมื่อกี้จัง ขออีกรอบทีสิ!” ชายหนุ่มปาดน้ำตาอย่างชอบอกชอบใจ ไม่ได้เจอเรื่องน่าขำแบบนี้มานานพอดู ทำเอาเขาขำจนปวดท้องไปหมด
เธอไม่โต้ตอบอะไรนอกจากทำหน้าตายใส่ เอามือลงแบบปลง ๆ แล้วก้มลงไปเก็บมีดสั้นบนพื้นขึ้นมา… มีดที่ผ่าข้างกางเกงตัวตลกตรงหน้านี่แหละ
พอทำเมิน อีกฝ่ายก็ขยับเข้ามาใกล้ ไม่ได้สนใจว่ากางเกงชั้นในตัวเองกำลังโผล่มาทักทายเด็กสาวตรงหน้าเลยสักนิด กรอบตาเรียวยิ้มหยี ดวงตาสีเหลืองอำพันจับจ้องไม่ห่างด้วยความถูกใจ
เขาลองเปลี่ยนคำถามทั้ง ๆ ที่ยังกลั้นหัวเราะ “เป็นแบบนี้บ่อยไหม?”
“แน่นอนว่าไม่”
เธอตอบเสียงเรียบ ยกมือขึ้นแตะโทรศัพท์ไร้สายของตระกูลข้างหูนิด ๆ โล่งใจไม่น้อยที่พบว่าพ่อยังพักสายอยู่
ซึ่งดีแล้ว
ขืนรู้ว่าลูกสาวตัวเองเผลอวูบหลับตอนสู้ แล้วหน้าทิ่มกรีดกางเกงคู่ต่อสู้จนชั้นในโผล่— หึ ไม่อยากจะเดา
(มันก็จะฉิบหายในระดับนึง)
ดวงตาคมสบตาอีกฝ่ายที่จ้องตนไม่ห่าง เป็นแววตาของคนที่กำลังประเมินว่าเธอมีค่าให้สนใจแค่ไหน ลึก ๆ มีความพึงพอใจ ขบขัน และมีประกายความต้องการบางอย่างปะปนอยู่ในนั้น
คนตัวเล็กกว่าหรี่ตา ปะทะกันไม่กี่นาทีก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีฝีมือร้ายกาจ ออร่าอ่อน ๆ ที่ใช้ ‘เงียว’ มอง รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นถึงผู้ใช้เน็นระดับสูง
– อันตราย –
“พาฉันไปซื้อกางเกงใหม่ก่อน แล้ว เรา ค่อยไปสนามสอบฮันเตอร์ด้วยกัน ♦” ใบหน้าที่แต้มสีด้วยดาวและหยดน้ำข้างแก้มยิ้มให้ ไหน ๆ เขาก็เป็นคนเสนอให้สู้เพื่อแลกกับรหัสผ่านที่เขาเพิ่งได้รับมาทั้งที
เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคราวน์ที่พบตัวได้ยากด้วยนั่นแหละ เลยตื่นเต้นจนเผลอทำอะไรใจเร็วไปหน่อย
“นึกว่าจะไม่มีซะแล้ว” เด็กตัวสูงเท่าอกปรายตามองต่ำ “…ยางอายน่ะ”
คนถูกหลอกด่าหัวเราะอีกครั้ง แต่ไม่ถือสาเพราะตัวเองก็ยืนทำอนาจารต่อสายตาเด็กมานานหลายนาที มือหนีบผ้าที่ถูกคมมีดกรีดเข้าหากันแล้วเดินนำออกไปจากตรอกแคบ ๆ ก้าวขาข้ามศพไร้หัวนิรนามที่ลงมือฆ่าเพื่อเอารหัสผ่านไปอย่างไม่ไยดี
“ตามมาสิ ยัยเด็กขี้เซา ♦”
เด็กด้านหลังกำลังเงยหน้ามองฟ้าตาปริบ ๆ ราวกับกำลังถามก้อนเมฆว่าการเจอคนอย่างเขาเป็นเรื่องที่ถูกหรือผิด นั่นทำให้เกือบจะหลุดขำอีกรอบ
พอถูกเรียกก็หันมามองด้วยแววตาเบื่อหน่าย ก่อนจะมุ่งตรงมาเดินข้างเขาอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่เด็กขี้เซาสักหน่อย โจ๊กเกอร์”
“ไม่ใช่โจ๊กเกอร์ ฮิ-โซ-กะ ต่างหาก ♥”
“งั้นนี่ก็ไม่ใช่ยัยเด็กขี้เซา” พลางเหลือบมองด้วยหางตา
“คุเรฮะต่างหาก”
__________C H E C K M A T E__________
รีไรท์ครั้งที่ 2 เนื้อหาก็อาจเปลี่ยนไปพอสมควรค่ะ แตกต่างจากรีไรท์รอบแรกที่แค่แต่งเติมและแก้ไขเนื้อหาต่อจากต้นฉบับ แต่ภาพรวมเนื้อหาก็ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่
ไม่รู้ว่าจะมีคนสังเกตบ้างไหม ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังรีไรท์ ตอนแรกนี้หมีง่วงจะจงใจแทนตัวน้องด้วยคำอื่นตลอด และให้น้องมาบอกชื่อครั้งแรกคือบรรทัดสุดท้ายล่ะ !
ความคิดเห็น