ตอนที่ 10 : เขาว่ามันคือหน้าที่ของ Cute boys (100%)
9
***เขาว่ามันคือหน้าที่ของ Cute boys***
ณ โรงอาหารที่แสนจะวุ่นวาย
บุคคลที่เรียกตัวเองว่า แฟนคลับของคิวท์บอยส์ ต่างพากันนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะรับประทานอาหารกลางวันไปด้วยอย่างมีความสุขจนออกหน้าออกตา เมื่อวันนี้พวกเขาได้ให้เกียรติมาร่วมรับประทานอาหารร่วมกับพวกเราที่โรงอาหารของโรงเรียน แทนการซื้อข้าวไปนั่งกินกันที่ห้องเหมือนอย่างเช่นทุกวัน และหนึ่งในผู้ที่นั่งมองพวกเขาอยู่ก็คือ พวกเราเอง...
อ้อ ยกเว้นน้ำอิงคนหนึ่งนะ
“อาหารไม่อร่อยรึไง?” เสียงของพี่ดราก้อนที่พอซื้อข้าวเสร็จก็รีบตรงเข้ามาทักทายน้ำอิงดังขึ้น
“มาทักทำไม แกล้งทำเป็นไม่รู้จักบ้างก็ได้” น้ำอิงบ่น แล้วก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อไป ริมฝีปากที่ยักขึ้นในตอนแรกเคลื่อนลงต่ำ แววตาสดใสในนั่นก็ดูเศร้าไปเลย โถ ทำไมน้ำอิงถึงได้ทำร้ายคนน่ารักๆ อย่างพี่ดราก้อนได้ลงคอนะ เห็นแล้วสลดใจ เกรซก็เลยช่วยแก้สถานการณ์ให้
“แหม....พี่ดราก้อนเอาแต่จ้องแบบนี้ ถ้าเกรซเป็นน้ำอิง ก็คงจะเขินจนทานข้าวไม่ลงเหมือนกันแหละค่ะ คนบ้าอะไรหล่อชะมัด” ประโยคสุดท้ายนี้เธอหันมาพูดกับพวกเรา และมันก็เรียกรอยยิ้มกลับมาบนใบหน้าของพี่เขาอีกครั้ง
“เงียบไปเลยนะ! พวกแกนี่มันจริงๆ เลยยัยเกรซ!” น้ำอิงหันมาดุเพื่อน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความระริกระรี้ของยัยเกรซลดลงเลย ยิ่งพี่ดราก้อนหันมาพูดด้วยแล้ว
“งั้นพี่ขอนั่งด้วยคนนะ” ก่อนจะหันไปพูดกับน้ำอิง “สัญญาว่าจะไม่จ้องครับ”
“แล้วพวกเพื่อนหล่อวัวตายควายล้มของนายไปไหนแล้ว ไม่ไปนั่งกับเพื่อนล่ะ”
“เดี๋ยวก็มา” เพราะทั้งสองคนมัวสนทนากัน น้ำอิงจังไม่ทันได้ดูว่าพวกหล่อวัวตายควายล้มของหล่อนกำลังเดินมานั่งข้างหลังหล่อนแล้ว ขณะที่ตัวประกอบอย่างพวกเรากำลังใช้เพ่งเล็งสายตาไปที่พวกเขา
“แก...ฉันอิ่มแล้วอ่ะ” เบนซ์ต้าร์ที่นั่งตรงข้ามกับฉันว่า เป้าสายตาของนางก็คือพี่เฮลเชียลนั่นเอง
“อิ่มอกอิ่มใจแล้วสินะ” ฉันยิ้มพลางตวาดสายตามองหน้าใสๆ ของพี่ดราก้อนแล้วทานข้าวต่อ กรี๊ด...สลบ! แหม นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นแฟนเพื่อนนะ....
“แกช่วยไปชวนพวกเค้ามานั่งกินข้าวที่โต๊ะเราได้มั้ยอ่ะ ถ้าได้นั่งทานข้าวกับพวกเค้าซักมื้อ ฉันคงจะมีความสุขไปหลายวันเลย” โอปอว่า แน่นอนหล่อนรู้ว่าพี่ชอลลีชอบฉัน จึงอยากให้ฉันใช้ความชอบของพี่เขามาเป็นทางเชื่อมไงล่ะ แต่เสียใจ...ถ้าแฟนฉันรู้เรื่องเข้างานใหญ่มาเลยนะ!!
“จะบ้าหรอ อยากจะโดนผู้หญิงทั้งโรงเรียนตบหรือไง แค่วันนั้นก็อายจะแย่แล้วนะ” ฉันหันไปค้านทันที บอกตามตรงว่าเรื่องเก่าวันนั้นยังติดตรึงในสมองฉัน
“พูดถึงคิวท์บอยส์กันอยู่หรอ?” ให้ตาย! พี่ดราก้อนที่บังเอิญได้ยินหันมาถาม
“เอ่อ.....” พวกเราประสานเสียงปานอึ่งอ่างร้องหน้าฝน(?)
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ดราก้อน พวกเราก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย” ฉันหันไปอธิบายเมื่อตั้งสติได้
“ก็ไม่ได้เรื่อยเปื่อยนะคะ จริงๆ แล้วก็อยากมีโมเม้นท์แบบว่ามีคิวท์บอยส์มานั่งทานข้าวด้วย” เบนต้าร์ลั่นวาจาออกมาโดยไม่ปรึกษาเพื่อนสักคำ และมันดูเข้าขากันดีกับพี่ดราก้อนซะจริง
“งั้นเดียวจัดให้ครับ” ฉันกับน้ำอิงกำลังจะร้องห้าม แต่เขาก็ลุกขึ้นเรียกเพื่อนไปแล้ว
“เฮ้ย!! Cute boys!! Come on”
O_O!!
พวกเขาที่กำลังจะทิ้งตัวลงนั่งโต๊ะฝั่งตรงข้ามก็หันมองมาทางนี้ แล้ว…แล้วก็กำลังเดินมาทางนี้...
“มีอะไรวะ?” พี่เจนัสถามเพื่อน แล้วหันมาส่งยิ้มให้พวกเรา
“น้องๆ เค้าอยากทานข้าวด้วย” พี่ดราก้อนตอบ วินาทีนั้นฉันร้อนวูบวาบไปหมด ไม่ได้ดีใจที่พวกเขามานั่งด้วยนะ แต่กลัวว่าเหตุการณ์แบบวันนั้นจะเกิดขึ้นอีก แล้วมันจะเป็นยังไงถ้าคีย์บอร์ดหึงฉันอ่ะ!!
ยัยเกรซกับยัยโอปอหันไปมองหน้ากันพลางกรี๊ดในลำคอเบาๆ ฮึ...อย่าหลงดีใจไป ไม่คิดบ้างหรอว่าชะตากรรมข้างหน้าจะเป็นยังไงน่ะ โดนอย่างฉันแล้วจะว่าไม่เตือนไม่ได้นะ
“อ๋าา สาวๆ น่ารักกลุ่มนี้นี่เอง” พี่เฮลเชียนเอียงหน้าทักทายพวกเรา ก็จะไม่ให้จำกันได้ได้ยังไงล่ะ ไหนหนึ่งในนั้นจะเป็นแฟนของคนในกลุ่มเขา แล้วไหนหนึ่งในนั้นจะถูกด่าประจานทั้งโรงเรียนอีกอ่ะ
“เอ...ไหนใครเมนพี่ยกมือขึ้นสิคะ” แล้วพี่เฮลเชียนช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้นโดยทำเป็นตีสนิท ประมาณว่าไม่ต้องการให้พวกเราเกร็ง…ทำอย่างจะมีคนยกล่ะ ฮึ! ว่าแล้วฉันก็ปรายตามองยัยเบนซ์ต้าร์ที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้านิ่ง ไหนว่าอยากมีโมเม้นท์นั่งข้างคิวท์บอยส์ไง พอเจอเข้าจริงก็ไม่สู้
“ยกมือขึ้นสิ! ใครชอบใครก็สารภาพไปเลย ประกบข้างเมนหลักสิทีนี้!” น้ำอิงประชดจนฉันต้องหันไปสะกิด และแน่นอนว่ามันเกิดการเขม่นกันในหมู่เพื่อน เบนต้าร์จิกตากลมใส่คนหน้าคมทันที หากแต่เธอกลับถูกเพื่อนของเขาหักหลัง
“เบนต้าร์” พี่ดราก้อนกระซิบบอกพี่เฮลเชียล และมันทำให้พวกเราได้ยิน
“งั้นพี่นั่งข้างๆ น้องแล้วกันเนอะ ในฐานะที่เราเคยเดินชนกัน” พี่เฮลเชียนเดินอ้อมมาฝั่งฉัน อ้าว...เพื่อนบอกว่าเบนต้าร์ไม่ใช่หรอ นี่มันเปียโน...
แต่พอนึกขึ้นได้ว่าที่ข้างๆ เป็นมุมตรงข้ามที่จะให้ยัยเบนต้าร์นั่งสบตากับพี่เฮนเชียลพอดี ฉันก็ขยับที่ให้เขาอย่างไม่ปฏิเสธ อันที่จริงพี่เฮลเชียนก็เข้าใจเล่นนะเขาคาดการณ์มาดี และพอเห็นแบบนั้น ฉันก็คิดแผนต่อไปออก
“พี่ชอลลีนั่งข้างๆ หนูก็ได้นะคะ” ฉันหันไปบอกร่างสูงที่เดินตามเพื่อนมา เพราะกะจะให้เขานั่งตรงข้ามกับยัยโอปอไงล่ะ ฉันไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นเลยนะ แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่คิดแบบนั้น
“หนูอะไรตัวเท่าช้าง!” น้ำเสียงกวนประสาทอันคุ้นหนูดังขึ้น ก่อนที่ร่างสูง 192 เซนติเมตรจะถูกชนให้ถอยห่างออกไป แล้วคนในความสูง 180 เซนฯ กว่าๆ ก็แทรกตัวนั่งชิงตัดหน้าไปเสียก่อน
“อึ๊ย..” เบนต้าร์ โอปอ เกรซและน้ำอิงประสานเสียง แม้จะไม่เข้าใจความหมายแต่นี่เป็นครั้งแรกที่น้ำอิงมีส่วนร่วม ขณะที่พวกผู้หญิงกำลังฟิน ผู้ชายสองคนที่เคยถูกจับผิดว่าเป็นคู่เกย์กันกำลังยืนจ้องตากันอยู่ Oh Mo…
“นั่นน่ะๆ ข้างๆ น้องตัวเล็กอ่ะ” พี่เฮลเชียลตบต้นขาเพื่อนเชิงสะกิด เขาคงไม่อยากให้เพื่อนๆ ต้องมาทะเลาะกันแย่งฉันกลางโรงอาหารแบบนี้สินะ ม่ายยย เรื่องมโนนี่เก่งจริงนะเรา และจากนั้นทุกคนก็เลือกสรรที่นั่งกัน
อ๊ะ ขอสรุปที่นั่งเป็นแผนภาพเพื่อไม่ให้สร้างความสับสนนะ
คิวท์บอยส์ให้การดูแลแฟนคลับของพวกเขาเป็นอย่างดี(ไม่รวมคู่พี่ดราก้อนกับน้ำอิง) ทั้งที่เคยทานข้าวด้วยกันมาหลายมื้อแล้ว แต่นี่เป็นครั้งที่ฉันตื่นเต้นที่สุดเลยก็ว่าได้ ทำไมนะทำไม! ทำไมถึงได้เขินขนาดนี้ก็ไม่รู้
“ข้อเท้าเป็นยังไงบ้าง หายดีรึยังครับ” พี่ชอลลีที่ชวนโอปอคุยอยู่หันมาชวนฉันคุยบ้าง
“ค่ะ ดีขึ้นมากแล้ว” ฉันส่งยิ้มให้เขาพอเป็นมารยาท แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่เข้าใจมุก
“อะแฮ่ม” คีย์บอร์ดเตือนฉันเป็นครั้งที่หนึ่ง
“เย็นนี้มีธุระที่ไหนรึเปล่าครับ เราไปทานไอศกรีมด้วยกันมั้ย ตั้งแต่รู้จักกันมาเรายังไม่เคยไปทานของว่างด้วยกันเลยนะ” คำพูดของพี่ชอลลีทำเอาเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ รอบข้างหายไป ไม่ได้มีแค่พรรคพวกของฉันที่อ้าปากค้าง แต่พี่เฮลเชียล พี่ดราก้อนและพี่เจนัสก็ยังหันมามองเขา
“เออ....” ฉันจะตอบเขายังไงดีล่ะ ฉันมีธุระที่ไหนก็บอกๆ เข้าไปสิ ไม่ๆๆๆ ทำไมฉันต้องเกร็ง! กะอีแค่คีย์บอร์ดเลื่อนมือมากุมไว้หน้าขาทำไมต้องใบ้กินด้วย
“ชวนคนเดียวเองหรอคะพี่ชอลลี แบบนี้ก็ไม่แฟร์สิ แล้วพวกเราล่ะ” ขอบคุณเบนต้าร์ที่ช่วยพูด
“พี่ก็ชวนทุกคนนั่นแหละครับ ชวนพวกแกด้วยนะ จะไปมั้ย”
“เฮ้ พูดแบบนี้เหมือนตั้งใจจะหาตัวหารว่ะ เอางี้ดีกว่าเรามาเล่นเกมกัน” พี่เฮลเชียลส่งยิ้มตี๋ๆ ให้พวกเรา “เอางี้เรามาร่วมด้วยช่วยกันพูดต่อมุกเสี่ยว เพื่อสร้างความสมานฉันท์ในคู่ของเรา คู่ไหนต่อได้มากที่สุด ผู้แพ้ที่เหลือจะต้องเป็นเจ้าภาพในการเลี้ยงไอติมหลังเลิกเรียนวันนี้” พี่เฮลเชียนขยายความ ซึ่งมันน่าเล่นมาก เพราะฉันฉันอยากกินไอติม
“ก็ดีนะ เอาคู่ที่นั่งตรงข้ามกันแล้วกันเนอะ ชายหญิงๆ ส่วนไอ้คีย์ก็คู่กับเปียโน แล้วไอ้ชอลก็คู่กับโอปอ น้ำอิงกับดราก้อน ส่วนฉันคู่กับน้องเกรซละกัน” พี่เจนัสว่าพร้อมกับชี้ฉันและโอปอที่นั่งตรงข้ามกัน (ถ้างงย้อนกลับไปดูแผนภาพตำแหน่งที่นั่งใหม่)
“เกมบ้าอะไรวะ? ไร้สาระ” คีย์บอร์ดคัดค้าน และมีแนวร่วมอีกคนคือน้ำอิง
“ใช่ เห็นด้วย ไม่มีอะไรทำแล้วหรอคะ”
“นี่เห็นแก่ความสุขของผองเพื่อนบ้างเถอะแก” ยัยเกรซทำเป็นอ้างที่จริงหล่อนก็มีแผนการต่อไปเหมือนกับฉันนั่นแหละ ขณะเดียวกันที่คนไม่อยากเล่นก็เริ่มทำสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
“เสียเวลาเขียนจริง” คีย์บอร์ดหักนิ้วพลางบิดลำคอไปด้วย
“นี่ช่วงพักนะ จะเขียนอะไรวะ” พี่เฮลเชียนหันไปถามเพื่อน
“ก็เขียนคำว่ารักไว้บนหัวใจ ตามด้วย I มาก่อน you อย่างที่เคยทำ แล้วแทรกคำว่า Love ตัวโตๆ ตามด้วยบอกเปียโน....I love you. ไงล่ะ” คีย์บอร์ดปรายตามองฉันตามบุคลิกคุณชายเย็นชา หากแต่สายตาของเขาคล้ายดั่งน้ำแข็งที่สาปฉันให้แข็งทื่อไปหมด
“โหวววว~” เพื่อนๆ ของเขาต่างปรบมือชอบใจกันใหญ่…หมอนี่หัวไวเป็นบ้า ขนาดบอกว่าไร้สาระนะ เปิดก่อนเพื่อนเลย
“แกกล้าเล่นแบบนั้นกับน้องเขาเลยหรอ ขนาดนั้นฉันคงไม่คิดแข่ง ไม่เปลี่ยนแปลงเพราะฉันจะรอ แม้บางครั้งจะรู้สึกท้อ แต่จะขอเป็นมังกรผู้พิทักษ์ ‘รัก’ น้ำอิง...คนเดียวก็พอ” กรี๊ด!!!.....พี่ดราก้อนแข่ง!!
“ฮิ้วว!~”
“นี่ๆ นายจะบอกว่าแม่น้ำอิงจะต้องมีมังกรพิทักษ์รักษาไว้ใช่มั้ย งั้นเปียโนก็คงบรรเลงเป็นบทเพลงไม่ได้ ถ้าไม่มีคีย์บอร์ด” ฉันคิดไม่ถึงว่าหมอนั่นจะผนวกชื่อของเราทั้งสองคนเข้าสู่เกมได้ “ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนะ ขอประกาศอย่างเป็นทางการเลยด้วยกัน” หัวใจฉันเต้นแรงมันบอกไม่ถูกกับสิ่งที่เขากำลังจะพูด
“ประกาศ?” ผองเพื่อนทั้งสองฝ่ายพร้อมใจพูด
“เปียโนเป็นแฟนฉันแล้ว”
“....” ทุกคน ณ ที่นี้อึ้ง รวมถึงฉันด้วย ว่าแล้วไงฉันว่าฉันมีลางสังหรณ์แปลกๆ ใครจะคิดล่ะว่าจู่ๆ เขาจะกล้าพูดขนาดนี้น่ะ กรี๊ดดดดด!!! กลับไปบ้านฉันจะกระโดดกัดหูนายให้ขาดใจตายไปเลย โทษฐานทำอะไรไม่ปรึกษาแฟนตัวเอง!
...
“ต่อไปจะเป็นประโยคที่เกี่ยวข้องกับ....นี่!”
ปัง!
เสียงตบโต๊ะทำให้ฉันต้องหันไปมองคีย์บอร์ดที่นั่งทำหน้าดุอยู่ข้างๆ คือฉันก็พยายามจะฟังที่เขาพูดแล้วนะ แต่ว่าสีหน้าฉันคงเพลียมากมันก็เลยแสดงอาการเบื่อหน่ายออกไปอย่างนั้น
“ตกใจหมดเลย”
“ตั้งใจเรียนหน่อยได้มั้ย ฉันไม่อยากสอนซ้ำหลายรอบนะ”
“ฉันก็ตั้งใจเรียนแล้ว แต่ฉัน....เฮ้อ!” ฉันถอนหายใจออกมาจนได้ ก็นะ แทนที่ตอนนี้จะได้นั่งกินไอศกรีมกับเพื่อนๆ แต่ดันต้องกลับบ้านมานั่งเรียนภาษาอังกฤษกับแฟนตัวเองที่บ้าน ทั้งๆ ที่เลื่อนสถานะจากครูกับลูกศิษย์มาเป็นแฟนแล้ว แต่ทุกอย่างเหมือนเดิม ...ฮอล คีย์บอร์ดไม่ทำอะไรให้มันพิเศษขึ้นมาเลยอ่ะ
“ทำไม น่าเบื่อใช่มั้ยมันคือสิ่งที่เธอกำลังจะพูดใช่มั้ย” …นายเก่งมากเลย
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ทำไมไม่ยอมให้พวกเขาเลี้ยงกันเล่า ทั้งๆ ที่เราชนะนะ เห็นมั้ยยัยเบนต้าร์กับพี่เฮลเชียนเลยครองแชมป์แทนไปเลย”
“ทำตัวเป็นหมูตะกละไปได้ ไม่รู้ตัวรึไงว่าอ้วนขนาดไหนน่ะฮะ บีเอ็มไอเท่าไหร่แล้วเคยคำนวณรึเปล่า” อะ..อะไรนะ บีเอ็มองบีเอ็มไออะไร แล้วเมื่อกี้ว่าใครอ้วน!
“อ้วนหรอ ใช่สิ ฉันอ้วนมาตั้งแต่กำเนิดย่ะ ผอมได้ขนาดนี้ดีแค่ไหนแล้ว”
“ก็นั่นไง เพราะเธอต้องใช้ความพยายามในการลดความอ้วนสูง ฉันเลยไม่อยากให้เธอกลับไปอ้วนอีก”
“ไม่ต้องทำมาพูดดี นายว่าฉันอ้วนไปแล้ว ฉันโกรธนาย”
“ใช่เหตุผลให้โกรธมั้ยวะ” คีย์บอร์ดทำหน้ายุ่ง และฉันที่เข้าใจว่าเขาจะง้อต่อก็กลายเป็นฝ่ายผิดหวังเสียเอง “ฉันจะง้อก็ต่อเมื่อฉันเป็นฝ่ายผิดเท่านั้น และงานนี้ฉันไม่ผิด ฉะนั้นอยากงอนก็งอนไป”
“คีย์บอร์ด!”
“อ้าว...ลูกหนู คีย์บอร์ดกำลังเรียนกันสนุกเลยใช่มั้ยลูก” ป๊าเดินยิ้มเข้ามาในห้อง พร้อมกับหันไปรับไหว้คีย์บอร์ดที่แอบสวัสดีพ่อฉันเงียบๆ คือ ป๊าดูยังไงคะว่าพวกหนูกำลังสนุก “ป๊าต้องขอโทษด้วยนะที่เข้ามาขัดจังหวะ แต่ป๊าจะมาชวนคีย์ทานข้าวเย็นด้วยกัน หวังว่าจะไม่มีธุระที่ไหนซะก่อนล่ะ”
“ไม่หรอกครับ ผมอยู่ต่อได้” จากนั้นทั้งสองก็คุยกันสัพเพเหระ ฉันเลยลุกไปเข้าห้องน้ำ และกลับมาก็พวกเขาก็คุยกันเสร็จพอดี
“น่ารักจริงๆ เลย ว่าแต่ว่าลูกหนูขอป๊าไม่ดื้อใช่มั้ย ถ้าดื้อป๊าอนุญาตให้ลงโทษสถานหนักได้นะ ฮ่าๆ”
“ป๊าอ่ะ ไม่ปกป้องหนูเลย” ฉันบ่นตาม แต่ป๊าแค่หันมาส่งยิ้มทะเล้นให้ฉัน พ่อฉันเป็นคนอารมณ์ดีและท่านก็ไม่เคยตีฉัน ท่านใจดีกับฉันและทุกคนเสมอ
“พ่อเธออนุญาตให้ฉันลงโทษเธอสถานหนักได้ หวังว่าเธอจะยังไม่ลืมบทลงโทษของฉันนะ”
“อะ...อะไรของนาย บทลงโทษอะไร” ตอนนั้นนายบอกแค่ว่าห้ามฉันไปพูดดีกับคนอื่นไม่ใช่หรอ ไม่ได้หมายความว่านายจะลงโทษฉันได้ทุกครั้งที่ฉันดื้อซักหน่อย
“ความจำสั้นอีกแล้วลูกหมู” ลูกหนูย่ะ! พ่อเรียกฉันว่าลูกหนู
“นี่!...นายเรียกฉันแบบนั้นไม่ได้นะ ฉันยังเคืองที่นายไม่ยอมพาฉันไปกินไอติมนะขอบอก นายอย่าทำให้ฉันหงุดหงิดมากไปกว่านี้เลยดีกว่าน่ะ”
“ฉันยังไม่ได้บอกเธอสินะว่านอกจากห้ามพูดดีกับคนอื่นแล้ว เธอก็ห้ามพูดไม่ดีกับฉันด้วย”
“หะ...” ใช่ นายยังไม่ได้บอก
“มาให้จูบสั่งสอนซะอีกดีๆ”
“ม่าย...” ฉันเบี่ยงหน้าหนีการโน้มเข้าหาของอีตาครูบ้ากามนั่น หืม...พึ่งรู้นะเนี่ยว่าทะลึ่งเอาการเหมือนกัน เขาทำให้ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัยเวลาอยู่ใกล้เขา นี่ถ้าฉันไม่ใจแข็งพอป่านนี้ฉันคงควบอีกตำแหน่งของความสัมพันธ์ร่วมด้วยไปแล้ว ตำแหน่งอะไรนะหรอ ‘ภรรยา’ ของเขาไง
นี่ตกลงฉันคิดถูกหรือคิดผิดที่ยอมเป็นแฟนกับนายกันเนี่ย คีย์บอร์ด!!....
……………………
Teacher you’re my love
ปิ๊งรักครู(หนุ่ม)หน้าใสหัวใจเย็นชา
-ตริวเตอร์หนุ่มสุดเย็นชา ปะทะ ยัยศิษย์บ๊องจอมทะลึ่ง-
คีย์บอร์ด & เปียโน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

28 ความคิดเห็น
-
#15 Blue'peaceful (จากตอนที่ 10)วันที่ 21 กรกฎาคม 2559 / 20:46มีความมุ้งมิ้งงง#150