คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : file06 :: psycho
I mention you when I say my prayers
I wrap you around all of my thoughts
Boy you're my temporary high
HANBIN'S SIDE
มันเป็นเช้าวันจันทร์ที่ฝนตกปรอยๆ
เช้าวันที่ 24 หลังจากผมออกมาจากลอว์ไลท์
เสียงของฝนทำให้ผมขมวดคิ้วนิดหน่อย... มันดูแปลกมากๆที่ฝนจะมาตกเอาปลายหน้าหนาวแบบนี้ มันคงเป็นฝนหลงฤดูล่ะมั้ง...
ผมตื่นเช้ามาโดยที่พบว่าบ๊อบบี้ออกไปทำงานแล้ว บ๊อบบี้มีงานที่โรงพยาบาลตอนเช้าทุกวันจันทร์กับพฤหัส ส่วนวันที่เหลือเขาจะออกสายๆหน่อย
กลิ่นชื้นๆพวกนั้นทำให้ผมรู้สึกอึดอัดนิดหน่อยเวลาหายใจ แต่ก็ทำให้รู้สึกสดชื่นดี
กิจวัตรประจำวันของผมเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เหมือนทุกๆวัน
ทำอาหารเช้า นอนดูหนัง อ่านหนังสือภาษาอังกฤษที่บ๊อบบี้ซื้อมาให้ และทำแบบฝึกหัด กินข้าว กลับมานอนดูหนังอีกรอบจนกว่าบ๊อบบี้จะกลับจากโรงพยาบาล
บางวันถ้าบ๊อบบี้กลับมาเร็วกว่าปกติ พวกเขาก็อาจจะขับรถเข้าเมืองไปหาอาหารอร่อยๆกินกัน หรือไปเดินเล่นเที่ยวบ้าง ไปร้านขายซีดีเล็กๆ ที่ทำให้ผมพึ่งค้นพบว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นคนชอบฟังเพลงมากทีเดียว
และถึงแม้บ๊อบบี้ก็พึ่งซื้อไอพอดมาให้เขาวันก่อน พร้อมเพลงในนั้นกว่าพันเพลง มาให้ผมเมื่อวันก่อนเอง แต่สุดท้ายผมกลับชอบเสน่ห์ของแผ่นซีดีมากกว่า
ทุกอย่างดูจะเป็นไปอย่างดี ไม่มีแม้ซักครั้งที่เขารู้สึกว่าไม่ชอบสิ่งที่เป็นอยู่ หมายถึง นอกจากฝันร้ายที่ยังมาเยี่ยมเยียนเขาอยู่เป็นบางครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทุเลาลงกว่าแรกๆที่มาไปมากพอควร
ผมตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงนอนของตัวเอง บิดขี้เกียจเล็กน้อยไล่ความเมื่อยล้าตามกล้ามเนื้ออกไป และเดินไปเพื่อหาอะไรกินยามเช้า
ตอนนี้ผมทำอาหารพอได้แล้วนะ..! มันเรียกได้ว่าพัฒนาการรึเปล่า?
ผมพอจะทำอาหารง่ายๆคล่องแล้ว จนบ๊อบบี้ยอมให้ผมหาอะไรทานเองหลังจากต้องพึ่งเขาทำใส่ตู้เย็นไว้มาร่วมเดือน
ผมเดินไปที่ห้องครัวก่อนจะรีบเปิดตู้เย็นเอาไข่ไก่ในนั้นออกมาพร้อมกับผักอีกสองสามอย่างเพื่อเตรียทำมื้อเช้าง่ายๆสำหรับวันนี้ หยิบเอาเขียงไม้กับมีดออกมาจากที่ของมันและเริ่มวางผักลงและสับมันเป็นชิ้นเล็กๆ
แต่ดูเหมือนเพราะผมมัวแต่สนใจเม็ดฝนที่เกาอยู่ตามหน้าต่างมากไปหน่อย ทำให้เผลอกดมีดลงไปที่นิ้วตัวเองซะได้
ผมสะดุ้งเมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเหล็กเย็นๆที่ปลายนิ้วมือ ก่อนจะรีบยกมันขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าเริ่มมีเลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากแผล
มันควรจะเป็นแค่อุบัติเหตุธรรมดาๆ
ถ้ามันไม่ได้มีข้อสังสัยบางอย่างที่ถูกส่งออกมาจากจิตสำนึกของผม
แล้วทำไม....ผมถึงไม่รู้สึกเจ็บ?
ผมได้แต่มองค้างอยู่ที่แผลนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก...
มองเลือดที่กำลังก่อตัวเป็นหยดและตกลงสู่เขียงไม้บนโต๊ะช้าๆ
ทำไมผมถึงไม้รู้สึกอะไรเลยนะ? ปกติมันควรจะเจ็บไม่ใช่หรอ?
มืออีกข้างของผมถูกเลื่อนไปบีบเข้าที่ข้อมือ ก่อนจะพาเอาตัวเองมาหยุดที่หน้าอ่างล้างจานใกล้ๆ ผมเปิดก็อกน้ำ ก่อนจะเอามือไปจ่อที่น้ำที่กำลังไหลออกมาเป็นสาย
ผมรู้สึกถึงความเย็นของน้ำที่นิ้วมือ แต่กลับไม่รู้สึกถึงแผลจริงๆนะ...
เสียงฝนที่กำลังกระหน่ำแรงขึ้นข้างนอกยิ่งทำให้หัวของผมคิดอะไรไม่ออก ความสับสนกำลังแล่นไปมาในหัวของผม
นี่มันอะไรกัน
มันเป็นความรู้สึกเหมือน ผมกำลังสับสน อะไรซักอย่างลึกๆในตัวกำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง
มือของผมเริ่มสั่นทิ่มอย่างรุนแรง...
ในหัวของผมเผลอนึกภาพของตัวเองตอนอยู่ในโรงพยาบาลขึ้นมา ทั้งตอนโดนทดลอง และโดนซ้อมหลายๆครั้ง ตอนนั้นผมก็ยังมีความรู้สึกเจ็บนี่น่า?
ผมได้แต่นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ความคิดพาผมไปหาคำตอบที่ถูกสุ่มขึ้นมาตามสัญชาตญาณของตัวเอง
ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เข้าใจตัวเองอยู่ดี
หรือผมควรลองมันอีกครั้ง?
ผมหันไปมองมีดที่ยังถูกวางอยู่ข้างมือที่พาดอยู่บนเค้าเตอร์ ก่อนจะเลื่อนมือไปหยิบมันขึ้นมาไว้ในมือ จับมันแน่นจน
ผมควรทำมันรึเปล่านะ
เงาใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนบนใบมีดทำให้ผมเหมือนคนโรคจิตนิดๆ แค่เพียวเสี้ยววินาทีต่อจากนั้นผมก็ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำลงไปทำไม
กดมีดลงบนแขนตัวเองจนเลือดทะลักออกมา
แทนที่จะเป็นความเจ็บปวดที่น่ากลัว แต่ผลลัพธ์ของมันต่างหากทำให้ผมกลัว.... กลัวจนเข่าอ่อนต้องลงไปนั่งกองกับพื้นด้วยความตกใจ
ผมไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ
ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะจางลงและหายไปกับความมืดมิด
“ขอบคุณนะครับ” เสียงของใครบางคนที่ดังขึ้นค่อยๆเรียกสติผมกลับมาได้
...ก่อนจะลืมตาขึ้น และพบว่าตัวเองน่าจะอยู่ในโรงพยาบาลซักแห่ง
โดยมีบ๊อบบี้กับหมอซักคนยินอยู่ห่างออกไปไม่มาก
....ความทรงจำสุดท้ายของผมค่อยๆถูกปะติดปะต่อขึ้นอีกครั้ง มันเต็มไปด้วยเลือดสีแดงและความสับสน
และตอนนี้แขนของผมก็เริ่มเจ็บจี๊ดๆขึ้นมาซะได้
ผมมองไปยังแขนตัวเองก่อนจะพบว่ามันถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวเรียบร้อยแล้ว คงเป็นคนตรงหน้าเขานี่แหละที่พาเขามาโรงพยาบาล
“...ตื่นแล้วหรอฮันบิน?” บ๊อบบี้เอ่ยขึ้นหลังจากที่เขาหันหลังกลับมาเห็นผมพอดี
“อ..อือ...”
ผมเห็นแววตาที่ดูผิดหวังของเขา ที่ถูกซ่อนไว้ด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ดูเหมือนมี่อะไรเกิดขึ้น
“....ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไร”
“....ขอโทษนะ จีวอนฮยอง....”
“ไม่เป็นไร... เฮ้ นายรู้ใช่ไม๊ มีอะไรก็คุยกับฉันได้ตลอดนะ” เขาพูดก่อนจะนั่งลงมี่เก้าอี้ข้างๆเตียงที่ผมนอนอยู่
“ผมสับสน...”
“สับสนอะไรเด็กน้อย”
“...”
“นายรู้ไม๊ ยิ่งนายเงียบ ยิ่งทำให้ฉันเป็นห่วงนะ”
“...ผมไม่รู้สึก...”
“....?”
“ผม....โดนมีดบาดแล้วไม่รู้สึกเจ็บ... ตอนที่กรีดแขนตัวเองก็ไม่เจ็บ”
หลังจากนั้นบ๊อบบี้ก็เงียบไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาราวกับว่าเรื่องที่ผมพึ่งพูดออกไปเป็นเรื่องโกหก
“นายแค่คิดไปเองฮันบินอา เอางี้ไม๊... ฉันจะนัดจิตแพทย์ให้ บางทีนายอาจจะอยากได้คำปรึกษาจากคนอื่นนอกจากฉัน ดีไม๊?”
“....”
“ฮันบิน...”
“ครับ เอาอย่างนั้นก็ได้
ผมมองหน้าของอีกคนอีกครั้ง คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ ผมไม่อยากทำให้เขาเป็นห่วงผม ผมไม่อยากเป็นภาระให้เขา
ใช่... แค่ทำตามที่บ๊อบบี้บอกแค่นั้นก็พอ
ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นคิมฮันบิน
40%
Junhoe’s side
“คุณกูจุนฮเว”เสียงของคังซึงยุนดังขึ้นทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในห้อง
“สวัสดีครับ คุณคัง ซึงยุน”
ใช่ ผมกำลังเข้าพบกับคนทีเป็นประธานของโรงพยาบาลแห่งนี้
ก็ไอ้คุณท่านประธานบ้าบอนี่ดันเล่นให้การ์ดหน้าตาโคตรจะโหดสองคนไปตามผมถึงห้องทำงานเลยน่ะสิ
เดาได้ไม่ยากหรอว่าแผนที่ผมให้เด็กจองชานอูอะไรนั่นคงล้มเป็นท่า
ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ
ผมได้แต่แสดงความหงุดหงิดอยู่ข้างในเท่านั้นแหละ เพราะตอนนี้ผมกำลังอยู่หน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่แข่งกับผมแล้ว
จริงๆผมไม่ได้ไม่ชอบอะไรเข้าหรอกนะแต่เพราะเขาคนนี้ดันเป็นศัตรูของพ่อผม ผมที่ขึ้นมารับตำแหน่งแทนพ่อจึงต้องมาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาไปโดยปริยาย
พ่อของผมเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี้....จะเป็นรองก็แค่ไม่กี่คน และพ่อผมไม่ต้องการแค่นั้น
ซึ่งไม่กี่คนที่พ่อผมคงขึ้นบัฐชีที่จะเขี่ยทิ้งคนแรกๆคงไม่พ้นครอบครัวคังแหงๆ
แค่ดูบันทึกการทำงานของท่านก็รู้ว่าท่านคงกำลังใช้อำนาจดำเนินการอะไรบางอย่างที่จะทำให้คนตรงหน้าผมลงจากตำแหน่งให้เร็วที่สุด...
คัง ซึงยุนคนนี้ก็คงรู้ตัวเองดีเช่นกันนั้นแหละ
ถึงผมจะเกลียดโรงพยาบาลแห่งนี้ไม่น้อยแต่ในเมื่อพ่อแท้ๆของผมยื่นหมากบนเกมบริหารของโรงพยาบาลให้ผมก็คงจะต้องเล่นมันไปตามน้ำ
“นั่งก่อนสิครับ”เขาพูดเสียงเรียบๆก่อนจะเชิญให้ผมนั่งลงบนโซฟาสีครีมที่ใช้สำหรับรับแขกในห้องทำงานที่กว้างกว่าห้องทำงานของผมซัก3เท่าได้ของเขา
แค่ห้องนี้ของเขาคนเดียวก็แทบจะเท่าหนึ่งในสี่ของชั้นนี้แล้วล่ะมั้ง
ห้องก็โล่งซะขนาดนี้ไม่รู้จะให้มันใหญ่ไปทำไม แค่เดินจากที่ที่ผมนั่งอยู่ตรงนี้ไปยังโต๊ะทำงานของเขาผมยังรู้สึกว่าต้องเหนื่อยแล้วแน่ๆ
“ขอโทษนะครับ ที่ไม่ได้มีโอกาสไปต้อนรับคุณเข้าตำแหน่งด้วยตัวเอง ช่วงนี้มันมีอะไรๆหลายอย่างที่ผมจะต้องจัดการให้เรียบร้อย”
“ผมไม่ถือสาเรื่องนั้นหรอก” ผมตอบก่อนจะทิ้งตัวพิงกับพนักพิงด้วยท่าทางสบายๆในตอนที่พนักงานคนนึงกำลังวางน้ำลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ระหว่างผมกับบคังซึงยุน
บทสนทนาระหว่างผมกับเขาหายไปซักพัก... หายไปจนกระทั่งตอนที่พนักงานสาวคนนั้นเดินหายไปจากประตูไม้สีเข้มที่ผมพึ่งเดินเข้ามา
“คุณมีอะไรจะพูดก็รีบๆพูดมา”
“...”
“...”
“ผมอยากให้คุณเลิกยุ่งกับสิ่งที่ผมทำอยู่ซักที”
“หึ? ทำไมผมต้องหยุดด้วยล่ะครับ คุณซึงยุน? ทั้งๆที่ข้อมูลที่ผมมีในมือก็น่าจะชี้ชัดแล้วว่า คุณกับเขากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่อย่างลับๆซะด้วย J และผมมั่นใจว่าผมจะสืบมันสำเร็จเร็วๆนี้”
“...คุณน่ะ”
“?”
“กับคนไข้ที่ชื่อจินฮวานคนนั้น...”
!!!!
“คุณจะทำอะไร?!?”
“อย่าพึ่งร้อนรนสิครับ J”
“...!”
“ผมแค่จะเสนอทางเลือกให้คุณ.. ระหว่าง สืบเรื่องนั้นต่อไป และคุณจะไม่ได้เห็นคิมจินฮวานอีกเลย...ผมมั่นใจว่าผมและคนของผมทำงานแนบเนียนพอ ต่อให้คุณสืบให้ตายก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”
ข้อเสนอที่ดูจะอันตรายของคนตรงหน้ากำลังทำลายความมั่นใจของผมอย่างช้าๆ
ชื่อของคิมจินฮวานกำลังมามีอิทธิพลกับผมมากเกินไปแล้วจริงๆ
“กับ...หยุดเรื่องที่คุณกำลังทำ ลืมเรื่องนี้ให้หมด แล้วย้ายออกไปอยู่บ้านพักนอกโรงพยาบาล คุณ ครอบครัวของคุณ และคนไข้คนนั้นจะไม่ได้รับอันตรายแม้แต่ปลายผม...และถ้าคุณต้องการ ผมจะเซ็นอนุมัติให้จินฮวานออกจากโซนพิเศษ...และไม่ต้องเข้ารับการทดลองใดๆซักระยะใหญ่”
ผมกัดฟันแน่น
ข้อเสนอพวกนี้ผมมีแต่ได้กับได้ ผมไม่ได้จริงจังกับการสืบหาความจริงอยู่แล้ว มันไม่ได้มามีประโยชน์อะไรกับผมโดยตรงนี่น่า
ต่อให้หมอนั่นมีแผนล้มโรงพยาบาลหรือฆ่าใครที่ไหนที่ไม่ใช่ครอบครัวผมและ...จินฮวาน ผมก็ไม่แคร์อยู่แล้ว แต่การตอบรับข้อเสนอเขามัน...เสียศักดิ์ศรีชะมัด
คนตรงหน้าน่ากลัวกว่าที่คาดไว้มากทีเดียว
“คุณมีแผนอะไรกันแน่ จริงๆแล้วแค่คุณให้ลูกน้องของคุณเข้ามาโยนผมออกนอกระเบียงไป ผมก็ไม่รอดแล้ว แต่คุณกลับเสนอทางเลือกผม และเป็นข้อเสนอที่ผมค่อนข้างได้เปรียบซะด้วย”
“แผนของผมน่ะ...คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก เพราะเดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง... ”
“...หึ งั้นผมก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากรับข้อเสนอของคุณสินะ...”
“ถ้าคุณต้องการ คุณกูจุนฮเว J ”
“ทำอย่างกับคุณมีทางเลือกให้ผมนัก หมดธุระของคุณแล้วใช่ไม๊ จำคำพูดของคุณให้ดี”
“บอกตัวเองด้วยก็ดีนะครับ เพราะถ้าผมรู้ว่าคุณตุกติกข้อสัญญาระหว่างเราเป็นโมฆะ”
“หึ...”
คนอะไรวะ?
แล้วผมรีบเดินออกจากห้องนั้นโดยเร็ว
ผมมองร่างเล็กของจินฮวานที่ถูกวางยาสลบและถูกส่งเขาไปในห้องปกติผ่านทางเทปกล้องวงจรปิดที่ถูกส่งมาห้องทำงานผมเมื่อ2-3นทีก่อน
เขาพึ่งถูกย้ายเข้าไปยังที่คุมขังโซนใหม่ที่ไม่ค่อยมีคนอยู่เมื่อเช้านี้เอง
อย่างน้อย คังซึงยุนก็มีศักดิ์ศรีมากพอที่จะทำตามข้อตกลง
ผมนี่ประหลาดเน๊อะ
ทั้งที่เขาแทบจะไม่รู้จักผมเลยด้วยซ้ำ
...เฮ้อ...แล้วต่อจากนี้ผมควรทำอะไรกันล่ะ? ดูเหมือนแผนเปิดโปงประธานของโรงพยาบาลจะต้องถูกระงับไว้ชั่วคราวแล้วล่ะมั้ง
ผมละสายตาออกจากหน้าจอก่อนจะถอนหายใจยาวๆ
สิ่งที่ยังติดอยู่ในสมองของผมก็คือ สรุปคังซึงยุนมีแผนอะไรกันนะ??
...ผมอยากรู้ก็จริงแต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้...
ก๊อกๆๆ
“เข้ามา”ผมตอบเรียบๆก่อนจะปิดหน้าจออมและแสร้งทำเป็นอ่านเอกสารอยู่
เจ้าหน้าที่ที่ผมไม่คุ้นตาก้าวเข้ามาในห้องทำงานของผม คงเป็นคนของคังซึงยุนอีกตามเคย สองวันมานี่เขามักจะส่งคนมาป้งวนเปี้ยนกับผมเสมอจนนน่ารำคาญ
“ตอนนี้บ้านพักส่วนตัวของคุณจุนฮเวพร้อมย้ายเข้าอยู่แล้วนะครับ พรุ่งนี้ทางโรงพยาบาลจะส่งคนมารับคุณ 9โมง ทางโรงพยาบาลได้โอนย้ายทุกอย่างให้เตรียมพร้อม และได้จัดห้องทำงานไว้ที่นั่นแล้วครับ นับตั้งแต่นี้ต่อไปคุณแค่ทำงานจากที่นั่นแล้วมาที่นี่เป็นครั้งคราวก็พอ”
เขาย้ำคำว่าครั้งคราวด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้นแปลกๆ
กะจะตัดไม้ตัดมือผมเต็มที่เลยสินะ
“อื้อ มีธุระแค่นี้ใช่ไม๊”
“ครับ”
“ออกไปได้แล้ว”
นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมคงไม่ได้มาเหยียบที่นี่อีกซักพักใหญ่ๆ ไม่น่าพลาดให้ไอ้เด็กจองชานอูนั่นเลยจริงๆ นึกว่าจะเชื่อฟังกันมากกว่านี้ซะอีก
หึ...
ผมหันไปจองหน้าจอคอมที่ยังค้างภาพของคิมจินฮวานเอาไว้อยุ่
ผมนี่มันบ้าจริงๆ
หวังว่าการโดนเนรเทศไปอยู่ข้างนอกจะทำให้ผมเลิกยุ่งกับคนคนนี้ได้ซักทีนะ
ผมมองไปยังอาคารใหญ่สองชั้นที่กำลังจะเป็นที่อยู่ใหม่ของผม ก่อนจะก้าวเข้าไปผ่านประตูบานใหญ่ที่ถูกเปิดเอาไว้รอรับผมอยู่แล้ว
อาคารที่ตั้งอยู่ในเขตที่ดินของลอว์ไลท์ แค่ห่างออกมาจากตัวโรงพยาบาลไม่มากนัก
ตัวบ้านเรียบง่ายไม่หรูหรา ตกแต่งแบบกึ่งโมเดิร์น มีพื้นที่กว้างขวางและเป็นสัดส่วนดี เฟอร์นิเจอร์ก็ครบครัน
ผมค่อยๆสำรวจบ้านของผมอย่างไม่รีบร้อน
ผมเห็นแม่บ้านสองคนที่ยืนอยู่ห่างๆ พร้อมกับการ์ดรักษาความปลอดภัยอีกสามคน
บ้านหลังนี้มี2ชั้น ชั้นล่างประกอบไปด้วยครัว โต๊ะกินข้าว โซฟากับทีวีจอแบน32นิ้ว กับชุดเครื่องเสียงชั้นดีตามที่ผมแจ้งไปให้กับเลขา ทั้งบ้านตกแต่งด้วยโทนขาวดำเป็นหลัก จริงๆจะค่อนไปทางสีดำมากกว่านิดหน่อย ... ซึ่งมันก็ดีนะ ผมเบื่อสีสว่างๆในโรงพยาบาลเต็นทนแล้วเหมือนกัน
ผมค่อยๆเดินไปยังบันไดก่อนจะสะดุดตาเข้ากับจดหมายฉบับหนึ่งในซองสีขาวสะอาดฉลุทองสวยงามที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเล็กๆที่หัวบันได
ผมคว้าเจ้าจดหมายฉบับนั้นมาก่อนจะเปิดมันอ่าน
‘ผมเตรียมของขวัญสุดพิเศษไว้ให้คุณแล้ว แค่ของดูเล่นน่ะ หวังว่าคุณจะชอบใจ ยินดีด้วยสำหรับบ้านหลังใหม่ – KSY ’
จากไอ้ประธานนั้นน่ะหรอ...?
ของขวัญงั้นหรอ เจ้านั่นจะมาไม้ไหนอีกล่ะ? แต่ความรู้สึกของผมบ่งบอกว่ามันต้องไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ผมค่อยๆก้าวขึ้นไปตามบันไดอย่างระมัดระวังก่อนจะมาพบเข้ากับประตู3บาน
ถ้าจำไม่ผิด...ตามแปลนห้องที่ผมได้มาล่วงหน้า
ห้องทางซ้ายจะเป็นห้องนอนของผม
ห้องทางขวาจะเป็นนั่งเล่นและห้องหนังสือตามที่ผมรีเควสไป
และห้องตรงกลางจะเป็นห้องทำงาน
ถ้าเขาจะเอาของขวัญมาให้ผมงั้นก็น่าจะเป็นห้องนั่งเล่น?
ผมรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องน่งเล่นก่อนจะไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆทั้งสิ้น
หรืออาจจะอยู่ในห้องนอน?
ผมออกจากห้องนั่งเล่นและเข้าไปในห้องนอนก่อนไม่พบสิ่งที่ผิดปกติเลย มีแค่เตียงนอนกับเก้าอี้2ตัว โต๊ะ ตู้เสื้อผ้า แล้วก็ประตูที่เชื่อมไปยังห้องน้ำเท่านั้น
เหลือแค่ห้องเดียว...ห้องทำงาน
ผมเดินตรงไปยังห้องทำงานก่อนจะเปิดประตูออก...
ก่อนจะพบกับสิ่งที่แม้แต่ผมยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
มันคือจินฮวาน!!!
นี่มันอะไรกัน!!!!!!!!
ร่างของจินฮวานในชุดคนไข้ที่ถูกขังอยู่ในสิ่งที่ดูคล้ายกับกรงนกทองเหลืองขนาดราวๆ4*4เมตร ภายในมีเตียง4เสาที่ถูกออกแบบอย่างสวยงาม...
รอบนอกของกรงถูกกันด้วยรั้วเตี้ยที่สูงแค่เข่าเท่านั้น โดยห่างออกมาจากตัวกรงพอประมาณ พร้อมกับมีจดหมายหน้าตาคล้ายเดิมติดอยู่
‘ถูกใจไม๊ครับ? ผมเป็นบอสที่ใจดีใช่เล่นเลยนะ มีรีโมทอยู่บนโต๊ะทำงานของคุณ กรุณาอ่านวิธีใช้ด้วยจะได้ไม่โดนฆ่าเอาง่ายๆ ’
ผมมองร่างเล็กทันทีที่อ่านจบ
เขากำลังนอนหลับอยู่บนเตียง...
ผมรีบสาวเท้าไปยังโต๊ะทำงานที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะพบกับสร้อยคอที่มีวัสดุคล้ายๆกับแผ่นเหล็กบางๆวางอยู่บนกระดาษที่มีคำอธิบายอยาวเหยียด
คร่าวๆก็ไม่มีอะไรมากอาการก่อนที่จะโดนจินฮวานสะกดจิตจะมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเป็นเวลา5วินาที นั่นนับเป็นช่องโหว่สำคัญของพลังของจินฮวาน ส่วนเจ้าสร้อยคออันนี้มันจะรับคำสั่งจากเสียงของผมโดยตรง หากผมสั่งให้จินฮวานสลบเขาก็จะสลบ แต่ถ้าสั่งให้ตาย เขาก็ตาย
เจ้าสร้อยอันนี้เป็นเสมือนรีโมทคอนโทลที่จะสั่งการไปยังกำไลข้อมือที่อยู่บนข้อมือของจินฮวาน หากผมสั่งให้จินฮวานตาย บวกกับรหัสที่ระบุ สารเคมีอันตรายก็จะถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของเขาทันที
ประมาณนั้น...
โลกนี้ช่างประหลาด
คนเราสามารถมอบมนุษย์เป็นของขัวญขึ้นบ้านใหม่ให้กันได้แล้วหรือยังไง?
แต่ก็นะ อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ที่นี่
ผมไม่ควรจะแปลกใจกับเรื่องอะไรก็ตามแล้วล่ะ
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองกรงสีทองที่ตั้งอยู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา
คิมจินฮวาน...คิมจินฮวาน....
ฉันควรทำอะไรกับนายดีนะ?
ส่งเขากลับเข้าไปในโรงพยาบาลก็ดูจะใจร้ายเกินไปหน่อย และลึกๆผมก็รู้ดีว่าตัวเองทำอย่างนั้นไม่ได้แน่
จะให้ปล่อยเขาไปก็รู้ว่าทำไม่ได้
หรือจะให้ บอกเขาว่าผมเป็นนักบริหารที่พาเขามาอยู่ในบ้าน ก็จะโดนหาว่าเป็นตาแก่โรคจิตกันพอดี
...ใครก็ได้บอกที่ว่าผมควรทำยังไง?
ผมค่อยๆเดินไปจนถึงกรงสีทองอันนั้น ก่อนจะเอามือขึ้นมาจับที่ลูกกรงเอาไว้ พลางคลายเนกไทที่คอออกเล็กน้อย
คังซึงยุนปั่นหัวเขาได้ดีจริงๆ
ตอนนี้จินฮวานยังไม่ฟื้น...แต่ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาล่ะ
“อะ..อื้อ..”
เสียงที่ดังขึ้นมาท่ามกลางห้องที่เงียบสงัดทำให้ผมสะดุ้งขึ้นมา
เดินหนีตอนนี้ทันไม๊ครับ?
ผมหันหลังให้จินฮวานที่พึ่งตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย
ความเงียบที่ก่อขึ้นทำให้ผมเลิกคิ้วอย่าประหลาดใจก่อนจะค่อยหันไปมอง
และภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำเอาผมหัวใจเกือบวายขึ้นมาซะตรงนั้น
ร่างเล็กๆ หน้าขาวๆ ตากลมๆที่อยู่ใกล้แบบที่ไม่เคยมาก่อน ใกล้จนเห็นไฝรูปหัวใจเล็กๆที่ใต้ตา
ปกติจุนฮเวไม่เคยได้เข้าใกล้กับจินฮวานใกล้เกินกว่า10เมตรด้วยซ้ำ แต่นี่คือ หน้าของเขาอยู่ห่างจากกรงเหล็กนั่นไม่ถึง2นิ้วด้วยซ้ำ และจินฮวานก็ดันมาเกาะซะติดขอบกรงเลย
หัวใจของเขาเต้นรัวและถี่จนแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว
“อันยองครับ...”
“หลับ”
ตึง!
และเสียงร่างของจินฮวานกระแทกพื้นแรงๆก็ดังขึ้น...
TBC
TALK
เปลี่ยนโหมดกันทันไม๊ทุกคน ถถถ
จากดบบ.มาจุนจินที่พลิก 180 องศาเลยคร่ะะะะ
ดบบ.เริ่มเข้าเรื่องจริงจังเเละนะะะะ หลังจากนี้ตั้งสติกันดีๆ เรื่องจะไปเป็นติดสปีด
จุนจินเขาเจอกันเเละนะ เชิลจุงงงฃ
เลิ้บบบบยูว
อย่าลืมมเม้น เเละ #ฟิคลวงดบบ ด้วยนะคะ
@SQWEEZ
ความคิดเห็น