ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [IKON] "HOODWINK" DoubleB&Junjin

    ลำดับตอนที่ #7 : file06 :: psycho

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 58







    I mention you when I say my prayers
    I wrap you around all of my thoughts
    Boy you're my temporary high






     HANBIN'S SIDE


                 มันเป็นเช้าวันจันทร์ที่ฝนตกปรอยๆ

    เช้าวันที่ 24 หลังจากผมออกมาจากลอว์ไลท์

    เสียงของฝนทำให้ผมขมวดคิ้วนิดหน่อย... มันดูแปลกมากๆที่ฝนจะมาตกเอาปลายหน้าหนาวแบบนี้ มันคงเป็นฝนหลงฤดูล่ะมั้ง...

    ผมตื่นเช้ามาโดยที่พบว่าบ๊อบบี้ออกไปทำงานแล้ว บ๊อบบี้มีงานที่โรงพยาบาลตอนเช้าทุกวันจันทร์กับพฤหัส ส่วนวันที่เหลือเขาจะออกสายๆหน่อย

    กลิ่นชื้นๆพวกนั้นทำให้ผมรู้สึกอึดอัดนิดหน่อยเวลาหายใจ แต่ก็ทำให้รู้สึกสดชื่นดี

     

     

    กิจวัตรประจำวันของผมเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เหมือนทุกๆวัน

    ทำอาหารเช้า นอนดูหนัง อ่านหนังสือภาษาอังกฤษที่บ๊อบบี้ซื้อมาให้ และทำแบบฝึกหัด กินข้าว กลับมานอนดูหนังอีกรอบจนกว่าบ๊อบบี้จะกลับจากโรงพยาบาล

     

     

    บางวันถ้าบ๊อบบี้กลับมาเร็วกว่าปกติ พวกเขาก็อาจจะขับรถเข้าเมืองไปหาอาหารอร่อยๆกินกัน  หรือไปเดินเล่นเที่ยวบ้าง ไปร้านขายซีดีเล็กๆ ที่ทำให้ผมพึ่งค้นพบว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นคนชอบฟังเพลงมากทีเดียว

    และถึงแม้บ๊อบบี้ก็พึ่งซื้อไอพอดมาให้เขาวันก่อน พร้อมเพลงในนั้นกว่าพันเพลง มาให้ผมเมื่อวันก่อนเอง แต่สุดท้ายผมกลับชอบเสน่ห์ของแผ่นซีดีมากกว่า

     

     

    ทุกอย่างดูจะเป็นไปอย่างดี ไม่มีแม้ซักครั้งที่เขารู้สึกว่าไม่ชอบสิ่งที่เป็นอยู่ หมายถึง นอกจากฝันร้ายที่ยังมาเยี่ยมเยียนเขาอยู่เป็นบางครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทุเลาลงกว่าแรกๆที่มาไปมากพอควร

     

     

     ผมตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงนอนของตัวเอง บิดขี้เกียจเล็กน้อยไล่ความเมื่อยล้าตามกล้ามเนื้ออกไป และเดินไปเพื่อหาอะไรกินยามเช้า

     

     

    ตอนนี้ผมทำอาหารพอได้แล้วนะ..! มันเรียกได้ว่าพัฒนาการรึเปล่า?

     ผมพอจะทำอาหารง่ายๆคล่องแล้ว จนบ๊อบบี้ยอมให้ผมหาอะไรทานเองหลังจากต้องพึ่งเขาทำใส่ตู้เย็นไว้มาร่วมเดือน

     

    ผมเดินไปที่ห้องครัวก่อนจะรีบเปิดตู้เย็นเอาไข่ไก่ในนั้นออกมาพร้อมกับผักอีกสองสามอย่างเพื่อเตรียทำมื้อเช้าง่ายๆสำหรับวันนี้ หยิบเอาเขียงไม้กับมีดออกมาจากที่ของมันและเริ่มวางผักลงและสับมันเป็นชิ้นเล็กๆ

     

    แต่ดูเหมือนเพราะผมมัวแต่สนใจเม็ดฝนที่เกาอยู่ตามหน้าต่างมากไปหน่อย ทำให้เผลอกดมีดลงไปที่นิ้วตัวเองซะได้

    ผมสะดุ้งเมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเหล็กเย็นๆที่ปลายนิ้วมือ ก่อนจะรีบยกมันขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าเริ่มมีเลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากแผล

     

     

    มันควรจะเป็นแค่อุบัติเหตุธรรมดาๆ

    ถ้ามันไม่ได้มีข้อสังสัยบางอย่างที่ถูกส่งออกมาจากจิตสำนึกของผม

     

     

     

     

    แล้วทำไม....ผมถึงไม่รู้สึกเจ็บ?

     

     

     

     

    ผมได้แต่มองค้างอยู่ที่แผลนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก...

    มองเลือดที่กำลังก่อตัวเป็นหยดและตกลงสู่เขียงไม้บนโต๊ะช้าๆ

     

     

    ทำไมผมถึงไม้รู้สึกอะไรเลยนะ? ปกติมันควรจะเจ็บไม่ใช่หรอ?

    มืออีกข้างของผมถูกเลื่อนไปบีบเข้าที่ข้อมือ ก่อนจะพาเอาตัวเองมาหยุดที่หน้าอ่างล้างจานใกล้ๆ ผมเปิดก็อกน้ำ ก่อนจะเอามือไปจ่อที่น้ำที่กำลังไหลออกมาเป็นสาย

     

    ผมรู้สึกถึงความเย็นของน้ำที่นิ้วมือ แต่กลับไม่รู้สึกถึงแผลจริงๆนะ...

    เสียงฝนที่กำลังกระหน่ำแรงขึ้นข้างนอกยิ่งทำให้หัวของผมคิดอะไรไม่ออก ความสับสนกำลังแล่นไปมาในหัวของผม

     

    นี่มันอะไรกัน

    มันเป็นความรู้สึกเหมือน ผมกำลังสับสน อะไรซักอย่างลึกๆในตัวกำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง

    มือของผมเริ่มสั่นทิ่มอย่างรุนแรง...

     

    ในหัวของผมเผลอนึกภาพของตัวเองตอนอยู่ในโรงพยาบาลขึ้นมา ทั้งตอนโดนทดลอง และโดนซ้อมหลายๆครั้ง ตอนนั้นผมก็ยังมีความรู้สึกเจ็บนี่น่า?

     

    ผมได้แต่นิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ความคิดพาผมไปหาคำตอบที่ถูกสุ่มขึ้นมาตามสัญชาตญาณของตัวเอง

    ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เข้าใจตัวเองอยู่ดี

     

     

     

     

    หรือผมควรลองมันอีกครั้ง?

    ผมหันไปมองมีดที่ยังถูกวางอยู่ข้างมือที่พาดอยู่บนเค้าเตอร์ ก่อนจะเลื่อนมือไปหยิบมันขึ้นมาไว้ในมือ จับมันแน่นจน

     

    ผมควรทำมันรึเปล่านะ

    เงาใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนบนใบมีดทำให้ผมเหมือนคนโรคจิตนิดๆ แค่เพียวเสี้ยววินาทีต่อจากนั้นผมก็ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำลงไปทำไม

     

    กดมีดลงบนแขนตัวเองจนเลือดทะลักออกมา

    แทนที่จะเป็นความเจ็บปวดที่น่ากลัว แต่ผลลัพธ์ของมันต่างหากทำให้ผมกลัว.... กลัวจนเข่าอ่อนต้องลงไปนั่งกองกับพื้นด้วยความตกใจ

     

     

    ผมไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ

     

     

     

     

     

                ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะจางลงและหายไปกับความมืดมิด

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ขอบคุณนะครับ” เสียงของใครบางคนที่ดังขึ้นค่อยๆเรียกสติผมกลับมาได้

    ...ก่อนจะลืมตาขึ้น และพบว่าตัวเองน่าจะอยู่ในโรงพยาบาลซักแห่ง

     

    โดยมีบ๊อบบี้กับหมอซักคนยินอยู่ห่างออกไปไม่มาก

    ....ความทรงจำสุดท้ายของผมค่อยๆถูกปะติดปะต่อขึ้นอีกครั้ง มันเต็มไปด้วยเลือดสีแดงและความสับสน

     

     

    และตอนนี้แขนของผมก็เริ่มเจ็บจี๊ดๆขึ้นมาซะได้

    ผมมองไปยังแขนตัวเองก่อนจะพบว่ามันถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวเรียบร้อยแล้ว คงเป็นคนตรงหน้าเขานี่แหละที่พาเขามาโรงพยาบาล

     

    “...ตื่นแล้วหรอฮันบิน?” บ๊อบบี้เอ่ยขึ้นหลังจากที่เขาหันหลังกลับมาเห็นผมพอดี

    “อ..อือ...”

    ผมเห็นแววตาที่ดูผิดหวังของเขา ที่ถูกซ่อนไว้ด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ดูเหมือนมี่อะไรเกิดขึ้น 

    “....ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไร”

    “....ขอโทษนะ จีวอนฮยอง....”

    “ไม่เป็นไร... เฮ้ นายรู้ใช่ไม๊ มีอะไรก็คุยกับฉันได้ตลอดนะ” เขาพูดก่อนจะนั่งลงมี่เก้าอี้ข้างๆเตียงที่ผมนอนอยู่

     

     

    “ผมสับสน...”

    “สับสนอะไรเด็กน้อย”

    “...”

    “นายรู้ไม๊ ยิ่งนายเงียบ ยิ่งทำให้ฉันเป็นห่วงนะ”

    “...ผมไม่รู้สึก...”

    “....?”

    “ผม....โดนมีดบาดแล้วไม่รู้สึกเจ็บ... ตอนที่กรีดแขนตัวเองก็ไม่เจ็บ”

     

     

     

    หลังจากนั้นบ๊อบบี้ก็เงียบไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาราวกับว่าเรื่องที่ผมพึ่งพูดออกไปเป็นเรื่องโกหก

     

     

     

    “นายแค่คิดไปเองฮันบินอา เอางี้ไม๊... ฉันจะนัดจิตแพทย์ให้ บางทีนายอาจจะอยากได้คำปรึกษาจากคนอื่นนอกจากฉัน ดีไม๊?”

    “....”

    “ฮันบิน...”

    “ครับ เอาอย่างนั้นก็ได้

     

    ผมมองหน้าของอีกคนอีกครั้ง คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ ผมไม่อยากทำให้เขาเป็นห่วงผม ผมไม่อยากเป็นภาระให้เขา

     

    ใช่... แค่ทำตามที่บ๊อบบี้บอกแค่นั้นก็พอ

    ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นคิมฮันบิน

     

     

     40%

     

    Junhoe’s side

     

    คุณกูจุนฮเวเสียงของคังซึงยุนดังขึ้นทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในห้อง

                สวัสดีครับ คุณคัง ซึงยุน

     

     

                ใช่ ผมกำลังเข้าพบกับคนทีเป็นประธานของโรงพยาบาลแห่งนี้

    ก็ไอ้คุณท่านประธานบ้าบอนี่ดันเล่นให้การ์ดหน้าตาโคตรจะโหดสองคนไปตามผมถึงห้องทำงานเลยน่ะสิ

     

     

    เดาได้ไม่ยากหรอว่าแผนที่ผมให้เด็กจองชานอูอะไรนั่นคงล้มเป็นท่า

    ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ

     

    ผมได้แต่แสดงความหงุดหงิดอยู่ข้างในเท่านั้นแหละ เพราะตอนนี้ผมกำลังอยู่หน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่แข่งกับผมแล้ว

     

     

    จริงๆผมไม่ได้ไม่ชอบอะไรเข้าหรอกนะแต่เพราะเขาคนนี้ดันเป็นศัตรูของพ่อผม ผมที่ขึ้นมารับตำแหน่งแทนพ่อจึงต้องมาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาไปโดยปริยาย

    พ่อของผมเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี้....จะเป็นรองก็แค่ไม่กี่คน และพ่อผมไม่ต้องการแค่นั้น

     

    ซึ่งไม่กี่คนที่พ่อผมคงขึ้นบัฐชีที่จะเขี่ยทิ้งคนแรกๆคงไม่พ้นครอบครัวคังแหงๆ

     

    แค่ดูบันทึกการทำงานของท่านก็รู้ว่าท่านคงกำลังใช้อำนาจดำเนินการอะไรบางอย่างที่จะทำให้คนตรงหน้าผมลงจากตำแหน่งให้เร็วที่สุด...

     

     

     

    คัง ซึงยุนคนนี้ก็คงรู้ตัวเองดีเช่นกันนั้นแหละ

    ถึงผมจะเกลียดโรงพยาบาลแห่งนี้ไม่น้อยแต่ในเมื่อพ่อแท้ๆของผมยื่นหมากบนเกมบริหารของโรงพยาบาลให้ผมก็คงจะต้องเล่นมันไปตามน้ำ

     

     

                นั่งก่อนสิครับเขาพูดเสียงเรียบๆก่อนจะเชิญให้ผมนั่งลงบนโซฟาสีครีมที่ใช้สำหรับรับแขกในห้องทำงานที่กว้างกว่าห้องทำงานของผมซัก3เท่าได้ของเขา

     

     

                แค่ห้องนี้ของเขาคนเดียวก็แทบจะเท่าหนึ่งในสี่ของชั้นนี้แล้วล่ะมั้ง

                ห้องก็โล่งซะขนาดนี้ไม่รู้จะให้มันใหญ่ไปทำไม แค่เดินจากที่ที่ผมนั่งอยู่ตรงนี้ไปยังโต๊ะทำงานของเขาผมยังรู้สึกว่าต้องเหนื่อยแล้วแน่ๆ

     

     

                “ขอโทษนะครับ ที่ไม่ได้มีโอกาสไปต้อนรับคุณเข้าตำแหน่งด้วยตัวเอง ช่วงนี้มันมีอะไรๆหลายอย่างที่ผมจะต้องจัดการให้เรียบร้อย”

                “ผมไม่ถือสาเรื่องนั้นหรอก” ผมตอบก่อนจะทิ้งตัวพิงกับพนักพิงด้วยท่าทางสบายๆในตอนที่พนักงานคนนึงกำลังวางน้ำลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ระหว่างผมกับบคังซึงยุน

                บทสนทนาระหว่างผมกับเขาหายไปซักพัก... หายไปจนกระทั่งตอนที่พนักงานสาวคนนั้นเดินหายไปจากประตูไม้สีเข้มที่ผมพึ่งเดินเข้ามา

     

     

     

     

                “คุณมีอะไรจะพูดก็รีบๆพูดมา”

                “...”

                “...”

     

     

     

              ผมอยากให้คุณเลิกยุ่งกับสิ่งที่ผมทำอยู่ซักที

     

     

     

                หึ? ทำไมผมต้องหยุดด้วยล่ะครับ คุณซึงยุน? ทั้งๆที่ข้อมูลที่ผมมีในมือก็น่าจะชี้ชัดแล้วว่า คุณกับเขากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่อย่างลับๆซะด้วย J และผมมั่นใจว่าผมจะสืบมันสำเร็จเร็วๆนี้

     

     

                “...คุณน่ะ

                “?”

     

     

                กับคนไข้ที่ชื่อจินฮวานคนนั้น...

                !!!!

                คุณจะทำอะไร?!?”

     

     

                อย่าพึ่งร้อนรนสิครับ J

                “...!”

                ผมแค่จะเสนอทางเลือกให้คุณ.. ระหว่าง สืบเรื่องนั้นต่อไป และคุณจะไม่ได้เห็นคิมจินฮวานอีกเลย...ผมมั่นใจว่าผมและคนของผมทำงานแนบเนียนพอ ต่อให้คุณสืบให้ตายก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ

               

     

                ข้อเสนอที่ดูจะอันตรายของคนตรงหน้ากำลังทำลายความมั่นใจของผมอย่างช้าๆ

                ชื่อของคิมจินฮวานกำลังมามีอิทธิพลกับผมมากเกินไปแล้วจริงๆ

     

     

                กับ...หยุดเรื่องที่คุณกำลังทำ ลืมเรื่องนี้ให้หมด แล้วย้ายออกไปอยู่บ้านพักนอกโรงพยาบาล คุณ ครอบครัวของคุณ และคนไข้คนนั้นจะไม่ได้รับอันตรายแม้แต่ปลายผม...และถ้าคุณต้องการ ผมจะเซ็นอนุมัติให้จินฮวานออกจากโซนพิเศษ...และไม่ต้องเข้ารับการทดลองใดๆซักระยะใหญ่

     

     

                ผมกัดฟันแน่น

                ข้อเสนอพวกนี้ผมมีแต่ได้กับได้ ผมไม่ได้จริงจังกับการสืบหาความจริงอยู่แล้ว มันไม่ได้มามีประโยชน์อะไรกับผมโดยตรงนี่น่า

                ต่อให้หมอนั่นมีแผนล้มโรงพยาบาลหรือฆ่าใครที่ไหนที่ไม่ใช่ครอบครัวผมและ...จินฮวาน ผมก็ไม่แคร์อยู่แล้ว แต่การตอบรับข้อเสนอเขามัน...เสียศักดิ์ศรีชะมัด

     

                คนตรงหน้าน่ากลัวกว่าที่คาดไว้มากทีเดียว

                คุณมีแผนอะไรกันแน่ จริงๆแล้วแค่คุณให้ลูกน้องของคุณเข้ามาโยนผมออกนอกระเบียงไป ผมก็ไม่รอดแล้ว แต่คุณกลับเสนอทางเลือกผม และเป็นข้อเสนอที่ผมค่อนข้างได้เปรียบซะด้วย

                แผนของผมน่ะ...คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก เพราะเดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง...

                “...หึ งั้นผมก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากรับข้อเสนอของคุณสินะ...

                ถ้าคุณต้องการ คุณกูจุนฮเว J

                ทำอย่างกับคุณมีทางเลือกให้ผมนัก หมดธุระของคุณแล้วใช่ไม๊ จำคำพูดของคุณให้ดี

                บอกตัวเองด้วยก็ดีนะครับ เพราะถ้าผมรู้ว่าคุณตุกติกข้อสัญญาระหว่างเราเป็นโมฆะ

                หึ...

     

     

     

    คนอะไรวะ?

                แล้วผมรีบเดินออกจากห้องนั้นโดยเร็ว

               

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ผมมองร่างเล็กของจินฮวานที่ถูกวางยาสลบและถูกส่งเขาไปในห้องปกติผ่านทางเทปกล้องวงจรปิดที่ถูกส่งมาห้องทำงานผมเมื่อ2-3นทีก่อน

                เขาพึ่งถูกย้ายเข้าไปยังที่คุมขังโซนใหม่ที่ไม่ค่อยมีคนอยู่เมื่อเช้านี้เอง

                อย่างน้อย คังซึงยุนก็มีศักดิ์ศรีมากพอที่จะทำตามข้อตกลง

     

     

                ผมนี่ประหลาดเน๊อะ

                ทั้งที่เขาแทบจะไม่รู้จักผมเลยด้วยซ้ำ

                ...เฮ้อ...แล้วต่อจากนี้ผมควรทำอะไรกันล่ะ? ดูเหมือนแผนเปิดโปงประธานของโรงพยาบาลจะต้องถูกระงับไว้ชั่วคราวแล้วล่ะมั้ง

                ผมละสายตาออกจากหน้าจอก่อนจะถอนหายใจยาวๆ

                สิ่งที่ยังติดอยู่ในสมองของผมก็คือ สรุปคังซึงยุนมีแผนอะไรกันนะ??

                ...ผมอยากรู้ก็จริงแต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้...

     

     

                ก๊อกๆๆ

                เข้ามาผมตอบเรียบๆก่อนจะปิดหน้าจออมและแสร้งทำเป็นอ่านเอกสารอยู่

                เจ้าหน้าที่ที่ผมไม่คุ้นตาก้าวเข้ามาในห้องทำงานของผม คงเป็นคนของคังซึงยุนอีกตามเคย สองวันมานี่เขามักจะส่งคนมาป้งวนเปี้ยนกับผมเสมอจนนน่ารำคาญ

                ตอนนี้บ้านพักส่วนตัวของคุณจุนฮเวพร้อมย้ายเข้าอยู่แล้วนะครับ พรุ่งนี้ทางโรงพยาบาลจะส่งคนมารับคุณ 9โมง ทางโรงพยาบาลได้โอนย้ายทุกอย่างให้เตรียมพร้อม และได้จัดห้องทำงานไว้ที่นั่นแล้วครับ นับตั้งแต่นี้ต่อไปคุณแค่ทำงานจากที่นั่นแล้วมาที่นี่เป็นครั้งคราวก็พอ

                เขาย้ำคำว่าครั้งคราวด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้นแปลกๆ

                กะจะตัดไม้ตัดมือผมเต็มที่เลยสินะ

                อื้อ มีธุระแค่นี้ใช่ไม๊

                ครับ

                ออกไปได้แล้ว

     

                นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมคงไม่ได้มาเหยียบที่นี่อีกซักพักใหญ่ๆ ไม่น่าพลาดให้ไอ้เด็กจองชานอูนั่นเลยจริงๆ นึกว่าจะเชื่อฟังกันมากกว่านี้ซะอีก

                หึ...

                ผมหันไปจองหน้าจอคอมที่ยังค้างภาพของคิมจินฮวานเอาไว้อยุ่

               

                ผมนี่มันบ้าจริงๆ

               

                หวังว่าการโดนเนรเทศไปอยู่ข้างนอกจะทำให้ผมเลิกยุ่งกับคนคนนี้ได้ซักทีนะ

     

                           

     

     

    ผมมองไปยังอาคารใหญ่สองชั้นที่กำลังจะเป็นที่อยู่ใหม่ของผม ก่อนจะก้าวเข้าไปผ่านประตูบานใหญ่ที่ถูกเปิดเอาไว้รอรับผมอยู่แล้ว

     

     

    อาคารที่ตั้งอยู่ในเขตที่ดินของลอว์ไลท์ แค่ห่างออกมาจากตัวโรงพยาบาลไม่มากนัก

    ตัวบ้านเรียบง่ายไม่หรูหรา ตกแต่งแบบกึ่งโมเดิร์น มีพื้นที่กว้างขวางและเป็นสัดส่วนดี เฟอร์นิเจอร์ก็ครบครัน

     

     

    ผมค่อยๆสำรวจบ้านของผมอย่างไม่รีบร้อน

    ผมเห็นแม่บ้านสองคนที่ยืนอยู่ห่างๆ พร้อมกับการ์ดรักษาความปลอดภัยอีกสามคน

     

     

    บ้านหลังนี้มี2ชั้น ชั้นล่างประกอบไปด้วยครัว โต๊ะกินข้าว โซฟากับทีวีจอแบน32นิ้ว กับชุดเครื่องเสียงชั้นดีตามที่ผมแจ้งไปให้กับเลขา ทั้งบ้านตกแต่งด้วยโทนขาวดำเป็นหลัก จริงๆจะค่อนไปทางสีดำมากกว่านิดหน่อย ... ซึ่งมันก็ดีนะ ผมเบื่อสีสว่างๆในโรงพยาบาลเต็นทนแล้วเหมือนกัน

     

     

    ผมค่อยๆเดินไปยังบันไดก่อนจะสะดุดตาเข้ากับจดหมายฉบับหนึ่งในซองสีขาวสะอาดฉลุทองสวยงามที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเล็กๆที่หัวบันได

    ผมคว้าเจ้าจดหมายฉบับนั้นมาก่อนจะเปิดมันอ่าน

     

     

     

    ผมเตรียมของขวัญสุดพิเศษไว้ให้คุณแล้ว แค่ของดูเล่นน่ะ หวังว่าคุณจะชอบใจ ยินดีด้วยสำหรับบ้านหลังใหม่ – KSY ’

     

     

    จากไอ้ประธานนั้นน่ะหรอ...?

    ของขวัญงั้นหรอ เจ้านั่นจะมาไม้ไหนอีกล่ะ? แต่ความรู้สึกของผมบ่งบอกว่ามันต้องไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

    ผมค่อยๆก้าวขึ้นไปตามบันไดอย่างระมัดระวังก่อนจะมาพบเข้ากับประตู3บาน

     

     

     

    ถ้าจำไม่ผิด...ตามแปลนห้องที่ผมได้มาล่วงหน้า

    ห้องทางซ้ายจะเป็นห้องนอนของผม

    ห้องทางขวาจะเป็นนั่งเล่นและห้องหนังสือตามที่ผมรีเควสไป

    และห้องตรงกลางจะเป็นห้องทำงาน

     

     

    ถ้าเขาจะเอาของขวัญมาให้ผมงั้นก็น่าจะเป็นห้องนั่งเล่น?

     ผมรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องน่งเล่นก่อนจะไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆทั้งสิ้น

     

     

     

    หรืออาจจะอยู่ในห้องนอน?

    ผมออกจากห้องนั่งเล่นและเข้าไปในห้องนอนก่อนไม่พบสิ่งที่ผิดปกติเลย มีแค่เตียงนอนกับเก้าอี้2ตัว โต๊ะ ตู้เสื้อผ้า แล้วก็ประตูที่เชื่อมไปยังห้องน้ำเท่านั้น

     

     

    เหลือแค่ห้องเดียว...ห้องทำงาน

    ผมเดินตรงไปยังห้องทำงานก่อนจะเปิดประตูออก...

    ก่อนจะพบกับสิ่งที่แม้แต่ผมยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

     

     

     

    มันคือจินฮวาน!!!

     

     

     

     

    นี่มันอะไรกัน!!!!!!!!

    ร่างของจินฮวานในชุดคนไข้ที่ถูกขังอยู่ในสิ่งที่ดูคล้ายกับกรงนกทองเหลืองขนาดราวๆ4*4เมตร ภายในมีเตียง4เสาที่ถูกออกแบบอย่างสวยงาม...

     

     

    รอบนอกของกรงถูกกันด้วยรั้วเตี้ยที่สูงแค่เข่าเท่านั้น โดยห่างออกมาจากตัวกรงพอประมาณ พร้อมกับมีจดหมายหน้าตาคล้ายเดิมติดอยู่

     

     

    ถูกใจไม๊ครับ? ผมเป็นบอสที่ใจดีใช่เล่นเลยนะ มีรีโมทอยู่บนโต๊ะทำงานของคุณ กรุณาอ่านวิธีใช้ด้วยจะได้ไม่โดนฆ่าเอาง่ายๆ

     

     

     

    ผมมองร่างเล็กทันทีที่อ่านจบ

    เขากำลังนอนหลับอยู่บนเตียง...

     

     

    ผมรีบสาวเท้าไปยังโต๊ะทำงานที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะพบกับสร้อยคอที่มีวัสดุคล้ายๆกับแผ่นเหล็กบางๆวางอยู่บนกระดาษที่มีคำอธิบายอยาวเหยียด

     

     

    คร่าวๆก็ไม่มีอะไรมากอาการก่อนที่จะโดนจินฮวานสะกดจิตจะมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเป็นเวลา5วินาที นั่นนับเป็นช่องโหว่สำคัญของพลังของจินฮวาน ส่วนเจ้าสร้อยคออันนี้มันจะรับคำสั่งจากเสียงของผมโดยตรง หากผมสั่งให้จินฮวานสลบเขาก็จะสลบ แต่ถ้าสั่งให้ตาย เขาก็ตาย

    เจ้าสร้อยอันนี้เป็นเสมือนรีโมทคอนโทลที่จะสั่งการไปยังกำไลข้อมือที่อยู่บนข้อมือของจินฮวาน หากผมสั่งให้จินฮวานตาย บวกกับรหัสที่ระบุ สารเคมีอันตรายก็จะถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของเขาทันที

    ประมาณนั้น...

     

     

    โลกนี้ช่างประหลาด

    คนเราสามารถมอบมนุษย์เป็นของขัวญขึ้นบ้านใหม่ให้กันได้แล้วหรือยังไง?

     

    แต่ก็นะ อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ที่นี่

    ผมไม่ควรจะแปลกใจกับเรื่องอะไรก็ตามแล้วล่ะ

     

    ผมเงยหน้าขึ้นไปมองกรงสีทองที่ตั้งอยู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา

    คิมจินฮวาน...คิมจินฮวาน....

    ฉันควรทำอะไรกับนายดีนะ?

     

     

    ส่งเขากลับเข้าไปในโรงพยาบาลก็ดูจะใจร้ายเกินไปหน่อย และลึกๆผมก็รู้ดีว่าตัวเองทำอย่างนั้นไม่ได้แน่

    จะให้ปล่อยเขาไปก็รู้ว่าทำไม่ได้

     

    หรือจะให้ บอกเขาว่าผมเป็นนักบริหารที่พาเขามาอยู่ในบ้าน ก็จะโดนหาว่าเป็นตาแก่โรคจิตกันพอดี

     

     

    ...ใครก็ได้บอกที่ว่าผมควรทำยังไง?

    ผมค่อยๆเดินไปจนถึงกรงสีทองอันนั้น ก่อนจะเอามือขึ้นมาจับที่ลูกกรงเอาไว้ พลางคลายเนกไทที่คอออกเล็กน้อย

    คังซึงยุนปั่นหัวเขาได้ดีจริงๆ

     

    ตอนนี้จินฮวานยังไม่ฟื้น...แต่ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาล่ะ

     

     

     

     

     

     “อะ..อื้อ..

    เสียงที่ดังขึ้นมาท่ามกลางห้องที่เงียบสงัดทำให้ผมสะดุ้งขึ้นมา

    เดินหนีตอนนี้ทันไม๊ครับ?

    ผมหันหลังให้จินฮวานที่พึ่งตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย

    ความเงียบที่ก่อขึ้นทำให้ผมเลิกคิ้วอย่าประหลาดใจก่อนจะค่อยหันไปมอง

     

     

    และภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำเอาผมหัวใจเกือบวายขึ้นมาซะตรงนั้น

    ร่างเล็กๆ หน้าขาวๆ ตากลมๆที่อยู่ใกล้แบบที่ไม่เคยมาก่อน ใกล้จนเห็นไฝรูปหัวใจเล็กๆที่ใต้ตา

    ปกติจุนฮเวไม่เคยได้เข้าใกล้กับจินฮวานใกล้เกินกว่า10เมตรด้วยซ้ำ แต่นี่คือ หน้าของเขาอยู่ห่างจากกรงเหล็กนั่นไม่ถึง2นิ้วด้วยซ้ำ และจินฮวานก็ดันมาเกาะซะติดขอบกรงเลย

    หัวใจของเขาเต้นรัวและถี่จนแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว

    อันยองครับ...

     

     

     “หลับ

     

     

     

    ตึง!

    และเสียงร่างของจินฮวานกระแทกพื้นแรงๆก็ดังขึ้น...

     

     

     



    TBC

     





    TALK

    เปลี่ยนโหมดกันทันไม๊ทุกคน ถถถ
    จากดบบ.มาจุนจินที่พลิก 180 องศาเลยคร่ะะะะ
    ดบบ.เริ่มเข้าเรื่องจริงจังเเละนะะะะ หลังจากนี้ตั้งสติกันดีๆ เรื่องจะไปเป็นติดสปีด
    จุนจินเขาเจอกันเเละนะ เชิลจุงงงฃ

    เลิ้บบบบยูว

    อย่าลืมมเม้น เเละ #ฟิคลวงดบบ ด้วยนะคะ

     

     

     

     

    @SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×