ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [IKON] "HOODWINK" DoubleB&Junjin

    ลำดับตอนที่ #6 : file05 :: trust me

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 58








    I wish that when I wake up you're there
    To wrap your arms around me for real
    And tell me you'll stay by side












    CHANWOO’S SIDE

     

    ผมมองเสื้อตัวเองที่ถูกถอดกองอยู่กับพื้น...

    เเละเลื่อนสายตาขึ้นมามองร่างเล็กที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม มองมาด้วยสายตาว่างเปล่าเหมือนทุกครั้ง ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

     

    เขาจ้องมาที่ผม...อยู่ซักพักใหญ่ เลื่อนมือมากุมมือที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวของผมเอาไว้

    ก่อนจะหันไปมองผู้คุมอีกคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูที่ยังปิดไม่สนิทดี

     

    โบกมือให้คนนอกออกไป...ไกลๆห้องนอนของเขา..

     

    ผมกำลังอยู่ที่ห้องพักของซงยุนฮยอง

    ห้องพักของผู้คุม ที่นับวันผมก็มาที่นี่บ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะกลายเป็นภารกิจประจำวันไปซะแล้ว ที่จะมีผู้คุมไปตามเรียกผมถึงห้อง และพาตัวมายังที่นี่

     

     

    ยุนฮยองหันกลับมามองที่ผมอีกครั้ง เขย่งขึ้นมาเเละเริ่มจูบผมก่อน นั่นทำให้ผมรีบเอื้อมมือไปสอดรับแผ่นหลังคนที่เเก่กว่าเอาไว้ และกระชับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก

    มือบางของอีกคนที่ถูกยกขึ้นมาเกาะไหล่ผมเอาไว้เป็นหลักโดยที่ปากของพวกเรายังไม่ละออกจากกัน

     

     

    ความรู้สึก...โหวงๆ...เเละหิวกระหายบางอย่างถูกจุดขึ้นอีกครั้งในตัวผม

    และผมรู้ว่านั่นหมายถึงผมกำลังต้องการ

    ต้องการยุนฮยอง...

     

     

    เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมปล่อยให้ตัวเองทำตามใจตัวเองโดยการรั้งหน้าของยุนฮยองฮยองเอาไว้ ไม่ให้อีกคนผละออกไปตามที่ต้องการ

     

    "อื้อ" จนกระทั่งเสียงประท้วงเล็กๆนั่น...ทำให้ผมต้องถอนจูบออกมาด้วยความรู้สึกเสียดาย

     

     

    "ว..วันหลังอย่าทำเเบบนี้อีกนะ"ยุนฮยองพูดด้วยสีหน้าเเดงก่ำในขณะที่มองมาที่ผมพลางหอบหายใจอย่างแรง

     

     

    ...น่ารัก เป็นคำเดียวที่ผมสามารถใช้สมองของตัวเองคิดขึ้นมาเพื่ออธิบายคนตรงหน้าของผมในตอนนี้ได้ แต่ผมไม่ได้พูดคำนั้นออกไปหรอก เเค่ยิ้มเจื่อนๆให้เขาก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่คอขาวเเทน

     

    ผมดึงเสื้อนอกของเขาจนลดต่ำลง ก่อนจะเเหวกคอเสื้อยืดขาวของเขา....

    ก่อนจะทำในสิ่งที่ทำเป็นประจำจนจำกลิ่นหอมๆอ่อนๆของยุนฮยองได้

    สร้างรอยสีเเดงไปทั่วคอขาว ลามลงมาถึงกระดูกไหปลาร้า

     

     

    ประกาศให้ทุกคนรู้ว่ายุนฮยองเป็นของผม

    ในขณะที่เขาก็ใช้เล็บครูดไปตามเเผ่นหลังของผมแรงๆจนรู้สึกคับยิบๆ

    แต่นั่น..ยิ่งทำให้อุณหภูมิในร่างกายผมสูงเข้าไปใหญ่...เหมือนมีใครมาจุดไฟเอาไว้อย่างงั้น จุดไฟไว้ทั่วห้องนอนขนาดกลางนี้

     

    แต่นั่นเเหละอย่างที่เคย..

     

     

     

     

    สุดท้ายมันก็ไม่เคยมีอะไรไปมากกว่านี้ซักที

     

     

     

    "พ..พอได้เเล้วจองชานอู"

     

    ผมผละออกมาตามคำสั่ง

    แน่นอน...ว่าผมต้องทำตามคำสั่ง...ของยุนฮยอง

     

    ผมเผลอสบทออกมาเล็กน้อยก่อนจะพยายามเบนสายตาออกจากยุนฮยอง

     

     

    มันอย่างนี้มาทุกครั้ง และจบลงแบบนี้ทุกครั้ง

    จบลงที่ยุนฮยองเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมรอยแดงเต็มคอ

     

     

    ใช่...ผมไม่เคยมีอะไรกับยุนฮยองหรอก

    มันก็เเค่เรื่องโกหกเท่านั้นเอง

     






    20%



     

    เรื่องโกหกที่ยุนฮยองบอกว่ามันจะทำให้ผมปลอดภัยจากบรรดาผู้คุมคนอื่นๆ

     

    จริงๆผมก็ไม่เข้าใจนักหรอก ผู้คุมที่ไหนจะอยากมายุ่งกับผมกัน


    ผมอยู่ที่นี่มาตั้งเเต่เด็ก ผู้คุมไม่ค่อยสนใจเด็กๆเท่าไหร่หรอก เเถมพอผมโตมา ผมเองก็ไม่ใช่คนที่ดู...น่าจะเข้ามายุ่งเท่าไหร่ ผมไม่ใช่คนบอบบาง ติดจะสูงและดูตัวใหญ่ไปด้วยซ้ำ

     

    สิบกว่าปีที่ผมอยู่ที่นี่มันทำให้ผมเรียนรู้วิธีที่จะเป็นจุดสนใจ เรียนรู้ที่จะทำยังไงให้ไม่ขัดหูขัดตาผู้คุม ไม่โดดเด่นกว่าใครคนอื่นๆ



    นั้นทำให้ผมรู้วิธีการที่จะทำให้ตัวเองปลอดภัยมากที่สุดเสมอ

                และผมก็พยายามมากที่สุดที่จะทำตัวเองให้ชินกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่

     


     

    จนกระทั่งซงยุนฮยองเข้ามา

    ผมจำไม่ได้แน่ชัดหรอกว่ามันใช้เวลากี่วันนับตั้งแต่วันแรกที่ผมเห็นยุนฮยองเดินผ่านหน้าห้องขังผมไปจนถึงวันที่เขาให้ลูกน้องมาลากผมเข้าไปในห้องของเขา


     ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะมีตำแหน่งสูงกว่าการเป็นผู้คุมซะอีก  เขาดูดีเกินไปจริงๆ




    นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเข้าไปในห้องผู้คุมซักคน... มันดูน่ากลัว มันทำให้ผมตกใจ

    คนอย่างซงยุนฮยองจะมาต้องการอะไรคนแบบผมกัน?



    แต่สุดท้ายพอผมเข้าไปในห้องเขาจริงๆ..แค่เข้าไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้อง ส่วนเขาแค่อ่านหนังสือเล่มโตพร้อมกับฟังเพลงเฮวฟวี่เมทัลไปด้วยโดยไม่พูดออะไร ปล่อยให้ผมนั่งนิ่งๆอยู่เกือบ 4 ชั่วโมงเต็ม



    ตอนก่อนออกมาก็ไม่วายกำชับหากมีใครมาถามให้ผมตอบว่า ไม่มีอะไรพิเศษระหว่างผมกับเขา



    แต่แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อหรอก

    คนเราก็ตัดสินในสิ่งที่เห็นกันทั้งนั้น

     

     

    ผมค่อยๆเอนตัวลงบนเตียงไซส์ควีนในห้อง นั่งพิงกับหัวเตียง ก่อนจะหลับตาลง  ปล่อยให้ความคิดในหัวแล่นไปเรื่อยๆ

     

     

    “อาบน้ำไม๊?” เสียงของยุนฮยองดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองที่ประตูห้องน้ำ ก่อนจะพบเข้าในสภาพที่ผมเปียกชุ่มกำลังเดินออกมาพอดี

    “พึ่งอาบเมื่อก่อนเข้ามา”ผมตอบก่อนจะมองตามร่างของยุนอยองที่ขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆผม

    “เป็นอะไรห้ะ? อารมณ์เสีย?”

    “ไม่รู้สิครับ..”

    “ใครทำอะไรนายอีกล่ะ ให้ฉันช่วยก็บอก”

    “เรื่องนี้พี่ช่วยไม่ได้หรอก”

    “ถ้านายคิดอย่างนั้นก็ตามใจ แต่รู้ใช่ไม๊ชานอู พี่ชายคนนี้จะช่วยนายเสมอ”

     
     

    พี่ชายนั่นเป็นคำที่ยุนฮยองให้กำหนดสถานะระหว่างพวกเขา

    ผมไม่เคยบอกเขาหรอกว่าผมไม่ชอบคำว่าพี่น้อง

     
     

    “...”

    “...”

    “ถ้าสมมุติวันนึง ผมทำผิดกับพี่ พี่จะตัดพี่ตัดน้องกับผมไม๊”

    “ขึ้นอยู่กับว่านายกำลังวางแผนจะทำอะไรผิดต่อฉัน ทำไม มีคนจ้างมาฆ่าฉันรึไง”

    “ก็ไม่เชิง...แต่ถ้าผมตกลงพี่จะต้องลำบากแน่ๆ”

    “...”

    “แต่ถ้าไม่ตกลง ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสแบบนี้อีกเมื่อไหร่”

    “โอกาสที่ว่าของนายคืออะไร”

    “...เซฟโซน”

    “ว้าว นั่นเป็นรางวัลใหญ่นะ จอง ชานอู นายต้องไปพบคนใหญ่คนโตมาแน่ๆ แล้วนายจะทำมันรึเปล่าล่ะ”

    “ถ้าเกิดสมมุติผมทำขึ้นมาจริงๆพี่จะเกลียดผมไม๊”

    “เกลียดนาย..? หลังจากที่นายมาสารภาพผิดก่อนที่จะทำร้ายฉันซะอีกอย่างนั้นน่ะหรอ ฉันว่านายตัดสินใจไปแล้วมากกว่านะว่าจะทำหรือไม่ทำ”

    “ผมก็ว่างั้น ผมน่ะ ทำอะไรพี่ไม่ได้จริงๆ” ผมพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมาแรงๆและหลับตาลงเบาๆ

     
     

    ผมต้องบ้าไปแล้วที่โยนโอกาสดีๆแบบนี้ทิ้ง

    คนที่ชื่อ กูจุนฮเว อะไรนั่นต้องหาทางมาเล่นงานผมแน่ๆ

     
     

    “ขอบคุณนะที่ไม่ทรยศกัน”

    “มันจะดีนะ ถ้าพี่หาทางกันผมออกจากคนที่ชื่อกูจุนฮเวอะไรนั่นด้วย อีกไม่นานเขาต้องหาทางมาบังคับผมแน่ๆ ไม่ก็บังคับให้พี่พูดเอง”

    “จะพยายาม...” เขาตอบเบาๆก่อนจะส่งยิ้มให้ผม.. ยิ้มที่อ่อนโยนแต่กลับดูเยือกเย็น... เหมือนกับดอกไม้ในหน้าหนาว

    ยุนฮยองน่ะ เหมือนดอกไม้หน้าหนาวจริงๆนะ สวยงามท่ามกลางความโหดร้าย ดูสงบนิ่งก็จริง แต่กลับอ่อนแอ

     

    “ใช้พลังของนายสิ” ยุนฮยองพูดต่อ ทำให้ผมต้องหันไปมองที่นาฬิกาหัวเตียงอย่างแปลกใจ

               

    “ตอนนี้? พึ่งสองทุ่มเองนะ”

     

     

    “นะ...ขอร้องล่ะชานอู”

    พลังของผมคือสามารถทำให้ใครคนนึงหลับได้...  มันไม่ใช่พลังที่ดีอะไรมาก ผมสามารถทำให้คนจำนวนน้อยๆหลับได้ในไม่กี่สิบวิ ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เร็วพอที่จะใช้ทำอะไรได้มาก


    คงมีแต่ซงยุนฮยองคนเดียวล่ะมั้งที่เห็นประโยชน์จากมัน



    เขาเคยเล่าให้ผมฟังว่า เขาเป็นโรคนอนไม่หลับ... ไม่ว่าจะพยายามข่มตาขนาดไหน หรือแม้กระทั่งกินยาก็ไม่สามารถทำให้เขาหลับได้เต็มตา จนเขาบังเอิญไปเห็นความสามารถของผมโดยบังเอิญในประวัติ

     

     

    “ผมขอถามอะไรก่อนอย่างนึงได้ไม๊... พี่เป็นอะไรกับคิมจินฮวานและคังซึงยุน”

    “มันจะดีกว่าถ้านายไม่รู้เรื่องของสองคนนั้น มันจะดีกว่ากับทั้งนายและฉันชานอู ฉันขอโทษ”

     

     

     

    “โอเค....ผมจะปล่อยเรื่องสองคนนั้นไป แต่ถ้าอย่างงั้น...พี่ต้องตอบคำถามนี้กับผม...”

    “...?”

     

     

     

     

    “ใครคือ บ๊อบบี้ คิม?”






     

    50%









     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     HANBIN'S SIDE
     

    ผมลืมตาขึ้นในห้องสีขาวสะอาด...และมีสายระโยงระยางเต็มตัวผมไปหมด....กลิ่นของยาฆ่าเชื้ออันคุ้นเคย..

    โรงพยาบาล?

    ผมมองไปรอบๆห้องนั้นอีกเล็กน้อยก่อนจะพบกับโต๊ะทำงานของหมอ...

    เจ้าของแผ่นหลังที่เห็นเป็นประจำ

    คิม จีวอน

     

     

     

    เฮือก!!!

     

     

     

    ผมตื่นขึ้นจากความฝันอีกครั้งพร้อมกับเหงื่อที่ไหลเต็มใบหน้า ผมใช้มือลูบหน้าตัวเองก่อนจะสัมผัสได้ถึงความชื้นที่หางตา..


    ร้องไห้อีกแล้ว


    ฝันแบบนี้อีกแล้ว...ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ???

                ครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ผมยังพาตัวเองออกจากห้วงฝันร้ายที่ตามผมมาติดๆเป็นเงาตามตัว



    ตั้งแต่วันที่หนีออกมานั่น ผมก็เอาแต่ฝันร้ายอยู่ตลอด ยิ่งหลังๆยิ่งเริ่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆจนบางครั้งผมก็ไม่แน่ใจว่า..อะไรกันแน่ที่เป็นความฝันกันแน่

    ทุกๆครั้งที่ผมตื่นขึ้นมาความกลัว และ ความเจ็บปวดก็จะยังตามหลอกหลอนผม... กลิ่นของโรงพยาบาลที่ยังติดออยู่ที่ปลายจมูก... ราวกับมันคือเรื่องจริงยังไงอย่างงั้น



    เสียงคนพูดคุย เสียงของเครื่องวัดระดับการเต้นของหัวใจที่ดังก้องไปมายังคงชัดเจนในโสตประสาท

     

     

     

    “ฝันร้ายอีกแล้วหรอ?”เสียงของจีวอนดังขึ้นโดยที่เจ้าตัวกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ไม่ไกล

    “...อีกครั้งน่ะ” ผมตอบบ๊อบบี้ก่อนจะยิ้มเจื่อนๆให้เขา

    ผมมองตามร่างของบ๊อบบี้ลุกจากเก้าอี้มาช้าๆก่อนจะทรุดนั่งลงข้างๆผม..ก่อนจะรับผมไว้ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของเขา





    ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงสามารถทำให้ผมผ่อนคลายและทิ้งความไม่สบายใจทุกอย่างไว้ที่บ่ากว้างของเขาคนนี้..

                มันอาจจะเป็นเวทย์มนต์วิเศษอย่างนึงของบ๊อบบี้ก็เป็นได้ล่ะมั้ง

               


    “อย่าเครียดสิ เวลานายทำหน้าเครียดน่ะ น่าเกลียดจะตาย”

    “ฮยองอ่ะ!”ผมพูดอย่างเคืองๆและทิ้งความคิดทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลัง ตอนนี้มันไม่มีอะไรแล้ว...

    เขาเอื้อมมือมาลูบที่หัวของผมเบาๆ

    “แต่ก่อนน่ะ... เวลานายฝันร้ายก็ชอบหนีไปนอนห้องเดียวกับฉันบ่อยๆ มาอ้อนฉันแบบนี้เลย”

     

     

     

    ใช่... ตอนนี้น่ะ ผมกำลังตื่นอยู่... ผมกำลังจะหลุดออกจากฝันร้ายพวกนั้นเเล้ว

    และจะไม่กลับไปขังตัวเองไว้ในความทรงจำบ้าบอพวกนั้นอีก

     

     

    “จีวอนฮยอง...”

    “หึ?”

    “ฮยองน่ะ...จะไม่ทิ้งผมไปไหนใช่ไม๊....”

                “ไม่ ไม่จนกว่านายจะไล่ฉันให้ไปไกลๆ คิมฮันบิน”

                “...”

                “จนกว่าจะถึงวันนั้น ฉันจะไม่ปล่อยมือจากนาย”

     

                “ฮยองน่ะ...เป็นของขวัญชิ้นเดียวที่ผมเคยได้รับมาตลอดชีวิตนี้...อย่างน้อยก็เท่าที่ผมจะพอจำได้”

                “...”

    “พี่อาจจะไม่รู้แต่พี่น่ะ สำคัญกับผมมากจริงๆ...ไม่ว่าเราจะเคยคบกันจริงๆอย่างที่พี่เคยเล่ารึเปล่า ผมคงจะจำความทรงจำกับความรู้สึกตอนนั้นไม่ได้ตลอดชีวิตนี้ และคงเป็นฮันบินคนนั้นให้พี่ไม่ได้อีกตลอดกาล”

    “นายเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตฉัน จำเอาไว้ คิมฮันบิน”


    มันมีเรื่องอะไรหลายๆอย่างที่ผมต้องการพูดออกไปอีก... แต่เสียงของผมก็หายไปพร้อมๆกับตอนที่บ๊อบบี้เลือกจะโน้มหน้าลงมากดจูบลงที่หน้าผากของผมเบาๆ

    ราวกับว่า ความคิด คำพูดทั้งหมดที่กำลังก่อตัววนไปวนมาในหัวของผมถูกพัดออกไปในวินาทีนั้น เหลือแต่ความอบอุ่นแผ่วเบาที่กลางหน้าผาก

     

    “...อ่ะ...เอ่อ...” ดูเหมือนว่าเพราะสิ่งที่อยากจะพูดถูกดูดหายไปในอากาศแล้ว นั่นทำให้ผมเกิดติดอ่างขึ้นมาซะดื้อๆ

    “เด็กดีต้องไม่คิดมากรู้ไม๊ ไม่ว่านายจะเป็นใครฉันก็รักนายทั้งนั้นแหละคิมฮันบิน”

     

     

                “....”

     


     

                นั่นสินะ...ผมยังต้องกลัวอะไรอีกล่ะ?

                ในเมื่อชีวิตของผมก็วางอยู่ในมือคนตรงหน้านี้แล้ว ยังจะมีอะไรให้ลังเล


                ผมแอบกัดปากตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าคมของอีกคน

                ผมกำลังตกหลุมรักคิมจีวอน อย่างไม่มีข้อแม้ ตกหลุกรักในความอ่อนโยนที่ผมไม่เคยได้สัมผัส

     

    “ฮันบิน..”

    “หืม???”

    “ส่งมือมาหน่อยสิ..” บ๊อบบี้พูดขึ้นก่อนจะยื้นมือของเขามาข้างหน้า ผมมองหน้าเขาอย่างงงๆก่อนจะส่งมือให้เขาไปทั้งอย่างนั้น

    “...ฉันชอบนายนะ ไม่สิ.....รักนายนะ รักมาตั้งนานแล้ว"


                “..อืม...รู้แล้ว...”

     

                ดูเหมือนคำพูดพวกนั้นจะทำให้อากาศในห้องนี้ดูจะร้อนขึ้นมาอีกนิด ผมรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาจากนิ้วมือ และความรู้สึกโหวงๆในช่องท้อง





                ราวกับลึกๆผมกำลังคาดหวังอะไรบางอย่างจากคนคนนี้

                อะไรบางอย่างที่แสนพิเศษ

     

     

    “ถึงแม้ตอนนี้นายอาจจะไม่ได้ชอบหรือรักเหมือนที่ฉันรู้สึกกับนาย...”

    “....” ผมได้แต่เงียบออกไปเป็นคำตอบ

     

     




     

    “ถึงอย่างนั้น..ฉันจะ...ขอจองนายไว้ก่อนได้ไม๊?”

    ผมเห็นชัดเจนในตอนที่ร่างสูงตรงหน้าค่อยๆหยิบกล่องขนาดเล็กใบนึงขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา... และผมรู้ว่ามันเป็นกล่องสำหรับใส่เครื่องประดับ



    เหมือนในหนังหลายๆเรื่อง

    ฉากที่โรแมนติกที่สุด... น่าอิจฉาที่สุด

     


     

    ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...

    “จี..จีวอนฮยอง...”

    “ถ้าวันนึงนายจะไปรักหรือชอบคนอื่น ฉันก็จะไม่บ่น ไม่ว่านาย ตอนนั้นนายค่อยคืนมันให้ฉันก็ได้.. แต่ตอนนี้แค่ใส่มันไว้ก็พอแล้ว...”

     

    เขาค่อยๆเปิดกล่องกำมะหยี่สีดำสนิทนั่น ก่อนจะเผยให้เห็นแหวนเงินเรียบๆที่ถูกใส่เอาไว้ข้างใน

    มันดูแปลกตาสำหรับผมมาก.. แต่ก้ทำให้หน้าของผมร้อนไปหมดเมื่อนึกถึงความหมายของแหวนวงนึง... ตื่นเต้นจนแทบจะขยับตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ

    บ๊อบบี้ดึงแหวนออกมาจากที่ของมัน ก่อนจะสวมแหวนวงนั้นเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของผมอย่างเบามือ...

     

    ผมเชื่อว่าถ้าใครเอากระจกมาส่องหน้าผมตอนนี้มันต้องแดงมากๆแน่นอน...ผมรู้สึกเหมือนมันกำลังจะระเบิดออกมาด้วยซ้ำ


    “...อย่าพึ่งถอดมันจนกว่าจะถึงวันนะ...”

     

     



     

    ผมจะไม่มีวันถอดมัน...”

               

    ทันทีที่ผมพูดมันออกไปริมฝีปากร้อนจัดของเขาก็กดลงมาที่ริมฝีปากของผม...อย่างอ่อนโยน

    สัมผัสที่อ่อนนุ่มราวของเขาทำให้ผมรู้สึกราวกับลอยอยู่ในอากาศ

    ผมไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหน แต่จูบอันแสนหวานของเราเริ่มร้องแรงขึ้นเรื่อยๆ  ในที่สุดผมก็สัมผัสได้ถึงมือของเขาเริ่มสอดผ่านเสื้อบางๆของเข้ามาสัมผัสกับร่างกายของผม

    กับแผ่นหลังที่สัมผัสกับผ้าปูที่นอนสีครีม

    ทุกๆสัมผัสที่เขามอบให้ทั้งหอมหวานและน่าหลงไหล

    เหมือนจะตอกย้ำว่าต่อจากวันนี้...คืนนี้...วินาทีนี้ ผมจะเป็นของเขาคนดียว...

    แค่เพียงคนเดียวท่านั้น เจ้าของชื่อของคนที่กำลังประทับตราความเป็นเจ้าของลงบนทุกๆตารางนิ้วของร่างกายของผม...


    แค่ คิม จีวอน คนเดียว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk

    ตัดได้น่ารักมาก คิดว่าทุกคนคงเตรียมอาวุธพร้อมแล้ว

    ห้ามฆ่าเรานะทุกคน....ถถถถถถถ

    จริงๆ....มันมีฉากคัทแหละ .____.

    แต่เราแต่งไม่เก่งอ่ะ งื้อออออ มันสั้นมากด้วย ถถถถ

    ใครสนใจ...แบบอันคัทเวอร์(?)

     

    ติดตามได้ในแท็ก #ฟิคลวงดบบ หรือจะเมนชั่นมาขอกะดั้ยยยย @pimkiwiz




    ป.ล.  เเอบมีคนถามว่าทำไมเรื่องเราดำเนินเรื่องเร็วจัง คือจริงๆเรื่องนี้เราวางเเผนให้มันเป็นเเค่ SF เองนะ...
    เเต่พอร่างพล็อตไปเรื่อยๆมันเยอะมากจนคิดว่าถ้าเอามาเป็นฟิคยาวคงสนุกดี
    จากตรงนั้นเราก็เลยเริ่มเเต่งเรื่องนี้มาเรื่อยๆ ทีนี้ปกติเราเป็นคนไม่ค่อยเขียนอะไรยาวๆเเบบนี้เท่าไหร่ 5555 เลยอาจจะดำเนินเรื่องเร็วหน่อย
    เเล้วเรื่องนี้พล็อตก็ละเอียดมากด้วย เลยกะจะจับเฉพาะประเด็นหลักๆมาเขียน น้ำไม่ค่อยมีเท่าไหร่เลย... เราวางเเผนให้มันเเค่ซักไม่เกิน 15 ตอนด้วยล่ะ นี้ก็ปาเข้าไปครึ่งนึงเเล้ว เรื่องยังเอื่อยๆอยู่เลย หลังจากนี้เราจะเริ่มเข้าเรื่องจริงๆจังๆซะทีเเล้วค่ะ ถถถ


     

    . ขอเเอบฝากช็อตฟิคเราด้วยนะ .
    http://writer.dek-d.com/pimploy-proud/story/view.php?id=1328289


     

    @SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×