คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : file05 :: trust me
To wrap your arms around me for real
And tell me you'll stay by side
CHANWOO’S SIDE
ผมมองเสื้อตัวเองที่ถูกถอดกองอยู่กับพื้น...
เเละเลื่อนสายตาขึ้นมามองร่างเล็กที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม มองมาด้วยสายตาว่างเปล่าเหมือนทุกครั้ง ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
เขาจ้องมาที่ผม...อยู่ซักพักใหญ่ เลื่อนมือมากุมมือที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวของผมเอาไว้
ก่อนจะหันไปมองผู้คุมอีกคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูที่ยังปิดไม่สนิทดี
โบกมือให้คนนอกออกไป...ไกลๆห้องนอนของเขา..
ผมกำลังอยู่ที่ห้องพักของซงยุนฮยอง
ห้องพักของผู้คุม ที่นับวันผมก็มาที่นี่บ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะกลายเป็นภารกิจประจำวันไปซะแล้ว ที่จะมีผู้คุมไปตามเรียกผมถึงห้อง และพาตัวมายังที่นี่
ยุนฮยองหันกลับมามองที่ผมอีกครั้ง เขย่งขึ้นมาเเละเริ่มจูบผมก่อน นั่นทำให้ผมรีบเอื้อมมือไปสอดรับแผ่นหลังคนที่เเก่กว่าเอาไว้ และกระชับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก
มือบางของอีกคนที่ถูกยกขึ้นมาเกาะไหล่ผมเอาไว้เป็นหลักโดยที่ปากของพวกเรายังไม่ละออกจากกัน
ความรู้สึก...โหวงๆ...เเละหิวกระหายบางอย่างถูกจุดขึ้นอีกครั้งในตัวผม
และผมรู้ว่านั่นหมายถึงผมกำลังต้องการ
ต้องการยุนฮยอง...
เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมปล่อยให้ตัวเองทำตามใจตัวเองโดยการรั้งหน้าของยุนฮยองฮยองเอาไว้ ไม่ให้อีกคนผละออกไปตามที่ต้องการ
"อื้อ" จนกระทั่งเสียงประท้วงเล็กๆนั่น...ทำให้ผมต้องถอนจูบออกมาด้วยความรู้สึกเสียดาย
"ว..วันหลังอย่าทำเเบบนี้อีกนะ"ยุนฮยองพูดด้วยสีหน้าเเดงก่ำในขณะที่มองมาที่ผมพลางหอบหายใจอย่างแรง
...น่ารัก เป็นคำเดียวที่ผมสามารถใช้สมองของตัวเองคิดขึ้นมาเพื่ออธิบายคนตรงหน้าของผมในตอนนี้ได้ แต่ผมไม่ได้พูดคำนั้นออกไปหรอก เเค่ยิ้มเจื่อนๆให้เขาก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่คอขาวเเทน
ผมดึงเสื้อนอกของเขาจนลดต่ำลง ก่อนจะเเหวกคอเสื้อยืดขาวของเขา....
ก่อนจะทำในสิ่งที่ทำเป็นประจำจนจำกลิ่นหอมๆอ่อนๆของยุนฮยองได้
สร้างรอยสีเเดงไปทั่วคอขาว ลามลงมาถึงกระดูกไหปลาร้า
ประกาศให้ทุกคนรู้ว่ายุนฮยองเป็นของผม
ในขณะที่เขาก็ใช้เล็บครูดไปตามเเผ่นหลังของผมแรงๆจนรู้สึกคับยิบๆ
แต่นั่น..ยิ่งทำให้อุณหภูมิในร่างกายผมสูงเข้าไปใหญ่...เหมือนมีใครมาจุดไฟเอาไว้อย่างงั้น จุดไฟไว้ทั่วห้องนอนขนาดกลางนี้
แต่นั่นเเหละอย่างที่เคย..
สุดท้ายมันก็ไม่เคยมีอะไรไปมากกว่านี้ซักที
"พ..พอได้เเล้วจองชานอู"
ผมผละออกมาตามคำสั่ง
แน่นอน...ว่าผมต้องทำตามคำสั่ง...ของยุนฮยอง
ผมเผลอสบทออกมาเล็กน้อยก่อนจะพยายามเบนสายตาออกจากยุนฮยอง
มันอย่างนี้มาทุกครั้ง และจบลงแบบนี้ทุกครั้ง
จบลงที่ยุนฮยองเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมรอยแดงเต็มคอ
ใช่...ผมไม่เคยมีอะไรกับยุนฮยองหรอก
มันก็เเค่เรื่องโกหกเท่านั้นเอง
20%
เรื่องโกหกที่ยุนฮยองบอกว่ามันจะทำให้ผมปลอดภัยจากบรรดาผู้คุมคนอื่นๆ
จริงๆผมก็ไม่เข้าใจนักหรอก ผู้คุมที่ไหนจะอยากมายุ่งกับผมกัน
ผมอยู่ที่นี่มาตั้งเเต่เด็ก ผู้คุมไม่ค่อยสนใจเด็กๆเท่าไหร่หรอก เเถมพอผมโตมา ผมเองก็ไม่ใช่คนที่ดู...น่าจะเข้ามายุ่งเท่าไหร่ ผมไม่ใช่คนบอบบาง ติดจะสูงและดูตัวใหญ่ไปด้วยซ้ำ
สิบกว่าปีที่ผมอยู่ที่นี่มันทำให้ผมเรียนรู้วิธีที่จะเป็นจุดสนใจ เรียนรู้ที่จะทำยังไงให้ไม่ขัดหูขัดตาผู้คุม ไม่โดดเด่นกว่าใครคนอื่นๆ
นั้นทำให้ผมรู้วิธีการที่จะทำให้ตัวเองปลอดภัยมากที่สุดเสมอ
และผมก็พยายามมากที่สุดที่จะทำตัวเองให้ชินกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่
จนกระทั่งซงยุนฮยองเข้ามา
ผมจำไม่ได้แน่ชัดหรอกว่ามันใช้เวลากี่วันนับตั้งแต่วันแรกที่ผมเห็นยุนฮยองเดินผ่านหน้าห้องขังผมไปจนถึงวันที่เขาให้ลูกน้องมาลากผมเข้าไปในห้องของเขา
ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะมีตำแหน่งสูงกว่าการเป็นผู้คุมซะอีก เขาดูดีเกินไปจริงๆ
นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเข้าไปในห้องผู้คุมซักคน... มันดูน่ากลัว มันทำให้ผมตกใจ
คนอย่างซงยุนฮยองจะมาต้องการอะไรคนแบบผมกัน?
แต่สุดท้ายพอผมเข้าไปในห้องเขาจริงๆ..แค่เข้าไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้อง ส่วนเขาแค่อ่านหนังสือเล่มโตพร้อมกับฟังเพลงเฮวฟวี่เมทัลไปด้วยโดยไม่พูดออะไร ปล่อยให้ผมนั่งนิ่งๆอยู่เกือบ 4 ชั่วโมงเต็ม
ตอนก่อนออกมาก็ไม่วายกำชับหากมีใครมาถามให้ผมตอบว่า ไม่มีอะไรพิเศษระหว่างผมกับเขา
แต่แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อหรอก
คนเราก็ตัดสินในสิ่งที่เห็นกันทั้งนั้น
ผมค่อยๆเอนตัวลงบนเตียงไซส์ควีนในห้อง นั่งพิงกับหัวเตียง ก่อนจะหลับตาลง ปล่อยให้ความคิดในหัวแล่นไปเรื่อยๆ
“อาบน้ำไม๊?” เสียงของยุนฮยองดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองที่ประตูห้องน้ำ ก่อนจะพบเข้าในสภาพที่ผมเปียกชุ่มกำลังเดินออกมาพอดี
“พึ่งอาบเมื่อก่อนเข้ามา”ผมตอบก่อนจะมองตามร่างของยุนอยองที่ขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆผม
“เป็นอะไรห้ะ? อารมณ์เสีย?”
“ไม่รู้สิครับ..”
“ใครทำอะไรนายอีกล่ะ ให้ฉันช่วยก็บอก”
“เรื่องนี้พี่ช่วยไม่ได้หรอก”
“ถ้านายคิดอย่างนั้นก็ตามใจ แต่รู้ใช่ไม๊ชานอู พี่ชายคนนี้จะช่วยนายเสมอ”
พี่ชายนั่นเป็นคำที่ยุนฮยองให้กำหนดสถานะระหว่างพวกเขา
ผมไม่เคยบอกเขาหรอกว่าผมไม่ชอบคำว่าพี่น้อง
“...”
“...”
“ถ้าสมมุติวันนึง ผมทำผิดกับพี่ พี่จะตัดพี่ตัดน้องกับผมไม๊”
“ขึ้นอยู่กับว่านายกำลังวางแผนจะทำอะไรผิดต่อฉัน ทำไม มีคนจ้างมาฆ่าฉันรึไง”
“ก็ไม่เชิง...แต่ถ้าผมตกลงพี่จะต้องลำบากแน่ๆ”
“...”
“แต่ถ้าไม่ตกลง ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสแบบนี้อีกเมื่อไหร่”
“โอกาสที่ว่าของนายคืออะไร”
“...เซฟโซน”
“ว้าว นั่นเป็นรางวัลใหญ่นะ จอง ชานอู นายต้องไปพบคนใหญ่คนโตมาแน่ๆ แล้วนายจะทำมันรึเปล่าล่ะ”
“ถ้าเกิดสมมุติผมทำขึ้นมาจริงๆพี่จะเกลียดผมไม๊”
“เกลียดนาย..? หลังจากที่นายมาสารภาพผิดก่อนที่จะทำร้ายฉันซะอีกอย่างนั้นน่ะหรอ ฉันว่านายตัดสินใจไปแล้วมากกว่านะว่าจะทำหรือไม่ทำ”
“ผมก็ว่างั้น ผมน่ะ ทำอะไรพี่ไม่ได้จริงๆ” ผมพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมาแรงๆและหลับตาลงเบาๆ
ผมต้องบ้าไปแล้วที่โยนโอกาสดีๆแบบนี้ทิ้ง
คนที่ชื่อ กูจุนฮเว อะไรนั่นต้องหาทางมาเล่นงานผมแน่ๆ
“ขอบคุณนะที่ไม่ทรยศกัน”
“มันจะดีนะ ถ้าพี่หาทางกันผมออกจากคนที่ชื่อกูจุนฮเวอะไรนั่นด้วย อีกไม่นานเขาต้องหาทางมาบังคับผมแน่ๆ ไม่ก็บังคับให้พี่พูดเอง”
“จะพยายาม...” เขาตอบเบาๆก่อนจะส่งยิ้มให้ผม.. ยิ้มที่อ่อนโยนแต่กลับดูเยือกเย็น... เหมือนกับดอกไม้ในหน้าหนาว
ยุนฮยองน่ะ เหมือนดอกไม้หน้าหนาวจริงๆนะ สวยงามท่ามกลางความโหดร้าย ดูสงบนิ่งก็จริง แต่กลับอ่อนแอ
“ใช้พลังของนายสิ” ยุนฮยองพูดต่อ ทำให้ผมต้องหันไปมองที่นาฬิกาหัวเตียงอย่างแปลกใจ
“ตอนนี้? พึ่งสองทุ่มเองนะ”
“นะ...ขอร้องล่ะชานอู”
พลังของผมคือสามารถทำให้ใครคนนึงหลับได้... มันไม่ใช่พลังที่ดีอะไรมาก ผมสามารถทำให้คนจำนวนน้อยๆหลับได้ในไม่กี่สิบวิ ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เร็วพอที่จะใช้ทำอะไรได้มาก
คงมีแต่ซงยุนฮยองคนเดียวล่ะมั้งที่เห็นประโยชน์จากมัน
เขาเคยเล่าให้ผมฟังว่า เขาเป็นโรคนอนไม่หลับ... ไม่ว่าจะพยายามข่มตาขนาดไหน หรือแม้กระทั่งกินยาก็ไม่สามารถทำให้เขาหลับได้เต็มตา จนเขาบังเอิญไปเห็นความสามารถของผมโดยบังเอิญในประวัติ
“ผมขอถามอะไรก่อนอย่างนึงได้ไม๊... พี่เป็นอะไรกับคิมจินฮวานและคังซึงยุน”
“มันจะดีกว่าถ้านายไม่รู้เรื่องของสองคนนั้น มันจะดีกว่ากับทั้งนายและฉันชานอู ฉันขอโทษ”
“โอเค....ผมจะปล่อยเรื่องสองคนนั้นไป แต่ถ้าอย่างงั้น...พี่ต้องตอบคำถามนี้กับผม...”
“...?”
“ใครคือ บ๊อบบี้ คิม?”
50%
HANBIN'S SIDE
ผมลืมตาขึ้นในห้องสีขาวสะอาด...และมีสายระโยงระยางเต็มตัวผมไปหมด....กลิ่นของยาฆ่าเชื้ออันคุ้นเคย..
โรงพยาบาล?
ผมมองไปรอบๆห้องนั้นอีกเล็กน้อยก่อนจะพบกับโต๊ะทำงานของหมอ...
เจ้าของแผ่นหลังที่เห็นเป็นประจำ
คิม จีวอน
เฮือก!!!
ผมตื่นขึ้นจากความฝันอีกครั้งพร้อมกับเหงื่อที่ไหลเต็มใบหน้า ผมใช้มือลูบหน้าตัวเองก่อนจะสัมผัสได้ถึงความชื้นที่หางตา..
ร้องไห้อีกแล้ว
ฝันแบบนี้อีกแล้ว...ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ???
ครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ผมยังพาตัวเองออกจากห้วงฝันร้ายที่ตามผมมาติดๆเป็นเงาตามตัว
ตั้งแต่วันที่หนีออกมานั่น ผมก็เอาแต่ฝันร้ายอยู่ตลอด ยิ่งหลังๆยิ่งเริ่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆจนบางครั้งผมก็ไม่แน่ใจว่า..อะไรกันแน่ที่เป็นความฝันกันแน่
ทุกๆครั้งที่ผมตื่นขึ้นมาความกลัว และ ความเจ็บปวดก็จะยังตามหลอกหลอนผม... กลิ่นของโรงพยาบาลที่ยังติดออยู่ที่ปลายจมูก... ราวกับมันคือเรื่องจริงยังไงอย่างงั้น
เสียงคนพูดคุย เสียงของเครื่องวัดระดับการเต้นของหัวใจที่ดังก้องไปมายังคงชัดเจนในโสตประสาท
“ฝันร้ายอีกแล้วหรอ?”เสียงของจีวอนดังขึ้นโดยที่เจ้าตัวกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
“...อีกครั้งน่ะ” ผมตอบบ๊อบบี้ก่อนจะยิ้มเจื่อนๆให้เขา
ผมมองตามร่างของบ๊อบบี้ลุกจากเก้าอี้มาช้าๆก่อนจะทรุดนั่งลงข้างๆผม..ก่อนจะรับผมไว้ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของเขา
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงสามารถทำให้ผมผ่อนคลายและทิ้งความไม่สบายใจทุกอย่างไว้ที่บ่ากว้างของเขาคนนี้..
มันอาจจะเป็นเวทย์มนต์วิเศษอย่างนึงของบ๊อบบี้ก็เป็นได้ล่ะมั้ง
“อย่าเครียดสิ เวลานายทำหน้าเครียดน่ะ น่าเกลียดจะตาย”
“ฮยองอ่ะ!”ผมพูดอย่างเคืองๆและทิ้งความคิดทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลัง ตอนนี้มันไม่มีอะไรแล้ว...
เขาเอื้อมมือมาลูบที่หัวของผมเบาๆ
“แต่ก่อนน่ะ... เวลานายฝันร้ายก็ชอบหนีไปนอนห้องเดียวกับฉันบ่อยๆ มาอ้อนฉันแบบนี้เลย”
ใช่... ตอนนี้น่ะ ผมกำลังตื่นอยู่... ผมกำลังจะหลุดออกจากฝันร้ายพวกนั้นเเล้ว
และจะไม่กลับไปขังตัวเองไว้ในความทรงจำบ้าบอพวกนั้นอีก
“จีวอนฮยอง...”
“หึ?”
“ฮยองน่ะ...จะไม่ทิ้งผมไปไหนใช่ไม๊....”
“ไม่ ไม่จนกว่านายจะไล่ฉันให้ไปไกลๆ คิมฮันบิน”
“...”
“จนกว่าจะถึงวันนั้น ฉันจะไม่ปล่อยมือจากนาย”
“ฮยองน่ะ...เป็นของขวัญชิ้นเดียวที่ผมเคยได้รับมาตลอดชีวิตนี้...อย่างน้อยก็เท่าที่ผมจะพอจำได้”
“...”
“พี่อาจจะไม่รู้แต่พี่น่ะ สำคัญกับผมมากจริงๆ...ไม่ว่าเราจะเคยคบกันจริงๆอย่างที่พี่เคยเล่ารึเปล่า ผมคงจะจำความทรงจำกับความรู้สึกตอนนั้นไม่ได้ตลอดชีวิตนี้ และคงเป็นฮันบินคนนั้นให้พี่ไม่ได้อีกตลอดกาล”
“นายเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตฉัน จำเอาไว้ คิมฮันบิน”
มันมีเรื่องอะไรหลายๆอย่างที่ผมต้องการพูดออกไปอีก... แต่เสียงของผมก็หายไปพร้อมๆกับตอนที่บ๊อบบี้เลือกจะโน้มหน้าลงมากดจูบลงที่หน้าผากของผมเบาๆ
ราวกับว่า ความคิด คำพูดทั้งหมดที่กำลังก่อตัววนไปวนมาในหัวของผมถูกพัดออกไปในวินาทีนั้น เหลือแต่ความอบอุ่นแผ่วเบาที่กลางหน้าผาก
“...อ่ะ...เอ่อ...” ดูเหมือนว่าเพราะสิ่งที่อยากจะพูดถูกดูดหายไปในอากาศแล้ว นั่นทำให้ผมเกิดติดอ่างขึ้นมาซะดื้อๆ
“เด็กดีต้องไม่คิดมากรู้ไม๊ ไม่ว่านายจะเป็นใครฉันก็รักนายทั้งนั้นแหละคิมฮันบิน”
“....”
นั่นสินะ...ผมยังต้องกลัวอะไรอีกล่ะ?
ในเมื่อชีวิตของผมก็วางอยู่ในมือคนตรงหน้านี้แล้ว ยังจะมีอะไรให้ลังเล
ผมแอบกัดปากตัวเองเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าคมของอีกคน
ผมกำลังตกหลุมรักคิมจีวอน อย่างไม่มีข้อแม้ ตกหลุกรักในความอ่อนโยนที่ผมไม่เคยได้สัมผัส
“ฮันบิน..”
“หืม???”
“ส่งมือมาหน่อยสิ..” บ๊อบบี้พูดขึ้นก่อนจะยื้นมือของเขามาข้างหน้า ผมมองหน้าเขาอย่างงงๆก่อนจะส่งมือให้เขาไปทั้งอย่างนั้น
“...ฉันชอบนายนะ ไม่สิ.....รักนายนะ รักมาตั้งนานแล้ว"
“..อืม...รู้แล้ว...”
ดูเหมือนคำพูดพวกนั้นจะทำให้อากาศในห้องนี้ดูจะร้อนขึ้นมาอีกนิด ผมรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาจากนิ้วมือ และความรู้สึกโหวงๆในช่องท้อง
ราวกับลึกๆผมกำลังคาดหวังอะไรบางอย่างจากคนคนนี้
อะไรบางอย่างที่แสนพิเศษ
“ถึงแม้ตอนนี้นายอาจจะไม่ได้ชอบหรือรักเหมือนที่ฉันรู้สึกกับนาย...”
“....” ผมได้แต่เงียบออกไปเป็นคำตอบ
“ถึงอย่างนั้น..ฉันจะ...ขอจองนายไว้ก่อนได้ไม๊?”
ผมเห็นชัดเจนในตอนที่ร่างสูงตรงหน้าค่อยๆหยิบกล่องขนาดเล็กใบนึงขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา... และผมรู้ว่ามันเป็นกล่องสำหรับใส่เครื่องประดับ
เหมือนในหนังหลายๆเรื่อง
ฉากที่โรแมนติกที่สุด... น่าอิจฉาที่สุด
ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...
“จี..จีวอนฮยอง...”
“ถ้าวันนึงนายจะไปรักหรือชอบคนอื่น ฉันก็จะไม่บ่น ไม่ว่านาย ตอนนั้นนายค่อยคืนมันให้ฉันก็ได้.. แต่ตอนนี้แค่ใส่มันไว้ก็พอแล้ว...”
เขาค่อยๆเปิดกล่องกำมะหยี่สีดำสนิทนั่น ก่อนจะเผยให้เห็นแหวนเงินเรียบๆที่ถูกใส่เอาไว้ข้างใน
มันดูแปลกตาสำหรับผมมาก.. แต่ก้ทำให้หน้าของผมร้อนไปหมดเมื่อนึกถึงความหมายของแหวนวงนึง... ตื่นเต้นจนแทบจะขยับตัวไม่ได้ด้วยซ้ำ
บ๊อบบี้ดึงแหวนออกมาจากที่ของมัน ก่อนจะสวมแหวนวงนั้นเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของผมอย่างเบามือ...
ผมเชื่อว่าถ้าใครเอากระจกมาส่องหน้าผมตอนนี้มันต้องแดงมากๆแน่นอน...ผมรู้สึกเหมือนมันกำลังจะระเบิดออกมาด้วยซ้ำ
“...อย่าพึ่งถอดมันจนกว่าจะถึงวันนะ...”
“ผมจะไม่มีวันถอดมัน...”
ทันทีที่ผมพูดมันออกไปริมฝีปากร้อนจัดของเขาก็กดลงมาที่ริมฝีปากของผม...อย่างอ่อนโยน
สัมผัสที่อ่อนนุ่มราวของเขาทำให้ผมรู้สึกราวกับลอยอยู่ในอากาศ
ผมไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหน แต่จูบอันแสนหวานของเราเริ่มร้องแรงขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดผมก็สัมผัสได้ถึงมือของเขาเริ่มสอดผ่านเสื้อบางๆของเข้ามาสัมผัสกับร่างกายของผม
กับแผ่นหลังที่สัมผัสกับผ้าปูที่นอนสีครีม
ทุกๆสัมผัสที่เขามอบให้ทั้งหอมหวานและน่าหลงไหล
เหมือนจะตอกย้ำว่าต่อจากวันนี้...คืนนี้...วินาทีนี้ ผมจะเป็นของเขาคนดียว...
แค่เพียงคนเดียวท่านั้น เจ้าของชื่อของคนที่กำลังประทับตราความเป็นเจ้าของลงบนทุกๆตารางนิ้วของร่างกายของผม...
แค่ คิม จีวอน คนเดียว
Talk
ตัดได้น่ารักมาก คิดว่าทุกคนคงเตรียมอาวุธพร้อมแล้ว
ห้ามฆ่าเรานะทุกคน....ถถถถถถถ
จริงๆ....มันมีฉากคัทแหละ .____.
แต่เราแต่งไม่เก่งอ่ะ งื้อออออ มันสั้นมากด้วย ถถถถ
ใครสนใจ...แบบอันคัทเวอร์(?)
ติดตามได้ในแท็ก #ฟิคลวงดบบ หรือจะเมนชั่นมาขอกะดั้ยยยย @pimkiwiz
ป.ล. เเอบมีคนถามว่าทำไมเรื่องเราดำเนินเรื่องเร็วจัง คือจริงๆเรื่องนี้เราวางเเผนให้มันเป็นเเค่ SF เองนะ...
เเต่พอร่างพล็อตไปเรื่อยๆมันเยอะมากจนคิดว่าถ้าเอามาเป็นฟิคยาวคงสนุกดี
จากตรงนั้นเราก็เลยเริ่มเเต่งเรื่องนี้มาเรื่อยๆ ทีนี้ปกติเราเป็นคนไม่ค่อยเขียนอะไรยาวๆเเบบนี้เท่าไหร่ 5555 เลยอาจจะดำเนินเรื่องเร็วหน่อย
เเล้วเรื่องนี้พล็อตก็ละเอียดมากด้วย เลยกะจะจับเฉพาะประเด็นหลักๆมาเขียน น้ำไม่ค่อยมีเท่าไหร่เลย... เราวางเเผนให้มันเเค่ซักไม่เกิน 15 ตอนด้วยล่ะ นี้ก็ปาเข้าไปครึ่งนึงเเล้ว เรื่องยังเอื่อยๆอยู่เลย หลังจากนี้เราจะเริ่มเข้าเรื่องจริงๆจังๆซะทีเเล้วค่ะ ถถถ
. ขอเเอบฝากช็อตฟิคเราด้วยนะ .
http://writer.dek-d.com/pimploy-proud/story/view.php?id=1328289
ความคิดเห็น