คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : BJIN - SPEAK NOW [ROMANTIC-DRAMA?]
Don’t wait or say a single vow
You need to hear me out and they said
“ SPEAK NOW ”
She floats down the aisle like a pageant queen
But I know you wish it was me, you wish it was me
Don’t you?
ผมกำลังยืนอยู่หลังโบสท์ที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามราวกับเทพนิยายเพื่องานแต่งงานที่กำลังจะเริ่มในอีกไม่ถึง10นาทีข้างหน้า...
ผมเงยหน้ามองความสวยงานของโบสท์ที่ซึ่งเป็นที่ที่ ‘เขา’ เคยพูดเอาไว้ว่า...อยากจะจัดงานแต่งงานที่นี่...โบสท์ที่สวยงามและติดอันดับ10สถานที่ที่คู่รักอยากจะมาจัดงานแต่งงานมากที่สุดในเกาหลี
และตอนนี้เขาก็คงสมหวังอย่างที่ต้องการแล้วเพียงแต่ว่า...
มันไม่ใช่กับผม
นี่ ไม่ใช่งานของ คิมฮันบิน และ คิม จินฮวาน
“รอก่อนนะ...หึ..”
.
.
.
.
.
เสียงเพลงสุดคลาสสิคค่อยๆถูกบรรเลงช้าๆและแผ่วเบาตามประสางานเลี้ยงทั่วๆไป กลิ่นหวานๆเลี่ยนๆของดอกไม้ที่ถูกประดับไว้คละคลุ้งไปทั่ว...แขกของงานก็ต่างจับกลุ่มคุยกันเป็นหย่อมๆทั่วทั้งงาน มองไปทางไหนก็มีแต่ความรื่นรมณ์เสียจริงๆ
ก็แน่ล่ะ นี่มันงานแต่งงานนี่น่า
ทุกอย่างดูเป็นไปปอย่างที่มันควรจะเป็น
จะยกเว้นก็แต่...
...เจ้าบ่าว...
ถ้าใครก็ตามที่เห็นสภาพของเจ้าบ่าวของงานตอนนี้คงได้บอกเป็นเสียงเดียวกันทีเดียวว่า สรุปนี้คืองานแต่งงานหรืองานศพกันแน่?
หน้าเฉยชาไม่แสดงความรู้สึกใดๆติดจะบึ้งตึงเสียเล็กน้อย อาการเหม่อๆเอาเสียเกือบทุก5นาทีจนผู้เป็นแม่ของเขาต้องสะกิตอยู่บ่อยๆ พร้อมกับรอยคล้ำที่ขอบตาเหมือนอดนอนมาหลายคืน...
กล่าวง่ายๆคือ ดูไม่ได้ นั้นแหละ
ถึงแม้เจ้าบ่าวของงานจะเป็นถึง คิม ฮันบินที่ใครๆก็บอกว่าเจ้าตัวหล่อนักหนาก็ตาม
ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เขาให้มากขึ้นก่อนที่เขาจะหันมาเห็นหน้าผมและเบิกตาด้วยความตกใจ
“ฮันบินอา~ J”ผมเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่หวานที่เคลือบไปด้วยยาพิษ...
ยาพิษที่อาจจะทำให้เขาทรมานจนตายทั้งเป็น หรือ ทำให้เขามีความสุขไปชั่วชีวิตได้..
ถึงเวลาทวงสิ่งที่เป็นของผมคืนแล้ว
เมื่อสี่ปีก่อนผมได้พบกับฮันบินหรือบีไอที่อเมริกา...จริงๆเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ออกจะมนุษญสัมพันธ์ติดลบเลยด้วยซ้ำ
ถึงอย่างั้นพวกเราค่อยๆสนิทกันและ ในที่สุดก็ตกลงคบกันหลังจากเวลาผ่านไป
ใครๆก็บอกว่าพวกเรารักกันมาก สำหรับผม คิมฮันบินแทบจะเป็นทุกอย่างในชีวิตเลยด้วยซ้ำ เราเรียนด้วยกัน อยู่ มีชีวิตร่วมกันเป็นปีๆ.. ตั้งแต่เรียนมหาลัยจนพวกผมกำลังจะเริ่มต้นหางานทำที่นู้นแล้วลงหลักปักฐานจริงๆจัง
แต่ไม่รู้เพราะว่าอะไรเขาถึงได้หายตัวไปเสียดื้อๆ และกลับมาเกาหลีพร้อมกับร่อนการ์ดแต่งงานไปแจกเพื่อนๆที่อเมริกา...
และเขาก็มารู้ทีหลังว่าครอบครัวฮันบินต้องการให้ฮันบินแต่งงานกับผู้หญิง
ไม่ใช่อยู่กับผู้ชายอย่างผม
“จ...จินฮวาน?”
ฮันบินค่อยๆหันหน้ามาเผชิญกับผมด้วยสีหน้าที่ซีดลงกว่าเดิมเล็กน้อย..
“ยินดีด้วยนะJ นายจัดงานได้น่ารักมากเลยล่ะ”
ผมว่าพลางส่งดอกกุหลาบขาวช่อโตให้เขา
“เอ่อ...” แววตาของเขาดูตื่นตระหนกอย่างประหลาดในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกได้ถึงความเสียใจและรู้สึกผิดในตาคู่นั้นด้วย
“นี่ใครหรอคะโอปป้า?”เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากข้างหลังฮันบิน...
ชุดสีขาวบริสุทธิ์ พร้อมกับผ้าคลุมผมที่ยาวลากพื้น..อ่อ..เจ้าสาวของงานนี่เอง..
ลีฮาอี คนที่กำลังจะมาเป็นเจ้าสาวของฮันบิน
“คือว่า...”ฮันบินอึกอักเล็กน้อยก่อนจะมองหน้าของผมและเขาสลับกัน
“ผมเป็นแฟนเก่าของบีไอน่ะครับ J”
ตกใจกันเข้าไปนะ เพราะนี่นะ มันแค่น้ำจิ้มเท่านั้นเอง
เตรียมรับของขวัญจากฉันได้เลย
งานนี้น่ะ มันจะสนุกขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ คิมฮันบิน ลีฮาอี
.
.
.
.
หลังจากนั้นครอบครัวของทั้งฮันบินและเจ้าสาวของเขาก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากต้อนรับผมเท่าไหร่ แต่มันก็แน่ล่ะ ใครจะอยากต้อนรับแฟนเก่าที่มาเปิดตัวกลางงานแบบนั้นกัน
แต่ดูเหมือนพวกเขาจะให้ความสนใจกับผมได้ไม่นานนัก...อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต้องรีบเร่งจัดงานในส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย หรือ บกพร่อง...
การแต่งงานแบบสายฟ้าแลบขนาดนี้จะให้เรียนร้อยเป๊ะทุกประการก็เกินไป จริงไม๊?
พวกเขาประกาศเรื่องงานแต่งงานแค่ถึง2 อาทิตย์ก่อนวันนี้ด้วยซ้ำ เล่นเอาผมนั่งหัวหมุนไปนานเลยทีเดียว รวมถึงพวกเพื่อนฮันบินที่อเมริกาที่วิ่งวุ่นหาตั๋วกันยกใหญ่
แต่ที่หน้าแปลกคือฮาอีเองหลังจากที่ตอนแรกแทบจะจ้องจนผมพรุนตอนนี้ก็ยังหันไปวิ่งวุ่นกับกันทักทายแขกคนนั้นทีคนนี้ทีพร้อมๆกับฮันบินด้วยจนแทบไม่ได้ชายตามองผมด้วยซ้ำล่ะมั้ง
แค่ฮาอีคนเดียวน่ะนะ
เพราะ ฮันบินน่ะ...
ละสายตาไปจากผมไม่ได้หรอก J
ผมมองงานที่ดำเนินเอื่อยๆไปเรื่อยๆ ก่อนจะปลีกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนที่รู้จักในงานและตรงไปหาคนที่เป็นดาวเด่นของงานอีกครั้ง
เพื่อเริ่มขั้นตอนของแผนการบางอย่างที่ทำให้ผมมาอยู่ที่นี่ ตอนนี้
“ฮันบิน...”
ผมเรียกเขาเบาๆก่อนที่เขาจะหันมามองผมอย่างหวาดๆราวกับกลัว
“มีอะไร?” เขาตอบกลับผมด้วยเสียงเย็นชา...
แบบที่เขาชอบใช้เมื่อกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่
ผมมองเข้าไปในตาของเขาและพยายามแสดงสิ่งที่ผมคิดให้เขาเห็นก่อนจะยัดกระดาษโน๊ตอันเล็กๆใส่มือเขาอย่างรวดเร็ว..
“ป่าวหรอก แค่จะบอกว่าที่เสื้อนายมันมีผมติดอยู่น่ะ J ” ผมพูดก่อนจะเอื้อมมือไปแกล้งปัดบนไหล่เขาเบาๆให้ดูเหมือนมันมีอะไรอยู่ตรงนั้นจริงๆก่อนจะมองไปรอบๆและเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ใกล้และสนใจที่จะฟังก็พูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกไป
“นายรู้ไม๊...ถ้าให้ฉันเลือกเป็นคนดีแล้วเสียนายไป กับ เป็นคนเลวแล้วได้นายกลับมาน่ะ...ต่อให้ต้องลงนรกขุมที่น่ากลัวที่สุดฉันยังไม่ลังเลที่จะเลือกเลย”
“...”
ผมยัดกระดาษโน๊ตเล็กๆใส่มือของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะฉีกยิ้มหวานให้เขาแล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที แต่ถึงแม้จะหันหลังเดินออกมาแล้ว ผมก็ยังมั่นใจว่าเขาจะต้องเปิดอ่านกระดาษแผ่นนั้นเรียนร้อยแล้ว
กระดาษที่ถูกเขียนขึ้นง่ายๆด้วยลายมือของผมเอง
กระดาษที่แสดงถึงความต้องการของผมที่มาอยู่ตรงนี้
เราหนีกันเถอะ
15.00 ที่หลังโบสท์ ฉันจะรอนาย ไปเกาะเซจูด้วยกัน
เสียงเพลงที่เคยคลอกบรรเลงงานไปเรื่อยๆตอนนี้ดูเหมือนจะดังขึ้นอีกเล็กน้อยหลังจากที่คู่บ่าวสาวออกมาเปิดฟอร์เต้นรำ..เพียงไม่นานคนก็เต็มฟอร์ไปหมด จนมองไม่เห็นคู่บ่าวสาวอีกแล้ว
ผมค่อยๆหลบจากสายตาผู้คนไป ไปที่มุมๆนึงของงาน และ มองทุกอย่างด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆที่หลังจากนี้ผมจะต้องเป็นคนทำลายพิธีอันแสนสนุกของทุกคน
.
.
.
.
.
ส่วนสำคัญของพิธีกำลังเริ่มต้นขึ้น...
พิธีสาบานระหว่างบ่าว-สาว
ฮันบินยิ่มอยู่ที่ที่ของตนแล้ว ในขณะที่ตอนนี้ลีฮาอีก็หายไปจากงานและเตรียมตัวเดินเข้ามาทางประตูนั้นอีกรอบตามรูปแบบพิธีกรรม
และไม่นานเกินรอ เพลงก็ถูกเปลี่ยนจังหวะ พร้อมๆกับที่ประตูใหญ่ของโบสท์ถูกเปิดออก
เจ้าสาวในกระโปรงฟูฟ่องกำลังเดินออกมาอย่างสวยงามราวกับภาพในฝันของสาวๆทั่วโลก ทุกอย่างดูจะเพอร์เฟ็คไปซะหมด
ฮาอีเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าแท่นสาบานก่อนจะหันไปทางฮันบินที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว
และพิธีสาบานของจริงก็เริ่มขึ้น
“....ในนิยามของความรักที่หลากหลาย เมื่อความรักได้เดินทางผ่าน การเรียนรู้ ความเข้าใจ การบ่มเพาะ เติบโตจนถึง การตัดสินใจที่จะร่วมทุกข์ ร่วมสุขกัน” บาทหลวงของศาสนาคริสต์เอ่ย
ผมมองไปยังนาฬิกาข้อมือของตัวเองเล็กน้อย
14.57
“การใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ใช่แค่การกินอยู่ด้วยกัน แต่เป็นการเสียสละ และ ดูแลกันในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นอนาคตของคู่ชีวิต สุขภาพ และที่สำคัญเป็นการบอกกับตัวเองว่าชีวิตของทั้งคู่จะมีกันและกันตลอดไป”
14.58
“คำมั่นสัญญา ที่ในโลกปัจจุบันทุกสิ่งมันง่าย จนทำให้คำมั่นสัญญาที่เราพูดให้กันง่ายๆนั้น ลดความสำคัญลง การรักษาสัญญาก็ลดลง แต่สำหรับคู่ชีวิตนั้น คำมั่นสัญญาในวันนี้ จะเป็นสิ่งที่ให้ทั้งคู่ได้ยึดเหนี่ยว ได้ศรัทา เคียงข้างไปกับความรักของทั้งคู่ พร้อมกับสักขีพยานทุกท่านที่จะร่วมเป็นพยานในการปฏิญาณที่จะเกิดขึ้นนี้”
.
.
.
“คุณ ลีฮาอี...”
“ท่านจะรับคุณ คิม ฮันบินเป็นสามี ไม่ว่าจะยามสุข หรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจน สบายดีหรือเจ็บป่วย และสัญญาว่าจะรัก เคารพ เชิดชูดูแลกันและกัน จนกว่าทั้งคู่จะตายจากกันไปหรือไม่”
“...รับค่ะ”
.
.
.
.
14.59
.
.
“คุณ คิมฮันบิน...”
“ท่านจะรับคุณ ลี ฮาอีเป็นภรรยา ไม่ว่าจะยามสุข หรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจน สบายดีหรือเจ็บป่วย
และสัญญาว่าจะรัก เคารพ เชิดชูดูแลกันและกัน จนกว่าทั้งคู่จะตายจากกันไปหรือไม่”
.
.
.
15.00
.
.
.
ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่พ้นผ่านผมรู้สึกได้ถึงแววตาบางอย่าที่เขาจงใจส่งมาให้ผม...
และผมก็รู้ว่าเขาตัดสินใจแล้ว
.
“ผม..”
ฮันบินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆเล็กน้อย
มันถึงเวลาของผมแล้วสินะ...เวลาที่ผมจะต้องตะโกนออกไปว่า
.
.
.
“ผมขอคัดค้าน !!!”
สายตาของเขาในตอนนั้นหมายความว่า...
พวกเราพร้อมแล้วที่จะ
‘หนี’
และในอีกไม่กี่นาทีต่อมาผมกับฮันบินวิ่งออกมาทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง
ผมรู้ว่าลึกๆของเขาคงกลัว
ผมก็กลัวเหมือนกัน แต่... พวกเราไม่มีใครคิดจะปล่อยมือกันและกันหรอก
ก็แค่กระโดดขึ้นรถและหนีไปให้สุดขอบฟ้า
-END-
TALK
จบอีกเรื่อง เย้
หลังจากเปิดเทอมอาจจะไม่ค่อยได้มาอัพบ่อยๆแล้ว
จะพยายามเร่งปั่นสุดๆช่วงปิดเทอมและกันนะ
ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตอนนี้มากๆ
#เม้นมากกำลังใจมากอัพมากนะ อิอิ
ความคิดเห็น