ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {SF/OS} IKON/WIN by KIWI's [NOW::BJIN]

    ลำดับตอนที่ #5 : BJIN - SPEAK NOW [ROMANTIC-DRAMA?]

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 57


     

     

    Don’t wait or say a single vow
    You need to hear me out and they said

    SPEAK NOW


    She floats down the aisle like a pageant queen
    But I know you wish it was me, you wish it was me
    Don’t you?

     

     

                ผมกำลังยืนอยู่หลังโบสท์ที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามราวกับเทพนิยายเพื่องานแต่งงานที่กำลังจะเริ่มในอีกไม่ถึง10นาทีข้างหน้า...

               

               

                ผมเงยหน้ามองความสวยงานของโบสท์ที่ซึ่งเป็นที่ที่เขาเคยพูดเอาไว้ว่า...อยากจะจัดงานแต่งงานที่นี่...โบสท์ที่สวยงามและติดอันดับ10สถานที่ที่คู่รักอยากจะมาจัดงานแต่งงานมากที่สุดในเกาหลี

               

                และตอนนี้เขาก็คงสมหวังอย่างที่ต้องการแล้วเพียงแต่ว่า...

                มันไม่ใช่กับผม

                นี่ ไม่ใช่งานของ คิมฮันบิน และ คิม จินฮวาน

               

                “รอก่อนนะ...หึ..”

    .

    .

    .

    .

    .

     

                เสียงเพลงสุดคลาสสิคค่อยๆถูกบรรเลงช้าๆและแผ่วเบาตามประสางานเลี้ยงทั่วๆไป กลิ่นหวานๆเลี่ยนๆของดอกไม้ที่ถูกประดับไว้คละคลุ้งไปทั่ว...แขกของงานก็ต่างจับกลุ่มคุยกันเป็นหย่อมๆทั่วทั้งงาน มองไปทางไหนก็มีแต่ความรื่นรมณ์เสียจริงๆ

                ก็แน่ล่ะ นี่มันงานแต่งงานนี่น่า

                ทุกอย่างดูเป็นไปปอย่างที่มันควรจะเป็น

     

     

    จะยกเว้นก็แต่...

     

    ...เจ้าบ่าว...

     

                ถ้าใครก็ตามที่เห็นสภาพของเจ้าบ่าวของงานตอนนี้คงได้บอกเป็นเสียงเดียวกันทีเดียวว่า สรุปนี้คืองานแต่งงานหรืองานศพกันแน่?

               

                หน้าเฉยชาไม่แสดงความรู้สึกใดๆติดจะบึ้งตึงเสียเล็กน้อย อาการเหม่อๆเอาเสียเกือบทุก5นาทีจนผู้เป็นแม่ของเขาต้องสะกิตอยู่บ่อยๆ พร้อมกับรอยคล้ำที่ขอบตาเหมือนอดนอนมาหลายคืน...

     

    กล่าวง่ายๆคือ ดูไม่ได้ นั้นแหละ

     

    ถึงแม้เจ้าบ่าวของงานจะเป็นถึง คิม ฮันบินที่ใครๆก็บอกว่าเจ้าตัวหล่อนักหนาก็ตาม

     


               

                ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เขาให้มากขึ้นก่อนที่เขาจะหันมาเห็นหน้าผมและเบิกตาด้วยความตกใจ

                “ฮันบินอา~ J”ผมเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่หวานที่เคลือบไปด้วยยาพิษ...

     

     

    ยาพิษที่อาจจะทำให้เขาทรมานจนตายทั้งเป็น หรือ ทำให้เขามีความสุขไปชั่วชีวิตได้..

    ถึงเวลาทวงสิ่งที่เป็นของผมคืนแล้ว

     

     

                เมื่อสี่ปีก่อนผมได้พบกับฮันบินหรือบีไอที่อเมริกา...จริงๆเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ออกจะมนุษญสัมพันธ์ติดลบเลยด้วยซ้ำ

                ถึงอย่างั้นพวกเราค่อยๆสนิทกันและ ในที่สุดก็ตกลงคบกันหลังจากเวลาผ่านไป

                ใครๆก็บอกว่าพวกเรารักกันมาก สำหรับผม คิมฮันบินแทบจะเป็นทุกอย่างในชีวิตเลยด้วยซ้ำ เราเรียนด้วยกัน อยู่ มีชีวิตร่วมกันเป็นปีๆ.. ตั้งแต่เรียนมหาลัยจนพวกผมกำลังจะเริ่มต้นหางานทำที่นู้นแล้วลงหลักปักฐานจริงๆจัง

                แต่ไม่รู้เพราะว่าอะไรเขาถึงได้หายตัวไปเสียดื้อๆ และกลับมาเกาหลีพร้อมกับร่อนการ์ดแต่งงานไปแจกเพื่อนๆที่อเมริกา...

                และเขาก็มารู้ทีหลังว่าครอบครัวฮันบินต้องการให้ฮันบินแต่งงานกับผู้หญิง

                ไม่ใช่อยู่กับผู้ชายอย่างผม

     

     

     

                “จ...จินฮวาน?”

                ฮันบินค่อยๆหันหน้ามาเผชิญกับผมด้วยสีหน้าที่ซีดลงกว่าเดิมเล็กน้อย..

               

                “ยินดีด้วยนะJ นายจัดงานได้น่ารักมากเลยล่ะ”

                ผมว่าพลางส่งดอกกุหลาบขาวช่อโตให้เขา

                “เอ่อ...” แววตาของเขาดูตื่นตระหนกอย่างประหลาดในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกได้ถึงความเสียใจและรู้สึกผิดในตาคู่นั้นด้วย

                “นี่ใครหรอคะโอปป้า?”เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากข้างหลังฮันบิน...

     

     

    ชุดสีขาวบริสุทธิ์ พร้อมกับผ้าคลุมผมที่ยาวลากพื้น..อ่อ..เจ้าสาวของงานนี่เอง..

    ลีฮาอี คนที่กำลังจะมาเป็นเจ้าสาวของฮันบิน

               

     

                “คือว่า...”ฮันบินอึกอักเล็กน้อยก่อนจะมองหน้าของผมและเขาสลับกัน

                “ผมเป็นแฟนเก่าของบีไอน่ะครับ J

     

    ตกใจกันเข้าไปนะ เพราะนี่นะ มันแค่น้ำจิ้มเท่านั้นเอง

    เตรียมรับของขวัญจากฉันได้เลย

    งานนี้น่ะ มันจะสนุกขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ คิมฮันบิน ลีฮาอี

    .

    .

    .

    .

             

     

              หลังจากนั้นครอบครัวของทั้งฮันบินและเจ้าสาวของเขาก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากต้อนรับผมเท่าไหร่ แต่มันก็แน่ล่ะ ใครจะอยากต้อนรับแฟนเก่าที่มาเปิดตัวกลางงานแบบนั้นกัน

              แต่ดูเหมือนพวกเขาจะให้ความสนใจกับผมได้ไม่นานนัก...อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต้องรีบเร่งจัดงานในส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย หรือ บกพร่อง...

                การแต่งงานแบบสายฟ้าแลบขนาดนี้จะให้เรียนร้อยเป๊ะทุกประการก็เกินไป จริงไม๊?

                พวกเขาประกาศเรื่องงานแต่งงานแค่ถึง2 อาทิตย์ก่อนวันนี้ด้วยซ้ำ เล่นเอาผมนั่งหัวหมุนไปนานเลยทีเดียว รวมถึงพวกเพื่อนฮันบินที่อเมริกาที่วิ่งวุ่นหาตั๋วกันยกใหญ่

     

                แต่ที่หน้าแปลกคือฮาอีเองหลังจากที่ตอนแรกแทบจะจ้องจนผมพรุนตอนนี้ก็ยังหันไปวิ่งวุ่นกับกันทักทายแขกคนนั้นทีคนนี้ทีพร้อมๆกับฮันบินด้วยจนแทบไม่ได้ชายตามองผมด้วยซ้ำล่ะมั้ง

     

    แค่ฮาอีคนเดียวน่ะนะ

    เพราะ ฮันบินน่ะ...

     

    ละสายตาไปจากผมไม่ได้หรอก J

     

     

              ผมมองงานที่ดำเนินเอื่อยๆไปเรื่อยๆ ก่อนจะปลีกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนที่รู้จักในงานและตรงไปหาคนที่เป็นดาวเด่นของงานอีกครั้ง

                เพื่อเริ่มขั้นตอนของแผนการบางอย่างที่ทำให้ผมมาอยู่ที่นี่ ตอนนี้

     

                 “ฮันบิน...”

                ผมเรียกเขาเบาๆก่อนที่เขาจะหันมามองผมอย่างหวาดๆราวกับกลัว

               

                “มีอะไร?” เขาตอบกลับผมด้วยเสียงเย็นชา...

     

                แบบที่เขาชอบใช้เมื่อกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่

               

                ผมมองเข้าไปในตาของเขาและพยายามแสดงสิ่งที่ผมคิดให้เขาเห็นก่อนจะยัดกระดาษโน๊ตอันเล็กๆใส่มือเขาอย่างรวดเร็ว..

     

                “ป่าวหรอก แค่จะบอกว่าที่เสื้อนายมันมีผมติดอยู่น่ะ J ” ผมพูดก่อนจะเอื้อมมือไปแกล้งปัดบนไหล่เขาเบาๆให้ดูเหมือนมันมีอะไรอยู่ตรงนั้นจริงๆก่อนจะมองไปรอบๆและเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ใกล้และสนใจที่จะฟังก็พูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกไป

                “นายรู้ไม๊...ถ้าให้ฉันเลือกเป็นคนดีแล้วเสียนายไป กับ เป็นคนเลวแล้วได้นายกลับมาน่ะ...ต่อให้ต้องลงนรกขุมที่น่ากลัวที่สุดฉันยังไม่ลังเลที่จะเลือกเลย”

                “...”

                ผมยัดกระดาษโน๊ตเล็กๆใส่มือของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะฉีกยิ้มหวานให้เขาแล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที แต่ถึงแม้จะหันหลังเดินออกมาแล้ว ผมก็ยังมั่นใจว่าเขาจะต้องเปิดอ่านกระดาษแผ่นนั้นเรียนร้อยแล้ว

                กระดาษที่ถูกเขียนขึ้นง่ายๆด้วยลายมือของผมเอง

                กระดาษที่แสดงถึงความต้องการของผมที่มาอยู่ตรงนี้

     

     

    เราหนีกันเถอะ

    15.00 ที่หลังโบสท์ ฉันจะรอนาย ไปเกาะเซจูด้วยกัน

     

     

     

     

     

                เสียงเพลงที่เคยคลอกบรรเลงงานไปเรื่อยๆตอนนี้ดูเหมือนจะดังขึ้นอีกเล็กน้อยหลังจากที่คู่บ่าวสาวออกมาเปิดฟอร์เต้นรำ..เพียงไม่นานคนก็เต็มฟอร์ไปหมด จนมองไม่เห็นคู่บ่าวสาวอีกแล้ว

                ผมค่อยๆหลบจากสายตาผู้คนไป ไปที่มุมๆนึงของงาน และ มองทุกอย่างด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆที่หลังจากนี้ผมจะต้องเป็นคนทำลายพิธีอันแสนสนุกของทุกคน

    .

    .

    .

    .

    .

                ส่วนสำคัญของพิธีกำลังเริ่มต้นขึ้น...

     

    พิธีสาบานระหว่างบ่าว-สาว

     

              ฮันบินยิ่มอยู่ที่ที่ของตนแล้ว ในขณะที่ตอนนี้ลีฮาอีก็หายไปจากงานและเตรียมตัวเดินเข้ามาทางประตูนั้นอีกรอบตามรูปแบบพิธีกรรม

                และไม่นานเกินรอ เพลงก็ถูกเปลี่ยนจังหวะ พร้อมๆกับที่ประตูใหญ่ของโบสท์ถูกเปิดออก

                เจ้าสาวในกระโปรงฟูฟ่องกำลังเดินออกมาอย่างสวยงามราวกับภาพในฝันของสาวๆทั่วโลก ทุกอย่างดูจะเพอร์เฟ็คไปซะหมด

                ฮาอีเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าแท่นสาบานก่อนจะหันไปทางฮันบินที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว

              และพิธีสาบานของจริงก็เริ่มขึ้น

     

     

     

     

                “....ในนิยามของความรักที่หลากหลาย เมื่อความรักได้เดินทางผ่าน การเรียนรู้ ความเข้าใจ การบ่มเพาะ เติบโตจนถึง การตัดสินใจที่จะร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันบาทหลวงของศาสนาคริสต์เอ่ย

                ผมมองไปยังนาฬิกาข้อมือของตัวเองเล็กน้อย

     

    14.57

     

                “การใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ใช่แค่การกินอยู่ด้วยกัน แต่เป็นการเสียสละ และ ดูแลกันในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นอนาคตของคู่ชีวิต สุขภาพ และที่สำคัญเป็นการบอกกับตัวเองว่าชีวิตของทั้งคู่จะมีกันและกันตลอดไป

     

    14.58

     

                คำมั่นสัญญา ที่ในโลกปัจจุบันทุกสิ่งมันง่าย จนทำให้คำมั่นสัญญาที่เราพูดให้กันง่ายๆนั้น ลดความสำคัญลง การรักษาสัญญาก็ลดลง แต่สำหรับคู่ชีวิตนั้น คำมั่นสัญญาในวันนี้ จะเป็นสิ่งที่ให้ทั้งคู่ได้ยึดเหนี่ยว ได้ศรัทา เคียงข้างไปกับความรักของทั้งคู่ พร้อมกับสักขีพยานทุกท่านที่จะร่วมเป็นพยานในการปฏิญาณที่จะเกิดขึ้นนี้”

    .

    .

    .

     

    “คุณ ลีฮาอี...”

              ท่านจะรับคุณ คิม ฮันบินเป็นสามี ไม่ว่าจะยามสุข หรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจน สบายดีหรือเจ็บป่วย และสัญญาว่าจะรัก เคารพ เชิดชูดูแลกันและกัน จนกว่าทั้งคู่จะตายจากกันไปหรือไม่”

     

    “...รับค่ะ”

    .

    .

    .

    .

    14.59

    .

    .

     

    คุณ คิมฮันบิน...

    ท่านจะรับคุณ ลี ฮาอีเป็นภรรยา ไม่ว่าจะยามสุข หรือยามทุกข์ มั่งมีหรือยากจน สบายดีหรือเจ็บป่วย

    และสัญญาว่าจะรัก เคารพ เชิดชูดูแลกันและกัน จนกว่าทั้งคู่จะตายจากกันไปหรือไม่”

    .

    .

    .

    15.00

    .

    .

    .

    ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่พ้นผ่านผมรู้สึกได้ถึงแววตาบางอย่าที่เขาจงใจส่งมาให้ผม...

    และผมก็รู้ว่าเขาตัดสินใจแล้ว

    .

    “ผม..”

                ฮันบินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆเล็กน้อย

     

     

    มันถึงเวลาของผมแล้วสินะ...เวลาที่ผมจะต้องตะโกนออกไปว่า

    .

    .

    .

    “ผมขอคัดค้าน !!!

     

    สายตาของเขาในตอนนั้นหมายความว่า...

    พวกเราพร้อมแล้วที่จะ

    หนี

     

     

               

                และในอีกไม่กี่นาทีต่อมาผมกับฮันบินวิ่งออกมาทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง

                ผมรู้ว่าลึกๆของเขาคงกลัว

                ผมก็กลัวเหมือนกัน แต่... พวกเราไม่มีใครคิดจะปล่อยมือกันและกันหรอก

                ก็แค่กระโดดขึ้นรถและหนีไปให้สุดขอบฟ้า

               

     

     

     

     

    -END-

     

    TALK

    จบอีกเรื่อง เย้

    หลังจากเปิดเทอมอาจจะไม่ค่อยได้มาอัพบ่อยๆแล้ว

    จะพยายามเร่งปั่นสุดๆช่วงปิดเทอมและกันนะ

    ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตอนนี้มากๆ

    #เม้นมากกำลังใจมากอัพมากนะ อิอิ


    Guardian
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×