ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [IKON] "HOODWINK" DoubleB&Junjin

    ลำดับตอนที่ #11 : file09 :: runaway [100%] + สอบถามการรวมเล่ม

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 58





    I wish that when I wake up you're there
    To wrap your arms around me for real
    And tell me you'll stay by side




     

    CHANWOO’s SIDE

     

                “ซงยุนฮยองอยู่ที่ไหน?” นั่นเป็นคำถามแรกที่ผมรีบถามทันทีที่ผู้คุมที่มาส่งตัวผมเดินออกจากห้องไป

                เมื่อราวๆครึ่งชั่วโมงก่อน ผมโดนปลุกขึ้นมาและพาตัวมาที่นี่ ห้อองทำงานของหมอที่ผมรอคอยที่จะพบมาตลอดวัน

                คิม บ๊อบบี้

     

    “นายเองน่ะหรอที่ทำให้หมอคนนั้นคลั่งจนโพล่มา แถมยังทำตารางงานฉันเปลี่ยนด้วย” เขาตอบกลับมาและมองกลับมาที่ผมด้วยสายตากึ่งขำขัน มันออกไปทางเหยียดๆมากกว่า

     

                “ผมไม่เข้าใจ”

    ใครคือหมอคนนั้นที่เขาพูดถึง?

     

                “ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าดูเหมือนซงยุนฮยองจะให้ความสำคัญกับนายเหลือเกินนะ”

     

                “ผมแค่อยากรู้แค่ว่ายุนฮยองไปไหน” ผมพูดย้ำสิ่งที่อยู่ในใจของตัวเอง

     

                “กลับไปในที่ๆเขาควรอยู่ เขาพลาดให้กูจุนฮเวสงสัย เขาอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้หรอก”

     

                “...”

     

                “หมอที่ชื่อจินฮยองอะไรนั่น เขาเข้ามาป่วนการทดลองฉัน แล้วก็พาซงยุนฮยองลาออกไปด้วยกัน เขามาตามคนของเขากลับไปแล้ว”

     

                “หมองั้นหรอ?”

     

                “ใช่ หมอจอง จินฮยอง.. รู้สึกเหมือน...พวกเขาจะเป็นคู่หมั้นกันนะ

                สิ่งที่หลุดออกมาจากปากของคนตรงหน้าทำให้ใจผมกระตุกวูบไปชั่วขณะ

                ยุนฮยอง... คู่หมั้น? มันคืออะไรกันแน่?

                “หยุดก่อน...คู่หมั้น? ใครกับใครนะ”

     

                “เฮ้ นายคงไม่คิดหรอกใช่ไม๊ว่ายุนฮยองจะจริงจังกับนายน่ะ หึ?”

     

                “...”

     

    ความจริงที่เขาพูดออกมาทำให้ผมสะอึก มันตอกย้ำผมจนรู้สึกเจ็บขึ้นมา

    คนอย่างยุนฮยองน่ะหรอจะจริงจังกับคนไข้กึ่งนักโทษแบบเขาจริงๆ คงไม่แปลกหรอมั้งถ้าเขาจะมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ถึงในใจจะรู้ดีแต่ยังไงมันก็ยากที่จะทำใจให้ยอมรับอยู่ดี

    คงเป็นเพราะตัวเองนั้นรู้ดีว่าผมนั้นไม่ได้คิดกับอีกฝ่ายแบบพี่ชายมานานมากเกินว่าจะเปลี่ยนความรู้สึกไปเป็นอย่างอื่นแล้ว

     

                “ถึงอย่างนั้นนายก็ควรดีใจนะ เพราะเขายังทิ้งนี่เอาไว้ให้นาย J

     

                เขาเลื่อนซองเอกสารบางอย่างให้ผม

    มันเป็นซองพลาสติกสีขาวทึบ ผมเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆแกะเชือกที่ใข้ปิดซองนั้นอยู่อย่างระมัดระวัง

     

                ของที่อยู่ในนี้...มันคือ พาสปอร์ตกับบัตรประชาชนปลอม บัตรATM พร้อมกับตั๋วเครื่องบิน

     

                “ของพวกนี้สั่งทำอย่างดีไม่ใครจับได้แน่นอน นายควรออกไปจากที่นี่ก่อนมะรืนนะ ตั๋วนั้นจะบินอีกสี่วัน จากที่นี่ไปโซลน่ะ ไม่ได้ไปง่ายๆ”

     

                ผมก้มอ่านรายละเอียดในนั้น มันเป็นตั๋วเครื่องบินขาเดียวไปฮ่องกง และก็แนบมากับจดหมายฉบับหนึ่งที่ผมยังไม่กล้าจะเปิดอ่านตอนนี้

                ซงยุนฮยองต้องการให้ผมหนีจริงๆสินะ

                แล้วเขาทำเรื่องทั้งหมดนี่ขึ้นมาได้ยังไง?

               

                สิ่งเดียวที่พอจะให้คำตอบกับคำถามที่ผมตั้งขึ้นมาได้... ยุนฮยองคงไม่ใช่ผู้คุมธรรมดาๆโลว์โปรไฟล์เหมือนที่ผมรู้อีกต่อไป

     

                “แล้วก็ของขวัญจากฉัน...เผื่อนายอยากจะเจอซงยุนฮยองก่อนหน้าที่จะไป นี่ที่อยู่กับเบอร์โทรของเขา”

                “ทำไมคุณถึงให้ผม?”

                “โอกาสปั่นหัวจองจินฮยองลอยมาตรงหน้าทันที ฉันจะพลาดได้ยังไง หมอนั่นเล่นฉันไว้แสบ”

                “....”

     

    จอง จินฮยองอีกแล้ว

                คู่หมั้นของยุนฮยอง

     

                “นายทำความสัมพันธ์ของพวกนั้นย่ำแย่นะรู้ไม๊ ไม่อย่างนั้นไอ้จินฮยองนั่นไม่บุกเข้ามาป่วนคนของฉันถึงห้องแล็บเพราะเขานึกว่าคนของฉันเป็นคนรักกับนายหรอก หมอนั่นมีตรรกะเพี้ยนๆ เขาคิดว่านายกับฮันบินเป็นคนรักกัน เขาคิดว่าถ้าทำการทดลองของฉันล้มเหลวแล้วล่ะก็ ฮันบินจะถูกส่งตัวกลับไปหานายที่ใต้ดิน”

                “อะไรนะ...”

                “ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่า นายเอาของพวกนี้ไป อ๋อ ชุดของนายอยู่ใต้ถังขยะสีน้ำเงินหน้าปั๊มน้ำมันที่อยู่ห่างออกไปจากที่นี่ราวๆไมล์นึง ถ้านายหลุดจากตรงนั้นไปได้ก็น่าจะรอด ในนั้นจะมีเงินสดอีกนิดหน่อยด้วย”

                “ทำไมคุณถึงทำเรื่องพวกนี้ให้ผม ไม่สิ ให้ยุนฮยอง”

     

     

     

     

     

                “นายคิดว่ามีนายคนเดียวรึไงที่ซงยุนฮยองนอนด้วย”

              “ว่าไงนะ?!

     

                “ล้อเล่นน่า เห็นนายทำหน้าอย่างงั้นแล้วมันตลกดี ฉันกับเขาเราทำธุรกิจอะไรเล็กๆน้อยๆร่วมกันนิดหน่อย ไม่ได้สำคัญอะไรหรอก”

                บ๊อบบี้ตอบอย่างสบายๆ

                  “..แล้วจะหนียังไง”

                “ทางหนีไฟอยู่ตรงข้ามกับห้องฉัน โอกาสสองครั้ง นายจะมาที่ห้องนี้วันพรุ่งนี้กับมะรืนนี้ เลือกเอาแล้วกันว่าจะเอายังไงก็แล้วแต่นาย ฉันจะปล่อยนายออกจาห้องนี้ง่ายๆ แต่หลังจากนั้นนายต้องพึ่งตัวเองแล้วล่ะ”

     

                พรุ่งนี้...กับมะรืนงั้นหรอ?

     

                ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร จู่ๆเสียงหวอก็ดังขึ้นมา

                สีหน้าของคนตรงหน้าของผมเปลี่ยนไปทันที เขารีบหันไปมองที่มือถือของตัวเองที่มีแจ้งเตือนขึ้นมา

     

              “Damn it!

                “เกิดอะไรขึ้น”

                “รีบหนีไปซะ ตอนนี้เลย เร็วๆด้วย” เขาหันมาพูดก่อนจะเปิดดลิ้นชักโต๊ะทำงาน คว้าปืนออกมาแล้วพรวดพราดออกไปทันที

               

     

                เหตุการณ์ที่พึ่งผ่านเข้ามาทำให้ผมได้แต่นิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่ซักพัก ก่อนจะรีบโกยของตรงหน้าเมื่อตั้งสติได้ หันไปรอบๆก่อนจะหันไปเจอกระเป๋าเป้และเสื้อกาวน์ที่ถูกทิ้งไว้ที่เก้าอี้

                ผมรีบจัดการเทของที่อยู่ในนั้นออกมาก่อนจะเอาซองนั้นใส่ลงไปแทนที่ เอาเสื้อกาวน์มาสวมทับเสื้อนักโทษของตัวเองและก่อนที่จะได้ทำอะไร ผมก็หันไปเห็นปืนอีกกระบอกที่ถูกวางไว้ในลิ้นชั้นที่เปิดทิ้งไว้

     

                ผมยิงปืนไม่เป็นหรอก เกิดมาเคยเห็นมันไม่ถึงสิบครั้งด้วยซ้ำ แต่ถ้ามันไปด้วยก็คงป้องกันตัวได้มากขึ้น

    ผมกัดปากตัวเอง กลอกตาไปมาอย่างลำบากใจอยุ่ชั่วครู่ ก่อนจะคว้าเอาปืนกระบอกนั้นมา และรีบพุ่งตัวไปยังประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้

     

                ตรงทางเดินที่เคยมีผู้คุมยืนอยู่บ้าง ตอนนี้ร้างผู้คนซะแล้ว ผมมองไปรอบๆอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นประตูทางหนีไฟที่อยู่ใกล้ๆ

     

                ผมตรงไปตามทางหนีไฟ ถ้าจำไม่ผิดนี่คือชั้นห้า  ทางออกที่นี่คือชั้นหนึ่ง...

    สองขาวิ่งลงไปตามบันไดเร็วที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้  จนกระทั่งจนเมื่อใกล้จะถึงชั้น1

    ผมชะลอควาเร็วตัวเองลงก่อนจะค่อยๆเดินเลียบผนังเข้าไป มองลอดประตูที่ถูกแง้มไว้นิดหน่อย ก่อนจะพบว่ามันเต็มไปด้วยใครก็ไม่รู้เต็มไปหมด

     

                ให้ตายเถอะ คนเยอะขนาดนี้ผมจะออกไปได้ยังไง

     

    ผมเลือกที่จะวิ่งกลับขึ้นไปที่ชั้นสอง หยุดลงที่หน้าประตู ปลดสลักปืนในมือออก

     

                โอเค... ถ้าออกไปทางนี้ รีบหาหน้าต่างซักบานแล้วกระโดดออกไป

    นั่นเป็นแผนบ้าๆที่ผุดขึ้นมาในหัวผม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้จับลูกบิดประตู จู่ๆมันก็ถูกเปิดโดยใครบางคนซะก่อน

     

                ผมรีบยกปืนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ และเกือบจะยิงออกไปแล้วหน้าไม่เห็นใบหน้าของเขาคนนั้นซะก่อน

                ใบหน้าที่คุ้นเคยทำให้ผมขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ

     

     

     

     

     

                คิมฮันบินมาทำอะไรที่นี่?

     


     


    30%

     

     

     ( 15 นาทีก่อนหน้า )

     

    ผมหรี่ตาแอบมองพยายามบาลสาวกำลังจะเข้ามาฉีดยาผมและพบว่ายานั้นแตกอยู่ที่พื้นเป็นที่เรียบร้อย

    เธอทำหน้าสงสัยอยู่ซักพัก แต่ดูเหมือนจะไม่ได้เอะใจอะไรมากและ วางถอดที่ถือมาลงกับโต๊ะ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนี้อีกครั้ง

     

    ผมคิดว่าเธอกำลังจะไปหยิบยาขวดใหม่มา

                ตามรายละเอียดของโรงพยาบาลนี้ที่ถูกเขียนอยู่ในสมุดที่ผมอ่าน จุดที่ผมอยู่เรียกว่า ‘โซนควบคุมพิเศษ’ โซนนี้จะมีเฉพาะพยาบาลระดับสูงเท่านั้นที่เข้ามาคุมในวันปกติทั่วๆไป แต่ถ้าหากวันไหนมีการผ่าตัดผู้ป่วยถึงจะถูกย้ายไปในห้องผ่าตัดพิเศษ

     

                และพยาบาลพิเศษนั้นจะมีอยู่แค่ 3 คนเท่านั้น โดยเฉพาะเวลาดึกๆอย่างนี้จะเหลือเพียงแค่ 2 คน หรือ 1 คนเท่านั้น...

     

     

                พยาบาล1คนกำลังออกไปเอายาที่โซนเก็บยาที่อยู่ห่างไปค่อนข้างมาก....ถ้าผมโชคดีก็จะไม่มีใครเหลือในโซนนี้เลย

                แต่ถ้าโชคร้ายนั่นมันก็อีกเรื่อง

     

     

                ผมค่อยๆก้าวลงจากเตียงที่นอนอยู่ก่อนจะตรงไปยังประตูอย่างรวดเร็ว

                พอผมเดินออกมาก็พบว่าผมคงยังพอจะมีโชคอยู่ซะด้วยเพราะไม่มีใครอยู่เลย บรรยาศร้างๆในเวลากลางคืนแบบนี้น่าขนลุกอยู่ไม่น้อย

                หลังจากผมออกกมาจากห้องที่อยู่ ผมก็โพล่มาที่ห้องโถงอีกห้อง ห้องนี้เป็นห้องว่างๆที่มีเคาน์เตอร์ใส่ยาขนาดกลางตั้งอยู่ และมีประตูไปยังห้องพักของผู้ป่วยคนอื่นๆ ทางออกทางเดียวซื่งภายนอกน่าจะมีการ์ดอยู่มากโข...

     

     

    ผมควรทำอะไรก่อนดีนะ?

                ผมเดินจนทั่วแต่ท้ายสุดก็ไม่เจอทางออกนอกจากลิฟท์ตัวนึงที่ด้านหลังโซน ในสมุดเล่มนั้นไม่ได้เขียนอะไรเกี่ยวกับสิ่งนี้ไว้เลยซักนิด

                ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้จะพาผมไปเจออะไรกันแน่...ผมไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าถ้าผมจะต้องเสี่ยง ถ้าผิดแผน จุดจบของผมก็คงไม่ได้ทำให้ผมเจ็บปวดไปกว่านี้มากไปซักเท่าไหร่

     

     

                ร่างกายประหลาดๆนี้กับหัวใจที่บิดเบี้ยว....คงไม่สามารถทำอะไรให้มันเจ็บปวดได้มากกว่านี้เท่าไหร่

     

     

                และอีกอย่าง ผมต้องรีบตัดสินใจก่อนที่พยาบาลคนนั้นจะกลับมาด้วย ผมรีบกดเปิดลิฟท์ก่อนที่มันจะเปิดช้าๆ...

     

                หากผมต้องการหนีอาจจะต้องไปชั้น1 ที่มีทางออกสู่นอกโรงพยาบาล

                แต่แน่นอน มันต้องมีการ์ดหรือพวกผู้คุมเยอะแน่ๆ นั่นทำให้ผมถอนหายใจออกมา ตอนนี้ผมไม่มีอะไรติดตัวมาซักอย่าง ผมเลือกที่จะกดลิฟท์ไปที่ชั้นสองก่อน ถ้าระวังๆดีๆ บางทีผมอาจจะหาทางออกไปจากที่นี่ได้

     

                ผมกดปุ่มลงไปที่ชั้นสอง... ทุกครั้งๆที่ตัวเลขลดลง มันเหมือนจะทำให้ผมหัวใจวายได้

                ทั้งกลัวว่ามันจะหยุดเพื่อเปิดรับใคร และกลัวสิ่งที่กำลังจะเจอ

     

                ผมเคยพยายามหนีออกจากที่นี่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งมันจบไม่สวยงามเท่าไหร่นักในความทรงจำอันเลือนลางของผม แต่ครั้งนี้ผมกำลังเข้าใกล้อิสระมากกว่าครั้งไหนๆ

     

                เท่าที่ความทรงจำผมจะเหลืออยู่ ผู้คุมของที่นี้พกอาวุธคือปืน..แต่ไม่มีสิทธิ์จะยิงนักโทษถึงตาย  ยิงให้บาดเจ็บแค่ไหนก็ได้แต่ต้องไม่ตาย...หรือถ้าโดนยิงเข้าจริงๆ ยังไงที่นี่คงสามารถรักษาให้หายได้อยู่ดี

     

     

    เป็นว่ายังไงผมก็จะไม่ตาย... ว่าาแต่น่ามันเบาใจหรือยิ่งหนักใจกันกว่าเดิมแน่นะ?

    ลมหายใจที่เริ่มติดขัดเพราะความกลัวทำให้ผมเสียกำลังใจไปชั่วขณะ เอื้อมมือไปกดให้ลิฟท์ปิดค้างไว้เมื่อถึงชั้นที่ต้องการ พยายามรวบรวมสติของตัวเองกลับมา

     

                ผมค่อยๆปล่อยนิ้วที่กดปุ่มค้างไว้ก่อนจะเริ่มออกก่อนที่ประตูจะค่อยๆเปิดออก...

               

                ผมค่อยๆก้าวออกจากลิฟท์อย่างระมัดระวังและมองสำรวจไปรอบๆ...

     

     

     

              แต่จู่ๆเสียงเตือนภัยดันดังขึ้นก่อน!!!

     

     

                พวกเขารู้ตัวแล้ว! และเพียงกี่วินาทีต่อมาก็มีเสียงประกาศให้ผู้คุมออกตามหาผมทันที พร้อมกับไฟฉุกเฉินสีแดงที่ถูกเปิด

                บ้าจริง..

     

     

    สองขาของผมเริ่มออกวิ่งอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ไม่รู้ว่าต้องวิ่งไปทางไหน...เพียงแค่แป็บเดียวเท่านั้นผมก็ได้ยินเสียงของผู้คุมวิ่งตามมาติดๆ...

                ผมเร่งความเร็วแต่ดูเหมือนจะไม่พอเพราะเสียงนั้นดังเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆจนกระทั่งเมื่อหันหลังไปก็เจอเข้ากับกลุ่มผู้คุมนับสิบ

                ผมเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก..

     

    ปัง!

     

     

     

                เสียงปืนดังขึ้นพร้อมๆกับความรู้สึกเจ็บที่แขนขวา พวกเขายิงผมแล้ว

    และเสียงปืนก็ยังคงดังต่อไปโดยที่กระสุนเหล่านั้นมักไม่ค่อยโดนผมหรือไม่ก็เฉี่ยวๆไป

     

                ผมเลี้ยวทันที่เจอทางแยกก่อนจะพยายามเลี้ยวไปทุกๆครั้งเพื่อสลัดพวกผู้คุมให้หลุด แต่เมื่อผ่านมาได้ซักพักก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดมากๆเมื่อมาเจอทางตัน...

                ผมหันไปมองประตูทางหนีไฟก่อนจะรีบเปิดเข้าไป

               

                หัวใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มมือเจอปืนจ่อเข้าที่หน้าแบบระยะประชิด

                และในวินาทีต่อมาก็ประมวลผลได้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นจองชานอู

     

                “นายมาอยู่นี่ได้ยังไง?” ผมถามออกไปเมื่อชานอูเริ่มลดปืนในมือลง

               

                “ผมหนีมาจากชั้นห้า พี่โดนยิง?”

                “โอเค ดูเหมือนตอนนี้นายกับฉันจะตกอยู่ในสถาณการณ์เดียวกัน ไม่มีเวลาแล้ว ขึ้นไปเร็ว ผู้คุมตามฉันมาเป็นพรวนเลย”  ผมรีบพูดก่อนจะหันไปล็อคประตูหนีไฟเอาไว้

     

                มันน่าจะถ่วงเวลาให้ผมได้ซักพักแหละน่า

                ผมรีบตามชานอูที่วิ่งนำขึ้นไปก่อน

     

                “แผนพี่คืออะไร”

                “....ไม่มี นายล่ะ”

                “ตอนแรกผมคิดว่าจะกระโดดออกจากหน้าต่างชั้นสอง”

                “งั้นก็กระโดดมันชั้นนี้แหละ”

                “พี่จะบ้าหรอ จากชั้นนี้มีหวังตายแน่ๆ ถ้าไม่คอหักตายก็ขาหักวิ่งต่อไม่ได้หรอก”

                “ปีกตะวันออกด้านหลังของที่นี่ติดกับสระน้ำ ถ้าเรากระโดดลงไปตรงนั้นน่าจะรอด”

     

                ชานอูหันมาหยักหน้า ผมปล่อยให้เขานำต่อ เขามีปืนในมือ ยังไงถ้าเจออะไรเขาน่าจะพอทำอะไรได้ดีกว่าผม

                “นายยิงเป็นใช่ไม๊”

                “จับปืนครั้งแรก พี่คิดว่าผมยิงเป็นไม๊ล่ะ เราอยู่ค่อนมาทางปีตะวันออกนะ ผมคิดว่าหน้าต่างที่เจอกับสระน้ำน่าจะอยู่ไม่ไกล”

                โอเค... นี่มันเอาคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่สองคนมารวมกันชัดๆ ผมเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูทางออกชั้นสาม หันไปมองให้สัญญาณก่อนจะผลักมันออกไป

                และเมื่อมองออกไปก็พบว่าตรงที่ผมออกมากันนั้นค่อนข้างปลอดคน แต่เสียงเตือนภัยยังคงดังอยู่ และยังได้ยินเสียงคนวิ่งอยู่ไกลๆ

     

     

                “รีบเถอะ”

                ชานอูเป็นคนนำออกไปก่อน พวกเราตัดสินใจจะวิ่งกัน แต่ไม่ได้วิ่งเร็วมาก เราต้องการให้เสียงเบาที่สุด

                พวกผมเดินจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่หน้ากระจกบานนึง ภาพนอกน้าต่างนั้นทำให้หัวใจของผมเต้นเร็วขึ้นด้วยความดีใจ

     

     

                มันเป็นสระน้ำขนาดใหญ่พอสมควรและเชื่อมไปยังป่าหลังโรงพยาบาล

                โรงพยาบาลนี้ตั้งอยู่ไกลออกมาจากตัวเมืองมาก มันตั้งอยู่ชายขอบป่า เพื่อให้ไกลจากชุมชน

     

     

                ถ้าเข้าไปในป่านั้นได้ ก็พอจะมีหวังในการหนีมากขึ้น

                ถ้าออกไปได้ก็เหมือนออกจากที่นี่ไปได้ครึ่งตัวแล้ว

               

                ชานอูส่งปืนมาให้ผมก่อนจะรีบเปิดหน้าต่างบานนั้นออก

                “นายไปก่อนเลย” ผมพูดก่อนจะยกปืนขึ้นส่องไปตามทางเดินที่เริ่มมีเสีบงคนแว่วๆมา

                “รีบตามมาแล้วกัน”  ชานอูหันมาพูดกับผม เขาปีนขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่าง นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะทิ้งตัวลงไปสู่ผืนน้ำในจังหวะเดียวกับที่เสียงปืนดังขึ้น

               

                พวกเขามาแล้ว  

     

                ผมหันปืนไปตามต้นเสียงก่อนจะพบผู้คุมนับสิบคนที่กำลังตรงมาอย่างเร็ว

     

     

                นิ้วของผมกระชับไกปืนแน่น

                ก่อนจะกดลงปล่อยกระสุนปืนตอบกลับไปบ้าง แรงดันปืนเกือบทำให้ผมปล่อยปืนลงพื้น โชคดีที่ยังพอจะมีสติที่จะกำมันไว้

                ผมมีเวลาหันไปมองว่าชานอูว่ายหลบไปจากตรงที่ผมจะกระโดดออกไปรึยัง ผมรีบปีนขึ้นไปที่หน้าต่างอย่างรวดเร็วท่ามกลางกระสุนปืนที่ถูกยิงมาเรื่อยๆ

     

     

                ไม่มีเวลาให้ลังเล ผมผลักตัวเองลงจากหน้าต่าง ร่วงลงสู่ผืนน้ำตรงหน้า

                มันให้ความรู้สึกดีและกลัวประหลาด ชั่วขณะนึงมันเหมือนผมกำลังบินอยู่บนอากาศ แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนที่ร่างกายจะสัมผัสผืนน้ำ ความเจ็บปวดบางอย่างที่แล่นขึ้นมาจากต้นขา...

     

                ผมโดนยิงอีกนัดเข้าที่ขาข้างขวา

                น้ำเย็นๆที่ถูกปะทะเข้ามาทั้งร่างกายทำให้ร่างกายของผมชาไปทั้งตัว

                ชาจนไม่มีแม้กระทั่งแรงจะช่วยพยุงตัวเองให้ลอยขึ้น

     

                ผมกำลังจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับกระสุนหลายสิบนัดที่ยังถูกส่งตามลงมาให้ได้ยินเสียงติดต่อกัน

                แว๊บนึงในหัวของผมกำลังนึกภาพความตายที่เรียบง่าย จนกระทั่งมือถูกดึงแรงๆจากชานอูที่อยู่ในน้ำมาก่อนแล้ว

     

     

                เพราะชานอูทำให้ผมลืมตาขึ้นอีกรอบ ก่อนจะพยายามว่ายตามแรงดึงของอีกคนเข้าใกล้ฝั่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

                ชานอูพยายามลากผมขึ้นฝั่งอย่างทุลักทุเล ขาของผมแทบจะใช้การไม่ได้ไปแล้วข้างนึง ส่วนแผลที่แขนก็ยังเลือดไหลไม่หยุด

                ชานอูเอาแขนผมพาดคอของเขาเอาไว้ เพราะความสูงที่มากกว่ามันเลยยิ่งทำให้ทุกอย่างดูลำบากเข้าไปอีก คนที่อยู่ด้านบนยังคงยิงมาไม่หยุด

                ผมเห็นกระสุนฝังลงไปที่แขนซ้ายของชานอู แต่เขาก็ยังพยายามพยุงผมวิ่งเข้าไปจนเข้าเขตป่าที่พอจะมีต้นไม้อำพรางพวกเราได้

     

     

                สภาพที่สะบักสะบอมทำให้ผมรู้สึกผิดต่อชานอู ตอนนี้พวกเราทั้งคู่เปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมยังมีแผลถูกยิง และป่านนี้เขาน่าจะหนีไปได้ไกลแล้วถ้าไม่ช่วยผมเอาไว้

                “ไ..ไม่ไหวแล้ว ขอพักแป๊บนึง” ผมพูดออกไป

                “พวกเขากำลังตามมานะพี่” ชานอูหันมาพูดกับผมอย่างกังวลแต่ก็หยุดและค่อยๆพยุงให้ผมนั่งลงที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง

                “ทิ้งฉันไว้นี่แหละ ฉันไปมากกว่านี้ไม่ไหวหรอก” ผมพูดพลางเหลือบไปมองด้านหลังที่เริ่มมีเสียงคนวิ่งตามมา

                “ถ้าผมทำอย่างนั้น ผมจะต่างกับคนพวกนั้นตรงไหน”

                “ขอร้อง รีบไป ตามคนมาก็ได้ แต่ถ้านายยังอยู่ตรงนี้เราจะโดนจับกลับไปทั้งคู่นะ”ผมพูดก่อนจะยัดปืนใส่มือเขา

     

                ชานอูทำหน้าลังเลอยู่หลายอึดใจ ก่อนจะเขาจะย่อลงมาหาผมเมื่อเสียงเอะอะจากพวกผู้คุมเริ่มดังใกล้เข้ามา เขาส่งปืนกลับมาให้ผม

                “พี่เก็บไว้เถอะ ผมจะพยายามหาคนมาช่วยนะ”เขาพุดก่อนจะวิ่งออกไป

                เเต่เป็นผมเอื้อมมือไปจับชานเสื้อเข้าไว้... ผมมีอะไรบางอย่างที่ต้องการจะพูดกับเขาเป็นอย่างสุดท้าย

     

     

                “ใช้ชีวิตเผื่อฉันด้วย”

     

     

     

                ผมค่อยๆหลับตาลงช้าๆ

                ความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาจากทุดทิศทางทำให้ผมเหยีดยิ้มออกมา

    ไม่มีอะไรที่ผมจะทำได้อีกแล้ว

    มันคงจะดีถ้าแค่ผมตายๆไปซะตั้งแต่ตอนนี้

     

                ผมค่อยๆยกปืนขึ้นมาจ่อเข้าที่หัวของตัวเอง สูดหายใจเข้าลึกๆ

    มือของผมสั่นไปหมด... ซึ่งจริงๆก็ไม่แน่ใจหรอกว่ามันเป็นเพราะความหนาวเย็นหรือเป็นเพราะจริงๆผมกำลังกลัวอยู่กันแน่

                ตอนแรกผมนึกว่ามันจะเลือกง่ายกว่านี้ซะอีก แต่พอกลับเข้าจริงๆแล้ว ผมในใจผมกลับกลัวขึ้นมาซะอย่างนั้น

     

                ภาพในอดีตเหมือนจะไหลเข้ามาในหัวอย่างต่อเนื่องจนผมจับต้นชนปลายไม่ถูก...

                นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของผมในการเลือก... เลือกระหว่างกลับไปติดเป็นหนูทดลองในโรงพยาลบ้าๆนั่นต่อ  หรือว่าแค่ยอมกลั้นใจลั่นไกใส่ตัวเองซะ

     

     

     

                โอกาสุดท้ายที่จะได้จบชีวิตตัวเองลง

                บางทีถ้าชาติหน้ามีจริงผมอาจจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้....

               

               

               

     

                ลาก่อนลอว์ไลท์

                ลาก่อนคิมจีวอน

                ลาก่อนคิมฮันบิน

     

     

     

     

                ปัง!

     

     
    TBC.

     

     

     

     





    TALK

    ตอนนี้เเต่งมันส์สุดในบรรดาทุกตอนเเละค่ะบอกเลย 
    เรื่องฆ่าๆฟันๆนี่ถนัด #ผิดๆ 
    ปล่อยฮันบินกะชานอูวิ่งสู้ฟัดกันไปนะตอนนี้ ส่วนจุนจินเอาไว้ตอนหน้าจะพามาสวีทกันต่อ orz.

    เรื่องยังไม่จบอย่าพึ่งนับศพตัวละครกันนะ อิอิ


    วันนี้มีเรื่องจะมาถามทุกคนด้วย .____.
    ว่าด้วยการรวมเล่มฟิคค่ะ ถถถถถ
    เรารู้ว่าทุกคนเเกลบ.... ช่วงนี้ฟิคหลายเรื่องกระหน่ำกันเปิดจองมาก...
    เราเลยเเค่อยากถามไว้ก่อนว่าจะมีคนสนใจกันประมาณกี่คน เเต่คงยังไม่ได้จะเปิดจองในเดือนนี้
    ใครสนใจฝากทำเเบบสอบถามกันด้วยนะคะ ถ้ามีความคืบหน้ายังไงจะมาเเจ้งอีกที 
    https://goo.gl/j7qAkD 

    เม้น& #ฟิคลวงดบบ ด้วยนะคะะ


     


    @SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×