ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {SF/OS} IKON/WIN by KIWI's [NOW::BJIN]

    ลำดับตอนที่ #11 : BJIN - Silence [DRAMA]

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 57


     

     

    .Silence.

    Skies are crying I am watching Catching teardrops in my hands 
    Only silence as it's ending, like we never had a chance
    Do you have to make me feel like there is nothing left of me?

     

     

     

     

     

    หนาว...

    ชายหนุ่มร่างสูงค่อยๆก้าวลงจากรถอย่างเชื่องช้า...วันนี้เป็นอีกวันที่น่าเบื่อเหมือนเคย...

    ก็แค่ทำงาน...แล้วก็กลับบ้าน เหมือนอย่างทุกวัน

     

    ชายหนุ่มก้าวเท้าไปยังประตูบ้านอย่างรวดเร็ว...อยากนอนจะแย่...

     

     

    ว่าแต่...อ้ะ??...นั่นใครนะ??

     

    ฮันบินจ้องมองไปยังร่างเล็กๆที่นั่งหลับพิงประตูบ้านอยู่...และ มันจะไม่แปลกเท่านี้ถ้าคนคนนี้ไม่ใช่ คิมจินฮวาน.. คนรักของเขา ที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน

     

    ทำไมถึงจินฮวานมานอนอยู่ตรงนี้??? นี้มันเกือบจะ 3 ทุ่ม แถมอากาศก็เย็นอย่างนี้???

     

    “พี่!?”ร่างสูงเรียกคนตรงหน้าเบาๆ

     

    “อะ...อื้อ..” และในวินาทีต่อมาจินฮวานก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ

     

    ลมหนาวทำให้ริมฝีปากของร่างเล็กกลายเป็นสีม่วงช้ำ ใบหน้าสีแดงแต่กลับแห้งทั้งๆที่ปกติเขาจะดูแลตัวเองอยู่เสมอ..

     

    “ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะครับ นอนมานานรึยัง เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ป่วยหรอก....”

    “..ลืมกระเป๋าไว้ที่ทำงาน น้ำมันรถก็หมดแล้ว มีแต่มือถือเครื่องเดียว...โทรไปนายไม่รับ..นึกว่าจะกลับเร็วเลยนั่งรออยู่”

     

    ฮันบินถึงกับชะงักไปชั่วครู่เอได้ยินจินฮวานพูดก่อนจะเราจะรีบช่วยพยุงจินฮวานที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้น พร้อมกับถอดเสื้อโค้ตตัวนอกของตัวเองมาสวมให้จินฮวาน

    เขาเป็นคนเลือกที่จะไม่รับสายจินฮวานเอง... เพราะเขาไม่อยากจะคุยกับร่างเล็กตอนนั้น...

     

     “ขอโทษนะครับ...”

    “ไม่เป็นไรหรอก นายคงยุ่ง”

     

    เขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกผิดที่เอ่อล้นขึ้นมาเต็มไปหมด...

    ฮันบินมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นกำลังสั่นระริก น้ำตาที่เหมือนจะเอ่อคลอ...แต่เขาสุดท้ายเขากลับเลือกที่จะแค่ปล่อยมันไป...แค่นั้น ไม่อยากจะเอ่ยอะไรขึ้นมาให้ทะเลาะกัน...

     

    แค่ความคิดของคนโง่ๆที่คิดว่ายังไงจินฮวานก็จะยังอยู่กับเขา...ไม่ว่านานเท่าไหร่

    โดยไม่รู้ว่าต่อไป มันอาจจะไม่เหลืออะไรอีก

     

     

     

    ท่ามกลางลมหนาวของฤดูหนาวที่กำลังเข้ามาเยือน....

    ความรักกำลังถูกพัดผ่านไป...

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

    2อาทิตย์ต่อมา

    “อาทิตย์หน้าพวกดงฮยอกชวนไปกินข้าวที่คอนโด จะไปไม๊??....”จินฮวานว่าก่อนจะทรุดนั่งลงข้างๆฮันบินที่นั่งดูข่าวภาคดึกอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่

    ในบ้านของทั้งสองคน..

    ไม่น่าเชื่อว่านับเวลาดูๆแล้ว เขากับฮันบินอยู่ด้วยกันมานานเหมือนกันนะ...

    3ปีได้แล้วมั้ง

     

    “ผมไม่น่าจะว่างนะครับ...พี่ไปเถอะ”

    “อืม...”

    “....”

    “....”

    จู่ๆก็มีแต่เสียงทีวีที่เปิดไว้เท่านั้นที่ดังท่ามกลางบรรยากาศที่น่าอึดอัดระหว่างคนสองคน

    ทั้งๆที่แต่ก่อนออกจะ...สนิทกันแท้ๆ แต่ทำไมพอเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆทุกอย่างมันถึงมาเป็นอย่างทุกวันนี้???

     

     

    เขากับฮันบินคบกันตั้งแต่ตอนที่เขาเรียนมหาลัยปี3และฮันบินเรียนปี1

    ช่วงปีแรกที่คบกันทั้งสองแทบไม่เคยแยกจากกัน ทั้งๆที่เรียนคนละคณะแต่กลับมาโรงเรียนพร้อมกัน นั่งกินข้าวด้วยกันบ่อย กลับบ้านพร้อมกัน

    แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเข้าปีที่2 ทุกอย่างเริ่มแย่ลง ทั้งเขาและฮันบินต่างมันแต่ยุ่งกับการเรียนมาก ถึงจะพยายามยื้อกันเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ต้องเลิกกันไป

    ด้วบเหตุผลสุดทั่วๆไปอย่าง ไม่มีเวลาให้กัน

    และฮันบินก็ฝากรอยแผลที่ไม่มีวันลืมให้เขา คงจะเป็นเพราะเขารักคนคนนี้มาก ถึงแม้มันจะไม่ได้จบแย่อะไรขนาดนั้นแต่สุดท้ายเขาก็ใช้เวลานานอยู่ดีกว่าจะลืม

     

    เขาแยกกับฮันบินจนกระทั่งราวๆอีก2ปีต่อมาก็ได้มาเจอกันโดยบังเอิญ... พอได้คุยกัน อะไรๆมันก็เริ่จะกลับมาอีกครั้ง...

    เมื่อเวลาผ่านไป...สุดท้ายความทรงจำก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

     

     

    พวกเขาตัดสินใจคบกันอีกครั้งเมื่อ3ปีก่อน และจินฮวานก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของฮับบินเมื่อกลับมาคบกันได้ราวๆครึ่งปี

    ทุกอย่างดูจะราบรื่นสวยงามไปหมด แต่เมื่อเข้าปีนี้กลับดิ่งลงเหวอีกครั้ง...

     

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทั้งสองคนโตขึ้น ต้องทำงานหนักมากขึ้น  ทำให้ทั้งสองห่างออกจากกันอีกครั้ง และคราวนี้ไม่มีการทะเลาะอะไรทั้งนั้น มีเพียงความเงียบเท่านั้น...

    เหมือนกับแก้วที่ร้าวจากภายใน....

     

    “ลืมจริงๆหรอ....?”จู่ๆจินฮวานก็ถามออกมาลอยๆ

    “ครับ....?????”

    “ถามว่าลืมวันนี้จริงๆใช่ไม๊?”

    “อะไรกันครับ..ผมงงไปหมดแล้ว...”

    “ช่างเถอะ...ไม่คาดหวังอะไรอยู่แล้ว โตๆกันแล้ว พี่ไปนะ วันนี้ไม่แน่ว่าอาจจะไม่กลับ” ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงประชดเล็กๆก่อนจะคว้าเป้ใบโปรดมาสะพายและเอาเสื้อกันหนาวมาคลุมตัวกและรีบลุกออกจากโซฟาที่นั่งอยู่ทั้งสองคน

    “อะไรพี่ มาคุยกันก่อนนะ!!!”ฮันบินตะโกนอย่างเริ่มฉุนก่อนจะคว้าข้อมือของร่างบางไว้

    เขาเกลียดคนไม่มีเหตุผลที่สุด และเขารู้ว่าจินฮวานก็รู้ดี

     

    “อะไรอีก !!???!!!

    “พี่มาอะไรใส่ผมเนี้ย? จู่ๆก็มาถามอะไรก็ไม่รู้ หัดมีเหตุผลซะบ้างสิ โกรธอะไรมากมาย ผมพึ่งกลับมาเหนื่อยๆนะ”

    “เหอะ...มีเหตุผลงั้นหรอ หึ! อยากทำอะไรก็ทำ พี่จะไปแล้ว”

    “สรุปพี่โกรธเรื่องอะไรกันแน่วะ”

    “ขึ้นวะ กับพี่แล้วหรอ?ห้ะ?! นายคิดซะก่อนจะว่าวันนี้วันอะไร...แล้วค่อยมาคุยกัน”จินฮวานว่าก่อนจะสะบัดมือหนาออกก่อนจะตรงไปที่ประตูและเดินออกไปทันที

    และในเสี้ยววินาทีที่ประตูกำลังตะปิดลง...ฮันบินเห็นน้ำตาที่เอ่อล้นของคิม จินฮวาน

    วันนี้วันอะไร??? ก็วันศุกร์ไง...? ทำไมมันมีอะไรงั้นหรอ

     

    ฮันบินคิดอย่างหัวเสีย

    ติ๊ดๆ...

    เสียงจากไอโฟนของร่างสูงดังขึ้นว่ามีข้อความเข้าทำให้ร่างสูงคว้ามือถือมาอ่านข้อความนั้นทันที

     

    เฮ้ยยยย ไอ้บิน ฝากอวยพร วันเกิด พี่จินฮวานด้วยนะเว้ย ลืมขอเบอร์ใหม่พี่เขา L บ๊อบบี้

     

    ไอ้เหี้ยเอ๊ย! วันนี้วันที่ 7 กุมภา ลืมได้ไงวะ!!!!

    แถมวันนี้ยังไม่ใช่แค่วันเกิดจินฮวานเท่านั้นแต่ยังเป็นวันที่เขาขอจินฮวานเป็นแฟนครั้งแรกด้วย!

    ดังนั้นคงไม่แปลกที่เจ้าตัวจะถามอย่างนั้น และเขาก็ดันไปตะคอกใส่จินฮวานอีก...

    โง่จริงๆเลย คิม ฮันบิน....!

    โง่ที่สุดเลย ไปทำอย่างงั้นกับเขาได้ยังไงนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

    23.50 น.

     

    วันนี้จินฮวานไม่กลับเหมือนอย่างที่เจ้าตัวบอกไว้

    ....ทั้งๆที่อุตส่าห์ออกไปซื้อเค้กเจ้าโปรดจินฮวานมา..แต่ก็นะ...ไม่แปลกเท่าไหร่หรอก เรื่องนี้เป็นเขาที่ผิดเองนี่น่า

     

    อีกแค่10นาทีเท่านั้น วันนี้ก็จะหมดไป

    และสุดท้ายฮันบินทำได้แค่ปล่อยให้เวลาไหลไปเรื่อยๆและนั่งนิ่งๆอยู่ตรงนี้

     

     

     

     

    แอด....

    เสียงประตูเปิดขึ้นเรียกความสนใจจากร่างสูงได้ดี และคนที่เดินเข้ามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน... แต่เป็นคนที่ฮันบินกำลังรอคอยอยู่พอดี

     “....”

    “...생일축하합니다 ( สุขสันต์วันเกิดนะครับ)” ร่างสูงพูดออกไปก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรง...

     

     

    นี่นายกำลังทำอะไรนะ? คิมฮันบิน? สะเหร่อเป็นบ้า

     

     

    “ขอบคุณนะ...แต่ช่างมันเถอะ”จินฮวานพูดด้วยน้ำเสียงสั่นครือเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าลงซ่อนน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่สวยอีกครั้ง...

     

    ทั้งๆที่ทำใจมาแล้วแท้ๆว่าจะไม่ร้องไห้ให้ฮันบินเห็น...

     

    “...ผมซื้อเค้กมา...อยากทานไม๊ครับ?”

    ฮันบินค่อยๆขยับเข้าใกล้ร่างเล็กก่อนจะโอบกอดร่างเล็กไว้หลวมๆ

    “อย่าร้องไห้นะครับ... ผมขอโทษ... พน.จะพาไปเลี้ยงอะไรอร่อยๆนะ”

    “ฮึก...ขอโทษ...ถ้า..ทำอะไรแย่ๆไป...ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ อย่า..อย่าทิ้งพี่ไปนะ...ขอร้องล่ะ อย่านะ ฮึก...อย่าลืมฉันนะ...” จินฮวานพูดไปสะอื้นไปก่อนจะซุกหน้าตัวเองลงบนแผ่นอกของฮันบิน

    “...ไม่ครับ ผมไม่ทิ้งพี่หรอก...”

     

     

     

    “ฉันรักนายนะฮันบิน ... รักมาก...”

    “ผมก็รักพี่เหมือนกัน...”

     

     

     

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

     

    กลิ่นของกาแฟอ่อนๆลอยมา ท่ามกลางไอแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาในห้อง

    “อ่ะ กาแฟ ^^”จินฮวานว่าก่อนจะยกวางกาแฟร้อนๆลงบนโต๊ะกินข้าวที่มีอาหารเช้าหน้าตาน่าทานจัดวางอยู่แล้ว โดยมีฮันบินนั่งอยู่ฝั่งนึงของโต๊ะ

     “วันนี้ผมรีบ....”

    “อ่า... ไม่เป็นไร ไปเลยก็ได้ เดี๋ยวพี่เอาไปเข้าตู้เย็นเลยและกันนะ...”จินฮวานว่าก่อนจะถอนหายใจเบาๆให้กับข้าวผัดที่ทำเองกับมือ

     

    ในเมื่อคนที่ทำกินเขารีบ ก็เข้าตู้เย็นไปและกันนะ

     

    พวกเขาไม่ใช่เด็กๆที่จะมานั่งงอนกันเพราะไม่ยอมกินข้าวเช้าหรอก เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยจะตาย เขาผิดเองที่ไม่ยอมถามให้ดีก่อน

     

    “วันนี้ผมอาจจะไปค้างบ้านออมม่านะ ไม่ได้เจอนานแล้ว”

    “ ฝากสวัสดีท่านด้วยนะ รีบไปไม่ใช่หรอ? เดี๋ยวก็สายหรอก”

    “เดี๋ยวกาแฟหมดผมก็จะไปแล้ว”

     

     

    ฮันบินมองไปยังร่างเล็กที่เก็บของไปเรื่อยๆโดยไม่คิดจะพูดอะไรออกมาอีก...

    เพราะเขา ก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน...

     

     

    เราเป็นแบบนี้กันมาซักพักแล้ว น่าอึดอัดเป็นบ้า

     

     

    ได้แค่มองกันไปมาอย่างน่าอึดอัด ถึงแม้จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่ล้นทั้งใจแต่ก็ไม่มั่นใจว่ามันใช่ความรักรึเปล่า?

     

    ที่เขาบอกว่ารีบ จริงๆแล้วแค่ไม่ชอบบรรยากาศบนโต๊ะอาหารแบบนั้นเท่าไหร่...

    ยิ่งอยู่ด้วยกันเหมือนยิ่งห่างไกลออกเรื่อยๆ แบบนั้นคืออะไรกันนะ??

     

    ฮันบินหยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นมาก่อนจะเดินไปหอมแก้มจินฮวานเหมือนที่ทำทุกวันก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน...ได้แต่ปล่อยให้มันเป็นคำถามอยู่แบบนั้น

    ได้แต่คิดถึงช่วงเวลาดีๆเวลาที่อยู่ด้วยกัน.... บอกตัวเองว่าเดี๋ยวก็จะมีซักวันที่เขาและจินฮวานก็จะกลับไปเป็นแบบนั้นอีกครั้ง

     

    ...ซักวัน

     

     

     

     

     

    ติ๊ดๆ

     

     

    1 message from HANBIN

    นอนให้สบายนะ พน.กลับ ฝันดี ^^ ’

     

    เมสเสจจากฮันบินส่งตรงมาหาจินฮวานที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง

    เมื่อร่างบางได้อ่านข้อความก็จัดการพิมพ์อะไรบางอย่างตอบไปอย่ารวดเร็ว

     

    อือ นายด้วยนะ

     

    บางทีฮันบินอาจจะไม่สังเกตแต่จินฮวานสังเกตมันได้ชัด...

     

    หลังๆ ทุกครั้งที่ฮันบินไปค้างที่อื่นจะส่งเมสเสจมาเหมือนๆกันหมด...ดูไม่มีความจริงใจแม้แต่นิดเดียว...

     

    ในขณะที่เขาก็ตอบด้วยประโยคเดิมๆมาตลอด

     

    นั่นแหละ....

    เพราะต่อให้คิดแค่ไหนก็ไมม่สามาถพิมพ์อะไรได้มากกว่าการตอบตามมารยาทไปเรื่อย

    บางทีจินฮวานถึงกับต้องไปเปิดดูเมสเสจเก่าๆที่เคยส่งกันวันละเป็นสิบๆอันว่า ควรตอบว่าอะไรดี จนบางทีมันก็กลายเป็นความอึดอัดจนแทบทนไม่ไหว

     

    ได้แค่หลับตาลงแล้วก็ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง โดยไม่คิดจะมองย้อนกลับไป แค่อยู่ด้วยกันต่อไปอีกวัน...ก็ดีจะตายแล้ว ไม่หวังอะไรมากกว่านั้น แม้กระทั่ง...ความสุข

     

    ต่างคนต่างรู้ว่าทุกอย่างอาจจะดีกว่านี้ถ้า...เลิกกันไป..แต่ถามว่ามีซักวินาทีไม๊ที่อยากจะปล่อยมือคู่นี้...

    เขาตอบได้เลยว่าไม่..และจินฮวานก็ไม่คิดว่าฮันบินจะคิดต่างจากนี้ไปเท่าไหร่

    ร่างบางหลับตาลง พยายามไม่คิดอะไรอีกก่อนจะเข้าสู้ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

     

    จินฮวานมองไปยังหน้าจอมือถือของตัวเอง

    ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว อีกแค่ชม.เดียว เขาก็จะถึงเวลาเที่ ได้กลับบ้าน ไปนอน ไปหา...คนรัก

    แต่ทำไมแค่คิดก็ไม่อยากกลับแล้วล่ะ อึดอัดจะแย่

     

    จุนเฮว วันนี้ไปเที่ยวด้วยนะ”

    “หือ????????????” จุนเฮวเป็นรุ่นน้องคนสนิทที่ทำงานของผม...

    “นายขาเที่ยวไม่ใช่หรอ?”

                “คิดยังไง จะไปเที่ยวเนี้ย หึ?? พี่ก็รู้ว่าผมไม่ได้ไปช็อปปิ้งเดินห้างหรอกนะ...”

                “แค่เบื่อๆอ่ะ ไม่ได้เที่ยวมานานและ” เขาตอบปัดๆก่อนจะก้มลงมองเอกสารบนโต๊ะอีกครั้ง

                “มีปัญหาอะไรกับ นายฮันบินคนนั้นรึเปล่า”

                แค่พูดถึงคนคนนั้น ร่างบางเสียการควบคุมไปชั่วขณะ ก่อนจะได้สติจึงตอบไปเบาๆ

                “ป..เปล่า แค่...ไม่รู้ดิ มันแปลกๆไป”

                กูจุนเฮวพยักหน้าก่อนจะส่งยิ้มแกนๆมาให้

                “งั้นก็ได้..ซักสามทุ่มครึ่งผมจะไปรับ..นะ?”

                “ได้ๆ”

     

     

     

                จินฮวานมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกก่อนจะถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่ 10

     

                เขากำลังทำอะไรอยู่นะ????

     

                ร่างบางในเสื้อซีทรูสีครีมกับกางเกงสีขาว ที่ถึงแม้จะมีเสื้อกล้ามสีดำสนิทใส่ทับไว้ข้างในแล้วแต่เอาจริงๆก็ดูเซ็กซี่แบบแปลกอยู่ดี

     

    ใจจริงเขาก็อยากแต่งเสื้อเชิ๊ตกางเกงยีนส์ไปหรอกนะ แต่ที่แต่งอย่างงี้เพราะเห็นแต่หน้าจุนเฮวหรอก...

    เดี๋ยวมันจะโดนหาว่าลากเนิร์ดเข้าผับเอา

     

    จริงๆแล้วแค่อยากดื่มเยอะๆให้ลืมๆเรื่องของฮันบินไปบ้าง...แค่ไม่อยากรู้สึกประหลาดๆที่เป็นเหมือนความกลัวก็ไม่ใช่ อึดอัดก็ไม่เชิงแบบนี้

     

    จินฮวานคว้าเอากระเป๋าตังค์และมือถือของตัวเองที่วางอยู่ใกล้ๆก่อนจะเดินตรงไปยังประตูบ้าน

    นี่มันใกล้ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว

     

    ปกติฮันบินจะไม่ค่อยกลับบ้านก่อนสองทุ่ม อาจจะช้ากว่านั้นบ้างเป็นบางครั้ง แต่กลับเร็วกว่าแทบจะนับครั้งได้.. ยิ่งช่วงหนังๆมานี่ยิ่งกลับดึกเข้าไปใหญ่

     

    ทันทีที่จินฮวานก้าวพ้นประตูบ้านออกมาก็เจอเข้ากับรถของจุนเฮวที่จอดรออยู่แล้ว โดยมีจุนเฮวที่ยืนพิงประตูรถอยู่

    “มาแล้วหรอ ? รีบขึ้นรถเหอะพี่ หนาวออก”

                “อ..อือ ^^

                หิมะกำลังเริ่มตกเป็นครั้งแรกในรอบปีอีกครั้ง ...เหมือนวันนั้นไม่มีผิด

     



     

     

     

     

                พวกนายนัดพี่ออกมากินข้าววันที่เขาพยากรณ์ว่าหิมะจะตกวันแรกเนี้ยนะ?? ไม่ไปสวีตกันล่ะ ลากคนโสดอย่างพี่มาให้ช้ำใจเล่นรึไง

              ‘บ้า อะไรกันพี่งง ผมเนี้ยนะสวีตกะไอ้บ๊อบ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว =3= มากินข้าวกันดีกว่าๆๆ

              ผมกับยุนฮยองและบ๊อบบี้ เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันมาก...พวกเรามักจะนัดทานข้าวกันบ่อยๆ จนเกือบจะประจำทุกๆเดือน

              แล้วก็สองคนนั้นเป็นแฟนกันด้วย

              น่าอิจฉาเนอะ อยู่ตรงนี้ผมเหมือนกับส่วนเกินไงไม่รู้

              เราทั้งสามนั่งกินข้าวกันไปคุยกันไปอย่างสนุกสนานกันและในขณะที่กำลังจะคิดเงินและออกจากร้าน เท่านั้น สายตาของผมก็ไปปะทะเข้ากับร่างสูงร่างหนึ่งท่ไม่เคยออกไปจากความทรงจำ

              คิม ฮันบิน

              เขากำลังนั่งคุยกับเพื่อนกลุ่มนึง ห่างออกไปราวๆ4-5โต๊ะ

              ในตอนนั้นผมสูญเสียตัวเองเข้าไปในห้วงความทรงจำ จนกระทั่งยุนฮยองทักขึ้นมา

              นั่น ฮันบินไม่ใช่หรอครับ??

              ‘จริงด้วย โลกกลมจังนะครับบ๊อบบี้เสริม

              อือ ไปกันเถอะ เดี๋ยวอากาศจะเย็นลงกว่านี้เปล่าๆ

              วันนี้เดี๋ยวพวกผมไปส่งที่คอนโดนะ

              ‘ไม่เป็นไรหรอก พี่เดินไป 15 นาทีก็ถึงและ

              ‘นี่หิมะจะตกแล้วนะครับ....ไม่หนาวหรอ

              ‘โอยยย พี่ไม่เป็นไรหรอก ไปส่งเจ้ายุนเหอะ บ้านเจ้านี่ไกลจะตาย เดี๋ยวจะถึงดึกเปล่าๆ พี่ไปนะผมตัดบทก่อนจะรีบเดินไปยังทิศทางกลับบ้านของตัวเอง...

              หนาวจัง...

             

     

    ปื้นๆ

              จู่ๆมีเสียงแตรรถก็ดังจากข้างหลังจนผมต้องหันไปดู

              ก่อนจะพบกับรถสปอร์ตคันหรูที่จอดนิ่งอยู่เหมือนกับรออะไรบางอย่าง

              แถวนี่ก็มาเห็นค่อยมีใครยืนอยู่หนิ?

              และแล้วผมก็ได้คำตอบเมื่อกระจกของรถคนนั้นถูดลดลงให้เห็นคนที่ขับอยู่

              ฮันบิน

              วันนี้หนาวนะครับ ผมไปส่งไม๊??

     

     

     

     


     

                “ พี่จินฮวาน! เหม่ออะไร ?เสียงของจุนเฮวเรียกสติของร่างบางกลับมา

                “อะ..อ่อ..ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ ^^

                “อื้อ นายโอเคแน่นะ??” จุนเฮวถามจินฮวานด้วยสีหน้ากังวลอีกครั้ง

                “อืม... รีบไปกันเถอะ อยากดื่มจะตายและ J

                .

                .

                .

                ฮันบินบีบพวกมาลัยรถแน่น

                เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกยังไงดี....ในใจมันไม่ได้เจ็บ แต่กลับเป็นอารมณ์โกรธที่ทำให้รู้สึกร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก

                ใครๆก็รู้ว่าเขาเป็นคนหวงของขนาดไหน ...ไม่เว้นแม้กระทั่งคนของเขา!


                ฮันบินพ่นลมหายใจออกยาวๆก่อนจะขับรถตามรถคันที่มารับจินฮวานของเขาออก

                ไอ้เด็กบ้านั่นมันเป็นใครกัน..!

     

                เขากับจินฮวานไม่ใช่เด็กๆ เขารู้ว่าจินฮวานควรจะมีสังคมของตัวเองบ้าง

                แต่ทั้งๆที่ปกติจะชวนฮันบินไปด้วยทุกครั้ง หรืออย่างน้อยๆก็ควรจะบอกไว้ก็ยังดีกว่าให้มาเห็นภาพที่เขาออกไปกับผู้ชายคนอื่นแบบนี้

     

                ฮันบินเคลื่อนรถตามรถที่จินฮวานขึ้นไปติดๆ

                ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแคร์และให้เกียรติจินฮวานเขาไม่แค่ขับตาไปช้าๆหรอก ป่านนี้กันรถคันนั้นคงโดนเขาสอยร่วงไปแล้ว

     

                เพราะคนที่นั่งอยู่ในรถนั่งคือจินฮวานหรอกนะ!

               

                .

                .

                .

               

                จินฮวานกำลัวกรอกB-52เข้าปากเป็นช็อตที่6...

                ...ถึงจะคอค่อนข้างแข็งแต่โดนเข้าไป6ช็อตยังไงก็มึนอยู่ดี

     

                ร่างบางวางแก้วเปล่าลงบนเคาน์เตอร์ช้าๆพลางเหลือบมองไปยังจุนเฮวที่นั่งคุยกับสาวอยู่ไม่ไกล และมองมายังตนเป็นระยะๆ

                เขาใช้มือยันเข้าเตอร์และลุกขึ้นยืนก่อนจะตรงไปยังฟลอร์ที่ดูเหมือนวันนี้คนจะแน่นเป็นพิเศษ

                ไม่ต้องทำอะไร จินฮวานก็ดูโดนเด่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แค่ร่างบางที่ขยับไปตามเสียงเพลงที่ดังสะเทือนไปถึงปอด

                ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวไม่น้อยค่อยๆขยับเข้ามาใกล้จินฮวานมากขึ้นเพื่อหวังจะมาทำความรู้จักกับร่างบาง...

                และแน่นอนว่ามีจำนวนไม่น้อย ไม่สิ...เกือบทั้งหมดมากกว่า ต้องการมากกว่าที่จะเป็นแค่คู่เต้นแน่นอน

     

     

                ภาพและเสียงตรงหน้าดูจะเป็นภาพเรือนรางและไม่ชัดจนไปเสียหมดจนแทบไม่สามารถแยกแยะได้ชัดเจนว่าใครเป็นใคร..

                แค่อยากลืมทุกอย่างไปให้หมด เอาเรื่องของคนคนนั้นออกจากหัวไป...

              ความเจ็บปวด อึดอัด เหมือนจะต้องเลิกกันอยู่ทุกขณะแบบนั้น...

              มันร้ายแรงว่าการทะเลาะกันตรงๆซะอีก...

     

     

     

                พลั่ก!!!!!

                เสียงหมัดหนักๆกระทบเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่งคนนึงที่เผลอเข้ามาใกล้จินฮวานจนเกินไป..

                ใกล้จนเกินเกินลิมิตของคนที่เฝ้าดูมาตลอด...และดูเหมือนว่าจินฮวานจะไม่ได้รู้ออะไรกับเขาเลย...

                “ฮ..ฮันบิน..”จินฮวานเอ่ยออกมาด้วยความมตกใจ..

                ฮันบินมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

                ตายล่ะคิมจินฮวาน... ซวยแน่ๆ

                “กลับบ้าน...”

                “ฮันบิน...ใจเย็นๆนะ...”

                “ผมบอกให้กลับบ้านไง!!!!”ว่าแล้วมือของจินฮวานก็ถูกร่างสูงดึงออกไปนอกคลับทันทีท่ามลางสายตาคนนับร้อย...

                ทันทีที่ทั้งสองคนมาถึงรถของฮันบิน ร่างสูงก็จัดการพาจินฮวานที่ตอนนี้นิ่งไปซักพักใหญ่เข้าไปในรถ ก่อนจะอ้อมไปยังที่นั่งคนขับ

                “ไม่มีอะไรหรอก...”จินฮวานที่เหมือนจะพึ่งหายมึนพูดออกมาเบาๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบกริบในรถ

                “ห้ะ?”

                “ไม่มีอะไรจริงๆนะ...ฉันไม่ได้...ทำอะไรแบบที่นายคิดหรอก ฉันแค่ออกมาเที่ยว มาดื่ม มาเต้น แต่คงมือหนักไปหน่อยเลยเกินลิมิตไป”

                “หึ...พี่รู้หรอว่าผมคิดอะไรอยู่... เรื่องพวกนั้นน่ะผมรู้อยู่แล้ว เราคบกันมานานแล้วนะพี่...เรื่องพวกนั้นน่ะ ผมรู้ว่าคนอย่างพี่ไม่ทำมันหรอก..ผม...”

                “....ฉันแค่อยากลืม”จินฮวานขัดขึ้นมาพร้อมๆกับน้ำตาในดวงตาคู่สวยที่เริ่มไหลออกมา

                “ครับ?”

                “ฉันอยากลืมนาย ฮันบิน...”

                “....?”

     

     

                “ทุกวันนี้น่ะ ความรักน่ะ มันตายไปจากพวกเรารึยัง... นี่เรากำลังคบกันในฐานะอะไร... เหมือนเราจะรู้จักกันดี แต่จริงๆแล้วเราแทบไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ... เราอยู่ด้วยกันมานานมากๆจนเหมือนไม่ใช่ความรักแต่เป็นความเคยชินที่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดรึเปล่า.. คำถามพวกนี่มันกำลังทำร้ายฉัน มันเจ็บยิ่งกว่าตอนเลิกกันซะอีก...”

     

     

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์รึเปล่าที่ทำให้เขาพูดออกมาอย่างนี้ แต่สิ่งทำสัมผัสได้คือ...ฮันบินก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกัน

     

                ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบอีกพักใหญ่ ราวกับจะใช้เวลาทบทวนตัวเอง

                “...เรา”ฮันบินเอ่ยทำลายความงียบ

                “...”

     

                คิมฮันบินไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้พูดอะไรอย่างงี้..อีก เขาพูดได้เต็มปากว่าเขาคงต้องเสียใจมากๆหากต้องเลิกกับจินฮวาน

              แต่การอยู่ด้วยกัน...มันยากเกินกว่าที่พวกเขาจะรับได้...

              ถ้าการตัดสินในครั้งนี้จะหยุดสิ่งที่พวกเขากำลังฝืนนี้ได้

              เขานี้แหละจะเป็นคนทำมันเอง

     

                                              

                “เลิกกันอีกครั้งดีไม๊ครับ??”

     

     

     

     

     

    TALK

    งานฟิครีไรท์ต้องมา 555

    ใครอ่านแล้วอย่าประนามกันนะตัว

    ฟิคเรื่องนี้รีไรท์มาจากฟิคบีวันนะเคิ้บ

    มีพาร์ทสอง....แน่ๆ 5555 เคยโดนรีดเดอร์ประท้วงให้เเต่งไปเเล้ว 

    อย่าแอบไปหาเวอร์เก่าอ่านกันก่อนล่ะทุกคน รอมาอ่านตอนเรารีไรท์เถอะ

    ภาษาเก่าเรามันแอบกาก ถถถ

    อ่านแล้วมาเม้น แอนด์ ติดแท็คฟิคกันเยอะๆน้า #StepOfBJIN

    คริสตมาสนี้เดี๋ยวจะมีฟิคโปรเจ็คมาให้อ่าน.______.

    แต่กว่าจะถึงพาร์ทที่เราแต่งคงอีกซักพัก 555

    ฝากติดตามกันด้วยนะ <3

    @SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×