ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {SF/OS} IKON/WIN by KIWI's [NOW::BJIN]

    ลำดับตอนที่ #9 : BJIN - Dark Side of Moon pt.2 [PG] 100%

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 57


    If I Turn my back I’m defenseless
    And to go blindly seems senseless
    If I hide my pride and let it all go on / then they’ll
    Take from me ‘till everything is gone
    If I let them go I’ll be outdone
    But if I try to catch them I’ll be outrun







               จินฮวานค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆเมื่อแสงแดดจากหน้าต่างส่องเข้ามา


    ความทรงจำเมื่อคืนค่อยๆไหลเข้ามาในหัวทำให้เขารู้สึกตัวได้ว่าอยู่ที่ไหนกันเเน่ และเมื่อเขาหันไปมองด้านข้างก็รู้ว่าสิ่งที่เขานอนหนุนอยู่ก็คือไหล่เเกร่งของฮันบินนั่นเอง

     

     

    เมื่อคืนอีกฝ่ายคงเมื่อยที่ให้เขานอนตักเลยลงมานอนด้วยกันล่ะมั้ง....

     

     

    ความมึนจากแอลกอฮอล์ในร่างกายทำให้จินฺวานไม่รู้สึกอยากลุกไปไหนทั้งๆที่ตื่นเต็มตาเเล้ว

    หรือจริงๆเขาอาจจะไม่อยากลุกจากอ้อมแขนนนี้ก็ได้นะ

    ร่างบางได้เเต่มองหน้าฮันบินอยู่อย่างงั้น.... เเละนี่เป็นครั้งเเรกที่จินฮวานเริ่มใจเต้นกับคนตรงหน้าแม้เขาจะไม่ได้ทำอะไร


               ดูท่าทางเขาจะเป็นเอามากนะ...


    ยังไม่ทันที่จินฮวานจะทำอะไรต่อ แขนของฮันบินก็ถูกยกขึ้นมาลูบหัวจินฮวานอย่างเบามือ

     


     

    คิม ฮันบินตื่นเเล้ว...

     


     

    "อ้อนเป็นลูกแมวเลยนะครับ~" ฮันบินพูดติดตลกในขณะที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก่อนจะพาดแขนอีกข้างมากอดจินฮวานเเทน

     

     

    "งื้อ...." จินฮวานส่งเสียงในลำคอพลางซุกหน้าเข้ากับอกของฮันบิน

     

    "วันหลังจะดื่ม ก็มาดื่มที่นี่สิ ผมทำงานที่บ้านตลอดอยู่เเล้ว..."

     

    "...."

     



     

    "ผมเป็นห่วง"

     

     
     

    ร่างสูงค่อยๆคลายอ้อมกอดตัวเองช้าก่อนจะมองลึกเข้าไปในตาจินฮวานเเทน

     


     

    เขารู้ว่าตอนนี้จินฮวานกำลังสบสนอะไรบางอย่างอยู่ ..

    เเละเขาก็คงไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งมากมายกว่านี้



    "อะ...อือ.." จินฮวานตอบก่อนจะก้หน้าลงซ่อนใบหน้าแดงก่ำเพราะความเขินของตัวเองไว้

    คิม ฮันบินมีเวทย์มนต์วิเศษที่ทำให้จินฮวานลืมเรื่องราวต่างๆไปอย่างหมดสิ้น แม้จะแค่เวลาสั้นๆ แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างประหลาด


    ทั้งๆที่เขาคิดไว้แล้วว่าจะไม่ยอมให้คนคนนี้มามีอิทธิพลกับเขาเด็ดขาดแท้ๆ


    สุดท้ายเขาก็แค่ทิ้งความคิดในหัวตัวเองทิ้งไป ปล่อยให้กำแพงในใจพังครืนลงมาเหมือนที่มันควรจะเป็น

     

     

     

     

     

    DARK SIDE OF MOON

     

     

     

    "ฮันบินอา~ ตู้เก็บซีดีนายอยู่นี่ใช่ป่ะ?"จินฮวานที่นั่งอยู่หน้าตู้กระจกตะโกนถามอีกฝ่ายที่อยู่ห่างออกไป


    หลังจากจินฮวานกับฮันบินกินข้าวเช้าที่คนตัวเล็กเป็นคนทำเรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่ทั้งสองคนไม่มีงานวันนี้เหมือนกันก็เลยตัดสินใจจะนอนดูหนังด้วยกันแทนที่จะแยกย้ายเหมือนทุกครั้ง

     

     

    มือเรียวของจินฮวานเปิดตู้ใส่ซีดีขนาดใหญ่ออกโดยไม่รอคำตอบจากฮันบิน ก่อนจะไล่สายตาไปตามสันซีดีที่เรียงรายกันอยู่ในตู้ ส่วนมากจะเป็นอัลบั้มเพลงซะส่วนใหญ่ ทั้งเพลงฮิปฮอปแบบที่เจ้าตัวชอบและเพลงฟังสบายๆอีกส่วนหนึ่ง


    หลังจากที่จินฮวานได้เห็นซีดีเพลงมากมายขนาดนั้นดูเหมือนเจ้าตัวจะลืมไปแล้วว่าตัวเองเปิดตู้นี้มาเพื่อหาหนังดู เอาแต่หยิบจับอัลบั้มแผ่นนู้นแผ่นนี้ขึ้นมาตามความสนใจก่อนจะมาสะดุดลงที่อัลบั้มชุดหนึ่งที่วางเรียงอยู่ติดๆกัน

     

     

    แน่นอนว่าเขาจำมันได้ขึ้นใจ เพราะมันคืออัลบั้มของเขาเองทั้งหมด ตั้งเเต่อัลบั้มเเรกจนถึงอัลบั้มล่าสุดที่พึ่งออกไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา


     

    จินฮวานเอื้อมมือไปหยิบอัลบั้มทั้งหมดออกมาก่อนจะพลิกดูทีละแผ่นพลางยิ้มออกมา ในขณะที่ฮันบินก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพอดี

     

    “เฮ้ย หยิบอะไรออกมาน่ะฮยอง”


    “นี่เป็นแฟนบอยเร๊อะ 5555” จินฮวานหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปมองฮันบินที่หน้าเริ่มขึ้นสีน้อยๆเเละยกมือขึ้นเกาท้ายทอยด้วยความเขิน


    “เปล๊า ก็... ก็... ก็แบบ ตังค์มันเหลือ เลยซื้อเก็บไว้” ร่างสูงพูดก่อนจะทรุดนั่งลงขัดสมาธิข้างๆจินฮวาน


    “อ่ะหรอออออ”


    “อือ~

    จินฮวานเปิดอัลบั้มของเขาดูช้าๆก่อนจะนึกอะไรออกได้


    ร่างเล็กเอื้อมมือไปยังกล่องใส่ปากกาที่ตั้งอยู่ใกล้ๆตู้ก่อนจะคว้าเอาปากกาสีดำหัวหนาขึ้นมาเขียนอะไรลงไปบนอัลบั้ม

    ฮันบินมองการกระทำนั้นด้วยความสงสัยก่อนจะชะโงกคอมาดู





    จินฮวานกำลังเขียนไซน์ให้คิม ฮันบิน




     

    “อ่ะ เสร็จและครับคุณแฟนบอยกิตติมศักดิ์”จินฮวานพูดก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนจะส่งอัลบั้มที่พึ่งเซ็นให้ฮันบิน



    ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ – คิม จินฮวาน




     

                “ดูหนังกันเหอะ!”จินฮวานพูดขึ้นมาขัดก่อนจะหันกลับไปสนใจซีดีต่างๆในตู้แทน


                “นี่ ผมเก็บหนังไว้ในกล่องนี้ต่างหาก”ฮันบินว่าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกล่องพาสติกขนาดกลางกล่องหนึ่งที่วางอยู่มุมตู้มาเปิดออกพร้อมกับจินฮวานที่ขยับเข้ามาใกล้ๆฮันบินเพื่อนจะดูกองซีดีหนังในกล่องด้วย




               The Conjuring ไม๊?”ฮันบินพูดก่อนจะหยิบซีดีแผ่นแรกที่เห็นขึ้นมา
     

                “ไม่เอา เอา Narnia ดีกว่า”จินฮวานเถียงตอบก่อนจะหยิบแผ่นหนังอีกแผ่นขึ้นมา

                “เด็กไปป่ะเนี้ย งั้น... Step up?

                “พึ่งดูไปเอง เรื่องนี้ก็น่าดูนะ Maleficent

                “นี่ชอบหนังแฟนตาซีจริงๆอ่ะ ผมไม่เห็นชอบเลย นี่เลยๆ หนังในดวงใจต้อง Skyfall

    “ไม่ไหวๆ เครียดไป ขี้เกียจดู งั้นดู Ted กันไม๊?”

    ไม่รู้ว่าพวกเขาเถียงกันไปอีกนานเท่าไหร่ แต่จินฮวานกลับรู้สึกว่ามันตลกมากกว่าน่ารำคาญอย่างที่ควรเป็น รสนิยมการดูหนังของเขากับฮันบินต่างกันแบบสุดๆเลยล่ะ

    จนสุดท้ายพวกเขาก็เลือกหนังรักที่วางกองอยู่เป็นแผ่นล่างสุดมาดูเพราะเลือกหนังกันไปจนหมดแต่ไม่ลงตัวซักที..

    จินฮวานทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาตัวยาวในห้องก่อนจะมองไปยังฮันบินที่กำลังวุ่นกับการเปิดซีดีอยู่

    บางทีเขาก็คิดว่าถ้าได้ใช้ชีวิตอย่างงี้ตลอดไปก็คงดี

     

    เมื่อร่างสูงจัดการอะไรเรียบร้อยแล้ว ฮันบินก็เดินมานั่งลงข้างๆจินฮวานก่อนจะเอาแขนรองข้างหลังจินฮวานเอาไว้



    หนังดำเนินไปท่ามกลางความเงียบที่เข้าแกคลุม ทั้งฮันบินและจินฮวานต่างอินไปกับหนังที่ดึงดูดทั้งสองคนเข้าในโลกใบใหม่






    “นายว่าเป็นไปได้หรอที่เพื่อนสนิทมีอะไรกัน แล้วจะยังเป็นแค่เพื่อน” จินฮวานถามอีกฝ่ายเมื่อหนังดำเนินไปซักพัก

    “ไม่รู้ดิ... แต่พระเอกก็โง่นะ นางเอกสวยออก  ทำไมถึงให้เป็นแค่เพื่อนก็ไม่รู้”ฮันบินพูดก่อนจะหยิบผ้าห่มผืนเล็กที่วางอยู่ใกล้ๆมาห่มให้จินฮวานที่ดูเหมือนจะเริ่มสั่นน้อยๆด้วยควาเย็นจากเครื่องปรับอากาศให้ห้อง



    “อือ.. ก็สวยนะ ตอนถอดแว่นอ่ะ ว่าแต่เพื่อนเวลาเขามีอะไรกันแล้วเวลาเขามีอะไรกันแล้ว เวลาคุยกันมันไม่รู้สึกแปลกๆหรอวะ”


    “คงเหมือนผมกันฮยองตอนนี้มั้ง...”
                  ฮันบินตอบก่อนจะหันไปมองคนตัวเล็กที่หันมามองเขาและทำหน้าเหวออยู่กับประโยคที่เขาพูดออกไป


    หน้าขาวๆกับปากแดงๆของจินฮวานทำให้เขารู้สึกอยากจูบคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ฮันบินค่อยๆโน้มตัวเองลงไปฝากรอยประทับบนปากของคนตัวเล็กไว้เบาๆก่อนจะหันกลับไปดูหนังโดยไม่ลืมที่จะกระชับอ้อมกอดให้จินฮวานเข้ามาใกล้มากขึ้น   


    จินฮวานที่ยังมึนๆจากสัมผัสเมื่อครู่ได้แต่นิ่งไปซักพักก่อนจะยกมือขึ้นตีไหล่คนข้างๆเมื่อได้สติ

           


    ....นับวันฮันบินยิ่งทำเหมือนกับว่าพวกเขาคบกันยังไงอย่างงั้น

    นายกำลังทำให้ฉันสับสันนะ คิม ฮันบิน...

     

    จินฮวานปล่อยให้ตัวเองจนอยู่กับความคิดในหัวอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมาพลางเอาหัวหนุนไหล่ฮันบิน




    “เมื่อวาน... ฉันทะเลาะกับเมเนเจอร์ล่ะ...”



    ฮันบินหันมามองอีกคนที่จู่ๆก็พูดขึ้นมา



    “ฉัน.... แอบไปสูบบุหรี่ในสถานี เขาโกรธมาก ก็เลยด่าฉัน...  ฉันก็หงุดหงิดอยู่เลยเผลอเถียงออกไป ทั้งๆที่พี่เขาทำถูกแล้วแท้ๆ ฉันนี่เเย่เน๊อะ...”

                “...”

                “ฉันว่าฉันกำลังสับสน....มากเกินไป ตอนแรกที่รู้สึกแย่มันเป็นเพราะฉันทะเลาะกับเมเนเจอร์ แต่พอฉันมาคิดดูดีๆ แล้วบางทีเส้นทางนนี้มันอาจจะไม่ได้เป็นของฉันก็ได้นะ”

                “หมายความว่า...?”

     

     







     

                “ฉัน.... อยากเลิกเป็นนักร้อง....”




     

    20%


     

    DARK SIDE OF MOON

     

                จินฮวานกำลังเดินเข้าบริษัทเหมือนทุกวันโดยไม่ลืมที่จะกล่าวทักทายแฟนคลับที่มายืนรออยู่ด้านหน้าตึก

     

                ร่างเล็กเดินไปตามทางเดินที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาอยู่ที่นี้บ่อยกว่าอยู่บ้านตัวเองซะอีก เด็กเทรนที่เดินกันควักไขว่กันที่ชั้น1ก็ทำให้เขานึกถึงสมัยที่ยังไม่เดบิวต์

     

                เขาตรงไปยังห้องซ้อมตัวเองอย่างไวก่อนจะทิ้งกระเป๋าสะพายลงกับพื้นห้องซ้อมอย่างไม่ค่อยจะสนใจนักและเดินไปยังคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทำงานเป็นประจำ

     

                จินฮวานเสียบฮาร์ดดิสเสียบเข้ากับคอมก่อนจะกวาดเอาโฟลเดอร์ทั้งหมดลงมาใส่ไว้ ทั้งไฟล์เพลงที่เขาเคยโคฟ เพลงที่เคยอัด หรือเพลงที่เขาแต่งเอง

     

                หลังจากนี้เขาคงยุ่งจนไม่มีเวลามาย้ายข้อมูล

     

                เขาไม่รู้ว่าการที่เขาตัดสินใจทำอย่างนี้มันถูกต้องแน่นอนแล้วจริงๆรึเปล่า บางทีในซักวันข้างหน้าเขาอาจจะต้องร้องไห้กับการตัดสินใจของตัวเองก็ได้...

     

                นี่เขากำลังจะเอาสิ่งที่เขาแลกมาด้วยเกือบทั้งชีวิตของเขาไปทิ้งรึเปล่านะ?

               

     

                จินฮวานเพ่งไปยังเวลาบอกเวลาที่หน้าจอก่อนจะลุกขึ้นและเปลี่ยนเป้าหมายตรงไปยังชั้นบนของตึกที่เป็นที่ทำงานของคนที่เขารู้จักดี

     

     

     

     

                คัง ซึงยุน... ลูกชายของประธานคนเก่าที่พึ่งมารับตำแหน่งต่อได้ไม่นาน

     

     

                จินฮวานเดินผ่านห้องต่างๆอย่างช้าๆราวกับจะซึมซับทุกอย่างไว้เป็นครั้งสุดท้าน ก่อนจะเดินผ่านเลขาที่นั่งอยู่หน้าห้องไปโดยไม่สนใจก่อนจะผลักประตูเข้าไปในห้องและเจอซึงยุนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเองเหมือนที่คาด

     

                คังซึงยุนนั่งอยู่ตรงนั้น บนโต๊ะทำงานประจำตำแหน่งของเจ้าตัว

     

                ซึงยุนเงยหน้ามองจินฮวานด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยราวกับคิดว่าจะเจอจินฮวานในตอนนี้...

     

                นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้เหยียบเขาในห้องนี้... หรือแม้กระทั่งเจอซึงยุนแบบตัวต่อตัวอย่างงี้? หลายเดือน? ปี?

     

     

     

                “ผมมีเรื่องจะคุยด้วย... แบบไม่มีกล้องวงจรปิด”จินฮวานพูดเสียงเรียบก่อนจะเดินไปนั่งที่ชุดรับแขกในห้อง

     

     

                สาบานได้ว่า เขารู้สึกตื่นเต้นและกลัวแทบบ้าแต่เขาแค่ซ่อนมันไว้ภายใต้หน้ากากของควาเย็นชาเท่านั้นเอง...

     

                ซึงยุนเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจทำตามที่จินฮวานบอกโดยการยกโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งให้เลขาปิดคัตเอ้าท์สำหรับกล้องวงจรปปิดในห้องทำงาน

     

                “มีอะไร”ซึงยุนถามจินฮวานในขณะที่เดินมานั่งตรงหน้าร่างบางที่กำลังกำมือตัวเองแน่นในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำ

     

     

     

                “ผมจะขอยกเลิกสัญญา” จินฮวานพูดก่อนจะหยิบเช็คเงินสดที่ตัวเองถือมาวางลงบนโต๊ะระหว่างเขากับคนตรงหน้า

                “...”

                “...ผมเหลือสัญญาอีกแค่ปีเดียว นี่เป็นค่าปรับตาที่สัญญาบอกเอาไว้”

     

     

                “กลับไปนอนพักที่หอไปจินฮวาน”ซึงยุนพูดด้วยเสียงเย็นชาเหมือนที่ชอบใช้

     

                และจินฮวานรู้ว่ามันหมายถึงว่าซึงยุนกำลังโมโห

     

                “ถ้าคุณไม่ตกลงดีๆตอนนี้ ผมก็จะแถลงข่าวอยู่ดี วันอาทิตย์หน้า ผมนัดนักข่าวจองไว้แล้ว”จินฮวานพูดก่อนจะยื่นเช็คไปที่คนตรงหน้าอีกครั้ง

     

                “คิม จินฮวาน ออกไปซะ ฉันจะถือว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”ซึงยุนพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่รุนแรงกว่าเดิม

     

                “..ผมจะเคลียร์ตารางงานให้ เหลืออีกแค่3-4งานเอง ผมขอตัวล่ะ หวังว่าพรุ่งนี้ผมเข้าบริษัทมาจะเจอหนังสือยกเลิกสัญญานะ”

     

                จินฮวานลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนจะรีบเดินไปยังประตูห้องอย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

     

     

     

     

    ถ้าไม่ติดที่มือของคังซึงยุนคว้าเขาเอาไว้ก่อน

     

    จินฮวานรู้สึกได้ในวินาทีที่มือของซึงยุนสัมผัสเขาได้ว่า เขากำลังตกอยู่ในอันตราย...

     

     

                ซึงยุนผลักจินฮวานไปติดกับผนังก่อนจะใช้มือยันเอาไว้ไม่ให้คนตรงหน้าหนีไปไหน ก่อนจะเผยยิ้มร้ายออกมา และไม่ว่าจินฮวานจะพยายามผลักอีกคนออกไปขนาดไหนแต่ดูเหมือนเขาจะเสียเปรียบในทุกๆด้าน

                นี่เป็นสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเท่าที่เขาจะนึกออก

     

     

                “หึ.. ออกไปจากที่นี่ไม่ง่ายอย่างที่นายคิดหรอกนะจินฮวานอา J

               

    สรรพนามนี่สนิทสนมทำให้จินฮวานรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา เขารู้ว่าคนตรงหน้าก็แค่เห็นเขาเป็นเครื่องมือหาเงินชั้นดีเท่านั้นเอง

     

     

                “เผื่อนายจะลืมไป ฉันจะเตือนความจำให้ว่านายเป็นใครกันแน่”ซึงยุนกัดฟันพูดก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้จินฮวานมากขึ้นราวกับจงใจจะตอกย้ำให้จินฮวานรู้ตัว และกดจูบลงไปบนริมฝีปากบางอย่างหนักหน่วง

               

     

                ร่างเล็กพยายามดันซึงยุนออกไปแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะทันทีที่เขาพยายา ซึงยุนก็จับเอามือเขาขึ้นไปตรึงกับกำแพงแทน

     

                และจินฮวานก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่ตลบในปากอย่างน่าสะอิดสะเอียน...

     

     

                เขาพูดได้เต็มปากว่าเขารังเกียจผู้ชายคนตรงหน้านี้... คนที่บังคับให้เขานอนด้วยเพื่อโอกาสเดียวในการเดบิวต์  เกลียดตัวเองที่ตอนนั้นยังเด็กเกินกว่าที่จะรู้อะไรๆและยอมทำตาเกมส์ของคนคนนี้มาตลอด

                และเกลียดตัวเองที่ร้องไห้แสดงความอ่อนแอออกมาอีกแล้ว

     

    ใช่... คิม จินฮวานคนนี้ไม่ใช่คนดี....

                และ เขาเคยเอาตัวเข้าแลกเพื่อเ

     ดบิวต์มาก่อน...

                

     

    40%





     

    “ต่อให้คุณทำอะไร ผมก็จะออก ผมเบื่อไอ้บริษัทเส็งเคร็งนี้เต็มทนแล้ว!” จินฮวานตะโกนออกมาทันทีที่ซึงยุนถอนจูบออกไปพร้อมกับใช้แรงทั้งหมดสะบัดซึงยุนออกและตบเข้าไปฉาดใหญ่

     

                จินฮวานฉวยโอกาสที่ซึงยุนยืนนิ่งค้างไปเล็กน้อยอยู่วิ่งออกมาโดยเร็วก่อนจะรีบจ้ำออกไปหวังจะออกจากบริษัทให้เร็วที่สุด

     

     

                ยังไงคังซึงยุนก็ไม่มีทางตามเขาออกมาทั้งๆที่คนในบริษัทยั้วเยี้ยหรอก...เขากลัวเสียหน้าจะตาย...

     

     

                ร่างเล็กก้มหน้างุดซ่อนใบหน้าเปื้อนน้ำตาเดินไปยังห้องซ้อมเก็บของทุกอย่างลงกระเป๋า เดินไปหยิบฮาร์ดดิสที่โต๊ะก่อนจะคว้ากระเป๋าขึ้นสะพาย

               

     

                เขาหันไปมองสภาพตัวเองในกระจกและเหยียดยิ้มอย่างสมเพศตัวเองออกมา

     

     

    ลาก่อน ชีวิตเฮ็งซวย

     

     

               

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    DARK SIDE OF MOON

               

               

                ‘นักร้องหนุ่ม คิม จินฮวาน เดินออกจากบริษัททั้งน้ำตา?’

               

                จินฮวานมองหัวข้อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

     ตั้งแต่เมื่อวานที่เขาออกจากบริษัทมาข่าวก็ถูกปล่อยออกมา... นักข่าวจากสำนักข่าวชื่อดังจับภาพตอนเขาเดินออกมาได้พอดี สำนักข่าวอื่นๆก็พากันค้นรูปและบทสัมภาษณ์ต่างๆในอดีตมาตีความหมายกันใหญ่

     

                ชื่อของเขาที่เด่นหราบนเว็บไซด์ดังต่างๆกำลังทำให้ข่าวลือต่างๆนาๆแพร่สะพัดออกไปอย่างกับไฟลามทุ่ง

     

                เขาก็คิดนะ... ว่าทำไมเขาถึงพาตัวเองมาจบลงที่นี่ได้นะ....

     

                จินฮวานเงยหน้ามองตึกสูงแห่งหนึ่งที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เข้าไปผ่านกระจกรถก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

                เขากำลังนั่งอยู่ในรถรอใครบางคนอยู่...

               

     

    นี่คือสิ่งที่เขาเลือกจริงๆน่ะหรอ?

     

     

                ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

                เสียงคนเคาะกระจกรถทำให้จินฮวานหันไปสนใจที่มาของเสียงก่อนจะพบกับฮันบินที่ยืนยิ้มให้เขาอยู่ภายนอกรถ

     

                จินฮวานคว้าเอาแว่นกันแดดของตัวเองขึ้นสวม เช็คตัวเองในกระจกรถให้เรียบร้อย ก่อนจะก้าวลงจากรถไปหาฮันบิน

     

                “อันยอง...”

     

                “เฮ้ สดใสหน่อยสิ นี่ฮยองกำลังจะไปพบประธานค่ายผมนะ!”

     

                “ฉันควรงั้นหรอ กับการเดินลั้นลาเข้าบริษัทคู่แข่งน่ะ... นี่ฉันกำลังจะประสาทจริงๆนะ ช่วงนี้นักข่าวตามเป็นพรวนเลย”จินฮวานพูดก่อนจะยกมือขึ้นยีหัวตัวเองอย่างอารมณ์เสีย

     

                คิม จินฮวานกำลังจะมาเซ็ยสัญญากับค่ายของฮันบิน...วันนี้ โดยมีคนตรงหน้าเขาเป็นผู้บงการทุกอย่าง รวมถึงจัดการนัดหมาบทุกอย่างเสร็จสรรพด้วยตัวเอง

     

              แน่นอนว่าถึงแม้ฮันบินจะไม่รู้เรื่องซึงยุนก็ตาม...

     

     

                “เอาหน่า เดี๋ยวพอหมดวันนี้ พี่ก็เป็นคนค่ายนี้แล้วน่า!”

    “ว่าแต่ประธานนายจะยอมรับฉันป่ะเหอะ...”จินฮวานพูดก่อนจะเดินตาฮันบินที่กำลังนำเขาเข้าสู่ตัวตึก

     

    “เด็กเส้นจากโปรดิวเซอร์ฮันบินซะอย่าง ทุกวันนี้ผมใกล้จะใหญ่กว่ามันและบอกเลย”

     

    มัน? งั้นหรอ... แสดงว่าฮันบินกับท่านประธานสนิทกันมาก?

     

                จินฮวานเดินตามฮันบินเข้าไปในตึกสูงก่อนจะมองซ้ายมองขวาอย่างสนใจ

               

                ที่นี่เป็นที่ที่เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาเหยียบเลยซักนิด

     

                ทันทีที่ทั้งสองคนก้าวเข้ามาในบริษัท พวกเขาก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนตึกทันที ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือเทรนนี่ก็ต่างจับจ้องมาที่เขาสองคนด้วยความสงสัย

               

                ก็แน่นอน แค่คิมฮันบินคนเดียวก็เรียกควาสนใจได้มาพอแล้ว นี่ยังแถมคิม จินฮวาน คู่แข่งอันดับต้นๆของค่ายมาด้วยอีก

     

                ฮันบินเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่ค่อยสนใจนักก่อนที่สุดท้ายเขาจะเลือกหันมาเดินข้างๆจินฮวานและกุมมือของร่างบางไว้แทน

               

                คงเพราะเขาสัมผัสได้ว่าจินฮวานกำลังประหม่าสุดๆจากการตกเป็นเป้าสายตาของคนนับร้องแบบนี้ แถมไม่น่าจะใช่ทางที่ดีซักเท่าไหร่ด้วย

     
     

                เขาทั้งสองคนขึ้นลิฟท์ไปจนถึงชั้นบนสุด เมื่อลิฟเปิดออกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือโถงกว้างที่มีประตูบานใหญ่และโต๊ะทำงานเลขาตั้งอยู่ข้างหน้า

     

                ฮันบินกระชับมือที่จับจินฮวานไว้แน่นขึ้นมือก่อนจะพาจินฮวานผ่านเลขาสาวคนนั้นและผ่านประตูเข้าไปในห้องของผู้บริหารของค่ายทันที

     

     

     

     

               

    และสิ่งที่จินฮวานเห็นตรงหน้าทำให้เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยด้วยความไม่เชื่อสายตา...

     

    คนตรงหน้าเขาคือประธานค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีจริงๆน่ะหรอ? จินฮวานกวาดสายตามอง ซง มิโน ตั้งแต่หัวจรดเท้า

    ไม่ใส่สูททำงานไม่เท่าไหร่ แต่นี้เขาใส่เกงเกงวอร์มกับ เสื้อยืดสีดำสนิทที่มีเขียนตัวเท่าบ้านว่า Fuck em’ เนี้ยนะ... แถมนั่งขัดสมาธิเล่นเกมส์กดอยู่หน้าทีวีอีกต่างหาก....

     

     

    ให้ตายเหอะ...

     

    “เฮ้ ฮยอง ผมมาจินฮวานมาหา”ฮันบินพูดพลางทิ้งตัวนั่งลงโซฟาหนังสีดำสนิทในห้อง

     

    “สวัสดีครับ...” จินฮวานเอ่ยทักพลางนั่งลงตามฮันบิน

     

    มิโนหันมามองจินฮวานเล็กน้อยก่อนจะวางจอยสติกในมือลง..ส่งยิ้มให้จินฮวานเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย

     

     

    จินฮวานได้แต่ส่งยิ้มกลับไปอย่างทำอะไรไม่ถูก ที่นี่มันคนละโลกกับที่เขามาเลยด้วยซ้ำ... จินฮวานนั่งลงข้างๆฮันบินก่อนจะมองนู้นมองนี้ไปเรื่อย

     

    ห้องนี้แตกต่างจากห้องของคังซึงยุนมากเลยทีเดียว ที่นี่ให้ความรู้สึกมีสไตล์กว่า กระจกเปิดกว้างทำให้เห็นวิวของเมืองโซลด้วย แต่ห้องของซึงยุนก็ดูเป็นงานเป็นการมากกว่าที่นี่อยู่โข

     

    จินฮวานว่าห้องนี้คงเป็นห้องที่สวยนะ และเขาคงจะชอบมัน ถ้าไม่ติดว่ามันมีรกและสกปรกไปซักนิด

     

    “จะเซ็นสัญญาช้ะ แปปนะ เมื่อเช้าฉันให้เลขาทำเอกสารให้แล้วหนิ...”มือของมิโนค้นไปทั่วโต๊ะรับแขกทีเต็มไปด้วยเอกสารหลายฉบับราวกับมันไม่ได้ถูกจัดมาชาติกว่า

     

    จนนาทีต่อมาซง มิโนถึงได้หยิบเอกสารชุดนึงขึ้นมา

     

    “อ่ะนี้ เจอและ! อันนี้สัญญา ลองอ่านดูก่อนก็ได้ เป็นสัญญาเดียวกับที่ฉันใช้กับศิลปินคนอื่นๆ แค่ปรับนิดๆหน่อยๆ” เขาส่งเอกสารชุดนั้นให้จินฮวาน

     

    มือบางรับเอกสารในปกหนังขึ้นมาก่อนจะกวาดสายตาผ่านๆ

     

    สัญญาส่วนใหญ่ค่อนข้างเรียบง่ายเหมือนสัญญาทั่วๆไป แม้จะมีหลายจุดที่ดูหละหลวมไปบ้าง...เงินส่วนแบ่งก็ได้มากกว่าค่ายเดิมของเขาเกือบครึ่ง..

               

     

    “มันโอเคมากครับ ถ้าเทียบกับสัญญาชุดเก่าของผม” จินฮวานตอบกลับไปจริงๆเขาพอจะรู้ข้อตกลงพวกนี้มาบ้างแล้ว ฮันบินพล่ามกฎของศิลปินของที่นี่ให้เขาฟังมาหลายวัน...

     

    “โอเค งั้นเราเซ็นกันเลยดีไม๊”ซง มิโนพูดก่อนจะเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองหยิบปากกาออกมาและส่งให้จินฮวาน

     

    ร่างบางหันไปมองหน้าฮันบินที่นั่งอยู่ใกล้เล็กน้อยราวกับจะขอความมั่นใจก่อนจะได้รับคำตอบรับเป็นรอยยิ้มบางๆจากเขา

     

    ยังไงวันนี้เขาก็มาเพื่อเซ็นสัญญาอยู่แล้วหนิ...

     

    มือเรียวหยิบเอาปากกาขึ้นมาก่อนจะจรดมันลงกับเอกสารตรงหน้า และเซ็นลายเซ็นของตัวเองลงไป

     

    ยังไงสัญญาฉบับนี้ก็คงจะมีประโยชน์อยู่บ้าง อย่างน้อยค่ายนี้ก็เป็นค่ายมีใหญ่พอๆกับค่ายเดิมของเขา

     

     

    จินฮวานเงยหน้ามองมิโนที่ส่งยิ้มรออยู่พร้อมรับเอกสารกลับไป

     

    “ไหนๆก็มาด้วยกันและ ฮันบินพาจินฮวานทัวร์หน่อยและกัน J

     

     

     

     

     

     

     

     

    DARK SIDE OF MOON

     

     

     

    “ชั้นนี้ก็เป็นชั้นของพวกโปรดิวเซอร์กะอาร์ตไดฯ บางทีก็มีศิลปินมาใช้บ้าง ตรงนู้นเป็นห้องสตูดิโอทำเพลงกะอัดเพลง มีคนแวะมายืมใช้บ่อยๆ แต่ปกติชั้นนี้ผมกะพี่โปรดิวเซอร์ 2-3 คนจะครองเกือบทั้งฟลอร์ ยกเว้นแต่ส่วนที่ตรงไปสุดทางจะเป็นออฟฟิสของพวกอาร์ตได”

     

                “อ่า...”

     

                “เข้าห้องนี้กันดีกว่า สตูดิโอเบอร์1 ห้องหลักที่ผมใช้ทำงาน”ร่างสูงพูดก่อนจะผลักประตูเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง

     

                “ว้าว...”จินฮวานเอ่ยออกมาอย่างอึ้งๆเมื่อได้เข้าในห้อง

     

                อุปกรณ์ทุกอย่างดูจะแตกต่างกับที่จินฮวานเคยเห็นที่บริษัทเก่าของเขาอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างดูลงตัวมากกว่าที่จะดูวุ่นวายและยุ่งยากอย่างที่เขาเคยมองว่าสตูดิโอเป็นมาตลอด ห้องนี้ถูกดีไซน์ด้วยโทนสีขาวซะเป็นส่วนใหญ่ทำให้ดูสบายตา โซฟาตัวใหญ่ถูกวางไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง ห้องฝั่งนึงเป็นกระจกใสเผยให้เห็นห้องอัดขนาดใหญ่ที่อยู่ถัดไป

     

    “ส่วนใหญ่ผมทำงานที่บ้านมากกว่า แต่ปกติผมทำงานห้องนี้แหละ... ซัก 2-3วันต่ออาทิตย์ วันอื่นจะมีคนอื่นมาใช้บ้าง ”

     

                “สองสามวันนี่คือปกติของนายงั้นหรอ 555” ร่างบางพูดออกมาขำๆก่อนจะเดินไปจับmixer บนโต๊ะควบคุมด้วยความสนใจ

     

                “ใช้เป็นด้วยหรอ?”ฮันบินเอ่ยถาม

     

                “ก็พอได้ ที่บริษัทเคยให้คนมาสอนๆอยู่ เมื่อต้นปีเขาพยายามจะให้ฉันหัดแต่งเพลงน่ะ”

     

                “แล้วเป็นไงบ้าง โอเคป่ะล่ะ?”

     

                “โอเคกะผีดิ โดนโปรดิวเซอร์ติแหลกเลย”จินฮวานพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลกก่อนจะกันไปยิ้นทะเล้นให้ฮันบิน

     

                ทั้งๆที่จริงๆแล้วเขาเคยเสียใจกับมันมากๆเลยต่างหาก ทั้งๆที่เขาอุต่าห์นั่งเรียนตั้งนาน แถมยังนั่งเขียนเพลงถึงดึกๆดื่นๆแม้ปกติก็แทบไม่ได้นอนอยู่แล้วแต่สุดท้ายมันกลับเป็นได้แค่ขยะเท่านั้น

     

                “แล้วพี่ชอบป่ะ? แต่งเพลงอ่ะ..”

     

                “ก็เพลินๆดีนะ เวลาเขียนเนื้อเพลงอ่ะ แค่แต่งทำนองนี้โคตรยาก....ตอนที่ส่งไฟล์เพลงไปนี่โดนแก้บานมาก แก้ขนาดที่ให้แต่งใหม่ยังง่ายกว่าเลย...”จินฮวานบ่นไปเรื่อยๆ

     

                “เฮ้ ก็ไว้มาเรียนต่อก็ได้นะ เรียนกะผมนี้แหละ เรียนที่นี่ก็ได้ J

                “เอาจริง? ฉันแต่งเพลงช้านะ” จินฮวานพูดก่อนจะหันมามองหน้าฮันบินที่ยืนยิ้มด้วยสายตาแปลกๆอยู่

     

                นี่เขาพูดอะไรผิดรึเปล่านะ?

     

                ฮันบินค่อยๆขยับเข้ามาใกล้จินฮวานอีกนิดก่อนที่มือหนาจะรั้งเอาเอวของจินฮวานเข้าประชิดตัว

     

                “มาดิ แต่ผมเดี๋ยวผมก็ทำให้ฮยองเสร็จเร็วๆเลย”

     

                คำพูดสองแง่สองง่ามของฮันบินทำให้จินฮวานถึงกับเสียศูนย์ไปชั่วขณะ

     

                ...และฮันบินก็มองว่ามันน่ารักมากๆเลยทีเดียว

     

     

    “ห้องนี้เก็บเสียงด้วยนะ ;)

     

    70%


     

    ร่างสูงค่อยๆโน้มตัวลงมาก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงที่ริมฝีปากสีสวยของจินฮวานพร้อมๆกับยกมือขึ้นมาประคองหลังจินฮวานไว้

                “จูบนะครับ?” ฮันบินพูด และโดยที่ไม่รอคำตอบ เขาก็กดจูบลงไปทันที

                สัมผัสละมุนของฮันบินทำให้จินฮวานรู้สึกขาอ่อนขึ้นมาซะดื้อๆจนเขาต้องจับไหล่สูงเอาไว้เป็นหลักก่อนจะจูบตอบกลับไป ก่อนที่ในนาทีต่อมามันก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนไปเป็นสัมผัสที่วาบหวามและร้องแรงแทน

                สัมผัสของฮันบินทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่เสมอ...ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ครั้ง

     

               

     

                จนกระทั่งเมื่อฮันบินเริ่มสอดมือเข้ามาใต้เสื้อตัวบางของเขา เกือบจะถอดมันออกไป...และมันก็ทำให้จินฮวานสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะเผลอผลักฮันบินออกไปห่างๆ

                ในแว๊บนึง ที่ฮันบินสัมผัสตัวเขา เขาเห็นภาพคังซึงยุนซ้อนทับขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆที่มันไม่เคยเป็นมาก่อน

               

     

                “พี่?” เสียงของฮันบินทำให้จินฮวานหลุดออกมาจากภวังค์ของตัวเองก่อนจะพบมาเขาถอยห่างออกมาจากอีกคนจนชิดผนังเลยทีเดียว...

               

                และตรงหน้าเขาไม่ใช่คังซึงยุนแต่เป็นคิมฮันบินที่ยืนทำหน้าอึ้งไม่หายอยู่

               

                “ข..ขอโทษนะ เอ่อ... ฉันว่าวันนี้ฉันกลับก่อนดีกว่า”จินฮวานพูดตะกุกตะกักก่อนจะตัดสินใจรีบเดินออกจากห้องนั้นมาโดยไม่หันไปมองฮันบินอีก...

               

                เขาว่าวันนี้เขาควรไปพักก่อน...

               

     

     

     

     

     

     

     

     

    DARK SIDE OF MOON


                (พี่โอเคแน่นะ?)

                “โอเคน่า แค่ไม่ออกไปไหน 3-4 วันก็โอเคแล้ว นี่ซื้อของมาตุนไว้แล้วด้วย

                (จะไม่ให้ผมไปอยู่ด้วยจริงๆหรอ? ผมไปที่คอนโดพี่ได้นะ)

                “ไม่ต้องหรอก ฉันให้พี่สาวมาอยู่เป็นเพื่อน”

                (งั้นถ้าอยากได้อะไรก็โทรมาได้นะครับ)

                “โอเค ฉันวางนะ”

                (ครับ)

                จินฮวานกดวางสายจากฮันบินที่โทรมาเช็คความเรียบร้อยทั้งหมดของเขาอีกครั้ง

                ร่างบางวางมือถือลงกับโต๊ะกินข้าวก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆห้องที่ว่างเปล่า...

                เขาไม่ได้โทรตามใครหรอก แค่พูดให้ฮันบินสบายใจไปงั้นเอง พักนี้ฮันบินมาเฝ้าเขาบ่อยจนเขากลัวว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ทำงานเอา

                วันนี้เป็นวันที่สองนับตั้งแต่ข่าวหลุดออกไป ล่าสุดมีนักข่าวหลายสำนักออกมาบอกแล้วว่าเขาน่าจะออกจากค่าย ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริง

     

     

                นับตั้งแต่ตอนนั้น นักข่าวหลายสิบคนก็มาออหน้าบ้านเขาเต็มไปหมด... โชคดีที่อพาร์ทเม้นที่เขาอยู่ถึงแม้จะเป็นแค่อพาร์ทเม้นขนาดกลางแต่ก็มีรปภ.ที่ค่อนข้างเข้มงวดพอสมควรดังนั้นจึงยังไม่มีนักข่าวหลุดขึ้นมาถึงในนี้

     

     

                เขายังพอที่จะเดินไปซื้อของที่ร้านขายของเล็กๆที่อยู่ในนี้ได้ ทำให้พอจะหาของมาตุนในห้องพอที่จะไม่ต้องออกไปไหนได้ซัก2-3วัน

     

     

    ปกติเขาแทบไม่เคยมานอนที่นี่เลยด้วยซ้ำ จะอยู่ก็แต่ที่หอพักของบริษัทที่ให้คนไปขนของออกมาวันก่อน ที่นี่เขาแค่ซื้อเก็บไว้เผื่อว่าวันนึงจะต้องใช้เท่านั้นเอง

     

     

                จินฮวานทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาวในห้องก่อนจะมองไปรอบๆห้อง

     

                ห้องนี้ด้วยความที่เขาเก็บเงินซื้อมันมาเองเขาเลยลงทุนนั่งออกแบบห้องและหาเฟอร์นิเจอร์เองทั้งหมด ถึงแม้เขาจะไม่ได้มาบ่อยนักแต่เขากลับรู้สึกผูกพันธ์กับมันอย่างประหลาด

     

                ทั้งๆโซฟาผ้าเล็กๆนี่ที่ดูจะอบอุ่นและน่านอนมากกว่าโซฟาหนังราคาแพงในหอเขาหลายเท่าตัว หรือแม้กระทั่งข้าวของเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เขาคิดถึงบ้านที่เซจูขึ้นมาซะอย่างงั้น

     

                จากที่เขาได้ติดต่อกับค่ายเก่าอยู่คือพรุ่งนี้พวกเขาจะแถลงข่าว พร้อมบอกให้ผมเข้าไปเอาใบยกเลิกสัญญาตอนที่ข่าวเริ่มสงบแล้ว

     

                นั่นหมายถึงเขากำลังจะเป็นอิสระอย่างแท้จริง

     

     

     

                รึเปล่านะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    กริ๊งงงงงงงงงงงง

    เสียงโทรศัพท์ยามเช้าปลุกจินฮวานให้ลุกขึ้นด้วยความงัวเงีย

    นี่มันที่โมงแล้วเนี้ย?

    จินฮวานเลื่อนสายตาไปยังนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้องก่อนจะรู้ว่านี่มันเกือบจะบ่ายสองแล้ว.. มือเรียวคว้าเอามือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงมากดรับช้าๆ

     

     

    (คิม จินฮวาน.!)

     

    “ฮือ...ครับ?”จินฮวานตอบกลับไปเบาๆก่อนจะเลื่อนมมือถือออกห่างหน้าเล็กน้อยเพื่อดูชื่อว่าใครเป็นคนโทรมา

    คิม จินวู เพื่อนคนสนิทของเขาในวงการที่เอง...

    (ฉันตกใจหมด ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เช้า นึกว่าหายไปไหน)        

    “อ่า... ขอบคุณที่เป็นห่วงนะจินวู”

    (แน่นอนอยู่แล้วว่าฉันเป็นห่วงนาย ฉันเชื่อในตัวนายนะจินฮวาน! นายต้องตอบกลับที่คังซึงยุนทำบ้างนะ มีที่ไหนมาใส่ความจินฮวานคนดีของฉันแบบนี้)

    ...ใส่ความงั้นหรอ

    จินฮวานเบิกตาโตขึ้นก่อนจะเผลอปล่อยให้มือถือร่วงลงกับพื้นโดยไม่ทันจะได้กดวางสายด้วยซ้ำ

     

    ร่างเล็กๆรีบคว้ารีโมททีวีในห้องนอนขึ้นมาก่อนจะกดเปิดข่าวดูทันทีและเขาก็พบกับหน้าตัวเองที่หราเต็มหน้าจอ พร้อมคำบรรยายใต้ภาพที่ทำให้ใจเขาตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

     

     

    คิม จินฮวาน สุภาพบุรุษจอมปลอม?

     

    “...ล่าสุดตามที่ทางสำนักข่าวZ ได้ออกมาเปิดเผยถึงประเด็นถึงการสูบบุหรี่ของคิมจินฮวานทำให้ชาวเน็ตถกเถียงกับมากเลยนะคะในเรื่องความเหมาะสมของการการรับรางวัลศิลปินตัวอย่างต่อเยาวชนของคิมจินฮวานเมื่อสองอาทิตย์ก่อน แถมตอนนี้ยังมีข่าวลือออกมาอีกหนาหูด้วยนะคะว่าจริงๆ เจ้าตัวไม่ได้เป็นคนสุภาพอย่างที่เราเห็นๆกัน”

     

    “ครับ จากโพสต์ไอจีล่าสุดของโปรดิวเซอร์RHระบุในทำนองที่ว่าจินฮวานมีพฤติกรรมที่แย่มาตลอด การทำงานก็เป็นไปอย่างยากลำบากมาตลอด และเขารู้สึกดีใจที่จินฮวานฉีกสัญญากับทางค่าย

     

    จินฮวานกำรีโมทในมือแน่นเพื่อระบายอารมณ์ตัวเองก่อนจะรีบกดปิดทีวีไปทันที

    นี่เป็นผลงานของคังซึงยุนสินะ

     

     

    ตึง ตึง ตึง

     

    เสียงทุบประตูรัวๆทำหน้าร่างเล็กสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะนั่งนิ่งค้างอยู่ซักพักก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนอันคุ้นเคยที่ดังมาจากหลังประตู

     

    “พี่จินฮวาน ออกมาหน่อย! นี่ผมฮันบิน

     

    จินฮวานเหมือนจะค่อยๆได้สติขึ้นในตอนนั้นเองก่อนจะพาร่างของตัวเองมาหยุดที่หน้าประตูก่อนจะเปิดมัน และทันทีที่ประตูแง้มออกฮันบินก็พุ่งพรวดเข้ามาทันที

     

    “พี่โอเคไม๊?”

     

    “คิดว่านะ...อย่างน้อยมันก็คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วแหละ..”

     

    “เอาเถอะ พี่รีบเก็บของเลย ด่วนมากๆ ตอนนี้นักข่าวเข้ามาถึงหน้าลิฟท์แล้ว อีกซักพักยามเอาไม่อยู่แน่”

     

    “อะ..อะไรนะ.?”

     

    “พวกนั้นกัดไม่ปล่อยแน่  พี่ต้องไม่เชื่อเลยล่ะว่าคนกดเข้าไปดูข่าวของพี่เยอะจนบางเว็บล่มเลย”ฮันบินพูดก่อนจะเดินผ่านจินฮวานเข้าไป

     

    จินฮวานมองตามฮันบินที่เดินถือกระเป๋าเป้ที่ติดตัวมาด้วยหายเข้าไปในห้องเขาพักใหญ่ก่อนจะออกมาพร้อมเสื้อผ้าเต็มกระเป๋า เสื้อกันหนาวเก่าๆ หมวกไหมพรมและแว่นตาไร้เลนส์ในมือ

     

    ฮันบินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าจินฮวานอีกครั้งก่อนจะสวมทุกอย่างให้จินฮวานเร่งรีบและคว้าแขนจินฮวานเดินออกจากห้องไป

     

    “แล้วจะไปไหน.. ไม่เอาห้องนายนะ...”

     

    “...เดี๋ยฮยองก็รู้เองแหละ ก่อนอื่นผมต้องให้ฮยองแวะไปที่ค่ายก่อน อาจจะฉุกละหุกไปหน่อยแต่เย็นนี้เขาจะแถลงข่าว พี่มิโนอยากถามพี่โดยตรงน่ะ” ฮันบินพูดขณะที่เขาเดินจูงมือจินฮวานเดินไปตามทางเดินที่เชื่อมไปยังอาคารจอดรถ

    “...”

    “ฮยอง...?”

    “...ฮันบิน...ฉันมีเรื่องจะสารภาพ...”

    “ครับ?”

    “...ฉันน่ะ ไม่ใช่คนดีนายก็รู้ใช่ไม๊? ฉันน่ะ...” จินฮวานกัดปากตัวเองแน่นเพื่อรวบรวมความกล้า “เคยมีอะไรกับประธานค่ายตัวเองเพื่อให้ได้เดบิ้วต์มาก่อน... นาย นายไม่จำเป็นต้องมาดีกับฉันขนาดนี้ก็ได้...”

    “...”

    “นายมีโอกาสจะได้เจอคนดีๆกว่านี้เยอะนะ....ขอบคุณมาก..ที่ทำเพื่อฉันขนาดนี้”

     

    จู่ๆบนสนทนาของทั้งคู่ก็หายไป ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากของฮันบินที่นิ่งไปเหมือนจะตกใจอยู่หลายอึดใจ..

     

     “...เฮ้ พี่ นี่พี่ยังไม่รู้อีกรึไงว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่”

     

     “...”

     

     

     ทำไมหัวใจเขาต้องเต้นแบบนี้นะ? เขาไม่อยากจะเป็นแบบนี้จริงๆนะ...

     

     

    “ผมน่ะ ต่อให้พี่เป็นใครมาจากไหน สุดท้ายผมก็เป็นห่วงพี่อยู่ดี? เลิกคิดมากได้แล้ว J ทีนี้ตอนนี้คือมาช่วงกันคิดดีกว่าว่าจะหนีนักข่าวยังไง

     

    DARK SIDE OG MOON

     

    จินฮวานเดินออกมาจากห้องของประธานบริษัทก่อนจะถอนหายใจออกมา เขามองไปรอบๆก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ฮันบินที่ยืนรออยู่ใกล้ๆ

     

    “เป็นไงบ้างพี่”

     

    “ไม่มีอะไรมากหรอก...เขาให้ฉันพักยาวๆน่ะ พอเรื่องซาค่อยกลับมาทำงานเพลง” จินฮวานตอบกลับไปก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟท์พร้อมๆกับร่างสูง

     

    “...”

     

    “แล้วนี่จะพาไปไหนอีก? ออกมาแล้วกลับไปไม่ได้แล้วนะ”

     

    “เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”ฮันบินพูดก่อนจะกดลิฟท์ไปชั้นใต้ดินที่เป็นลานจอดรถก่อนจะเลื่อนมือมากุมมือจินฮวานเอาไว้หลวมๆ

     

    สัมผัสอุ่นๆจากอีกคนทำให้ความเครียดที่สะสมอยู่ในตัวของจินฮวานเริ่มผ่อนคลายลงทีละนิดทีละนิด

     

    “เดี๋ยวก็รู้อีกและ บอกเลยไม่ได้หรอ?”

     

    “บอกก็ไม่เซอร์ไพรสสิ”

     

    “...จะมาเซอร์ไพรสอะไรกันในเวลาอย่างงี้เล่า แค่นี้ฉันยังช็อคไม่พออีกหรือไง”จินฮวานพูดก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเล็กๆเหมือนจะแสดงความไม่พอใจของตัวเองออกมา

     

     

    และท่าทางน่ารักแบบนั้นทำให้ฮันบินเผลอหยุดยิ้มออกมา

     

    นับวันจินฮวานยิ่งน่ารักขึ้นทุกวัน โดยที่เจ้าตัวคงไม่รู้ตัว

     

    จู่ๆประตูลิฟท์ก็เปิดออกช้าๆพร้อมกับเผยให้เห็นพนักงานคนนึงที่ยืนอยู่หน้าประตูพอดี

    เธอคนนั้นทำท่าอึกอักไปเล็กน้อยก่อนจะมองหน้าของฮันบินและจินฮวานสลับกันไปมาเหมือนจะตกใจก่อนจะไม่ยอมเดินเข้ามาในลิฟท์ซักที

     

     

    “จะเข้าไม๊ครับ?”

    “อะ..เอ่อ... เข้าค่ะ”หญิงสาวพูดก่อนจะเดินเข้ามาในลิฟท์

     

     

    บรรยากาศที่ดูจะผ่อนคลายเมื่อครู่กลับเปลี่ยนไปในทันทีที่ประตูปิดลง ความเงียบเริ่มครอบงำลิฟท์อย่าวช่วยไม่ได้

    จินฮวานยังคงมองผู้หญิงคนนั้นด้วยความสงสัยต่อก่อนที่เธอจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่น

    เขามองผ่านบ่าของเธอคนนั้นก่อนจะเหลือบไปเห็นข้อความที่ปรากฎบนหน้าจอพอดี

     

     

     

    คลิปเสียงของหนุ่มจินฮวานกับประธานค่ายคังซึงยุน?!’

     

     

     

    อ..อะไรกัน!

    จินฮวานคว้าเอามือถือของหญิงสาวคนนั้นมาทันทีจนเธอเผลอกรี๊ดออกมาเบาๆ รวมถึงฮันบินที่หันมามองด้วยความไม่เข้าใจ

    ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้จินฮวานสติหลุดหายไปพร้อมปล่อยมือถือหล่นลงไปกองกับพื้นพร้อมๆกันที่ประตูลิฟท์เปิดออกพอดี

     

    ฮันบินตัดสินใจรีบคว้าตัวจินฮวานออกมาจากลิฟท์โดยเร็วก่อนจะรีบพาจินฮวานเดินไปยังรถคันหรูของฮันบินและพาจินฮวานเข้าไปนั่งในนั้น

     

    ทั้งๆที่จินฮวานเหมือนจะลืมสติเอาไว้ในลิฟท์นั่นซะแล้ว

     

    “พี่เป็นอะไร ทำไมไปแย่งมือถือเขาแบบนั้น”

     

    “....”

     

    “พี่จินฮวาน”

     

     

     

    “คิม จินฮวาน!

     

    “ฉ..ฉันจะทำ..ยังไงดีฮันบิน ”จินฮวานพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักก่อนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

     

     

    เขาจะร้องไห้บ่อยไปแล้วนะ

     

     

     

    “พี่เป็นอะไร?”

     

    “ซึง..ซึงยุนน่าจะปล่อยคลิปเสียง...ออกมา...”

     

    “ไอ้เวรเอ้ย!” ฮันบินสบทออกมาเสียงดังเมื่อพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ก่อนจะสตาร์ทรถทะยานออกไปบนถนนทันที

     

     

     

    จินฮวานไม่รู้ว่าเขามองฮันบินที่ขับรถด้วยบรรยากาศตึงเครียดแบบนี้ไปนานเท่าไหร่ แต่เขาคิดว่ามันคงไม่นานนัก และเขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าบริษัทเก่าของตัวเอง

     

     

    “มาที่นี่ทำไม...”

     

     

    นักข่าวที่ออกันเต็มหน้าตึกต่างหันมาให้ความสนใจกับรถของฮันบินอย่างเห็นได้ชัด

     

     

    “ฮยองรออยู่ในรถนี่แหละไม่ต้องไปไหน”ฮันบินหันมาพูดกับจินฮวานก่อนจะพรวดพราดลงไปจากรถโดยที่จินฮวานยังไม่ทันทักท้วงอะไร

     

    ร่างบางหันไปเปิดประตูด้วยความรีบร้อนก่อนจะพบว่ามันถูกล็อคไปซะแล้ว

     

    เขาเห็นฮันบินที่เดินฝ่านักข่าวและยามหายเข้าไปภายในตึกอย่างเป็นกังวล ก่อนจะควานหามือถือของตัวเองขึ้นมากด

     

     

    โทรหาใครดี คิดสิจินฮวาน!

     

    มือบางกดปลดล็อคมือถือในมือตัวเองอย่างเร็วก่อนจะกดเข้าในรายชื่อเพื่อหาใครซักคนให้โทรหา

     

     

    โอ๊ยไม่รู้แล้วเว้ย!

     

     

    ยังไม่ทันที่จินฮวานจะได้โทรหาใครเพื่อขอความช่วยเหลือ เขาก็เห็นฮันบินที่ถูกยาม3-4คนลากตัวออกมานอกตึกอีกครั้งในสภาพไม่ค่อยดีนัก

     

    แม้ว่าเขาจะอยู่ไกลแต่เขามั่นใจว่าฮันบินคงโดยทำร้ายมาแน่ๆ เล่นเลือดกบปากซะขนาดนั้น

     

    จินฮวานทุบประตูรถแรงๆหลายๆครั้งด้วยความเป็นห่วงคนที่อยู่ข้างนอกแม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันไม่ช่วยอะไรก็ตาม

     

     

    ฮันบินถูกยามร่างใหญ่ทิ้งลงกับพื้นก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นอย่างหงุดหงิดและลุกขึ้นเดินกลับมาที่รถอีกครั้ง

     

     

    ฮันบินเปิดรถอย่างแรงก่อนจะเข้ามานั่งในรถเหมือไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมๆกับที่จินฮวานพุ่งเข้าไปกอดอีกคนไว้แน่นๆ

     

    “ไม่ต้องห่วงนะพี่ ผมจัดการไอ้คังซึงยุนอะไรนั่นให้แล้ว หน้ายับจนแถลงข่าวไม่ได้ไปอีกหลายวันแน่ หึ”

     

    “ทำไมทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้ห้ะ?”จินฮวานตวาดออกมาเชิงตำหนิก่อนจะกอดอีกคนแรงขึ้นอีก “เกิดพวกเขาซ้อมนายขึ้นมาจะทำยังไง! การ์ดพวกนั้นน่ากลัวจะตายไป มันไม่เหมือนเด็กมัธยมต่อยกันนะฮันบิน!!

     

    “ก็ได้คิดว่าเป็นเด็กมัธยมซักหน่อย..”

     

    “เงียบไปเลยน่า”จินฮวานพูดก่อนจะคลายอ้อมกอดออก

     

    ฮันบินรีบสตาร์ทรถทันทีก่อนที่รถจะเริ่มเคลื่อนออกไปจากหน้าตึกที่เริ่มมีนักข่าวมากมายมารุมถ่ายรูปรถของเขาไว้เรียบร้อยแล้ว

     

     

    โชคดีที่เขาติดฟิล์มหนาพิเศษดังนั้นนักข่าวพวกนั้นคงไม่เห็นจินฮวานหรอก

     

     


     

    DARK SIDE OF MOON


     

     “อูย...ส์ เบาๆหน่อยสิพี่”

    “น่าจะเอาแอลกอฮอล์ราดให้หมดขวดเลย!”จินฮวานพูดออกมาก่อนจะจิ้มลำสีในมือลงไปบนแผลที่หน้าของฮันบิน

     

     

    จินฮวานเป่าลงไปที่แผลของฮันบินเล็กน้อยก่อนจะติดพลาสเตอร์ที่แวะซื้อมาเป็นอย่างสุดท้าย

     

     

    ร่างเล็กค่อยๆถอยหน้าตัวเองออกจากหน้าฮันบินทีละน้อยก่อนจะกลับมานั่งในที่นั่งข้างคนขับของตัวเอง

     

     

    เมื่อเริ่มว่างสมองของจินฮวานก็เริ่มเตลิดอีกครั้ง เมื่อกี้เขาเหมือนจะมัวแต่เป็นห่างฮันบินจนเผลอลืมทุกอย่างไปหมด...แต่ตอนนี้เขากลับเริ่มฟุ้งซ่านขึ้นมาอีก...

     

    และเหมือนฮันบินก็รู้ว่าเขาคงไม่สามารถผ่านมันไปได้ง่ายๆ...

     

     

    ฮันบินค่อยๆเอนตัวมาหาจินฮวานก่อนจะกดจูบลงไปบนหน้าผากก่อนจะ

     

    “ผมแบ่งเรื่องร้ายๆในหัวพี่มาแล้วนะ”

     

    “ฉันจะทำยังไงดีฮันบิน... ฉัน...ฉันทำมันต่อไม่ได้แล้ว ฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอคนอื่น...”จินฮวานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆราวกับจะร้องไห้ออกมา

     

    ”เดี๋ยวทุกอย่างมันก็จะผ่านไป...เชื่อใจผมสิ... เดี๋ยวมันก็มีทางออกน่า”ร่างสูงพูดก่อนจะโอบจินฮวานไว้ ในขณะเดียวกันที่จินฮวานก็หันมาซบตรงไหล่เขาพอดี

     








     

     DARK SIDE OF MOON












     

     

     “พี่จินฮวาน..ตื่นได้แล้วครับ” ฮันบินปลุกจินฮวานพลางเขย่าร่างบางเบาๆ

     

    “อื้อ...”

     

    “ตื่นได้แล้วครับ~

     

    จินฮวานค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก

    เขาอยู่ที่ไหน? เขาจำได้ว่าล่าสุดเขาร้องไห้จนหลับไป...

     

    จินฮวานมองซ้ายหันขวาก่อนจะพบตอนนี้ตัวเองยังนอนอยู่ในรถของคิมฮันบินเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าสถานที่รอบข้างดูจะเปลี่ยนไป...

    เขาอยู่ในลานจอดรถที่ไม่คุ้นตาแห่งหนึ่ง

     

     

     

     

    “จริงๆผมอยากจะทำให้มันโรแมนติกกว่านี้นะ แต่ในเมื่อมันฉุกละหุกเบบนี้ไปแล้วก็...”

     

    “..?”

     

    “พี่จินฮวาน... พวกเรากำลังอยู่ที่ลาดจอดรถของสนามบินอินชอน”

     

    “ห้ะ? สนามบินงั้นหรอ?” จินฮวานถามมันอย่างส่งสัยก่อนที่จะสังเกตเห็นตั๋วเครื่องบินสองใบในมือของฮันบิน

     

    ฮันบินค่อยๆส่งตั๋วทั้งสองใบนั้นให้จินอวานก่อนจะพูดต่อ

     

    “ตั๋วทั้งสองใบนี้ เป็นตั๋วของเที่ยวบินที่กำลังจะออกในอีก... 1 ชั่วโมงข้างหน้า ใบนึงเป็นเที่ยวบินตรงไปฮังการี ส่วนอีกใบไปเกาะเซจู... บ้านเกิดของพี่

     

    “....”

     

    ขอโทษที่ทำให้พี่ต้องมาเลือกอะไรงี่เง่าแบบนี้อีก แต่ว่า...ผมแค่อยากให้พี่ลองตัดสินใจดู...”

     

    “หมายความว่ายังไง?”

     

    “ผมจะรออยู่บนเครื่องไปฮังการี... ถ้าพี่ยังมองผมเป็นแค่น้องชายของพี่คนนึง พี่ก็เลือกที่จะกลับบ้านได้นะ...ที่นั่นอะไรอะไรอาจจะง่ายกว่านี้ แต่...ถ้าพี่พร้อมจะไปกับผม ไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเรา ที่ๆผมจะเป็นแค่คิมฮันบิน ส่วนพี่ก็เป็นแค่คิมจินฮวานคนปกติทั่วไป... ”

     

    “ฮันบินอา..”

     

    “พร้อมจะไปกับผมไม๊ จินฮวาน ปล่อยมือทุกอย่างแล้วไปกับผม อย่างน้อยก็จนกว่าทุกเรื่องจะหายไป...”

     

    “ฉัน...”

     

     

    “พี่ไม่ต้องรีบตอบหรอก...ผมจะรอพี่นะ...”

     

     

     

    DARK SIDE OF MOON






     

    ฮันบินลุกขึ้นยืนเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่เขาเข้ามาในเครื่องบินลำนี้ นี้มันอีกแค่ไม่กี่นาทีเครื่องก็จะออกแล้วแท้ๆ แต่ทำไมจินฮวานยังไม่มา?

     

    นี่จินฮวานไม่ไปกับเขาจริงๆนะหรอ

     

    เขามองไปยังประตูของเครื่องก่อนจะทรุดลงนั่งอีกรอบ..

     

    ไม่... จินฮวานต้องมาสิ ต้องมา...ต้องมา...ต้องมา...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แต่จนแล้วจนรอด กระทั่งเครื่องบินออกจินฮวานก็ยังไม่มา

     

    ฮันบินทิ้งตัวลงนั่งกับที่นั่งอย่างอ่อนแรงอย่างผิดหวัง

     

    สุดท้ายจินฮวานก็ไม่เลือกเขา..

     

    ฮันบินหลับตาลงก่อนจะปล่อยให้สมองโล่ง แต่ไม่ว่าจะพยายามขนาดไหนก็ไม่สามารถลบภาพจินฮวานออกไปได้ซักที..

     

     

     

     

     

    “ขอโทษครับท่านผู้โดยสาร จะรับอะไรดีครับ J” จู่ๆเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจนฮันบินต้องรีบลืมตาขึ้นมาโดยไวก่อนจะพบจินฮวานที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า

     

    “...พ.พี่? คิม จินฮวาน?”

     

    “เห็นเป็นคิมแทฮีรึไงล่ะ”

     

    “พี่.มาได้ไง..ก็เครื่องออกแล้ว”

     

    “ก็พอดีคนบ้าแถวนี้ทิ้งฉันไว้ในลานจอดรถคนเดียว ไอ้เราก็นั่งเครียดตั้งนาน อุตส่าห์วิ่งมา พอขึ้นเครื่อง คนบ้าคนนั้นกลับยังไม่ขึ้นมาด้วยซ้ำ รู้ไม๊ว่าวิ่งมาจากลานจอดมันเหนื่อยน่ะ ก็เลยอยากแกล้งนิดหน่อย 555

     

    ฮันบินนิ่งไปหลายวิราวกับจะประมวลผลก่อนจะคลี่ยิ้มในวินาทีต่อมา

     

     

    “พี่มันบ้า..!

     

    “นายก็บ้าเหมือนกันนั่นแหละ คิดอะไรแบบนี้ได้ไงเห๊อะ?”จินฮวานพูดพร้อมกับแทรกตัวเข้ามานั่งลงที่ที่นั่งๆข้างๆของฮันบินม

     

    “บ้าแล้วรักป่ะล่ะ?” ฮันบินถามกวนๆก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้จินฮวาน

     

    “ไม่รักมั้ง”

     

    “งั้นเครื่องลงก็แยกกันเลยแล้วกัน”

     

    “ล้อเล่นน่า... รักมาก โอเค้?”

     

    “อย่างงี้ค่อยดีหน่อย J

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    +Special?

     

    “ฮันบินแปบนะ ขอไปสูบบุหรี่แปบดิ นั่งเครื่องมาตั้งนาน”

    “ฮยอง..”

     “ห้ะ? มีไรเปล่า?”

    “ตั้งแต่นี้ผมว่าฮยองเลิกบุหรี่เหอะ มันไม่ดีะ”

    “ทีนายยังสูบได้เลย L

    “ของผมก็ไม่ติดป่าววะ ฮยองสูบเยอะไปและ”

    “ไม่เยอะ..ซะหน่อย...”

    “นั่นแหละ..ฮยองเลิกเหอะ ดูดบุหรี่อะไรเนี้ย”

    “งื้อออ”

     

     

     

     

     “แต่ถ้าอยากดูดจริงๆ...หันมาดูดผมแทนก็ได้นะ J

     

     

    FIN.
     

     

     

    TALK


    จบซักที ฮืออออออออ เรื่องนี้มันยาวมากมายมากค่ะทุกคน TT
    สิริรวมเเล้ว...660 หน้าเน้นๆ...
    โอยยยย 
    หวังว่ารีดเดอร์จะเอ็นจอยรีดดิ้งกันนะะะะ
    เจอกันเรื่องต่อไปถ้ายังมีเเรงเเต่งอยู่....
    ตอนนี้โดนสูบพลังรัวๆ 5555

    ใครอยากอ่านเรื่องต่อไปไวๆมาเม้นหรือเล่นแท็คกันเถอะ TT จิได้มีกำลังใจมาอัพเร็วๆ 5555 

    #StepOfBJIN

     

     

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×