คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : BJIN - Dark Side of Moon pt.2 [PG] 100%
จินฮวานค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆเมื่อแสงแดดจากหน้าต่างส่องเข้ามา
ความทรงจำเมื่อคืนค่อยๆไหลเข้ามาในหัวทำให้เขารู้สึกตัวได้ว่าอยู่ที่ไหนกันเเน่ และเมื่อเขาหันไปมองด้านข้างก็รู้ว่าสิ่งที่เขานอนหนุนอยู่ก็คือไหล่เเกร่งของฮันบินนั่นเอง
เมื่อคืนอีกฝ่ายคงเมื่อยที่ให้เขานอนตักเลยลงมานอนด้วยกันล่ะมั้ง....
ความมึนจากแอลกอฮอล์ในร่างกายทำให้จินฺวานไม่รู้สึกอยากลุกไปไหนทั้งๆที่ตื่นเต็มตาเเล้ว
หรือจริงๆเขาอาจจะไม่อยากลุกจากอ้อมแขนนนี้ก็ได้นะ
ร่างบางได้เเต่มองหน้าฮันบินอยู่อย่างงั้น.... เเละนี่เป็นครั้งเเรกที่จินฮวานเริ่มใจเต้นกับคนตรงหน้าแม้เขาจะไม่ได้ทำอะไร
ดูท่าทางเขาจะเป็นเอามากนะ...
ยังไม่ทันที่จินฮวานจะทำอะไรต่อ แขนของฮันบินก็ถูกยกขึ้นมาลูบหัวจินฮวานอย่างเบามือ
คิม ฮันบินตื่นเเล้ว...
"อ้อนเป็นลูกแมวเลยนะครับ~" ฮันบินพูดติดตลกในขณะที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ก่อนจะพาดแขนอีกข้างมากอดจินฮวานเเทน
"งื้อ...." จินฮวานส่งเสียงในลำคอพลางซุกหน้าเข้ากับอกของฮันบิน
"วันหลังจะดื่ม ก็มาดื่มที่นี่สิ ผมทำงานที่บ้านตลอดอยู่เเล้ว..."
"...."
"ผมเป็นห่วง"
ร่างสูงค่อยๆคลายอ้อมกอดตัวเองช้าก่อนจะมองลึกเข้าไปในตาจินฮวานเเทน
เขารู้ว่าตอนนี้จินฮวานกำลังสบสนอะไรบางอย่างอยู่ ..
เเละเขาก็คงไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งมากมายกว่านี้
"อะ...อือ.." จินฮวานตอบก่อนจะก้หน้าลงซ่อนใบหน้าแดงก่ำเพราะความเขินของตัวเองไว้
คิม ฮันบินมีเวทย์มนต์วิเศษที่ทำให้จินฮวานลืมเรื่องราวต่างๆไปอย่างหมดสิ้น แม้จะแค่เวลาสั้นๆ แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างประหลาด
ทั้งๆที่เขาคิดไว้แล้วว่าจะไม่ยอมให้คนคนนี้มามีอิทธิพลกับเขาเด็ดขาดแท้ๆ
สุดท้ายเขาก็แค่ทิ้งความคิดในหัวตัวเองทิ้งไป ปล่อยให้กำแพงในใจพังครืนลงมาเหมือนที่มันควรจะเป็น
DARK SIDE OF MOON
"ฮันบินอา~ ตู้เก็บซีดีนายอยู่นี่ใช่ป่ะ?"จินฮวานที่นั่งอยู่หน้าตู้กระจกตะโกนถามอีกฝ่ายที่อยู่ห่างออกไป
หลังจากจินฮวานกับฮันบินกินข้าวเช้าที่คนตัวเล็กเป็นคนทำเรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่ทั้งสองคนไม่มีงานวันนี้เหมือนกันก็เลยตัดสินใจจะนอนดูหนังด้วยกันแทนที่จะแยกย้ายเหมือนทุกครั้ง
มือเรียวของจินฮวานเปิดตู้ใส่ซีดีขนาดใหญ่ออกโดยไม่รอคำตอบจากฮันบิน ก่อนจะไล่สายตาไปตามสันซีดีที่เรียงรายกันอยู่ในตู้ ส่วนมากจะเป็นอัลบั้มเพลงซะส่วนใหญ่ ทั้งเพลงฮิปฮอปแบบที่เจ้าตัวชอบและเพลงฟังสบายๆอีกส่วนหนึ่ง
หลังจากที่จินฮวานได้เห็นซีดีเพลงมากมายขนาดนั้นดูเหมือนเจ้าตัวจะลืมไปแล้วว่าตัวเองเปิดตู้นี้มาเพื่อหาหนังดู เอาแต่หยิบจับอัลบั้มแผ่นนู้นแผ่นนี้ขึ้นมาตามความสนใจก่อนจะมาสะดุดลงที่อัลบั้มชุดหนึ่งที่วางเรียงอยู่ติดๆกัน
แน่นอนว่าเขาจำมันได้ขึ้นใจ เพราะมันคืออัลบั้มของเขาเองทั้งหมด ตั้งเเต่อัลบั้มเเรกจนถึงอัลบั้มล่าสุดที่พึ่งออกไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา
จินฮวานเอื้อมมือไปหยิบอัลบั้มทั้งหมดออกมาก่อนจะพลิกดูทีละแผ่นพลางยิ้มออกมา ในขณะที่ฮันบินก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพอดี
“เฮ้ย หยิบอะไรออกมาน่ะฮยอง”
“นี่เป็นแฟนบอยเร๊อะ 5555” จินฮวานหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปมองฮันบินที่หน้าเริ่มขึ้นสีน้อยๆเเละยกมือขึ้นเกาท้ายทอยด้วยความเขิน
“เปล๊า ก็... ก็... ก็แบบ ตังค์มันเหลือ เลยซื้อเก็บไว้” ร่างสูงพูดก่อนจะทรุดนั่งลงขัดสมาธิข้างๆจินฮวาน
“อ่ะหรอออออ”
“อือ~”
จินฮวานเปิดอัลบั้มของเขาดูช้าๆก่อนจะนึกอะไรออกได้
ร่างเล็กเอื้อมมือไปยังกล่องใส่ปากกาที่ตั้งอยู่ใกล้ๆตู้ก่อนจะคว้าเอาปากกาสีดำหัวหนาขึ้นมาเขียนอะไรลงไปบนอัลบั้ม
ฮันบินมองการกระทำนั้นด้วยความสงสัยก่อนจะชะโงกคอมาดู
จินฮวานกำลังเขียนไซน์ให้คิม ฮันบิน
“อ่ะ เสร็จและครับคุณแฟนบอยกิตติมศักดิ์”จินฮวานพูดก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนจะส่งอัลบั้มที่พึ่งเซ็นให้ฮันบิน
‘ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ – คิม จินฮวาน ’
“ดูหนังกันเหอะ!”จินฮวานพูดขึ้นมาขัดก่อนจะหันกลับไปสนใจซีดีต่างๆในตู้แทน
“นี่ ผมเก็บหนังไว้ในกล่องนี้ต่างหาก”ฮันบินว่าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกล่องพาสติกขนาดกลางกล่องหนึ่งที่วางอยู่มุมตู้มาเปิดออกพร้อมกับจินฮวานที่ขยับเข้ามาใกล้ๆฮันบินเพื่อนจะดูกองซีดีหนังในกล่องด้วย
“The Conjuring ไม๊?”ฮันบินพูดก่อนจะหยิบซีดีแผ่นแรกที่เห็นขึ้นมา
“ไม่เอา เอา Narnia ดีกว่า”จินฮวานเถียงตอบก่อนจะหยิบแผ่นหนังอีกแผ่นขึ้นมา
“เด็กไปป่ะเนี้ย งั้น... Step up?”
“พึ่งดูไปเอง เรื่องนี้ก็น่าดูนะ Maleficent”
“นี่ชอบหนังแฟนตาซีจริงๆอ่ะ ผมไม่เห็นชอบเลย นี่เลยๆ หนังในดวงใจต้อง Skyfall”
“ไม่ไหวๆ เครียดไป ขี้เกียจดู งั้นดู Ted กันไม๊?”
ไม่รู้ว่าพวกเขาเถียงกันไปอีกนานเท่าไหร่ แต่จินฮวานกลับรู้สึกว่ามันตลกมากกว่าน่ารำคาญอย่างที่ควรเป็น รสนิยมการดูหนังของเขากับฮันบินต่างกันแบบสุดๆเลยล่ะ
จนสุดท้ายพวกเขาก็เลือกหนังรักที่วางกองอยู่เป็นแผ่นล่างสุดมาดูเพราะเลือกหนังกันไปจนหมดแต่ไม่ลงตัวซักที..
จินฮวานทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาตัวยาวในห้องก่อนจะมองไปยังฮันบินที่กำลังวุ่นกับการเปิดซีดีอยู่
บางทีเขาก็คิดว่าถ้าได้ใช้ชีวิตอย่างงี้ตลอดไปก็คงดี
เมื่อร่างสูงจัดการอะไรเรียบร้อยแล้ว ฮันบินก็เดินมานั่งลงข้างๆจินฮวานก่อนจะเอาแขนรองข้างหลังจินฮวานเอาไว้
หนังดำเนินไปท่ามกลางความเงียบที่เข้าแกคลุม ทั้งฮันบินและจินฮวานต่างอินไปกับหนังที่ดึงดูดทั้งสองคนเข้าในโลกใบใหม่
“นายว่าเป็นไปได้หรอที่เพื่อนสนิทมีอะไรกัน แล้วจะยังเป็นแค่เพื่อน” จินฮวานถามอีกฝ่ายเมื่อหนังดำเนินไปซักพัก
“ไม่รู้ดิ... แต่พระเอกก็โง่นะ นางเอกสวยออก ทำไมถึงให้เป็นแค่เพื่อนก็ไม่รู้”ฮันบินพูดก่อนจะหยิบผ้าห่มผืนเล็กที่วางอยู่ใกล้ๆมาห่มให้จินฮวานที่ดูเหมือนจะเริ่มสั่นน้อยๆด้วยควาเย็นจากเครื่องปรับอากาศให้ห้อง
“อือ.. ก็สวยนะ ตอนถอดแว่นอ่ะ ว่าแต่เพื่อนเวลาเขามีอะไรกันแล้วเวลาเขามีอะไรกันแล้ว เวลาคุยกันมันไม่รู้สึกแปลกๆหรอวะ”
“คงเหมือนผมกันฮยองตอนนี้มั้ง...”
ฮันบินตอบก่อนจะหันไปมองคนตัวเล็กที่หันมามองเขาและทำหน้าเหวออยู่กับประโยคที่เขาพูดออกไป
หน้าขาวๆกับปากแดงๆของจินฮวานทำให้เขารู้สึกอยากจูบคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ฮันบินค่อยๆโน้มตัวเองลงไปฝากรอยประทับบนปากของคนตัวเล็กไว้เบาๆก่อนจะหันกลับไปดูหนังโดยไม่ลืมที่จะกระชับอ้อมกอดให้จินฮวานเข้ามาใกล้มากขึ้น
จินฮวานที่ยังมึนๆจากสัมผัสเมื่อครู่ได้แต่นิ่งไปซักพักก่อนจะยกมือขึ้นตีไหล่คนข้างๆเมื่อได้สติ
....นับวันฮันบินยิ่งทำเหมือนกับว่าพวกเขาคบกันยังไงอย่างงั้น
นายกำลังทำให้ฉันสับสันนะ คิม ฮันบิน...
จินฮวานปล่อยให้ตัวเองจนอยู่กับความคิดในหัวอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมาพลางเอาหัวหนุนไหล่ฮันบิน
“เมื่อวาน... ฉันทะเลาะกับเมเนเจอร์ล่ะ...”
ฮันบินหันมามองอีกคนที่จู่ๆก็พูดขึ้นมา
“ฉัน.... แอบไปสูบบุหรี่ในสถานี เขาโกรธมาก ก็เลยด่าฉัน... ฉันก็หงุดหงิดอยู่เลยเผลอเถียงออกไป ทั้งๆที่พี่เขาทำถูกแล้วแท้ๆ ฉันนี่เเย่เน๊อะ...”
“...”
“ฉันว่าฉันกำลังสับสน....มากเกินไป ตอนแรกที่รู้สึกแย่มันเป็นเพราะฉันทะเลาะกับเมเนเจอร์ แต่พอฉันมาคิดดูดีๆ แล้วบางทีเส้นทางนนี้มันอาจจะไม่ได้เป็นของฉันก็ได้นะ”
“หมายความว่า...?”
“ฉัน.... อยากเลิกเป็นนักร้อง....”
20%
DARK SIDE OF MOON
จินฮวานกำลังเดินเข้าบริษัทเหมือนทุกวันโดยไม่ลืมที่จะกล่าวทักทายแฟนคลับที่มายืนรออยู่ด้านหน้าตึก
ร่างเล็กเดินไปตามทางเดินที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาอยู่ที่นี้บ่อยกว่าอยู่บ้านตัวเองซะอีก เด็กเทรนที่เดินกันควักไขว่กันที่ชั้น1ก็ทำให้เขานึกถึงสมัยที่ยังไม่เดบิวต์
เขาตรงไปยังห้องซ้อมตัวเองอย่างไวก่อนจะทิ้งกระเป๋าสะพายลงกับพื้นห้องซ้อมอย่างไม่ค่อยจะสนใจนักและเดินไปยังคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทำงานเป็นประจำ
จินฮวานเสียบฮาร์ดดิสเสียบเข้ากับคอมก่อนจะกวาดเอาโฟลเดอร์ทั้งหมดลงมาใส่ไว้ ทั้งไฟล์เพลงที่เขาเคยโคฟ เพลงที่เคยอัด หรือเพลงที่เขาแต่งเอง
หลังจากนี้เขาคงยุ่งจนไม่มีเวลามาย้ายข้อมูล
เขาไม่รู้ว่าการที่เขาตัดสินใจทำอย่างนี้มันถูกต้องแน่นอนแล้วจริงๆรึเปล่า บางทีในซักวันข้างหน้าเขาอาจจะต้องร้องไห้กับการตัดสินใจของตัวเองก็ได้...
นี่เขากำลังจะเอาสิ่งที่เขาแลกมาด้วยเกือบทั้งชีวิตของเขาไปทิ้งรึเปล่านะ?
จินฮวานเพ่งไปยังเวลาบอกเวลาที่หน้าจอก่อนจะลุกขึ้นและเปลี่ยนเป้าหมายตรงไปยังชั้นบนของตึกที่เป็นที่ทำงานของคนที่เขารู้จักดี
คัง ซึงยุน... ลูกชายของประธานคนเก่าที่พึ่งมารับตำแหน่งต่อได้ไม่นาน
จินฮวานเดินผ่านห้องต่างๆอย่างช้าๆราวกับจะซึมซับทุกอย่างไว้เป็นครั้งสุดท้าน ก่อนจะเดินผ่านเลขาที่นั่งอยู่หน้าห้องไปโดยไม่สนใจก่อนจะผลักประตูเข้าไปในห้องและเจอซึงยุนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเองเหมือนที่คาด
คังซึงยุนนั่งอยู่ตรงนั้น บนโต๊ะทำงานประจำตำแหน่งของเจ้าตัว
ซึงยุนเงยหน้ามองจินฮวานด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยราวกับคิดว่าจะเจอจินฮวานในตอนนี้...
นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้เหยียบเขาในห้องนี้... หรือแม้กระทั่งเจอซึงยุนแบบตัวต่อตัวอย่างงี้? หลายเดือน? ปี?
“ผมมีเรื่องจะคุยด้วย... แบบไม่มีกล้องวงจรปิด”จินฮวานพูดเสียงเรียบก่อนจะเดินไปนั่งที่ชุดรับแขกในห้อง
สาบานได้ว่า เขารู้สึกตื่นเต้นและกลัวแทบบ้าแต่เขาแค่ซ่อนมันไว้ภายใต้หน้ากากของควาเย็นชาเท่านั้นเอง...
ซึงยุนเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจทำตามที่จินฮวานบอกโดยการยกโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งให้เลขาปิดคัตเอ้าท์สำหรับกล้องวงจรปปิดในห้องทำงาน
“มีอะไร”ซึงยุนถามจินฮวานในขณะที่เดินมานั่งตรงหน้าร่างบางที่กำลังกำมือตัวเองแน่นในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำ
“ผมจะขอยกเลิกสัญญา” จินฮวานพูดก่อนจะหยิบเช็คเงินสดที่ตัวเองถือมาวางลงบนโต๊ะระหว่างเขากับคนตรงหน้า
“...”
“...ผมเหลือสัญญาอีกแค่ปีเดียว นี่เป็นค่าปรับตาที่สัญญาบอกเอาไว้”
“กลับไปนอนพักที่หอไปจินฮวาน”ซึงยุนพูดด้วยเสียงเย็นชาเหมือนที่ชอบใช้
และจินฮวานรู้ว่ามันหมายถึงว่าซึงยุนกำลังโมโห
“ถ้าคุณไม่ตกลงดีๆตอนนี้ ผมก็จะแถลงข่าวอยู่ดี วันอาทิตย์หน้า ผมนัดนักข่าวจองไว้แล้ว”จินฮวานพูดก่อนจะยื่นเช็คไปที่คนตรงหน้าอีกครั้ง
“คิม จินฮวาน ออกไปซะ ฉันจะถือว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”ซึงยุนพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่รุนแรงกว่าเดิม
“..ผมจะเคลียร์ตารางงานให้ เหลืออีกแค่3-4งานเอง ผมขอตัวล่ะ หวังว่าพรุ่งนี้ผมเข้าบริษัทมาจะเจอหนังสือยกเลิกสัญญานะ”
จินฮวานลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนจะรีบเดินไปยังประตูห้องอย่างรวดเร็ว
ถ้าไม่ติดที่มือของคังซึงยุนคว้าเขาเอาไว้ก่อน
จินฮวานรู้สึกได้ในวินาทีที่มือของซึงยุนสัมผัสเขาได้ว่า เขากำลังตกอยู่ในอันตราย...
ซึงยุนผลักจินฮวานไปติดกับผนังก่อนจะใช้มือยันเอาไว้ไม่ให้คนตรงหน้าหนีไปไหน ก่อนจะเผยยิ้มร้ายออกมา และไม่ว่าจินฮวานจะพยายามผลักอีกคนออกไปขนาดไหนแต่ดูเหมือนเขาจะเสียเปรียบในทุกๆด้าน
นี่เป็นสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเท่าที่เขาจะนึกออก
“หึ.. ออกไปจากที่นี่ไม่ง่ายอย่างที่นายคิดหรอกนะจินฮวานอา J ”
สรรพนามนี่สนิทสนมทำให้จินฮวานรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา เขารู้ว่าคนตรงหน้าก็แค่เห็นเขาเป็นเครื่องมือหาเงินชั้นดีเท่านั้นเอง
“เผื่อนายจะลืมไป ฉันจะเตือนความจำให้ว่านายเป็นใครกันแน่”ซึงยุนกัดฟันพูดก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้จินฮวานมากขึ้นราวกับจงใจจะตอกย้ำให้จินฮวานรู้ตัว และกดจูบลงไปบนริมฝีปากบางอย่างหนักหน่วง
ร่างเล็กพยายามดันซึงยุนออกไปแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะทันทีที่เขาพยายา ซึงยุนก็จับเอามือเขาขึ้นไปตรึงกับกำแพงแทน
และจินฮวานก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่ตลบในปากอย่างน่าสะอิดสะเอียน...
เขาพูดได้เต็มปากว่าเขารังเกียจผู้ชายคนตรงหน้านี้... คนที่บังคับให้เขานอนด้วยเพื่อโอกาสเดียวในการเดบิวต์ เกลียดตัวเองที่ตอนนั้นยังเด็กเกินกว่าที่จะรู้อะไรๆและยอมทำตาเกมส์ของคนคนนี้มาตลอด
และเกลียดตัวเองที่ร้องไห้แสดงความอ่อนแอออกมาอีกแล้ว
ใช่... คิม จินฮวานคนนี้ไม่ใช่คนดี....
และ เขาเคยเอาตัวเข้าแลกเพื่อเ
ดบิวต์มาก่อน...
40%
“ต่อให้คุณทำอะไร ผมก็จะออก ผมเบื่อไอ้บริษัทเส็งเคร็งนี้เต็มทนแล้ว!” จินฮวานตะโกนออกมาทันทีที่ซึงยุนถอนจูบออกไปพร้อมกับใช้แรงทั้งหมดสะบัดซึงยุนออกและตบเข้าไปฉาดใหญ่
จินฮวานฉวยโอกาสที่ซึงยุนยืนนิ่งค้างไปเล็กน้อยอยู่วิ่งออกมาโดยเร็วก่อนจะรีบจ้ำออกไปหวังจะออกจากบริษัทให้เร็วที่สุด
ยังไงคังซึงยุนก็ไม่มีทางตามเขาออกมาทั้งๆที่คนในบริษัทยั้วเยี้ยหรอก...เขากลัวเสียหน้าจะตาย...
ร่างเล็กก้มหน้างุดซ่อนใบหน้าเปื้อนน้ำตาเดินไปยังห้องซ้อมเก็บของทุกอย่างลงกระเป๋า เดินไปหยิบฮาร์ดดิสที่โต๊ะก่อนจะคว้ากระเป๋าขึ้นสะพาย
เขาหันไปมองสภาพตัวเองในกระจกและเหยียดยิ้มอย่างสมเพศตัวเองออกมา
ลาก่อน ชีวิตเฮ็งซวย
DARK SIDE OF MOON
‘นักร้องหนุ่ม คิม จินฮวาน เดินออกจากบริษัททั้งน้ำตา?’
จินฮวานมองหัวข้อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
ตั้งแต่เมื่อวานที่เขาออกจากบริษัทมาข่าวก็ถูกปล่อยออกมา... นักข่าวจากสำนักข่าวชื่อดังจับภาพตอนเขาเดินออกมาได้พอดี สำนักข่าวอื่นๆก็พากันค้นรูปและบทสัมภาษณ์ต่างๆในอดีตมาตีความหมายกันใหญ่
ชื่อของเขาที่เด่นหราบนเว็บไซด์ดังต่างๆกำลังทำให้ข่าวลือต่างๆนาๆแพร่สะพัดออกไปอย่างกับไฟลามทุ่ง
เขาก็คิดนะ... ว่าทำไมเขาถึงพาตัวเองมาจบลงที่นี่ได้นะ....
จินฮวานเงยหน้ามองตึกสูงแห่งหนึ่งที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เข้าไปผ่านกระจกรถก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
เขากำลังนั่งอยู่ในรถรอใครบางคนอยู่...
นี่คือสิ่งที่เขาเลือกจริงๆน่ะหรอ?
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงคนเคาะกระจกรถทำให้จินฮวานหันไปสนใจที่มาของเสียงก่อนจะพบกับฮันบินที่ยืนยิ้มให้เขาอยู่ภายนอกรถ
จินฮวานคว้าเอาแว่นกันแดดของตัวเองขึ้นสวม เช็คตัวเองในกระจกรถให้เรียบร้อย ก่อนจะก้าวลงจากรถไปหาฮันบิน
“อันยอง...”
“เฮ้ สดใสหน่อยสิ นี่ฮยองกำลังจะไปพบประธานค่ายผมนะ!”
“ฉันควรงั้นหรอ กับการเดินลั้นลาเข้าบริษัทคู่แข่งน่ะ... นี่ฉันกำลังจะประสาทจริงๆนะ ช่วงนี้นักข่าวตามเป็นพรวนเลย”จินฮวานพูดก่อนจะยกมือขึ้นยีหัวตัวเองอย่างอารมณ์เสีย
คิม จินฮวานกำลังจะมาเซ็ยสัญญากับค่ายของฮันบิน...วันนี้ โดยมีคนตรงหน้าเขาเป็นผู้บงการทุกอย่าง รวมถึงจัดการนัดหมาบทุกอย่างเสร็จสรรพด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าถึงแม้ฮันบินจะไม่รู้เรื่องซึงยุนก็ตาม...
“เอาหน่า เดี๋ยวพอหมดวันนี้ พี่ก็เป็นคนค่ายนี้แล้วน่า!”
“ว่าแต่ประธานนายจะยอมรับฉันป่ะเหอะ...”จินฮวานพูดก่อนจะเดินตาฮันบินที่กำลังนำเขาเข้าสู่ตัวตึก
“เด็กเส้นจากโปรดิวเซอร์ฮันบินซะอย่าง ทุกวันนี้ผมใกล้จะใหญ่กว่ามันและบอกเลย”
มัน? งั้นหรอ... แสดงว่าฮันบินกับท่านประธานสนิทกันมาก?
จินฮวานเดินตามฮันบินเข้าไปในตึกสูงก่อนจะมองซ้ายมองขวาอย่างสนใจ
ที่นี่เป็นที่ที่เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาเหยียบเลยซักนิด
ทันทีที่ทั้งสองคนก้าวเข้ามาในบริษัท พวกเขาก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนตึกทันที ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือเทรนนี่ก็ต่างจับจ้องมาที่เขาสองคนด้วยความสงสัย
ก็แน่นอน แค่คิมฮันบินคนเดียวก็เรียกควาสนใจได้มาพอแล้ว นี่ยังแถมคิม จินฮวาน คู่แข่งอันดับต้นๆของค่ายมาด้วยอีก
ฮันบินเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่ค่อยสนใจนักก่อนที่สุดท้ายเขาจะเลือกหันมาเดินข้างๆจินฮวานและกุมมือของร่างบางไว้แทน
คงเพราะเขาสัมผัสได้ว่าจินฮวานกำลังประหม่าสุดๆจากการตกเป็นเป้าสายตาของคนนับร้องแบบนี้ แถมไม่น่าจะใช่ทางที่ดีซักเท่าไหร่ด้วย
เขาทั้งสองคนขึ้นลิฟท์ไปจนถึงชั้นบนสุด เมื่อลิฟเปิดออกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือโถงกว้างที่มีประตูบานใหญ่และโต๊ะทำงานเลขาตั้งอยู่ข้างหน้า
ฮันบินกระชับมือที่จับจินฮวานไว้แน่นขึ้นมือก่อนจะพาจินฮวานผ่านเลขาสาวคนนั้นและผ่านประตูเข้าไปในห้องของผู้บริหารของค่ายทันที
และสิ่งที่จินฮวานเห็นตรงหน้าทำให้เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยด้วยความไม่เชื่อสายตา...
คนตรงหน้าเขาคือประธานค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีจริงๆน่ะหรอ? จินฮวานกวาดสายตามอง ซง มิโน ตั้งแต่หัวจรดเท้า
ไม่ใส่สูททำงานไม่เท่าไหร่ แต่นี้เขาใส่เกงเกงวอร์มกับ เสื้อยืดสีดำสนิทที่มีเขียนตัวเท่าบ้านว่า Fuck em’ เนี้ยนะ... แถมนั่งขัดสมาธิเล่นเกมส์กดอยู่หน้าทีวีอีกต่างหาก....
ให้ตายเหอะ...
“เฮ้ ฮยอง ผมมาจินฮวานมาหา”ฮันบินพูดพลางทิ้งตัวนั่งลงโซฟาหนังสีดำสนิทในห้อง
“สวัสดีครับ...” จินฮวานเอ่ยทักพลางนั่งลงตามฮันบิน
มิโนหันมามองจินฮวานเล็กน้อยก่อนจะวางจอยสติกในมือลง..ส่งยิ้มให้จินฮวานเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย
จินฮวานได้แต่ส่งยิ้มกลับไปอย่างทำอะไรไม่ถูก ที่นี่มันคนละโลกกับที่เขามาเลยด้วยซ้ำ... จินฮวานนั่งลงข้างๆฮันบินก่อนจะมองนู้นมองนี้ไปเรื่อย
ห้องนี้แตกต่างจากห้องของคังซึงยุนมากเลยทีเดียว ที่นี่ให้ความรู้สึกมีสไตล์กว่า กระจกเปิดกว้างทำให้เห็นวิวของเมืองโซลด้วย แต่ห้องของซึงยุนก็ดูเป็นงานเป็นการมากกว่าที่นี่อยู่โข
จินฮวานว่าห้องนี้คงเป็นห้องที่สวยนะ และเขาคงจะชอบมัน ถ้าไม่ติดว่ามันมีรกและสกปรกไปซักนิด
“จะเซ็นสัญญาช้ะ แปปนะ เมื่อเช้าฉันให้เลขาทำเอกสารให้แล้วหนิ...”มือของมิโนค้นไปทั่วโต๊ะรับแขกทีเต็มไปด้วยเอกสารหลายฉบับราวกับมันไม่ได้ถูกจัดมาชาติกว่า
จนนาทีต่อมาซง มิโนถึงได้หยิบเอกสารชุดนึงขึ้นมา
“อ่ะนี้ เจอและ! อันนี้สัญญา ลองอ่านดูก่อนก็ได้ เป็นสัญญาเดียวกับที่ฉันใช้กับศิลปินคนอื่นๆ แค่ปรับนิดๆหน่อยๆ” เขาส่งเอกสารชุดนั้นให้จินฮวาน
มือบางรับเอกสารในปกหนังขึ้นมาก่อนจะกวาดสายตาผ่านๆ
สัญญาส่วนใหญ่ค่อนข้างเรียบง่ายเหมือนสัญญาทั่วๆไป แม้จะมีหลายจุดที่ดูหละหลวมไปบ้าง...เงินส่วนแบ่งก็ได้มากกว่าค่ายเดิมของเขาเกือบครึ่ง..
“มันโอเคมากครับ ถ้าเทียบกับสัญญาชุดเก่าของผม” จินฮวานตอบกลับไปจริงๆเขาพอจะรู้ข้อตกลงพวกนี้มาบ้างแล้ว ฮันบินพล่ามกฎของศิลปินของที่นี่ให้เขาฟังมาหลายวัน...
“โอเค งั้นเราเซ็นกันเลยดีไม๊”ซง มิโนพูดก่อนจะเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองหยิบปากกาออกมาและส่งให้จินฮวาน
ร่างบางหันไปมองหน้าฮันบินที่นั่งอยู่ใกล้เล็กน้อยราวกับจะขอความมั่นใจก่อนจะได้รับคำตอบรับเป็นรอยยิ้มบางๆจากเขา
ยังไงวันนี้เขาก็มาเพื่อเซ็นสัญญาอยู่แล้วหนิ...
มือเรียวหยิบเอาปากกาขึ้นมาก่อนจะจรดมันลงกับเอกสารตรงหน้า และเซ็นลายเซ็นของตัวเองลงไป
ยังไงสัญญาฉบับนี้ก็คงจะมีประโยชน์อยู่บ้าง อย่างน้อยค่ายนี้ก็เป็นค่ายมีใหญ่พอๆกับค่ายเดิมของเขา
จินฮวานเงยหน้ามองมิโนที่ส่งยิ้มรออยู่พร้อมรับเอกสารกลับไป
“ไหนๆก็มาด้วยกันและ ฮันบินพาจินฮวานทัวร์หน่อยและกัน J ”
DARK SIDE OF MOON
“ชั้นนี้ก็เป็นชั้นของพวกโปรดิวเซอร์กะอาร์ตไดฯ บางทีก็มีศิลปินมาใช้บ้าง ตรงนู้นเป็นห้องสตูดิโอทำเพลงกะอัดเพลง มีคนแวะมายืมใช้บ่อยๆ แต่ปกติชั้นนี้ผมกะพี่โปรดิวเซอร์ 2-3 คนจะครองเกือบทั้งฟลอร์ ยกเว้นแต่ส่วนที่ตรงไปสุดทางจะเป็นออฟฟิสของพวกอาร์ตได”
“อ่า...”
“เข้าห้องนี้กันดีกว่า สตูดิโอเบอร์1 ห้องหลักที่ผมใช้ทำงาน”ร่างสูงพูดก่อนจะผลักประตูเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง
“ว้าว...”จินฮวานเอ่ยออกมาอย่างอึ้งๆเมื่อได้เข้าในห้อง
อุปกรณ์ทุกอย่างดูจะแตกต่างกับที่จินฮวานเคยเห็นที่บริษัทเก่าของเขาอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างดูลงตัวมากกว่าที่จะดูวุ่นวายและยุ่งยากอย่างที่เขาเคยมองว่าสตูดิโอเป็นมาตลอด ห้องนี้ถูกดีไซน์ด้วยโทนสีขาวซะเป็นส่วนใหญ่ทำให้ดูสบายตา โซฟาตัวใหญ่ถูกวางไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง ห้องฝั่งนึงเป็นกระจกใสเผยให้เห็นห้องอัดขนาดใหญ่ที่อยู่ถัดไป
“ส่วนใหญ่ผมทำงานที่บ้านมากกว่า แต่ปกติผมทำงานห้องนี้แหละ... ซัก 2-3วันต่ออาทิตย์ วันอื่นจะมีคนอื่นมาใช้บ้าง ”
“สองสามวันนี่คือปกติของนายงั้นหรอ 555” ร่างบางพูดออกมาขำๆก่อนจะเดินไปจับmixer บนโต๊ะควบคุมด้วยความสนใจ
“ใช้เป็นด้วยหรอ?”ฮันบินเอ่ยถาม
“ก็พอได้ ที่บริษัทเคยให้คนมาสอนๆอยู่ เมื่อต้นปีเขาพยายามจะให้ฉันหัดแต่งเพลงน่ะ”
“แล้วเป็นไงบ้าง โอเคป่ะล่ะ?”
“โอเคกะผีดิ โดนโปรดิวเซอร์ติแหลกเลย”จินฮวานพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลกก่อนจะกันไปยิ้นทะเล้นให้ฮันบิน
ทั้งๆที่จริงๆแล้วเขาเคยเสียใจกับมันมากๆเลยต่างหาก ทั้งๆที่เขาอุต่าห์นั่งเรียนตั้งนาน แถมยังนั่งเขียนเพลงถึงดึกๆดื่นๆแม้ปกติก็แทบไม่ได้นอนอยู่แล้วแต่สุดท้ายมันกลับเป็นได้แค่ขยะเท่านั้น
“แล้วพี่ชอบป่ะ? แต่งเพลงอ่ะ..”
“ก็เพลินๆดีนะ เวลาเขียนเนื้อเพลงอ่ะ แค่แต่งทำนองนี้โคตรยาก....ตอนที่ส่งไฟล์เพลงไปนี่โดนแก้บานมาก แก้ขนาดที่ให้แต่งใหม่ยังง่ายกว่าเลย...”จินฮวานบ่นไปเรื่อยๆ
“เฮ้ ก็ไว้มาเรียนต่อก็ได้นะ เรียนกะผมนี้แหละ เรียนที่นี่ก็ได้ J ”
“เอาจริง? ฉันแต่งเพลงช้านะ” จินฮวานพูดก่อนจะหันมามองหน้าฮันบินที่ยืนยิ้มด้วยสายตาแปลกๆอยู่
นี่เขาพูดอะไรผิดรึเปล่านะ?
ฮันบินค่อยๆขยับเข้ามาใกล้จินฮวานอีกนิดก่อนที่มือหนาจะรั้งเอาเอวของจินฮวานเข้าประชิดตัว
“มาดิ แต่ผมเดี๋ยวผมก็ทำให้ฮยองเสร็จเร็วๆเลย”
คำพูดสองแง่สองง่ามของฮันบินทำให้จินฮวานถึงกับเสียศูนย์ไปชั่วขณะ
...และฮันบินก็มองว่ามันน่ารักมากๆเลยทีเดียว
“ห้องนี้เก็บเสียงด้วยนะ ;)”
70%
ร่างสูงค่อยๆโน้มตัวลงมาก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงที่ริมฝีปากสีสวยของจินฮวานพร้อมๆกับยกมือขึ้นมาประคองหลังจินฮวานไว้
“จูบนะครับ?” ฮันบินพูด และโดยที่ไม่รอคำตอบ เขาก็กดจูบลงไปทันที
สัมผัสละมุนของฮันบินทำให้จินฮวานรู้สึกขาอ่อนขึ้นมาซะดื้อๆจนเขาต้องจับไหล่สูงเอาไว้เป็นหลักก่อนจะจูบตอบกลับไป ก่อนที่ในนาทีต่อมามันก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนไปเป็นสัมผัสที่วาบหวามและร้องแรงแทน
สัมผัสของฮันบินทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่เสมอ...ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ครั้ง
จนกระทั่งเมื่อฮันบินเริ่มสอดมือเข้ามาใต้เสื้อตัวบางของเขา เกือบจะถอดมันออกไป...และมันก็ทำให้จินฮวานสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะเผลอผลักฮันบินออกไปห่างๆ
ในแว๊บนึง ที่ฮันบินสัมผัสตัวเขา เขาเห็นภาพคังซึงยุนซ้อนทับขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆที่มันไม่เคยเป็นมาก่อน
“พี่?” เสียงของฮันบินทำให้จินฮวานหลุดออกมาจากภวังค์ของตัวเองก่อนจะพบมาเขาถอยห่างออกมาจากอีกคนจนชิดผนังเลยทีเดียว...
และตรงหน้าเขาไม่ใช่คังซึงยุนแต่เป็นคิมฮันบินที่ยืนทำหน้าอึ้งไม่หายอยู่
“ข..ขอโทษนะ เอ่อ... ฉันว่าวันนี้ฉันกลับก่อนดีกว่า”จินฮวานพูดตะกุกตะกักก่อนจะตัดสินใจรีบเดินออกจากห้องนั้นมาโดยไม่หันไปมองฮันบินอีก...
เขาว่าวันนี้เขาควรไปพักก่อน...
DARK SIDE OF MOON
(พี่โอเคแน่นะ?)
“โอเคน่า แค่ไม่ออกไปไหน 3-4 วันก็โอเคแล้ว นี่ซื้อของมาตุนไว้แล้วด้วย”
(จะไม่ให้ผมไปอยู่ด้วยจริงๆหรอ? ผมไปที่คอนโดพี่ได้นะ)
“ไม่ต้องหรอก ฉันให้พี่สาวมาอยู่เป็นเพื่อน”
(งั้นถ้าอยากได้อะไรก็โทรมาได้นะครับ)
“โอเค ฉันวางนะ”
(ครับ)
จินฮวานกดวางสายจากฮันบินที่โทรมาเช็คความเรียบร้อยทั้งหมดของเขาอีกครั้ง
ร่างบางวางมือถือลงกับโต๊ะกินข้าวก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆห้องที่ว่างเปล่า...
เขาไม่ได้โทรตามใครหรอก แค่พูดให้ฮันบินสบายใจไปงั้นเอง พักนี้ฮันบินมาเฝ้าเขาบ่อยจนเขากลัวว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ทำงานเอา
วันนี้เป็นวันที่สองนับตั้งแต่ข่าวหลุดออกไป ล่าสุดมีนักข่าวหลายสำนักออกมาบอกแล้วว่าเขาน่าจะออกจากค่าย ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริง
นับตั้งแต่ตอนนั้น นักข่าวหลายสิบคนก็มาออหน้าบ้านเขาเต็มไปหมด... โชคดีที่อพาร์ทเม้นที่เขาอยู่ถึงแม้จะเป็นแค่อพาร์ทเม้นขนาดกลางแต่ก็มีรปภ.ที่ค่อนข้างเข้มงวดพอสมควรดังนั้นจึงยังไม่มีนักข่าวหลุดขึ้นมาถึงในนี้
เขายังพอที่จะเดินไปซื้อของที่ร้านขายของเล็กๆที่อยู่ในนี้ได้ ทำให้พอจะหาของมาตุนในห้องพอที่จะไม่ต้องออกไปไหนได้ซัก2-3วัน
ปกติเขาแทบไม่เคยมานอนที่นี่เลยด้วยซ้ำ จะอยู่ก็แต่ที่หอพักของบริษัทที่ให้คนไปขนของออกมาวันก่อน ที่นี่เขาแค่ซื้อเก็บไว้เผื่อว่าวันนึงจะต้องใช้เท่านั้นเอง
จินฮวานทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาวในห้องก่อนจะมองไปรอบๆห้อง
ห้องนี้ด้วยความที่เขาเก็บเงินซื้อมันมาเองเขาเลยลงทุนนั่งออกแบบห้องและหาเฟอร์นิเจอร์เองทั้งหมด ถึงแม้เขาจะไม่ได้มาบ่อยนักแต่เขากลับรู้สึกผูกพันธ์กับมันอย่างประหลาด
ทั้งๆโซฟาผ้าเล็กๆนี่ที่ดูจะอบอุ่นและน่านอนมากกว่าโซฟาหนังราคาแพงในหอเขาหลายเท่าตัว หรือแม้กระทั่งข้าวของเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เขาคิดถึงบ้านที่เซจูขึ้นมาซะอย่างงั้น
จากที่เขาได้ติดต่อกับค่ายเก่าอยู่คือพรุ่งนี้พวกเขาจะแถลงข่าว พร้อมบอกให้ผมเข้าไปเอาใบยกเลิกสัญญาตอนที่ข่าวเริ่มสงบแล้ว
นั่นหมายถึงเขากำลังจะเป็นอิสระอย่างแท้จริง
รึเปล่านะ
กริ๊งงงงงงงงงงงง
เสียงโทรศัพท์ยามเช้าปลุกจินฮวานให้ลุกขึ้นด้วยความงัวเงีย
นี่มันที่โมงแล้วเนี้ย?
จินฮวานเลื่อนสายตาไปยังนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้องก่อนจะรู้ว่านี่มันเกือบจะบ่ายสองแล้ว.. มือเรียวคว้าเอามือถือที่วางอยู่บนหัวเตียงมากดรับช้าๆ
(คิม จินฮวาน.!)
“ฮือ...ครับ?”จินฮวานตอบกลับไปเบาๆก่อนจะเลื่อนมมือถือออกห่างหน้าเล็กน้อยเพื่อดูชื่อว่าใครเป็นคนโทรมา
คิม จินวู เพื่อนคนสนิทของเขาในวงการที่เอง...
(ฉันตกใจหมด ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เช้า นึกว่าหายไปไหน)
“อ่า... ขอบคุณที่เป็นห่วงนะจินวู”
(แน่นอนอยู่แล้วว่าฉันเป็นห่วงนาย ฉันเชื่อในตัวนายนะจินฮวาน! นายต้องตอบกลับที่คังซึงยุนทำบ้างนะ มีที่ไหนมาใส่ความจินฮวานคนดีของฉันแบบนี้)
...ใส่ความงั้นหรอ
จินฮวานเบิกตาโตขึ้นก่อนจะเผลอปล่อยให้มือถือร่วงลงกับพื้นโดยไม่ทันจะได้กดวางสายด้วยซ้ำ
ร่างเล็กๆรีบคว้ารีโมททีวีในห้องนอนขึ้นมาก่อนจะกดเปิดข่าวดูทันทีและเขาก็พบกับหน้าตัวเองที่หราเต็มหน้าจอ พร้อมคำบรรยายใต้ภาพที่ทำให้ใจเขาตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
คิม จินฮวาน สุภาพบุรุษจอมปลอม?
“...ล่าสุดตามที่ทางสำนักข่าวZ ได้ออกมาเปิดเผยถึงประเด็นถึงการสูบบุหรี่ของคิมจินฮวานทำให้ชาวเน็ตถกเถียงกับมากเลยนะคะในเรื่องความเหมาะสมของการการรับรางวัลศิลปินตัวอย่างต่อเยาวชนของคิมจินฮวานเมื่อสองอาทิตย์ก่อน แถมตอนนี้ยังมีข่าวลือออกมาอีกหนาหูด้วยนะคะว่าจริงๆ เจ้าตัวไม่ได้เป็นคนสุภาพอย่างที่เราเห็นๆกัน”
“ครับ จากโพสต์ไอจีล่าสุดของโปรดิวเซอร์RHระบุในทำนองที่ว่าจินฮวานมีพฤติกรรมที่แย่มาตลอด การทำงานก็เป็นไปอย่างยากลำบากมาตลอด และเขารู้สึกดีใจที่จินฮวานฉีกสัญญากับทางค่าย”
จินฮวานกำรีโมทในมือแน่นเพื่อระบายอารมณ์ตัวเองก่อนจะรีบกดปิดทีวีไปทันที
นี่เป็นผลงานของคังซึงยุนสินะ
ตึง ตึง ตึง
เสียงทุบประตูรัวๆทำหน้าร่างเล็กสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะนั่งนิ่งค้างอยู่ซักพักก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนอันคุ้นเคยที่ดังมาจากหลังประตู
“พี่จินฮวาน ออกมาหน่อย! นี่ผมฮันบิน”
จินฮวานเหมือนจะค่อยๆได้สติขึ้นในตอนนั้นเองก่อนจะพาร่างของตัวเองมาหยุดที่หน้าประตูก่อนจะเปิดมัน และทันทีที่ประตูแง้มออกฮันบินก็พุ่งพรวดเข้ามาทันที
“พี่โอเคไม๊?”
“คิดว่านะ...อย่างน้อยมันก็คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วแหละ..”
“เอาเถอะ พี่รีบเก็บของเลย ด่วนมากๆ ตอนนี้นักข่าวเข้ามาถึงหน้าลิฟท์แล้ว อีกซักพักยามเอาไม่อยู่แน่”
“อะ..อะไรนะ.?”
“พวกนั้นกัดไม่ปล่อยแน่ พี่ต้องไม่เชื่อเลยล่ะว่าคนกดเข้าไปดูข่าวของพี่เยอะจนบางเว็บล่มเลย”ฮันบินพูดก่อนจะเดินผ่านจินฮวานเข้าไป
จินฮวานมองตามฮันบินที่เดินถือกระเป๋าเป้ที่ติดตัวมาด้วยหายเข้าไปในห้องเขาพักใหญ่ก่อนจะออกมาพร้อมเสื้อผ้าเต็มกระเป๋า เสื้อกันหนาวเก่าๆ หมวกไหมพรมและแว่นตาไร้เลนส์ในมือ
ฮันบินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าจินฮวานอีกครั้งก่อนจะสวมทุกอย่างให้จินฮวานเร่งรีบและคว้าแขนจินฮวานเดินออกจากห้องไป
“แล้วจะไปไหน.. ไม่เอาห้องนายนะ...”
“...เดี๋ยฮยองก็รู้เองแหละ ก่อนอื่นผมต้องให้ฮยองแวะไปที่ค่ายก่อน อาจจะฉุกละหุกไปหน่อยแต่เย็นนี้เขาจะแถลงข่าว พี่มิโนอยากถามพี่โดยตรงน่ะ” ฮันบินพูดขณะที่เขาเดินจูงมือจินฮวานเดินไปตามทางเดินที่เชื่อมไปยังอาคารจอดรถ
“...”
“ฮยอง...?”
“...ฮันบิน...ฉันมีเรื่องจะสารภาพ...”
“ครับ?”
“...ฉันน่ะ ไม่ใช่คนดีนายก็รู้ใช่ไม๊? ฉันน่ะ...” จินฮวานกัดปากตัวเองแน่นเพื่อรวบรวมความกล้า “เคยมีอะไรกับประธานค่ายตัวเองเพื่อให้ได้เดบิ้วต์มาก่อน... นาย นายไม่จำเป็นต้องมาดีกับฉันขนาดนี้ก็ได้...”
“...”
“นายมีโอกาสจะได้เจอคนดีๆกว่านี้เยอะนะ....ขอบคุณมาก..ที่ทำเพื่อฉันขนาดนี้”
จู่ๆบนสนทนาของทั้งคู่ก็หายไป ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากของฮันบินที่นิ่งไปเหมือนจะตกใจอยู่หลายอึดใจ..
“...เฮ้ พี่ นี่พี่ยังไม่รู้อีกรึไงว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่”
“...”
ทำไมหัวใจเขาต้องเต้นแบบนี้นะ? เขาไม่อยากจะเป็นแบบนี้จริงๆนะ...
“ผมน่ะ ต่อให้พี่เป็นใครมาจากไหน สุดท้ายผมก็เป็นห่วงพี่อยู่ดี? เลิกคิดมากได้แล้ว J ทีนี้ตอนนี้คือมาช่วงกันคิดดีกว่าว่าจะหนีนักข่าวยังไง
DARK SIDE OG MOON
จินฮวานเดินออกมาจากห้องของประธานบริษัทก่อนจะถอนหายใจออกมา เขามองไปรอบๆก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ฮันบินที่ยืนรออยู่ใกล้ๆ
“เป็นไงบ้างพี่”
“ไม่มีอะไรมากหรอก...เขาให้ฉันพักยาวๆน่ะ พอเรื่องซาค่อยกลับมาทำงานเพลง” จินฮวานตอบกลับไปก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟท์พร้อมๆกับร่างสูง
“...”
“แล้วนี่จะพาไปไหนอีก? ออกมาแล้วกลับไปไม่ได้แล้วนะ”
“เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”ฮันบินพูดก่อนจะกดลิฟท์ไปชั้นใต้ดินที่เป็นลานจอดรถก่อนจะเลื่อนมือมากุมมือจินฮวานเอาไว้หลวมๆ
สัมผัสอุ่นๆจากอีกคนทำให้ความเครียดที่สะสมอยู่ในตัวของจินฮวานเริ่มผ่อนคลายลงทีละนิดทีละนิด
“เดี๋ยวก็รู้อีกและ บอกเลยไม่ได้หรอ?”
“บอกก็ไม่เซอร์ไพรสสิ”
“...จะมาเซอร์ไพรสอะไรกันในเวลาอย่างงี้เล่า แค่นี้ฉันยังช็อคไม่พออีกหรือไง”จินฮวานพูดก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเล็กๆเหมือนจะแสดงความไม่พอใจของตัวเองออกมา
และท่าทางน่ารักแบบนั้นทำให้ฮันบินเผลอหยุดยิ้มออกมา
นับวันจินฮวานยิ่งน่ารักขึ้นทุกวัน โดยที่เจ้าตัวคงไม่รู้ตัว
จู่ๆประตูลิฟท์ก็เปิดออกช้าๆพร้อมกับเผยให้เห็นพนักงานคนนึงที่ยืนอยู่หน้าประตูพอดี
เธอคนนั้นทำท่าอึกอักไปเล็กน้อยก่อนจะมองหน้าของฮันบินและจินฮวานสลับกันไปมาเหมือนจะตกใจก่อนจะไม่ยอมเดินเข้ามาในลิฟท์ซักที
“จะเข้าไม๊ครับ?”
“อะ..เอ่อ... เข้าค่ะ”หญิงสาวพูดก่อนจะเดินเข้ามาในลิฟท์
บรรยากาศที่ดูจะผ่อนคลายเมื่อครู่กลับเปลี่ยนไปในทันทีที่ประตูปิดลง ความเงียบเริ่มครอบงำลิฟท์อย่าวช่วยไม่ได้
จินฮวานยังคงมองผู้หญิงคนนั้นด้วยความสงสัยต่อก่อนที่เธอจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่น
เขามองผ่านบ่าของเธอคนนั้นก่อนจะเหลือบไปเห็นข้อความที่ปรากฎบนหน้าจอพอดี
คลิปเสียงของหนุ่มจินฮวานกับประธานค่ายคังซึงยุน?!’
อ..อะไรกัน!
จินฮวานคว้าเอามือถือของหญิงสาวคนนั้นมาทันทีจนเธอเผลอกรี๊ดออกมาเบาๆ รวมถึงฮันบินที่หันมามองด้วยความไม่เข้าใจ
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้จินฮวานสติหลุดหายไปพร้อมปล่อยมือถือหล่นลงไปกองกับพื้นพร้อมๆกันที่ประตูลิฟท์เปิดออกพอดี
ฮันบินตัดสินใจรีบคว้าตัวจินฮวานออกมาจากลิฟท์โดยเร็วก่อนจะรีบพาจินฮวานเดินไปยังรถคันหรูของฮันบินและพาจินฮวานเข้าไปนั่งในนั้น
ทั้งๆที่จินฮวานเหมือนจะลืมสติเอาไว้ในลิฟท์นั่นซะแล้ว
“พี่เป็นอะไร ทำไมไปแย่งมือถือเขาแบบนั้น”
“....”
“พี่จินฮวาน”
“คิม จินฮวาน!”
“ฉ..ฉันจะทำ..ยังไงดีฮันบิน ”จินฮวานพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักก่อนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
เขาจะร้องไห้บ่อยไปแล้วนะ
“พี่เป็นอะไร?”
“ซึง..ซึงยุนน่าจะปล่อยคลิปเสียง...ออกมา...”
“ไอ้เวรเอ้ย!” ฮันบินสบทออกมาเสียงดังเมื่อพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ก่อนจะสตาร์ทรถทะยานออกไปบนถนนทันที
จินฮวานไม่รู้ว่าเขามองฮันบินที่ขับรถด้วยบรรยากาศตึงเครียดแบบนี้ไปนานเท่าไหร่ แต่เขาคิดว่ามันคงไม่นานนัก และเขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าบริษัทเก่าของตัวเอง
“มาที่นี่ทำไม...”
นักข่าวที่ออกันเต็มหน้าตึกต่างหันมาให้ความสนใจกับรถของฮันบินอย่างเห็นได้ชัด
“ฮยองรออยู่ในรถนี่แหละไม่ต้องไปไหน”ฮันบินหันมาพูดกับจินฮวานก่อนจะพรวดพราดลงไปจากรถโดยที่จินฮวานยังไม่ทันทักท้วงอะไร
ร่างบางหันไปเปิดประตูด้วยความรีบร้อนก่อนจะพบว่ามันถูกล็อคไปซะแล้ว
เขาเห็นฮันบินที่เดินฝ่านักข่าวและยามหายเข้าไปภายในตึกอย่างเป็นกังวล ก่อนจะควานหามือถือของตัวเองขึ้นมากด
โทรหาใครดี คิดสิจินฮวาน!
มือบางกดปลดล็อคมือถือในมือตัวเองอย่างเร็วก่อนจะกดเข้าในรายชื่อเพื่อหาใครซักคนให้โทรหา
โอ๊ยไม่รู้แล้วเว้ย!
ยังไม่ทันที่จินฮวานจะได้โทรหาใครเพื่อขอความช่วยเหลือ เขาก็เห็นฮันบินที่ถูกยาม3-4คนลากตัวออกมานอกตึกอีกครั้งในสภาพไม่ค่อยดีนัก
แม้ว่าเขาจะอยู่ไกลแต่เขามั่นใจว่าฮันบินคงโดยทำร้ายมาแน่ๆ เล่นเลือดกบปากซะขนาดนั้น
จินฮวานทุบประตูรถแรงๆหลายๆครั้งด้วยความเป็นห่วงคนที่อยู่ข้างนอกแม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันไม่ช่วยอะไรก็ตาม
ฮันบินถูกยามร่างใหญ่ทิ้งลงกับพื้นก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นอย่างหงุดหงิดและลุกขึ้นเดินกลับมาที่รถอีกครั้ง
ฮันบินเปิดรถอย่างแรงก่อนจะเข้ามานั่งในรถเหมือไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมๆกับที่จินฮวานพุ่งเข้าไปกอดอีกคนไว้แน่นๆ
“ไม่ต้องห่วงนะพี่ ผมจัดการไอ้คังซึงยุนอะไรนั่นให้แล้ว หน้ายับจนแถลงข่าวไม่ได้ไปอีกหลายวันแน่ หึ”
“ทำไมทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้ห้ะ?”จินฮวานตวาดออกมาเชิงตำหนิก่อนจะกอดอีกคนแรงขึ้นอีก “เกิดพวกเขาซ้อมนายขึ้นมาจะทำยังไง! การ์ดพวกนั้นน่ากลัวจะตายไป มันไม่เหมือนเด็กมัธยมต่อยกันนะฮันบิน!!”
“ก็ได้คิดว่าเป็นเด็กมัธยมซักหน่อย..”
“เงียบไปเลยน่า”จินฮวานพูดก่อนจะคลายอ้อมกอดออก
ฮันบินรีบสตาร์ทรถทันทีก่อนที่รถจะเริ่มเคลื่อนออกไปจากหน้าตึกที่เริ่มมีนักข่าวมากมายมารุมถ่ายรูปรถของเขาไว้เรียบร้อยแล้ว
โชคดีที่เขาติดฟิล์มหนาพิเศษดังนั้นนักข่าวพวกนั้นคงไม่เห็นจินฮวานหรอก
DARK SIDE OF MOON
“อูย...ส์ เบาๆหน่อยสิพี่”
“น่าจะเอาแอลกอฮอล์ราดให้หมดขวดเลย!”จินฮวานพูดออกมาก่อนจะจิ้มลำสีในมือลงไปบนแผลที่หน้าของฮันบิน
จินฮวานเป่าลงไปที่แผลของฮันบินเล็กน้อยก่อนจะติดพลาสเตอร์ที่แวะซื้อมาเป็นอย่างสุดท้าย
ร่างเล็กค่อยๆถอยหน้าตัวเองออกจากหน้าฮันบินทีละน้อยก่อนจะกลับมานั่งในที่นั่งข้างคนขับของตัวเอง
เมื่อเริ่มว่างสมองของจินฮวานก็เริ่มเตลิดอีกครั้ง เมื่อกี้เขาเหมือนจะมัวแต่เป็นห่างฮันบินจนเผลอลืมทุกอย่างไปหมด...แต่ตอนนี้เขากลับเริ่มฟุ้งซ่านขึ้นมาอีก...
และเหมือนฮันบินก็รู้ว่าเขาคงไม่สามารถผ่านมันไปได้ง่ายๆ...
ฮันบินค่อยๆเอนตัวมาหาจินฮวานก่อนจะกดจูบลงไปบนหน้าผากก่อนจะ
“ผมแบ่งเรื่องร้ายๆในหัวพี่มาแล้วนะ”
“ฉันจะทำยังไงดีฮันบิน... ฉัน...ฉันทำมันต่อไม่ได้แล้ว ฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอคนอื่น...”จินฮวานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆราวกับจะร้องไห้ออกมา
”เดี๋ยวทุกอย่างมันก็จะผ่านไป...เชื่อใจผมสิ... เดี๋ยวมันก็มีทางออกน่า”ร่างสูงพูดก่อนจะโอบจินฮวานไว้ ในขณะเดียวกันที่จินฮวานก็หันมาซบตรงไหล่เขาพอดี
DARK SIDE OF MOON
“พี่จินฮวาน..ตื่นได้แล้วครับ” ฮันบินปลุกจินฮวานพลางเขย่าร่างบางเบาๆ
“อื้อ...”
“ตื่นได้แล้วครับ~”
จินฮวานค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก
เขาอยู่ที่ไหน? เขาจำได้ว่าล่าสุดเขาร้องไห้จนหลับไป...
จินฮวานมองซ้ายหันขวาก่อนจะพบตอนนี้ตัวเองยังนอนอยู่ในรถของคิมฮันบินเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าสถานที่รอบข้างดูจะเปลี่ยนไป...
เขาอยู่ในลานจอดรถที่ไม่คุ้นตาแห่งหนึ่ง
“จริงๆผมอยากจะทำให้มันโรแมนติกกว่านี้นะ แต่ในเมื่อมันฉุกละหุกเบบนี้ไปแล้วก็...”
“..?”
“พี่จินฮวาน... พวกเรากำลังอยู่ที่ลาดจอดรถของสนามบินอินชอน”
“ห้ะ? สนามบินงั้นหรอ?” จินฮวานถามมันอย่างส่งสัยก่อนที่จะสังเกตเห็นตั๋วเครื่องบินสองใบในมือของฮันบิน
ฮันบินค่อยๆส่งตั๋วทั้งสองใบนั้นให้จินอวานก่อนจะพูดต่อ
“ตั๋วทั้งสองใบนี้ เป็นตั๋วของเที่ยวบินที่กำลังจะออกในอีก... 1 ชั่วโมงข้างหน้า ใบนึงเป็นเที่ยวบินตรงไปฮังการี ส่วนอีกใบไปเกาะเซจู... บ้านเกิดของพี่”
“....”
ขอโทษที่ทำให้พี่ต้องมาเลือกอะไรงี่เง่าแบบนี้อีก แต่ว่า...ผมแค่อยากให้พี่ลองตัดสินใจดู...”
“หมายความว่ายังไง?”
“ผมจะรออยู่บนเครื่องไปฮังการี... ถ้าพี่ยังมองผมเป็นแค่น้องชายของพี่คนนึง พี่ก็เลือกที่จะกลับบ้านได้นะ...ที่นั่นอะไรอะไรอาจจะง่ายกว่านี้ แต่...ถ้าพี่พร้อมจะไปกับผม ไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเรา ที่ๆผมจะเป็นแค่คิมฮันบิน ส่วนพี่ก็เป็นแค่คิมจินฮวานคนปกติทั่วไป... ”
“ฮันบินอา..”
“พร้อมจะไปกับผมไม๊ จินฮวาน ปล่อยมือทุกอย่างแล้วไปกับผม อย่างน้อยก็จนกว่าทุกเรื่องจะหายไป...”
“ฉัน...”
“พี่ไม่ต้องรีบตอบหรอก...ผมจะรอพี่นะ...”
DARK SIDE OF MOON
ฮันบินลุกขึ้นยืนเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่เขาเข้ามาในเครื่องบินลำนี้ นี้มันอีกแค่ไม่กี่นาทีเครื่องก็จะออกแล้วแท้ๆ แต่ทำไมจินฮวานยังไม่มา?
นี่จินฮวานไม่ไปกับเขาจริงๆนะหรอ
เขามองไปยังประตูของเครื่องก่อนจะทรุดลงนั่งอีกรอบ..
ไม่... จินฮวานต้องมาสิ ต้องมา...ต้องมา...ต้องมา...
แต่จนแล้วจนรอด กระทั่งเครื่องบินออกจินฮวานก็ยังไม่มา
ฮันบินทิ้งตัวลงนั่งกับที่นั่งอย่างอ่อนแรงอย่างผิดหวัง
สุดท้ายจินฮวานก็ไม่เลือกเขา..
ฮันบินหลับตาลงก่อนจะปล่อยให้สมองโล่ง แต่ไม่ว่าจะพยายามขนาดไหนก็ไม่สามารถลบภาพจินฮวานออกไปได้ซักที..
“ขอโทษครับท่านผู้โดยสาร จะรับอะไรดีครับ J” จู่ๆเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจนฮันบินต้องรีบลืมตาขึ้นมาโดยไวก่อนจะพบจินฮวานที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า
“...พ.พี่? คิม จินฮวาน?”
“เห็นเป็นคิมแทฮีรึไงล่ะ”
“พี่.มาได้ไง..ก็เครื่องออกแล้ว”
“ก็พอดีคนบ้าแถวนี้ทิ้งฉันไว้ในลานจอดรถคนเดียว ไอ้เราก็นั่งเครียดตั้งนาน อุตส่าห์วิ่งมา พอขึ้นเครื่อง คนบ้าคนนั้นกลับยังไม่ขึ้นมาด้วยซ้ำ รู้ไม๊ว่าวิ่งมาจากลานจอดมันเหนื่อยน่ะ ก็เลยอยากแกล้งนิดหน่อย 555”
ฮันบินนิ่งไปหลายวิราวกับจะประมวลผลก่อนจะคลี่ยิ้มในวินาทีต่อมา
“พี่มันบ้า..!”
“นายก็บ้าเหมือนกันนั่นแหละ คิดอะไรแบบนี้ได้ไงเห๊อะ?”จินฮวานพูดพร้อมกับแทรกตัวเข้ามานั่งลงที่ที่นั่งๆข้างๆของฮันบินม
“บ้าแล้วรักป่ะล่ะ?” ฮันบินถามกวนๆก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้จินฮวาน
“ไม่รักมั้ง”
“งั้นเครื่องลงก็แยกกันเลยแล้วกัน”
“ล้อเล่นน่า... รักมาก โอเค้?”
“อย่างงี้ค่อยดีหน่อย J”
+Special?
“ฮันบินแปบนะ ขอไปสูบบุหรี่แปบดิ นั่งเครื่องมาตั้งนาน”
“ฮยอง..”
“ห้ะ? มีไรเปล่า?”
“ตั้งแต่นี้ผมว่าฮยองเลิกบุหรี่เหอะ มันไม่ดีอะ”
“ทีนายยังสูบได้เลย L”
“ของผมก็ไม่ติดป่าววะ ฮยองสูบเยอะไปและ”
“ไม่เยอะ..ซะหน่อย...”
“นั่นแหละ..ฮยองเลิกเหอะ ดูดบุหรี่อะไรเนี้ย”
“งื้อออ”
“แต่ถ้าอยากดูดจริงๆ...หันมาดูดผมแทนก็ได้นะ J”
FIN.
TALK
จบซักที ฮืออออออออ เรื่องนี้มันยาวมากมายมากค่ะทุกคน TT
สิริรวมเเล้ว...660 หน้าเน้นๆ...
โอยยยย
หวังว่ารีดเดอร์จะเอ็นจอยรีดดิ้งกันนะะะะ
เจอกันเรื่องต่อไปถ้ายังมีเเรงเเต่งอยู่....
ตอนนี้โดนสูบพลังรัวๆ 5555
ใครอยากอ่านเรื่องต่อไปไวๆมาเม้นหรือเล่นแท็คกันเถอะ TT จิได้มีกำลังใจมาอัพเร็วๆ 5555
#StepOfBJIN
◊ SQWEEZ
ความคิดเห็น