ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {SF/OS} IKON/WIN by KIWI's [NOW::BJIN]

    ลำดับตอนที่ #7 : [OS] BJIN - LONG TIME NO SEE [SWEET]

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 57


     

     LONG.TIME.NO.SEE


       

    And in the end, you're still my friend
    at least we did intend
    For us to work, we didn't break, we didn't burn
    We had to learn, how to bend without the world caving in
    I had to learn what i got, and what i'm not
    And who i am
     



     

    จินฮวานสัมผัสได้ถึงเหงื่อออกมาเต็มมือของตัวเอง

    รวมถึงร่างกายที่สั่นน้อยๆด้วยความประหม่า

     
     

    มือของผมที่กำลังกำพวงมาลัยดูจะลื่นกว่าปกติจนตัวเองรู้สึกรำคาญ

    การเจอคิมฮันบินอีกครั้งในรอบหลายปีมานี้ยังคงทำให้ผมตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ของเล่น ทั้งๆที่เวลาควรจะทำให้ความรักจืดจางไปแล้ว

     

    ตลอดเวลา4ปีที่ ฮันบินไปเรียนต่อ ผมไม่ปฏิเสธว่าคิดถึงฮันบินอยู่บ่อยๆ

     

    ผมกับเขา เราเป็นแฟนกันอยู่หลาบปีก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจไปเรียนต่อที่ต่างประเทศด้วยการตัดสินใจของตัวเอง ไม่ได้มีใครบังคับ

    และผมก็เคยคิดจะห้ามเขา

     

    หลายคนบอกว่าคนเราต้องเผชิญกับเรื่องราวแย่ๆบ้างในบางจังหวะชีวิต และผมว่าการที่ฮันบินไปเรียนต่อเป็นจุดย่ำแย่หนึ่งของผม

     

    ผมกับฮันบินติดต่อกันบ้างในช่วงแรกๆก่อนจะพบว่านั่นไม่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราดีขึ้น

    ซ้ำกลับยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกยึดติดกับอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก

     

    ผมกำลังเรียนอยู่ปี4 เเค่งานที่มหาลัยก็แทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ แถมยังต้องไปทำงานพิเศษอีก เรียกได้ว่าเเค่เวลานอนยังไม่มี

    จะเอาเวลาไหนไปคุยกับฮันบินที่นานๆก็จะว่างตรงกัน

               

     

    สิ่งที่สำคัญคือ ความรักจะงดงามเมื่อได้รับการดูแล แต่ในเมื่อระยะทางที่ห่างไกลทำให้เขาไม่สามารถทำมันได้อีกแล้ว ความรักก็เหี่ยวเฉาลงได้อย่างง่ายดาย

     ผมยุ่ง ผมเหนื่อย แต่ก็ยังเหงา....

     

     

    รักแท้เเพ้ระยะทาง.....

    นั่นคือเรื่องจริงที่สุด

     

    หลังจากชีวิตรักดูจะทุลักทุเล สุดท้ายพวกเขาจึงถอยไปคนละก้าว

    หลายคนมองว่ามันก็คือการเลิกกันนั่นเเหละ แต่สำหรับผม ผมมองว่ามันเป็นการให้ตัวเองพักหัวใจบ้างมากกว่า

                สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการเลิกกับฮันบินแบบที่ต้องทะเลาะกัน ต้องเกลียดกัน โกรธกัน สุดท้ายผมจึงตัดสินใจที่จะพักมันไว้ก่อนจนกว่าจะถึงวันที่เหมาะสมจริงๆ

     

    ผมกับฮันบินติดต่อกันบ้าง ส่วนใหญ่จะเเค่เเชทกันเท่านั้นเพื่อให้รู้ความเป็นไปของกันเเละกัน ลดความสัมพันธ์กลับไปเป็นคนสนิทมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

                ให้พื้นที่ว่างระหว่างกัน ได้ไปเจอสังคมใหม่ๆและคนที่หลากหลายมากขึ้น เปิดโอกาสให้คนใหม่ๆเข้ามาทำความรู้จักตัวเอง

                แต่แน่นอนว่าไม่มีใครมาแทนที่ฮันบินได้

                เพียงเเต่ผมเลือกที่จะมองข้ามตัวตนของฮันบินไปปและก้มหน้าก้มตาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปเรื่อยๆเท่าที่จะมีได้เท่านั้นเอง

     

                มันไม่ใช่ว่ารอหรือไม่รอฮันบิน แต่ผมกำลังลองที่จะใช้ชีวิตแบบไม่มีฮันบินดูต่างหาก และก็ทำมันได้ด้วย

                ถึงแม้มันจะดีกว่าเมื่อมีฮันบินก็เถอะ

     

     

     

    ผมขับรถตามป้ายบอกทางไปยังสนามบินอินชอนตามที่ได้นัดหมายเวลาเอาไว้พลางองนาฬิกาของรถ

    เหลืออีกราวๆ10นาทีเท่านั้น จะถึงเวลาแลนดิ้ง คงเพราะวันนี้รถมากกว่าปกติถึงทำให้ผมมาถึงช้ากว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้

    ผมหาที่จอดรถอย่างไวก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบช่อดอกฟอร์เก็ตมีน็อทช่อเล็กๆที่แวะซื้อมาขึ้นมาถือไว้ในมือ

     

    จริงๆความหมายมันไม่ได้เข้าท่าสำหรับการต้อนรับใครซักคนกลีบบ้านเท่าไหร่หรอก เพียงเเต่มันเป็นดอกเดียวกับที่ฮันบินให้ผมไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทางไปเท่านั้นเอง

     

     

    ผมเดินไปตามทางเชื่อมเข้าสนามบินที่พุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมาย

    ความสุขที่เอ่อล้นในหัวผมทำให้บรรยากาศดูสดใสไปซะหมด

     

    ผมเดินไปยังเกตที่ฮันบินบอกมาในแชทก่อนจะมุ่ฃหน้าตรงไป ก่อนที่มันจะพาเขามาเจอกับครอบครัวของฮันบินที่ยืนอยู่เเถวนั้น

    ทั้งพ่อเเม่เเละน้องสาวตัวเล็กของฮันบิน

     

    “แม่... จินโอปป้ามา” น้องฮันบยอลพูดก่อนจะเอื้อมมือไปจับชายเสื้อของคุณแม่ไว้

    “อันยองครับคุณแม่”ผมพูดพลางทักทายตามปกติ เมื่อก่อนผมค่อนข้างสนิทกับครอบครัวฮันบินมากทีเดียว เข้าออกบ้านของฮันบินเป็นประจำ

    “อ่า มารับฮันบินด้วยหรอเรา? เห็นหายไปนานเชียว”คุณแม่ฮันบินพูดก่อนจะระบายยิ้มที่อบอุ่นให้ผม

    “ครับ พอดียุ่งๆ ผมพึ่งเริ่มทำงานน่ะครับ แต่เห็นฮันบินแชทมาว่าจะกลับเลยมา”

    “อ่อ มานั่งด้วยกันไม๊ ดูเหมือนเครื่องน่าจะลงช้ากว่ากำหนดนิดหน่อยนะ”

    ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรจู่ๆน้องฮันบยอลก็ปล่อยคุณแม่และวิ่งตรงไปยังทางที่ผู้โดยสารเดินออกมา

     

    เพียงแค่ผมหันหลังไปก็เจอกับคนที่ผมกำลังรออยู่

     

    คิม ฮันบิน

     

    ผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นมองคุณแม่ ครอบครัว และเพื่อนๆเดินไปกอดฮันบินทีละคนพร้อมทักทายกันอย่างคิดถึง

    ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นและกำช่อดอกไม้ไว้แน่นกับหัวใจที่เริ่มเต้นดังขึ้นเรื่อยๆ

    ฮันบินดูเปลี่ยนไปมากทีเดียว ฮันบินสูงขึ้นเยอะ แถมผมของเขายังเป็นสีแดงอีกต่างหาก ที่เด่นชัดที่สุดคงจะเป็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขที่ได้อุ้มน้องสาวไว้อีกครั้งล่ะมั้ง

    ผมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะรวบรวมความสติของตัวเองที่กระเจิงหายไปก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ฮันบินเรื่อยๆ

     

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

     

    เขาหันมามองหน้าผม ผมลึกเข้ามาดวงตาโดยไม่พูดอะไรก่อนจะวางฮันบยอลลงกับพื้นและเดินเข้าใกล้ผมอีก

    ผมรู้สึกได้ถึงความคิดถึงที่เขาส่งมาผ่านสายตาคู่นั้น

    เพียงไม่เสี้ยววิต่อมาผมก็พบว่าตัวเองถูกฮันบินกอดเอาไว้แน่นๆซะแล้ว

     

    “คิดถึงผมล่ะสิ หึ?”

     

    “ใครจะไม่คิดถึงกัน ไม่เจอตั้ง 4 ปี” ผมพูดก่อนจะปาดน้ำตาที่เริ่มไหลมาตอนไหนไม่รู้ออกจากหางตาในตอนทื่เขาคลายอ้อมกอดออก

    “โอ๋ ไม่เอานะตัวเล็ก กลับมาแล้วไง..”

    “อือ...”

    “จะไม่ไปไหนแล้วครับ J ”ฮันบินพูดก่อนจะชูนิ้วก้อยขึ้นมาและจับมือผมขึ้นมาทำสัญญาเกี่ยวก้อยกันเหมือนที่เด็กเล็กๆชอบทำกัน

    “ผมสัญญา”

     

    Talk

    ขอมาสั้นๆ แต่นี้เพราะอารมณ์ชั่ววูบล้วนๆ 555

    คงเพราะนั่งฟัง Long time no see มากไป TT

    ตอนนี้กำลังพิจรณาเรื่องแต่ง DAY DREAM 3 หลังจากมีคนหลังไมค์มารีเควสเยอะ 55

    เอาเป็นว่าเรามาลุ้น M&M กันก่อนเถอะ

    มารอผลไปด้วยกันนะ ._____. !

    OT6

     

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×