คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : file03 :: first impression
My guilty pleasure, I ain't going no where
Baby long as you're here I'll be floating on air
ความพอใจที่น่ารู้สึกผิดแบบนี้ ฉันไม่หนีไปไหนหรอก
ตราบใดที่เธอยังอยู่ตรงนี้ ฉันก็เหมือนลอยอยู่กลางอากาศ
ผมค่อยลืมตาอีกครั้งโดยมีภาพเพดานสีครีมปรากฎอยู่ตรงหน้า...
ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงสี่เสาในห้องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มาก..ในห้องสีขาวสะอาดตา จนทำให้ผมเกิดนึกถึงห้องในโรงพยาบาลนั่นขึ้นมา
แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่องที่ผมเคยอยู่แน่ๆ..
ที่นี่มันคนละโลกกับที่ผมเคยอยู่เลยด้วยซ้ำ
ที่นี่ไม่มีกลิ่นของยาฆ่าเชื้อที่คุ้นเคย แต่กลับมีกลิ่นหอมๆของเครื่องหอมแทน
ภายในห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยโทนอบอุ่น...ตู้หนังสือ โต๊ะทำงาน ชุดนั่งเล่น เฟอร์นิเจอร์หรือแม้กระทั่งสิ่งของต่างๆก็ถูกจัดวางไว้อย่างสวยงามและเข้ากันเป็นอย่างดี
มันเหมือนกับห้องที่ผมเคยวาดฝันมาตลอด ตอนที่ยังถูกขังอยู่ที่ลอว์ไลท์
ถ้าไม่นับคนที่ชื่อจีวอนนอนฟุบอยู่ข้างเตียง...
ผมจำเขาได้ดี แม้ชุดที่สวมอยู่ของเขาจะเปลี่ยนไป ...
จากเสื้อกาวน์สีขาวเครอะดิน ตอนนี้จีวอนสวมแค่เสื้อเชิ้ตสีขาว...เส้นผมของเขาเปียกชื้นเล็กน้อย...และมันก็เปื้อนลงมาถึงผ้าปูที่นอนสีขาวจนชื้นเป็นวง
ผมพยายามลุกช้าๆโดยไม่ให้คนข้างๆตื่นแต่สุดท้ายเมื่อเอาผ้าห่มออกจากตัวเอง เขาก็สะลึมสะลือและตื่นขึ้นมา
“อือ...”
“....” ผมเลือกที่จะเงียบตอบกลับไป
“อ่าว..ตื่นแล้วหรอ? ขอโทษนะที่ตอนนั้นต้องทำแบบนั้น...”
“...”
“พูดอะไรบ้างสิ ฮันบินอา..”
ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจกับคำพูดที่ไม่คุ้นหู
จริงๆ...มันก็นานมาแล้วที่ไม่มีคนบอกให้ผมพูด..
.ปกติพวกผู้คุมกับหมอไม่ชอบให้นักโทษพูดนักหรอก..หากนักโทษคนไหนพูดมาก นอกจากการทดลองแล้ว ไม่แน่อาจจะโดนซ้อมเพิ่มจากผู้คุมอีกด้วย
พวกเราจึงพยายามไม่พูดให้มากความ หรือถ้าจะพูดก็ต้องคิดดีๆว่ามันจะไม่ไปทำให้ผู้คุมขัดใจขึ้นมา
“ที่นี่ที่ไหน”
“มันอธิบายยากน่ะ..เอาเป็นว่ามันปลอดภัยสำหรับนาย...สำหรับฉันด้วยในตอนนี้”
“นาย..ช่วยฉันทำไม?”
“เรื่องนั้น...เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังเอง”
.
.
.
.
20นาทีต่อมา...
ผมกับจีวอน เราเคยคบกัน...เมื่อ10ปีที่แล้ว ผมอายุ16 เขาอายุ17
จากที่จีวอนเล่า ซึ่งผมก็ไม่มั่นใจหรอกนะว่ามันจะเชื่อถือได้มากขนาดไหน
...แต่ถึงอย่างงั้นทุกคำพูดของเขาก็ยังคงติดอยู่ในหัวผมอยู่ดี
เขาบอกว่าพวกเรา...เคยเป็นคนรักกัน...
พวกรักกันมาก.. อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆและพึ่งจะมาคบกันตอนม.ปลาย
และเขารู้ว่าผมมีความสามารถพิเศษที่ต่างจากคนอื่น
ชีวิตผมดูเหมือนจะสวยงาม ถึงแจะหลงๆลืมๆไปบ้างแต่ไม่ได้ทำให้ลำบากอะไร...เพราะมีจีวอนที่คอยช่วยอยู่ข้างๆและเตือนความจำให้ตลอด
... จนวันนึง เมื่อราวสิบปีก่อน มีคนบุกเข้ามาทำร้ายผมที่บ้านจนบาดเจ็บสาหัส
หมอที่โรงพยาบาลแจ้งว่าผมเสียชีวิตแล้ว และขอให้ครอบครัวบริจาคศพของผมเพื่อนำไปวิจัยที่ลอว์ไลท์ โรงพยาบาลที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์วิจัยโรคที่ดีที่สุดในเกาหลี
ถึงครอบครัวและจีวอนจะยังทำใจไม่ได้ แต่ก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธทางโรงพยาบาล เพราะท่าทีที่ดูคาดคั้นและลำบากใจของหมอเจ้าของไข้
เรื่องจบลงที่ศพของเขาถูกโอนไปให้เป็นกรรมสิทธิ์ของลอว์ไลท์อย่างถูกกฏหมายหลังจากนั้น2วัน
จีวอน...เขาก็ดร็อปเรียนไปหนึ่งปีเต็มๆ ก่อนจะกลับมาเรียน จบด้วยคะแนนอันดับหนึ่งของสายชั้น เข้ามหาลัยโซลและจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
แถมยังทำงานดีจนเพียงแค่ฝึกงานจบก็โดนทาบทามเข้ามาทำงานที่นี้...ที่ลอว์ไลท์
‘จีวอน นายเก่งทางด้านระบบประสาทมานะ อยากทำงานที่น่าตื่นเต้นกว่าแค่รักษาคนไข้ไปวันๆบ้างไม๊?’
ประโยคนี้เป็นประโยคที่ทำให้ร่างสูงตรงหน้าผมตัดสินใจเข้ามาดูงานที่นี้ ซึ่งในตอนแรกเขาคิดจะปฏิเสธ...แต่ดูเหมือนจะไม่ทันซะแล้ว
ถ้าเขาปฏิเสธมันก็ไม่ต่างอะไรจากการที่เอาชีวิตตัวเองไปแขวนไว้บนเส้นด้ายเลย
ลอว์ไลท์มีเส้นสายเต็มไปหดทั้งในวงการมืดหรือแม้กระทั่งฝ่ายนักการเมืองและตำรวจ การเอาตัวเองเข้าไปเป็นที่หมายหัวของลอว์ไลท์นั่นหมายถึงการฆ่าตัวตายดีๆชัดๆ
นั่นทำให้เขารู้ว่า... หมอที่โรงพยาบาลลอว์ไลท์นั้น...ไม่ใช่แค่มีแต่คนประเภทเดียว แต่พวกที่มาอยู่ฝ่ายวิจัยนักโทษต่างหากที่เขาเห็นจนชินตา
จีวอนเข้ามาทำงานในแผนกระบบประสาทอยู่ 2 ปี ก่อนจะเข้ามาอยู่แผนกพัฒนาวัคซีนและขึ้นเป็นหัวหน้า
ด้วยความบังเอิญเขาได้พบกับแฟ้มรายงานผลของโปรเจ็คที่มีผมเป็นกรณีศึกษาอยู่
เขาจึงได้รู้ความจริงว่า...ผมยังไม่ตาย....
จีวอนใช้ความพยายามถึงครึ่งปีกว่าได้รับเลื่อนขั้นเข้ามาทำงานในส่วนในของแผนกนักโทษ
เขาวางแผนจะช่วยผมหนีออกมาโดยการสั่งย้ายผมมาให้ใกล้ทางออกที่สุด ตัดไฟจนสัญญาณเตือนภัยดัง ตามหาผมจนพบ ยิงยาสลบใส่ทุกคน
ก่อนจะฉวยโอกาศพาผมหนีออกมาก่อนจะพาผมมาอยู่ในบ้านหลังเล็กๆในชายป่า ใกล้เขตแดนเกาหลีเหนือแบบนี้...เพราะกลัวว่าทางนั้นจะสืบได้ว่าผมอยู่ที่ไหน...
ถ้าพวกนั้นมา จีวอนก็จะรีบพาผมข้ามชานแดนไป เขามีเส้นสายอยู่ทางเกาหลีเหนือพอสมควร แต่ที่ไม่อยากย้ายไปที่นั่นเลยเพราะกลัวผมจะลำบาก
ที่นั่นอะไรอะไรก็เคร่งครัดไปหมด ถึงจะมีเส้นสาย แต่สุดท้ายผมก็อาจจะโดนจับไปอีกรอบ... ที่เกาหลีเหนือก็มีโปรเจ็คเกี่ยวกับนุษย์พิเศษอยู่เหมือนกัน
มันน่าตลก...แต่ก็นะ...ชีวิตของผมมันเคยมีอะไรปกติกับเขาบ้าง?
และอีกอย่างที่ผมได้รับรู้คือ...ทั้งพ่อและแม่ของผมเสียชีวิตแล้ว...
ทั้งสองคนตายด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์หลังจากผมถูกส่งเข้าไปในลอว์ไลท์ได้ราว4เดือน
จีวอนบอกว่านั่นคืออำนาจของลอว์ไลท์....
มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแต่ที่ต้องมาเป็นคนไม่มีพ่อแม่แบบกระทันหันแบบนี้
จริงๆผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีความเป็นมายังไง และผมเป็นใคร
...มันเลยไม่รู้สึกเสียใจตอนที่รู้ข่าวนั้น
ทุกๆอย่างดูจะกำกวมและไม่ชัดเจน..เหมือนผมกำลังฟังเรื่องราวของใครอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเองยังไงอย่างงั้น...
เรื่องพวกนี้สำหรับผมมันก็เหมือนกับฝัน...ล่ะมั้ง...
แต่ทำสำคัญมากกว่าคือ...ผมมควรจะทำยังไงต่อไป...?
ทุกความคิดดูจะฟุ้งกระจายเหมือนกับฝุ่นในอากาศ...คละคลุ้งจนยากที่จะจับอะไรซักอย่างมาเป็นหลัก
ถ้าจะให้ผมไปบอกตำรวจว่า ผมหนีออกมาจากโรงพยาบาลที่วิจัยคนที่มีพลังแปลกๆครับ นั่นมันคง...ไม่เข้าท่าเท่าไหร่ คงจะโดนหัวเราะกลับมาและส่งเข้าโรงพยาบาลบ้า หรือไม่ดีไม่ดีอาจจะโดนส่งกลับโรงพยาบาลลอว์ไลท์ซะเปล่าๆ
ผมควรคิดในทางที่ดี...
อย่างน้อยที่นี่ก็ไม่ใช่ลอวไลท์
ที่ที่เป็นฝันร้อยของผมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
40%
“กินนี่หน่อยนะ”จีวอนว่าก่อนจะตักเอาข้าวต้มมาจ่อที่ปากของผม
จริงๆมันค่อนข้างน่าอึดอัดนิดหน่อยเวลาที่จีวอน...ทำอะไรให้เขาเหมือนกับว่าเขาเป็นเจ้าหญิง.. ทุกวันนี้ผมแทบไม่ต้องขยับตัวไปไหนเลยด้วยซ้ำ
ผมเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ช้อนก่อนจะรับเข้าต้มเข้าปาก
รสชาติของมันแผ่ไปทั่วลิ้น...
อาหารอร่อยๆที่ผมไม่ได้สัมผัสมานานมาก...นานจนลืมไปแล้ว
ผมค่อยๆทานข้าวต้มช้าๆโดยมีจีวอนคอยป้อนอยู่ตลอด ถึงแม้ผมจะทานได้ไม่เยอะนักเพราะร่างกายยังปรับตัวกับปริมาณอาหารไม่ได้
ปกติผมก็แค่ยัดๆลงไปให้มันหายหิวแค่นั้นแหละ อาหารที่ได้จากผู้คุมก็ใช่ว่าจากมายซะที่ไหน
หนำซ้ำบางทีมันยังน่าขยะแขยงจนแทบกลืนไม่ลงเลยด้วยซ้ำไป
มีแต่ความเงียบที่ครอบคลุมระหว่างผมกับอีกคน
ผมเหลือบตาไปมองคิมจีวอนบ้างเป็นครั้งคราว ก่อนที่จะเป็นฝ่ายหลบตาทุกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมองอยู่
อากาศรอบตัวดูจะร้อนขึ้นทันตาเห็น
“นายอาจจะต้องพักผ่อนซัก3-4อาทิตย์นะ...ดูเหมือนว่าร่างกายของนายจะดู...บอบช้ำไปมากในช่วงหลายๆที่ผ่านมา.. ฉันเองก็ไม่มีเครื่องมืออะไรจะช่วยนายปากกว่านี้...” จีวอนพูดในขนะที่ก้มลงจัดยาที่โต๊ะไม้หัวเตียง
หลายวันที่ผ่านมา...มันทำให้ผมพบว่าตัวเองชอบมองจีวอนทำนู่นทำนี่
....ไม่รู้เพราะตอนอยู่ที่ลอว์ไลท์ผมว่างเกินไป เลยติดเป็นนิสัยที่ชอบจะมองดูอะไรไปเรื่อยรึเปล่า
แต่ลึกๆ ผมรู้สึกได้ว่ามันต่างกันเล็กน้อย..
ความรู้สึกตอนที่มองผู้คุมมันต่างออกไปจากตอนที่มองจีวอน...
ท่าทางของจีวอนมันให้ความรู้สึกประหลาด.. เหมือนกำลังดูดผมเข้าไปในวังวนอะไรซักอย่าง..
ตอนที่เขาจะหยิบจับอะไร เขาจะเลิกเสื้อเชิ้ตขึ้นมาให้พ้นข้อมือเล็กน้อย ให้เห็นเสี้ยวหนึ่งของรอยสักรูปปีก..ที่ท้องข้อมือ
ผมเคยถามเขา
จีวอนตอบว่า มันเป็นปีกของซาตาน เขาสักเพราะมันเท่ดี
และผมก็มองว่ามันเท่จริงๆนั่นแหละ...
“...ขอบคุณนะ”
“หืม?”
“...ในทุกๆเรื่อง”
“อ่า...ไม่ต้องขอบคุณหรอก มันโอเค ถ้าได้ทำเพื่อนาย”
Junhoe’s side
คืนนี้เป็นคืนที่ 12 แล้วที่ผมมาที่นี่ โดยไม่รู้เหตุผลที่แน่นอน
ผมเดินออกจากลิฟท์อย่างๆทุกครั้ง ผมมาที่นี่บ่อยมมากจนทำทุกอย่างเป็นอัตโนมัติไปแล้ว
เผลอๆผมอาจจะมาที่นี่บ่อยกว่าเข้าห้องทำงานประจำตำแหน่งตัวเองซะอีก...
ห้องทำงานมันน่าเบื่อ แต่ที่นี่ไม่....
ผมเดินเข้าไปยังห้องของจินฮวาน อย่างระวังไม่ให้เผลงส่งเสียงดังไปปลุกคนตัวเล็กนั่นเข้า ก่อนจะต้องแปลกใจเมื่อพบว่ายังมีคนอยู่ในห้องพักของเด็กคนนั้นที่ถูกกั้นไว้อีกที...
นับตั้งแต่คืนแรก นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเจอใครนอกว่าจินฮวานในห้องนี้
ภาพตรงหน้าทำให้ผมต้องเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
ภาพของผู้ชายในชุดผู้คุมคนนึงกำลังฉีดยาบางชนิดให้จินฮวานที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงและลืมตาอยู่ด้วย...คิมจินฮวาน ตื่นอยู่และดูจะมีสติครบถ้วนทุกประการ
มือเล็กๆของจินฮวานกำชายเสื้อของอีกคนไว้แน่นจนมันยับยู่ยี่ไปหมด
เขาเป็นใครกัน? ใครกันที่มาทำอะไรดึกๆดื่นๆแบบนี้?
ผมเดินไปคว้าเอาตารางการทดลองของจินฮวานขึ้นมาอ่าน...
ตารางของวันนี้...คืนนี้...ก็ว่างนี่หน่า
...แล้วทำไม???
ที่น่าแปลกใจว่าคือ...ดูเหมือนจินฮวานจะรู้จักคนคนนี้สินะ...เขาถึงได้ไม่ทำร้าย ไม่อย่างนั้นป่านนี้ผู้คุมคนนี้คงไม่รอดหรอก
คงโดนสะกดจิตให้พาหนีออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว
ผมรีบหลบเข้าไปหลังตู้เก็บของขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นกำลังจะเดินออกมาจากห้องพักก่อนจะเหลือบไปมองป้ายชื่อของเขาคนนั้น
ซง ยุนฮยอง
จากการแต่งตัวแล้ว เขาน่าจะเป็นแค่ผู้คุมธรรมดานี่น่า อย่างมากก็เป็นระดับเบอร์สูงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาไม่น่าจะได้เข้าโซนพิเศษขนาดนี้
โปรเจ็คพวกนี้ มีแต่ฝ่ายบริหาร หมอบางส่วน และ พยาบาลหรือผุ้คุมขั้นสูงเท่านั้นที่รู้เรื่องรายละเอียดเชิงลึก
น้อยคนนักที่จะได้รับอนุญาตให้รู้เรื่องในโซนพิเศษ...
ผมพยายามมองให้ชัดเจนขึ้นก่อนจะเห็นว่าเขากำลังใช้บัตรVIPในการผ่านเข้า-ออกโซนนี้
ประหลาด..กรรมการชั้นสูงของโรงพยาบาลยังไม่ได้ครอบครองบัตรใบนั้น แล้วทำไมเขาถึงได้มีกัน? ต่อให้มีฝีมือเป็นเทวดามาจากไหนก็คงไม่ได้บัตรใบนั้นแน่นอน
หัวใจที่สูบฉีดเลือดเร็วขึ้น ส่งเสียงไปทั่วร่างกายของผม
เหมือนกับจะบอกว่า... ผม...กำลังจะได้เจออะไรบางอย่างที่น่าตื่นเต้นขึ้นมาซะแล้ว...
น่าสนใจ...จริงๆ สงสัยต้องตรวจสอบซักหน่อย
75%
ผมยินแช่อยู่ตรงนั้นพักใหญ่ และเมื่อค่อนข้างมั่นใจว่าคนคนนั้นเดินออกไปจากโซนเป็นที่เรียบร้อย ผมก็เดินออกมาและนั่งลงที่เดิมที่ผมนั่งอยู่เป็นประจำทุกวัน
หน้ากระจกบานใหญบานเดิม
พร้อมกับภาพเดิมๆของจินฮวานที่ล้มตัวลงนอนอยู่บนเตียง
เรื่องซงยุนฮยองอะไรนั่น...ช่างมันก่อนแล้วกันนะ
ผมคิดว่าผมอาจจะกำลังเป็นบ้า..หรือโรคจิต แต่ ใช่ นั่นแหละเป็นนิยามเดียวที่ผมพอจะนิยามตัวเองลงไปได้ ผมไม่กำลังเป็นบ้าก็ต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ
ที่มานั่งเป็นบ้าอยู่อย่างนี้ทุกวันอยู่หน้ากระจกบานนี้ ทั้งๆที่ไม่เคยคุยกับคนในนั้นด้วยซ้ำ...
เขาไม่แม้จะกระทั่งรู้ว่าผมมีตัวตนด้วยซ้ำล่ะมั้ง...
เป็นเรื่องแปลกจริงๆที่คนอย่างกูจุนฮเวต้องมาทำอะไรแบบนี้..
‘คุณคือใคร?’ จู่ๆเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของผม
“หืม?”
‘ผม...จินฮวาน คนที่พักอยู่ในห้องที่3’
ชิท....ผมลืมไปได้ยังไงว่าเมื่อกี้จินฮวานยังตื่นอยู่เลยและเขาไม่น่าจะหลับเร็วขนาดนั้น ดังนั้น แน่นอนว่าเขาต้องรับรู้ตัวตนผมอยู่แล้ว
ภาพตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกประหม่าขึ้นมาดื้อๆ จินฮวานกำลังลุกขึ้นจากเตียงขึ้นมานั่งและมองมายังผมด้วยายตาที่ผมตีความหมายไม่ออก
“อ่า...นายมีพลังโทรจิตหนินะ...ว่าแต่นายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
‘คุณไม่รู้หรอ?...ผมน่ะสามารถรู้ความเคลื่อนไหวในระยะ500เมตรรอบตัวน่ะ สรุปคุณเป็นใครกันแน่ คุณเข้ามาในโซนนี่ทุกวัน โดยเฉพาะตอนดึกๆ มายืนอยู่นิ่งๆเป็นชั่วโมงๆแล้วก็ไป’
....สรุปคือนี่รู้หมดเลยสินะ...ให้ตายเถอะ
นีผมมกำลังรับมือกับคนประเภทไหนกัน?
“อือ...ก็ประมาณนั้น”
‘คุณเป็นใคร? มาทำอะไร?’ จินฮวานถามกลับมา
“เอ่อ ผม.. จะว่าไงดีล่ะ...ตอนนี้ทางโรงพยาบาลมีมาตรการใหม่...ให้ผู้คุมเข้ามาเฝ้าข้างในโซนน่ะ”
โอเค... โง่มาก นี่ผมจบมหาลัยมาได้ไงวะเนี้ย แถไปได้ จากผู้บริหารระดับสูงกลายเป็นยามเนี้ยนะ
‘อ่า..งั้นหรอครับ’
“อือ...”
‘คุณปล่อยผมออกไปได้ไม๊?’เสียงนั้นดังขึ้นในหัวผมอีกครั้งหลังเงียบไปซักพัก
....ปล่อยนายออกไปงั้นหรอ? ขนาดตัวฉันเองยังหาทางออกไปจากที่นี่ไม่ได้เลยคิมจินฮวาน
ผมมองไปยังดวงตาเรียวคู่นั้นที่เหมือนจะหม่นลงเมื่อเอ่ยประโยคนั้นออกมา
แน่นอนว่าเขาคงอยากจะออกจากที่นี่ไปทุกวินาที...ทุกลมหายใจ
“ฉันขอโทษ แต่ฉันทำไม่ได้หรอก...”
‘นั่นสินะ ลืมๆมันไปเถอะ... ผมแค่กลัวและก็เหงามากเท่านั้นเอง’
“....”
กลัวแล้วก็เหงางั้นหรอ....
เสียงนั้นเงียบหายไปจนกระทั่งผมเห็นเขาทรุดตัวลงนอนอีกรอบ มือบางจับผ้าห่มผืนบางก่อนจะยกมันขึ้นมาคลุมลำตัวไว้จนถึงคอ
พร้อมกับประโยคสุดท้ายของวันที่ทำให้ผมถูกจู่โจมด้วยความรู้สึกประหลาดๆไปอีกทั้งคืน
“ฝันดีนะ”
100%
Talk
ตอนนี้แอบป่วงๆนิดนึง.... ถถถถ
คืออาจจะไม่หวือหวาเท่าสองตอนก่อนหน้านะทุกคน .______.
เป็นตอนที่บอกความเป็นมาของบ๊อบบี้กะฮันบินแล้วกัน <3
ด้านจุนจินก็เเอบมีปมมาให้เดากันเเล้ว คึคึคึ
จุนเน่เเอบมาเฝ้าพี่จิน งุ้งงิ้งมาก ถถถ
เรื่องคำผิดเราจะพยายามทยอยแก้ไขให้นะทุกคน TT เราเป็นพวกอ่านหนังสือไม่ค่อยละเอียดเวลาอ่านทวนเมาๆ คำผิดเลยบานมาก
มีใครอยากอ่านสเปเชียวชานยุนกันไม๊? :)
ฝากติดแท็ก #ลวงดบบ & คอมเม้นท์ด้วยน้า
ความคิดเห็น