คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : file02 :: who are you?
Clouds filled with stars cover the skies
And I hope it rains, you're the perfect lullaby
What kinda dream is this?
กลุ่มก้อนเมฆ ดวงดาว ปกคลุมทั่วท้องฟ้า
ฉันหวังว่าฝนจะตกนะ เธอเป็นเหมือนเพลงกล่อมอันสมบูรณ์แบบ
นี่มันฝันอะไรกันเนี่ย?
Junhoe’s side
ผมพลิกตัวบนเตียงนอนใหญ่ของตัวเองอีกครั้ง...
...ไม่ว่าจะพยายามข่มตาให้นอนหลับเท่าไหร่ เขาก็ไม่อาจลืมภาพของเหล่าคนไข้ถูกทรมานที่เขาพบเห็นในวันนี้ลงได้แม้แต่น้อย
โดยเฉพาะ..
คนคนนั้น... คิมจินฮวาน
คืนนี้... ต่อให้เขานับแกะไปถึงล้าน ก็คงนอนไม่หลับเป็นแน่ ถ้าภาพของคนคนนั้นยังชัดอยู่แบบนี้...
ผมลุกขึ้นจากเตียงของตัวเองอย่างหงุดหงิดก่อนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง และตัวสินใจเดินออกจากห้องนอนชั่วคราวของตัวเองที่อยู่บนชั้นบนสุดของโรงพยาบาล...
เพราะลอว์ไลท์ตั้งอยู่ไกลจากตัวเมืองมาก จริงๆต้องพูดว่าลอว์ไลท์นั้นอยู่แทบจะขอบประเทศเลยต่างหาก ที่นี่ตั้งอยู่กลางป่านับพันๆไร่ ดังนั้นการจะเดินทางนั้นลำบากเกินไป เขาจึงต้องมมานอนอยู่ที่นี่ไปเลยก่อนที่จะย้ายไปอยู่บ้านพักหลังเก่าของพ่อที่ให้คนไปปรับปรุงอยู่
ห้องนอนรับรองของโซน VIP ที่มีแค่ผู้บริหารเท่านั้นที่จะเข้ามายังส่วนนี้ได้
และตอนนี้ผมก็กำลังจะไปโซนผู้ป่วยพิเศษ...
ลิฟต์ของโซน VIP จะตรงไปยังโซนผู้ป่วยพิเศษโดยตรง
ผมค่อยๆเดินไปช้าๆด้วยเสียงเบาที่สุด...ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่า...เขากำลังไปไหน
จริงอยู่ที่ตำแหน่งของเขาก็ใหญ่เอาการแต่ว่าเขาก็พึ่งรับตำแหน่งมาจากพ่อสดๆร้อนๆ ดังนั้นทำตัวให้เป็นที่น่าสงสัยมากไปคงจะไม่ดี
ถึงเขาจะไม่ได้ชอบตำแหน่งนี้มากเท่าไหร่ แต่เมื่อรับมาจากพ่อแท้ๆแล้ว ผมก็มีหน้าที่ที่จะทำมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ลิฟท์ตัวนี้เข้าไปในโซนพิเศษโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านหน้าโซนที่ต้องสแกนลายนิ้วมือและรูม่านตาใดๆทั้งสิ้น รวมถึงไม่ต้องไปผ่านยามนับสิบชีวิตที่เฝ้าอยู่เต็มไปหมด
ผมเดินไปรอบๆโซนอย่างระมัดระวัง เวลานี้ไม่มีใครอยู่ในโซนอีกแล้วยกเว้นก็แต่พวกการ์ดที่คอยเฝ้าอยู่ด้านหน้าเท่านั้น
ไฟและแอร์ก็ถูกปิดไว้จนผมต้องปรับสายตาอยู่ซักพักกว่าจะมองเห็นป้ายชื่อคนไข้ที่ติดอยู่ที่ประตู
ผมเดินจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องที่ผมต้องการก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดช้าๆ
ถ้าผมไม่ได้มาที่นี้คงไม่ได้นอนไปอีกหลายวันแน่
คิมจินฮวานคนนั้นเล่นมนต์อะไรใส่เขากันนะ?
เมื่อประตูเปิดออกผมก็ก้าวเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวังก่อนจะเห็นว่าห้องนี้เปลี่ยนไปจากที่ผมจำได้เล็กน้อย
เจ้าอุปกรณ์พวกนั้นที่เคยอยู่ตรงกลางห้องว่างๆ แต่ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่า และมีเตียงพร้อมอุปกรณ์พื้นฐานของการใช้ชีวิตวางอยู่มุมต่างๆของห้อง
คิมจินฮวานกำลังนอนอยู่บนเตียง...เหมือนกับคนทั่วๆไปที่ไม่ได้ถูกจองจำ
หน้าอกที่ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสอนั่นทำให้ผมยิ้มออกมา
ผมเคยไปคุกใต้ดินที่เป็นที่ขังนักโทษส่วนใหญ่เอาไว้ เขายังรู้สึกโล่งใจที่คนคนนี้มาอยู่ที่นี่ อย่างน้อยสภาพความเป็นอยู่ก็ดีกว่าที่นั่นเป็นไหนๆ
ว่าแต่...ทำไมเขาต้องโล่งใจกันนะ?
ผมส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับความคิดพิเรนทร์ๆในหัวของตัวเอง
ผมทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่แถวนั้นก่อนจะจ้องไปยังร่างเล็กๆนั้นด้วยความรู้สึกประหลาด
นายมีอะไรกันนะที่ทำให้ฉันต้องมานอนไม่หลับอย่างงี้ด้วย?
ห้ะ? คิมจินฮวาน
ร่างเล็กนั่นขยับตัวเล็กน้อยเหมือนกับรับรู้ได้ถึงคำถามที่ผมถาขึ้นในใจ
ซุกตัวลงกับหมอนอีกนิด...เหมือนกับเด็กที่โหยหาความอบอุ่น
...ผมไม่แน่ใจว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้นานแค่ไหน แค่ปล่อยให้ตัวเองจมกับภาพตรงไป ในหัวของผมมีแค่ความรู้สึกบางอย่างที่เอ่อล้นออกมาจากหัวใจ
คนตรงหน้านี้ช่างราวกับภาพวาดยังไงยังงั้น
จนเวลาผ่านไป...ผมก็เลือกที่จะจากไปเงียบๆเมื่อเห็นว่าเริ่มมีแสงรำไรที่หน้าต่างแล้ว
นี่ผมมานั่งอยู่ที่นี่จนเช้าเลยงั้นหรอ?
ร่างเล็กๆนั่นทำให้ผมปั่นป่วนไปหมดจริงๆ แต่ยังไง ผมคิดว่าคืนพรุ่งนี้ผมก็จะยังคงมาที่นี่อีกอยู่ดี...
แล้วเจอกันนะ...คิมจินฮวาน
แล้วเราจะได้เจอกันอีก...
20%
Hanbin’s side
เมื่อคืน....ผมยังนอนอยู่ในห้องขังของตัวเองอยู่เลยหนิ
ผมลืมตาขึ้นอีกครั้งในห้องสีขาวสะอาดตา และผมไม่ค่อยแน่ใจนักว่าที่นี่คือที่ไหน
ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาเพราะโดยปกติโรงพยาบาลก็มีแต่สีขาวเต็มไปหมดจนยากที่จะแยกว่าห้องไหนเป็นห้องไหนกันอยู่แล้ว
...สงสัยผมคงจะโดนพวกผู้คุมลากมาที่นี่อีกตามเคย
ภายในห้องนี้นอกจากผมแล้วก็ยังมีคนไข้อีกจำนวนหนึ่งที่นอนอยู่...ซํกราวๆยี่สิบเตียงได้ บางคนผมเคยเห็นผ่านตามาบ้าง แต่แน่นอนว่ามันก็เลือนรางเต็มทนที่จะระบุว่าใครเป็นใคร
ถ้าไม่ใช่คนสำคัญจริงๆบางทีผมก็ลืมไปว่าเขาเป็นใคร
มันเป็นเรื่องปกติอีกอย่างน่ะ
ผมเหลือบมองร่างกายตัวเองที่ยังไม่สามารถขยับได้มากเท่าที่ต้องการ
ปลายนิ้วของผมเหมือนไร้ความรู้สึกไปแล้วด้วยซ้ำแต่ดูเหมือนผมจะเริ่มชินกับสภาพแบบนี้มาซักพักใหญ่ๆแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกกลัว คงเพราะอาการแบบนี้สามารถพบได้บ่อยๆเมื่อผมกลับจากการทดลองบางอย่างที่บางทีก็ทำให้ผมขยับไม่ได้ไปหลายวัน
หลังจากพยายามอยู่ซักพักสุดท้ายผมก็เลิกพยายามที่จะขยับตัวไปเอง...และหลับตาลงนิ่งๆ
อีกเดี๋ยวยาก็คงหมดฤทธิ์เองล่ะมั้ง...
แต่แค่จากนั้นไม่นาน ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ...
และเมื่อหรี่ตาดูก็พบว่าพยาบาล2-3คนก็เดินเข้ามาใกล้เตียงที่ผมนอนอยู่ก่อนจะจับเอามือผมที่เป็นอิสระในตอนแรกมัดเข้ากับเตียง...
ผมยังแกล้งทำเป็นหลับต่อไป ก่อนที่พยาบาลจะมัดขาทั้ง2ข้างของผมตามไปด้วย
ทำไมต้องมัด?
หัวใจของผมกระตุกวูบพลางนึกไปถึง...ครั้งล่าสุดที่ผมถูกมันแบบนี้...
มันเป็นตอนที่ผมถูกมัดเข้ากับเก้าอี้ช็อตไฟฟ้า...เพื่อส่งกระแสไฟฟ้าเข้าสมอง เพื่อดูการตอบสนองอะไรซักอย่างของสมอง... ที่ผมได้ยินมาจากพยาบาล...
“...E-160” พยาบาลคนนึงพูดออกมา
เพียงแค่ไม่กี่อึดใจผมก็รู้สึกได้ถึงเข็มฉีดยาที่แทงเข้ามาที่แขนซ้ายของตัวเอง
รู้สึกได้ถึงยาที่กระจายตามแขนข้างจนขึ้นมาถึงหัวไหล่
มันเป็นความรู้สึกอึดอัดแต่ก็เย็นอย่างประหลาด
เหมือนกับว่า...ผมกำลังค่อยๆลอยขึ้นไปในอากาศอย่างไงอย่างงั้น... เบาสบาย
และในวินาทีเดียวกันนั้นเอง... ก็รู้สึกง่วง...
จนสติที่เคยครบถ้วยค่อยๆหลุดลอยออกไปอีกครั้ง
และจมเข้าสู้ห้วงความฝันอีกครั้ง
ขอให้คืนนี้เป็นค่ำคืนที่ดี
ขอให้ความฝันคืนนี้เป็นฝันดี
และจะดีมากถ้าพรุ่งนี้ผมไม่ต้องตื่นมาอีกเลย
วันนี้ผมได้ย้ายออกจากห้องขังเก่ามาอยู่อีกที่นึง ที่อยู่Floor1...
มันค่อนข้างกระทันหัน...เพราะแค่ผมตื่นขึ้นมาตัวเองอก็นอนอยู่อีกที่ซะแล้ว... แถมเจอผู้คุมที่ผมยังไม่รู้ชื่อกำลังหอบของไม่กี่ชิ้นที่อยู่ในห้องเก่าของผมมาให้ด้วย
หลังจากงงอยู่พักใหญ่..สุดท้ายก็เลยได้แต่ทำใจเพราะคงไม่มีใครานั่งอธิบายให้ฟังอยู่ดี
แต่จริงๆแล้วผมว่าค้นพบว่าห้องขังมันก็ไม่ได้ต่างจากที่เดิมเท่าไหร่นัก แค่ตรงที่นอนที่ดูใหม่ขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
ผมได้ย้ายมาก Floor 1...ซึ่ง เป็นชั้นที่ดีที่สุด
ที่นี่ยิ่งเลขFloorมากนั่นหมายถึงมันยิ่งอยู่ลึกลงไปใต้ดินมาก
ดังนั้นชั้นนี้จึงเป็นชั้นที่อยู่ใกล้พื้นดินมากที่สุด
และเป็นชั้นที่เขาพูดกันในหมู่นักโทษว่าผู้คุมนิ่งมากที่สุด คงเพราะชั้นนี้มีแต่ผู้คุมที่ทำงานมานานแล้วนั่นเอง
ผมมองไปรอบๆห้องนอนใหม่นี้...ที่นี่มีแต่รอยของการขีดเขียนเต็มไปหมด ทั้งอักษรที่ผมอ่านไม่ออก ภาพวาดที่ไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่าง เหมือนกับว่าในขณะที่มันถูกเขียนคนเขียนนั้นเสียสติไปแล้วยังไงอย่างงั้น
และนอกจากนั้นอีกหลายๆอย่างที่ผมพยายามมองข้ามมันไป ทุกๆอย่างในห้องยิ่งทำให้ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าตัวเองมาอยู่ผิดที่ผิดทางไปหมด
ที่นี่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกมากกว่าดีใจที่ได้ย้ายห้องขัง
ตอนนี้ค่อนข้างมืดมากแล้ว
ปกติผมไม่ค่อยรู้เรื่องเวลามากนักหรอก จะนอนก็ต่อเมื่อง่วงหรือผู้คุมมาตะโกนให้นอนเท่านั้นเอง เพราะห้องพักเก่าของผมนั้นอยู่ใต้ดินชั้นค่อนข้างลึก ไม่เคยมีแสงแดดบอกเวลา แต่ห้องพักใหม่ของผมนั้นเหมือนจะอยู่ใต้ดินเพียงชั้นเดียว จึงมีช่องระบายอากาศบริเวณขอบของผนังที่ติดกับเพดานที่เผยให้เห็นภายนอกเล็กน้อย
และเจ้าช่องที่ว่านั้นก็อยู่ตรงข้ามกับห้องขังของผมพอดิบพอดี ทำให้ผมมองเห็นมันได้ง่ายผ่านหน้าต่างเล็กๆที่ประตู
ผู้คุมบางคนบอกกับผมว่าห้องนี้ทำเลค่อนข้างดีทีเดียว มันทำให้ผมได้อากาศที่ไม่เหม็นอับมากนักและยังได้แสงแดดในบางวัน
ในขณะที่ผมมองว่ามันตรงข้าม
ยิ่งผมอยู่ใกล้หน้าต่างนั้นมากเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้สึกอยากออกไปจากที่นี่เต็มที ความทรงจำก่อนที่ผมจะถูกพามาที่นี่ค่อยๆเลือนไปจนผมแทบจำไม่ได้แล้ว
เพราะเวลาที่นานเกินไปทำให้ผมจำใครข้างนอกนั่นไม่ได้อีกแล้ว
จริงๆผมก็จำอะไรนอกที่นี่แทบไม่ได้แล้วทั้งนั้นแหละนอกจาก...อืม... ท้องฟ้าที่ครามและความรู้สึกที่ได้เป็นอิสระ
...บางทีผมควรรีบหาอะไรมาเขียนผนังเพื่อเตือนความจำตัวเองอีกรอบ เพื่อไม่ให้ลืมว่าตัวเองไม่ใช่คนของที่นี่..ผมต้องหาทางออกไปให้ได้ซักวัน
เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกัน
ผมซุกตัวเองลงในผ้าห่มก่อนจะจะหลับตาลงจะนอน
ก่อนที่ในนาทีต่อมาผมก็ถูกปลุกด้วยเสียงหวอที่ดังขึ้นสนั่น
!!!???
ผมสะดุ้งอย่างตกใจก่อนจะลืมตาขึ้นและมองไปรอบๆ
...ไฟถูกดับลงแทนด้วยแสงจากสัญญาณเตือนไฟสีแดงและเสียงหวอที่ดังสนั่นจนปวดหู
ผมเด้งขึ้นจากที่นอนตัวเองอย่างไวก่อนจะกระโจนที่ที่ประตูและสอดส่องไปข้างนอกว่าเกิดอะไรขึ้น
ก่อนจะพบว่าประตูที่เคยถูกล็อคไว้ด้วยระบบคอมพิวเตอร์นั้นถูกปลดล็อคไว้แล้ว
ทางเดินที่เคยมีผู้คุมเฝ้าเต็มไปหมดกลับว่างเปล่า
ราวกับว่าทุกคนนัดกันหายตัวไป
ผู้คนค่อยๆทยอยออกมาจากห้องของตัวเองที่ถูกปลดล็อคไว้เช้นกันยืนเกลื่อนทางเดิน พลางมองกันเลิกลั่ก
และความโกลาหลครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นเมื่อใครบางคนที่ถูกขังไว้ห้องข้างๆของผมคว้าเอาท่อเหล็กที่วางอยู่บนกองขยะที่อยู่ไม่ใกล้มาไว้ในมือก่อนจะวิ่งไปทุบช่องอากาศอย่างบ้าคลั่ง
เหมือนกับบ้าไปแล้วจริงๆ
จากนั้นคนอีกจำนวนหนึ่งก็ทำตาม และที่เหลือก็เลือกที่วิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง ต่างคนต่างแสดงพลังตัวเองออกมาเต็มไปหมด
ผมเห็นแสงไฟวูบวาบ ลมที่กรรโชกแรงขึ้น และน้ำที่เจิ่งนองเต็มทางเดินไปหมด ทั้งหมดนี่คงเป็นผลงานของนักโทษหลายๆคนที่วิ่งชนผมไปมา
ทุกคนต่างก็วิ่งหนีเพื่อหาหนทางสร้างอิสระให้ตนเองกันทั้งนั้นโดยที่ไม่มีใครสนใจคนอื่นไม่ว่าจะเป็นคนที่เจ็บอยู่หรืออะไรก็ตาม
และจากที่ผมเห็นมีนับหลายสิบคนที่ล้มลงและถูกเหยียบนักครั้งไม่ถ้วน
ผมไหลไปผู้ชนอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าไม่เดิน ก็กองลงกับพื้นและถูกเหยียบย่ำ
ได้แต่ไปซ้ายทีขวาทีอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร
ผมรู้ดี...รู้ว่าที่นี่ไม่มีทางปล่อยพวกผมออกไปง่ายๆแน่
ยิ่งวุ่นวายแบบนี้...ออกไปก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น
ผู้คุมพวกนั้นรู้จักพวกเรามานาน เชาย่อมรู้ดีว่าจะจัดการกับพวกเรายังไง และยิ่งผมที่ไม่มีพลังอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการจะช่วยให้ตัวเองไปรบรากับใครได้แล้วนั้น
มีแต่ตาย..กับตาย...
ต้องซ่อน....ใช่แล้ว! ต้องซ่อนก่อน เมื่อผมคิดได้ดังนั้นจึงพยายามหันตัวกลับและเริ่มออกวิ่งไปทางเดิน...สวนกับผู้คนที่กำลังมุ่งหน้าไปทิศทางเดียวกันเพื่อหาทางออก
ผมวิ่งกลับมาจนถึงช่องระบายอากาศที่ถูกทุบจนแตกกระจาย แต่ปราศจากจากผู้คน
ทุกคนวิ่งหนีกันไปหมดแล้ว
ทางนี้มันเล็กเกินไปกว่าจะให้มนุษย์ที่อายุมากกว่า13 มุดหนี
แสงเตือนภัยสีแดงทำให้ผมปวดหัวนิดหน่อย..
ผมมองลอดช่องนั้นออกไป...
ผมเห็นสงครามย่อมๆของผู้คุมกับนักโทษ...
เสียงระเบิดและปืนที่ดังไม่หยุดทำให้ผมใจเต้นเร็วด้วยความกลัว
ผมก้มมองรองเท้าของตัวเอง...
ผมต้องสร้างหลักฐานว่าผมไม่ได้อยู่ที่นี่
มือของผมแก้เชือกรองเท้าของตัวเองอย่างเร็ว ดึงเส้นผมของตัวเองออกมาใส่เอาไว้ก่อนจะปามันออกไปนอกช่องระบายอกกาศนั้น
ถ้าผู้คุมเห็นรองเท้าคู่นั้น...
อย่างน้อยคงคิดว่าผมจะหนีออกไปแล้วได้ซักพัก พอให้ผมซ่อนตัวและหาทางแอบออกไปอีกที
สุดท้ายผมก็รีบวิ่งหนีไปตามทางเดินที่สวนทางกับคนอื่นๆอีกครั้ง
ปัง!ปัง!ปัง! เสียงปืนหลายนัดดังไล่หลังผมทำให้ผมเร่งความเร็วขึ้นก่อนจะวิ่งไปเรื่อยทั้งๆที่ไม่มีจุดหมายแน่นอน พลางพยายามเค้นเอาเส้นทางในโรงพยาบาลที่เคยผ่านขึ้นมา
แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล...
ผมตัดสินใจวิ่งเข้าไปในห้องห้องหนึ่งที่ถูกเปิดประตูทิ้งไว้
ในห้องนั้นป็นห้องทำงานที่ตอนนี้ไม่มีผู้คนอีกแล้ว เอกสารมากมายยังคงกองอยู่บนโต๊ะแต่กลับร้างผู้คน คนที่ทำงานในห้องนี้คงหนีออกไปตอนสัญญาณเตือนภัยดัง ผมตรงไปยังตู้เอกสารและขดตัวลงนั่งลงภายในนั้น
ที่นี่ไม่ปลอดภัยนักหรอก แต่ผมแค่ต้องการให้ความวุ่นวายนี่ซาลงซักเล็กน้อยก่อน ตอนนี้เสียงหวอหายไปแล้ว รวมถึงเสียงคนวิ่งไปมาแถวนี่ที่เริ่มน้อยลงตามลำดับ
ผมพยายามควบคุมลมหายใจที่ยังคงถี่จากการวิ่ง และมองไปยังรอบๆภายในตู้เล็กๆนี้
ข้างในนี้ค่อนข้างร้อนนิดหน่อยคงเพราะในห้องนี้มีฮีตเตอร์แต่ก็ทำให้เหงื่อผมไหลออกมาไม่หยุดเลยทีเดียว มันทั้งมืด อบอ้าว และสะท้อนเสียงจากข้างนอกได้ดีจนน่ากลัว
กลิ่นอับๆในนี้กำลังทำให้ผมรู้สึกกำลังจะเป็นบ้า
เพียงแค่เสียงรองเท้ากระทบพื้นเบาๆที่ดูเหมือนจะอยู่ห่างออกไปก็ทำให้ผมสะดุ้งได้เลยทีเดียว
หลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่ผมค่อยๆแง้มประตูออกเล็กน้อย ภายในห้องนี้ยังมีสภาพไม่ต่างอะไรจากตอนที่ผมเข้ามามากนัก ผมตัดสินใจผลักประตูออกมาก่อนจะก้าวออกมาจากตู้อย่างระมัดระวัง
ผมเดินไปยังหน้าต่างที่อยู้ด้านในสุดของห้องก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง
ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมต้องถอยกลับมาด้วยความกลัว
คนมากมายที่นอนเกลื่อนกลาดพื้น ผู้คุมถือปืนวิ่งกันให้วุ่น รวมถึงนักโทษที่พยายามหนีอย่างไม่ยอมแพ้แม้จะจนตรอกเต็มที
ตุบ
เสียงแฟ้มตกจากโต๊ะใกล้ๆมือผมทำให้ผมหันไปมองอย่างตกใจ ก่อนจะพบว่ามันเป็นเพราะมือของผมเองที่ปัดไปโดน
“ฮู่ว...ตกใจหมดเลย” ผมพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะมองไปรอบๆเพื่อเช็คความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจก้มลงไปหยิบแฟ้มนั่นขึ้นมา
ในขณะที่ผมกำลังหยิบแฟ้มขึ้นมาจู่ๆก็มีกระดาษแผ่นนึงร่วงออกมาจากปึกเอกสารในแฟ้ม
ผมวางเจ้าแฟ้มเจ้าปัญหาลงบนโต๊ะก่อนจะจัดจากเก็บเอกสารนั่นขึ้นมาอย่างไว
ว่าแต่..นี่มันชื่อผมหนิ?
ผมมองไปยังชื่อตัวเองที่อยู่บนกระดาษแผ่นนั้น แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ่านมัน เสียงเอะอะจากด้านนอกก็ดังขึ้นซะก่อน ทำให้ผมรีบทรุดตัวลงหมอบกับพื้นทันทีพร้อมๆกับยัดเจ้ากระดาษแผ่นนั้นลงไปในกระเป๋ากางเกงของชุดที่สวมอยู่
ใครมา?!
ผมคลานเข้าไปแอบใต้โต๊ะเบาๆก่อนจะชะโงกหน้าออกมาดูเล็กน้อยเพื่อดูว่าใครกันแน่ที่เป็นคนเข้ามาในห้องนี้
ผมไม่เห็นอะไรมากไปกว่าชายเสื้อกาวน์ไวๆเท่านั้น
ผ...ผมควรทำยังไงดี?
หมับ! เสียงผู้คุมที่ไม่รู้ว่าโพล่มาจากด้านหลังของผมก่อนจะจัดการล็อคตัวของผมเอาไว้
และจ่อปืนไว้ที่หัวของผมเป็นการขู่
...ไม่นะ!!! ผมจะมาถูกจับง่ายๆอย่างงี้ไม่ได้สิ
ผมมองไปรอบๆภายในห้องนี้มีผู้คุมกว่า5คน
และปืนทุกกระบอกในมือของพวกเขาก็บรรจุกระสุนจริงที่ยิงแล้วตายเอาไว้ทั้งนั้น
ผมเกือบจะร้องออกมาแล้วเชียวหากไปติดว่าจู่ๆร่างที่จับแขนผมไว้ก็ล้มลงไปดื้อๆเสียอย่างนั้น ตามด้วยผู้คุมและหอคนอื่นๆที่ร่วงลงไปกองกับพื้นทีละรายจนหมดทั้งห้อง
และในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ฝังเข้ามาในแขนข้างขวาของผม ผมยกแขนขึ้นดูเล็กน้อยก่อนจะพบกระสุนยาสลบที่ฝังอยู่บนหน้าแขน
ผมมีสติอยู่เพียงกี่วิเท่านั้นก่อนที่จู่ๆความง่วงก็เข้าครอบคลุมผมและสติของผมก็ขาดหายไปซะดื้อๆ
สิ่งสุดท้ายที่เห็นก็คงไม่พ้น
เสื้อสีขาวสะอาด
และป้ายชื่อที่ถูกปักไว้เป็นภาษาเกาหลีว่า
คิม จีวอน
80%
ผมค่อยๆลืมตาช้าๆ ก่อนที่ภาพท้องฟ้าสีคราม และ เมฆสีขาวสะอาดตา ก็ปรากฏต่อหน้าผม
มันดูน่าแปลกที่เดียว...เพราะผมไม่ได้เห็นมันมานานแล้ว
ความฝันปกติมันชัดเจนอย่างนี้เลยงั้นหรอ?
ผมค่อยๆลุกขึ้นมาช้าๆก่อนจะพบว่าตัวผมนอนอยู่ป่าโปร่งแห่งหนึ่ง
นอนพิงต้นไม้อะไรซักอย่างอยู่...
ผมได้กลิ่นชื้นๆของป่า....และได้กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้กับกลิ่นไหม้ปนกัน
“แฮก..แฮก... ตื่นแล้วหรอ? บ้าเอ๊ย! นี่มันยังไม่หมดเวลาเลยนะ” เสียงใครบางคนหอบดังขึ้นใกล้ๆหูของผม ก่อนที่ผมจะหันหน้าไปเจอใครคนนึงที่ผมไม่คุ้นหน้า
ผมถอยห่างจากเข้าอย่างอัตโนมัติ
...ชีวิตในโรงพยาบาลนรกนั้นทำให้ผมรู้จักที่จะระวังตัวทุกฝีก้าว
“....ใคร?” ผมพูดออกไปด้วยควาตกใจ
เจ้าของเสียงนั่งพิงต้นไม้ต้นเดียวกับผมอยู่...เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาวที่ตอนนี้ดูมอมแมมนิดหน่อย เศษดินติดอยู่ที่เสื้อของเขาเต็มไปหมด เช่นเดียวกันที่แนวสันกรามที่มีคราบสีดำเปื้อนเป็นทางยาว
ในมือขวาของเขาถือปืนสั้นอยู่กระบอกนึง...
“ฉันหรอ? คิม จีวอนไง อ่า..นายคงลืมไปแล้ว”
จีวอน?...ชื่อนี้ดูเหมือนแวบๆเข้ามาในหัวผม...
คุ้นอย่างประหลาด...เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน...
ที่ไหนกันนะ?
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไว้ใจเขาไม่ได้!....ไม่ได้เด็ดขาดนะ คิม ฮันบิน... นายต้องตั้งสติสิ
ผมมองหน้าร่างสูงนั้นอย่างงุนงง...
ทำไมผมถึงมาอยู่กับคนคนนี้กันได้นะ?..เมื่อกี้ ผมยังอยู่ในโรงพยาบาลอยู่เลยไม่ใช่หรอ?
ตึก...ตึก..ตึก
เสียงราวกับมีคนนับสิบกับกังวิ่งมาเรียกความสนใจให้ผมละสายตาจากคนตรงหน้าและหันไปยังต้นเสียง
...กลุ่มผู้คุมนับสิบคนกำลังวิ่งมาทางนี้...
ทันใดนั้นคนที่ชื่อจีวอนรีบดึงผมเข้าไปซ้อนหลังพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ๆทันที
และผมก็รีบสะบัดมือเขาออกอย่างรวดเร็ว
ผมคิดว่าผมคงใช้ชีวิตที่นี่มานานเกินไป... เพราะอย่างนั้นผมถึงรู้สึกว่าลึกๆแล้วมันมีอะไรบางอย่างต่อต้านคนคนนี้เอาไว้ ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกแปลกๆที่ทำให้รู้สึกวางใจคนตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก
เพราะเขาดันใส่ชุดกาวน์ที่มีตรงสัญลักษณ์ของโรงพยาบาลอยู่ตรงหน้าอกด้วย...นั่นทำให้ผมยิ่งสับสนกับการกระทำที่ดูจะตรงข้ามกับภายนอกที่เห็น
เขากำลังเล่นตลกอะไรกับผมกันแน่
“ฮันบิน...”
เขาพูดอย่างอึ้งๆราวกับไม่คิดว่าผมจะกล้าสะบัดมือเขาออก
“....”
“ถ้าจำไม่ได้...อย่างน้อยก็น่าจะคุ้นๆบ้างนะ..”
“....”
“ไม่มีเวลาแล้ว..โอเค...ฉันกำลังพานายหนีไปจากผู้คุมพวกนั้น..ถ้าหนีไปกับฉัน ก็ไม่ต้องทรมานแบบนั้นอีก แต่ถ้านายไม่ยอม นายก็จะถูกจับและกลับไปที่เดิม”
“.........ฉันจะไว้ใจนายได้ยังไง?”
“....”
ผมฉวยโอกาสนี้รีบออกวิ่งอย่างรวดเร็ว...
แต่คงเพราะสภาพร่างกายผมตอนนี้ ที่ยังคงไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่เพราะวิ่งไปไม่เท่าไหร่เขาก็วิ่งตามทันและคว้าข้อมือผมอย่างง่ายดาย
แรงกระชากที่ข้อมือทำให้ความรู้สึกเจ็บพุ่งเข้ามาเล็กน้อย แต่ผมก็ยังไม่เลิกพยายามที่จะบิดมือเพื่อให้หลุดพ้นจากคนคนนี้
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้..ขอโทษละกันนะ...”
และหลังจากนั้นอีกไม่กี่วินาทีมือของร่างสูงตรงหน้าก็ใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่คว้าขวดอะไรขึ้นมาซักอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
บีบมันจนแตกออก...น้ำสีใสนั่นไหลลงมาตรมซอกมือของเขาเต็มไปหมด
แต่ซักพักก็เป็นเลือดสีข้นจากบาดแผลที่มือของคนคนนี้เองที่ไหลลงมาตาม
ขวดยานั่น...ทำจากแก้ว และมันคงบาดมือของเขา
ผมหันไปมองหน้าคนที่สูงกว่าอย่างตกใจ... โดยไม่ทันตั้งตัว เขาก็ป้ายยานั่นลงมาที่ใต้จมูกผม... มันไม่มีกลิ่นอะไรนอกจากกลิ่นคาวของเลือดที่ชวนขนลุก...
ภาพตรงหน้าของผมเริ่มเบลออย่างรวดเร็วเหมือนกับโดนพายุพัดผ่านก่อนสติสัมปะชัญญะของผมจะหลุดลอยไป...
จมสู่ความมืดมิด...อีกครั้ง
.
Talk
กว่าพี่บ๊อบจะออก ถถถถ
มาช้าเเต่มาอย่างวีรบุรุษนะคะ <3
ตอนต่อไปจะเป็นยังไงดี :) ? รอติดตามเเละกันนะทุกคน
อาจจะมาช้าหน่อย....เราสอบน่ะ TT..
ว่าแต่คนเม้นมาทักเราเรื่องชื่อโรงพยาบาลด้วยแหละ..
นี่ทึ่งมากมีคนจำได้ว่ามาจากเดธโน๊ต
หลายๆคนคงอ่านชื่อโรงพยาบาลเป็น Lawliet (ลอว์เลียต) อย่างที่มันควรจะเป็น
แต่ที่เราเลือกใช้คำว่า ลอว์ไลท์มันก็มีเหตุผลของเรานะ
หนึ่งเลยคือ เราว่าลอว์ไลท์เป็นชื่อที่อ่านแล้วดูflow กว่าลอว์เลียตพอสมควร(อาจจะเป็นความรู้สึกส่วนตัว 555 )และมันก็ออกเสียงค่อนข้างคล้ายกัน
สอง คือจริงๆจะว่าชื่อนี้มาจาก death note อย่างเดียวก็ไม่ถูกนะ เพราะจริงๆ เราได้ชื่อนี้มาจากคำว่า lawless แต่พอนึกถึงคำนี้ จู่ๆชื่อลอว์ไลท์ก็โพล่ขึ้นมาในหัวพอดี..
เราเลยจับเอาคำว่า lawless + light ที่แปลว่าแสงสว่างมารวมกัน
เพราะเราต้องการจะสื่อว่า โรงพยาบาลนี้ เป็นโรงพยาบาลที่อยู่ท่ามกลางแสงสว่าง คือมีคนรู้จัก คนสนใจ โด่งดัง แต่ในขณะเดียวกันกลับเป็นแสงที่ผิดกฏหมายด้วย
พอเอามารวมกันเลยเป็น lawlight แต่จะเขียนอย่างนี้มันก็แปลกๆ เราเลยให้ lawliet เหมือนเดิม
หวังว่าจะไขข้อข้องใจหลายๆคนได้น้า
ปล. ฝากเม้นเเละติดเเท็ก #ฟิคลวงดบบ กันด้วยนะทุกคนนน <3
ความคิดเห็น