คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เจ้าพ่อ
“เชิญครับพี่สะใภ้ สวัสดีหนูริคกี้”
ซุนเต๋อทักทายสองแม่ลูกอย่างยินดี เขาเลื่อนเก้าอี้ให้คุณนายเฉินอย่างสุภาพ เอริก้า
ถามชายชราอย่างสุภาพ
“ซันนี่ละคะคุณลุง”
“เขาไปทำธุระให้ลุงน่ะ ว่าไงละหนู เรียนอยู่ปีอะไรแล้ว”
“ปีหนึ่งค่ะคุณลุง เอ้อ เรื่องที่จะให้หนูแต่งงานกับหลานชายคุณลุงน่ะค่ะ หนูยัง
อยากจะเรียนจนจบ ไม่คิดจะแต่งงานหรอกค่ะ คุณลุง”
ซุนเต๋อหัวเราะชอบใจ
“เป็นอันว่าหนูปฏิเสธแน่นอน”
“ค่ะ” เอริก้ารับคำอย่างหนักแน่น
“แน่ะ ซันนี่มาแล้ว พาใครมาด้วยน่ะ วิเศษจริงๆ”
ซุนเต๋อลุกขึ้นยืนเขาสัมผัสมือกับชายวัยใกล้เคียงกับเขาอย่างยินดี
“สวัสดีเจคอบ”
“อาเต๋อ สบายดีหรือ”
“สบายดี ดูสิว่าใครมากินข้าวกับเราด้วย”
เจคอบเหลือบตามองสองแม่ลูกดวงตาของเขาเป็นประกายอย่างยินดี เขาทักทาย
หญิงต่างวัยทั้งสอง
“อี้เหวิน ริคกี้”
เอริก้ามองชายหนุ่มอย่างกล่าวหา เธอเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของบิดาอย่าง
ไม่เต็มใจนัก
“อาซันหรือ เข้ามาสิ”
ซุนเต๋อเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในห้อง
“จัดการเรื่องมาร์คหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับลุง”
“ดี นั่งสิ”
“ครับ”
ชายหนุ่มขยับเก้าอี้นั่งตรงข้ามชายชรา
“คุณนายเฉินกับริคกี้ย้ายไปอยู่กับเจคอบเรียบร้อยแล้วหรือยัง”
“ย้ายเรียบร้อยแล้วครับ คุณเจคอบให้ลูกน้องไปขนข้าวของหมดแล้ว”
“อืม...งั้นเราก็หมดหน้าที่ดูแลพวกเธอแล้วสินะ แกจะได้มีเวลามากขึ้น ไอ้มาร์ค
ก็ไม่อยู่แล้วแกจะได้ช่วยบริหารให้บริษัทเจริญขึ้นหน่อยนะ”
ซันนี่อมยิ้ม รับคำอย่างอ่อนโยน
“ผมจะพยายามครับลุง”
..............................
“ที่นี่อย่างหรูเลยนะริคกี้”
เมย์มองสวนหน้าบ้านที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม คนรับใช้ยกถาดน้ำชาออกมาวาง
ไว้ให้ที่ชิงช้าซึ่งสองสาวนั่งคุยกันอยู่
“ฮื่อ”
เอริก้ารับคำเธอทำหน้านิ่วมองชายฉกรรจ์สองสามคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
“รู้สึกเหมือนฉันแล้วละสิ เธอต้องทำใจหน่อยนะ พ่อของเธอเป็นเจ้าพ่อตัวจริง
นะยะ”
เมย์พูดอย่างขบขัน
“ดีนะว่าพ่อเราหากินกันคนละเขตไม่งั้นคงได้เป็นเรื่องแน่ แล้วเราสองคนจะทำ
ยังไง”
“เราก็หนีไปอยู่ที่อื่นเป็นไง”
เอริก้าเสนอความเห็น เธอรินน้ำชาให้เพื่อนด้วยท่าทางเซ็งๆ
“ซันนี่เป็นยังไงบ้างละ”
“ไม่รู้ เขาคงจะตายไปแล้วมั๊ง”
เด็กสาวตอบอย่างโกรธๆ เมย์หัวเราะคิก
“ถ้าฉันเป็นเขานะ ฉันก็คงคิดหนักเหมือนกันละ พ่อเธอน่ะจะยอมยกเธอให้เขา
ง่ายๆหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ไม่เกี่ยวกับพ่อสักหน่อย ชีวิตของฉันนะ”
เอริก้าสะบัดเสียงเล็กน้อย
“เอาละ ในเมื่อเธอโกรธเขาจริงๆฉันก็จะบอกข่าวของเขาให้ฟังเอาไหม”
เมย์ทำท่าราวกับว่าได้กำความลับสำคัญไว้
“ข่าวอะไรละ”
“ทำท่าอย่างกับไม่อยากรู้ เขาไปเมืองไทยตั้งแต่สามวันก่อน พ่อเล่าให้ฉันฟังว่า
หลานของลุงเต๋อที่ชื่อมาร์คไปมีเรื่องกับคนงานที่นั่นเลยถูกฆ่าตาย เขาไปรับศพกลับมาทำพิธี
เพราะอย่างนี้เขาถึงไม่ได้ติดต่อเธอเลยไงละ”
“ถึงติดต่อก็คงไม่ได้ พ่อโยนมือถือที่เขาให้ไว้ทิ้งไปแล้ว”
เอริก้าสารภาพ
“กรรม”
เมย์อุทานอย่างเห็นใจ เอริก้าหน้าบึ้ง
“แต่เขาต้องรู้สิว่าจะติดต่อฉันได้ยังไง เขาไม่ยอมติดต่อเองนั่นแหละ แล้วเธอละ
โจอี้เขายังตื๊อเธออีกหรือเปล่า”
เอริก้าถามจิบน้ำชาอย่างอารมณ์ดีขึ้น
“ก็ยังมีบ้างแต่คนของฉันจัดการได้”
เมย์ตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก การกระทำของโจอี้ทำให้เมย์ไม่อยากคบกับเขาอีก เธอ
เห็นจริงดังที่ซันนี่พูดว่า การที่โจอี้ไม่ช่วยและไม่ห้ามปรามเพื่อนของเขา เท่ากับเป็นการร่วมมือ
กันเพื่อทำร้ายเธอกับพวกของซันนี่ในคืนนั้น ดังนั้นเธอจึงเลิกคบกับโจอี้อย่างเด็ดขาด มิหนำซ้ำ
ยังสั่งให้ลูกน้องของบิดาที่ตามคุ้มครองเธอจัดการสั่งสอนโจอี้ทุกครั้งที่เขามาตอแย จนบัดนี้โจอี้
จึงตัดสินใจหายหน้าไปจากสายตาของเมย์โดยไม่มาตามตื๊อเธออีก
...........................................
ซันนี่จิบกาแฟขณะที่ซุนเต๋อละเลียดกับชาของโปรด
“ขอบใจนะอาซัน เรื่องงานศพเจ้ามาร์คน่ะ”
“ครับคุณลุง” ซุนเต๋อถอนหายใจยาว
“ลุงคิดอยู่เหมือนกันว่าไอ้เจ้านี่น่าจะอายุไม่ยืน แต่ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเป็นคน
ทำศพมัน เออ เย็นนี้ลุงมีนัดกับเจคอบ”
“ครับ”
ชายหนุ่มรับคำดวงตาไหววูบด้วยความรู้สึก
“แกไปกับลุงด้วย เจคอบเขาอยากรู้จักแกให้มากกว่านี้”
“ครับ”
“ซุนเต๋อเพื่อนรัก เข้ามา เข้ามา”
“พี่สะใภ้ละ เจคอบ”
เจคอบพยักหน้าเข้าไปในคฤหาสน์หรูของเขา
“อยู่ข้างใน เขาดูแลเรื่องอาหารเองเลยนะ ว่าไงหลานชาย”
เขายื่นมือให้ชายหนุ่มขณะที่ทักทาย ซันนี่จับมือเจ้าพ่อใหญ่อย่างนุ่มนวล
“สวัสดีครับ คุณเจคอบ”
เจคอบยิ้มอย่างใจดี
“หลานริคกี้ไปไหนละ เจคอบ”
“วันนี้เขามีสอบ วันสุดท้ายแล้วละ ไม่รู้ว่าจะไปฉลองกับเมย์เขาหรือเปล่า
ไงหลานชายได้เจอกับริคกี้บ้างหรือเปล่า”
“ไม่ค่อยได้เจอครับ ผมเพิ่งกลับมาจากเมืองไทย”
ซุนเต๋อหัวเราะ
“ซันนี่เขาเป็นคนดูแลยายหลานมาตลอดละเจคอบ”
“งั้นหรือ ขอบใจมากนะหลานชาย มาเราเข้าไปนั่งที่โต๊ะกันเลยดีกว่านะ
ไปหลานชาย”
รถสีดำเงาวับที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถทำให้เด็กสาวใจเต้นแรงขึ้นมาเล็กน้อย เธอลง
จากรถโดยไม่แยแสตำราเรียนซึ่งคนรับใช้ที่คอยเปิดประตูต้องหอบเข้าไปในบ้านให้
“ริคกี้มาแล้วหรือลูก มากินข้าวเร็ว ลุงเต๋อกับซันนี่ก็มาด้วยนะ”
“สวัสดีค่ะคุณ
เอริก้านั่งลงที่เก้าอี้ซึ่งซันนี่เลื่อนให้อย่างเอาใจ
“ขอบคุณค่ะ”
เด็กสาวทำท่าห่างเหินอย่างจงใจ
“ได้ข่าวว่าศพของมาร์คหลานแกไม่เป็นรูปเป็นร่างเลยหรืออาเต๋อ”
เสียงของบิดาที่ชวนซุนเต๋อคุยทำให้เอริก้าถือช้อนค้าง
“ต้องถามซันนี่ แต่อย่าเพิ่งเล่าตอนนี้ดีกว่า ยายหลานจะรับไม่ได้”
“ทำไมหรือคะคุณลุง น่ากลัวหรือคะ ว่าไงคะซันนี่คุณเล่ามาสิคะ”
เอริก้าออกคำสั่ง ซันนี่อึกอักเล็กน้อยก่อนจะเล่าสั้นๆ
“เขาถูกเผานั่งยางจำศพไม่ได้ผมต้องรอพิสูจน์ศพเป็นอาทิตย์ถึงรับกลับมาได้”
เอริก้าหน้าเผือดไปเล็กน้อย ชายหนุ่มส่งแก้วเหล้าของเขาให้เธอ
“ดื่มหน่อย”
เอริก้าดื่มอึกใหญ่ก่อนจะสำลักเต็มแรง ใบหน้าแดงสร้านขึ้นมาทันที เจคอบกับ
ซุนเต๋ออดหัวเราะไม่ได้ บรรยากาศในห้องอาหารดีขึ้นมากเมื่อคุณนายเฉินมาสมทบที่โต๊ะอาหาร
เอริก้ายอมที่จะพูดกับชายหนุ่มบ้าง
..........................................
“พี่ซัน คิดจะทำอะไรฉันน่ะ”
เสียงถามกระเส่าด้วยความหวาดเกรงจากชายร่างท้วม ใบหน้าของเขาซีดเผือด
และมีเหงื่อไหลโทรมหน้า เขาถูกนำตัวมาอย่างชนิดที่ลูกสมุนของเขาไม่สามารถจะป้องกันได้
แม้แต่น้อย ความคิดที่ว่าซุนเต๋อซึ่งถอนตัวจากวงการจะหมดเขี้ยวเล็บเริ่มทำให้เขาลังเล ยิ่งชายหนุ่ม
ผู้ช่วยของซุนเต๋อปรากฏตัวขึ้นมายิ่งทำให้เขารู้สึกว่าหนทางของเขามืดมนไปถนัด
“เจียง เอาวิสกี้ให้เสี่ยหน่อย เสี่ยไม่ต้องตกใจนะครับ พอรู้ว่าเสี่ยจะไปมาเก๊าหลาย
วันผมก็เลยคิดว่าถึงเวลาเสียทีที่เราจะต้องเชิญเสี่ยมากินเหล้ากันหน่อยรำลึกเมื่อวันงานแต่งงาน
ลูกชายเจ้าสัวไงครับ”
“แล้วทำไมต้องจับฉันมาอย่างนี้”
“เด็กๆที่ไปเชิญคงเสียมารยาทกับเสี่ยไปหน่อย มาคาราวะเหล้าขอโทษเสี่ยเขาซิ”
“ครับพี่ซัน เสี่ยครับ”
ลูกน้องของชายหนุ่มรินเหล้าส่งให้เสี่ยด้วยท่าทางสำรวม เสี่ยเล็กรับเหล้าไปดื่ม
อย่างกระหาย แต่ก็ยังสั่นสะท้านไม่เลิก ซันนี่ยิ้มน้อยๆ
“เอาละ นายมีอะไรจะพูดหรือ อาซัน”
เสี่ยแข็งใจถามด้วยเสียงที่พยายามจะให้เรียบ
“ก็ไม่มากหรอกครับเสี่ย ผมอยากจะบอกเสี่ยว่าลุงเต๋อที่วางมือจากวงการก็คือ
เลิกจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องงอมือให้คนมารังแก เพียงต้องการความสงบในชีวิต
เท่านั้น ถ้าหากทำไม่ได้.....”
ชายหนุ่มยกไหล่ใบหน้าเหี้ยมขึ้น ลูกน้องทุกคนของเขาก็มีสีหน้าเหี้ยมเกรียม
ขึ้นมาทันควัน เสี่ยเล็กเย็นสันหลังวาบ เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
“เอาละ เรื่องเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ฉันฝากขอโทษลุงเต๋อด้วยก็แล้วกันที่ทำให้
ตกใจ”
“โอเคครับ ดื่มอีกนิดสิเสี่ย”
“ไม่ละ ฉันจะกลับแล้ว”
เสี่ยฝืนใจพูดเสียงเรียบ ชายหนุ่มพยักหน้า
“เจียงไปส่งเสี่ยด้วย สวัสดีครับเสี่ย”
“พี่ซันครับ”
ลูกน้องที่เฝ้าอยู่หน้าห้องเดินเข้ามากระซิบข้างหูชายหนุ่ม เมื่อเจียงนำตัวเสี่ยเล็ก
ออกไป ซันนี่หน้าเครียดเล็กน้อย
“ตอนนี้อยู่ที่ไหน อาเซี่ย”
“ทางนี้ครับพี่”
ชายหนุ่มเดินตามลูกน้องไปตามทางเดินในภัตตาคาร จนถึงหน้าห้องจัดเลี้ยง
ห้องหนึ่ง
“ห้องนี้ครับพี่”
“อาเซี่ย บอกให้คนของเรากลับไปได้แล้ว เดี๋ยวฉันกลับเอง”
“แต่ว่า...พี่ซัน”
อาเซี่ยท้วงอย่างไม่เห็นด้วย ซันนี่โบกมือ
“ไม่ต้องห่วงน่ะ”
“ได้ครับ”
ซันนี่ผลักประตูห้องเข้าไป คนเฝ้าประตูด้านในยื่นมือมายึดแขนเขาไว้ ชายหนุ่ม
เบี่ยงตัวหลบได้อย่างไม่ยากนัก แต่ก็มีอีกมือหนึ่งยื่นออกมากันไว้อีก ซันนี่ปัดมือนั้นออก
“พี่ซัน”
“พี่ซัน”
คนทั้งสองทักทายเมื่อเห็นหน้าผู้บุกรุกชัดเจน
“สวัสดี ขอโทษนะที่บุกเข้ามา”
“ต้องขอโทษพี่ซันด้วยครับ พวกผมไม่รู้ว่าเป็นพี่”
“ไม่เป็นไร คุณหนูมากับใครน่ะ”
“เพื่อนๆน่ะครับพี่ ยังดีว่ายอมมาที่นี่นะครับ พวกเรายังพอมีเวลาเคลียร์สถานที่
พี่ซันจะเข้าไปไหมครับ ผมจะไปรายงานให้เธอทราบ”
“เอ้อ อย่าดีกว่า ฉันแค่แวะมาดูเท่านั้นเอง ไปละ”
...........................................
ความคิดเห็น