คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : 16....ทำงานไกลบ้าน
ตอนที่สอง
ฟังเจิ้ง - ไอรีน
อย่าให้ฉันทุกข์ทนหม่นหมองและรอคอยเธออย่างเดียวดาย เธอคือสุดปรารถนาของฉัน และฉันจะไม่ทำให้เธอต้องเศร้าโศกอาดูร มารักฉันในคืนนี้เถิด...รักฉันในคืนนี้...
................................
น้ำใสในสระแตกกระจายเมื่อชายหนุ่มร่างเล็กกระโจนลงสระอย่างไม่มีพิธีรีตอง เขา
แหวกว่ายอยู่ครู่ใหญ่ก็ปีนกลับขึ้นจากสระมานั่งข้างชายหนุ่มร่างสูงที่นอนเอกเขนกอยู่อย่างสบายใจ
ผิวของเขาค่อนข้างคล้ำด้วยแดดลมของทะเล ผมของเขาตัดสั้นเกรียนอย่างทันสมัย รูปร่างแข็งแกร่ง
ด้วยกล้ามเนื้อที่ปราศจากไขมันส่วนเกิน กางเกงว่ายน้ำสีดำรัดรูปโชว์ท่อนขาที่ได้รูปแข็งแรง ผิว
พรรณของเขาสะอาดสะอ้านแม้จะคล้ำแดดแต่ก็ปิดไม่มิดถึงความขาวแต่เดิมของเชื้อชาติที่มีมาแต่
กำเนิด เขาจิบไวน์ด้วยท่วงท่าละเมียด ขณะที่ชายหนุ่มร่างเล็กคว้าแก้วไวน์ที่วางอยู่ไปดื่มอึกหนึ่ง
ก่อนจะถามอย่างสนใจ
“แกไม่คิดจะกลับบ้านหรือไง อาเจิ้ง”
เขาถามอย่างอยากรู้ เหลือบตามองเพื่อนรักที่วางแก้วไวน์ลงอย่างบรรจง
“ไม่คิด ที่นี่สบายดีจะตายไปจะกลับไปทำไมละ หรือแกไม่ชอบที่นี่ละ โรเจอร์”
“ชอบน่ะชอบหรอก แต่จะให้อยู่ตลอดไปก็คงไม่เอาด้วยหรอกนะ คนเรามีบ้านที่
จะต้องคิดถึงเหมือนกันนะ ที่นี่มันไม่ใช่บ้านนี่หว่า”
โรเจอร์พูดจบก็หัวเราะชอบใจ
“อีกอย่าง ฉันก็คิดถึงแฟนฉันด้วย พี่ชายแกกำลังป่วยหนักนะอาเจิ้ง แกน่าจะกลับ
ไปแสดงตัว พี่แกก็ไม่ได้มีลูกเมียนี่”
“ช่างหัวมันเถอะ ที่นี่คุณเจอรี่ก็ให้เงินเดือนฉันเหลือกินเหลือใช้แล้ว ไม่ต้องดิ้นรน
ไปรอรับมรดกของเขาหรอก”
“แล้วแกไม่คิดจะมีลูกมีเมียบ้างหรือไง”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
“ยังไม่คิด ว่าแต่แกเถอะโรเจอร์ จะมาฮันนี่มูนที่นี่จริงๆหรือเปล่า”
“จริงสิ”
“ก็ดี ฉันจะกันห้องสูทไว้ให้ เดือนหน้าคนจะเต็มเพราะเป็นช่วงโรงเรียนปิดเทอม
ใหญ่ พ่อแม่จะพาลูกๆมาเที่ยวกันมาก”
“พ่อก็มาเล่นการพนัน เผลอๆแม่อาจจะเล่นด้วย”
โรเจอร์ต่อให้ เจิ้งหัวเราะเบาๆ เขาลุกขึ้นยืน
“แกก็พูดเกินไป กลางวันที่นี่เราจัดกิจกรรมสำหรับครอบครัว อย่างไต่เขานั่นไง
หรือจะลองเก็บรังนก ปีนขึ้นไปเก็บได้เท่าไหร่ที่นี่ยกให้เลย หรือจะไปเที่ยวถ้ำ ดำน้ำชมปะการัง
ที่นี่สถานที่ท่องเที่ยวไม่เลวนักหรอกจะบอกให้ ฉันต้องไปตรวจงานหน่อย ค่ำนี้ค่อยเจอกันที่โต๊ะ
อาหารก็แล้วกันนะ โรเจอร์”
“โอเค ฉันจะว่ายน้ำแล้วก็อาบแดดอีกนิด จะได้ดำแล้วดูแมนขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง”
ภาพจากส่วนต่างๆภายในโรงแรมปรากฏอยู่บนหน้าจอนับสิบ แต่ละจอภาพมี
พนักงานประจำที่คอยตรวจตราทุกจุด เจิ้งนั่งทอดอารมณ์บนเก้าอี้พนักสูง เขากวาดสายตามองภาพ
ทุกจออย่างสนใจ
“น้ำครับพี่เจิ้ง”
“ขอบใจ”
ชายหนุ่มหยิบแก้วน้ำจิบเล็กน้อย
“โทรศัพท์ครับพี่ จากคุณเจอรี่”
ชายหนุ่มยกหูโทรศัพท์กรอกเสียงลงไปอย่างสุภาพ
“เจิ้งครับ”
“เจิ้ง กลับมาด่วนนะ จองตั๋วเครื่องบินให้แล้ว”
“ครับ”
..................................
โรเจอร์โยนกระเป๋าเข้าไปในรถแท๊กซี่ก่อน เขาโบกมือให้ชายหนุ่ม ตะโกนบอกก่อน
ที่รถแท็กซี่จะเคลื่อนตัวออก
“เย็นนี้จะมารับไปกินข้าวนะอาเจิ้ง จะแนะนำให้รู้จักเอมมี่ด้วย”
“โอเค”
ชายหนุ่มโยนกระเป๋าเดินทางใบเล็กของเขาลงบนโซฟาร์ตัวยาวอย่างไม่ใส่ใจนัก
เขารับโทรศัพท์ที่กรีดเสียงดังกังวาน
“เจิ้งหรือ ฉันส่งรถไปรับแล้วนะ”
เสียงเจอรี่ดังมาจากปลายสาย เจิ้งทำหน้านิ่วเล็กน้อย อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดเจอรี่
จึงต้องทำเรื่องเช่นนี้ เขาลงมาจากบ้านก็เห็นเจอรี่กวักมือเรียก
“สวัสดีครับคุณเจอรี่”
“ขึ้นรถเร็วเข้า ฉันจะพานายไปโรงพยาบาล”
“โรงพยาบาลไหนครับ มีใครเป็นอะไรหรือครับคุณเจอรี่”
“ก็คุณเจี้ยนพี่ชายของนายไงละ”
เจิ้งนิ่งอึ้ง เจอรี่ถอนหายใจยาว
“อย่าว่าฉันยุ่งเรื่องของนายเลยนะเจิ้ง แต่ฉันสงสารคุณเจี้ยนจริงๆ เขาอยากพบนาย
มากเลยละ”
“ครับ”
เจิ้งรับคำอย่างขอไปที ชายหนุ่มนึกถึงเรื่องที่เขาต้องไปทำงานที่ดาวน์ตัน หาก
พี่ชายของเขาให้ความสนใจเขาบ้าง โดยรั้งเขาไว้เมื่อเขาจะออกจากบ้านและเจอรี่ไม่เสนองานดูแล
ที่ดาวน์ตันให้กับเขา ชีวิตของเขาคงไม่มีความสุขที่ดาวน์ตันมาจนถึงทุกวันนี้ ความจริงพ่อแม่ของ
เจิ้งสร้างฐานะมาอย่างบากบั่น พวกเขาทิ้งมรดกให้เขากับพี่ชายไม่น้อยรวมโรงงานทอผ้าและบริษัท
ส่งออกผ้าทอซึ่งพี่ชายของเขาอ้างว่าเป็นผู้รับช่วงบริหารงานสมควรที่เขาจะได้เป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว
พี่ชายของเขามีอายุมากกว่ากันถึงแปดปี ในขณะที่เขาอายุเพียงสิบแปดเมื่อครั้งที่รับมรดกจากพ่อแม่
เจิ้งยังเป็นเพียงเด็กอายุสิบปีเท่านั้น โชคดีที่เจิ้งได้รับเงินส่วนที่พ่อแม่เก็บออกไว้ให้เขาโดยเปิดบัญชี
ธนาคารส่วนตัวให้กับเขาถึงสิบปี เขาจึงมีเงินก้อนใหญ่ไว้ใข้จ่ายทั้งในเรื่องส่วนตัวและการเรียนของ
ตนเอง แม้ว่าพี่ชายจะไม่เคยดูดำดูดีกับชีวิตของเขาและไม่สนใจต่อความเป็นอยู่ของเขาเลยก็ตาม
แต่เขาก็มีชีวิตอยู่ได้ เพราะมีแม่บ้านที่เป็นคนเก่าคนแก่คอยดูแลเขามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ทั้งยังคอย
จัดการเรื่องการเรียนของเขา จนกระทั่งเขาเริ่มโตขึ้นเขาจึงย้ายออกจากบ้านหลังใหญ่ที่พี่ชายครอบ
ครองอยู่ โดยย้ายมาอยู่เพียงลำพังและชวนเจ๊ชุนมาคอยดูแลเขาด้วย โดยที่พี่ชายของเขาไม่เคยคิด
ที่จะสนใจถึงความเป็นอยู่ของเขาแม้แต่น้อย ในระหว่างที่เรียนหนังสือเขาก็ทำงานไปด้วย เริ่มจาก
การเป็นพนักงานเดินเอกสารในบริษัทของเจอรี่ เมื่อได้รับปริญญาทางด้านบริหารจัดการโรงแรม
เป็นเวลาพอดีกับที่เจอรี่เป็นเจ้าของดาวน์ตัน เขาถามความเห็นพนักงานเป็นการระดมสมองว่าควร
จะจัดการกับที่ดินที่เป็นเกาะอย่างไร และเจอรี่ก็ชอบกับแนวความคิดของเจิ้ง เขาเดินทางไปที่เกาะ
กับเจอรี่หลายครั้ง เจอรี่เองก็ไว้วางใจในตัวเขาอย่างมาก และตั้งให้เขาเป็นผู้จัดการที่ดาวน์ตัน เขา
เดินทางไปอยู่ที่เกาะนั้นด้วยความเต็มใจ เขาเองก็ไม่เคยติดต่อกับพี่ชายของเขามานานนับสิบปีแล้ว
จึงคิดไม่ถึงว่าพี่ชายของเขาจะนึกถึงเขาขึ้นมาได้ว่ายังมีน้องร่วมสายเลือดอีกคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่บน
โลกนี้ โลกใบที่เขากำลังจะต้องอำลาจากไปในเวลาอีกไม่นาน
“อาเจิ้ง แกมาแล้วหรือ”
คนเจ็บที่นอนบนเตียงขยับตัวอย่างปิติยินดี เจิ้งเข้าประคองคนเจ็บด้วยท่าทางเป็น
ปกติ
“ดีใจที่แกมาได้ อาเจิ้ง”
“พี่เป็นยังไงบ้าง”
“เพลียมาก ฉันมีเวลาอีกไม่นาน อยากพบแกก่อนที่จะตายไป ฉันเสียใจที่ไม่เคย
ดูแลแกอย่างที่ควรจะทำ ฉันเสียใจจริงๆอาเจิ้ง”
“ไม่เป็นไรนี่พี่ ผมก็อยู่มาจนอย่างนี้แล้วนี่ ผมหัวแข็ง พี่ก็พักผ่อนให้มากๆนะ จะได้
แข็งแรงเร็วๆ”
ฟังเจี้ยนถอนหายใจยาว
“แข็งแรงคงเป็นไปไม่ได้แล้ว อาเจิ้ง อยู่ด้วยกันก่อนนะ”
“ผมจะอยู่จนพี่หลับ”
เจิ้งแอบถอนหายใจยาว สภาพของฟังเจี้ยนทำให้เขาอดสะท้อนใจไม่ได้ คนเราที่
ดิ้นรนเพื่อให้ตนเองสมบูรณ์เพียบพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ เมื่อถึงเวลาที่ต้องมานอนซมด้วยโรคร้าย
เช่นนี้เงินทองที่สะสมก็ช่วยไม่ได้แม้แต่น้อย
“พี่ชายแกเป็นยังไงบ้าง”
โรเจอร์จิบเหล้าเขามองรอบๆบริเวณห้องอาหารอย่างสนใจ
“อาการหนักกว่าที่ฉันคิด”
เจิ้งตอบเนือยๆ เขาทอดสายตามองหญิงสาวที่นั่งอยู่กับชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มุมห้อง
เป็นที่นั่งที่ดูน่าสบายที่สุดในห้อง ท่าทางของหญิงสาวสดใสและรื่นเริงอย่างมาก เธอหัวเราะจนเขา
คิดว่าได้ยินเสียงใสๆของเธอ
“สวยนะ แกว่าไหม บนเกาะที่แกไปจำศีลน่ะไม่มีอะไรแบบนี้ให้แกได้ดูหรอก”
โรเจอร์หยอกเมื่อเห็นเจิ้งมองอย่างสนใจจริงๆ
“สวย แต่หมอนั่นคงไม่ชอบนักที่มีคนมาสนใจแฟนตัวเอง”
“คิดอย่างนั้นก็ใจแคบว่า คิดดูสิแฟนเราสวยเราต้องภูมิใจสิวะ ฉันยังชอบเลยที่มี
หนุ่มๆมามองแฟนฉันน่ะ”
เจิ้งหัวเราะ เขาเลิกคิ้วเมื่อเห็นคนทั้งสองเดินออกจากร้านอาหารไป
“เสียดายจริงๆนะ”
โรเจอร์พึมพำ เจิ้งหัวเราะเบาๆ
“เสียดายทำไมวะ ผู้หญิงสวยๆมีเกลื่อนโลกนี้”
“เออ ฉันภาวนานะว่าให้แกเจอคนสวยที่เกลื่อนเมืองของแกเร็ว ไปฟังเพลงกัน
ไหมแก”
“ไม่เอาว่ะ ฉันทำงานที่ดาวน์ตันนะแก ทั้งเสียงเพลงทั้งเหล้าทั้งการพนัน ฉันเห็น
จนเบื่อตายแล้ว ฉันจะไปเดินเล่นหน่อย”
“งั้นฉันจะเดินเป็นเพื่อนแกเอง รู้ไหมว่าเสน่ห์ของฮ่องกงอยู่ที่ไหน”
“ไฟจากเรือประมงที่จอดอยู่ในอ่าว ไปกันเลยดีกว่า พูดแล้วอยากเห็นว่ะ”
ชายหนุ่มมีท่าทางสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้มาเดินเล่นที่สวนริมทะเลแห่งนี้ แสงไฟ
วิบวับจากเรือประมงในที่ไกลตาสร้างความรู้สึกที่ห่างไกลจากจากแสงสีของไฟนีออนที่คลุกคลีอยู่
มากมายนัก เขาชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงอึกอักดังมาจากหลังพุ่มไม้ ชายหนุ่มเดินอ้อมพุ่มไม้ก่อนจะ
เบิกตากว้างเมื่อเห็นชายหนุ่มสองคนกอดรัดกันอยู่บนพื้น หญิงสาวผู้หนึ่งยืนเบิกตากว้างอย่างตกใจ
อยู่ข้างๆ เธอหันมามองเขาด้วยดวงตาตื่นตระหนก
“ช่วยด้วยค่ะ เพื่อนฉันกำลังแย่แล้ว”
เจิ้งมองชายร่างเล็กที่กำลังเสียเปรียบ เขากระชากคอเสื้อด้านหลังชายที่กำลังคร่อม
ร่างที่เล็กกว่าและอัดกำปั้นใส่อย่างดุดันนั้น
“เขากระชากกระเป๋าฉันค่ะ”
หญิงสาว ร้องบอก เจิ้งกำหมัดต่อยโครม ร่างชายคนนั้นถลาล้มโครม เขาตะเกียก
ตะกายลุกขึ้นมาได้ก็วิ่งหนีไปทันที เจิ้งหยิบกระเป๋าสีดำใบเหมาะมือส่งคืนให้หญิงสาว เขาจำได้ว่า
เธอคือหญิงสาวแสนสวยที่ร้านอาหาร เพียงแต่ว่าหนุ่มที่มากับเธอตอนนี้เป็นคนละคนกับหนุ่มที่เขา
เห็นเมื่อตอนเย็น
“ขอบคุณมากนะคะ”
เขาช่วยเพื่อนหนุ่มของเธอให้ลุกขึ้นยืน
“ไม่เป็นไรครับ”
“เฮ้ยเจิ้ง แกทำอะไรอยู่วะ เอ้อ”
โรเจอร์ซึ่งย้อนกลับมาเมื่อเห็นว่าเจิ้งไม่ได้เดินไปกับเขาทำท่าอึกอักเล็กน้อย เขาเอง
ก็จำหญิงสาวแสนสวยผู้นี้ได้เช่นกัน
“ไม่มีอะไร คุณผู้หญิงเขาโดนชิงกระเป๋าน่ะ ไปกันเถอะโรเจอร์ ผมไปนะครับ”
เจิ้งบอกลาหญิงสาวซึ่งยิ้มหวานให้ เขาหันหลังให้แอบถอนหายใจอย่างเสียดาย
..........................................
ความคิดเห็น