คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ปฏิบัติการกวาดล้าง
ร่างผอมเกร็งของมือดำเฮยโสว่นอนสงบอยู่บนเตียง มีสายระโยงระยางจนดูเกะกะ
ไปหมด ซันนี่มองร่างที่เคยผงาดอยู่ในวงการนักเลง ซึ่งบัดนี้มีแสงชีวิตริบหรี่เต็มที ร่างที่นอน
สงบนิ่งขยับตัวเล็กน้อยชายหนุ่มปราดเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว
“พี่ปัง” มือดำปังเฮยโสว่เหลือบตามองซันนี่ ดวงตาจุดประกายวูบหนึ่งก่อน
จะมืดมัวลงตามเดิม
“มังกรทองมันเป็นใคร พี่รู้ไหมครับ”
ชายหนุ่มถามอย่างไม่มุ่งหวังมากนัก อาการของมือดำเฮยโสว่หนักกว่าที่คาด
ไว้มากนัก
“จอห์น ฮุ่ย”
เสียงมือดำกระซิบออกมาจากหน้ากากอ๊อกซิเจนที่กระชับอยู่กับปากจมูก แต่เสียง
นั้นก็กังวานเข้าไปในหูชายหนุ่มอย่างปราศจากข้อสงสัย เขาตบหลังมือเจ้าพ่ออย่างปลอบโยน
“พักผ่อนมากๆนะครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ รักษาตัวให้แข็งแรงนะครับพี่ปัง”
“จัดการมันให้ด้วย”
เจ้าพ่อกระซิบเสียงแผ่ว ดวงตาของเขาหลับสนิทท่าทางอ่อนเพลียชัดเจน ชายหนุ่ม
กดกริ่งเรียกพยาบาลเมื่อเห็นอาการของเฮยโสว่ไม่ดีนัก หมอและพยาบาลตรวจอาการของเขาอย่าง
กังวล ซันนี่หายใจสะท้อนขณะที่เดินจากห้องผู้ป่วยหนัก ทิ้งให้หมอและพยาบาลวุ่นวายอยู่กับ
การพยายามที่จะยื้อชีวิตของปังเฮยโสว่จากเงื้อมมือของมัจจุราชไว้เบื้องหลัง
“โอ้ย พูดไปใครจะเชื่อ ดาราชื่อดังอย่างจอห์น ฮุ่ย นี่นะคะจะกลายเป็นเป็นบิ๊ก
ของมังกรทองไปได้”
หวังเม่ยร้องอย่างไม่เชื่อ เมื่อชายหนุ่มบอกเล่าเรื่องที่มือดำเฮยโสว่บอกให้เธอและ
เจียงฟัง
“ผมก็เห็นใจคุณนะอาเม่ย จอห์น ฮุ่ย เป็นดารายอดนิยมออกจะอย่างนั้น แต่เขาก็มี
สิทธิจะเป็นบิ๊กมังกรทองได้เหมือนกันนะ ผมว่าทางที่ดีให้คนคอยติดตามดูพฤติการณ์ของเขาอย่าง
ใกล้ชิดสักระยะหนึ่งให้แน่ใจก่อนดีกว่า ค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี”
“ได้ค่ะ รับรองว่าใช้เวลาไม่นาน ถ้าเป็นจอห์น ฮุ่ย จริง เราจะทำอย่างไรดีคะ
ผู้กอง”
เสียงถามเหมือนไม่ค่อยแน่ใจของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มอดหัวเราะไม่ได้
“ก็ทำอย่างที่ต้องทำ หน่วยเหนือสั่งว่าถ้าจับกุมไม่ได้ก็เก็บ”
เขาตอบก่อนจะทวนคำสั่งหน่วยเหนืออย่างขึงขัง ชายหนุ่มซ่อนสีหน้าขบขันไว้เมื่อ
เห็นหญิงสาวทำท่าไม่ค่อยยินยอมพร้อมใจนัก
........................................
ซันนี่ถอนหายใจยาว เขาทอดสายตามองทิวทัศน์เบื้องหน้าอย่างเคร่งขรึม เขาดื่ม
เบียร์เย็นเฉียบในกระป๋องอย่างใจลอยอยู่บ้าง เสียงเครื่องยนต์ดังแว่วมาเข้าหูทำให้เขาต้องเบน
สายตาก้มลงมองไปที่ถนนด้านล่าง และเห็นรถจี๊บทหารที่กำลังขับตะบึงขึ้นเขามาตามทางคดเคี้ยว
ที่เบื้องล่างด้วยความเร็ว ไม่นานรถจี๊บคันนั้นก็จอดพรืดต่อจากรถของเขา ชายหนุ่มมองหญิงสาว
ที่กระโดดลงจากรถจี๊ปอย่างคล่องแคล่ว เธออยู่ในชุดทหารรัดกุม
“ผู้กองคะ ท่านนายพลให้ผู้กองรายงานตัวพรุ่งนี้นะคะ รายงานเรื่องจอห์น ฮุ่ย ถึงมือ
ท่านเรียบร้อยแล้ว คงจะต้องลงมือกันแล้ว”
“ถึงเวลาแล้วหรือ ก็ดี”
เขาพึมพัมมองหญิงสาวที่หยิบเบียร์ในถังไปดื่มอย่างกระหาย
“เจียงอยู่ไหนละหมวด”
“กำลังรวมพลอยู่ค่ะ ท่านนายพลอยากพบคุณก่อน คุณจะไปส่งฉันที่หน่วยได้
ไหมละคะ ฉันจะได้ให้พลขับเอารถกลับไปก่อน”
“ส่งอยู่แล้วละ เจียงจะมาสมทบกับเราไหมคุณ”
“มาสิคะ แต่ตอนนี้ต้องคอยรับคำสั่งก่อน ที่นี่สวยนะคะ”
หมวดหวังมองทิวทัศน์ตรงหน้าอย่างชื่นชม
“ฮื่อ ผมเคยพาเอริก้ามาเที่ยวที่นี่ เขาชอบนะ”
หมวดหวังเหลือบตามองชายหนุ่มเล็กน้อย
“ยังคิดถึงคุณเอริก้าอยู่หรือคะ มันจะเป็นปีแล้วนะคะ”
“ก็....นึกถึงสิ่งดีๆที่มีให้กัน มันเป็นสิ่งที่ดีนะคุณ”
“แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าคุณเอริก้าจะติดต่อมาบ้างจริงไหมคะ”
ชายหนุ่มนิ่งอึ้ง
“ผมก็ไม่ได้ติดต่อไปเหมือนกัน เรากลับกันดีกว่า รับเจียงไปกินข้าวแถวๆหน่วยด้วย”
“ก็ดีค่ะ คุณเมาหรือเปล่าคะฉันขับรถให้ดีกว่า”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
“ก็ดีเหมือนกัน มึนหัวนิดๆเหมือนกันแฮะ”
“คออ่อน”
หมวดหวังทำเสียงดูหมิ่นเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะ
“เจียงก็คออ่อนไม่ได้เรื่องพอกัน แต่ฉันชอบนะคะผู้ชายแบบนี้”
.........................................
ชายหนุ่มในชุดสนามรัดกุมกระโดดลงจากรถจี๊ปทหาร เขาเพ่งตามองกองกำลัง
ที่เข้าแถวรออยู่อย่างสงบที่กลางสนาม
“สวัสดีค่ะผู้กอง”
หมวดหวังทำความเคารพชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเดินไปถึง เจียงซึ่งอยู่ใน
ชุดสนามทำความเคารพชายหนุ่มเช่นกัน
“มีข่าวว่าชิวซิ่งหยางรวมคนกะถล่มมังกรทองคืนนี้ด้วย ท่านนายพลต้องการให้
พวกเราถล่มทั้งสองพรรคให้หมดสิ้นโดยเร็ว คืนนี้เราจะลุยขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังห้ำหั่นกัน
หมวดหวัง เตรียมกำลังพร้อมแล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“ดี เราจะแบ่งกำลังออกเป็นสองกลุ่ม หมวดกับเจียงคุมไปกลุ่มหนึ่ง อีกกลุ่มหนึ่ง
ผมจะเป็นคนคุม หมวดกับเจียงคุมคนถล่มชิวซิ่งหยาง ผมจะจัดการจอห์น ฮุ่ย เอง ข่าวจากสาย
รายงานว่า คืนนี้จอห์น ฮุ่ย จะคุมการขนของเอง คาดว่าอาจจะเป็นการทิ้งทวนก่อนจะซ่อนตัว เรา
จะถล่มทั้งสองกลุ่ม ถ้าทำสำเร็จภารกิจของพวกเราก็จะเสร็จสิ้น โชคดีนะทุกคน”
กลิ่นบุหรี่อ่อนๆที่ลอยมาตามลมเข้าจมูกของเขาทำให้ชายหนุ่มขยับตัว เขายืดตัว
เพ่งตามองไปที่ท่าเรือซึ่งผู้ที่รอคอยเริ่มเคลื่อนไหวเมื่อเรือขนาดกลางแล่นเข้าเทียบท่า ร่างสูงของ
ชายในชุดรัดกุมซึ่งเดินไปมาแสดงแน่ชัดว่าข่าวกรองของท่านนายพลเซี่ยถูกต้อง เพราะเขาเป็น
ดาราชื่อดัง จอห์น ฮุ่ย จริงๆ ถ้าหมวดหวังเม่ยเห็นเต็มตาคงพูดไม่ออกเหมือนกัน ชายหนุ่มตรวจ
ความเรียบร้อยของอาวุธอย่างใจเย็น กองกำลังของเขาซุ่มกายอย่างสงบแต่เตรียมตัวพร้อม ทุกคน
รอสัญญาณจากเขา ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังแทบทุกทิศทุกทาง คนที่ท่าเรือแตกกระจาย ชายหนุ่ม
โบกมือให้สัญญาณกองกำลังของเขา ก่อนจะนำไปที่ท่าเรืออย่างปราดเปรียว สายตาไม่คลาดจาก
ร่างสูงของจอห์น ฮุ่ย ซึ่งกราดปืนกลยิงอย่างบ้าคลั่ง พลางก็วิ่งหนีอย่างรวดเร็ว ซันนี่วิ่งตามไป
ติดๆร่างสูงหันกลับมาทางเขาปืนกลในมือยิงใส่เขาในทันที ชายหนุ่มพุ่งตัวหลบหลังกองกระสอบ
ที่กระจุยตามแรงกระสุน ซันนี่ยิงสวนออกไป เขาเห็นฝ่ายตรงข้ามล้มลงนอนสงบนิ่ง เสียงปืนยังดัง
ทั่วบริเวณชายหนุ่มยิงใส่ทุกคนที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของเขา เสียงปืนที่ยิงสนั่นหวั่นไหวดังอยู่เกือบครึ่ง
ชั่วโมงก็เงียบสงบ กลิ่นดินปืนยังลอยอ้อยอิ่งไปทั่วบริเวณ ซันนี่เดินตรวจรอบบริเวณด้วยใบหน้า
สงบนิ่ง ร่างของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมีมากอย่างคิดไม่ถึง หวังเม่ยและเจียงเดินมาทางเขาก่อนจะ
ทำความเคารพ
“หมวด แจ้งไปทางหน่วยเหนือส่งคนไปหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้ตำรวจยึดพื้นที่และทรัพย์สินทั้งสามเขตเรียบร้อยแล้วค่ะ
มีการต่อต้านบ้างแต่ก็ถูกปราบปรามหมดแล้วค่ะ”
.........................................
เครื่องบินทหารวิ่งรันเวย์มาตามทางก่อนจะจอดนิ่งสนิท ร่างสูงในเครื่องแบบก้าว
ลงจากเครื่องบินอย่างแจ่มใส เขายิ้มอยู่ใต้หมวกเมื่อเห็นหวังเม่ยและเจียงยืนอยู่ด้วยกันข้างรถจิ๊ป
ทหารที่มารอรับ
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
ชายหนุ่มแตะกระบังหมวกรับความเคารพจากคนทั้งสอง
“สองคนสบายดีหรือ” เขาถาม
“สบายดีค่ะ ผู้พันละคะ”
“อ้วนขึ้นเยอะ อึดอัดไปหมดแล้ว”
เขาตอบยิ้มๆเมื่อเห็นอาเม่ยมองเขาอย่างพิจารณา
“ไม่จริงหรอกค่ะ ทำไมผู้พันถึงเท่ได้ขนาดนี้ละคะ ถ้าไม่มีนายเจียงฉันคงกรี๊ด
สลบไปแล้ว”
ชายหนุ่มหัวเราะ เขาหลิ่วตาให้เจียง
“ไงเจียง พูดไม่ทันอาเม่ยตามเคยสินะ”
“ครับพี่ซัน”
ซันนี่มองสองหนุ่มสาวที่แต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วอย่างชื่นชม หลังจากการปราบ
ปรามบรรดาแก๊งมาเฟียจนสงบราบคาบแล้ว ซันนี่ก็ได้รับเลื่อนยศเป็นพันตรี และทางการส่งเขา
ไปอบรมเสนาธิการทหารที่ประเทศอังกฤษเป็นเวลาสองปี เจียงและหวังเม่ยรับเป็นคนดูแลบ้าน
ของซุนเต๋อและเจคอบ ตลอดจนครอบครัวของซันนี่ จึงทำให้คนทั้งสองสนิทสนมกันและแต่งงาน
กันในที่สุด
“ฉันต้องไปรายงานตัวก่อนนะเจียง”
เขาบอกเมื่อปีนขึ้นไปนั่งข้างเจียงที่อยู่หลังพวงมาลัยรถ
“ครับพี่ซัน”
เจียงขับรถเข้าไปในกองบัญชาการ
“เจียง อาเม่ย รอก่อนนะ ฉันรายงานตัวแล้วไปส่งที่บ้านพักหน่อย”
“ได้ครับพี่ซัน ”
ชายหนุ่มหายเข้าไปไม่นานก็กลับออกมา
“ไปบ้านพักเลยเจียง ฉันมีของฝากสำหรับนายสองคนกับพวกเราด้วย”
.........................................
ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ทอดสายตามองทิวทัศน์ตรงหน้าซึ่งยังสวยงามเหมือนเดิม
คลื่นซัดสาดเข้าหาฝั่งแตกเป็นฟองขาว
“ลุงเต๋อกลับเมื่อปลายปีที่แล้ว คุณเจคอบกับครอบครัวก็กลับมาด้วย พี่ซันจะไปพบ
ลุงเต๋อไหมครับ”
เจียงรับเบียร์กระป๋องจากภรรยามาส่งให้ชายหนุ่ม เขารับไปจิบเล็กน้อย
“ก็คงต้องไป แต่อาจจะเป็นหลังจากที่กลับจากสิงคโปร์ก่อน”
“ผู้พันต้องไปเมื่อไหร่คะ”
“มะรืนนี้ ไปสอนพวกนายตำรวจจากหลายประเทศโครงการความร่วมมือระหว่าง
ประเทศ เป็นโครงการที่ต้องทำตลอดทั้งปีเป็นช่วงๆ”
“ไปกี่วันคะ”
“ครั้งละโครงการสามเดือน”
ชายหนุ่มกลืนเบียร์เย็นเฉียบที่บาดคอวาบ
“เดี๋ยวฉันจะไปจัดของให้ค่ะ”
“ขอบคุณนะอาเม่ย”
“ความจริงผู้พันควรจะหาคนดูแลได้แล้วนะคะ”
อาเม่ยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
“ กลับมาแล้วจะหา”
“พูดจริงๆนะคะ”
อาเม่ยถามเหมือนจะคาดคั้น เจียงสามีของเธอรักและเชื่อถือซันนี่มาตลอด ทำให้เธอ
รู้สึกรักและปรารถนาดีต่อซันนี่เช่นเดียวกัน เมื่อเห็นเขาต้องทุกข์ทรมานใจจากเรื่องของเอริก้า
ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยจะชอบเอริก้าสักเท่าไหร่ เธออยากจะให้เขามองผู้หญิงอื่นบ้าง ชายหนุ่ม
พยักหน้า
“จริงสิฉันหาแน่ ถ้าหาได้ง่ายๆนะ”
“ก็มองๆบ้างสิคะ คนมีเสน่ห์อย่างผู้พันนี่นะจะหาไม่ได้ เจียงเขาเล่าว่ามีสาวๆมาชอบ
ผู้พันเยอะแยะตอนทำงานอยู่กับลุงเต๋อน่ะค่ะ”
“เจียงก็พูดเกินไปหน่อย ชักเมาแฮะ”
เขาโยนเบียร์กระป๋องที่หกที่เหลือเกือบครึ่งกระป๋องทิ้งไปอย่างไม่แยแส รู้สึกมึน
ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ได้ยินเสียงอาเม่ยหัวเราะชอบใจ
“คออ่อนตามเคย เจียง พาผู้พันกลับดีกว่า”
.........................................
ความคิดเห็น