ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (BJIN) Just Another Boy ที่รัก รักผมเถอะครับ

    ลำดับตอนที่ #6 : chapter six แฮงค์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 226
      2
      2 พ.ย. 57

    CHAPTER 6



    แสงแดดยามบ่ายที่ส่องผ่านหน้าต่างใสเข้ามาปลุกให้ร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงนุ่มต้องตื่น เขาไม่รู้ว่าตนเองหลับไปนานแค่ไหน พอดูนาฬิกาที่หัวเตียงเข็มสั้นก็ชี้ที่เลขสองแล้ว ร่างเล็กตัดสินใจหยิบผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะลงไปหาอะไรกินข้างล่าง


    “ผมคิดว่าฮยองจะตื่นเย็นซะอีก” ยุนฮยองพูดพร้อมถือถ้วยบะหมี่สองถ้วยที่เพิ่งต้มเสร็จมาวางบนโต๊ะ

    “กูนอนไปนานแค่ไหนวะเนี่ย ปวดหัวชิบ”ร่างเล็กพูดพลางกุมขมับ

    “ผมเห็นมีคนมาส่งฮยองตอนเกือบตีหนึ่งแน่ะ”

    “ใครวะ”

    “ไม่รู้อ่ะ มองไม่ชัด”

    “แล้วมึงไม่ออกมาดู?”

    “ไม่อ่ะ ผมปวดขี้ก็เลยไม่ได้ลงมา”ยุนฮยองพูดแล้วก้มลงซดบะหมี่ตรงหน้าต่อ

    “ขี้ตอนตีหนึ่งเนี่ยนะ ลำไส้มึงนี่...”อีกคนทำหน้าไม่อยากเชื่อ

    “แต่จากแสงสลัวๆที่หน้าบ้าน ผมว่าหมอนั่นหน้าคล้ายคนที่ชื่อคิมฮันบินเลยแฮะ”


    เส้นบะหมี่ที่คนตัวเล็กกำลังจะตักเข้าปาก ตอนนี้ได้กลับไปอยู่ในถ้วยตามเดิมแล้ว

    คิมฮันบิน เด็กคนนั้นน่ะเหรอ คนที่เขาพยายามหลบหน้ามาตลอด ไม่ใช่ว่าเขาตั้งใจจะหลบหน้าหรอกนะ

    ใช้ชีวิตมายี่สิบปีเพิ่งจะมีคนมาบอกชอบใครมันจะไปทำตัวถูกกัน ส่วนใหญ่เคยแต่ไปบอกชอบเขาแต่ก็โดนปฏิเสธตลอด ถึงเด็กนั่นจะไม่ต้องการคำตอบแต่เขาก็กลัวอยู่ดีว่าถ้าวันหนึ่งเด็กนั่นมาขู่เอาคำตอบกับเขาจะทำอย่างไร เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชอบเด็กคนนั้นหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้ถึงกลับไม่ชอบหน้าขนาดนั้น


    “ฮยองเป็นไรเนี่ย กินเลอะเทอะ โถ่” ยุนฮยองถามขึ้นหลังจากเห็นคนตรงหน้าเงียบไปนาน

    “เปล่าๆ” ร่างเล็กตอบอีกคนก่อนจะจัดการบะหมี่ในถ้วยของตัวเองต่อ

     




    “จะให้พิมพ์อะไรเยอะแยะเนี่ย ปวดมือชิบ”ร่างสูงบ่นพลางจิ้มแป้นคีย์บอร์ดตรงหน้าอย่างชำนาญ

    “ให้พิมพ์เพิ่มจากในหนังสือนิดเดียว อย่าทำบ่นไปหน่อยเลย”ร่างบางที่นั่งพิงโซฟาพิมพ์งานอยู่ข้างๆหันมาตอบ

    “นิดเดียวบ้าอะไรล่ะ - -” ร่างสูงพูดแล้วชูหนังสือที่มีที่คั่นกว่าครึ่งเล่มให้อีกคนดู

    “รีบพิมพ์ไปเหอะ จะได้เสร็จเร็วๆ พรุ่งนี้จะได้เอาไปเข้าเล่ม”

    “ทำไมนายไม่มาพิมพ์เอง” ร่างสูงว่าพลางเหลือบมองหน้าจอโน๊ตบุ๊คของอีกคน

    “ฉันหาข้อมูลกับทำคำนำอยู่เนี่ย”

    “บ้านเป็นสำนักพิมพ์รึไงวะ คำนำยาวชิบ”

    “เงียบๆแล้วพิมพ์ต่อเหอะนาย”ร่างบางพูดขณะที่กำลังขมักเขม้นกับการหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต

    “ปวดหัวอ่ะ จะไปนอนละ”ร่างสูงลุกขึ้นบิดขี้เกียจ

    “พิมพ์ให้เสร็จก่อนดิ”ร่างบางดึงชายเสื้อคนตัวสูงให้นั่งลง

    “ฉันแฮงค์อยู่นะเว้ยย”อีกคนโวยวาย

    “ใครใช้ให้ดื่มล่ะ” ที่ร่างบางรู้เรื่องที่อีกคนไปเที่ยวมาเมื่อคืนก็เพราะว่าคนที่นัดเขามาที่บ้านเพิ่งจะกลับบ้านตอนเที่ยงด้วยสภาพที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า กว่าจะรอคนตัวสูงอาบน้ำ กินข้าว กว่าจะได้เริ่มทำรายงานจริงๆก็เกือบเย็นแน่ะ

    เขารู้สึกปวดหัวกับความเอาแต่ใจตัวเองของคนตรงหน้าจริงๆ


    “นอนพักสายตาแปป”ว่าแล้วร่างสูงก็เอนหัวลงมาซบตักอีกคนก่อนจะหลับตาลง

    “เฮ้ยย ไปนอนที่อื่นดิ”ร่างบางโวยวายแต่คนตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุก

    ...

    “กูจุนเฮว!!” แม้จะเขย่าตัวคนตรงหน้าแรงแค่ไหนแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าคนตรงหน้าจะขยับเลยสักนิด

    จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าไอ้บ้าที่นอนอยู่เนี่ยตายไปแล้วหรือยัง

    ร่างบางนั่งมองคนตัวสูงที่นอนหลับตาพริ้ม ใบหน้าโหดนั่นตอนหลับนี่ก็ลดความน่ากลัวไปได้อีกห้าสิบเปอร์เซ็น  เมื่อรู้ตัวว่ามองอีกคนนานเกินไปแล้วร่างบางก็หันไปสนใจงานตรงหน้าต่อทันที

     

     



    ถึงวันจันทร์ทีไรเป็นต้องมีเรื่องเม้ามอยกันทุกทีสินะ ไม่เว้นแต่เพื่อนๆในคลาสของผมโดยเฉพาะไอ้แทฮยอน

    เข้าห้องมาปุ้บมันก็เห็นมันระบายเรื่องชีวิตมันให้เพื่อนฟัง ผมหละเบื่อมันจริงๆ คนบ้าอะไรมีเรื่องมาระบายได้ทุกวี่ทุกวัน

    “พวกมึงรู้จัก มิโนฮิ้วจ์บอยปะ”หลังจากที่มันนั่งขมวดคิ้วกับมือถือมานานก็ยื่นหน้าจอมือถือที่กำลังโชว์โปรแกรมไลน์มาให้ผมกับไอ้ซึงยุนดู

    “พี่มินโฮไงมึง”ไม่ทันจะตอบ ไอ้ซึงยุนก็ตอบแทนผมไปละ

    “แม่งแอดไลน์กูมา”

    “มึงก็รับๆไปดิ จะคิดมากทำไมวะครับ”ผมพูดก่อนจะหันไปหยิบของในกระเป๋า

    “ที่กูสงสัยคือพี่แกไปเอาไลน์กูมาจากไหน”

    “สงสัยเจอในมือถือกูมั้ง”ไอ้ซึงยุนตอบ

    “สัด มึงแจกไลน์กูเหรอ”ไอ้นัมบ่นแล้วเดินเข้าไปล็อคคอเพื่อน

    “ใจเย็นก่อนมึง ก็วันก่อนกูไปหาพี่จินวูแล้วพี่มินโฮก็เป็นเพื่อนกับพี่จินวูใช่ปะ แล้วพี่แกซ้อมดนตรีด้วยกันไง

    แล้วทีนี้พี่มินโฮก็ยืมมือถือกูไปโทร กูก็ต้องให้เขาปะ”

    “มึงนี่เล่นตัวชิบ”ผมพูดพลางหยิบมือถือที่อยู่บนโต๊ะไอ้นัมแทมากดเพิ่มเพื่อน

    “จินฮวาน มึงทำไรเนี่ย”ร่างบางบ่นหลังจากมองดูที่หน้าจอมือถือ แล้วเห็นเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นมาในโปรแกรมไลน์

     



    -มิโนฮิ้วจ์บอย-

    เที่ยงแล้วอย่าลืมทานข้าวนะครับ

     

    -มิโนฮิ้วจ์บอย-

    บ่ายแล้วตั้งใจเรียนด้วย ^^


    ร่างบางมองแจ้งเตือนบนหน้าจอมือถือก่อนจะนั่งเท้าคางฟังอาจารย์บรรยายต่อไป

    ไม่ใช่ว่าอยากจะตั้งใจเรียนกับวิชาที่น่าเบื่อนี่หรอก แต่เป็นเพราะคนที่ส่งข้อความมาหาเขา
    รุ่นพี่ซงมินโฮคนนั้น  
    หลังจากเขาส่งข้อความตอบไป อีกคนก็ถามนู่นถามนี่ไม่หยุด จนเขาขี้เกียจตอบ



    -มิโนฮิ้วจ์บอย-

    เงียบ.

    ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เจ้าของไลน์มิโนฮิ้วจ์บอยก็ส่งข้อความกับมาพร้อมอิโมติคอนอีกหลายอันซึ่งทำให้มือถือบนโต๊ะสั่นจนเจ้าของต้องเปิดดู
     

    -มิโนฮิ้วจ์บอย-

    TT

    -มิโนฮิ้วจ์บอย-
    TT[]TT

    -มิโนฮิ้วจ์บอย-
    น้องนัมมมมมมมม


    -มิโนฮิ้วจ์บอย-
    T0T

                                   -นัมแทคนหล่อ-

                                    ขี้อยู่

    -มิโนฮิ้วจ์บอย-

    ไม่ยักรู้ว่าแทฮยอนนั่งขี้กลางห้องเรียน


    ไม่ทันจะได้เก็บมือถือเข้ากระเป๋าก็มีข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาก่อน

    หลังจากอ่านข้อความร่างบางก็หันออกไปทางหน้าต่าง เห็นอีกคนยืนมองอยู่ที่สนามข้างๆ

    “ตายยากชิบ” 

     

     


    สุดท้ายวันนี้ผมก็ต้องกลับบ้านคนเดียวสินะ ไอ้ซึงยุนก็ไปหาแฟนมันที่ห้องซ้อมเช่นเคย

    ส่วนไอ้นัมแทมันไม่อยากเจอมินโฮฮยองก็เลยกลับอีกทาง กลับคนเดียวก็ดีเหมือนกันนะ

    ไปกับไอ้แทมันชอบเล่าเรื่องราวชีวิตมันให้ผมฟังตั้งแต่ขึ้นรถจนถึงปลายทางแน่ะ

    บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่ามันชักจะขี้บ่นเหมือนอาจุมม่าข้างบ้านขึ้นทุกวัน

    หลังจากคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยสายตาผมก็ไปหยุดอยู่ที่รถสีดำตรงหน้าที่ดูคุ้นเคย

    แต่คงไม่ใช่หรอกมั้ง ผมเดินผ่านรถคันนั้นไปตามปกติ รถแบบนี้สีนี้มีเป็นล้านคัน แล้วเด็กนั่นจะมาทำอะไรที่นี่

    ที่หน้ามหาลัยของผม มึงนี่คิดมากเกินไปละจินฮวาน

    “จินฮวานฮยอง”เสียงที่คุ้นหูดังมาจากข้างหน้า คนที่ยืนอยู่ข้างหน้านั่นอยู่ในเครื่องแบบนักเรียนกำลังเดินมาทางผม

    ผมหันหลังจะเดินหนีแต่ร่างกลายกลับสั่งให้ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

    “ฮยองหลบหน้าผมทำไม” เสียงนั่นมาหยุดอยู่ด้านหลังผม ตอนนี้ผมเดาสีหน้าของอีกคนไม่ถูกจริงๆ

    แต่น้ำเสียงของเขาดูนิ่งและจริงจัง ผิดจากปกติที่ผมเคยเจอ

    “ป..เปล่า”ผมตอบไปทั้งๆที่ยังยืนหันหลังให้เขาอยู่

    “ผมต้องเชื่อมั้ย ขนาดหน้าผมตอนนี้ฮยองยังไม่อยากมองเลย”

    “ไม่ใช่อย่างนั้น” ผมก้มหน้านิ่งใช้ความคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ผมก็คิดไม่ออกว่าทำไมผมต้องหลบหน้าฮันบิน

    “ถ้าไม่อยากเจอผม แค่ฮยองบอกมาผมก็จะไป”

    .... ผมไม่ได้ตอบอะไรไป ได้แต่ยืนเงียบอยู่อย่างนั้น จะให้พูดว่ายังไงล่ะ ถ้าบอกไปว่าไม่ได้เกลียดหมอนั่นแล้วเขาจะคิดว่าผมชอบเขารึเปล่า แต่ที่จริงผมก็ไม่ได้ถึงกับเกลียดขี้หน้าหมอนั่นไปซะทีเดียว

    “โอเคผมเข้าใจแล้ว ผมเลิกยุ่งกับฮยองก็ได้ครับ” ว่าแล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกคนถอยห่างออกไป

    “เดี๋ยว ใครใช้ให้ไป” ผมหันไปเรียกอีกคนที่กำลังเดินไปที่รถ ฮันบินหยุดเดินแล้วหันมามอง

    “ฮยองไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าผมด้วยซ้ำ” ร่างสูงพูดแล้วเปิดประตูรถออก

    “มาบอกชอบกัน แล้วจะเลิกไปง่ายๆอย่างนี้เหรอวะ” ผมไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้พูดแบบนั้น รู้ตัวอีกทีประโยคนั้นก็ออกจากปากผมไปแล้ว

     

     

    [KIMHANBIN PART]

    มาบอกชอบกัน แล้วจะเลิกไปง่ายๆอย่างนี้เหรอวะ


    คำคำนั้นยังก้องอยู่ในหัวผมราวกับมีเสียงเอคโค่จากคนตรงหน้า

    “ผมไม่ได้หูฝาดใช่มั้ย หมายความว่าฮยองไม่ได้เกลียดผมใช่มั้ย” ผมเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กทันที

    “พูดว่าเกลียดสักคำยังล่ะ”

    “คิดถึงฮยองอ่ะ”ผมพูดแล้วสวมกอดคนตรงหน้าทันที

    “อย่าเข้าใจผิดนะเว้ย ไม่ได้เกลียดแต่ไม่ได้หมายความว่าชอบ”คนตัวเล็กโวยวาย

    “อีกหน่อยฮยองก็ชอบผมเองแหละ”

    “นายนี่หลงตัวเองชิบ” คนตัวเล็กเบ้ปากให้ ผมสังเกตเห็นใบหน้าของคนตรงหน้าที่เริ่มขึ้นสี

    ฮยองเริ่มหวั่นไหวแล้วก็บอกมาเถอะ สีหน้ามันปิดไม่มิดนะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า

    "ก็นิดนึงอ่ะนะ ^^ "



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×