คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : chapter six แฮงค์
CHAPTER 6
แสงแดดยามบ่ายที่ส่องผ่านหน้าต่างใสเข้ามาปลุกให้ร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงนุ่มต้องตื่น เขาไม่รู้ว่าตนเองหลับไปนานแค่ไหน พอดูนาฬิกาที่หัวเตียงเข็มสั้นก็ชี้ที่เลขสองแล้ว ร่างเล็กตัดสินใจหยิบผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะลงไปหาอะไรกินข้างล่าง
“ผมคิดว่าฮยองจะตื่นเย็นซะอีก” ยุนฮยองพูดพร้อมถือถ้วยบะหมี่สองถ้วยที่เพิ่งต้มเสร็จมาวางบนโต๊ะ
“กูนอนไปนานแค่ไหนวะเนี่ย ปวดหัวชิบ”ร่างเล็กพูดพลางกุมขมับ
“ผมเห็นมีคนมาส่งฮยองตอนเกือบตีหนึ่งแน่ะ”
“ใครวะ”
“ไม่รู้อ่ะ มองไม่ชัด”
“แล้วมึงไม่ออกมาดู?”
“ไม่อ่ะ ผมปวดขี้ก็เลยไม่ได้ลงมา”ยุนฮยองพูดแล้วก้มลงซดบะหมี่ตรงหน้าต่อ
“ขี้ตอนตีหนึ่งเนี่ยนะ ลำไส้มึงนี่...”อีกคนทำหน้าไม่อยากเชื่อ
“แต่จากแสงสลัวๆที่หน้าบ้าน ผมว่าหมอนั่นหน้าคล้ายคนที่ชื่อคิมฮันบินเลยแฮะ”
เส้นบะหมี่ที่คนตัวเล็กกำลังจะตักเข้าปาก ตอนนี้ได้กลับไปอยู่ในถ้วยตามเดิมแล้ว
‘คิมฮันบิน’ เด็กคนนั้นน่ะเหรอ คนที่เขาพยายามหลบหน้ามาตลอด ไม่ใช่ว่าเขาตั้งใจจะหลบหน้าหรอกนะ
ใช้ชีวิตมายี่สิบปีเพิ่งจะมีคนมาบอกชอบใครมันจะไปทำตัวถูกกัน ส่วนใหญ่เคยแต่ไปบอกชอบเขาแต่ก็โดนปฏิเสธตลอด ถึงเด็กนั่นจะไม่ต้องการคำตอบแต่เขาก็กลัวอยู่ดีว่าถ้าวันหนึ่งเด็กนั่นมาขู่เอาคำตอบกับเขาจะทำอย่างไร เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชอบเด็กคนนั้นหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้ถึงกลับไม่ชอบหน้าขนาดนั้น
“ฮยองเป็นไรเนี่ย กินเลอะเทอะ โถ่” ยุนฮยองถามขึ้นหลังจากเห็นคนตรงหน้าเงียบไปนาน
“เปล่าๆ” ร่างเล็กตอบอีกคนก่อนจะจัดการบะหมี่ในถ้วยของตัวเองต่อ
“จะให้พิมพ์อะไรเยอะแยะเนี่ย ปวดมือชิบ”ร่างสูงบ่นพลางจิ้มแป้นคีย์บอร์ดตรงหน้าอย่างชำนาญ
“ให้พิมพ์เพิ่มจากในหนังสือนิดเดียว อย่าทำบ่นไปหน่อยเลย”ร่างบางที่นั่งพิงโซฟาพิมพ์งานอยู่ข้างๆหันมาตอบ
“นิดเดียวบ้าอะไรล่ะ - -” ร่างสูงพูดแล้วชูหนังสือที่มีที่คั่นกว่าครึ่งเล่มให้อีกคนดู
“รีบพิมพ์ไปเหอะ จะได้เสร็จเร็วๆ พรุ่งนี้จะได้เอาไปเข้าเล่ม”
“ทำไมนายไม่มาพิมพ์เอง” ร่างสูงว่าพลางเหลือบมองหน้าจอโน๊ตบุ๊คของอีกคน
“ฉันหาข้อมูลกับทำคำนำอยู่เนี่ย”
“บ้านเป็นสำนักพิมพ์รึไงวะ คำนำยาวชิบ”
“เงียบๆแล้วพิมพ์ต่อเหอะนาย”ร่างบางพูดขณะที่กำลังขมักเขม้นกับการหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต
“ปวดหัวอ่ะ จะไปนอนละ”ร่างสูงลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
“พิมพ์ให้เสร็จก่อนดิ”ร่างบางดึงชายเสื้อคนตัวสูงให้นั่งลง
“ฉันแฮงค์อยู่นะเว้ยย”อีกคนโวยวาย
“ใครใช้ให้ดื่มล่ะ” ที่ร่างบางรู้เรื่องที่อีกคนไปเที่ยวมาเมื่อคืนก็เพราะว่าคนที่นัดเขามาที่บ้านเพิ่งจะกลับบ้านตอนเที่ยงด้วยสภาพที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า กว่าจะรอคนตัวสูงอาบน้ำ กินข้าว กว่าจะได้เริ่มทำรายงานจริงๆก็เกือบเย็นแน่ะ
เขารู้สึกปวดหัวกับความเอาแต่ใจตัวเองของคนตรงหน้าจริงๆ
“นอนพักสายตาแปป”ว่าแล้วร่างสูงก็เอนหัวลงมาซบตักอีกคนก่อนจะหลับตาลง
“เฮ้ยย ไปนอนที่อื่นดิ”ร่างบางโวยวายแต่คนตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุก
...
“กูจุนเฮว!!” แม้จะเขย่าตัวคนตรงหน้าแรงแค่ไหนแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าคนตรงหน้าจะขยับเลยสักนิด
จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าไอ้บ้าที่นอนอยู่เนี่ยตายไปแล้วหรือยัง
ร่างบางนั่งมองคนตัวสูงที่นอนหลับตาพริ้ม ใบหน้าโหดนั่นตอนหลับนี่ก็ลดความน่ากลัวไปได้อีกห้าสิบเปอร์เซ็น เมื่อรู้ตัวว่ามองอีกคนนานเกินไปแล้วร่างบางก็หันไปสนใจงานตรงหน้าต่อทันที
ถึงวันจันทร์ทีไรเป็นต้องมีเรื่องเม้ามอยกันทุกทีสินะ ไม่เว้นแต่เพื่อนๆในคลาสของผมโดยเฉพาะไอ้แทฮยอน
เข้าห้องมาปุ้บมันก็เห็นมันระบายเรื่องชีวิตมันให้เพื่อนฟัง ผมหละเบื่อมันจริงๆ คนบ้าอะไรมีเรื่องมาระบายได้ทุกวี่ทุกวัน
“พวกมึงรู้จัก มิโนฮิ้วจ์บอยปะ”หลังจากที่มันนั่งขมวดคิ้วกับมือถือมานานก็ยื่นหน้าจอมือถือที่กำลังโชว์โปรแกรมไลน์มาให้ผมกับไอ้ซึงยุนดู
“พี่มินโฮไงมึง”ไม่ทันจะตอบ ไอ้ซึงยุนก็ตอบแทนผมไปละ
“แม่งแอดไลน์กูมา”
“มึงก็รับๆไปดิ จะคิดมากทำไมวะครับ”ผมพูดก่อนจะหันไปหยิบของในกระเป๋า
“ที่กูสงสัยคือพี่แกไปเอาไลน์กูมาจากไหน”
“สงสัยเจอในมือถือกูมั้ง”ไอ้ซึงยุนตอบ
“สัด มึงแจกไลน์กูเหรอ”ไอ้นัมบ่นแล้วเดินเข้าไปล็อคคอเพื่อน
“ใจเย็นก่อนมึง ก็วันก่อนกูไปหาพี่จินวูแล้วพี่มินโฮก็เป็นเพื่อนกับพี่จินวูใช่ปะ แล้วพี่แกซ้อมดนตรีด้วยกันไง
แล้วทีนี้พี่มินโฮก็ยืมมือถือกูไปโทร กูก็ต้องให้เขาปะ”
“มึงนี่เล่นตัวชิบ”ผมพูดพลางหยิบมือถือที่อยู่บนโต๊ะไอ้นัมแทมากดเพิ่มเพื่อน
“จินฮวาน มึงทำไรเนี่ย”ร่างบางบ่นหลังจากมองดูที่หน้าจอมือถือ แล้วเห็นเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นมาในโปรแกรมไลน์
-มิโนฮิ้วจ์บอย-
เที่ยงแล้วอย่าลืมทานข้าวนะครับ
-มิโนฮิ้วจ์บอย-
บ่ายแล้วตั้งใจเรียนด้วย ^^
ร่างบางมองแจ้งเตือนบนหน้าจอมือถือก่อนจะนั่งเท้าคางฟังอาจารย์บรรยายต่อไป
ไม่ใช่ว่าอยากจะตั้งใจเรียนกับวิชาที่น่าเบื่อนี่หรอก แต่เป็นเพราะคนที่ส่งข้อความมาหาเขา
รุ่นพี่ซงมินโฮคนนั้น หลังจากเขาส่งข้อความตอบไป อีกคนก็ถามนู่นถามนี่ไม่หยุด จนเขาขี้เกียจตอบ
-มิโนฮิ้วจ์บอย-
เงียบ.
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เจ้าของไลน์มิโนฮิ้วจ์บอยก็ส่งข้อความกับมาพร้อมอิโมติคอนอีกหลายอันซึ่งทำให้มือถือบนโต๊ะสั่นจนเจ้าของต้องเปิดดู
-มิโนฮิ้วจ์บอย-
TT
-มิโนฮิ้วจ์บอย-
TT[]TT
-มิโนฮิ้วจ์บอย-
น้องนัมมมมมมมม
-มิโนฮิ้วจ์บอย-
T0T
-นัมแทคนหล่อ-
ขี้อยู่
-มิโนฮิ้วจ์บอย-
ไม่ยักรู้ว่าแทฮยอนนั่งขี้กลางห้องเรียน
ไม่ทันจะได้เก็บมือถือเข้ากระเป๋าก็มีข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาก่อน
หลังจากอ่านข้อความร่างบางก็หันออกไปทางหน้าต่าง เห็นอีกคนยืนมองอยู่ที่สนามข้างๆ
“ตายยากชิบ”
สุดท้ายวันนี้ผมก็ต้องกลับบ้านคนเดียวสินะ ไอ้ซึงยุนก็ไปหาแฟนมันที่ห้องซ้อมเช่นเคย
ส่วนไอ้นัมแทมันไม่อยากเจอมินโฮฮยองก็เลยกลับอีกทาง กลับคนเดียวก็ดีเหมือนกันนะ
ไปกับไอ้แทมันชอบเล่าเรื่องราวชีวิตมันให้ผมฟังตั้งแต่ขึ้นรถจนถึงปลายทางแน่ะ
บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่ามันชักจะขี้บ่นเหมือนอาจุมม่าข้างบ้านขึ้นทุกวัน
หลังจากคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยสายตาผมก็ไปหยุดอยู่ที่รถสีดำตรงหน้าที่ดูคุ้นเคย
แต่คงไม่ใช่หรอกมั้ง ผมเดินผ่านรถคันนั้นไปตามปกติ รถแบบนี้สีนี้มีเป็นล้านคัน แล้วเด็กนั่นจะมาทำอะไรที่นี่
ที่หน้ามหาลัยของผม มึงนี่คิดมากเกินไปละจินฮวาน
“จินฮวานฮยอง”เสียงที่คุ้นหูดังมาจากข้างหน้า คนที่ยืนอยู่ข้างหน้านั่นอยู่ในเครื่องแบบนักเรียนกำลังเดินมาทางผม
ผมหันหลังจะเดินหนีแต่ร่างกลายกลับสั่งให้ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
“ฮยองหลบหน้าผมทำไม” เสียงนั่นมาหยุดอยู่ด้านหลังผม ตอนนี้ผมเดาสีหน้าของอีกคนไม่ถูกจริงๆ
แต่น้ำเสียงของเขาดูนิ่งและจริงจัง ผิดจากปกติที่ผมเคยเจอ
“ป..เปล่า”ผมตอบไปทั้งๆที่ยังยืนหันหลังให้เขาอยู่
“ผมต้องเชื่อมั้ย ขนาดหน้าผมตอนนี้ฮยองยังไม่อยากมองเลย”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ผมก้มหน้านิ่งใช้ความคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ผมก็คิดไม่ออกว่าทำไมผมต้องหลบหน้าฮันบิน
“ถ้าไม่อยากเจอผม แค่ฮยองบอกมาผมก็จะไป”
.... ผมไม่ได้ตอบอะไรไป ได้แต่ยืนเงียบอยู่อย่างนั้น จะให้พูดว่ายังไงล่ะ ถ้าบอกไปว่าไม่ได้เกลียดหมอนั่นแล้วเขาจะคิดว่าผมชอบเขารึเปล่า แต่ที่จริงผมก็ไม่ได้ถึงกับเกลียดขี้หน้าหมอนั่นไปซะทีเดียว
“โอเคผมเข้าใจแล้ว ผมเลิกยุ่งกับฮยองก็ได้ครับ” ว่าแล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกคนถอยห่างออกไป
“เดี๋ยว ใครใช้ให้ไป” ผมหันไปเรียกอีกคนที่กำลังเดินไปที่รถ ฮันบินหยุดเดินแล้วหันมามอง
“ฮยองไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าผมด้วยซ้ำ” ร่างสูงพูดแล้วเปิดประตูรถออก
“มาบอกชอบกัน แล้วจะเลิกไปง่ายๆอย่างนี้เหรอวะ” ผมไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้พูดแบบนั้น รู้ตัวอีกทีประโยคนั้นก็ออกจากปากผมไปแล้ว
[KIMHANBIN PART]
‘มาบอกชอบกัน แล้วจะเลิกไปง่ายๆอย่างนี้เหรอวะ’
คำคำนั้นยังก้องอยู่ในหัวผมราวกับมีเสียงเอคโค่จากคนตรงหน้า
“ผมไม่ได้หูฝาดใช่มั้ย หมายความว่าฮยองไม่ได้เกลียดผมใช่มั้ย” ผมเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กทันที
“พูดว่าเกลียดสักคำยังล่ะ”
“คิดถึงฮยองอ่ะ”ผมพูดแล้วสวมกอดคนตรงหน้าทันที
“อย่าเข้าใจผิดนะเว้ย ไม่ได้เกลียดแต่ไม่ได้หมายความว่าชอบ”คนตัวเล็กโวยวาย
“อีกหน่อยฮยองก็ชอบผมเองแหละ”
“นายนี่หลงตัวเองชิบ” คนตัวเล็กเบ้ปากให้ ผมสังเกตเห็นใบหน้าของคนตรงหน้าที่เริ่มขึ้นสี
ฮยองเริ่มหวั่นไหวแล้วก็บอกมาเถอะ สีหน้ามันปิดไม่มิดนะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า
"ก็นิดนึงอ่ะนะ ^^ "
ความคิดเห็น