ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (BJIN) Just Another Boy ที่รัก รักผมเถอะครับ

    ลำดับตอนที่ #11 : chapter eleven เหนื่อย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 232
      2
      8 พ.ย. 57

    CHAPTER 10


    ผ่านไปหนึ่งเดือนเต็มๆที่ผมไม่ได้รับการติดต่อจากฮันบินเด็กมัธยมนั่นอีกเลย หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาผมคิดมากหลายเรื่องเลย ผมจะทำให้เด็กนั่นเสียใจหรือเปล่า ผมควรกลับไปพูดดีๆกับหมอนั่นดีมั้ย?


    แต่ผมก็ไม่กล้าโทรกลับไป เด็กนั่นทำอะไรผิดเหรอ ก็ไม่ มันเป็นแค่บทพิสูจน์บ้าๆของคนปากแข็งอย่างผมก็เท่านั้น ผมลองถามจุนฮเวมันบอกว่าฮันบินลาหยุดตั้งอาทิตย์นึง ไปไหนไม่มีใครรู้ อย่างนี้ยิ่งเป็นห่วงนะครับ

     

    “ฮยองจะไปไหนน่ะ” ยุนฮยองถามหลังจากเห็นผมแต่งตัวออกจากบ้านทั้งๆที่เป็นวันหยุด

    “ไปเดินเล่น” ช่วงนี้รู้สึกเครียดๆผมควรไปเดินเล่นผ่อนคลายสักหน่อย

     


    ช่วงบ่ายแก่ๆเนี่ยคนก็มาเดินสวนสาธารณะกันเยอะเหมือนกันนะ เวลามีปัญหาผมก็ชอบมาเดินเล่นที่นี่เหมือนกัน ได้มาเดินเล่น สูดอากาศบริสุทธิ์ ชมธรรมชาติ และเจอผู้คนมากมาย มันทำให้ผมหายฟุ้งซ่านได้บ้าง

    พอเดินไปสักพักสายตาก็ไปสะดุดกับผู้ชายร่างสูงตรงหน้าที่นั่งเอาหลังพิงต้นไม้อยู่ข้างหน้า

    ผมค่อยๆเดินไปใกล้แล้วก็พบว่าคนที่ผมกำลังเป็นห่วงตอนนี้กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าแล้ว


    “ฮะ..ฮันบิน” ผมเรียกชื่อเขา แล้วเจ้าตัวก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามอง


    ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาผมอยากจะเอาค้อนมาทุบหัวตัวเองจริงๆ สภาพของเด็กนั่นโทรมมาก อย่างกับคนอดหลับอดนอนมาหลายวัน นี่ผมทำให้เด็กนั่นเป็นแบบนั้นใช่มั้ย

    “ฮยอง ” ฮันบินลุกขึ้นมากอดผมแน่น “ผมทำอะไรผิดเหรอ” พอฮันบินถามคำถามนั้นมาทำเอาน้ำตาผมแทบร่วง

    “เปล่า นายไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก”

    “แล้วฮยองหลบหน้าผมทำไม”

    “ไอ้จุนบอกว่านายไม่ได้ไปเรียน”ผมเลี่ยงตอบคำถาม

    “ฮยอง หลบ หน้า ผม ทำไม” คนตรงหน้าถามเสียงหนักแน่น พอเห็นดวงตาที่ดูเศร้าของคนตรงหน้า ผมก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

    ฮันบินที่เคยร่าเริง ฮันบินที่เคยยิ้มให้ผม ฮันบินที่เคยกวนผม ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว มีแต่ฮันบินคนตรงหน้าผมที่ดูเศร้าเหลือเกิน

    “ฉันผิดเองหละที่คิดจะลองพิสูจน์อะไรบ้าๆ”

    “ผมไม่รู้นะว่าฮยองกำลังเล่นอะไรอยู่ แต่การเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นมันไม่สนุกนะครับ”

    “ใช่มันไม่สนุกเลย” ผมรู้สึกผิดจนไม่อาจมองหน้าคนตรงหน้าได้

    “บางทีผมก็มาไกลเกินไป ผมฝืนตัวเองมาตลอดว่าฮยองจะต้องชอบผม แต่ตอนนี้ผมเหนื่อยแล้วหละ”

    “...” ผมไม่สามารถพูดอะไรได้เลยเพราะเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะผมเอง เป็นเพราะความปากแข็งของผมทำให้ต้องพิสูจน์อะไรบ้าๆแบบนี้          

    น้ำใสๆค่อยๆเอ่อล้นดวงตาจนมันไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง

    “ฮยองอย่าร้องไห้สิ ฮยองควรจะดีใจนะครับที่จะไม่มีคนมาคอยกวนใจแล้ว” ฮันบินยิ้มบางๆ แต่รอยยิ้มนั้นผมสัมผัสได้ว่ามันไม่ได้มีความสุขเลยสักนิด

    “ ฮึก ฉันขอโทษ”

    “ฮยองไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ผมเองแหละที่เป็นคนเข้าหาฮยองก่อน ผมทำตัวเองทั้งนั้น” ผมสังเกตเห็นน้ำตาของคนตรงหน้าค่อยๆไหลลงมา

    “ไม่อยากรู้เหรอที่ฉันหลบหน้านายน่ะ..”

    “พอเถอะฮยอง” ฮันบินเดินผ่านหน้าผมไปเลย แต่ผมก็จับแขนเขาไว้ก่อน

    “ที่ฉันหลบหน้าเพราะฉันกลัวว่าจะชอบนายไง”

    “เล่นกับความรู้สึกคนอื่นมันไม่สนุกนะครับ”

    “และตอนนี้ฉันก็คิดถึงนายมาก”

    “ก็บอกแล้วว่ามันไม่ส..” ยังไม่ทันพูดจบประโยคฮันบินก็ล้มพับไปที่พื้นซะแล้ว

    “ฮันบิน” ผมเขย่าตัวคนข้างหน้าแต่ไม่มีวีแว่วจะฟื้นขึ้นมาเลยสักนิด อย่างนี้ยิ่งใจหายนะครับ

    นายอย่าเพิ่งเป็นไรนะเว้ย

     


    ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วครับ หมอบอกว่าเป็นเพราะเขาพักผ่อนน้อยแถมข้าวปลาไม่กินเลยทำให้หมดแรงไปแบบนั้น หมอบอกต้องให้น้ำเกลือสักวันสองวันถึงจะออกจากโรงพยาบาลได้ 

    วันต่อมาผมจึงโทรบอกบ็อบบี้ หมอนั่นก็รีบมาเยี่ยมเพื่อนรักทันที


    “มันเป็นไงบ้างอ่ะฮยอง” บ็อบบี้ถาม

    “หมอบอกให้น้ำเกลือสักวันสองวันก็คงกลับบ้านได้”

    “ฮยองน่ะหายไปไหนมา รู้มั้ยมันตามหาฮยองตลอดแต่ไม่เคยเจอเลย พอมันไปที่บ้านฮยองก็ไม่ยอมมาหามัน”

    “ทำไมนายถึงปล่อยให้เพื่อนอดข้าวอดน้ำขนาดนี้” ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถาม

    “เพราะใครล่ะ แม่กับน้องมันเป็นห่วงจะแย่”

    “ฉันว่าฉันชอบเพื่อนแกว่ะบ็อบบี้” แล้วผมก็ตัดสินใจสารภาพกับบ็อบบี้ไป บางทีมันก็ดีกว่าการที่เก็บไว้คนเดียว

    “ห้ะ? ฮยองพูดจริง” บ็อบบี้ทำหน้าไม่อยากเชื่อ

     

    แล้วผมก็ตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมดให้คนตรงหน้าฟัง

    “ผมว่ามันตื่นขึ้นมาคงดีใจแหงถ้าฮยองไปบอกมันตรงๆ”

    “กลัวว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้นน่ะสิ”

    “ทำไมล่ะ อ้าวฮันบินฟื้นแล้วเหรอวะ” ผมรีบหันกลับไปดูคนที่นอนอยู่บนเตียงทันที ฮันบินมองหน้าผมกับบ็อบบี้ก่อนจะพูด

    “บ็อบบี้มึงพาเขามาทำไมวะ” เขา? แค่คำนี้ทำให้ผมรู้สึกจุกอย่างบอกไม่ถูก คำคำเดียวทำให้ผมกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับหมอนั่นไปซะแล้ว

    “เขาไหน มึงพูดอะไร” บ็อบบี้ถาม

    “ก็คนข้างๆมึงอ่ะ บอกเขากลับไปได้แล้ว”

    “มึงพูดไรไม่ตลกนะเว้ย”

    “แล้วมึงคิดว่ากูตลก?” สายตาเย็นชาคู่นั้นทำเอาผมทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ก้าวขาออกมาจากตรงนั้นทีละนิด

    “เดี๋ยวฮยอง” บ็อบบี้จับแขนผมไว้ “ฝากดูไอ้บ้านี่หน่อย ผมจะลงไปซื้อของข้างล่าง” ว่าแล้วก็เปิดประตูออกไป ทิ้งให้ผมอยู่กับฮันบินสองคนในห้องที่มีบรรยากาศน่าอึดอัดขนาดนี้ เราสองคนต่างก็ไม่ปริปากพูดอะไรออกมา

    “มาทำไมอีก” ฮันบินเอ่ยปากถามด้วยเสียงห้วนๆ

    “ฉันเป็นคนทำให้นายเป็นแบบนี้ก็ต้องรับผิดชอบสิ ฉันผิดเองแหละที่ปากแข็งเกินไป”

    “รู้มั้ยว่ามันทรมาณแค่ไหนที่วิ่งตามใครบางคนโดยที่ไม่รู้ว่าเขากำลังวิ่งหนีเราอยู่” น้ำเสียงของฮันบินยังเย็นชาเช่นเดิม

    “ที่บอกว่าไม่ได้ชอบนายฉันโกหกมาตลอด ความจริงคือฉันชอบนายมากต่างหาก ฉันรู้ว่านายก็สังเกตได้”

    “บางทีผมอาจเข้าใจผิดไป”

    “ที่ฉันบอกว่าชอบนายฉันพูดจริงๆนะ ขอโทษที่รู้ตัวช้าเกินไป ขอโทษที่ทำให้นายเหนื่อย”

    “ผมต้องเชื่อคุณอีกมั้ย” คำพูดที่ดูห่างเหินทำเอาน้ำตาผมไหลออกมาทั้งๆที่ผมไม่อยากให้มันไหลเลยสักนิด

    “นายไม่ได้ชอบฉันแล้วเหรอ” ผมถามคำถามที่ฟังดูหน้าด้านออกไป แต่เพื่อปรับความเข้าใจกันผมก็ยอม

    “ชอบสิ ชอบมาก แล้วก็เจ็บมากด้วย” ฮันบินพูดโดยไม่มองหน้าผมเลยสักนิด

    “นายอยากให้ฉันทำอะไรก็บอกมาถ้ามันจะทำให้นายเชื่อในสิ่งที่ฉันพูด”

    “หึ” ฮันบินปรายตามองไปที่โต๊ะข้างเตียงซึ่งมีมีดปอกผลไม้วางอยู่ “กล้ากรีดข้อมือตัวเองมั้ยล่ะ” ว่าแล้วเขาก็หันหน้าออกไปทางหน้าต่างเพราะคงคิดว่ายังไงผมก็ไม่มีทางทำอย่างนั้นเด็ดขาด

    ผมเดินเข้าไปหยิบมีดบนโต๊ะก่อนจะ...



    “คราวนี้จะเชื่อได้ยัง” ผมยืนกุมข้อมือที่มีเลือดไหลออกมาจนเต็มมือ

    “ฮะ..ฮยอง 0.0” ดูเหมือนฮันบินจะตกใจกับสิ่งที่ผมทำ แต่บางทีเขาอาจจะตกใจในความบ้าของผมก็ได้

    “ฮยองเป็นไรเนี่ย” แล้วบ็อบบี้ที่เข้ามาในห้องพอดีก็รีบเดินเข้ามาหาผมทันที ผมหันไปบอกบ็อบบี้ว่าไม่เป็นไรก่อนจะหันไปพูดกับฮันบิน

    “นายเชื่อฉันได้มั้ย”

    “ฮยองรีบไปทำแผลก่อนเลยเดี๋ยวก็ได้นอนโรงบาลอีกคน” แล้วผมก็ถูกบ็อบบี้ลากไปที่ห้องทำแผลทันที

    “หึ” ร่างสูงกำทิชชู่ในมือแน่นก่อนจะโยนมันทิ้งอย่างไม่ใยดี ทั้งที่คิดจะปกป้องแต่เขากลับเป็นคนที่ทำให้คนที่รักเจ็บตัว และร้องไห้หนักขนาดนี้ ทั้งที่อยากจะเชื่อคำพูดของคนตัวเล็กตั้งแต่ครั้งแรกแต่สถานการณ์ตอนนั้นทำให้เขาสับสนจนไม่กล้าจะเชื่อคำพูดของฝ่ายตรงข้ามได้อีกต่อไป พอได้เห็นน้ำตาอีกคนก็แทบอยากจะเข้าไปกอดแต่ก็ไม่สามารถทำได้

     
     


    วันนี้ผมก็มาหาฮันบินที่โรงพยาบาลเช่นเคย หมอบอกว่าวันนี้ให้กลับบ้านได้ผมเลยเข้ามาช่วยหมอนั่นเก็บของและจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย ถึงแม้เขาจะเย็นชากับผมแต่ผมก็ยังอยากมาอยู่ดี เข้าใจความรู้สึกที่โดนปฏิเสธแล้วหละ ผมสงสัยจริงๆว่าหมอนั่นทนมาได้ยังไง


    “ทำไมไอ้บ็อบบี้ไม่มา” ฮันบินถามขณะนั่งดูทีวีอยู่บนเตียง

    “หมอบอกรอให้น้ำเกลือหมด เดี๋ยวบ็อบบี้จะมารับตอนเย็น”

    “เจ็บมั้ย” ฮันบินมองมาที่ข้อมือผมที่ถูกพันด้วยผ้าก๊อซสีขาว

    “ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้จิ๊บๆ ^^

    “มาใกล้ๆหน่อย” คนตรงหน้ากวักมือเรียกให้ผมเข้าไปหา

    “จะเอาอะไรรึเปล่า” ผมถามหลังจากเดินเข้าไปยืนข้างๆเตียง

    “ขอโทษครับ” ฮันบินที่นั่งอยู่บนเตียงใช้สองแขนกอดผมไว้แน่นทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นและห่วงใยที่เด็กคนนี้มอบให้

    “ขะ..ขอโทษเรื่องอะไร” ผมตกใจนิดนึงเพราะจู่ๆเขาก็มากอดโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

    “เรื่องนั้นแหละ” ฮันบินคลายกอดออกพลางปลายตามองไปที่แขนผมก่อนจะนั่งดูทีวีต่อ

    “ไม่เป็นไรหรอก ^^” แค่รู้ว่าเขายังเป็นห่วงผมอยู่ก็ดีใจแล้วหละครับ

     

    หลังจากออกจากโรงพยาบาลมาฮันบินก็ยังไม่ยอมคุยกับผมเลยครับ

    ขนาดผมไปหาที่บ้านทุกวันหมอนั่นแทบจะไม่ลงมาเจอผมเลย หรือบางทีเจอกันก็ถามคำตอบคำ

    ไม่ชอบเลยที่หมอนั่นเป็นแบบนั้น ฮันบินที่เคยสดใส ร่าเริง และกวนทีนผมมันหายไปไหน TT

    ผมเข้าใจจริงๆแล้วความรู้สึกของการโดนปฏิเสธ มันเจ็บจริงๆแหละ เฮ้ออ

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×