ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KOOKMIN] Creditor #เจ้าหนี้คนนี้เขาจีบผม

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 หน้าที่คนข้างกาย

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 63



     

    ตอนที่ 5 หน้าที่คนข้างกาย

    ……………………………………………

     

    เวลา2ทุ่มกว่าที่ตอนนี้ยังไม่เห็นว่าจะมีคนกลับมาสักคน เสียงน้ำในห้องนอนส่วนตัวชิตพลที่ดังซู่ซ่าคล้ายว่ากำลังอาบน้ำอยู่ดังเล็ดลอดออกมาน้อยๆพอให้ได้ยิน แต่เมื่อเสียงน้ำหายไปได้ไม่ถึง2นาทีกว่า ไฟสีขาวสว่างจากหน้ารถใครสักคนก็ฉายเข้ามาผ่านกระจกใสของบ้านหลังโตนี้ แม่บ้านที่อยู่ในครัวได้ยินเสียงล้อรถบิดเข้ามาจอดด้านหน้าก็รีบวิ่งมาเปิดประตูกันเร็วไว 

     

            “เดี๋ยวเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บให้ที่ห้องทำงานฉันหน่อย” ยื่นส่งกระเป๋าหนังสีน้ำตาลให้แม่บ้านยืนทางฝั่งขวา
     


     

           “ค่ะคุณชาย” ก้มหัวรับกระเป๋ามา
     

        “วันนี้ประชุมที่บริษัททำไมคุณราตรีถึงไม่มาประชุมด้วยคุณเลขาภาพอจะรู้หรือเปล่า?” ???
     

       “มีข้อความส่งมาหลังจากประชุมเสร็จเมื่อไม่กี่ชั่วโมงว่าทางครอบครัวคีรีชัยวรรณจะย้ายไปติดต่อธุรกิจกับทางครอบครัวโรจน์รัตนบรรพตแทนค่ะ” เลขาภา
     

          “โรจน์รัตนบรรพตงั้นหรือ?” 
     

         “คุณพิชิตกับคุณหญิงเทวีเจ้าของบริษัทผลิตเครื่องเพชรค่ะ คุณเธิดพอจะรู้จักหรือเปล่าคะ?”

     

      เธิด ชายในชุดสูทสีดำรูปร่างสูงดูดีเข้ากับหนวดเคราบางและเส้นผมที่สีขาวเงางามอย่างไม่มีใครจะน่าเชื่อได้ เขาเดินก้าวเข้ามานั่งโซฟาตัวเดียวกันกับบ้านหลังใหญ่ของชิตพล และก็ใช่ ที่เขาเข้ามานั่งได้โดยไม่ถูกใครอื่นมาไล่ตะเพิด เพราะเขาก็คือพ่อของชิตพลเจ้าของบริษัทผลิตไวน์รสหวานที่มหาเศรษฐีนับหลายร้อยคนในโลกรู้จักและต่างต้องการนำมันมาเก็บไว้ในบ้านอย่างน้อย20ขวดเป็นอย่างต่ำ เขานั่งไขว่ขากระดิกปลายเท้าสนทนากับหญิงรับใช้ในที่ทำงานนามภาอยู่ถึงเรื่องการประชุมในวันนี้ 
     


     

          “ลูกชายคนโตชื่อจักรพรรดิ ส่วนลูกชายคนที่สองก็ชื่อเพทาย น้องชายคนสุดท้องก็มีชื่อว่าวสุ” ชิตพลเดินลงมาจากบันไดชั้นสองพร้อมเอื้อนเอ่ยตอบข้อสงสัยของคุณพ่อตนไปด้วย
     

        “แกรู้จักด้วยหรือ?” คุณเธิดป้องปิดลำโพงไว้พลางกล่าวคุยกับชิตพลที่เพิ่งเดินลงมาจากห้องชั้นสองได้ไม่ถึง2นาที
     

          “ข่าวเรื่องผู้หญิงของบ้านหลังนี้เกลื่อนเต็มทีวีไปหมด ทำไมผมถึงจะไม่รู้?”
     

    ​​​​​ลูกชายคนเดียวของตระกูลในชุดเชิ้ตขาวถกพับแขนถึงข้อศอกเปียกน้ำกระเซ็นนั่งข้างพ่อตนที่เปลี่ยนมือนำโทรศัพท์ถือสายไว้ที่หูแล้วอย่างตอนที่เข้าบ้านมา ตาดวงคมกริบกว่าชิตพลเหล่มองลงไปด้านล่างที่เห็นข้อแขนเสื้อเชิ้ตเขาเปียกน้ำจนน่าแปลกใจ ว่าเหตุใดทำไมเสื้อราคาแพงหรูนี้มันถึงได้เปียกชื้นได้ขนาดนั้น ลูกชายหัวชุ่มน้อยเสยผมแหวกความยาวของผมที่มันบังคิ้วให้แสกกลางออกไม่ได้สนใจจัดว่าพ่อเขาจะมองจับผิดอยู่นานแค่ไหนกัน
     


     

          “เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่บริษัทพรุ่งนี้เช้า” คุณเธิดบอกเลขาในสายที่ยังคงเปิดคุยไว้อยู่

        เมื่อคนจากอีกฟากของคนละพื้นที่วางสายไปแล้ว คุณชายเจ้าของนามสกุลตระกูลเกื้อกูลเลิศวัฒนาก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าไปแต่ก็คอยแอบสบตาไปยังแขนเสื้อเชิ้ตราคาสูงนั่นที่มันเปียกจนไม่น่าให้อภัยถ้าเขาเป็นชิตพล คนที่ต้องสะอาดเรียบร้อยทุกองค์ประกอบตั้งแต่หัวจรดเท้า
     


     

            “แขนเสื้อแกไปเปียกอะไรมา?” ท่านเริ่มถามบุตรชายที่มีพิรุธ
     

          “...ก็ไปล้างมือมาแล้วน้ำจากก๊อกมันกระเด็นเฉยๆ” เขาเริ่มพลิกแขนไปมองรอบรอยพับที่ข้อพับแขน
     

             “วันพรุ่งนี้ฉันจะให้แกไปคุยกับครอบครัวคีรีชัยวรรณเรื่องประชุมวันนี้ที่เขายกเลิกไป แกจะต้องทำยังไงก็ได้ให้พวกมันกลับมาร่วมหุ้นในการทำโปรเจ็กต์สินค้าชิ้นใหม่นี้ให้ได้” สั่งคำขาดด้วยน้ำเสียงขึงขัง
     

           “จะให้ผมไปลากผู้หญิงครอบครัวนั้นกลับมาร่วมหุ้นเหมือนเดิม ทั้งที่เธอก็กำลังตกหลุมรักลูกชายเขาหัวปักหัวปำแล้วเนี่ยน่ะเหรอ?”
     

    พ่อของชิตพลเท้าคางเข้ากับพนักพิงหลังบิดกายาทั้งครึ่งที่นั่งมองตรงไปด้านหน้าตอนแรกให้หันไปหาลูกที่เป็นความหวังของเขาแล้วในขณะนี้ เขาใช้ดวงตาที่มีพลังอำนาจของคนเป็นพ่อกดชิตพลจนเขาที่มีอำนาจน้อยกว่าต้องจำทน
     


     

             “แต่ถ้าหากพวกมันหลุดจากผู้ร่วมหุ้นโปรเจ็กต์ชิ้นยักษ์ของเราไปล่ะก็ ระวังเรื่องราคาไวน์แถวใหม่ที่จะออกมาให้ดีแล้วกัน มันอาจจะถูกเททิ้งให้หมากินแทนที่จะให้เศรษฐีกินก็ได้ถ้าแกไม่ช่วยฉัน” 
     

      ลูกชายที่ต้องเชื่อฟังจึงเงียบหน้าเรียบสนิทแล้วจึงพยักหน้าตอบส่งไปให้กับเขาไม่มีการจะแสดงความมั่นใจในเรื่องนี้สักนิดนึงก็ไม่มี ฝ่ามือที่เท้าคางตกมาตบบ่าขวาของชิตพลอย่างแรงและหนักแน่น แต่ก่อนจะได้ใบหน้ายิ้มแย้มของเขามา ชิตพลก็ลุกเดินกลับชั้นสองไปก่อนที่เขาจะมอบรอยยิ้มความหวังนั่นให้ซะได้


        “ถ้าฉันไม่ติดที่ว่าครอบครัวแกมีชื่อเสียงในประเทศเป็นอันดับแรกพอๆกับฉันล่ะก็ ฉันจะกดชื่อเสียงพวกแกให้ถึงที่สุดเลย ไอพวกคีรีชัยวรรณ!” ชิตพลบ่นพร่ามกับตัวเองในช่วงที่ก้าวขึ้นบันไดไปคนเดียวตามลำพัง

     


     

    ………………………………………………

    [ ชิตพล ]


     


      ครอบครัวคีรีชัยวรรณคือครอบครัวที่มีชื่อเสียงด้านการวงการบันเทิงในประเทศเป็นอันดับที่4รองลงมาจากครอบครัวของไอพฤกษ์เพื่อนสมัยมัธยมของผมที่ร่วมหุ้นกันในครั้งนี้ด้วยอีกหนึ่งตระกูล โปรเจ็กต์ใหญ่ที่พ่อผมว่านักว่าหนาก็คือการนำความเป็นเอกลักษณ์ของดาราแต่ละท่านที่ครอบครัวมหาเศรษฐีพวกนั้นชอบ ออกมาใส่ให้กับไวน์ของพวกเขาได้ดื่มกัน หากรอดก็จะกลายเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงออกขายทำให้ชื่อเสียงของตระกูลผมดูดีขึ้นมากกว่าเดิม แต่ถ้าหากมันพลาดไปหรือว่ามันเป็นไปไม่ได้ตามที่หวัง สิ้นค้าพวกนี้ก็จะกลายเป็นของราคาถูกที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้ 
       แล้วที่ผมต้องถ่อไปอ้อนวอนพวกมันทั้งตระกูลตามคำสั่งของพ่อ ก็เพราะว่าพวกมันมีชื่อเสียงในด้านวงการบันเทิงเรื่องดารา และรวมไปถึงพวกสื่อโทรทัศน์มากมายหลายชื่อในยุคนี้อีกต่างหาก แล้วถ้าหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวพวกมันเป็นกองหลัง สินค้าพวกนี้คงเป็นเส้นตายของบริษัทครอบครัวผมอย่างแน่นอน


           “ตื่นหรือยัง?” ผมเดินมายืนถามคนเฝ้าประตูห้องด้านนอก

     “ยังไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยครับ คงน่าจะยังไม่ตื่น”

     “กลับไปทำงานของแกต่อได้แล้วไป เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง...อ่อ! แล้วถ้าพ่อฉันถามล่ะก็ ให้แกตอบเขาซะนะ ว่าวันนี้ฉันรับสัตว์มาเลี้ยงเฉยๆ”
     

     “ให้ผมบอกมั้ยครับว่าดุหรือเปล่า?”
     


     

     

     


     

     

            “บอกแค่ว่ากัดแล้วตายสถานเดียวก็พอ”
     

           “ครับคุณพล”

      ผมยืนหัวไหล่เทียบข้างกับคนรับใช้ส่วนตัวของผมที่มายืนเฝ้าเจ้าสัตว์น้อยนั่นเป็นอย่างดี ผมบิดลูกบิดเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนสีขาวตัดน้ำเงินก็พบกับชายที่นอนรัดกุมด้วยเชือกเส้นหยาบสีน้ำตาลที่เอาไว้ใช้มัดของหนักๆรัดตัวไม่ให้ขยับไปไหน อาการหลับใหลไปกับยาสลบที่ผมรู้ว่าเขาถูกทำให้ดมมาแล้วก่อนหน้านี้ ชุดใหม่ที่ใส่หลังอาบน้ำพาให้ผมต้องแอบยืนมองอยู่ข้างเตียง เพราะเจ้าเสื้อนั่น ถ้าให้บอกตามตรงมันก็คือเสื้อนอนของผมเองที่ชอบใส่ตอนวัยรุ่น ก็เจ้านี่มันตัวเล็ก ถ้าเอาพอดีตัวก็คงหนีไม่พ้นเสื้อนอนสมัยวัยรุ่นผมหรอก
     

     

           “อื้ออออ!! ?? ไอเชี่ย!!”
     

        ตื่นขึ้นมาสบายใจแต่คำแรกก็ด่าผมไม่ลืมหูลืมตาทุกที มันตกใจเพราะเห็นผมจนเผลอกดดวงตาไปก้มมองด้านล่าง ตาของลูกหนี้คนนี้เอาแต่มองชุดที่ใส่ปัจจุบันไม่มียอมลดหย่อนสักรอบ มันคงตกใจมากที่เสื้อผ้านักศึกษาของมันหายไป มีเหลือทิ้งไว้แค่ชุดนอนตัวสีน้ำเงินกางเกงขายาวสีดำ ตัวที่เล็กจิ๋วของมันตะเกียกตะกายไปอีกฝั่งจนลืมไปว่าข้างหลังมันคือขอบเตียง ร่างตกไปนั่งกับพื้นห้องที่เป็นพื้นแข็งโดยแม้แต่มือก็ไม่มีทางไปลูบคลายเจ็บได้เพราะถูกมัดเอาไว้อยู่
     

     

          “เสื้อผ้ากูหายไปไหน!! มึงเอาเสื้อผ้ากูไปไว้ไหน!!”พูดกับผมด้วยเสียงน่ารักๆสักคำตอนตื่นมาก็ไม่ได้
     

         “ก็เห็นว่าน่าจะเรียนมาหนัก ฉันก็เลยอาสาอาบน้ำให้ก็เท่านั้นเอง” ผมเดินเข้าไปนั่งข้างเตียงนุ่มที่มันก็คือเตียงของผมอีกเหมือนกัน
     

           “อาบน้ำ...” มันได้ยินแค่อาบน้ำหน้าก็ซีดเป็นไก่แก่ต้มจนเปื่อยเลยก็ว่าได้
     

          “นี่! ทั้งนายกับฉันก็ผู้ชายเหมือนกัน จะมากลัวอะไรขนาดนั้น แล้วถึงฉันจะขอให้นายมาเป็นแฟนฉันก็เถอะ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะขืนใจนายเร็วขนาดนั้นสักหน่อย” ผมยิ้มออกเสียงขำออกมาพอเห็นว่าหน้ามันช็อกเป็นเป็ดแตกฝูง
     

            “แต่ก็หมายความว่ามึงตั้งใจจะทำ!! มึงจะเก็บกูเอาไว้ทำเรื่องแบบนั้นใช่มั้ยไอสวะ!!!” 


     

     

           อืมมม?...
     

      ผมแกล้งทำท่าถูคางนึกมองเพดานห้องไปเรื่อยๆ เสียงร้องเปร่งออกมาทำให้มันที่นั่งพับเพียบตั้งใจฟังขุ่นเคืองไม่น้อย มันจะลุกขึ้นมาปะทะกับผม แต่โชคไม่เข้าข้างที่แขนถูกมัดเอาไว้ติดลำตัวแน่นจึงไม่มีหนทางให้มือมันช่วยค้ำดันยกร่างขึ้นมาได้ง่ายๆเหมือนทุกที ขาลื่นกลับไปนั่งเหมือนเดิมทำให้ผมอดยิ้มบางออกมาไม่ได้ มุมปากกระตุกอ่อนส่ายหน้าให้กับความอาภัพนี้เสียจริง 
     

     

         “ถ้าจะให้พูดจริงๆล่ะก็...ใช่ฉ-!”
     

          “ไอ้ชั่ว!!” ด่าฉาดหน้าผมเข้ามาทันทีที่ตอบ
     

         “ฉันจะทำ ก็ต่อเมื่อถึงวันนั้น วันที่นายพร้อมที่จะเป็นแฟนฉันอย่างเต็มใจแล้ว นายอาจจะไม่อยากเชื่อก็ได้ แต่ฉันจะขอบอกเอาไว้หนึ่งอย่างก็แล้วกัน...”
     

            “มึงจะบอกอะไร!?” หายใจหอบจนล้นปอด
     

          “ฉันจะบอกว่านายคือคนคนเดียวที่ทำให้ความสับสนในชีวิตของฉันหายไป...100%”
     

            พูดซะทำให้หน้ามันเหวอไปเลย
     

            “มึงจะบอกว่ากูทำให้มึงเป็นเกย์100%เนี่ยนะ!!!” มันทำหน้าตาช็อกอีกครั้งเมื่อรู้ความจริง
     

           “ก็ถูก เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาฉันสับสนมาโดยตลอดว่าตกลงแล้วฉันชอบอะไรกันแน่ ระหว่างผู้ชาย...หรือผู้หญิง”
     

     

             ...

     


     

    ……………………………………

    [ กรณ์ ]


     

          “นายคือคนที่ทำให้ความสับสนของฉันที่มีมาตลอดชีวิตหายไป”

     

            “พูดจาอะไรแก่ฉิบหาย พูดให้มันเข้าใจง่ายๆหน่อยไม่ได้ไงวะ!?” 

        จะบอกว่าเข้าใจมั้ยก็เข้าใจนิดนึงแหละ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องสาธยายอะไรให้มันยาวเหยียดเพียงเพราะแค่อยากให้มันสวยงามด้วย แต่ขอบ่นอะไรหน่อยเถอะ หน้าตามันทำไมหล่อได้ขนาดนี้วะ! ผมเห็นหล่อมากสุดในชีวิตก็คือฝรั่งในไอจีที่อยู่ในโทรศัพท์นะ แต่นี่คือ...ไปอยู่หลุมไหนมาวะเนี่ย ทำไมผมถึงมาเห็นหน้าเห็นตาเป็นครั้งแรก นี่ขนาดผมยังเบลอยาสลบอยู่ออร่าความหล่อยังไม่จางเลย ทำเอาซะตาผมเปิดยิ่งกว่ากลิ่นถุงเท้าค้างคืนของไอหยางซะอีก?



     

         “ตั้งใจฟังดีๆ ฉันจะพูดรอบนี้เป็นรอบสุดท้าย! นาย!! คือคนที่ทำให้ฉันชัดเจน!! ว่าจริงๆแล้วฉันเป็นเกย์ แล้วนาย!! ก็ต้องมาเป็นแฟนกับฉัน เพื่อลดหย่อนหนี้ของพ่อและลุงนาย เข้าใจมั้ย!!” มันชี้ปากมันเพื่อเน้นทุกคำให้ผมฟังไม่มีตกสักพยางค์

           “งั้นมึงก็ฟังกูบ้างนะ! ว่ากู!! ไม่ ได้ ชอบ มึง!!! กูชอบผู้หญิง ผู้หญิงที่สวยๆอ่ะมึงเข้าใจมั้ย!!”

     

        หึ! 5555555

     ผมตะโกนกลับไปสุดใจขาดดิ้น แต่สิ่งที่มันตอบกลับมาให้กับผมคือเสียงหัวเราะที่มันบ้าคลั่งมากคล้ายกับว่ามันเพิ่งจะไปดูหนังตลกมาเมื่อกี้นี้ ใจผมอยากจะพุ่งตัวลุกยืนไปต่อยกับมันให้รู้แล้วรู้รอด แต่ไอบ้านั่นก็ดันมัดเชือกให้แน่นมากเอาซะกลัวเลือดในตัวผมไม่เดิน? ผมกัดปากเก็บความโกรธพวกนั้นเอาไว้ก่อน ใบหน้าหล่อคมคายของมันยังคงหัวเราะต่อไปเรื่อยๆไม่มีท่าทีจะหยุดสักนิด

     

          “แต่ก่อนที่นายจะกลับไปชอบผู้หญิงได้ นายจะต้องหลุดจากเชือกนี้ แล้วก็บ้านหลังนี้ของครอบครัวฉันไปก่อนนะ”

            “ต่อให้มึงจะขังกูไว้ที่นี่กี่ปี กูก็จะชอบผู้หญิงอยู่เหมือนเดิม ต่อให้มึงจะพูดกล่อมกูให้หูกูบอดทั้งสองข้างด้วย กูก็จะชอบผู้หญิง ชอบผู้หญิงอ่ะมึงได้ยินมั้ย!!!” ผมพูดเสียงท้าใส่มันไม่หวาดกลัวสิ่งที่มันเคยกระทำไว้กับผมก่อนหน้านี้เลย

           “อย่าลืมคำพูดนี้ของนายก็แล้วกัน”

     

      มันพูดน้ำเสียงรับคำท้านี้ไม่มีการทำร้ายร่างกายผมเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน ดวงตาสีดำข้างในดวงโตตตตตตต๊ โต! ตอบได้ชัดว่ามันก็มั่นใจเรื่องที่จะทำให้ผมชอบมันได้เหมือนกัน (ไปเอาความมั่นใจมาจากส่วนไหนมา!?) ร่างของมันที่อยู่บนเตียงนอนค่อยๆขยับย้ายมาอยู่ข้างเตียงฝั่งเดียวกับที่ผมล้มก้นจูบพื้นอยู่นิ่งๆ แขนหนากล้ามเนื้อแน่นช้อนร่างมัดแน่นตัวแข็งทื่อขึ้นพาไปวางที่ฟูกนุ่มที่ผมตื่นมา หน้าผมมองเตียงสลับกับมองมันไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะพยายามดูว่ามันจะทำอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า

     

    พอแขนมันหลุดออกจากตัวผมที่จมเตียงไปแล้วนั้น มันก็นำแขนสองข้างมากั้นด้านข้างลำตัวผมเอาไว้ กายของมันทับผมครึ่งหนึ่งเสริมด้วยขาข้างซ้ายที่ยกคร่อมพาดทับขาสองข้างของผมที่มัดติดกันไว้ด้วยเชือก หน้าผมสับไปมามองด้านล่างกับอีกด้านใกล้ๆหน้าผมที่มีเบ้าหน้าของมันอยู่ใกล้แค่นิดเดียวจริงๆ หน้าผมบี้จนเผยเหนียงที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อนนอกจากไอหยาง ใบหน้าเสี้ยวข้างของไอเจ้าหนี้พ่อกับลุงผมจ้องมามองตาไม่ยอมกะพริบ แถมยังมาจ้องยิ้มร่าอาราเล่มีความสุ๊ข! มีความสุขใส่อีก หน้าหล่อจ๋าของมันค่อยๆเข้ามาชิดทีละนิดแต่ได้กลิ่นน้ำหอมของมันใกล้เกินกว่าจะจินตนาการได้อีกต่อไป ผมหลับตาหันหน้าหลบข้างเพื่อจะหนีสุดชีวิตที่พอจะซุกหนีพ้นได้แล้ว

     

          “ไหนมึงบอกว่าจะทำก็ต่อเมื่อกูตกลงเป็นแฟนกับมึงแล้วไง!!!” ผมหลับตาปี๋ก่อนจะนึกคำมันได้ก่อนวินาทีเฉียดตายนิดเดียว

         “ก็จำได้ดีนิ แล้วก็อย่าลืมคำพูดของนายด้วยก็แล้วกัน” มันก้มหน้าเอียงไปทางหูขวาของผมเพื่อกระซิบบอกเสียงทำเอาขนตีนจรดขนตาผมลุกชันเลยก็ว่าได้

     

           ยิ้มโชว์ฟันเล็กน้อยของมันยิ้มให้เมื่อพูดจบ แล้วตาผมดันเปิดไปเหลือบเห็นพอดี ร่างหนักของมันลุกจากตัวผมไปยังตู้เสื้อผ้าสีขาวที่ดูคงหลายบาทแน่ๆ บานกระจกติดฝั่งขวาเลื่อนเปิดมาบรรจบที่ปลายเท้าผมที่อยู่บนเตียงฝั่งที่ตกไปก้นจ้ำเบ้า ผมนอนหายใจจนตัวโยก เอาแต่นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเพราะคิดว่าจะต้องโดนมันคืนนี้เลยซะแล้ว ตาที่มองหาบรรยากาศดีๆกลับดันไปเหลือบมองมันที่กำลังถอดเสื้อเชิ้ตตรงตู้เสื้อผ้าพอดี ไอห่าเอ้ย!!!

     

      ผมไม่ได้ตั้งใจจะเห็นว่าเสื้อเชิ้ตขาวของมันถอดออกจากตัวแล้ว กล้ามเนื้อของมันแน่นกว่าผมที่อุตส่าห์บ่มเพาะมา2-3ปีอีก รอยสักที่ผมเห็นตอนนี้ด้วยตาเปล่าก็คือสิงโตตัวผู้ขนแผงคอฟูฟ่องที่ต้นแขนขวา และที่กลางกระดูกสันหลังก็เป็นรอยสักภาษาจีนยาวลงมาจนถึงเนิน...เอ่อ เนินบั้นท้ายดีกว่าถ้าจะให้เรียกดีๆ ตาผมที่มองค้างไปตอนไหนก็ไม่รู้แล้วก็ยังเผลอกลืนน้ำลายตอนที่มองกล้ามเนื้อด้านหลังมันอีก ผมส่ายหน้าหนีเอาตาค้างนี้ออกไปเพื่อที่จะพลิกตัวตรงเหมือนเสาธง พลิกตะแคงข้างหนีไอภาพตรงปลายตีนบ้านี่ไปจากลูกตา


     

       แต่หารู้อะไรไม่ว่ากระจกปลายเท้าที่ชิตพลเลื่อนมานั้นมันส่องให้หางตาคมกริบดั่งเหยี่ยวยักษ์นี้เห็นว่ากรณ์มันก็แอบมองอยู่เหมือนกัน แต่จะด้วยเหตุอะไรก็ตาม แต่มันก็ดันมากลืนน้ำลายใส่ให้กล้ามเนื้อแค่ด้านหลังพวกนั้นไปแล้ว ปากยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับปากที่ไม่ตรงกับการกระทำของไอกรณ์มันสักนิด เสื้อที่ไม่ใส่เว้นแค่กางเกงที่เปลี่ยนมาใส่ขายาวสีดำแทนเดินมาข้างหลังคนถูกเชือกหยาบมัดไว้เงียบๆไม่บอกใครเลย

     

              “หลับไวจังนะ” ชิตพลพูดเบาๆเพียงคนเดียว

    ประตูห้องน้ำปิดไปด้วยแสงไฟที่มันก็เปิดมาให้ความสว่างกับห้องเล็กๆนั่นพอดี เสียงน้ำจากฝักบัวเปิดซ่าขึ้นมากล่าวให้กรณ์ที่ยังไม่หลับรู้ตัวดี มือมันที่แนบข้างฝ่าความหนาหยาบของมันเพื่อไปด้านหลังที่เป็นจุดมัดปมจบเอาไว้ มันพยายามเอี้ยวตัวให้แล้ว ลุกขึ้นนั่งก็แล้ว แต่มันก็ไม่ได้ผล

     

    จนกระทั่งเสียงอาบน้ำมันหายไป ไอกรณ์มันก็ถึงกับต้องหยุดตามเพราะกลัวชิตพลจะออกมาเห็นภาพตัวมันกำลังแกะเชือกอยู่ แต่พอเงียบไปแค่แป๊บเดียวเท่านั้น เสียงแปรงสีฟันสีกับซี่ฟันก็ดังขึ้นแทน ไอกรณ์ถอนหายใจให้กับปอดที่กลั้นไปครู่นี้ มือจับปมดึงเพื่อให้มันหลุด แต่ก็ทำไม่ได้สักทีจนเกือบทำให้ตัวไอกรณ์รำคาญหนักมากกว่าเดิม

     

     

          !!!

     เสียงประตูเปิดออกมาตอนที่มันยังตั้งใจแกะอยู่ซะเหมือนไอคนในห้องน้ำแอบฟังอยู่ลับๆ ไอกรณ์ล้มตัวนอนไปสักพักหนึ่งเพื่อทำให้มันไหวตัวไม่ทันแต่ก็สายไปสำหรับทางรอดของมันหลังจากนี้ เพราะเสียงประตูที่มันได้ยินนั้น ก็คือเสียงประตูที่ชิตพลเปิดออกมาจริงๆหลังแปรงฟันเสร็จ แต่เขาแค่มัวไปจดจ่อกับอะไรในห้องน้ำก็ไม่รู้ จึงไม่ทันเห็นว่ากรณ์มันทำอะไรอยู่ก่อนหน้า

     

         “นอนไวจังแฮะ?”

     

      เสียงเบาๆจากด้านหลังข้างเตียงผมลอยมาตบหูข้างซ้ายเหมือนกับว่ามันมายืนมองอยู่ยังไงอย่างงั้น ผมเปิดตาข้างที่อยู่ด้านล่างไปก็เห็นเงากายของไอชิตพลนั่นที่ดูยังไงมันก็ดูเหมือนคนไม่ได้ใส่เสื้อ กล้ามเนื้อที่นูนผิดกับคนใส่เสื้อทั่วไปที่โปร่ง รวมไปถึงเม็ดหยดน้ำที่กระเซ็นลงมาสัมผัสตัวผม ผมแกล้งแอ๊บเป็นพลิกตัวไปตรงข้ามกับอีกฝั่งก็พลันตกใจตาเกือบหลุดเพราะเห็นว่าไอเจ้าของห้องนอนนี้มันใส่แค่ผ้าขนหนูสีดำมาแค่ผืนเดียวตรงบริเวณด้านล่าง ใจจริงผมอยากจะหันกลับไปหวังจะหนีจากไอภาพบาดตานี้ แต่พอจะพลิกตัวสมองก็ดันมานึกรั้งเอาไว้กลางทาง 


     

        “หึ! แกล้งหลับไม่ค่อยจะเนียนเลยนะ”

    มันพูดลอยๆแต่ลอยมาเตะหน้าผมนี่แหละ

     

        “จะแกล้งหลับต่อไปก็เรื่องของนายแล้วกัน”

     

    มันเดินเช็ดผมกลับไปที่ห้องน้ำยังเคย บานประตูเปิดต้อนรับแสงที่อยู่ในห้องน้ำส่องออกมาลางๆ ผมหรี่ตาเล็กน้อยมาแอบมองมันว่ามันไปแล้วหรือยัง แต่สิ่งที่ผมเห็นก็คือไอนั่นมันยืนอยู่นอกห้องน้ำ ยืนเช็ดหัวอยู่แบบนั้นไปเรื่อยไม่เข้าไปให้มันรู้แล้วรู้รอดเสียที

     

       “หลับตาหลอกมันไปสักแป๊บก็ได้วะ” ผมพูดกับตัวเองในหัว

     

    ผมพยายามข่มตาแกล้งหลับไปก่อน รอจนกว่ามันจะเช็ดหัวเสร็จแล้วจะได้มานอนสักที แต่นอนหลับตารอไปได้เกือบชั่วโมง ไอเจ้าหนี้บ้านั่นมันก็ไม่ยอมมานอนจะครึ่งชั่วโมงได้เลย ผมนอนรอแล้วนอนรออีกจนผมไม่รู้ว่าเอาความง่วงมาจากไหน เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วทุกอย่างหลังจากนั้นก็มืดสีดำไปในพริบตาทันที

     

     

    …………………………………………

    [ ชิตพล ]



       ผมยืนเช็ดผมอยู่หน้าห้องน้ำไปประมาณเกือบจะชั่วโมงนึงได้ มันไม่มีเหตุผลใดถ้าไม่ใช่ผมเห็นว่าเชือกมัดตัวของคุณลูกชายนายเรืองศักดิ์นั่นกำลังจะหลุดนิดนึงแล้วต่างหาก ผมคอยเวลาให้เขาหลับไปจนกว่าผมจะแน่ใจว่าเขาหลับสนิทแล้ว ผ้าขนหนูผืนดำถอดออกเหวี่ยงไปลงตะกร้าสีน้ำตาลแล้วรีบคว้าเอากางเกงนอนสีดำขายาวมาใส่แทน มือปิดไฟห้องน้ำแต่ทิ้งประตูเปิดอ้าไว้แบบนั้นไม่อยากให้คนหลับไปตื่นขึ้นมาอีก ช่วงบนที่เปลือยเปล่าเห็นเพียงกล้ามเนื้อทั้งหมดฝังลวดลายบนลำตัวด้วยรอยสักลายสิงโตที่ผมเห็นว่าเขาแอบมองอยู่นิดหน่อย


     

        ผมล้มตัวลงเตียงนุ่มสปริงดีนี้เบาที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ผมไม่กล้าจะโกหกว่าผมไม่ได้มองหน้าเขาตอนหลับในระหว่างนอนลงข้างๆนี้เลย ผมเท้าคางนอนตะแคงข้างมองหน้าหลับใหลไปหลายฝันก่อนที่ผมจะเพิ่งมารู้สึกกับตัวเองว่าผมเผลอออกยิ้มไปตอนไหนก็ไม่รู้ ปากที่ชื้นจากน้ำหลังเสร็จอาบน้ำมาก็พรั้งลิ้นออกมาเลียให้เปียกอีกรอบพอมองหน้ากรณ์ที่หลับไปด้วย

     

       หัวใจผมที่มืดดำกลับไม่เคยรู้สึกร้อนผ่าวเหมือนไฟเผาอะไรแบบนี้มาก่อน แค่ผมมองแค่หน้าเขามาเพียงไม่ถึง10ชั่วโมง มันก็ทำให้ข้างในหัวใจผมรู้สึกวาบๆยังไงก็ไม่รู้เมื่อมองหน้าที่พริ้มหลับนี้อีกครั้งของวัน ผมจ้องขนตาที่งอนงามผิดกับผู้หญิงทั่วไปที่ผมเคยเห็นมา ตาผมเริ่มไล่มองจากเส้นผมที่ปลิวเมื่อลมหายใจผมมันลอยออกไปกระทบเข้า เปลือกตาที่โค้งสวยเข้ากับดวงตาที่ตี่แต่มีเสน่ห์ในยามที่ได้จ้องมองเข้าไปลึกๆ รูปหน้ากรณ์ที่พออยู่ในคราวไร้แสงก็ทำให้ผมรู้สึกอยากจะเข้าไปหาใกล้ๆ 


             ...

     

     มือขวาผมแอบเลยเส้นสัญญาระหว่างกันไปเพื่อแค่จะนำนิ้วชี้ไปลูบกลุ่มรวงเส้นผมสีน้ำตาลดำนี้แค่ผิวเผิน ผมมองตามแรงล้อของเส้นผมของกรณ์ ปากที่มันแห้งผากถูกน้ำจากลิ้นชำระให้ชื้นแฉะอีกรอบ ผมกับกรณ์ที่ต่างก็อยู่ในความมืดของห้องนอนนี่ด้วยกันสองคนมันคงตอบไม่ได้ว่าจะไม่รู้สึกอะไรในเวลานี้ มือเล่นผมเปลี่ยนเป็นไปจับแขนอ่อนบางผมขยับหน้าออกจากการเท้าคางมาใกล้กับปลายจมูกโด่งน่ารักนั่นเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น

     

         ผมอยากจะจูบเขามากถ้าให้พูดกันตามตรง แต่ผมก็ต้องหยุดไว้แค่นั้นเพราะสัญญาที่ผมให้กับเขาเอาไว้ ผมเม้มปากก้มหนีแต่ในใจผมอยากจะทำมาก มือจับแขนลดต่ำไปอยู่ที่เอวบาง ผมกอดเขาแค่หยิบน้อยจากการกอดจริงๆสำหรับผม แต่ผมกลับไม่คิดว่าหลังจากที่ผมหลับตาลงไปกับกอดเหินห่างกันนี้ไปได้ชั่วครู่ กรณ์ก็จะดิ้นขยับตัวเล็กๆของเขาเข้ามาใกล้ตัวผมเอง

     

        ผมตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรมากกว่านี้ได้ นอกจากหลับตานอนลงไปให้ความอบอุ่นกับกรณ์ที่นอนอยู่ใต้เชือกมัดร่างเขาอยู่ก็เถอะ


    - - - - - - - - - - - - - - -
     Talk Talk 


     

    อีพีนี้จะหวานนิดๆ เพราะว่าเราอยากให้ทุกคนเข้าใจตัวพระเอกหรือว่าตัวละครนี้มากกกก ว่าถึงเขาจะเป็นพวกเย็นชาแบบนี้แต่ข้างในเขาก็มีความรู้สึกเหมือนคนอยู่นะ เขามีความซับซ้อนข้างในมากๆ เราเลยอยากให้ทุกคนเข้าใจก่อนที่จะไปเรื่องอื่นกัน ^^


     *ฟิคเรื่องนี้จะมาอัปทุกวันอาทิตย์*


     

     HASHTAG  :  #เจ้าหนี้คนนี้เขาจีบผม 
     TWITTER  :  @Zzx3N 




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×