คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 แลกเปลี่ยนทางสัมพันธ์
ตอนที่ 4 แลกเปลี่ยนทางสัมพันธ์
……………………………………………
[ กรณ์ ]
“ถ้ายังแกล้งหลับต่อไป ระวังจะไม่มีเวลาสั่งเสียพ่อกับแม่นายนะ”
...
มันคงยังคุยกับตัวเองนั่นแหละ ถ้าทำหัวผงกหน่อยคงเชื่อแล้วแหละ
หลังนึกหาทางกับตัวเองไปได้ไม่ถึง1นาที ผมก็ทำการผงกหัวให้มันเชื่อสนิทใจว่าผมหลับจริง แต่สิ่งที่ผมได้ยินนั่นมันกลับไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ที่เตียงตรงนั่นอีกต่อไป เสียงรองเท้าคัทชูของมันเดินตรงเข้ามาใกล้หูของผมที่มันได้ยินทุกอิริยาบถ กลิ่นน้ำหอมฟุ้งเกือบทำให้ผมจามออกมาถ้าไม่กลั้นหายใจไปก่อนตอนนั้น ผมพยายามทำท่าทางของคนหลับทั้งหมดที่ผมเคยแอบมองไอหยางหลับมาตลอด แต่ถ้าสมมติว่ามันไม่ได้จริงๆ ก็แสดงว่าผมโกหกใครไม่เก่งอย่างที่ไอหยางเคยพูดจริงๆนั่นแหละ
!!!
“จะลืมตาขึ้นมาดีๆหรือว่าจะให้ฉันต้องเอาลูกกระสุนยัดขมับนายสักนัดนึงก่อนดี?”
ผมปล่อยกายนึกว่าโกหกรอดแล้ว แต่มันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด เพราะเมื่อผมแกล้งทำท่าคนนอนหลับที่ได้ศึกษามาจากไอหยางแต่ก็กลับมาถูกจับได้ซะงั้น มือหยาบของมันจากทางฝั่งขวาช้อนคางกดต่ำของผมขึ้นเงยสูง ผมที่ตกใจเผลอลืมตาขึ้นมองตรงหน้าที่เป็นจุดเดิม เว้นแต่ว่ามันมีอะไรบางอย่างกำลังจ่อขมับผมอยู่รอให้นิ้วชี้มันกดเอากระสุนจากข้างในปืนออกมาแล่นใส่ขมับผมแรงๆนิดนึง
ใบหน้าเย็นชาราวน้ำแข็งขั้วโลกของมันลดมามองลงด้านข้างของผมที่มือของมันก็ยังคงล็อกเชิดคางเอาไว้อยู่อย่างนั้น ตาดำผมเหลือบมาจ้องใบหน้าของมันที่ถึงแม้จะดูดีแต่ก็ต้องบอกว่ามันชั่วขั้นสุดไม่ต่างอะไรกับพวกตัวร้ายในหนังเลย ผมฟันขบเชือกรั้งริมฝีปากบน-ล่างเค้นดิ้นจะหนีแต่ก็ลืมสนิทว่าข้างๆขมับมันมีปากกระบอกปืนจ่อพร้อมยิงอยู่ไม่ห่าง เท้าผมที่อยากจะยกไปเตะขามันก็ดันตัน เพราะมันจับมัดขาผมด้วยเชือกเส้นขนาดใหญ่
“อึงเอ็นไอ! อาอับอูอำไอ!! (แปล: มึงเป็นใคร! มาจับกูทำไม!!)”
“หึ! นี่นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าพ่อแม่ของนายมีหนี้สินที่ติดไว้กับฉันเท่าไหร่?” มันก้มหน้าไปขำเยาะเย้ยก่อนจะชายตากลับขึ้นมามองหน้าผมจากทางด้านข้างอีกครั้ง
“อ่ออูอิดอี้อึงเอ่าไอ่? (แปล: พ่อกูติดหนี้มึงเท่าไหร่?)”
“10ล้าน แต่เมื่อเดือนก่อนมาขออีก20ล้าน ก็รวมๆ30ล้าน แต่ฉันใจดีนะ ไปทวงแค่5ล้านก่อน”
ตัวเลขกับหลักที่มันบอกผมมาไม่ถึง5นาที ทำเอาผมที่มีกำลังพอจะสู้กับมันต้องช็อกไปกลางอากาศ ขัดจากมันที่เห็นความวิตกกังวลของคนอื่นเป็นเรื่องสนุก สมองของผมที่มันดับกลับภาพไปย้อนเห็นความเครียดของพ่อที่ต้องพูดเรื่องนี้ออกมา ซึ่งมันก็คงจะขัดไม่ได้เพราะระดับของมันช่างยากที่จะหามาคืนง่ายเท่ากับการขอที่ชั่วพริบตาก็ได้มาโดยไม่ต้องรีรอ
“เครียดอยู่งั้นเหรอ?” มันยังจะมาถามอีกไม่เห็นหรือไงว่าผมจะวิตกตายอยู่แล้ว
แต่ก่อนจะต้องมานั่งโดนจับวิตกตายถึงเรื่องราคาหนี้สินที่พ่อผมหรือว่าลุงเขียวติดก็ไม่รู้ ผมไม่ได้รู้สึกไปเองใช่มั้ยที่มันมองผมในสายตาแปลกๆไปจากตอนแรกที่มันจับคางผมเชิดขึ้น แววตาของมันดูมีอะไรแฝงไปหมดจนผมไม่มีทางรู้เรื่องเองได้ง่ายๆ แต่ถึงตามันจะมองผมแปลกแค่ไหนแต่ปืนกระบอกดำของมันที่ก็ยังยกมาจ่อข้างขมับก็ยังคงอยู่ที่เดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
“แอ้วอุงอูอิดเอ่าไอ่!? (แปล : แล้วลุงกูติดเท่าไหร่?)”
“นายเรืองศักดิ์น่ะเหรอ?”
“อั่นอ่ออู!! (แปล : นั่นพ่อกู!!)” ผมพูดกระแทกเสียงที่ก็โดนเชือกกั้นไปแล้วครึ่งนึงจึงไม่ค่อยดังเท่าไหร่
“เดี๋ยว! นายไม่ใช่ลูกของนายจตุรพักตร์งั้นเหรอ?” มันเริ่มคิ้วขมวดวางปืนลงจากข้างขมับผมไปทันที
“อาอั่กอ่ออู อ่วนอาเอี๋ยวอั่นอุงอู! (แปล : ตาศักดิ์พ่อกู ส่วนตาเขียวนั่นลุงกู!)”
“หือ!? เมื่อกี้นายว่ายังไงนะ?” เริ่มไม่เข้าใจ
!!!
มือหนาของมันแทรกดันเอาเชือกเส้นหยาบกร้านที่ปิดปากผมเอาไว้ลงไปกองอยู่ที่คอแทน ผมมองจ้องหน้ามันเอาเป็นเอาตาย แต่ร่างกายที่มันร้อนกลับถูกเชือกอันหลายส่วนมัดล้อมเอาไว้แน่นตัวติดเก้าอี้ ผมอยากจะดิ้นขยับก้มมองหาทางดิ้นหนีแต่มันก็ไร้หนทาง ดวงตาไร้ความเมตตาของมันจ้องลงมาหาผมก่อนที่มือข้างที่ปืนเอาไว้จะคว้าหย่อมเส้นผมของผมกระชากไปด้านหลังแรงเกินที่ผมจะต้านไหว ปืนคล้องนิ้วก้อยเอาไว้เพิ่มความสบายให้มือทั้ง4ที่ใหญ่พอจะควบคุมเส้นผมกลุ่มหนึ่งของผมได้อยู่หมัด
“ถ้าเป็นตาศักดิ์ งั้นนายก็โชคดีแล้วล่ะ ที่ถูกลูกน้องฉันจับตัวมา”
“ทำไม...” ผมพูดเสียงเบาเมื่อเห็นสีหน้าของมันดูท่าจะชื่นชอบมากกว่าเดิม
“50ล้านที่พ่อของนายยังไม่จ่ายคืนฉันมาเลยสักบาท...ถ้าเป็นนายล่ะก็ นายน่าจะมีค่าพอที่จะทดแทนพวกมันให้กับฉันได้อยู่นิดนึงนะ”
คำพูดจาอันโคตรจะทรามเสียยิ่งกว่าอะไร มันพูดเชิงให้ผมทำตัวเป็นพวกละครไทยหลังข่าวที่ต้องให้ลูกไปขัดดอกแทนหนี้ที่พ่อก่อมา ดวงตาผมยืนยันได้จากการแค่จ้องมองว่าผมจะไม่มีทางไปทดแทนอะไรกับมันแน่นอน รอยยิ้มที่ฉีกออกมาจากความรู้สึกอะไรข้างในของมันผมก็ไม่ทราบ แต่มันก็ยังใจดีที่ปล่อยมือกำผมของผมเอาไว้ออก ก่อนจะเดินกลับไปนั่งปลายเตียงที่คราวนี้มันมานั่งมุมของปลายเตียงที่บอกได้เลยว่าไม่ถึง3เซนหัวเข่าผมก็สีกับหัวเข่ามันได้แล้ว
“สนใจอยากจะมาช่วยลดหย่อนหนี้ของพ่อนายมั้ยล่ะ?” มันวางปืนลงที่ข้างตัวเองติดขอบเตียง
“มึงหมายความว่าอะไร!?”
“ทำไมจะต้องถามวนๆอยู่แต่คำถามเดิมเรื่อยๆว่าหมายความว่าอะไรอยู่นั่นแหละ” กวาดมือแต่พองามแต่รอยยิ้มที่มุมปากของมันดูท่าจะอยากขำไม่น้อย
“แล้วมึงไม่บอกมาตามตรงล่ะ ว่ามึงต้องการอะไรจากกู!?”
ผมไม่เข้าใจว่าผมพูดจาไม่ดีใส่แต่ทำไมมันถึงยังมาใจเย็นกับผมได้มากขนาดนี้ สายตาของมันดูดียิ่งกว่าไอหยาง รูปร่างของมันสูงกว่าไอหยาง หน้าตาก็ถือว่าหล่อใช้ได้ แล้วยิ่งตอนมันยิ้ม มันให้ความรู้สึกว่ามันไม่ได้ยิ้มแบบที่คนทั่วๆไปยิ้มให้กันเอาซะเลย
เอ๊ะ! หรือว่าผมเองที่คิดมากไป แต่ไม่สิ ก็ตอนนี้มันยิ้มให้ผมแบบนี้อยู่นี่นา
“ถ้านายรับข้อเสนอนี้ ฉันจะยืดเวลาใช้หนี้ให้พ่อนายไปอีก3ปี และลดหนี้ลง2ล้าน”
มันพูดไปก็ยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางขึ้นเป็นจำนวน2นิ้วให้ผมเข้าใจถึงตัวเลขที่มันกำลังจะสื่อให้ผมฟัง ขาไขว่กันดูเป็นผู้ดีมองผมโดยใช้การเชยคางไล่ดวงตาจากบนลงไปถึงด้านล่างที่ผมอยากจะเอามือมาปิดกั้นเอาไว้ก็ทำไม่ได้ ผมดิ้นพาเก้าอี้เอนเอียงจะล้ม แต่ก็ต้องขอบคุณมันที่คอยจับยึดเอาไว้ไม่ให้ผมไปไหน? ตาผมเลิกลักเริ่มกลัวกับสิ่งที่มันจะบอกลงลึกมากกว่านี้ ปากที่อยากประลองความเก่งกาจก็ไม่กล้าจะพูดอะไรกับมันอีกไปหลายนาที การหายใจที่ควรจะลื่นไหลก็กลายมาเป็นติดขัดดูไม่ปกติเท่าตอนที่คุยกันตอนแรกๆนัก
“มึงต้องบอกกูมาก่อน ว่าข้อแลกเปลี่ยนกับข้อเสนอนี้คืออะไร?” ผมเริ่มหายใจไม่เป็นปกติเมื่อเห็นใบหน้ามันดูเจ้าเล่ห์พิกล
“อืมมม...แต่ถ้านายฟังแล้ว นายจะต้องทำ ตกลงหรือเปล่า?”
“ไม่! ถ้าข้อแลกเปลี่ยนมึงเหี้ยจะทำไงวะ!?”
!!!
ผมที่สวนมันไม่นับหัวที่มันดูท่าจะรวยกว่าผมหลายเท่า และอายุที่ก็ดูมันน่าจะแก่กว่าผม มือข้างขวาพุ่งกระชากตัวมันขึ้นมากำหย่อมผมจุดเดิมไปด้านหลัง เข่าของมันกดเก้าอี้ไม่ให้เอนไปมากกว่านี้ ซึ่งมันก็เลยทำให้ตอนนี้ใบหน้าของมันยิ่งเข้ามาใกล้ผมจนแทบจะเสพลมหายใจเดียวกันได้อยู่แล้ว ใบหน้าผมที่มันเริ่มตื่นกลัวมีแต่เหงื่อขับออกมาตามร่างกาย หัวใจผมมันเต้นแรงที่ไม่รู้ว่าข้างหน้ามันคือความเป็นหรือว่าความตาย เสียงหายใจที่ดูแรงกว่าเมื่อกี้อีกเท่าตัว รวมไปถึงปากที่มันเริ่มจะเปลี่ยนมาหายใจแทนจมูกแล้ว
“ตอบมา ว่าจะตกลงรับข้อแลกเปลี่ยนฉันมั้ย!?” มันถามให้ผมได้ยินกับมันแค่สองคน
“...”
“5!”
“4!”
“...”
“3!!”
“เออ!!! ก! กูตกลงก็ได้ ข้อแลกเปลี่ยนของมึงคืออะไรอ่ะ!?”
“หึ! ดีมาก เชื่อฟังคนอื่นก็เป็นนิ” คลายมือกำหย่อมเส้นผมออกแล้วเปลี่ยนเป็นขยี้หัวให้ความเจ็บปวดสลายไป
ปล่อยมือจากเส้นผมสีน้ำตาลดำของผมสิ้นไปร่างกายที่ยืนตรงเผยลักษณะตัวของมันที่ใหญ่จนผมเองก็ถึงกับตกใจเมื่อพบว่าส่วนสูงมันผมคนนึงที่เทียบไม่ติด ผมมองขึ้นไปเห็นร่างกายของมันที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงลูกผู้ดีมองต่ำมาที่ผมคล้ายว่ากำลังนึกข้อแลกเปลี่ยนอะไรสักอย่าง ปากมันที่กดขับมองตัวผมเหมือนมันกำลังแอบลวนลามผมทางสายตาอยู่ยังไงอย่างงั้น ผมจ้องตอบมันก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย หัวใจผมมันเต้นแรงเพราะนอกจากจะเจอคนที่เป็นเจ้าหนี้พ่อกับลุงตัวเองแล้ว มันยังมีการมาทำสัญญาอะไรกับผมเพิ่มด้วยก็ไม่รู้ หลังผ่านไปไม่นานมันก็ล้มตัวนั่งข้างเตียงหันมาทางผม
“นาย! จะต้องเป็นแฟนกับฉัน นี่คือข้อแลกเปลี่ยนในการลดหนี้ของพ่อนาย”
“แล้วลุงกูล่ะ! ลุงกูเข้าโรงพยาบาลเขาจะหาเงินมาใช้มึงได้ยังไง!!”
“ถ้าจะให้ฉันช่วยลุงนายด้วยที่เข้าโรงพยาบาลอีกคน นายก็ต้องย้ายมาอยู่ที่นี่...กับฉัน”
มันชี้ลงพื้นห้องพลางมองหน้าผมที่มีแต่จะอยากหาทางช่วยทุกคนจากมันไปให้ได้ ใบหน้ายิ้มร่าของมันคงดูมีความสุขมาก ที่ได้เห็นผมต้องพลัดพรากจากครอบครัวเพื่อมาชดใช้หนี้ของทุกคนกับมันตลอดชีวิต ดวงตาของผมมองมันแต่ก็รู้ดีว่าผมทำอะไรไม่ได้ ฟันขบกัดฟันด้านในอยากจะพูดมากกว่านี้ถึงจิตใจมันที่ดำมืดไร้ความปรานีกับใครๆ มือที่ถูกมัดไขว่ข้างหลังกำหมัดสั่น แต่มันก็ไม่มีการมารับรู้อะไรกับสิ่งที่ผมทำอยู่ในตอนนี้เลย แค่ดวงตามันก็ยังไม่เข้าใจสักคำที่ผมอยากจะสื่อออกไป
“นายจะต้องอยู่ที่นี่กับฉัน 5วันต่อ1อาทิตย์ จันทร์ถึงศุกร์ แล้วเสาร์อาทิตย์ฉันจะพานายไปส่งที่บ้าน มีเวลาให้แค่6ชั่วโมงเท่านั้น แล้วฉันจะพานายกลับ ตกลงหรือเปล่า?” มันก็เอาแต่จ้องหน้าจ้องตาจ้องกายผมไม่ยอมหยุดเสียทีนึง
“มึงมันอำมหิตที่สุด!”
พอได้ยินประโยคเมื่อกี้มันก็ถึงกับหัวเราะเยาะขึ้นมาแล้วทำการส่ายหน้าซ้ายขวาให้กับคำที่อวดเก่งของผมซะเหลือเกิน ขานั่งยองมองตาจากที่ต่ำกว่าขึ้นมาให้ผมต้องก้มไปมอง ดวงตามีแต่ความเย็นชาของมันทำให้ผมตัวสั่นหวั่นเกรงจากรัศมีสีดำของมันที่แผ่ออกมาคล้ายกับสิงโตตัวร้ายที่เพียงมองจากที่ไกลๆก็กลัวจนขนหัวลุกตั้ง
“ถ้าฉันปล่อยนายไป...นายคงจะไม่ลืมหรอกนะว่าสัญญาระหว่างเราคืออะไร”
...
“คืนนี้ฉันจะให้นายนอนที่ห้องนี้ แล้วอย่าคิดที่จะหนีเด็ดขาด...เพราะว่าฉันจะมานอนกับนายด้วย”
ผมโกรธจนไม่อยากจะพูดอะไรออกมาในตอนนี้ให้เปลืองน้ำลายในปากมาก ผมมองมันเขม็งตามร่างกายมันที่เดินออกห่างผมไปเรื่อยๆหลังจากตกลงอะไรกันเสร็จสับ
“นายโชคดีมากนะ ที่ได้มานอนห้องนอนของฉันจากคนที่มีฐานะเป็นเพียงแค่ลูกหนี้ฉัน” เก็บปืนเข้าลิ้นชักเตียงฝั่งประตูไปให้ผมเห็นเต็มสองตา
“กูไม่เคยนับเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องโชคดีสำหรับกู แล้วมึงก็คือความซวยที่สุดในชีวิตกูด้วย ไอ้สวะ!”
...
“ช่วยจำสักนิดนะว่าชื่อแฟนของนายชื่อชิตพล ไม่ใช่ชื่อว่าไอ้สวะ” เดินออกจากห้องนอนเงียบงันไปมีทิ้งไว้เพียงแค่ผมกับไอ้เชือกที่มัดติดเก้าอี้แค่นี้
!!!
“ไอ้สวะ!!!” ผมหันไปด่ามันทันทีที่ได้ยินเสียงประตูเปิดเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง
...
ชายชุดสูทสีดำคนนี้ก็คงเป็นลูกน้องมันสินะ หน้าตาที่นิ่งเรียบของมันเดินปิดประตูเข้ามาหาผมจากด้านหลังโดยที่ไอ้เก้าอี้บ้านี่มันดันมากั้นร่างผมไว้ไม่ให้หันไปมองอีกว่ามันจะกำลังทำอะไรผมกันแน่ เสียงน้ำกระทุ้งกับอะไรบางอย่างทำให้ผมอยากรู้แต่ก็มองไปไม่ได้
“นี่! ถ้ามึงปล่อยกูให้ออกไปจากบ้านหลังนี้ได้ กูสัญญานะ ว่ากูจะไม่บอกเจ้านายมึงแน่นอน นะ ปล่อยกูไปถ!!!!”
ผมที่กำลังพูดต่อสัญญาวาจากับมันถึงเรื่องนี้ก็ต้องตกใจผวาที่มันดันนำผ้าเปียกน้ำอะไรบางอย่างมาปิดปากผม และมันก็ดันมาในตอนที่ผมสูดหายใจเข้าพอดี มันจึงเข้าทางมันอีกครั้งเพราะสิ่งที่มันนำมาโปะหน้าของผมก็คือยาสลบ ภาพทุกอย่างเหมือนตอนที่โดนลักพาตัวมาไม่มีผิด ทุกอย่างพร่ามัวจากดวงตาของผมรวมไปถึงร่างกายที่หนักเท่าอิฐหลายก้อนมาทับกันเสียอีก ผมไม่มีสิทธิ์จะด่าพวกมันต่อก็เผลอคล้อยหลับไปตอนไหนก็ไม่ทราบแล้ว
……………………………………………
[ หยางหยาง ]
19:10 น.
ห้องนอนสุดเรียบหรูที่มันข้ากับฐานะผมก็จริงแต่ผมกลับรู้สึกชอบห้องของไอกรณ์มากกว่า ประตูห้องน้ำเปิดออกให้ผมที่เพิ่งจะไปอาบน้ำสระผมคลายความร้อนออกมาได้นั่งพักอยู่ปลายเตียงภายใต้ร่างกายที่เปลือยเปล่าแต่ยังดีที่มีผ้าขนหนูที่สีดำคลุมช่วงล่างเอาไว้อยู่ผืนหนึ่ง ตัวเปียกน้ำหมาดตากด้วยลมจากระเบียงที่เปิดรับลมอ้าซ่าทำให้ผมที่อยู่คนเดียวคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในขณะนั้น
“ทำไมป่านนี้ไอกรณ์ยังไม่ส่งข้อมูลมาอีกวะ?” ผมพูดกับตัวเองพลางขยับข้อมือยีเส้นผมไปด้วย
โทรศัพท์แบรนด์ดังระดับโลกรุ่นใหม่ราคาหลายหมื่นหยิบมาเปิดหาแชทไอกรณ์ที่คลาดกันมาหลายชั่วโมงแล้วก็ไม่มีท่าว่ามันจะส่งอะไรกลับมาสักอย่างเดียวเลย นิ้วผมกดโทรแชทไปหามัน เสียงโทรศัพท์กลับมีแต่เสียงให้ความหมายว่าโทรศัพท์ไม่มีการตอบรับเสียทีจากไอเจ้าของที่มีปัญหาให้ผมช่วยแก้อยู่ทางนี้ ผมกดวางสายกดโทรซ้ำแล้วซ้ำอีกเผื่อมันจะรู้สึกตัวบ้าง แต่สุดท้ายไอโทรศัพท์ความหวังสุดท้ายของผมมันก็ดับเครื่องทิ้งหนีไปเฉยเลย
“มันจะปิดเครื่องทำไมวะ?” ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ที่มีเบอร์มันตัดสายไปคาหู
ตัวที่เพิ่งจะอาบน้ำพักกายได้ไม่ถึงนาทีก็ต้องรีบลุกไปหาเสื้อผ้ามาใส่ ผมรู้สึกอะไรบางอย่างกับมันที่ไม่ค่อยชอบมาพากล ตัวผมเดินเร็วรี่ออกไปด้านนอกห้องแต่ก็ไม่ลืมที่จะคว้าพวงกุญแจรถออกไปด้วย ผมวิ่งลงบันไดบ้านหลังใหญ่มาก็เจอเข้ากับป๊าม๊าที่กลับมาจากงานไม่กี่วินาทีที่สวนกัน พวกเขามองมาทางผมก็จ้องกันนิ่งไม่มีการซักถามสักคำหนึ่ง
“คุณหนูหยางจะไปไหนเหรอคะ?” ป้าแม่บ้านเดินออกมาโต๊ะอาหารที่มีอาหารเย็นพร้อมแล้วก็ถามขึ้น
“วันนี้ผมขอไปนอนบ้านไอกรณ์นะป๊า ไม่ต้องโทรตามผมนะม๊า” ผมวิ่งผ่านพวกท่านไปก็พูดไล่หลังผ่านไปด้วยอีกเช่นกัน
“ชอบไปนอนจังบ้านเจ้ากรณ์น่ะ” ป๊าพูดกับแม่เสียงกร้าวก่อนจะหันตาไปมองยังผมที่วิ่งออกไปได้ชั่วครู่เท่านั้น
“ก็ปล่อยหยางไปเถอะ คุณน่ะรีบไปกินข้าวเย็นดีกว่า เดี๋ยวถ้าปล่อยไว้นานๆมันจะไม่อร่อยเอานะ” ม๊าพูดกับป๊าเสียงอบอุ่น
“วันนี้ให้ป้าเตรียมน้ำยานวดประคบตัวมั้ยคะคุณผู้หญิง?” ป้าแม่บ้านถามม๊า
“ดีๆ วันนี้ประชุมกับบริษัทเกื้อกูลเลิศวัฒนาตั้งครึ่งวัน นั่งจนปวดหลังไปหมดเลย” เธอพูดไปก็ทุบไหล่แก้อาการปวดชั่วคราวไปก่อน
“ได้ค่ะคุณผู้หญิง” เดินเข้าครัวไปเตรียมของ
รถยนต์คันสีขาวที่ป๊าซื้อให้กับผมสตาร์ทขับออกไปยังเส้นทางของบ้านไอกรณ์ที่ผมชอบไปเป็นประจำ จิตใจผมมันเต้นหนักแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คิ้วผมมันตกลงมากองกันที่ด้านหน้าจนแทบผูกเป็นโบว์เส้นหนึ่งได้อยู่แล้ว แต่ไอไฟจราจรบ้ามันก็ดันมาติดตอนที่ผมอยากจะไปบ้านมันใจจะขาด ผมกัดปากรอเวลาให้ทันไปเร็วๆจนสายตาที่ว่างเสี้ยววิก็ดันหันไปมองด้านนอกรถที่เป็นผับร้านใหญ่ข้างทางที่เสียงดนตรีมันกำลังเช็คเสียงดังแล้ว ผมคงจะคิดถึงเรื่องราวของไอกรณ์มากเกินไป หรือว่าผมคงเพลียหนักไปแน่ๆ ผมถึงเห็นพี่พีทที่แสนจะใจดีคนนั้นกำลังเดินเข้าผับไปกับใครอีกคนที่ดูแล้วคงสนิทกันไม่น้อย
“นั่นพี่พีท...เขาเข้าผับไปกับใครวะ?” เอี้ยวตัวไปมองข้างกระจกฝั่งข้างคนขับ
แต่ก่อนจะสงสัยมากกว่านี้ ไอไฟจราจรที่กวนผมก็ดันเล่นตลกเปิดตอนที่ผมฉงนเสียได้ ผมกลับไปนั่งเหยียบคันเร่งจนสุดตรงปรี่ไปยังซอยบ้านไอกรณ์ไม่มีถอยความเร็วเลยสักเหยียบ แสงรถผมเปิดสว่างขับมาจอดหน้าบ้านไอกรณ์ที่ตอนนี้สายตาผมมองเข้าไปก็เห็นรถพ่อไอกรณ์เข้ามาจอดแล้ว ผมเปิดประตูวิ่งเข้าไปในบ้าน และสิ่งแรกที่ผมได้เห็นมันไม่ใช่ใครอื่นใดนอกจากแม่ไอกรณ์...ที่กำลังยืนกอดตัวเองร้องไห้อยู่ตรงหน้าประตูเข้าบ้านพอดี
แม่หันมามองผมทั้งน้ำตา ปากของท่านพึมพำเรียกผมแต่ไม่มีเสียง ปากงอตามความเศร้าแต่ทำสิ่งใดไม่ได้ ผมที่อย่างน้อยก็เป็นเพืาอนสนิทที่สุดของไอกรณ์เดินเข้าไปในตัวบ้านเพื่อจะเข้าไปปลอบแม่ แต่สิ่งที่มันได้รู้มากกว่านั้นก็ทำให้ผมต้องชะงักไปกับที่ตั้งแต่ใบหูของผมมันได้ยินเสียงจากร่องเพียงช่องแคบเพียงคืบเดียว
“พวกมึงจะเอาลูกกูไปทำไม!!! ฮืออ!~ เอาลูกกูคืนมา!!!! ฮึก! กูบอกว่าให้เอาลูกกูคืนมาไอชาติชั่วเอ้ย!!!” พ่อไอกรณ์ตะโกนลั่นบ้าน
“แม่กรณ์ครับ...มันเกิดอะไรขึ้น ไอกรณ์ มันหายไปไหน?” ผมถามเสียงตะกุกตะกักหยุดบ้างพูดบ้างแต่ตาผมมันกลับสั่นไหวมากกว่าเสียงในปากเสียอีกเป็นเท่าตัว
“เจ้าหนี้เขาโทรมา ฮึก! บอกว่าเขาจับตัวกรณ์ไปเป็นค่าชดใช้หนี้2ล้านแล้ว” แม่พูดเสียงสะอื้นเจ็บปวดนัก
“ไอกรณ์...แต่ก่อนที่ผมจะมา” ผมหยุดชะงักไปกับความช็อกที่มันประดังประเดเข้ามา
“กรณ์ทำไมหยาง เกิดอะไรขึ้นกับกรณ์หยาง!” แม่มาเขย่าแขนผมขอร้องยิ่งชีพ
“ก่อนหน้าที่ผมจะมา ผมโทรหาไอกรณ์ ตอนแรกก็โทรติด แต่พอผมโทรจิกมันไปก็ถูกตัดสาย”
หัวอกคนเป็นแม่ไอกรณ์ที่ผมเห็นตอนนี้ท่านดูเสียใจแทบจะตายอยู่แล้ว ท่านตัวสั่นไปกับเสียงร้องที่มันจะไม่ขับออกมาแล้ว น้ำตาเป็นธารไหลเอ่อนองทำให้ผมยิ่งโกรธตัวเองมากที่ไม่กลับมาที่นี่กับมัน ขาของแม่กรณ์อ่อนแรงทรุดไปคุกเข่าตรงหน้าผม แต่ผมก็ช่วยประคองเอาไว้ได้ เธอเป็นภาพสะท้อนไอกรณ์เหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด ท่านกอดแขนผมคล้ายไอกรณ์ เสียงร้องไห้ของท่านก็ยิ่งเหมือนไอกรณ์ ผมหันหน้าไปทางเงาพ่อไอกรณ์ ท่านนั่งงอเข่ากุมขมับสองข้างทั้งน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอย่างเอ่อล้น
“กรณ์ ฮืออ!~ พ่อขอโทษ” พ่อไอกรณ์พูดออกมาในขณะที่ทุกอย่างมันเงียบไป
“กรณ์ลูกแม่ ฮืออ! กรณ์~”
ผมมองแม่น้ำจากในตาของพวกท่านที่มีแต่ไอกรณ์เต็มแผ่นหน้าผมก็ยิ่งเข้าใจดี ว่าพวกท่านรักมันเพียงใด ผมยืนให้แม่กรณ์กอดแขนผมไว้เป็นเสาค้ำยัน แต่ในใจของผมมันเริ่มรอยร้าวที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มันต้องเป็นเช่นนี้ ดวงตาที่ปิดลงผลักเอาน้ำตาจากอกสามศอกของผมที่มันอยากจะกลั้นเอาไว้ไหลออกมาเสียก่อน ผมเบือนหน้าหลบไปทางไหนก็ไม่มีที่จะให้เลิกนึกถึงไอกรณ์ได้เสียที ภาพและเสียงร่าเริงของมันเพียงหายไปเพียงเพราะการพลาดของผมเพียงครั้งเดียว มันก็ทำให้ทุกอย่างดูเฉาลงไปเสมือนนับปีกาล
“พ่อกรณ์พอจะรู้ใช่มั้ยครับ ว่าไอเจ้าหนี้นั่นมันคือใคร?” ผมพูดเสียงอู้อี้เพราะก็เพิ่งจะร้องไห้ไป
“พวกแกทำอะไรเขาไม่ได้หรอก แล้วก็อย่าคิดจะไปทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาดเลย!!” พ่อศักดิ์พูดเสียงดังแต่ฝังเต็มไปด้วยความเป็นห่วงทั้งนั้น
“ผมจะใช้เงินของผมไปเอาตัวมันออกมาเอง”
“หยางหยาง!” แม่กรณ์เงยหน้าน้ำเสียงตกใจ
“รีบบอกมาสิครับว่ามันคือใคร!!”
“คุณชิตพล เกื้อกูลเลิศวัฒนา ทายาทเจ้าของบริษัทผลิตไวน์ชื่อดังระดับโลก” พ่อท่านมองมองแล้วตอบให้ผมกระจ่าง
- - - - - - - - - - - - - - -
Talk Talk
เราจะได้รู้แล้วนะคะ ว่าระหว่างคุณชิตพลหรือว่าคุณน้องหยางหยางเราใครจะชนะศึกแห่งmoneyนี้ มาตามช่วยพวกเขากันนะคะ^^
*ฟิคชั่นเรื่องนี้อัปทุกวันอาทิตย์*
HASHTAG : #คุณเจ้าหนี้คนนี้เขาจีบผม
TWITTER : @Zzx3N
ความคิดเห็น