คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 เจ้ากรรมนายเวร
ตอนที่ 2 เจ้ากรรมนายเวร
……………………………………………………….
[ กรณ์ ]
ตลอดชั่วโมงที่ผ่านไปหลังเหตุการณ์บ้านั่นจบลง ผมก็เอาแต่คอยเดินมาแอบส่องที่หน้าระเบียงห้องตัวเองที่เห็นด้านนอกบ้านชัดแจ๋ว ผมมองลงไปที่บ้านป้าพิมพ์อยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนลุงเขียวกลับมาผมก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นมาเลยนอกจากความเงียบ กางเกงที่โดนชายเสื้อนักศึกษาปล่อยรุ่งริ่งออกมาเดินกลับเข้าห้องไปนั่งบนเตียงสีขาวที่มีซากร่างที่เอาแต่นอนอยู่ของไอหยางไม่ยอมขยับสักทีตั้งแต่ผมพาขึ้นห้องมาได้ชั่วโมงกว่าแล้ว
“แล้วนี่มึงไม่คิดที่จะตื่นขึ้นมาทำงานเลยไง!?”
“ขออีกสักแป๊บนึง เดี๋ยวกูจะตื่นขึ้นมาหามึงแน่นอน” มันพูดทั้งที่ตามันยังไม่ตื่นขึ้นมามองผมเลยสักนิด
“สักแป๊บนึงของมึงคือคืนนึงเว้ยไม่ใช่แป๊บเดียว”
“โธ่! อย่าพูดอย่างนั้นเชียวมึงอ่ะ กูบอกแป๊บเดียวคือแป๊บเดียวจริงๆเว้ย” ยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าผมพลางพูดจาปั่นผมเหลือเกิน แต่ว่าร่างกายของมันก็ยังหาความพร้อมแทบไม่ได้ถ้าจะให้ดูตามความเป็นจริง
“ก่อนมึงจะพัก ลุกขึ้นมาทำงานของอาจารย์แป๋มก่อนมั้ย งานแกจะต้องส่งไม่เกินจันทร์หน้านะเว้ย!!”
“นี่วันอะไร?” มันปักนิ้วชี้ที่ตอนแรกชี้หน้าผมไปเป็นปักปลายนิ้วลงเตียงนุ่มแทน
“ก็วันอังคารไง?”
“เหลืออีกกี่วัน?”
“ก็อีก6วัน”
“เออ งั้นกูขอพักสายตาแป๊บนึง เดี๋ยวกูตื่นแน่ รอเลย”
ไอห่าเอ๊ย!!!!! ก็นึกว่าจะบอกว่างั้นรีบทำกันอะไรแบบนี้ ที่ไหนได้ดันจะยังหน้าด้านหลับต่ออีก แล้วมันก็หน้าด้านมากรนเสียงใสใส่ผมอีก มันอยู่ปี3แล้วก็คือไม่ได้ซึมซับความอึดถึกทนจากปี1-ปี2ที่ผ่านๆมาได้เลย ผมที่นั่งเงียบลำพังก็จึงแง้มหนังสือการ์ตูนอ่านว่างๆข้างโคมไฟสีเรียบธรรมดาเปิดอ่านฆ่าเวลาไปก่อนรอสักไม่รู้จะถึงชั่วโมงมั้ยที่มันจะตื่น
ผมเปิดอ่านไปก็กำลังสนุกๆอยู่แล้วเชียว เพราะบรรยากาศแบบนี้หาแทบไม่ได้ถ้าไม่ใช่ตอนปิดเทอม ผมอ้าปากหาวก่อนจะยกมือมาป้องไว้ข้างนึงแต่ดวงตาก็คือยังคงเหลือบอ่านอยู่ตลอดเวลา นิ้วกั้นหน้าถัดไปดันให้ผมอ่านจนกำลังจะจบไปหน้าถัดไปได้อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เสียงรบกวนบางเสียงที่ทำให้สติเงียบๆของผมมันเตลิดไปหมดภายในพริบตา
ปึงๆๆ!!!
“กรณ์! กรณ์ลูก! ออกมาช่วยลุงเขียวที!!” แม่
เสียงแม่ด้านนอกประตูไม้ที่ท่าทางคงร้อนรนมากทำให้ผมเขวี้ยงหนังสือการ์ตูนลงเตียงไปโดนไอหยางจนทำมันตื่นสะลืมสะลือขึ้นมา ผมเดินไปเปิดประตูหาแม่ที่ใบหน้ามีแต่ความกังวลเต็มไปหมด มือของแม่ที่ผมเห็นตอนนี้นั้นมีแต่เลือดสีแดงอาบเต็มไปหมดจนน่ากลัว ผมแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าที่มือแม่มันคือเลือดถ้ากลิ่นคาวมันไม่ตีคลุ้งเข้ามาตอนที่ผมเปิดออกไปพอดี ไอหยางพอหันหลังมามองก็ตกใจตื่นไปทั้งกายที่เห็นว่ามือของแม่ผมมีแต่เลือด
“ไปช่วยลุงเขียวที ลุงเขียวใช้มีดแทงตัวเองเมื่อกี้!!” เสียงแม่เหมือนคนกำลังจะร้องไห้ตลอดเวลา
“ไอกรณ์โทรหารถพยาบาลก่อนเร็ว!!!” ไอหยางพอได้ยินก็รีบลุกวิ่งลงไปด้านล่างตัวบ้านที่มีเสียงร้องไห้ของป้าพิมพ์แทรกขึ้นมาเรื่อยๆตลอดเวลา มันสั่งผมแค่ให้โทรหารถพยาบาลก่อนเพียงแค่นี้
“เออๆได้ๆ”
ผมพยักหน้าตะกุกตะกัก ก่อนที่เท้ามันจะเดินเหมือนคนเริ่มหมดแรงไปคว้าโทรศัพท์มาโทรหารถพยาบาลที่ใกล้ที่สุดแถวนี้ ผมรอสายไปก็เลยเดินลงไปดูสถานการณ์ด้านล่างว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้ทันตั้งตัวสักนิด ว่าตัวผมจะต้องมาเจอสภาพลุงตัวเองที่เป็นแบบนั้น คราบเลือดที่เลอะเต็มเสื้อของแกและพื้นถนนเรื่อย ๆ ร่างนอนแน่นิ่งในอ้อมกอดป้าพิมพ์ภรรยาสุดที่รัก แต่กลับไร้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพวกเขาอย่างไอกัน ที่ตอนนี้จะว่ามันก็ไม่ได้ เพราะมันต้องไปเรียนมหาลัยที่ต่างจังหวัด นานๆทีถึงจะกลับมาหาสักครั้ง ผมหูดับไปชั่วขณะที่เห็นว่าลุงที่ผมรักมากนอนอยู่แบบนั้นกับพื้นปูนเย็นเยือก
“โทรติดมั้ยกรณ์!!?” แม่หันมาถามในขณะที่ยืนมือติดเลือดกุมภาวนาไว้หลักๆ
“เอ่อ! ฮัลโหลครับ รถฉุกเฉินใช่มั้ยครับ...” ผมเดินไปแจ้งกับรถฉุกเฉินตรงมุมห้องครัว
เมื่อแจ้งที่อยู่อะไรเสร็จผมก็เดินเลี่ยงแม่ออกมานอกบ้านเพื่อดูว่ามันใช่ความจริงใช่หรือไม่ ร่างหลับตาของลุง เสื้อผ้าจากที่สีเขียวก็กลายเป็นสีทะมึนมัวหมองไปหมดเป็นวงล้อมใหญ่ ตาผมสั่นเครือเมื่อเห็นว่ามันคือเรื่องจริง ไอหยางที่พอจะรู้เรื่องการปฐมพยาบาลมาบ้างก็รีบช่วยกดเลือดให้รอรถฉุกเฉินไปก่อนแต่ทำไมป่านนี้มันถึงยังไม่มาผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“มายังวะไอกรณ์!!” ไอหยางที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนหันมาถามผมเสียงดัง
“ข! เขาบอกว่าเขากำลังมาอ่ะ มึงรอก่อนดิ”
“ตาเขียว ฮืออ!~ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ” ป้าพิมพ์
เสียงสั่นจากหยาดน้ำตาไหลซึมอยู่ไม่ถอยของป้าพิมพ์ที่ให้กับลุงเขียว ไหนจะมือที่คอยลูกหน้าปลอบให้ลุงเขียวตื่นขึ้นมาก่อน แต่ก่อนที่รถฉุกเฉินจะมา กลับมีรถกระบะสีดำสนิทหนึ่งคันเข้ามาจอดกลางถนนอยู่อย่างนั้น ก่อนที่เจ้าของในรถคันใหญ่นี่จะลดกระจกลงมาถาม ซึ่งคนที่เป็นเจ้าของรถนี่ก็คือพี่คนที่ขายเค้กแปลกๆพวกนั้นให้กับผมนั่นเอง
“ให้ผมช่วยพาไปส่งโรงพยาบาลมั้ยครับ?”
“งั้นช่วยพาไปส่งที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดด้วยนะครับ” ไอหยางตอบพี่เขาเสียงตื่นไปหมด
มันละจากหน้าที่กดเลือดมาเปิดประตูท้ายกระบะกับคุณเจ้าของที่ลงมาช่วยด้วยอีกแรง ป้าพิมพ์กับที่เหลือทั้งสองต่างช่วยกันช้อนแขนขาของลุงเขียวขึ้นมาเพื่อจะนำไปใส่ท้ายรถกระบะให้เร็วที่สุด แต่มันกลับทำไม่ได้เพราะว่ามีขาอีกข้างที่ยังไม่มีใครมาช่วย ซึ่งตอนนั้นผมชาไปทั้งตัวจนหูไม่รับเสียงใดเข้ามาแล้ว ทุกคนมองมาที่ผมต่างก็รอว่าเมื่อไหร่ผมจะมาช่วยเสียที ไอหยางเพื่อนผมที่มันวิตกพออยู่แล้วรอไปมากกว่านี้คงไม่ได้ ก็พยายามจะเรียกอยู่ตรงพื้นที่มีร่างลุงเขียวนอนจมกองเลือดเปรอะพื้นอยู่
“ไอกรณ์! ไอกรณ์!!! มึงจะมานิ่งอะไรตอนนี้วะ ไอกรณ์!!!” ไอหยางตะโกนเรียกผมที่มันชาไปทั้งประสาท
!!!
“กรณ์! ไปช่วยลุงเขียวสิ!!” แม่หันมาตีแขนผมแรงมากจนผมตื่นมาจากอาการช็อกนี่ไป
ผมเดินไปช่วยจับขาขวาที่ไร้คนจับ ผมมือสั่นที่สุดเท่าที่ตลอดชีวิตนี้ผมจะเคยเป็นมา ดวงตาที่มันพยายามเก็บความกลัวเอาไว้แต่ก็ทำไม่ได้ น้ำตาเต็มนองดวงตาไปหมด ผมมองขึ้นไปก็ยังคงพบมีดที่ปักท้องลังเอาไว้คาตา ปากเริ่มสั่นแต่ก็ต้องเอาไปหลบด้านหลังเพื่อไม่ให้ใครคนอื่นที่ไม่ใช่ลุงเห็นความอ่อนแอของผมได้
เมื่อร่างลุงเขียวที่หนักมากขึ้นไปอยู่บนรถกระบะแล้ว ผมก็ขึ้นไปนั่งข้างไอหยางอีกฝั่ง นั่งมองร่างลุงตัวเองไม่มีวางสายตาไปไหน ป้าพิมพ์กอดลุงแน่นทั้งน้ำตาไม่มีการแสดงออกว่าอยากจะปล่อยเลยสักครั้ง ผมที่มองพวกเขาอยู่ก็เลื่อนสายตาไปมองที่แผลที่เลือดก็ยังคงไหลออกมาตลอด จริงๆผมรู้วิธีการกดแผลมาก่อนจากไอกันสมัยที่มันเตรียมฝึกไปเป็นหมอ แต่ด้วยความที่มันกะทันหันเกินไป ผมเลยจำสิ่งพวกนั้นไม่ได้สักอย่าง ถึงแม้ว่าไอกันจะสอนผมละเอียดแค่ไหนผมก็จำไม่ได้เมื่อพบว่าคนที่เจ็บคือลุงที่ผมรัก
“แม่! เดี๋ยวผมกับไอกรณ์จะไปกับพี่เขานะครับ” ไอหยางตะโกนลงไปยังแม่ที่กำลังยืนกดเบอร์หาใครสักคนให้รับสาย
“บอกกรณ์ด้วยนะว่าถ้าพ่อกลับมาแล้วแม่จะรีบตามไป”
“ครับ”
ผมมองแผลบ้านั่นก็กลับรู้สึกอยากจะช่วยขึ้นมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เสียงของไอกันลูกชายป้าพิมพ์ที่พูดสอนผมเรื่องปฐมพยาบาลทั้งหมดมันกลับขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ผมขยับตัวไปคุกเข่าใช้มือกดเลือดเอาไว้ไม่ให้มันไหลมากกว่านี้ ซึ่งไอหยางพอมันกลับมาจากบอกแม่ผมก็ถึงกับผงะที่เห็นว่าผมหยุดเลือดเอาไว้ได้ รถกระบะขับออกไปด้วยความเร็วที่ทำเอาผมของผมปลิวไม่มีท่าจะกลับมาทรงเดิมเลย เสียงร้องไห้ของป้าพิมพ์ยังคงมีมาเรื่อยไม่ยอมหยุด จนเมื่อขับเข้ามาถึงหน้าโรงพยาบาล ไอหยางก็กระโจนลงไปบอกบุรุษพยาบาลตรงนั้นให้นำเตียงผู้ป่วยมารองรับ
พวกเขาและเธอที่อยู่ในชุดพยาบาลรีบเข็นพาเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ป้าพิมพ์ก็วิ่งตามไปจนไปหยุดที่หน้าห้อง ผมขาอ่อนแรงล้มไปนั่งพับเพียบกับหลังรถ สายตาของผมจ้องไปแต่ที่ป้าพิมพ์ที่ยืนกอดตัวเองทั้งน้ำตาผสมกับคราบเลือดคาวเต็มเสื้อไปหมด ป้าพิมพ์มองไปรอบข้างตัวเองก็มีแต่ความว่างเปล่า เธอทำได้แค่ยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แถวๆนั้นเพื่อเป็นที่ช่วยให้หัวใจเธอยังเต้นได้อย่างมีหวัง ไอหยางเพื่อนผมที่เห็นผมยังนั่งอยู่บนหลังรถก็รีบมาช่วยพาลงมายืนด้วยกัน เสียงปิดประตูเบาะดังเข้าไปถึงข้างใน ทำให้พี่ร้านขนมนั่นออกมายืนอยู่ใกล้ๆกัน
“ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยอีกติดต่อมาได้เลยนะครับ นี่นามบัตร ถ้าจะกลับก็โทรมาบอกพี่ได้เลยนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับพี่ พวกผมเกรงใจ” ไอหยางตอบแทนผมทุกคำ
“ไม่เป็นไรๆ เวลานี้พี่ไม่ได้นอนอยู่แล้ว”
“งั้นขอบคุณมากนะครับพี่...” มันลากเสียงยาวเพื่อจะให้คนตรงหน้าตอบชื่อกลับมา
“พี่พีท^^” ยิ้มบางๆไม่ได้มากไม่ได้มาย
เมื่อพวกเขาทำความรู้จักกันไป ทิ้งไว้แค่ผมที่ยังคงช็อกอยู่ รถคุณพี่พีทก็ขับออกไปเหลือไว้แค่ผมกับไอหยางที่ยังอยู่กันบริเวณหน้าประตูโรงพยาบาลไม่กล้าจะเดินไปไหนสักทาง มือขนาดใหญ่ของมันสวมเข้ามาพร้อมกับกุมมือผมพาเดินเข้าไปนั่งทั้งที่เสื้อนักศึกษาทั้งผมกับมันมีแต่คราบเลือดเปื้อนเป็นวงกว้างเต็มเสื้อขาวไปหมด ดูยังไงก็ไม่ต่างจากหนังฆาตกรรมดีๆนี่เอง
“ไปนั่งพักข้างในเหอะว่ะ กูว่ามึงไม่น่าจะยืนตรงนี้เป็นชั่วโมงๆไหวหรอก” มันมองกลับมายังคนที่ยืนเป็นหุ่นไล่กาข้างไหล่มันอย่างผมนิ่ง
“...” ไม่พูดอะไรแต่ก็ยอมเดินเข้าไปตามแรงดึงของมันเพียงน้อยนิด
...
“ทำไมจู่ๆลุงเขียวเขาก็เอามีดมาแทงตัวเองได้อ่ะครับป้าพิมพ์?” หยาง
“ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮืออ~ พอป้าจะเอาจานข้าวไปล้างในครัว ป้าก็เห็นว่าลุงล้มลงไปนอนที่พื้นแล้ว” พูดทั้งมือที่กุมปากไม่ให้เสียงสะอื้นหนักหนาไปมากกว่านี้
ทำไม...คนที่มีเหตุผลแบบลุงเขียว ทำไม
รถกระบะคันสีขาวคันใหญ่ขับมาที่หน้าทางเข้าโรงพยาบาล มือเปิดประตูข้างด้วยแม่ผมที่เธอดูร้อนรนไม่ต่างจากตอนอยู่ที่บ้าน แม่เดินปรี่เข้ามาหน้าห้องมองเข้าไปก่อนที่จะหมุนหน้าข้างมาหาป้าที่นั่งจมความเครียดอยู่เพียงผู้เดียว เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินอีกตัวข้างป้าพิมพ์นั่งทับด้วยแม่ของผม เธอพยายามปลอบป้าให้สงบน้ำตาเข้าไว้ แต่ทำยังไงป้าพิมพ์เขาก็คงจะไม่หยุดง่ายๆ
“ลุงเขียวเป็นยังไงบ้างป้าพิมพ์!”
ผู้ชายตัวใหญ่หน้าตาดุดัน นั่นไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ขนาดผมจะไม่รู้จัก เพราะเขาคือพ่อของผม คนที่ผมอยากจะถามเขามากที่สุดในเรื่องนี้ ว่าทุกอย่างมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ป้าผมเธอไม่ตอบอะไรพ่อผมสักคำ พ่อเลยต้องทำได้แค่ยืนเฝ้ารอจนกว่าหมอผู้ให้การรักษาจะออกมาบอกเองว่าเป็นอย่างไรต่อไปหลังจากนี้ ผมที่นั่งอยู่แบมือสองข้างขึ้นมากุมขมับเอาไว้ไม่ให้ความวิตกทั้งหมดมันมาสุมหัวผมแต่เพียงจุดเดียว หยางที่ยืนกอดอกมองผมจากทางตรงข้ามกันก็เดินเข้ามาวางมือซ้ายลงบ่าตบปลอบผมเบาๆให้ผมที่รู้สึกย่ำแย่ให้ดีขึ้นจากตอนแรกๆ
“ไปล้างตัวมั้ยมึง ดูท่าคงจะเหนียวตัวแล้วนะน่ะ” มันถามผมขึ้นมาท่ามกลางความเงียบจากทุกคน
“อือ” ผมตอบมันไปแค่นี้ แต่เสียงกระบอกคอมันกลับสั่นไปทั้งทรวง
ผมลุกเดินก้มหน้าตรงไปยังห้องน้ำ โดยที่ตลอดระยะทางเดินนั้น จะมีทั้งคนแก่ ผู้หญิง และเด็กที่ต่างก็จ้องมองมาที่เสื้อของผม เสื้อนักศึกษาที่มีกลิ่นเลือดคละคลุ้ง ผมเดินเข้าห้องน้ำไปฉับไวไม่คิดจะรีรอให้ใครเข้ามาเป็นเพื่อนแม้แต่คนเดียว ไอหยางที่เดินเข้ามาก็คว้าข้อมือผมรั้งเอาไว้ไม่ให้ผมหนีเข้าห้องน้ำส่วนบุคคลไปก่อน มือที่จับลูกบิดค้างไว้ก็ถึงกับจับแน่นขึ้นกว่าทีแรกที่เพิ่งจับ
“มึงเป็นอะไร?”
“ปะ! เปล่าหนิ” ตอบเสียงสั่นระทวย
“สายตาของมึงมันโกหกกูไม่ได้นะเว้ย มึงเป็นอะไรก็บอกกูได้น่ะ” มันพยายามขยี้จุดให้ผมระบายกับมันให้ได้
...
ฮึก! ฮือออ!!~~
“ไอกรณ์...มึงร้องไห้ทำไมวะ?” ไอหยางช็อกไปครู่หนึ่งเมื่อมันเห็นผมร้องไห้ออกมาเต็มที่เป็นครั้งแรก
“ตอนที่กูพามึงขึ้นไปพักที่ห้อง แล้วกูลงไปเอาน้ำให้มึง กูถามแม่ว่าพวกมันมาหาป้าพิมพ์ทำไม...มึงรู้มั้ยว่าแม่ตอบกูว่าอะไร” ผมพยายามสูดหายใจเรียงเรียงประโยคที่มันจุกอยู่ตรงแผ่นอกมากที่สุดตอนนี้
“แม่มึงตอบว่า?”
“แม่กูบอกว่าพวกมันมาบอกป้าพิมพ์ ว่าถ้าเกิดเขายังไม่คืนเงินไปให้พวกมัน เขาจะโดนมากกว่านี้ ฮือออ!~” ผมกักน้ำตาที่ซ่อนเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
“ไอกรณ์มึงใจเย็นๆก่อน” เดินเข้ามาประคองตัวผมเอาไว้ไม่ให้ล้มฟุบไปกับพื้นเสียก่อน
ตอนนี้ผมมั่นใจ100%ว่ายังไงมันก็คือหนี้นอกระบบ แต่ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไมมันต้องเป็นลุงของผม ที่เขาเป็นคนดีหมดทุกอย่าง ภาพลุงเขียวที่เข้ามานั่งคุยกับผมเรื่องที่ผมชอบภาพยนตร์มากกว่าเกษตรกร เขาคือคนเดียวที่ให้กำลังใจผม ลุงเขียวคือคนที่ผมรักและเทิดทูนมากเท่าพ่อ แต่ผมกลับไม่เข้าใจว่ากิจการของพ่อมันเป็นอะไร ทำไมลุงเขียวถึงได้ต้องไปยืมเงินคนอื่นแบบนี้กัน
“ทำไมเรื่องนี้ต้องมาเกิดกับลุงกูด้วยวะ ฮือออ!~” กอดแขนไอหยางแน่น
“ทำไมมึงถึงไม่ลองถามพ่อมึงดูอ่ะ เขาอาจจะตอบให้มึงก็ได้”
“ไม่มีทางไอหยาง เขาไม่มีทางจะพูดเรื่องแบบนั้นกับกูแน่นอน” ส่ายหน้าไปแต่หน้าก็ยังซบแขนมันอยู่
พอมันรู้ว่าทำยังไงผมก็ไม่มีทางรู้ผล มันจึงเงียบไป มีเหลือทิ้งไว้ก็แค่มือหยาบๆของมัน ที่คอยลูบหลังปลอบผมอยู่ตรงหน้าอ่างล้างมือสองคน หน้ายับยู่ยี่ของผมมันไม่สำคัญในตอนนี้หากลองมองออกไปว่ามีใครที่ผมรักกำลังอยู่ในสภาวะที่ลำบากเกินกว่าจะเยียวยาได้
“เดี๋ยวกูช่วยล้างเสื้อผ้าให้มึงเอง ดูดิ เปื้อนเลือดน่ากลัวฉิบหายเลย”
มันก้มหน้าไปมองเสื้อผมก่อนจะเอี้ยวแขนอีกข้างที่ลูบปลอบผมไปกดเปิดน้ำก๊อกเพื่อจะนำน้ำสะอาดนั่นมาเกลี่ยเอาสีแดงสดนี่ออกไปจากเสื้อขาวของผมที่มันดูยังไงก็น่ากลัวในสายตาคนทุกคนจริงๆ หน้าจริงจังของมันมองเสื้อที่ตอนนี้มันเปื้อนน้ำประปาเป็นที่เรียบร้อย มือหนากร้านของมันที่ชอบแกล้งผม ตอนนี้เปลี่ยนมาช่วยปัดเลือดข้นๆ ให้ออกไปจากตัวเสื้อขาวๆนี่ก่อนเล็กน้อย กระดาษทิชชูมันก็ดึงม้วนใหญ่ออกมาเต็มมือเพื่อจะนำมาซับน้ำชื้นๆออกไปก่อน
“เออ ค่อยไม่น่ากลัวหน่อย ปะ! กลับไปนั่งรอหมอต่อได้ละ แล้วก็เลิกร้องไห้ด้วยมึงอ่ะ ตาบวมแล้วน่าเกลียดฉิบหายเลย” มันพูดจาอบอุ่นผิดจากทุกครั้ง แต่ก็แทรกด่าเข้ามาเล็กน้อยเพื่อให้ผมไม่ตกอยู่กับมุมมืดแบบนี้ไปมากกว่าตอนก่อนจะเข้ามา
...
ผมเดินจับมือมันออกมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม สายตาที่ต้องมองรอบตัวทั้งหมดมันพาให้ผมเผลอหันไปมองสบตากับพ่อที่ยืนกอดอกรอหมออยู่ใกล้ๆไอหยางไม่ผิด สายตาที่เขาจ้องมามันทำให้ผมที่อยากจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ตามที่ไอหยางบอกก็ทำไม่สำเร็จ ผมเม้มปากทั้งที่จมูกมันแดงเถือกอยู่เต็มตา แม่ที่ปลอบป้าพิมพ์ก็ไม่ได้สังเกตอะไร เว้นแต่พ่อกับผมและไอหยางสามคน ที่รู้กันตอนนี้ว่าสายตาผมที่จ้องเขาอยู่กำลังจะสื่ออะไรออกมา
“แกจะร้องทำไมห้ะกรณ์!” พ่อพูดให้คนที่กำลังอัดความรู้สึกเอาไว้ในอกหยุดร้องไห้
...
“พ่อรู้ใช่มั้ย ว่าที่ลุงเขียวเป็นแบบนี้เพราะอะไร!?” ผมหลุดปากถามออกไปจนได้
“กรณ์!” พ่อ
“กรณ์!” แม่
“ไอกรณ์!?” หยาง
- - - - - - - - - - - - - - - -
Talk Talk
เอาแล้ว น้องกรณ์เราเริ่มเปิดประเด็นแล้ว เรื่องราวจะเป็นไปแบบไหนต้องรอติดตามอาทิตย์หน้านะคะ
*อัปฟิคทุกวันอาทิตย์*
HASHTAG : #เจ้าหนี้คนนี้เขาจีบผม
TWITTER : @Zzx3N
ความคิดเห็น