ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KOOKMIN] Creditor #เจ้าหนี้คนนี้เขาจีบผม

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่1 หนี้นอกระบบ

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 63


    ​

     

    ตอนที่ 1 หนี้นอกระบบ

    ……………………………………………………….

    [ กรณ์ ]


          รองเท้าผ้าใบสีขาวที่ใส่มาวิ่งฝ่าลมต้านเพื่อจะไปให้ถึงบ้านเร็วที่สุด ไอหยางที่วิ่งตามก็พยายามจะให้เทียบข้างแต่ก็ไม่ไหวเพราะยังไม่ทันได้พัก เสียงข้าวของกระทบกับพื้นดังสนั่นไปทั่วแถวนั้นก็ยิ่งทำให้ผมใจไม่ดีที่ได้ยิน ในใจเอาแต่ภาวนาให้ไม่มีเรื่องร้ายเกิดไปมากกว่านี้ คนบ้านใกล้เรือนเคียงที่ได้ยินก็ออกมายืนดูกันเป็นระนาว ผมที่กำลังจะไปถึงก็เห็นแค่แม่ตัวเองยืนอยู่หน้าบ้านกำลังมัวแต่เก็บของที่กระจัดกระจายออกมา ที่ขับออกไปใหม่เมื่อครู่นี้พลาดจากผมไปแค่เสี้ยววิก็คือรถกระบะสีดำของพวกมันที่ขับออกไปก่อนผมจะถึงไม่นาน แต่ตอนนี้ผมไม่ห่วงสิ่งใดทั้งนั้นนอกจากแม่ของผมคนเดียว

        “แม่! พวกมันมาทำอะไรแม่อ่ะ!?”


    ​​  “อะไรกรณ์!” เธอตกใจที่เห็นผมวิ่งเข้าไปเขย่าตัวเธอซะมึนหัว


        “ก็ไอพวกนั้นมันมาพังบ้านเราอ่ะ มันไม่ได้ทำร้ายแม่ใช่มั้ย!?” จ้องหน้าแม่เพื่อถามซักความ


       “พวกมันไม่ได้มาทำอะไรแม่สักหน่อย แม่แค่ออกมาดูเฉยๆ”


          แล้วที่ไอหยางบอกหมายความว่าอะไรวะ?

       ไอหยางวิ่งตามมาเพิ่งถึงก็นั่งลงไปพักติดกับพื้นปูนถนน ใบหน้าเปียกเหงื่อของมันไหลเป็นทางเต็มหน้าไปหมด ผมหันไปมองไอเพื่อนที่เพิ่งวิ่งมาก่อนจะไปนั่งคุกเข่านั่งมองหน้ามันเหมือนที่ทำกับแม่เมื่อครู่ เสียงหายใจหอบแหบพร่าของมันดังกรุหูผมตอนนั้นไปทั้งสองข้าง ผมเห็นแล้วก็อยากจะสงสารมันนะ แต่ว่าตอนนี้ผมต้องถามความจริงจากปากมันก่อน


          “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นไอหยาง!!”


       “ก็ตอนกูเดินกลับมากูเห็นว่ามีคนกำลังทำลายข้าวของอยู่ แล้วแม่มึงก็ยืนมอง กูก็เลยวิ่งมาบอกมึง”


         “บ้านหลังไหน!!!”


      มันไม่ได้ตอบออกมาเป็นเสียงของคำพูด แต่มันกลับเลือกชี้มาเป็นลูกศรบอกเองว่ามันเห็นบ้านหลังไหนตามที่ผมถาม และข้อสรุปของมันก็คือ มันเข้าใจผิดหลัง ว่าบ้านป้าพิมพ์เป็นบ้านของแม่ ไอเพื่อนเวรเอ๊ย!!!!

         “โถ่ไอห่า! บ้านกูหลังนี่เว้ย!! มึงมานอนเกือบทุกวันทำไมแยกประตูไม่ได้วะ!?” ผมลุกขึ้นยืนเหมือนเดิม


       “อ้าว! ไม่ใช่อ๋อวะ?”


         “ใช่กับหมาดิ!! มึงรีบลุกแล้วมาช่วยป้ากูเก็บข้าวของเดี๋ยวนี้เลย”


      ไอหยางปัดมือไปมาอ่อนแรงให้ผมทำเองไปล่วงหน้าก่อน ตัวมันก็ใหญ่แต่ทำไมแค่วิ่งจากมหาลัยมานี่ก็เหนื่อยจนจะเป็นลมอยู่แล้ว ผมส่ายหน้าเห็นสภาพมันก็เลยเดินไปช่วยแม่เก็บข้าวของกันแค่สองคน ป้าพิมพ์เจ้าของบ้านที่อยู่คนเดียวไร้ลุงเขียวที่ผมเคารพอยู่ด้วยในเวลานี้ ผมมองสอดส่องไปก็มาช่วยถือหม้อฝาหม้อที่กระเด็นออกมาไปกับแม่ ผมเดินเข้ามาในตัวหน้าบ้านก็เดินเข้าไปเคาะประตูเรียกป้าพิมพ์จากด้านนอกคนเดียว ส่วนแม่ก็ยืนเฝ้าคอยอยู่ข้างนอกกับไอหยางที่จะเป็นลมอยู่แล้วตรงพื้นหน้าบ้านผม


        “ป้าพิมพ์ ผมกรณ์นะ เป็นยังไงบ้างครับ?”


     “...”


        “ป้าพิมพ์ไม่ตอบกลับมาเหรอกรณ์?” แม่เดินเข้ามาถามผมเสียงเบา


       “ใช่แม่ สงสัยป้าพิมพ์แกคงกำลังกลัวอยู่มั้ง”


     “อืมม งั้นแม่ว่าเรากลับบ้านเราก่อนดีกว่า รอให้ลุงเขียวกับพ่อกลับมาค่อยคุยกันทีหลังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”


         ผมพยักหน้าตอบแม่ไปแล้วค่อยๆวางพวกหม้อกระทะที่ตกไว้ยังเก้าอี้หินอ่อนใกล้ๆ ผมบิดตัวจะเดินออกไปจากตัวบ้านป้าพิมพ์เกือบพ้นอยู่แล้ว แต่จู่ๆผมก็นึกอะไรไม่รู้ที่อยากจะหันไปมองยังหน้าต่างติดผ้าม่านสีขาวนั่นอีกรอบหนึ่งเพื่อความมั่นใจ ผมมองเข้าไปก็ไม่เห็นอะไรอื่นนอกจากความพร่ามัว เลยตัดใจหันกลับไปช่วยพยุงร่างหอบเหนื่อยจะเป็นจะตายของไอหยางเข้าไปพักในบ้านก่อน 

        “มึงนี่ก็เนาะ ไม่ช่วยละเสือกถ่วงฉิบหาย” ผมพยุงแขนมันขึ้นพาเดินเข้าบ้าน


      “มึงช่วยดูระยะทางที่กูวิ่งไปกลับได้มั้ยวะก่อนจะบ่นกูอ่ะ” มันชี้ออกไปทางถนนข้างนอก


         “มึงเงียบไปเลย เดี๋ยวก็ช็อกตายไอห่า!”


       “แม่ครับขอน้ำแดงโซดาแก้วนึง ตอนนี้ผมหิวน้ำมากเลยครับ”


      ไอหยางชูนิ้วชี้ขึ้นมาบวกกับส่งเสียงแหบพร่าให้แม่ผมใจอ่อนทำน้ำแดงโซดาไปให้มันที่ห้อง ผมลากพาขึ้นห้องนอนไปพักก่อน แล้วค่อยเดินลงมาเอาน้ำขึ้นไปให้มัน เหลือไว้ก็แค่ความเงียบที่ไม่มีใครเปิดอะไรขึ้นมาทั้งบ้านผมแล้งก็บ้านป้าพิมพ์ แม่ที่พอทำน้ำแดงโซดาเสร็จก็รีบเดินออกไปแอบส่องที่กระจกบานเล็กๆติดข้างประตู แม่ก็คงเป็นห่วงจริงๆแหละ แต่แกคงแค่อยากจะให้ป้าพิมพ์ใช้เวลานี้ทำใจก่อนก็เท่านั้น


         “แม่ แม่ว่าไอพวกนั้นมันเป็นใครอ๋อ?”


       “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แม่รู้แค่ว่าพวกมันบอกป้าพิมพ์ตอนก่อนจะไป ว่าถ้าไม่คืนเงินจะมาทำลายข้าวของมากกว่าอีก”

          คืนเงิน? ป้าพิมพ์เนี่ยนะจะไปยืมเงินใครมาไม่บอกลุงเขียวเลย?


      ในหัวของผมมันมีคำถามมากมายว่าทำไมถึงมีการมาทำลายข้าวของพร้อมกับขู่ว่าถ้าหากไม่คืนเงินจะมาทำลายมากกว่านี้ มันคือใคร? แล้วทำไมถึงต้องมาทำแบบนี้กับป้า แล้วป้าพิมพ์ไปยืมเงินใครมา ทำไมถึงได้ต้องเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้ด้วย...

     

    ………………………………………………………………..

    [ ชิตพล ]



      “พลาดหรือสำเร็จ?” ???


     “เอ่อ...พลาดครับคุณพล”


            ...

      “พลาด?... งั้นเหรอ”


      มุมริมฝีปากซ้ายมือกระตุกกับรอยยิ้มเจื่อนกัดฟันสบแน่นที่เมื่อพอได้ฟังความผิดพลาดของพวกมันจนเอือมระอาเป็นไหนๆ ปกคอสูทสีดำขยับให้ร่างกายที่ยืนหันหลังให้นั้นกลับไปมองจ้องพวกมันสองคนเขม็งเกลียว พวกมันสองตัวมองกันก็พาหลบหน้าไม่มีใครฝืนจะจ้องสู้ มือที่ก่อนหน้าล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงสีเข้ากับสูทตัวนอกปล่อยออกมาขยับคลายตัวเนียนๆ


         “พลาดกี่คนแล้วจำได้ใช่มั้ย?” เสียงเรียบเย็นถาม


       “ค! ครับ”

          เพี๊ยะ!!!!!

     มือที่เก็บเอาไว้ในกระเป๋าเพิ่งจะคลายออกมาได้ก็ฟาดลงน้ำหนักแรงที่เก็บเอาไว้เข้าปะทะใบหน้าสองนักเลงในสังกัดเสียงดังไปทั่วบริเวณบ้านสีสว่างนี้ คนรับใช้ในบ้านคฤหาสน์หลายคนที่ได้ยินก็ตกใจตัวโดดออกมาดูกันเป็นแถวๆหวังจะรู้ถึงต้นตอเสียงดังนั่นบ้าง เธอเห็นผู้ชายผมสีดำร่างกายสูงใหญ่ใส่ชุดสูทดูดีมีภูมิฐานกำลังตบหน้าชายสองคนที่หน้าตาโหดแต่ด้อยค่าสำหรับเขามาก มือตบสองคนไปเสร็จก็สะบัดเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงดังเคย เหมือนกับเสียงตบผิวหนังเมื่อสักครู่นี้มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด ดวงตาจากมุมมืดข้างบนมองกดลงมาที่สองคนไม่กล้าจะว่าอะไรต่อไปอีก


           “อีก2วัน ไปทำยังไงก็ได้ ให้พวกมันคืนเงินฉันมา5ล้านบาท ถ้าพวกแกทำไม่ได้ หวังว่าพวกแกพอจะรู้ตัวนะว่าจะโดนอะไรที่มากกว่านี้”


        “ครับ เดี๋ยวอีก2วันพวกผมจะทำให้พวกมันยอมส่งเงินมาแน่ครับคุณพล!”


    พวกมันสองคนเลื่อนมือขึ้นมากุมแก้มข้างที่โดนมือใครคนนั้นตบหน้าแรงจนหน้าหันเมื่อกี้นี้รีบเดินออกไปจากบ้านคฤหาสน์สีทองอร่ามด้วยคำลาที่เป็นคำสัญญากับเจ้าของพวกมันเองว่าจะทำอีกครั้งให้สำเร็จให้ได้ โดยก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะทำได้ตามคำสัญญาจริงหรือไม่?


          “เฮ่อ เลี้ยงเสียข้าวสุก” สบถออกมาเมื่อเห็นตรงนี้ไม่เหลือใครแล้ว

             ???


     สายตามองเปิดขึ้นมาจากมือที่กำลังครอบใบหน้านวดคลึงขมับอยู่ เหล่าสาวใช้อาวุโสกับสาวใช้อายุยังน้อยอีก2-3คนมองออกมาจากทางห้องครัวที่ไม่มีประตูปิดกั้นเหมือนห้องอื่น ดวงตาดั่งนกเหยี่ยวตัวใหญ่มองผ่านช่องว่างของนิ้วมายังพวกเธอที่ยืนสืบส่องกันหมดจนต้องรีบหลบเข้าไปในครัวเหมือนเคย


    รองเท้าสลิปเปอร์สีขาวนุ่มเดินรองใต้เท้าคุณชายใส่สูทอยู่ทีแรกถอดออก เหลือเพียงแค่เชิ้ตกับแขนข้างขวาที่เป็นดั่งราวแขวนสูทชั่วคราวมานั่งโซฟาขนาดใหญ่ที่รองรับได้มากกว่านี้ น้ำหนักทิ้งลงเบาะพร้อมกัยเสียงผ่อนลมออกมาคล้ายกับว่าเขากำลังเครียดเรื่องอะไรบางอย่างอยู่


          “ไม่ไปทำงานของตัวเองเหรอครับ ป้าแพรว?” พูดลอยๆออกมาให้ไปแทงใจใครสักคน


       “ประทานโทษค่ะคุณหนู ป้าแค่ตกใจเสียงที่คุณชายพูดกับสองคนนั้น นึกว่ากำลังทะเลาะกันเลยออกมาดูเฉยๆค่ะ” เดินออกมาจากมุมห้องครัวก้มหน้าขอโทษจากด้านหลังไกลออกไปหลายก้าวจากตรงโซฟา


          “ทีหลัง ถ้ามันไม่มีชื่อของป้าในการสนทนา ป้าก็ไม่ต้องยุ่งนะครับ...”


         “เพราะบางที มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผม ที่คนอาวุโสแบบป้ากับคนใช้คนอื่นไม่ควรเข้ามาก้าวก่าย”


       ร่างสูงอายุเข้าวัยทำงานใหม่ๆแต่ในใจนี้มีแต่ความเยือกเย็นหาความอบอุ่นไม่ คนที่ยังหนุ่มยังแน่นลุกมาเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเธอเหมือนกับว่าเขาตั้งใจ ตัวยืนตรงนิ่งไม่หันมาหาคุณป้าคนรับใช้เก่า ให้เพียงแค่คำพูดจากปากที่เปรยออกมาได้บาดหัวใจหญิงวัยสูงคนนี้มากจนเกินจะรับได้ไหวเมื่ออยู่ในวัยนี้แล้ว แต่คุณป้าก็ยอมสงบอารมณ์ก้มหัวรับทราบแล้วเดินกลับไปทำงานต่อในครัวทั้งที่ดูยังไงเธอก็เสียใจอยู่ในอกลึกๆ


          “ป้าแพรวไม่ต้องร้องไห้นะ” สาวใช้คนอื่นเดินเข้ามาลูบปลอบเธอเบาๆ


        “ไม่เป็นไร พวกแกไปทำงานต่อเถอะ” ป้าแพรวสูดลมเข้าปอดติดขัดเพราะน้ำตาที่มันกั้นลมเอาไว้ใต้จมูก


          “ทำไมถึงได้เย็นชาขนาดนั้นนะ เย็นชากับคนที่อยู่ที่นี่มาก่อนได้ ไม่นึกถึงก่อนหน้านั้นเลยหรือไงว่าใครเคยช่วยเลี้ยงดูตอนเด็กๆแทนแม่ตัวเองน่ะ!”


     คนขับรถส่วนตัวของบ้านที่นั่งตักขนมบัวลอยใส่ถุงพลาสติกขายตามตลาดอยู่ก็ถึงกับต้องระบายออกมาถึงความเป็นมาเมื่อครั้งก่อนที่เขาคนนั้นยังเป็นเด็กน้อยเดินแทบจะไม่คล่อง


         “ช่างมันเถอะตาฉ่ำ คุณหนูแค่อาจจะไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัวจริงๆก็ได้” ปาดน้ำตาไปก็เด็ดผักในกะละมังไป


        “แล้วสักวันคุณหนูเขาจะเข้าใจเอง ว่าการที่ไม่เหลือใครให้ไว้ใจแล้วมันจะเป็นยังไง” ตาฉ่ำคนขับรถบ่นออกมาให้สาวใช้ทั้งที่ยืนปลอบป้าแพรวได้ฟังถ้วนทั่วทุกคน

       ...


         “ไม่เหลือใครให้ไว้ใจงั้นเหรอ...”


              “น่าขำเป็นบ้า”


         ผมชื่อ พล หรือในนามที่ทุกคนในหมู่ไฮโซรู้จักกันก็คือชิตพล บุตรชายของคุณธัชพลและคุณจินตนา เจ้าของบริษัทผลิตไวน์ชื่อดังทั่วโลก ที่ทุกคนเห็นเมื่อกี้ก็คงมีคนไม่เข้าใจแน่ๆว่าทำไมผมถึงทำแบบนั้นกับคนที่ผมเคารพรักที่สุดไปได้ จริงๆป้าแพรวคือป้าที่ผมรักมาก แต่ที่ผมทำไปก็เพราะผมไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งเกี่ยว ผมเลยต้องพูดแบบนั้น เพื่อให้ทุกคนหันหลังให้ผมทั้งหมด หันไปพบกับสิ่งที่ดีของนามสกุลนี้ที่ไม่มีตัวผมคนนี้อยู่ในฐานะของคนเลวของนามสกุลเกื้อกูลเลิศวัฒนา

       ผมแอบเปิดหนี้นอกระบบเถื่อนไม่บอกใคร


    อ่านก็คงจะไม่ได้คิดว่ามันร้ายแรงเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณมาอยู่ในโลกของไฮโซที่ต้องเป็นแบบอย่างให้กับประชาชน แล้วยังต้องห้ามสร้างข่าวฉาวเพื่อผลผลิตของครอบครัวที่มันจะได้ไปต่อได้เรื่อยๆไม่ติดขัด แต่ผมคือคนหนึ่งที่ทำเรื่องแบบนี้ในเครือนามสกุลเกื้อกูลเลิศวัฒนา ด้วยการเปิดเครือข่ายหนี้นอกระบบเถื่อนที่หลายคนต่างไปออกข่าวก็บอกกันว่ามันเถื่อนสมชื่อจริงๆ และส่วนใหญ่ในโทรทัศน์ไอพวกข่าวทวงหนี้โหดพวกนั้น มันก็คือหนี้ที่พวกมันติดผมไว้ในสัญญาก่อนรับเงินทั้งหมดทั้งสิ้นนั่นแหละ


         แต่ถึงมันจะเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็ยังช่วยทำให้รายได้ในตะกูลผมกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง เพราะทั้งเงินจากบริษัทไวน์ของพ่อ และยังจะกิจการหนี้นอกระบบของผมอีกก็เพิ่มขึ้นมาเป็น4เท่า ผมเลยถืออาชีพนี้ว่าอาชีพเสริม มากกว่าจะใช้คำว่าหนี้นอกระบบเถื่อนได้ ให้รู้สึกระคายปากเอง
     

    …………………………………………………………..

    Talk Talk

     

    มาตอนแรกมาเริ่มทำความรู้จักกับคุณชิตพลสุดหล่อของเราก่อน แล้วเดี๋ยวมาลุ้นกันว่าพวกเขาจะรู้จักกันได้ยังไงนะคะ^^

     

    *อัปฟิคทุกวันอาทิตย์*

    HASHTAG ; #เจ้าหนี้คนนี้เขาจีบผม

    TWITTER ; @Zzx3N

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×